คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ I พลัง
บทที่ I พลัง
“ติ๊ง ต่อง ต๊อง ต่อง... ติ่ง ตอง ติ๊ง ต่อง....” เสียงออด อันเป็นสัญญาณของการหมดคาบเรียนที่สี่ หรืออีกนัยหนึ่งนั่นก็คือสัญญาณของการเริ่มต้นพักเที่ยง ที่หลายๆคนรอคอยดังขึ้น
“เฮ้ย พวกนายรู้ยังวะ เรื่องที่แผ่นดินไหวในมหาสมุทรแอตแลนติกอะ ที่มีแผ่นดินแยกด้วยอะ” ชายหนุ่มใบหน้าคมคายเอ่ยถามเพื่อนๆสนิทในกลุ่มด้วยน้ำเสียงที่แฝงความตื่นเต้น ขณะที่กำลังเดินไปทานข้าวกลางวันด้วยกันยังโรงอาหาร
“โธ่เอ๊ย เรื่องข่าวนั้นอะเขารู้กันทั้งชาติแล้ว ฟายเอ๊ยยย นี่แกไปหลบอยู่หลังเขาไหนมาเนี่ย อย่าไปพูดอย่างงี้กับคนนอกนะยะอายเขาแย่เลยอะ ดีที่พวกเราเป็นเพื่อนกัน เดี๋ยวจะช่วยเก็บเรื่องที่แกถามเป็นความลับให้ๆ” น้ำเสียงอันยียวนของหญิงสาว เจ้าของใบหน้าอันน่ารัก แต่แฝงไปด้วยความแก่นแก้ว ผู้เป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มดังขึ้น
“เอาน่าๆ ยัยน้ำขิง อย่าไปว่าอะไรไอ้ตะวันมันเลย บ้านมันคงไม่ได้รับข่าวสารจากโลกภายนอกมานานอะนะ อย่างว่าแหละหลังเขาก็เงี้ยๆ ใช่ป่ะ ก้อง” ชายหนุ่มเจ้าของแว่นกรอบสีฟ้า ผู้มีร่างกายสูงเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้น
“ฮ่าๆๆ เห็นด้วยกับไอ้เอกมันว่ะเฮ้ย โทษทีนะตะวัน วันนี้แกไม่มีพวกว่ะ ฮ่าๆๆๆๆ” ก้อง เจ้าของร่างกายอันใหญ่โตเอ่ยขึ้นอย่างสะใจ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของสองชายหนึ่งสาว ที่ประสานกันออกมาอย่างดัง
“เอาน่าๆ ตะวันอย่าไปสนใจพวกตัวโตแต่สมองยังเด็กเลยๆ แต่ถ้าพูดถึงข่าวนะ เมื่อกี้ฉันเองเพิ่งได้รับข้อความ จากสำนักข่าวที่ไปสมัครรับข่าวรายวันไว้น่ะ เป็นข่าวใหญ่มากๆเลยนะ” เสียงของชายผู้มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรดังขึ้น สายตาทั้งสี่คู่หันกลับมาจ้องมองที่ เขาเป็นจุดเดียว
“ข่าวไรวะ ต่อ แกเห็นพวกเราเป็นเด็กเรียนขนาดสนใจเรื่องข่าวขนาดนั้นเลยหรือไงฟะเฮ้ย เมื่อกี้เห็นว่า ตะวันมันจงใจเล่น’มุก’มา เลยไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ” เอกกล่าว พร้อมทั้งเน้นที่คำว่า มุก อย่างเต็มที่
“อ้าวๆ ซ้ำกันเข้าไป ก็คนมันพึ่งรู้นี่หว่า ช่างเหอะๆ ว่าแต่ข่าวที่แกว่ามันคือไรอะ น่าสนใจขนาดนั้นเลย?” ตะวัน เอ่ยขึ้น เพื่อเบี่ยงประเด็นของการสนทนา
“ก็ มันบอกมาว่า เมื่อตอนเกือบๆ11โมงที่ผ่านมา มีการฆาตรกรรมหมู่ขึ้นที่โรงพยาบาลทิพยโอสถ สภาพตึกยังคงเดิม ยกเว้นตึกผู้ป่วย1 ที่ถล่มลงมาทั้งตึกเลย มีผู้เสียชีวิตราวๆห้าร้อยกว่าคนมั้งนะ คนที่รอดคือคนที่อยู่ตึกอื่น แล้วก็ยังไม่มีทรัพย์สินอะไรสูญหายด้วย” ต่ออธิบาย
“เฮ้ยจริงดิ แล้วพวกที่ก่อเหตุเป็นใครอะ แล้วมากี่คนๆ “ น้ำขิงถามด้วยความสนใจ
“นั่นแหละ ที่ยังคงเป็นปริศนาเพราะไม่มีใครที่พบเห็นเหตุการณ์แล้วรอดมาได้น่ะสิ มีแค่ผู้ป่วยจากตึกข้างๆ ที่บอกว่าเห็นปีศาจสองตัวน่ะ ตอนแรกทางตำรวจก็ไม่เชื่อนะ แต่พอเห็นสภาพแล้วถึงกับพูดไม่ออกไปเลยอะดิ”
“ทำไมอะ?”
“ก็เพราะว่าที่ศพมันอนาถมากน่ะสิ มีทั้งโดนผ่าครึ่งตัว ดึงหัว ท้องทะลุ บ้างรายนะ ยังกับโดนกรงเล็บสัตวฺฉีกกระชากเลย หลายคนก็เชื่อว่าไม่ใช่ฝีมือมนุษย์หรอก แต่เหมือนกับพวกนั้นไม่ยอมปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือของปีศาจนะ”
“เฮ้ยไปซื้อข้าวก่อนดีกว่าค่อยมาคุยต่อๆ เดี๋ยวจะไม่เหลืออะไรให้กิน มาเจอกันที่เดิมนะ” ก้องตะโกนขัด
หลังจากแยกย้ายกันไปซื้อข้าวมาทานแล้ว ทั้งหมดก็มานั่งด้วยกัน บริเวณโต๊ะใต้ต้นโพธิ์หลังโรงอาหาร อันเป็นที่ประจำของพวกเขา
“นี่ๆ พวกแกคิดว่าปีศาจจะมีจริงป่าววะ?” น้ำขิงเอ่ยขึ้นคนแรกหลังจากที่ทุกคนมากันครบแล้ว
“ฉันว่าไม่น่านะ ปีศาจจะมีจริงที่ไหนล่ะ คนไข้ที่เห็นคงเป็นคนไข้โรคประสาทมั้ง ส่วนศพที่เจอก็อาจเกิดจากพวกคนบ้าก็ได้นี่นา เพราะเห็นบอกไม่มีทรัพย์สินอะไรสูญหายนี่ อย่าไปสนใจมันเลย กินกันก่อนดีกว่า” ก้องรีบๆตอบ พร้อมทั้งตักข้าวคำต่อไปขึ้นมาในทันที
“ก็ถ้าปีศาจในโลกจริงนะ ฉันว่าแกน่ะแหละยัยขิง ผู้หญิงบ้าไรถึกซะขนาดนี้ แถมยังสติไม่สมประกอบ ไปชอบเพศเดียวกันอีก ฮ่าๆๆๆ”ตะวันพูดอย่างขบขัน พลางรีบเอาจานไปเก็บ เพราะคิดไว้แล้วว่าเมื่อพูดออกไปจะเจอกับอะไร...
“ไอ้ตะวัน อย่าเพิ่งหนีดิเฮ้ย” ว่าแล้วสาวเจ้าก็วิ่งไล่ตามไป
“แน่จริงก็ตามจับฉันให้ได้สิ ยัยไม้กระดานเอ๊ย ก๊ากๆๆๆ”
“เฮ้อ ทะเลาะกันอยู่ได้สองคนนี้ นี่ถ้าพวกเราไม่รู้มาก่อนว่าไอ้ตะวันจะจีบยัยไอที่เป็นเพื่อนสนิทกะไอ้ขิงนะ คงคิดว่าพวกมันสองคนชอบกันอยู่แน่ๆเลยว่ะ”เอกบ่นลอยๆ แล้วจึงค่อยๆยกจานไปเก็บ
ไอ หรือชื่อจริงว่า ไอรดา คือสาวสวยประจำห้องของพวกเค้า ไอรดานั้นเป็นเหมือนกับดาวประจำห้อง แม้ไม่ได้เรียนเก่งที่สุด แต่ความรู้ของเธอก็ติดระดับท็อปเท็นของห้อง ทั้งยังมีฝีมือด้านการดนตรี กีฬา จนเรียกได้ว่าแทบจะ เพอร์เฟค และด้วยนิสัยของเจ้าตัวที่เป็นกันเองทำให้มีคนมาจีบอยู่มากมาย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียเลย ข้อเสียที่ไอรดามี นั่นก็คือ เธอเป็นคนที่ค่อนข้างขี้โมโห และใจร้อนพอควร
ตะวันชอบไอรดามาตั้งแต่ม.2 แล้ว แต่ว่าก็ยังจีบไม่ติดสักที แต่แล้วก็เหมือนสวรรค์ดลใจ ให้เขาได้สนิทกับน้ำขิง ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท หนึ่งในสี่คนของไอรดา จนมาม.4ที่น้ำขิงกลายเป็นพวกเขาเสียเกือบเต็มตัว โดยเธอก็ได้ช่วยเหลือตะวันอย่างมากมาย แต่ก็แห้วกลับมาตลอด
หลังจากที่ทั้งหมดทานข้าวเสร็จ ต่อ เอก และก้องก็มานั่งพูดคุยกัน เพื่อรอการกลับมาของคู่หูต่างเพศ สักพัก ก้องก็สังเกตเห็นทั้งสองซึ่งกำลังวิ่งมาอย่างกระหืดกระหอบ
“เฮ้ยๆ แย่แล้วมีพวกรุ่นพี่ม.6จับตัวใบชาไปในห้องน้ำตึกเก่าหลังโรงเรียนอะ” ตะวันพูด พร้อมทั้งนั่งพักอย่างเหนื่อยล้า
“ใบชา? ที่สวยๆ แต่ชอบเก็บตัวที่อยู่ห้อง 13 ป่ะวะ?” เอกถาม
“เออสิ แฮ่กๆๆ” ขิงตอบ
“แล้วพวกแกไปรู้เรื่องได้ไงเนี่ย” ก้องถาม
“ก็เมื่อกี้ตอนฉันนี้ยัยขิงไปจนเกือบถึงตึกใหม่ ก็เห็นไอ้รุ่นพี่ที่ชื่อ... ชื่อเมฆอะที่เป็นหัวหน้าแก๊ง แอร์ไดรฟ์อะ ฉันเห็นเขากำลังจับมือชาไป ออกแนวฉุดกระชากมากกว่านะ แล้วพวกลูกน้องพี่เมฆก็เดินตามๆกันมาอะดิ เนี่ยพวกฉันแทบหนีไอ้พวกนั้นไม่ทันแน่ะ มีสิบสามคนหันมาเห็นพวกเราแล้วจะไล่ตามมา ดีนะที่พวกเราเผ่นออกมาได้ก่อน”
“เฮ้ย อย่าบอกนะเว้ยว่าพี่เขาจะทำ.... ไม่ได้การแล้วไง รีบไปช่วยชากันดีกว่า”เอกตอบ แล้วจึงรีบวิ่งไปเป็นคนแรก
เมื่อตะวันกับขิงแรงเริ่มกลับมาจึงรีบวิ่งตามไป ทั้งหมดไม่แปลกใจที่เอกดูจะเป็นเดือดเป็นร้อนมากกว่าคนอื่น เพราะรู้ๆกันอยู่ว่าเอกแอบชอบชามานานพอสมควร ในเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวกับชาโดยตรง เขาคงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ขิงๆ แกไปตามพวกอาจารย์มาดีกว่า เดี๋ยวพวกเราจะถ่วงเวลาเอาไว้” ตะวันวิ่งไปพูดไป
“เฮ้ย แต่ว่าพวกนั้นเป็นรุ่นพี่เลยนะ พวกแกจะไหวได้ยังไงล่ะ” นำขิ่งพยายามเถียง
“ก็เพราะสู้ไม่ได้ไง เลยต้องให้ไปตามอาจารย์มา แล้วแกยิ่งเป็นผู้หญิงอยู่จะไปทำอะไรได้วะ?
“เค้าต่อยแกล้มได้ก็แล้วกันน่ะ อยากจะลองป่ะละ?” ขิงเริ่มเดือด
“เฮ้ย ขิง เข้าใจหน่อยดิวะ แกทำงี้ไปไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก เชื่อตามไอ้ตะวันมันเหอะ” ก้องพูด
สุดท้ายแล้วขิงจึงต้องยอม ด้วยเหตุและผลที่ทางนั้นมีเยอะกว่า “งั้นถ่วงเวลาไว้ให้ดีๆก็แล้วกันล่ะ ฉันจะรีบไปตามอาจารย์มาให้ อย่าเป็นอะไรกันล่ะ” ว่าแล้ว หญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่ม ก็วิ่งออกจากกลุ่ม แหวกฝูงชนไปยังห้องพักครู
ทั้งสี่วิ่งฝ่าฝูงชนบริเวณอาคารหลักมาเรื่อยๆ พอมาถึงยังบริเวณอาคารเก่า ทางเดินก็สะดวกขึ้นมาก เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ห้ามนักเรียน หรือผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้ามา
เมื่อทั้งสี่เข้ามาใกล้ยังบริเวณห้องน้ำ ก็พบกลุ่มอันธพาลม.6 ราวๆ7-8คนกำลังยืนออหน้าห้องน้ำ
“เฮ้ยๆ แกว่าไอ้เมฆมันจะเหลือให้เราป่ะวะ? ฮ่าๆๆๆ” ชายผู้มีใบหน้าดุดันราวกับโจรถาม
“ไม่น่าหรอกว่ะไอ้ดิษฐ์ เห็นตอนเฮียเมฆฉุดมาด้วยตัวเองขนาดนั้น ไม่ยอมให้เราแตะต้องเลย คงจะเก็บไว้เองล่ะมั้ง ฮ่าๆๆ” ชายอีกคนตอบ
ถึงแม้ทั้ง4คนจะไม่ได้อยู่ใกล้กับกลุ่มอันธพาลมากนัก แต่เนื่องจากเป็นตึกร้าง ทำให้เวลาใครทำอะไรเสียงมันก็จะยังคงก้องกังวาลอยู่ ทำให้ทั้งสี่นั้นได้ยินทุกคำพูดของเหล่าอันธพาลทุกถ้อยคำอย่างชัดเจน
เอกพยายามจะวิ่งเข้าไปกลางวง แต่ก้องกับตะวันรั้งตัวไว้ได้ทัน “ใจเย็นๆก่อนดิวะไอ้เอก มันมีกี่คน เรากี่คน คิดกันก่อนดีกว่าว่าจะเอาไง” ตะวันพูดเตือนสติ เอกพยายามสงบสติอารมณ์
“ถ้ามันทำอะไรชาแล้วจริงๆ คงจะต้องมีเสียงเล็ดลอดมาบ้างแหละน่า” ต่อพยายามพูดด้วยเหตุผลเพื่อให้เอกใจเย็นลง
ในขณะที่พวกเขากำลังดูสถาณการณ์อยู่นั้นเอง ก็เกิดเสียงแปลกประหลาดดังขึ้นบริเวณด้านหลังห้องน้ำของอาคารเก่า ซึ่งติดกับกำแพงของโรงเรียน
“เฮ้ยๆ ไอ้ทิด ไอ้อ่าง ไอ้เอ พวกเอ็งสามคนไปดูดิ๊ว่ามีไร เดี๋ยวพวกข้าเฝ้าตรงนี้เอง” ชายหน้าโจรคนเดิมกล่าว ทั้งสามคนจึงเดินอ้อมไปยังด้านหลังของห้องน้ำ เพื่อสำรวจดูที่มาของความผิดปกตินั้น
เมื่อคนหายไปอีกสามคน ก็ทำให้จำนวนคนที่เฝ้าอยู่หน้าห้องน้ำ มีจำนวนพอๆกับพวกของตะวัน ต่อผู้ที่มีสติปัญญาดีที่สุดของกลุ่มจึงได้เริ่มวางแผนโดยเร็ว “เดี๋ยวก้องกับเอกพวกนายสองคนรีบพุ่งเข้าใส่พวกมันโดยไม่ให้ตั้งตัวทันเลยนะ เดี๋ยวฉันกับตะวันจะอ้อมจากด้านข้างไปจัดการมันตอนเผลอเอง ไม่ต้องห่วงหรอกเรามีไม้ มันมือเปล่าคงพอไหวอยู่บ้างแหละน่า” ต่อพูดให้กำลังใจ พร้อมทั้งหยิบท่อนไม้ที่เก็บได้เมื่อครู่แจกจ่ายให้กับทุกๆคน
ด้วยความที่เอกเป็นห่วงชามากที่สุด เขาจึงรีบพุ่งออกไปเป็นตนแรกตามด้วยก้อง เมื่อพวกรุ่นพี่เห็นพวกเขากำลังเข้ามาหาก็หันหน้าไปมองราวกับว่าเตรียมพร้อมรับมือมาก่อนอยู่แล้ว
“โธ่เอ๊ย นึกว่าใครที่แท้ก็ไอ้พวกกระจอกนี่เอง” ชาวหน้าโจรกล่าว พร้อมทั้งหันไปมองหน้าของก้องและเอกด้วยความดูหมิ่น หนึ่งในนั้นสามารถคว้าไม้ในมือของก้องมาได้อย่าง่ายดาย และฟาดกลับไปที่ตัวของเขา ก่อนที่จะได้ทำอะไรไปมากกว่านี้ ทำให้ก้อง ต้องล้มลงไปนอนกลางพื้น ทั้งยังเสียอาวุธที่มีให้แก่ฝ่ายตรงข้าม
เอกฟาดไม้ในเมื่อไปกลางท้องของรุ่นพี่อีกคนด้วยความรวดเร็ว อนึ่ง เขาเรียนรู้วิชาการต่อสู้ระยะประชิดมาอย่างโชกโชน จึงไม่ใช่ปัญหาอะไรกับการใช้อาวุธ
ท่อนไม้ของเขา ฟาดไปยังกลางท้องของรุ่นพี่เข้าอย่างจัง เมื่อชายผู้ทำร้ายก้องเห็นดังนั้น จึงฟาดไม้ลงมา โดยหวังว่าจะให้ลงกลางศรีษะของเอกเพื่อเป็นการเอาคืนแทนเพื่อน แต่เอกสามารถชักไม้กลับมากันได้อย่างรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ ในจังหวะที่พวกอันธพาลกำลังตกตะลึงกับเอกอยู่นั้นเอง ต่อและตะวันก็ได้ลงมือฟาดไม้ไปที่ท้ายทอยของชายอีกสองคนจนสลบลงไปเรียบร้อย ทำให้ฝ่ายอันธพลายเหลือเพียงชายหน้าโจรและชายที่ถือไม้ของก้องอยู่เพียงสองคน
เอกไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เขาใช้ช่องว่างเพียงเสี้ยววินาที ขณะที่รุ่นพี่คนนี้หันไปสนใจกับการปรากฎตัวของเพื่อนสนิทอีกสองคน ฟาดไม้สวนไปยังกลางท้องของรุ่นพี่คนนั้น ทำให้เขาจุกจนต้องล้มตัวลงกุมท้องด้วยความเจ็บปวด แต่ตอนนี้เอกเริ่มเลือดขึ้นหน้า เนื่องจากความเป็นห่วงในตัวใบชาที่เพิ่มขึ้นทุกๆขณะ เขาจึงเตะซ้ำไปที่ปลายคางของรุนพี่คนนั้นจนล้มลงไป
ชายหน้าโจรเห็นเหตุการ์ดังนั้น จึงรีบวิ่งหนีไป โดยหวังว่าจะรอดออกจากจุดจุดนี้ไปได้
“จะไปไหนน่ะ คิดว่าทำเรื่องชั่วๆอย่างนี้แล้วจะไปไหนมาไหนง่ายๆงั้นดิ” เอกพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมทั้งขว้างไม้ไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง ท่อนไม้นั้นพุ่งไปกระแทกกลางหลังของชายหน้าโจรพอดี แม้จะไม่รุนแรงมากพอให้สลบ แต่ก็มากพอที่จะให้ชายคนนึงล้มลงไปด้วยความเจ็บปวดได้
“พวกนายสองคนเข้าไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันจะจัดการหมอนี่เอง” เอกพูด
ต่อและตะวันพยักหน้า พร้อมทั้งรีบวิ่งเข้าไปข้างในห้องน้ำ เขาทั้งสองรู้ดีถึงสาเหตุที่เอกไม่เข้าไปช่วยใบชาด้วยตนเอง ไม่ใช่ว่าเพราะเขานั้นอยากจะไปทำร้ายคนมากกว่า แต่เป็นเพราะว่าเขากลัว กลัวที่จะเผชิญหน้ากับใบชา และอีกอย่างถ้าเป็นพวกเขาคนใดคนหนึ่งที่อยู่ตรงนี้ ก็คงไม่ปล่อยให้คนที่พูดจาดูถูดสาวที่ตัวเองชอบให้อยู่ลอยหน้าลอยตาต่อไปได้
เมื่อทั้งสองเข้ามาข้างใน ก็ต้องพบกับความประหลาดใจเป็นอย่างมาก สภาพของห้องน้ำตอนนี้ แทบจะไม่เหลือเค้าโครงเดิมของการเป็นห้องน้ำอยู่เลย บนพื้นมีน้ำเจ่อนองอยู่เป็นปริมาณมาก รวมทั้งเศษไม้เศษอิฐเศษปูน ก็กระจายอยู่ตามพื้นไปหมด ดูไม่เหมือนกับการโดนฉุดมาทำมิดีมิร้ายอย่างที่พวกเขาคิด
แต่สิ่งที่อยู่ตรงกลางห้องนั้นน่าประหลดาใจยิ่งกว่า ชายที่ชื่อว่าเมฆกำลังจ้องมองไปทางใบชา ซึ่งตอนนี้ทั่วตัวของเธอมีบาดแผลกระจายอยู่เต็มไปหมด มือของเธอถือแท่อนเหล็กขนาดใหญ่ไว้ แต่ว่าเธอกลับกำลังลอยอยู่กลางอากาศ ด้วยท่าทีทุรนทุราย ราวกับถูกทรมานมาอย่างยาวนาน
“พวกแกเป็นใครกัน เข้ามาที่นี่ได้ยังไงเนี่” ชายเจ้าของแผลเป็นกลางใบหน้า ผู้ที่ใครๆต่างเรียกเขาว่า เมฆ เอ่ย พร้อมๆกับร่างของใบชาที่ถูกเหวี่ยงให้ไปชนกับกำแพงอีกด้านหนึ่งอย่างรุนแรง
“ฉันจะให้เวลาเธอคิดอีกสักพักก็แล้วกัน เมื่อพวกนี้หมดประโยชน์เมื่อไร ฉันจะมาเอาคำตอบนะ หึหึ” ว่าแล้ว เมฆก็ค่อยๆเดินเข้ามาหาตะวันและต่อ
ตะวันรีบพุ่งเข้าไป หวังที่จะฟาดไม้ในมือทีเดียวให้เรื่องมันจบๆไป แต่ว่าเขาคาดการณ์ผิด ก่อนที่ไม้ของเขาจะกระทบถูกตัวของเมฆ เขาก็รู้สึกเหมือนว่าถูกอากาศรอบกายบีบอัดให้ค้างอยู่ในท่านั้น และอากาศรอบตัวเริ่มบีบมาที่ตัวเขาแรงขึ้นทีละน้อยๆ
ต่อพยายามตะโกนบอกให้เอกและก้องที่อยู่ด้านนอก หนีไปตามคนอื่นมาช่วย เพราะในสถาณการณ์ตอนนี้ พวกเขาสองคนมองไม่เห็นหนทางของชัยชนะเลยแม้แต่นิดเดียว น่าแปลกที่ไม่ว่าเขาจะตะโกนเท่าไร ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากจ้างนอก
“ตะโกนไปก็เท่านั้น ประตูทางเข้า ไม่สิ เส้นทางที่เชื่อมต่อข้างนอก ฉันได้ปิดมันด้วยสุญญากาศไว้หมดแล้ว” เมฆเอ่ย
ต่อจึงรีบวิ่งไปยังประตู เพื่อที่จะออกไปบอกข่าวให้แก่คนข้างนอกด้วยตนเอง แต่ก็เหมือนกับสิ่งที่ต่อทำจะเปล่าประโยชน์ เมื่อมีกำแพงที่มองไม่เห็นมาปิดล้อมรอบตัวเขา
“หึหึ แกช่วยรอข้างในหน่อยละกัน แต่ถ้านานเกินไปก็ต้องขอโทษด้วย เพราะอากาศภายในนั้นอาจหมดซะก่อน” เมฆแสยะยิ้ม
“เหลือแต่แกแล้วสินะ จุ้นจ้านไม่รู้กาละเทศะจริงๆเลย”
ตะวันมองพยายามมองไปยังเมฆ เนื่องจากการถูกอัดด้วยอากาศจากทุกทิศทาง จึงทำให้การกระทำต่างๆยากขึ้นไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า แต่เขาก็ยังสามารถมองเห็นลางๆว่ามีวัตถุ รูปร่างคล้ายกับหอกเล่มยาว แต่ทว่ากลับเกิดจากสายลมที่พัดมารวมกันจนก่อเป็นรูปร่าง เมฆพึมพำอะไรบางอย่าง ก่อนที่ร่างกายของตะวันจะถูกกาง และลอยไปอยู่ยังมุมของห้องน้ำ ในจังหวะที่เมฆกำลังจะขว้างหอกในมือไปยังตะวัน ใบชาก็ได้ตะโกนขึ้นมาว่า
“เดี๋ยวก่อน ฉันพร้อมที่จะให้คำตอบแล้ว พอสักทีเถอะ” ใบชาค่อยๆกล่าวๆออกมาอย่างทรมาน
“หืม จริงเรอะ แล้วไหนล่ะคำตอบของเจ้า” เมฆสลายหอกในมือ และสลายพลังที่ใช้ตรึงตะวันออกไป พร้อมทั้งค่อยๆเดินเข้าไปหาใบชา
“คำตอบของฉัน ก็คือ... คือ..... ฉันไม่มีวันร่วมมือกับพวกชั่วๆอย่างแกหรอก !” ใบชาตวาดออกมาเสียงดังลั่น
“หึ งั้นปล่อยแกไว้ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรสินะ ความลับขององค์กรคงปลอยให้หลุดไปถึงใครไม่ได้หรอก” เมฆค่อยๆสร้างมีดจากสายลมขึ้นมา แทงไปหน้าอกของใบชา แต่ก่อนที่ใบมีดจะได้ฝากรอยไว้บนตัวของใบชา ก็มีพลังสายหนึ่ง พุ่งตรงเข้ามากระแทกมือของเขา จนมีดแห่งสายลมสลายไป แม้เมฆจะมองไม่เห็นรูปร่างของพลังนั้น แต่เขาก็สามารถล่วงรู้ทิศทางที่พลังนั้นโจมตีมา จากทิศทางของมือเขาที่เสียหลักไปตามแรง
ภาพที่เขาเห็น คือชายในชุดคลุมยาวสีดำ ใบหน้าจัดได้ว่าหล่อเหลา ราวกับรูปปั้นกรีกโบราณเลยก็ว่าได้ ชายคนนี้พึมพำอะไรบางอย่าง เมื่อเขาพูดจบก็เกิดสายพลังที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าขึ้นโดยรอบตัวของเมฆ ราวกับเป็นคุกดีๆนั่นเอง
“พลังแบบนี้ ชนเผ่าโบราณ?” เมฆเอ่ยถาม
“ถูกต้อง พวกมนุษย์เดี๋ยวนี้ก็ยังมีพวกฉลลาดๆอยู่แฮะ น่าเสียดายๆที่อีกไม่นานก็คงต้องเปลี่ยนยุคสมัยของผู้ปกครองโลกแล้วล่ะสิ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ชนเผ่าโบราณหัวเราะร่า พร้อมทั้งค่อยๆก้าวเข้ามาหาเมฆทีละก้าวๆอย่างช้าๆ
“พวกมนุษย์ยุคใหม่อย่างแก อยู่บนโลกนี้มานานจนไปแล้วล่ะ ยิ่งอยู่ไปโลกก็ยิ่งเสื่อม ชนเผ่าโง่ๆที่ใช้ประโยชน์ของดาวดวงนี้ไม่ถึงหนึ่งในร้อย แต่กลับสามารถทำลายดาวดวงนี้ได้อย่างสบายใจอย่างพวกเจ้า สมควรจะถูกผนึกแทนพวกข้า หึ!”
“เจ้า ...เจ้าออกมาจากผนึกได้ยังไงกัน หรือว่า.... “
“ฮ่าๆๆๆๆ ใช่แล้ว เมื่อผนึกคำสาปถูกทำลายออก คำสาปผนึกมิติที่เจ้าพวกนั้นเคยร่ายไว้ก็จะค่อยๆสลายตัวลงช้าๆ แล้วพวกข้าจะกลับเข้ามาบนโลกใบนี้เรื่อยๆ แล้วสักวัน ที่ท่านราชันย์ได้หลุดออกจากผนึก โลกใบนี้ก็จะได้พัฒนาขึ้นสู่จุดสูงสุดของจักรวาลอีกครั้ง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
‘หึหึ ช่างทระนงตนเสียจริงนะ พวกชนเผ่าโบราณงี่เง่า’ เมฆคิดในใจ “แล้วเจ้าจะทำอะไรข้าได้ล่ะ พลังโบราณสั่วๆแบบนั้น คิดว่าจะต่อกรพลังธรรมชาติบริสุทธ์นี้ได้งั้นหรืออย่างไร”
“แหมๆ จะปากดีก็ให้มันน้อยๆหน่อย ข้าไม่หลงกลพวกชั้นต่ำอย่างเจ้าหรอก แล้วอีกอย่าง พลังที่เจ้ามีน่ะเจ้าคิดว่าเจ้ารู้จักมันดีแล้วหรือยังไงกันห๊ะ ก่อนที่พวกเจ้าจะได้ขึ้นมาครองโลก เผ่าโบราณอย่างพวกข้าทุกคน สามารถใช้พลังบริสุทธ์ได้ครบทั้ง 6 ธาตุทุกคนเลย รู้ไว้ซะด้วยเจ้าพวกชั้นต่ำ”
“งั้นเหรอ แล้วทำไมต้องขังข้าไว้ในนี้ ไม่ใช่ว่าเจ้ากลัวพลังของข้าหรือยังไง อย่ามาทำอวดดีไปหน่อยเลย สุดท้ายแล้วพลังโบราณมันก็มีพลังไม่ถึงครึ่งของพลังธรรมชาติด้วยซ้ำ แน่จริงมาสู้กับข้าตัวต่อตัวสิ หรือว่าเผ่าโบราณจะขี้ขลาดกันทุกคน มิน่าล่ะจึงได้ถูกปิดผนึกไว้กว่าสองหมื่นปี หึหึ” เมฆพยายามยั่วโมโหของชนเผ่าโบราณผู้นี้ให้เต้นไปตามแผนของเขา ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เขารอดตายได้
“ได้สิๆ ข้าจะทำให้เจ้าประจักษ์ถึงพลังที่แท้จริงของพลังโบราณให้ดู”ว่าแล้ว มันก็ปลดผนึกที่ล็อกตัวของเมฆออก แต่ก่อนที่เมฆจะได้ลงมือตามแผนก็ต้องรู้สึกถึงคลื่นความร้อนอย่างผิดปกติ
ชนเผ่าโบราณเองก็เช่นเดียวกัน พวกเขาทั้งคู่รู้สึกว่ามีพลังอีกสายแทรกข้ามาในการต่อสู้ครั้งนี้ และราวกับว่า... มันจะเป็นเพลงของเปลวไฟบริสุทธิ์
“บ้าน่า มันเป็นไม่ได้ ยังไงไม่มีทางที่พลังบริสุทธิ์จะมาอยู่ใกล้กันขนาดนี้โดยที่ไม่ทันได้สัมผัสพลังมาก่อน”
“ได้สิเจ้าโง่ พลังของผู้ที่พึ่งตื่นยังไงล่ะ...”
พวกมันทั้งสองคนมองไปยังรอบๆห้องน้ำ ซึ่งบัดนี้น้ำบนพื้นน้ำที่เคยเจิ่งนอง เริ่มเดือดจนปรากฎไอควันฟุ้งเต็มห้อง แม้เมฆรู้สึกประหลาดใจที่ตอนนี้ใบชากับคนอีกสองคนซึ่งก่อนหน้านี้สลบอยู่ได้หายไปจากห้องน้ำโดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว แต่เขาก็พยายามไม่สนใจมัน และดำเนินการตามแผนการของตนอย่างรวดเร็วเพราะเป็นทางเดียวที่จะทำให้เขาสามารถรอดไปจากชนเผ่าโบราณผู้นี้ได้ เขาสร้างหอกแห่งลมขึ้นมารอบๆตัวเขานับสิบเล่ม พร้อมทั้งค่อยๆให้อากาศรอบๆตัวของชายชนเผ่าโบราณจับตัวกันอย่างช้าๆ โดยไม่ให้รู้สึกตัวได้
“เฮ้ย นี่เจ้า...”ก่อนที่ชายเผ่าโบราณจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ เขาก็ถูกหอกแห่งสายลมนับสิบเล่ม พุ่งเข้ามาแทงยังบริเวณสะดือ อันเป็นจุดรวมพลังของชนเผ่าโบราณ เมฆเตรียมพุ่งเข้าไปซ้ำ หวังจะเด็ดหัวของชายเผ่าโบราณผู้นี้ด้วยมือของตน แต่เมื่อระยะห่างของพวกเขาสองคนร่นเข้ามาจนไม่ถึง 2 เมตร เมฆก็ต้องสะดุ้ง ที่เจอพลังอีกสายหนึ่งพุ่งเข้ามากระแทกเขาให้หลุดออกไปจากเป้าหมายเดิม
สิ่งที่เขาเห็นคือ ตะวัน ผู้ซึ่งเขาคิดว่าได้สลบลงไปแล้ว กำลังยืนคร่อมร่างที่ล้มลงไปของเขา ทั้วร่างกายมีเปลวไฟพวยพุ่งอยู่ น่าประหลาดที่เปลวไฟเหล่านี้ไม่เผาไหม้ร่างกายหรือเสื้อผ้าของตัวเขาเอง ดวงตาของตะวันเป็นสีดำทั้งดวง ดูราวกับสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ เมฆพยายามสร้างหอกสายลมขึ้นมาใหม่ แต่ทว่ากลับไม่สามาถเรียกพลังได้
“อ..แอ็บซอร์บ? เจ้ามนุษย์โบราณ !!!” เขาพูดได้เพียงเท่านี้ แล้วก็ต้องนิ่งไปเนื่องจากถูกหมัดที่เปี่ยมไปด้วยเปลวเพลิงของตะวันต่อยเข้าใส่ร่างกายด้วยความเร็วสูงนับสิบหมัด ก่อนทีสติของเขาจะเลือนลางไปนั้น ภาพสุดท้ายที่ได้เห็น ไม่ใช่เพียงแค่ตะวัน แต่เขารู้สึกเหมือนมีชายอีกคนซ้อนทับร่างของตะวันอยู่ ไม่ใช่สิ ร่างของสิ่งมีชีวิตอีกสิ่งหนึ่งคงเหมาะกว่าในการเรียกเจ้าสิ่งแปลกประหลาดสิ่งนี้
“เซ..เซทา........เซทาเลียน!?” เมฆอุทานออกมา ก่อนที่จะหมดสติไป
ก่อนที่ตะวันจะได้ลงมือสังหารเมฆ พลันปรากฎวงเวทย์สีฟ้าล้อมรอบตัวของชายผู้นั้น และผลักตะวันให้กระเด็นออกไป พร้อมกับการหายไปถึงร่างของเมฆ
“เฮ้ย แกไอ้เจ้างั่ง มาช่วยดึงหอกสายลมพวกนี้ไปทีสิฟะ มัวยืนบื้ออยู่ทำไม นึกไม่ถึงเลยนะว่าเจ้านั่นจะเล่นลูกเล่นไว้ก่อนตาย พลังคำสาปของมันนี่ท่าจะอยู่นาน ขืนปล่อยไว้อย่างนี้ข้าต้องไม่เหลือพลังแน่ๆเลย เร็วๆเข้า” ชายหนุ่มชนเผ่าโบราณออกคำสั่ง ราวกับว่าตะวันเป็นพวกของเขา ไม่สิราวกับว่าตะวันเป็นดังลูกน้องของเขาเลยก็ว่าได้
ในเวลานี้ ตะวันไม่มีสติพอจะแบ่งแยกว่าใครเป็นใคร เขาพุ่งเข้ามาหามันด้วยความเร็วสูง แล้วกระแทกมือใส่ที่จุดรวมพลัง หรือสะดือของมันอย่างรุนแรงจนตัวของชนเผ่าโบราณลุกเป็นไฟและสลายไปอย่างช้าๆ ก่อนที่เขาเองจะร้องตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด และระเบิดพลังออกมาเป็นลูกไฟยักษ์สร้างความเสียหายในพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง
“ตะวันนนนนนนนนนนนนนนนนนน” ก่อนที่ตะวันในร่างประหลาดนั้นจะหมดสติลง มันรู้สึกเหมือนได้ยินน้ำเสียงของคนที่คุนเคยดังขึ้นมา “ข...ขิง....”
ความคิดเห็น