ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Khoul

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ IV [Loading....50%]

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ย. 54


    ตอนที่ IV [Loading....50%]

                “สนใจจะเข้าร่วมกับองค์กรของพวกเรามั้ย ผู้ใช้เพลิง” หญิงสาวที่ปรากฎตัวมาพร้อมกับสายฝนเอ่ย พร้อมทั้งย่างเข้ามาหาชายหนุ่ม ทุกๆก้าวของเธอ ปรากฎเป็นรอยน้ำจางๆบนพื้นอาคาร
                “นายคงรู้เรื่องขององค์กรเรามาบ้างแล้วสินะ ก็คงไม่ต้องมาพูดอะไรให้มันมากความ” เมฆกล่าว
                “ถ้าฉันต้องไปเข้าร่วมกับองค์กรบ้าๆ ที่ไม่สนใจชีวิตของผู้คนอย่างนั้น ฉันขอตายยังจะดีกว่า
    !” ตะวันตวาดเสียงกร้าว แล้วจึงรวบรวมพลัง ก่อเป็นลูกไฟขนาดย่อม ณ เบื้องหน้า อย่างที่โบเคยบอก แม้ว่าในโลกของโบเขาจะพอควบคุมพลังได้ แต่ในโลกแห่งความจริงมันต่างกันมาก จึงทำให้พลังที่เขาปล่อยออกมา มีลักษณะแตกต่างไปจากที่เขาต้องการ
                แต่ก็ไม่มีเวลาที่จะคิดอะไรมาก เมื่อศัตรูทั้งสองได้บุกเข้ามา ลูกไฟขนาดพอๆกับลูกบาสจึงพุ่งออกไปทำหน้าที่ของมันโดยไว
                หญิงสาวที่มากับเมฆ ได้กางมือออกมาด้านหน้า ปรากฎเป็นกำแพงวารี อันกอปรจากหยดน้ำโดยรอบ ต้านการโจมตีของตะวันได้อย่างฉับไว
                ยามเปลวไฟอันร้อนระอุได้มาปะทะกับกำแพงหยดน้ำจำนวนมาก พลังงานความร้อนที่มีพลันหายไปอย่างง่ายดาย เมื่อไร้ซึ่งแรงต้านทานกำแพงวารีที่ก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่ฝ่ายตั้งรับ ก็ได้ถือโอกาสรุกตะวันคืน โดยผิวหน้าของมันได้ก่อเป็นกระสุนหยดน้ำหลายสิบลูก พุ่งเข้าหาตะวันอย่างรวดเร็ว จนชายหนุ่มตั้งตัวไม่ทัน
                “อ๊ากกกก” กระสุนบางลูกได้มากระแทกเขา ด้วยความรุนแรงของมัน และความร้อนที่เกิดจากการปะทะระหว่างกำแพงน้ำกับลูกไฟของเขายังคงเหลืออยู่ จึงทำให้ตะวันต้องเจ็บกว่าที่ควรถึงหลายเท่าตัว
                “ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง แกจะเลือกอะไร ระหว่างเข้าร่วมกับพวกฉัน กับตายอยู่ที่นี่
    ! คิดดูให้ดีๆนะ ยิ่งในสภาพนี้ แกไม่มีวันทำอะไรพวกฉันได้หรอก ฮ่าๆๆ” เมฆเย้ยหยัน
                ตะวันแค่นเลือดออกมาจากลำคอ แล้วจึงปล่อยหมัดเข้าไปที่ใบ้หน้าของเมฆ
                เมฆเอียงตัวหลับก่อนที่จะเตะเสยคางของตะวันจนกระเด็นล้มลงไป
                “นี่น่ะเหรอคำตอบของแก ฉันเสียดายพลังที่แกมีว่ะ” เมฆว่าพลางใช้เท้าเขี่ยร่างอันไร้สติของตะวันที่กำลังนอนหมดสภาพอยู่ข้างหน้า
                “เมฆ ไหนล่ะพลังที่นายบอกฉันว่าน่ากลัวนักน่ากลัวหนาของไอ้เด็กคนนี้ หรือที่เรียกฉันมานี่จะให้รุมเด็กเมื่อวานซืนอย่างเจ้าหมอนี่น่ะนะ หึ
    !” หญิงสาวจ้องเมฆตาเขม็ง
                “ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับคุณวรุณ เมื่อคราวก่อนผมว่าผมเห็นสิ่งที่คุณกำลังตามหาอยู่นะ”
                “ นี่เมฆ
    ! คุณอย่าเอางานวิจัยของดิฉันไปเป็นเรื่องล้อเล่นสิคะ คุณไม่รู้หรอกว่ามันจะส่งผลกระทบต่อโลกมากแค่ไหน ถ้าหากว่าเราทำมันสำเร็จน่ะ !!!” วรุณตวาด
                “เอ่อ ผมขอโทษครับ แต่คุณช่วยลองนำเด็กคนนี้ไปตรวจสอบได้ไหมครับ ผมว่ามันต้องช่วยให้งานของคุณคืบหน้าขึ้นเยอะแน่ๆ” เมฆยังคงไม่ลดละ
                “หึ ขอโทษทีนะคะ ดิฉันคงทำตามคุณไม่ได้หรอกค่ะ อ้อ แล้วก็ทางศูนย์ใหญ่จะเรียกคุณไปสอบสวนนะคะ เรื่องที่ไปแฝงตัวตามหาผู้มีพลัง แล้วทำให้คนรู้จักของคุณได้ตายไปเกือบสิบคนน่ะค่ะ
    ! ” ว่าแล้ว วรุณก็ค่อยๆหันหลังกลับไป
                “นี่คุณ เดี๋ยวก่อนสิ มันไม่ใช่...... “ เมฆหยุดพูดกระทันหัน เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังอันมหาศาลแผ่ออกมาจากตะวันที่กำลังนอนอยู่บนพื้น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่วรุณหันมาพอดี
                “นี่ไงล่ะครับ คุณคงรู้แล้วสินะว่าผมไม่ได้ล้อคุณเล่น”
                ร่างที่เคยนอนหมดสติอยู๋บนพื้น ตอนนี้ได้กลับมายืนอีกครั้ง ดวงตาที่มืดสนิทไปทั้งดวงบ่งบอกว่าในตอนนี้เขาไม่ใช่คนเดิมที่ทั้งสองคนเจอเมื่อก่อนหน้า
                “เป็นยังไงบ้างครับคุณวรุณ ใช่สิ่งที่คุณตามหารึเปล่า” เมฆยิ้มอย่างมีเลศนัย แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อ ตะวันก็ได้ทะยานเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับกรงเล็บสีดำในมือ หมายจะเด็ดหัวของเมฆให้หลุดออกไป
                ด้วยพลังแห่งลมที่เขามี ได้มอบความเร็วให้เป็นดังของขวัญเล็กๆน้อยสำหรับผู้ครองพลัง จึงทำให้เขาหลบได้อย่างไม่ลำบากนัก แต่การโมตีของตะวันในรูปแบบนี้กลับไม่ได้มีเพียงเท่านั้น
                เมื่อตะวันเห็นว่าการโมตีของตนพลาดท่า ชักแขนกลับและกระทุ้งศอกเข้าที่ลำตัวของเมฆ
                เจ้าของพลังแห่งสายลมได้ชักมือมาป้องกันได้ทัน ก่อนที่จะเริ่มโจมตรสวนกลับไป ด้วยการรวบรวมความกดดันในอากาศทั้งหมดมากระแทกตะวันเพื่อสร้างระยะห่างระหว่างพวกเขาสองคน
                เมื่อวรุณเห็นว่าศัตรูของตนกำลังพลาดท่า จึงได้เรียกสายฝนที่กำลังโปรยปรายอยู่รอบนอก ให้รวมตัวกันเป็นใบมีดและพุ่งเข้ามาแทงใส่ตะวัน ที่บัดนี้กำลังพยายามทรงตัวจากการถูกกระแทกด้วยแรงดันอากาศจำนวนมหาศาล

                ตะวันเกร็งร่างขึ้น และก่อให้เกิดกำแพงสีดำสนิทขึ้นรอบกายเขา เมื่อใบมีดแห่งสายฝนได้ไปกระทบกับกำแพงสดำสนิท ก็ได้อันตรธานหายไป ท่ามกลางสายตาที่แสดงถึงความประหลาดใจของวรุณละเมฆ
                วรุณรีบพุ่งเข้าไปประชิดกำแพงสีดำ โดยเธอได้เรียกพัดเหล็กอาวุธประจำตัวออกมา ก่อนที่จะร่ายพลังคูลออก ก่อเป็นลูกบอลน้ำรัศมีกว่า 1 เมตร นับสิบลูก เมื่อเธอผายมือออกไปยังกำแพงสีดำ ลูกพลังเหล่านั้นก็ได้พุ่งเข้าไปกระแทกกับกำแพงสีดำอย่างรุนแรง
                เมื่อเห็นคู่หูของตนกำลังโมตีอย่างสุดความสามารถ เมฆจึงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปร่วมวง โดยเข้าได้สร้างลูกบอลลม ที่ภายใน เป็นสายลมที่ถูกบีบอัดกันอย่างหนาแน่น ราวกับพร้อมจะระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา แล้วจึงปล่อยให้มันพุ่งเข้าไปหาชายที่หลบอยู่ในกำแพงสีดำ
                “นี่นายเมฆ อย่าฝืนให้มากน่า แผลครั้งที่แล้วยังไม่หายดีเลยไม่ใช่หรือไง”
                “แหม แค่คุณวรุณเป็นห่วงผมก็พอแล้วละครับ หึหึ”
                “น้อยๆหน่อย
    !
                “ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่นหรอกครับ ช่างมันเถอะครับ จะหายไม่หาย ยังไงถ้าผมจัดการกับไอ้เด็กนี่ไม่ได้ ผมก็ขอตายแทนคงจะดีกว่านะ... คุณวรุณ ระวัง
    !!!” เมฆตะโกน
                เพียงเสี่ยววินาทีที่วรุณละสายตาจากกำแพงเบื้องหน้า ลูกพลังสีดำก็ได้พุ่งออกมาในทิศทางที่เธออยู่ เมื่อวรุณหันกลับไปจึงทำให้ตนรู้ว่า อยู่ในระยะที่หลับไม่พ้นแน่ๆแล้ว
                ก่อนที่วรุณจะถูกพลังประหลาดนั้น ก็มีสายลมพัดมากระแทกเธอให้พ้นไปจากรัศมีการทำลายของลูกพลังประหลาดนั่น
                “ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ รีบๆกำจัดมันก่อนจะดีกว่ามั้ง”
                วรุณทำเสียงไม่พอใจขึ้นมาเบาๆ แต่ไหนแต่ไร เธอก็เป็นถึงบุคลากรระดับแนวหน้าขององค์กร นึกไม่ถึงว่าจะต้องให้เด็กใหม่กระจอกๆคนหนึ่งมาช่วยเธอ
                พลังสีดำ รูปแบบเดิม ได้พุ่งมาโมตีวรุณอีกครั้ง แต่ในคราวนี้กลับมีมาถึงสามลูก กระจายอยู่รอบๆตัวเธอ และกำลังพุ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว
                วรุณจึงได้เรียกกำแพงวารีขึ้นมาปกป้องโดยรอบของตนด้วยสัญชาติญาณ
                เมื่อวัตถุงทรงกลมสีดำนั้นได้มากระทบกับกำแพงหยดน้ำ ก็ได้ทำให้หยดน้ำที่เคยรวมตัวกันเป็นกำแพง แตกสลายกลับกลายเป็นเพียงน้ำธรรมดาตามเคย จึงทำให้ลูกพลังนั้นหลุดเข้ามายังตัวของวรุณ
                “คุณวรุณ
    !!!” เมฆตะโกนสุดเสียง ก่อนที่จะรีบเข้าไปดูสภาพของเธอ
                โชคดีของวรุณ ก่อนที่เธอนั้นจะถูกลูกพลังนั้นโจมตี เธอได้พยายาบเอี้ยวตัวหลบไปอีกทาง ไม้ว่าจะช่วยลดแรงปะทะจากคลื่นพลังทั้งสอนอันได้ไม่มาก แต่ก็เพียงพอที่จะต่อลมหายใจของเธอไปได้อีกสักพัก
                “แก
    ! อย่าอยู่เลย” เมฆตวาด พร้อมทั้งพุ่งเข้าไปหาตะวัน ที่บัดนี้สลายกำแพงสีดำโดยรอบไปแล้ว
                สนับมือสีขาว ถูกนำมาสวมใส่อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่มือของเมฆได้พุ่งเข้ามาที่ใบหน้าของตะวัน
                เด็กหนุ่มแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว ก่อนที่จะใช้พลังสีดำ ผนึกการเคลื่อนไหวของบุคคลเบื้องหน้า ก่อนที่จะทะลวงกรงเล็บในมือเข้าไปที่กลางท้องของเมฆ
                “อ๊ากกกกกกกกกก “ เมฆกรีดร้องอย่างเข็บปวด เมื่อกรงเล็บอันแหลมคมได้แทงเข้าไปในร่างกายของเขา
                หยดเลือดสีแดงไหลลงมาไม่ขาดสายจากร่างกายของเขา ซึ่งบัดนี้ได้ถูกสะบัดให้ไปนอนอยู่บนพื้นริมระเบียงทางเดิน
                “อ... โอเวอร์ไดรฟ์
    !” เมฆตะโกน พร้อมกับนำมือมาจับที่ขมับของตน ก่อเป็นพลังสายลมจำนวนมากที่กำลังรายล้อมเขา
                บาดแผลที่มีค่อยๆสมานตัวอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน
                เมฆรีบะยานเข้าไปหาตะวันด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมหลายเท่าตัว พร้อมกับต่อยเข้าไปที่ใบหน้าของตะวันอย่างเฉียบคม จนร่างกายของตะวัน ถึงกับบิดไปตามทิศทางของการโจมตีเมื่อครู่
                เมื่อเมฆเห็นว่าการโมตีของตนได้ผล จึงทำให้เขาเริ่มมีแรงฮึดสู้ แล้วตามเข้าไปซ้ำตะวันอีกหลายครั้ง
                เมื่อโดนโจมตีมากๆเขา ตะวันในโหมดพิเศษ ก็ได้เริ่มที่จะโมตีสวนกลับ โดยหลบการโจมตีของเมฆ และสวนกลับไปด้วยกรงเล็บที่รุนแรงกว่าสนับมือของเมฆหลายสิบเท่า
                ด้วยการที่เมฆในตอนนี้สามารถใช้พลังกายของตน ผสมผสานกับพลังแห่งสายลมที่พัดพาอยู่โดยรอบได้อย่างลงตัว จึงทำให้ทุกการเคลื่อนไหวของเขา ดูพลิ้วไหวมากกว่าปกติ จนตะวันยากที่จะโจมตีได้ถูก แต่ก็ใช่ว่าชายเจ้าของกรงเล็บจะหยุดแต่เพียงเท่านั้น
                เมื่อเห็นว่าการไล่โจมตีต่อไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เขาจึงได้สร้างลูกพลังสีดำเล็กๆขึ้นราวๆ 5-6 ลูก ขึ้นมา เพื่อที่จะก่อกวนการเคลื่อนไหวของเมฆ ให้เกิดช่องว่าง
                ลูกบอลสีดำ ขนาดเท่าฝ่ามือของคน ได้พุ่งเข้าไปหาเมฆอย่างรวดเร็ว โดยชายผู้ควบคุมสายลมก็ไม่ได้วิตกอะไรกับมันมาก เพราะเมื่อพลังเหล่านั้นเข้ามาใกล้เขา ก็จะถูกพลังแห่งลมที่อยู่รอบๆ พัดพาไปทางอื่น แต่ลูกพลังเหล่านั้นก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน เพราะแม้จะถูกพัดพาไปในทิศทางอื่น แต่จนแล้วจนรอดมันก็จะวกกลับมาจู่โจมเป้าหมายเดิมของมันอีกครั้ง
                ตะวันเห็นท่าที่เช่นนั้น จึงได้พุ่งเข้าไปจู่โจมเมฆอีกครั้ง โดยหวังว่าแผนการของเขา จะดำเนินไปได้โดยดี
                “นี่เมฆ ใครอนุญาตให้นายใช้โหมด โอเวอร์ไดรฟ์กันน่ะ ยิ่งสภาพร่างกายอย่างนั้น เดี๋ยวนายก็..”
                เมฆไม่มีสมาธิพอที่จะฟังอะไรมากไปกว่านี้แล้ว
                ใช่... อย่างที่วรุณบอก โหมดโอเวอร์ไดรฟ์ที่เขากำลังใช้อยู่นั้นส่งผลข้างเคียงต่อผู้ใช้เป็นอันมาก เพราะโหมดโอเอวร์ไดรฟ์ จะส่งกระแสไฟฟ้าเข้าไปกระตุ้นการทำงานทุกระบบของร่ายกาย รวมทั้งกระตุ้นกระแสการกำเนิดคูลจากในร่างกายของคนเรา ทำให้สามารถใช้พลังคูลได้ในอัตรามากกว่าปกติ ทั้งยังทำให้สภาพร่างกาย มีความพร้อมมากกว่าปกติอยู่หลายเท่า แต่เนื่องจากระบบยังไม่เสถียรพอ จึงทำให้อาจมีการจ่ายพลังงานไม่สม่ำเสมอ และอาจทำให้กล้ามเนื้อเกิดช็อขึ้นมากระทันหันได้ อีกทั้งร่างกายของเมฆในตอนนี้ เรียกได้ว่าย่ำแย่เต็มที เป็นไปได้ว่าหากหลุดออกจากโหมดโอเวอร์ไดรฟ์เมื่อใด ก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายขึ้นต่อตัวเขาเองเป็นอย่างมาก
                ความรู้สึกเจ็บปวด ได้ถูกส่งเข้ามาในประสาทการรับรู้ของเมฆ
    ชิ ของที่ยังไม่สเถียรนี่ มันก็แย่อย่างนี้เองเนี่ยนะเขาคิด เมื่ออาการบาดเจ็บบริเวณท้องที่ถูกทำร้ายเมื่อสักครู่ ได้ย้อนเข้ามาเป็นช่วงๆ แม้ว่าจะยังคงอยู่ในโหมดโอเวอร์ไดรฟ์ก็ตามที แต่ถ้ามันยังไม่เสถียรอยู่อย่างนี้ ย่อมส่งผลร้ายๆต่อเขาอีกแน่
                เมฆจึงรีบหาทางที่จะกำจัดชายหนุ่มเบื้องหน้าโดยเร็ว โดยเขาได้รีบถอยออกจากตะวันเพื่อไปตั้งหลัก พร้อมทั้งหาทางสลัดลูกพลังที่ไล่ตามเขาอย่างไม่ลดละ
                เมฆรู้สึกแปลกใจกับลูกพลังเหล่านั้นมาก เพราะการที่จะควบคุมพลังที่ละเอียดถี่ย่อยขนาดนี้ คงต้องใช้พลังคูลในปริมาณที่สูงพอสมควร ไหนจะต้องควบคุมติดต่อกันเป็นเวลานานอีก สำหรับเขาในโหมดโอเวอร์ไดรฟ์ การที่สามารถประคองพลังที่รายล้อมอยู๋รอบตัวนั้น ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป แต่สำหรับตะวันแล้ว ดูจะเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ
                ในตอนนี้ เขาได้ลอยออกมาอยู่นอกระเบียงของอาคาร โดยไม่สนใจว่าจะมีใครพบเห็นเขาหรือไม่
                ชายหนุ่ม ได้รวมสองมือของตนมาไว้ที่กลางอก ก่อนที่จะเกิดพายุขนาดย่อมเยา หมุนวนอยู๋รอบตัวเขา พัดพาลูกพลังของตะวันที่แฝงมาในตอนแรกให้กระจัดกระจายหายไป
                “ลาขาดละเจ้าหนู คุณวรุณหลบไป
    !
                พายุหมุนที่แต่เดิมหมุนวนอยู่รอบๆเมฆ ได้พุ่งเข้ามาหาตะวัน ที่บัดนี้กำลังยืนอยู่ในอาคาร
                การโจมตีในครั้งนี้ นับว่าเป็นการเดิมพันด้วยชีวิตของเมฆ เพราะเมื่อเขาใช้พลังไปกับสร้างพายุหมุน โหมดโอเวอร์ไดรฟ์ที่มี ก็ได้หมดลงไป ก่อนที่เขาจะตกลงไปกระแทกกับพื้น วรุณก็ได้ใช้พลังน้ำของตนเป็นเบาะรองรับให้กับเมฆ
                “ผ.. ผ.....ผมขอโทษนะครับ ..คุณ.. วรุณ ที่ทำให้จ...เจ้านั่นต้องตายไป ด...โดยไม่สามารถจับมันเป็นๆมาให้คุณได้” เมฆฝืนกล่าวออกมา
                ในตอนนี้ บาดแผลต่างๆ ได้กลับมาปรากฎดังเดิมแล้ว จะต่างก็ตรงที่แผลเหวอะหวะตรงช่องท้องนั้น ได้สมานขึ้นเล็กน้อย... อย่างน้อยก็ไม่เห็นอวัยวะภายในเหมือนในตอนแรก
                “นายไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เรากลับกันเถอะ”
                “อืม”
                ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น หารู้ไม่ว่ายังมีอีกหนึ่งชีวิต ที่ก้มมองพวกเขาจากระเบียงทางเดินในชั้นเมื่อครู่ ถึงแม้ว่าสภาพโดยรอบจะถูกพายุทำลายไป แต่ก็ยังหลงเหลือพอจะให้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ได้
                ตะวันแบมือ โดยใจกลางฝ่ามือนั้น เหมือนเล็งตรงไปยังหญิงสาวสองคน ที่กำลังนั่งอยู่ด้านล่าง
                คลื่นพลังงานสีดำถูกส่งออกไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าฝุ่นละอองต่างๆที่อยู่ในทิศทางการเคลื่อนผ่านของมัน กลับสลายหายไปในทันที
                แต่แล้วเค้ากลับต้องมาประหลาดใจ เมื่อมีกำแพงดินขนาดใหญ่ถูกตั้งขึ้นระหว่างเขากับพวกของเมฆ
                “ลอบกัดกันอย่างนี้มันดูไม่ค่อยดีสักเท่าไรเลยนะ” เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้นมาจากข้างล่าง
                “คุณพุด
    !?” วรุณอุทาน
                “อืม ผมเอง เธอรีบพานายเมฆกลับไปยังศูนย์บัญชาการก่อนดีกว่า ผมขอจัดการธุระกับเด็กคนนี้สักหน่อย”  ชายวัยกลางคน เจ้าของชื่อ พุด ผู้มีร่างกายกำยำสูงใหญ่ หน้าตาดุดัน เจ้าของชุดสูทสีดำเข้มว่า 
                “เอ่อ ถ้างันก็ขอตัวก่อนนะคะ ระวังตัวด้วยค่ะท่าน
    ! ” กล่าวจบวรุณก็หายไปพร้อมกับเมฆผ่านทางวงเวทย์สีฟ้า
                “เก่งจังนะ ใช้พลังของเจ้าหนูนี่ได้บ้างแล้วรึไงละ ราจิส

                           


                 ขอลงไว้ 50% ก่อนนะครับบบ ผมต้องไปแพ็คของหนีน้ำไปตจว.แล้ว เจอกันอีกทีวันที่ผมกลับมาน้าาาา 
                 ปล.เอาคอมไปไม่ได้ เศร้าจัง TT คงต้องลงสมุดเอาไว้ก่อนเนอะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×