คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : Super Star มายา - 19
ตอนที่ 19
“ซึงฮยอน ช่วยด้วย!”
(พี่ครับ พี่อยู่ที่ไหน?!)
“มะ ไม่รู้ ซู่เหลี่ยนจับฉันมา” สายตากวาดมองรอบๆมือเริ่มสั่นสะท้าน “ย่านกังนัม”
(ตรงไหน?) ปลายสายถามอย่างร้อนรนเช่นกัน
“หาฉัน ใช้จีพีเอสฉันต้องวางแล้ว” อีทึกบอกอย่างร้อนรนเมื่อเห็นรถเก๋งคันหรูเข้าจอดสนิทและชายวัยกลางคนที่คิดว่าเป็นคนน่าเชื่อถือเมื่อก่อนหน้านี้ลงมาจากรถ “ฉันได้ยินเสียงคยูฮยอน”
(อีทึก ผมเองคุณอยู่ที่ไหน?) ซึงฮยอนส่งต่อให้คยูฮยอน
“ฉันกลัวคยูฮยอน อ๊ะ!!” โทรศัพท์ในมือถูกกระชากออกต้นแขนเล็กถูกดึงให้กลับไปนั่งที่เตียงร่างกาย สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวไม่ต่างจากลูกนก
“ฉลาด แต่ไม่รอบคอบ ถ้าคิดว่าพวกนั้นจะหาเจอล่ะก็ รอไปเถอะ!”
“ซู่เหลี่ยน ฉันขอร้องอย่าทำแบบนี้เลย”
“ผิดคนแล้วล่ะคุณอีทึก เจ้านายผมต่างหากที่คุณต้องขอร้อง”
ผัวะ!
ในเมื่อขอร้องแล้วไม่ให้คนมีความอดทนต่ำอย่างอีทึกก็ปล่อยหมัดใส่หน้าชายหนุ่มอีกครั้ง ร่างบางจ้องกลับด้วยความโกรธ ซู่เหลี่ยนบีบต้นแขนเล็กทั้งสองข้าง
“โอ๊ย!!!”
“คุณหาเรื่องเจ็บตัวเองนะ”
“ทำไมต้องเป็นฉัน?!”
“ไม่รู้ตัวจริงๆหรอว่าคุณพิเศษว่าคนอื่น ไม่รู้หรอว่าใครๆก็ต้องการคุณ”
“รวมถึงนายด้วยรึเปล่าล่ะ ซู่เหลี่ยน?!” ซู่เหลี่ยนนิ่งไม่ตอบคำถามได้แต่จ้องดวงหน้าสวยเขม็งและยิ่งทำให้อีทึกรู้คำตอบทันที “ที่แท้นายก็อยากจะแทงข้างหลังเจ้านาย แกล้งทำจงรักภักดี ทุเรศ!”
“คุณปาร์ค จองซู ถ้ายังขื่นพูดมากกว่านี้ล่ะก็ผมจะจับคุณมัดมือมัดเท้าโยนหน้าต่างเดี๋ยวนี้เลย!”
“ก็ทำดูซิ!!” สิ้นคำท้าทายซู่เหลี่ยนที่โมโหอยู่แล้วจับข้อมือเล็กบิดจนอีทึกต้องบิดกายตามก่อนจะถูกชายหนุ่มใช้ผ้าแพรมัดข้อมือทั้งสอง
“หยุด!!!” เสียงสั่งกังวานทั่งสองหยุดชะงัก บุคคลที่สามก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามาช้าๆ
เพี๊ยะ!!!
ใบหน้าซู่เหลี่ยนหันตามแรงตบนายเหลินมองลูกน้องคนสนิทด้วยความไม่พอใจซู่เหลี่ยนหลบสายตาผู้เป็นเจ้านายใบหน้าซีกซ้ายแดงเป็นปื้น
“ฉันสั่งว่าอย่าให้คุณอีทึกมีบาดแผลใช่ไหม?!”
“ขอประทานโทษครับท่าน”
เพี๊ยะ!!
เสียงตบดังขึ้นอีกครั้งเมื่อนายเหลินไม่ต้องการฟังคำแก้ตัว ซู่เหลี่ยนยืนนิ่งยอมรับโทษจากเจ้านายก่อนถูกสั่งให้ออกไป นายเหลินเบนสายตาไปสนใจอีกคนที่ตอนนี้หลบไปยืนอีกฝั่งของห้องตาสวยมองนายเหลินด้วยสายตาหวาดระแวง
“คุณอีทึก ขอโทษด้วยที่ลูกน้องผมทำรุนแรง เรามานั่งคุยกันดีๆก่อนดีไหมครับ?”
“อย่ามายุ่งกับฉัน!” อีทึกหยิบรูปปั้นหินสลักทุบกับผนังแล้วกำมันไว้ในมือ
“ผมชอบนะ ที่คุณเป็นคนหัวดื้อแต่ถ้าดื้อดึงมากๆผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน!” นายเหลินเปลี่ยนน้ำเสียงในทันทีเมื่อร่างบางไม่ทำตามที่เขาสั่ง อีทึกก้าวถอยเมื่อนายเหลินย่างสามขุมเข้ามา ร่างบางสั่นกลัวหินในมือกำแน่นไม่กล้าแม้แต่จะยื่นออกไปขู่
“กลัวหรอ? ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันทำไม่เจ็บ” เสียงแหบแห้งพูดพร้อมรอยยิ้มน่าขยะแขยง พลางกระชากข้อมือเล็กเพื่อที่จะเหวี่ยงไปที่เตียง ร่างบางขัดขืนปัดมือนั้นพัลวันก่อนจะตวัดมือที่ถือหินสลักจนบาดต้นแขนอีกคนจนได้เลือดอีทึกใช้จังหวะวิ่งหนีไปที่ประตู
“ปล่อย!!! โอ๊ย เจ็บ” กลุ่มผมนิ่มถูกดึงจนหน้าหงายร่างบางเสียหลักล้ม นายเหลินขึ้นทับร่างกายก่อนจะลงฝ่ามือฟาดใบหน้าสวยจนซ้ำ อีทึกใช้แรงทั้งหมดผลักชายตรงหน้าเพื่อให้หยุดกระทำแล้วรีบลุกหนีอีกครั้ง มือบางคว้าของโชว์บนชั้นขว้างใส่เพื่อไม่ให้ลุกตามตนได้
“เปิดประตู!!! ปล่อยฉัน!” ร่างบางตะโกนสั่งคนด้านนอก “คนสารเลว ถ้าแตะตัวฉันอีกครั้งฉันจะฆ่าแก!”
เสียงหวานขู่คนที่พยายามลุกและย่างกายเข้ามาอีก ใบหน้าแห้งกร้านมีรอยย่นยามแสยะยิ้มมองดวงหน้าสวยอย่างไม่หวาดกลัว
“อย่าคิดหนีอีกเลยคุณอีทึก เพียงแค่คุณยอมทำตามทุกอย่าง ผมสามารถทำให้คุณมีชื่อเสียงเหมือนคนอื่นๆ”
“ทุกคนที่โด่งดังเพราะแกต้องทำเรื่องอย่างว่ากับแกก่อนงั้นหรอ ทุเรศ ไอ้แก่ตัณหากลับ!”
อีทึกทุบประตูอีกครั้งพยายามทำทุกอย่างให้ประตูเปิดอย่างร้อนรน นายเหลินหยิบของโชว์ที่ร่างบางปาใส่เขาฟาดต้นคอสวยจังหวะที่ร่างบางเผลอ อีทึกทรุดนั่งกองกับพื้นมือกุมต้นคอ สายตาเริ่มพร่ามั่วก่อนตนจะถูกผลักให้นอนราบกับพื้น เสื้อผ้าเริ่มถูกปลดออกที่ละชิ้นมือเย็นเฉียบสัมผัสผิวจนขนลุกเสียงลมหายใจดังฟืดฟัดจนน่าสะอิดสะเอียน ตาสวยพยายามปรือขึ้นมองไม่ให้สติของตนดับมือพยายามผลักดันร่างกายคนด้านบนออก ความเปียกชื้นโลมเลียบนผิวเนื้อละเอียดทำให้อีทึกแขยงจนอยากดิ้นหนี
“โอ๊ย!” นายเหลินร้องโหยหวยเมื่อถูกของแข็งตีเข้าที่หัว บุคคลที่สามรีบผลักชายสูงวัยให้พ้นจากร่างบาง
“พี่ครับ”
“ซึงฮยอนหรอ?”
“รีบลุกเถอะครับ”
“มาได้ยังไง?” อีทึกสะบัดหัวเรียกสติตัวเอง หยิบเสื้อใส่ลวกๆ
“คุณฮันกยองพามา สองคนนั่นสู้อยู่ด้านนอก” ผู้จัดการหนุ่มพยุงรุ่นพี่ลุกขึ้น
“ซึงฮยอน จับเขาไว้” ร่างบางชี้ไปที่นายเหลิน “โทรแจ้งตำรวจด้วย โทรหาผู้กองชเว หมอนั่นจัดการตาแก่นี่ได้”
“พี่จะไปไหน?”
“ไปหาสองคนนั่น อ้อ!” ร่างบางเดินย้อนกลับมาหานายเหลิน
เพี๊ยะ!!! เพี๊ยะ!!!!
อีทึกตบหน้าเต็มแรงก่อนจะเอาโทรศัพท์ของซึงฮยอนกดถ่ายรูปและวิดีโอเป็นหลักฐาน
“เตรียมเข้าคุกได้เลย!!”
..
...
คยูฮยอนลากลูกน้องคนหนึ่งของซู่เหลี่ยนที่ตนซ้อมจนสลบดันหลบให้พ้นทาง สายตากวาดมองหาพี่ชายทั่วห้องโถง เสียงต่อสู้บนชั้นสองเร่งให้คยูฮยอนรีบตามขึ้นไปพี่ชายบ้าเลือดกำลังทุ้มเก้าอี้ใส่ชายฉกรรณ์สองคน
“อีทึกล่ะ?”
“ซึงฮยอนไปตามหาอยู่” ฮันกยองโยนเก้าอี้ทิ้งและหยิบปืนพกของชายสองคนนั้นมา
“เก็บไว้ เผื่อต้องใช้”
“ถ้าแม่รู้ว่าเราอยู่ในสภาพนี้ล่ะก็ ท่านฆ่าเราแน่”
“นายก็อย่าปากโป้งแล้วกัน ไปเถอะ”
ดวงตาสวยจ้องเขม็งที่ชายหนุ่มยังไม่ทันที่เขาจะก้าวพ้นประตู ซู่เหลี่ยนก็โผล่มาขว้างใบหน้าชายหนุ่มแต้มรอยฟกช้ำประปราย ขาเรียวถอยห่างช้าๆตาสวยมองซ้ายขวารีบหันหลังวิ่งหนี
“ฮันกยอง ช่วยด้วย!!!” ร่างบางตะโกน ซู่เหลี่ยนรีบคว้าตัวร่างบางอุ้มขึ้นบ่าก่อนโยนคนสวยเข้าไปในห้องเก็บของเล็กๆ “ปล่อยฉัน!”
อีทึกถีบชายหนุ่มให้ถอยห่างเมื่อรู้ว่าซู่เหลี่ยนพยายามจะถอดเสื้อของตน ข้อมือเล็กถูกกำแน่นยกขึ้นเหนือหัว คำด่าทอจากร่างบางถูกปิดด้วยริมฝีปากของชายหนุ่มแค่สัมผัสนั้นน้ำตาก็เริ่มไหลอย่างหวาดกลัว
ปัง!!!
ซู่เหลี่ยนเอนฟุบพร้อมกับกองเลือดที่เริ่มซึมไหลออกมาจากบาดแผล ตาสวยเบิกกว้างอย่างตกใจรีบถดถอยหนีจากร่างที่ไร้สติ ชายหนุ่มร่างสูงในชุดแจ๊ตเก็ตพร้อมตราประจำตำแหน่งติดอยู่ที่หน้าอก 'ชเว ซีวอน'
“ผมมาช้าไปรึเปล่า?” ร่างบางมองชายหนุ่มตรงหน้าพลางปาดน้ำตาที่แก้มออก ซีวอนถอดแจ๊ตเก็ตคุ้มร่างกายบางไว้ เสียงฝีเท้าหนักๆดังใกล้เข้ามา
“คยูฮยอน!!” เจ้าของชื่อแทรกตัวผ่านผู้กองหนุ่มหรือแทบจะไม่มองด้วยซ้ำว่าเขายืนอยู่และแทบจะในทันทีที่อีทึกโผล่เข้ากอดเจ้าเด็กตัวโตแน่น
“ไม่เป็นไรใช่ไหม พวกมันทำอะไร?” คยูฮยอนลูบใบหน้าสวยชุ่มเหงื่อพลางปาดน้ำตาที่กลับมาไหลอีกครั้ง ร่างสูงแตะมุมปากบางที่เป็นรอยช้ำ “ไม่ต้องกลัวแล้วนะ”
“หน้านายช้ำหมดแล้ว” อีทึกลูบหางคิ้วหนามีเลือดซึม
“ไม่เป็นไร ผมไม่เจ็บเลย”
ซึงฮยอนยืนมองร่างสูงอีกคนสลับกับรุ่นพี่คนสวย นัยน์ตาที่ฉายแววเจ็บปวดเหลือเกินจนตัวเขาสามารถรับรู้ได้แม้ซึงฮยอนจะไม่เข้าใจสถานะการณ์ตอนนี้นักว่าอีทึกมีใจให้ใครกันแน่ แต่คนที่วิ่งมาถึงห้องนี้ก่อนคือฮันกยอง...
“พี่ไม่ต้องห่วงหรอก มันไม่ตายหรอกน่า” ผู้กองหนุ่มรีบพูดเมื่อเห็นพี่ชายมองซู่เหลี่ยนที่ไร้สติขึ้นเป้หามอย่างเป็นกังวล
“ฉันไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น ฉันห่วงว่านายจะโดนอะไรบ้างต่างหาก เคยจับผู้ร้ายในสภาพดีๆบ้างไหม?”
“ไม่ต้องห่วง อย่างมากแค่พักงาน”
“นิสัยไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ!”
“พี่น่ะ ดูแลตัวเองเถอะ ทำไมถึงโดนจับมาได้ ไอ้เปี๊ยกนั่นดูแลพี่ยังไง!” ซีวอนพูดพลางมองหาผู้จัดการตัวแสบ “สองคนนั่นเป็นใคร แฟนหรอ? คนไหน?”
ซีวอนมองไปที่สองพี่น้องกำลังให้ปากคำตำรวจ อีทึกลอบถอนหายใจออกเบาๆส่ายศีรษะปฏิเสธ ซีวอนเลิกคิ้วสูงอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ถามอะไรออกไปอีก
“ฮันกยอง” เสียงหวานเอ่ยเรียกเบาๆ ร่างสูงละสายตาจากโทรศัพท์มองตามเสียง
“ครับ มีอะไรครับ?” น้ำเสียงเรียบเย็นฟังดูห่างเหินจนคนสวยเกิดความสงสัย “คุณควรจะพักผ่อนนะ รีบกลับบ้านเถอะ” ฮันกยองแทรกตัวเข้ารถเตรียมสตาร์ท
“นายมีอะไรรึเปล่า โกรธฉันรึเปล่า?”
“เปล่า”
“เปล่า? แต่นายกำลังเมินหน้าหนีฉันอยู่นะ!” อีทึกจับข้อมือหนาไว้ ฮันกยองออกจากรถมองร่างบางด้วยสายตาเรียบนิ่งก่อนจะพูดออกมาช้าๆด้วยเสียงเย็นชา
“ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ”
“นาย...เกิดอะไรขึ้น?” ร่างบางถามกลับอีกครั้ง เขาไม่เข้าใจว่าร่างสูงเป็นอะไร ไม่เข้าใจอะไรเลย
“ผมจะกลับบ้านแล้ว” ร่างสูงสะบัดข้อมือแต่อีทึกกำแน่นยิ่งกว่าเดิม
“ฉันไม่ปล่อยให้นายไปไหนจนกว่าฉันจะรู้ว่านายเป็นอะไร ฉันทำอะไรให้นายโกรธ” ฮันกยองถอนหายใจออกหนักๆ แสดงอาการรำคาญจนเห็นได้ชัด ตาสวยมองคนตรงหน้าไม่ละสายตาเพื่อต้องการคำตอบ
“คุณกล้ายอมทุกอย่างไหมล่ะ?”
กุญแจรถหรูถูกโยนลงบนโซฟาอย่างไม่ใส่ก่อนเจ้าของมันจะหันมาสนใจอีกคนที่เดินตามหลังมาช้าๆ นัยน์ตาสวยจ้องมองคนตรงหน้าเขารู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่แม้แต่จะปฏิเสธ
ร่างบางจิกเล็บลงแผ่นหลังหนาวงแขนแกร่งตะคองกอดร่างกายบางคล้ายว่ากลัวคนสวยของเขาจะหายไป ริมฝีปากหนาจูบพรมทั่วร่างกายสัมผัสที่โหยหาจากร่างบางมาแสนนาน คนสวยก็ตอบรับสัมผัสนั้นเช่นกันแม้จะรู้สึกแปลกและสงสัยภายในใจลึกๆว่าสัมผัสที่ร่างสูงมอบให้เขาตอนนี้คืออะไร รัก โกรธ หลง? แต่เขาก็ยอมรับมันมาเรียบร้อยแล้วและไม่ปฏิเสธด้วย
..
...
ร่างบางลืมตาตื่นกลางดึกหลังจากหลับไปได้แค่ชั่วโมงเดียว อีทึกลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าใส่และหันมองร่างสูงที่ยังคงหลับสนิท แววตาเรียบนิ่งมองคนหลับพร้อมคำถามที่ยังค้างคาในหัว
“สิ่งที่นายต้องการมีเพียงแค่นี้รึเปล่า? ถ้าใช่ ฉันจะเกลียดนาย”
เสียงกระซิบแผ่วเบาพร้อมทำนบน้ำตาที่ตัวเองยังไม่รู้ว่าร้องไห้เพื่ออะไรและเพราะอะไร เพราะตนรักผู้ชายคนนี้หรือ...
ตอนต่อไปกำลังจะเสร็จแล้วค่ะ รอนิดนึงนะค่ะ
เม้นให้ไรเตอร์ด้วยนะค่ะ ยังมีคนอ่านอยู่ใช่ไหม?
ความคิดเห็น