ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Khoul

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ O

    • อัปเดตล่าสุด 16 ต.ค. 54


     บทที่ O

               “หมอว่านะครับ คุณควรจะไปเอ็กซเรย์ ตรวจคลื่นหัวใจ แล้วก็เจาะเลือดด้วยนะครับ ในกรณีของคุณเนี่ย ผมว่าเราควรจะเช็คให้มันละเอียดจะดีกว่านะครับคุณเผื่อว่าคุณเป็นอะไรอันตรายขึ้นมาจริงๆทางเราจะได้รักษาได้ทันท่วงที”  น้ำเสียงที่ปนไปด้วยความร้อนรนของคุณหมอหนุ่มรูปร่างท้วมในชุดกราวน์ดังขึ้น

                ใบหน้าของชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่จนเกินวัยของคนอายุ16ผู้นั่งอยู่ตรงข้ามกับหมอหนุ่มร่างท้วม เริ่มแฝงไว้ด้วยความวิตกกังวล หลังจากที่ได้ฟังคำแนะนำของคุณหมอ
                ในตอนแรก เขามาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ด้วยอาการเจ็บบริเวณซี่โครงด้านซ้ายและแผ่นหลังซีกซ้ายของเขา เขาคาดว่าคงจะเป็นเพียงอาการกล้ามเนื้ออักเสบจากการที่เขาออกกำลังมากไป แต่พอได้มาตรวจในเบื้องต้นกลับพบว่าเขามีอาการกลุ่มเสี่ยงอยู่ในโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะและมีอาการใจสั่นด้วย คุณหมอวิเชียรจึงได้แนะนำให้เขาไปตรวจอย่างละเอียดในขั้นตอนถัดไป แต่ให้ตายเถอะ
    ! แค่รอคิวก็ปาไปสามสี่ชั่วโมงแล้ว ถ้าหากให้เขารอต่อไปอีก คงจะต้องบ้าตายแน่ๆ

                “เอ่อ... คุณหมอครับ คือว่าวันนี้ตอนบ่ายๆผมติดธุระน่ะครับ พอจะเลื่อนเวลาตรวจเป็นวันพรุ่งนี้ได้ไหมครับ” ชายหนุ่มถาม
                “ได้สิ แต่รีบมาก็ดีนะ หมอว่าอาการของคุณถ้าปล่อยไว้คงจะอันตรายมากกว่านี้นะ แล้วก็ช่วงนี้อย่าใช้กำลังมากล่ะ ไม่รู้ว่ามันจะส่งผลอะไรต่อร่างกายเพิ่มหรือเปล่า” หมอวิเชียรถอยหายใจอย่างหนักใจ

                “ครับ ขอบคุณมากครับหมอ”

     

                แค่เขาเดินออกจากห้องตรวจ ผู้ป่วยรายต่อจากเขาก็รีบเข้าไปในห้องตรวจแทบจะทันที ระหว่างทางเดินไปจ่ายค่ารักษาพยาบาล เขาก็พบเห็นผู้คนเพิ่มขึ้นอย่างมากเห็นได้ชัดว่ามีผู้ป่วยมารอคิวมากกว่าในยามเช้าถึงสามเท่าตัว

                เมื่อเขาจ่ายค่ายาเรียบร้อยแล้ว จึงเดินออกไปยังสวนสุขภาพของโรงพยาบาล เพิ่งจะ10โมงครึ่งเองนี่นา กินข้าวเที่ยงก่อนค่อยกลับดีกว่าเขานึกในใจพลางเดินไปยังม้านั่งริมสวนสุขภาพ รอบๆบริเวณนี้ ดูสงบเงียบราวกับว่าไม่ใช่สถานที่เดียวกับโรงพยาบาลอันพลุกพล่านที่เขาเพิ่งไปตรวจรักษามา

    ถ้าเป็นในยามเช้า หรือก่อนตะวันตกดิน สวนสุขภาพแห่งนี้จะเปี่ยมไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งคนไข้ที่พักรักษาตัวอยู่ที่นี่ หรือแม้แต่คุณหมอและพยาบาลเองก็เช่นกัน เพราะสวนแห่งนี้มีทัศนียภาพที่สวยงาม ทั้งยังมีอุปกรณ์สำหรับช่วยออกกำลังต่างๆ ซึ่งเป็นการบำบัดคนไข้ที่ดีอีกทางหนึ่ง รวมทั้งเป็นการผ่อนคลายความเครียดของผู้ที่ต้องทำงานในที่แห่งนี้แทบจะตลอด 24 ชม.

                ในขณะทีเขากำลังนั่งนิ่งๆจนเริ่มเคลิ้มหลับไปนั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนมาจากด้านหลัง ถ้าเป็นไปตามปกติแล้ว เขาคงไม่หันไปสนใจกับเสียงคนเดินที่สามารถได้ยินได้ทั่วไป แต่ว่าครั้งนี้ทิศทางของเสียงนั้น ไม่ได้มาจากทางเดินปกติทั่วไป หากแต่ทิศทางของเสียงเกิดขึ้นทางฝั่งบึงกลางสวนสุขภาพ

                ภาพที่เขาเห็นนั้นเป็นคนในชุดคลุมสีดำสนิท ทั้งยังมีฮู้ดยาวปิดบังใบหน้าจนมิดชิด ทุกๆก้าวที่เขาย่างเข้ามานั้น จะมาพร้อมกับเงาของหมู่เมฆขนาดใหญ่ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ท้องฟ้า ยังคงเปิดโปร่ง มีเพียงดวงตะวันที่ลอยอยู่ด้านบน เวลาไม่เกิน10นาที ไม่น่าจะพัดพาเอาเมฆที่มีขนาดใหญ่เช่นนั้นมาจนเต็มท้องฟ้าได้
                แต่นั่นยังไม่ใช่สิ่งที่เขาประหลาดใจ เท่ากับเส้นทางที่คนผู้นี้เดินผ่าน เขาสามารถเดินผ่าบึงมาได้ โดยที่ไม่ได้เปียก และไม่ได้จมลงไปเลยแม้แต่น้อย ซ้ำพื้นน้ำบริเวณรอบๆขางคนคนนั้น ผิวหน้าของน้ำยังกลายเป็นน้ำแข็งบางๆ

                ฝัน... นี่ต้องเป็นความฝันแน่ๆเลย เราคงเผลอหลับไปแน่ๆ ชายหนุ่มพยายามคิดเข้าข้างตัวเอง แต่เมื่อบุคคลต้องสงสัยผู้นั้นเดินเข้ามาใกล้ ไอเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวก็แผ่กระจายมารอบๆ จนเขาสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นสุดขั้วหัวใจ จึงพยายามวิ่งหนีออกจากสวนสุขภาพ ไปยังส่วนของตัวโรงพยาบาล ด้วยความหวาดกลัวในภัยจากชายชุดดำ

                เมื่อเขาวิ่งมาถึงยังตึกของโรงพยาบาล ซึ่งตอนนี้มีผู้คนเดินขวักไขว่ไปมากันเต็มไปหมด เขาพยายามหันมองกลับไปทางเก่า เพื่อดูว่าคนปริศนานั้นยังตามมาอยู่หรือไม่ เมื่อไม่พบบุคคลที่ตนกำลังหลบหนี ก็รู้สึกโล่งใจ
                “อูยย.. ลมหนาวมาจากไหนกันนะ” เสียงของหญิงสาวข้างๆดังขึ้น พร้อมทั้งเริ่มมีเสียงของคนอื่นๆในบริเวณโดยรอบดังขึ้น แม้เสียงจะตีกันขนาดไหน เขาก็จับใจความได้ว่า ส่วนใหญ่นั้นล้วนอุทานออกมาเพราะความหนาวที่แผ่เข้ามาอย่างกะทันหัน เมื่อเขาลองหันไปรอบๆ ก็ยังคงไม่พบเจออะไรผิดปกติ แต่ว่าในสภาพการณ์แบบนี้ถ้าเขายังคงอยู่นิ่งๆในที่แบบนี้ คงตกเป็นเป้าหมายแก่มันโดยง่าย ชายร่างสูงจึงรีบวิ่งเข้าไปยังส่วนลึกของโรงพยาบาล โดยหวังว่าคนผู้นั้นคงจะตามเขาไม่ทัน

                แต่แล้วเมื่อเขามาถึงยัง แผนกผู้ป่วยนอกซึ่งเป็นสถานที่ที่คนเยอะที่สุดในโรงพยาบาล ไอความเย็นที่เขาคิดว่าหนีรอดแล้วกลับแผ่เข้ามาอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ดูจะเย็นกว่าเดิมมาก จนผู้ป่วยหลายๆคนถึงกับตัวสั่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ในเวลานี้ชายหนุ่มไม่สามารถก้าวไปไหนได้อีกแล้ว เมื่อพบว่าคนผู้นั้นยืนอยู่ด้านหน้า ห่างจากเขาไม่ถึง 5 เมตร

                แม้ว่าตอนนี้คนในชุดคลุมสีดำจะปิดบังใบหน้าจนมิดชิด แต่ชายหนุ่มก็เดาได้เลยว่า มันคงกำลังยิ้มด้วยความสะใจอยู่แน่ๆ ที่สามารถตามจับเป้าหมายได้

                “นี่คุณคะๆ ถ้าไม่ใช่คนไข้ กรุณาไปรอด้านนอกของแผนกด้วยค่ะ ตอนนี้มีผู้ป่วยเยอะมากแล้วนะคะ อย่าเข้ามาเกะกะค่ะ กรุณาไปรอญาติข้างนอกนะคะ” เสียงของพยาบาลสาวใหญ่ ดังขึ้นมาข้างหลังของชายในชุดคลุม ชินรู้สึกอยากจะเตือนเธอเหลือเกิน แต่เหมือนว่าเขาจะถูกแช่แข็งจากบางสิ่งที่อยู่ด้านหน้า

                เจ้าของชุดคลุมหันไปมองนางพยาบาลอย่างช้าๆ ก่อนที่มันจะพูดอะไร นางพยาบาลผู้นั้นก็กลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งรูปร่างเสมือนจริงไปแล้ว ในตอนนี้หลายๆคนเริ่มสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของไอเย็น และการปรากฏตัวของรูปปั้นน้ำแข็ง จึงทำให้เกิดความแตกตื่นขึ้นทั่วแผนก
                เมื่อชายหนุ่มได้สติ เขาจึงรีบวิ่งหนีรวมไปกับฝูงชน โดยหวังว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งสี่คนที่เพิ่งวิ่งมาสมทบ คงช่วยอะไรได้บ้าง แต่เมื่อเขาลองหันกลับไปดูก็ต้องฝันสลาย เมื่อเจ้าของชุดคลุมยื่นมือออกมาจากเสื้อคลุมยาวๆ เผยให้เห็นถึงอุ้งมืออันน่าสะพรึงกลัวเกินกว่าจะเป็นมือของมนุษย์ เมื่อมันแบมือออกก็มีฝุ่นควันรอบๆข้างรวมตัวเข้ามาในมือของมัน ปรากฎรูปร่างเป็นขวานเล่มยักษ์

                พนักงานรักษาความปลอดภัยสี่คนที่พึ่งเข้ามาเมื่อครู่ กลับตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ทุกๆก้าวของมัน ค่อยๆดำเนินไปอย่างช้าๆ ในขณะที่คนอื่นๆกลับยืนนิ่งราวกับถูกหยุดเวลาเอาไว้
                รปภ.คนแรกถูกขวานเล่มยักษ์ฟาดใส่จนตัวขาดครึ่งในทันที อวัยวะภายในต่างไหลลงมากองที่พื้น ในตอนนี้ทุกคนเริ่มได้สติ แล้วรีบหนีอีกครั้ง แต่เจ้าของขวานยักษ์กลับไม่ปล่อยให้ใครรอดพ้นไปได้ มันสร้างขวานน้ำแข็งขนาดยักษ์ออกมาอีกเล่ม แล้วขว้างไปทางฝูงชนที่กำลังกรูออกจากแผนกไป พร้อมทั้งไล่ฟาดฟันผู้ที่อยู่ในระยะประชิดด้วยขวานในมือ หลายคนที่พอเห็นขวานน้ำแข็งพุ่งมาสามารถก้มตัวหลับได้ทัน แต่ยังมีอีกหลายชีวิตที่ไม่สามารถหลบพ้นต้องตายไปโดยไม่ทันตั้งตัว ผู้ที่เหลือรอดต่างพยายามวิ่งสุดฝีเท้า เพื่อที่จะออกไปจากโรงพยาบาลแห่งนี้ให้ได้ รวมไปถึงชายหนุ่มด้วย
                ในขณะที่ปิศาจตนนั้นกำลังพัวพันกับรปภ. ที่เข้ามาสมทบเรื่อยๆ คนที่เหลือต่างหนีออกไปได้ไกลจากตัวตึกหลัก และอีกไม่นานก็คงจะถึงทางออก แต่แล้วเขากลับรู้สึกเจ็บหน้าอกตรงจุดที่เป็นต้นเหตุให้เข้ามายังโรงพยาบาลแห่งนี้ ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มากขึ้นกว่าครั้งเก่าหลายเท่าตัว ราวกับว่าร่างทั้งร่างของเขาจะระเบิดออกให้ได้ ในที่สุดเขาก็ล้มกลิ้งไปกับพื้นด้วยความทรมาน

     โธ่เอ๊ย กะอีแค่จะวิ่งหนีก็ทำไม่ได้หรือยังไงกันเนี่ยเขาตัดพ้อขึ้นมาในใจ

    แต่ราวกับคราวเคราะห์ชายหนุ่ม ผู้ป่วยคนอื่นๆที่วิ่งหนีมาทีหลัง กลับวิ่งเหยียบซ้ำบนตัวเขาไป โดยไม่เหลียวกลับมามอง ใจหนึ่งเขาก็เข้าใจว่าเวลาวิกฤติเช่นนี้ คงจะต้องห่วงตนเองไว้ก่อน ไหนทางเดินที่ออกจะแคบเสียจนแทบจะไม่มีที่พอ แต่อีกใจก็รู้สึกเกลียดชังกับการกระทำอันไร้คุณธรรมเช่นนั้น

                “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก” ชายหนุ่มกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับเลือดที่พุ่งออกมาจากหลังของเขาในปริมาณมาก ตอนนี้ความรู้สึกเจ็บภายในได้หายไปแล้ว แต่กลับแทนที่ด้วยความรู้สึกทรมานจากการเสียเลือด... และความรู้สึกที่ว่าเหมือนกับมีอะไรบางอย่างงอกอยู่บนหลัง และเมื่อเมื่อเขาเหลือบสายตาไปดู ก็ต้องตะลึง
                ปีก... ปีกนกสีดำขนาดใหญ่ งอกออกมาจากหลังของเขาในจุดที่แตกออกเมื่อครู่ ซึ่งเขาสามารถมองเห็นรอยแตกของชั้นผิวลามมาถึงบริเวณหัวไหล่ แต่กลับมีเพียงข้างเดียว แต่น่าแปลกที่ไม่นานนัก มันกลับเชื่อมกันเป็นเหมือนเดิม ราวกับว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รวมไปถึงการหายไปของอาการเจ็บปวดทั้งหมด สิ่งที่ยืนยันว่ามันเป็นความจริงที่ยังคงเหลืออยู่ก็คือปีกข้างนั้นและกองเลือดบนพื้น

                แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดสนใจไปกับอวัยวะชิ้นใหม่ของตน เมื่อเขาได้ยินเสียงกรีดร้องมาจากทางฝั่งที่มีผู้คนวิ่งหนีออกไป ไม่นานหลังจากที่เกิดเสียงดังขึ้น ผู้คนกลุ่มเดิมก็วิ่งกลับมาทางนี้ พร้อมทั้งด้วยเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยคราบเลือด เมื่อทั้งหมดวิ่งมาจนถึงระยะที่มองเห็นชายปีกเดียว ก็ต้องหยุดนิ่งอีกครั้งด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง ด้านหลังก็มีปิศาจตามฆ่า ไหนจะด้านหน้า ที่มีปีศาจอีกตนยืนดักทางอยู่

                ชายเจ้าของปีกรู้สึกตกใจที่เห็นสภาพของทุกคนเป็นอย่างนั้น เพราะว่าปิศาจที่มีขวานมันอยู่อีกด้านหนึ่งของโรงพยาบาล การที่จะไปข้างหน้าได้ ต้องผ่านทางเชื่อมแคบๆทางเดียวทางนี้เท่านั้น แน่นอนว่าเขายังเห็นไม่มันผ่านไป ชายหนุ่มพยายามถามจากกลุ่มคนตรงหน้า แต่ได้รับแค่สายตารังเกียจปนหวาดระแวง ชายฉกรรจ์บางคนเห็นเด็กหนุ่มแปลกประหลาดตรงหน้าท่าทางอ่อนแอ จึงตัดสินใจพุ่งเข้าหาเขา

                ในวินาทีที่ชายคนนั้นพุ่งเข้ามาจะทำร้ายเจ้าของปีกนกสีดำ ปีกของเจ้าของร่างก็พุ่งจากด้านหลังเข้ามาแทงทะลุร่างกายของชายคนนั้น เลือดของเขาค่อยๆไหลรินลงมาเป็นสาย สายตาของคนอื่นๆที่เหลือรอดอยู่ในนั้น ต่างมองมาที่เขาด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย บ้างก็หวาดกลัวบ้างก็เกลียดชัง แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ ก็มีขวานน้ำแข็งพุ่งเข้ามา

                ทุกๆคนในบริเวณนั้นต่างกำลังตกใจไปกับการตายของชายฉกรรจ์ จึงไม่ทันมาสนใจกับปิศาจอีกตัว ทำให้ทุกคนต้องเสียชีวิตไปโดยไม่ทันมองภาพของฆาตกร ซึ่งภาพสุดท้ายที่พวกเขาเห็นคือภาพของชินที่กำลังฆ่าคน หาใช่ภาพของฆาตกรตัวจริงที่อยู่ด้านหลังไม่

                เมื่อขวานนั้น พุ่งมาจนถึงตัวของชายเจ้าของร่างสูง ปีกสีดำสนิทก็สลัดศัตรูเก่าออกไปแล้วมาป้องกันเจ้าของของมันแทน ราวกับว่ามันทำตามจิตใต้สำนึกของตัวมันเอง ชายในชุดคลุมคนเดิม ย่างเท้าออกมาจนถึงระยะที่เห็นชายหนุ่มชัดเจน

                “ผู้ถือบาปแห่งอสูรฟ้า.... อ่า... ข้าสัมผัสถึง... พลัง... คำสาป... กลิ่นไอแห่งมัน... ความแค้นที่สั่งสมมากว่าหมื่นปี... จ..จ.....จะต้องชดใช้ !” เสียงอันแหบกร้านแต่ก็แฝงไปด้วยพลังของมันดึงขึ้น พร้อมกับการพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง!

                ตู้มมมม!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×