คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Super Star มายา - 12 [100%]
ตอนที่12
ร่างบางนอนพลิกตัวไปมาพยายามข่มตาให้หลับเสียงเข็มนาฬิกาเดินเป็นจังหวะในความเงียบสะงัด ตาสวยเหลือบมองเวลาอยู่เป็นระยะก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นอย่างหงุดหงิดเมื่อทำยังไงก็นอนไม่หลับเสียที
“รอหรือไม่รอ” เสียงหวานพูดกับตัวเองเบาๆ “เด็กบ้า!!!”
ร่างสูงนั่งถอนหายใจนัยน์ตามองรอบๆด้านที่มืดสนิทไฟตามสถานที่ต่างๆเริ่มปิดทีละดวง คยูฮยอนหันหลังพิงเสาร์ต้นใหญ่ในมือยังถือกล่องกำมะหยี่ไว้แน่น นาฬิกาข้อมือที่ก่อนหน้านี้เขาก้มดูมันทุกๆนาทีเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆก็ไม่รู้ว่าจะดูมันไปเพื่ออะไร
เปลือกตาหนาค่อยๆหลุบลงเมื่อความง่วงเริ่มครอบคลุม ร่างสูงจมอยู่ในภวังค์นิทานวูบหนึ่งก่อนจะสะดุ้งลืมตาตื่นเมื่อเสียงล้อรถเบียดกับพื้นถนนเสียงดัง แสงไฟรถยนต์สว่างวาบแยงตาจนต้องยกมือป้องแสง คนในรถเปิดประตูออกลงมาเดินตรงดิ่งเข้ามาหา คยูฮยอนลุกขึ้นยืนเพ่งมองบุคคลนั้นให้ชัดเจนริมฝีปากอิ่มหนาฉีกยิ้มก่อนตัวเองจะถูกกระชากคอเสื้อด้วยแรงที่น้อยนิด
“นายทำบ้าอะไรอยู่ที่นี่ห๊ะ!!!” เสียงหวานตวาดลั่นอย่างโมโห “จะรอไปถึงไหน ถ้าใครมาเห็นนายจะทำยังไงคิดบ้างสิ ไอ้เด็กบ้า!”
“คุณมา” คยูฮยอนมองใบหน้าสวยที่ที่แดงกร่ำเพราะความโกรธ
“ฉันอยากตีนายให้ตายซะตรงนี้เลย” ร่างบางโมโหจนน้ำตาไหล คยูฮยอนหุบยิ้มใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาที่แก้มเนียนออก อีทึกจับมือหนาที่เย็นเฉียบออกจากแก้มแต่ยังไม่ปล่อยมือ ร่างสูงยิ้มเมื่อความอุ่นจากมือบางแผ่ซ่านก่อนจะสอดแขนกอดเอวบางในเสื้อคลุมตัวหนาแนบแก้มกับหัวสวยซับความอุ่นอีกครั้ง
“ทำแบบนี้ทำไม เรียกร้องความสนใจหรอ?”
“วันเกิดคุณ ผมแค่อยากมีโอกาสให้ของขวัญ แต่ตอนนี้มันผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว” คยูฮยอนบอกอย่างเสียดาย
ร่างสูงหยิบสร้อยข้อมือออกจากกล่องกำมะหยี่บรรจงใส่มันที่ข้อมือเล็กจี้หยดน้ำต้องแสงไฟส่องวาบวับริมฝีปากบางยิ้มให้กับความสวยงามของมัน
“สุขสันต์วันเกิด” นัยน์ตาสีน้ำตาลมองใบหน้าสวยไม่อาจจะละสายตา สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะห้ามความรู้สึกตัวเองคยูฮยอนก้มจูบริมฝีปากบาง อีทึกปิดเปลือกตาลงรับจูบอย่างไม่ขัดขืน
“นายชอบทำให้ฉันหงิดหงุดอยู่เรื่อยเลย” อีทึกถอดเสื้อคลุมของตนเอามาคลุมไหล่ร่างสูงแทน
“ผมชอบนะ คุณเป็นห่วงผมด้วย”
“ฉันไม่อยากให้เด็กอย่างนายต้องมาตายเพราะฉันต่างหาก ทำไมฉันจะต้องเป็นคนผิดในเรื่องที่ฉันไม่ได้ก่อขึ้นด้วยล่ะ” ร่างบางจูงมือร่างสูงไปที่รถ
“ไปส่งผมที่คอนโดฯคุณนะ”
“อยากโดนดีรึไง!” อีทึกจึกผมอีกคนดึงแรงๆ
..
สไตลิสสี่ห้าคนกำลังเร่งจัดเตรียมเสื้อผ้าให้นายแบบและนางแบบอย่างขะมักเขม้น เสื้อผ้าต้อนรับฤดูหนาวของแบรนด์ดังออกแบบใหม่ นายและนางแบบเกือบสิบคนต่างก็ทยอยถ่ายรูปกันทีละเซท
“อีทึก เซทต่อไปถ่ายกับจีอานะ” สไตลิสสาวรุ่นพี่ส่งชุดให้ทีละตัว ร่างบางพยักหน้าเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและกลับออกมา
หญิงสาวเดินมาเข้าฉากหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จหล่อนส่งยิ้มบางๆให้อีทึกก่อนจะเริ่มถ่ายมือเล็กจับประสานกับมือของร่างบางหันหลังชนกันตามที่ตากล้องสั่ง
“สร้อยข้อมือสวยจังเลยนะค่ะ” หญิงสาวกระซิบเบาๆให้พอได้ยินสองคน
“ขอบคุณครับ”
“เอามาจากไหนหรอค่ะ?”
“คยูฮยอนให้ผมมา” อีทึกบอกตามความจริงขณะหันหน้าเอามือเกาะไหล่เล็กทั้งสองข้างของหญิงสาว จีอาลอบกัดฟันกรอกอย่างโมโหยกส้นสูงที่หล่อนใส่กดลงบนบู๊ทของร่างบางเต็มแรงจนอีทึกผลักตัวออกพยายามชักเท้าตัวเองออกจนเซล้มลงกับพื้น ร่างบางก้มหน้าลงกับหน้าเข่าอย่างเจ็บปวด ตากล้องหยุดถ่ายภาพผู้จัดการหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปถอดรองเท้าดูอาการ
“ขอโทษค่ะคุณอีทึก” จีอารีบขอโทษขอโพยเมื่อทีมงานเริ่มกรู่กันเข้ามา
“พอแค่นี้เถอะครับ” ซึงฮยอนบอกตากล้องเมื่อเห็นเท้าของร่างบางถลอกจนเลือดไหล ตากล้องพยักหน้าตอบรับผู้จัดการหนุ่มพยุงร่างบางขึ้นพาไปทำแผล
“เจ็บมากไหม?” ซึงฮยอนถามขณะใส่ยาให้
“แสบ”
“คุณจีอานี่แรงเยอะใช่เล่นเลยนะ เหยียบทะลุรองเท้า”
“มันเป็นอุบัติเหตุ”
“ผมรู้ พี่คงเดินไม่สะดวกไปหลายวันเลยล่ะ”
“เรื่องวีก็อตแมริสว่ายังไง?”
“อาทิตย์หน้าจะเริ่มถ่ายตอนแรก และค่อยโปรโมทคู่ของพี่ทีหลังเพื่อดูกระแสตอบรับ สรุปก็คือเรายังไม่รู้ว่าอีกคนคือใคร”
“ฉันอยากคู่กับ คิม ฮันนาจัง”
“พี่ชอบนูนาคนนั้นมากขนาดนั้นเลยหรอ?” ซึงฮยอนถามไปยิ้มไป
“เธอทำอาหารเก่งสุดๆเลย อร่อยด้วย”
“พี่หิวรึเปล่าเนี่ย?”
“อืม” ซึงฮยอนหลุดหัวเราะขำ อีทึกยิ้มพลางขยี้หัวน้องเล่น
..
ใบหน้าสวยชะเง้อคอมองชายหนุ่มบนม้านั่งตัวโปรดก่อนจะเดินเข้าไปนั่งข้างๆวาง ถุงเฟรนฟรายในมือลงและหันมองร่างสูงที่มานั่งก่อนเขา อีทึกก้มมองใบหน้าหล่อที่เปลือกตาปิดหลบแสงอาทิตย์ที่กำลังตกลาขอบฟ้า มือบางปัดไปมาตรงหน้าร่างสูงเช็คว่ารู้ตัวรึเปล่าว่าเขามานั่งอยู่ด้วยแล้ว ร่างบางลอบถอนหายใจเบาๆเมื่อร่างสูงไม่ขยับสักนิดก่อนจะหยิบเฟรนฟรายขึ้นมา กินอีกครั้งพลางมองสนามหญ้าโล่งๆอย่างเงียบๆ
เสียงกอกแกรกข้างๆทำให้ร่างสูงลืมตาและหันมองร่างบางนั่งเคี้ยวเฟรนฟรายแก้มตุ่ย มือหนึ่งถือถุงซอสอีกมือถือชิ้นเฟรนฟรายดูจริงจังกับการกินมากเหลือเกิน ฮันกยองระบายยิ้มมองร่างบางตั้งใจกินจนแก้มตุ่ยน่ารักน่าชังเสียจริง อีทึกยัดเฟรนฟรายสองชิ้นสุดท้ายเข้าปากรวดค่อยๆเคี้ยวเพราะตอนนี้เฟรนฟรายเต็ม กระพุ้งแก้ม
“อิ่มไหม?” ร่างบางสะดุ้งตกใจหันมองตามเสียง ใบหน้าหวานแดงอย่างอายๆเพราะแก้มตัวเองบวมตุ้ยเพราะของกิน อีทึกพยักหน้าตอบงิกๆฮันกยองใช้หลังมือเช็ดเศษอาหารที่มุมปากอีทึกหันหน้าหนีซ่อนใบหน้าเขินอายให้พ้นสายตาของร่างสูง
“มาทำอะไรที่นี่?”
“นั่งเล่น”
“ฝั่งนั้นมันที่ฉัน อีทึกพยักเพยินหน้าไปตรงที่ร่างสูงนั่ง ฮันกยองมองและยิ้มก่อนจะเอนตัวลงนอนหนุนตักร่างบาง
“นอนทำไม ลุก!”
“วันนี้เหนื่อยจัง” ฮันกยองเยียดขายาวๆของตนจนเลยม้านั่งและปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง
“นายจะหลับอีกหรอ?”
“อืม”
“ฉันจะกลับบ้านแล้วนะ”
“....”
“ฮันกยอง” ร่างบางเรียกแต่ร่างสูงไม่ขยับหรือขานรับ คนสวยย่นจมูกใส่ “ฮึ่ย!~”
ร่างบางดึงแก้มคนหลับอย่างหมั่นไส้ก่อนจะรีบชักมือกลับตาสวยเบิกกว้างอย่างตกใจ เอามือแนบหน้าผากร่างสูง
“ฮันกยองนายไม่สบายนิ”
“ไม่เป็นไร” ร่างสูงบอกขณะที่ยังหลับตา
“ตัวร้อนจี๋เลย นายต้องไปหาหมอนะ”
“ไม่เอาไม่ไป ขอนอนอยู่นี่ก่อนนะ” ฮันกยองจับมือบางที่วางบนหน้าผากมากุมวางไว้บนอกตน
“ฉันต้องบอกผู้จัดการของนายให้เขามารับ” อีทึกพยายามเอื้อมมือคลำกระเป๋ากางเกงร่างสูงหาโทรศัพท์
“อีทึก ผมอยากอยู่ที่นี่ กับคุณ” ร่างสูงลืมตาขึ้นมองร่างบางด้วยสายตาอ้อนวอน “อย่าโทรหาใครเลย”
“นายเป็นไข้นะ ตัวร้อนมากๆด้วย หน้านายก็แดง” คนสวยบอกอย่างเป็นกังวล ท่าทางแบบนั้นทำให้ฮันกยองใจชื้นขึ้นมาทันที
“ถ้าผมไม่เป็นไข้ ผมอยากจูบคุณซะเดี๋ยวนี้เลย” ร่างสูงพยุงตัวเองนั่ง ร่างบางมองใบหน้าหล่ออย่างครุ่นคิดและยืนหน้าเข้าไปหาจนร่างสูงผงะ
“ยอมไปหาหมอกับฉันไหมล่ะ?” เสียงหวานเอ่ยกระซิบริมฝีปากบางจูบลงมุมปากหนา ฮันกยองนิ่งอึ้งมองใบหน้าสวยตาไม่พริบ หัวใจเขาเต้นระรั่วอย่างดีใจแทบระเบิด
“ไป”
..
ต่อ
WGM
ร่างบางนั่งอ่านสคริปอย่างขะมักเขม้นคิ้วสวยขมวดคุ้นเมื่อรู้ว่าฉากแรกของการพบเจอคู่รักหลอกๆนั้นไม่ใช่อย่างที่ตนคิด
“หน้าพี่ย่นเหมือนหมาบูด็อคเลย”
“คู่ฉันไม่ใช่ผู้หญิง ยังจะให้ฉันยิ้มอยู่รึไง!” ร่างบางกระดกขวดน้ำเพื่อระบายอารมณ์หงุดหงิด “ไม่มีอารมณ์จะอ่านแล้ว อ่านไปก็จำไม่ได้!”
“ทำไมเราต้องถ่อมากันถึงนี่ด้วย?” ซึงฮยอนเริ่มบ่นบ้างเขาขับรถมาตั้งไกลฉากแรกถ่ายทำไกลถึงทะเล
“คุณอีทึกค่ะ เชิญค่ะ” ทีมงานสาวคนเขียนสคริปเปิดประตูรถตู้ชะโงกหน้าบอก ร่างบางพยักหน้ารับ
“เจอหน้าเมื่อไหร่นายอยู่ไม่เป็นสุขแน่” อีทึกกัดฟันกรอดเมื่อนึกถึงชายคู่แต่งงาน
ฉากแรกทีมงานเลือกโลเคชันริมทะเลโดยร่างบางจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาชายหนุ่มคู่แต่งงาน เมื่อเริ่มเดินกล้องตาสวยกวาดมองหาสามีจอมปลอมตามที่ทีมงานบอกให้เดินหาไปตามแผ่นที่ที่ให้ไว้จะมีคำใบ้ให้แต่ละจุด จุดแรกคือกล่องสีแดง
“กล่องสีแดงคืออะไร ฉันเห็นแต่ต้นมะพร้าวเขียวๆ” ร่างบางหันพูดกับกล้องและเดินหาต่อไป “โอ๊ะ! นั่นใช่กล่องสีแดงที่ว่าป่ะ?”
ร่างบางชี้ไปที่กล่องไปรษณีย์หลบอยู่หลังต้นมะพร้าว กล่องไปรษณีย์ริมทะเลไร้ผู้คนช่างไม่สมเหมาะสมผลเลยจัดฉากได้ห่วยมาก ร่างบางคิดก่อนจะเปิดกล่องไปรษณีย์หยิบคำใบ้
“นี่อะไรเนี่ย?!” รูปวาดระบายลายเส้นเด็กอนุบาลในรูปมีคนสี่คนสุนัขอีกหนึ่งตัว อีทึกพยายามมองรูปให้ออกว่าคนไหนเป็นผู้หญิงคนไหนเป็นเป็นผู้ชาย “เขาคงไม่ได้เป็นจิตกรหรอกใช่ไหม ดูจากรูปแล้วไม่น่าเป็นไปได้” ร่างบางหันรูปให้กล้องแล้วหัวเราะขำ หน้าสวยก้มดูแผนที่จุดต่อไปที่ต้องหาคำใบ้
“พื้นสีขาว? คำใบ้นี้ยากจัง” อีทึกกวาดตามองหาพื้นสีขาวในที่นี้สิ่งเดียวที่เป็นสีขาวคือทรายบนพื้น “อ่า~ พื้น! ทรายนี่ใช่ไหม?” ร่างบางมองพื้นทรายเดินไปรอบๆกวาดตามองพื้นทรายสีขาวและหยุดเท้าลง บริเวณพื้นทรายถูกเขียน ‘ผมคือดอกไม้สีแดงของคุณ’
“ไหนล่ะ? ดอกไม้สีแดงของฉัน” ตาสวยกวาดมองหา “คำใบ้สุดท้าย เดินไปอีกสิบก้าว?” เสียงหวานอ่านตามแผนที่แล้วเริ่มเดินนับก้าวทีละก้าว
ชายหนุ่มร่างสูงหนายืนหันหลังพร้อมดอกไม้สีแดงสดในมือค่อยๆหันหน้ามาหาร่างบาง อีทึกพยายามทำยิ้มเขินเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลานั้นชัดเจนปากบางรีบหุบยิ้มคิ้วสวยขมวดขุ่น ตากล้องพยายามส่งซิกให้ร่างบางยิ้มเมื่อกล้องกำลังจับที่เขา อีทึกเหล่มองตากล้องแวบหนึ่งก่อนจะปั้นยิ้มเขินตามเดิม
ร่างสูงหนาฉีกยิ้มเต็มแก้มมีความสุขและดีใจเหลือล้นก้าวเดินเข้ามาหาช้าๆและหยุดตรงหน้าร่างบางยื่นช่อดอกไม้สีแดงให้
“คุณคือภรรยาของผมใช่ไหม?”
“ไม่! เออ...” เสียงหวานแทบจะตอบปฏิเสธในทันทีแต่ชะงักคำพูดนั้นไว้ทันและพยักหน้าตอบหลบสายตาอย่างเขินอายตามสคริป ร่างสูงผายมือเชิญให้เดินนำอย่างสุภาพ(ตามสคริป) ทั้งคู่เดินมาถึงมานั่งสีขาวที่ทีมงานจัดไว้ให้ ร่างบางรู้สึกเลี่ยนจนขนลุกกับกิริยาท่าทางของร่างสูง
“คุณชอบอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า?” ร่างสูงถาม
“พิเศษหรอ? อืม...สีขาว”
“อะไรอีก?”
“ไม่มีแล้ว”
“หิวรึยัง?” ทั้งคู่ยังคงพูดไปตามสคริป
“หิว” ร่างบางพยักหน้าและส่งยิ้มให้ “ไปหาอะไรทานกันเถอะ”
“OK!!!”
เสียงปรบมือของโปรดิวเซอร์ดังสองทีให้กล้องหยุดเดิน โปรดิวเซอร์เดินเข้าไปหาทั้งคู่
“ยินดีตอนรับสู่วีก็อตแมริส พวกคุณเหมาะสมกันมากขอบคุณที่ร่วมงานกับเรา” โปรดิวเซอร์หัวเราะชอบใจเมื่อเห็นอีพีแรกที่ผ่านไปด้วยดี อีทึกส่งยิ้มแห้งๆให้ “ไปพักเถอะครับ แล้วค่อยถ่ายซีนต่อไป”
ทั้งคู่ส่งยิ้มให้โปรดิวเซอร์อย่างสุภาพก่อนร่างบางจะหันกลับมาจ้องใบหน้าหล่อเปื้อนยิ้มด้วยสายตาแข็งกร้าว
“ตามฉันมานี่!!”
“ครับ”
คอเสื้อแจ็คเก็ตถูกกระชากอย่างแรงจนร่างสูงเซจนเกือบล้มแผ่นหลังกว้างกระแทกกับต้นมะพร้าวจนจุก
“มีความสุขมากไหมห๊ะ ยิ้มแบบนั้นนายมีความสุขมากใช่ไหม?”
“ใช่ ผมมีความสุข มีความสุขที่เห็นว่าภรรยาของผมเป็นคุณ”
“นายรู้แต่แรกแล้วใช่ไหม ถ้าฉันรู้ว่าเป็นนายฉันไม่มีทางรับเล่นแน่”
“ผมไม่รู้ ผมรู้ว่าเป็นคุณก็ตอนที่เห็น ผมสาบานได้”
“ฉันเกลียดนาย โจว คยูฮยอน ไปห่างๆฉันเลย!” ร่างสูงเปลี่ยนสีหน้าไม่พอใจปนเจ็บปวด
“คุณเกลียดผมเพราะคนที่คู่กับคุณไม่ใช่พี่ฮันกยองใช่ไหม คุณอยากให้คนๆนั้นเป็นพี่ฮันกยองใช่ไหม?”
“ฮันกยองไม่เกี่ยว อย่ามาพาลนะ”
“ตอบผมสิ!”
“ไม่ใช่ใครทั้งนั้น”
“ผมไม่เชื่อหรอกว่าหัวใจคุณจะตายด้าน ผมจูบคุณผมรู้สึกคุณเองก็มีความรู้สึก เพราะไม่อย่างนั้นคุณคงปฏิเสธผมไปแล้ว”
“ฉันทำเพราะเห็นใจนาย” ร่างบางบอกเสียงราบเรียบ
“อย่างนั้นเองหรอ?! คุณทำร้ายจิตใจผมเกินไปแล้ว” คยูฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ผมต้องการความรักจากคุณไม่ใช่ความเห็นใจ”
ร่างสูงบอกอย่างปวดร้าวหันหลังเดินหนีจากไปเพื่อหลบเลี่ยงการเผชิญหน้ากับคนสวยใจร้าย เขากำลังจะร้องไห้ยิ่งถ้าอีทึกเห็นก็ไม่ต่างอะไรกับการขอความเห็นใจจากร่างบาง
นัยน์ตาสวยเหลือบมองคนตรงข้ามเป็นระยะขณะคนเขียนสคริปกำลังแนะนำซีนต่อไป ตอนนี้เขาไม่ได้ใส่ใจกับมันเลยสักนิดนัยน์ตายังจับจ้องที่ชายหนุ่ม คยูฮยอนไม่หันมองหรือส่งยิ้มกวนให้อย่างที่เคยทำเขาเอาแต่สนใจสคริปในมือตัวเองเท่านั้น
“ฉันไม่คิดว่าจะเป็นเขา” เสียงหวานเอ่ยขึ้นขณะสายตายังจับจ้องที่ชายหนุ่ม
“ผมก็เหมือนกัน”
“ฉันจะถอนตัว”
“ไม่ดีแน่ พวกผู้ใหญ่ท่านเห็นด้วยที่เสนอให้พี่เล่น”
“ตอนนี้ฉันคิดไม่ออกแล้วว่าจะอยู่ห่างๆพวกนั้นยังไง” ซึงฮยอนยืนนิ่งมองรุ่นพี่นั่งถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “นั่งรถมาตั้งไกลเพื่อมาถ่ายแค่ซีนเดียวแถมยังไม่สนุกอีกต่างหาก”
ร่างสูงชะโงกหน้ามองรถตัวเองขณะทีมงานกำลังติดกล้องไว้ที่หน้ารถตน เขากับร่างบางต้องขับรถกลับโซลด้วยกันโดยมีกล้องคอยติดตามไว้ด้วย อีทึกเดินตามทีมงานสาวเข้ามาเมื่อรู้ว่าตนต้องกลับกับร่างสูงใบหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงอาการหงุดหงิดหรือไม่พอใจอย่างที่เคยทำคยูฮยอนแอบสังเกตบนหน้า
ตาสวยเหล่มองคนข้างๆหลังจากรถเริ่มเคลื่อนตัวออกกล้องตรงหน้าทั้งสองขึ้นไฟสีแดงกำลังถ่ายอิริยาบถของพวกเขาร่างบางดึงกระดาษออกจากกระเป๋ากางเกงกางออก
“รูปนี้นายวาดหรอ?” เสียงหวานถามพลางหันรูปให้ดู ร่างสูงหันมองรูปวาดระบายสี
“อืม”
“รูปอะไร?”
“รูปครอบครัว”
“นายตกวิชาศิลปะแหงเลย”
“แต่ผมเก่งคณิตศาสตร์นะ”
“คนไหนคือนาย?” อีทึกมองหาในรูป “นี่หรอ?”
“นั่นพี่ฮันกยอง” อีทึกแอบกัดปากตัวเองเลือกชี้ถูกคนซะด้วย “ผมอยู่ขวาสุด”
ร่างบางพัดกระดาษเก็บวางมันไว้หน้ารถพยายามหาเรื่องอื่นคุยขณะที่กล้องกำลังถ่ายพวกเขา แต่สถานการณ์ทางอารมณ์ของพวกเขาก่อนหน้านี้ทำให้ไม่สามารถคุยกันได้ปกติเหมือนเดิม ร่างบางดูออกว่าเจ้าเด็กตัวโตคนนี้ไม่อยากจะคุยกับเขาหรืออยากจะมองหน้าเขาสักเท่าไหร่
“คุณหิวไหม?” คยูฮยอนหันมาถามขณะรถติดสัญญาณไฟ
“อืม นิดหน่อย” ร่างสูงเอื่อมไปหยิบกระเป๋าหลังรถหยิบห่อแซนวิสกับกล่องน้ำผลไม้ออกมายื่นให้ร่างบาง
“น้ำเชอรี่?” อีทึกหันมองร่างสูงหลังจากอ่านข้างกล่อง คยูฮยอนพยักหน้ามองใบหน้าสวยและยิ้มให้ ร่างบางรีบหลบสายตามาสนใจห่อแซนวิสแทน
“คุณอยากได้เรือนหอแบบไหน?” เป็นร่างสูงที่ชวนคุยบ้าง
“อยากได้ที่มีระเบียงด้านนอกกว้างๆพอให้มีเตียงไว้นอนรับลมได้”
“อะไรอีก?”
“แค่นั้นแหละ”
“ได้ยินไหมครับ ภรรยาผมอยากได้เรือนหอที่มีระเบียงกว้างๆ ผมอยากได้เตียงนอนเล็กๆ พวกคุณต้องทำตามที่เราต้องการนะ” คยูฮยอนตะโกนใส่กล้องตรงหน้าและหันมาหัวเราะกับคนข้างๆ
“ถ้าพวกเขาเอาเทปไปดูต้องตกใจแน่” อีทึกพูดด้วยน้ำเสียงสนุก “ทำไมอยากได้เตียงนอนเล็กๆ?”
“จะได้นอนเบียดๆกันไง”
“....!!” อีทึกกัดปากนิ่งไม่ตอบโต้แต่ในใจอยากจะบีบคอไอ้เด็กนี่ใจจะขาดหาเรื่องแต๊ะอั๋งเขาอีกแล้ว
กระเป๋าเป้หนังราคาแพงถูกโยนลงพื้นอย่างไม่ใยดีส่วนเจ้าของทิ้งตัวนอนราบบนเตียงนิ่มที่คุ้นเคยพลางถอนหายใจออกอย่างเหนื่อยล้า
“เหนื่อยสุดๆ” เสียงหวานบ่นทันทีที่รุ่นน้องทิ้งตัวนอนแผ่ข้างๆ
“ผมหิว”
“โทรสั่งไก่ทอดกันเหอะ”
“กินไก่ทอดตอนนี้พี่อ้วนแน่ๆ ไม่ได้ๆ”
“บะหมี่”
“ผมไม่อยากกินบะหมี่”
“สั่งอาหารญี่ปุ่นม่ะ?”
“มันไม่อิ่มอะ เดี๋ยวก็หิวอีก”
“ไอ้นี่นิ เรื่องมากจริงโว้ย...เอ้า!” อีทึกหมดความอดทนหยิบห่อรามยอนที่ซุกไว้ใต้เตียงยัดใส่มือรุ่นน้อง
“พี่ซ่อนของพวกนี้ไว้ในห้องหรอ ผมสั่งพี่ไดเอทอยู่นะ!”
“แกจะกินไม่กินห๊ะ! ฉันจะสั่งไก่ทอด ฉันจะกินไก่ทอดตอนนี้เดี๋ยวนี้ ถ้าปริปากห้ามฉันอีกแม้แต่คำเดียวฉันจะเตะแกออกนอกห้อง!!” ร่างบางพูดรัวเร็วอย่างคนโมโหหิวจนผู้จัดการหนุ่มหน้าหดเหลือครึ่งนิ้ว
..
กริ่งหน้าห้องดังสองสามทีเจ้าของห้องจัดการลุกไปเปิดตอนรับแขก ใบหน้าสวยหลังประตูทำให้เจ้าของห้องหน้าหล่อยิ้มกว้าง
“หายรึยัง?” เสียงหวานถามพลางวางถุงข้าวต้มร้อนๆที่เตรียมมาให้
“ยัง”
“กินอะไรรึยัง ยาล่ะกินหมดรึเปล่า?” ตาสวยกวาดมองหาถุงยาจากโรงพยาบาลและหยิบออกมารื้อดู “ยาไม่ยุบเลย นายกินมั่งรึเปล่าแบบนี้เมื่อไหร่มันจะหายกันล่ะ!”
อีทึกทุบไหล่หนาหยิบถุงข้าวต้มจัดใส่จานกลับมาให้ร่างสูง ฮันกยองฝืนใจกินจนพร่องถ้วยบวกกับสายตาแกมบังคับของร่างบาง อีทึกเก็บถ้วยข้าวต้มแล้วกลับมานั่งบนเตียงข้างร่างสูงหลังมือยกขึ้นอังหน้าผากวัดไข้
“กินยาเสร็จก็นอนซะ” ร่างบางบอกขณะกำลังจะลุกออกจากเตียง วงแขนแกร่งรีบรวบตัวเข้าไปกอดอย่างรวดเร็วไม่ให้ร่างบางลุกหนีเกยคางวางบนลาดไหล่เล็ก
“อะไรอีกล่ะ?!”
“คุณดูแลผมแบบนี้ ผมไม่อยากหายเลยนะ”
“ไม่อยากหาย งั้นก็อยากตายสินะ”
“ถ้าใกล้ตายแล้วยังเห็นคุณอยู่ข้างๆก็ยอม”
“อย่ามาปากดี ออกไปห่างๆเลยเดี๋ยวฉันติดหวัด” อีทึกสะบัดตัวเบาๆให้ร่างสูงคลายวงแขน “ผู้จัดการนายโทรหาฉันบอกว่านายไม่ยอมกินยากินข้าวเพราะป่วย ฉันล่ะเกลียดคนดื้อแบบนี้ที่สุดเลย”
“เพราะผู้จัดการหรอคุณถึงได้มา?”
“ใช่ งานฉันยุ่งจะตาย”
“ถ้าผมไม่ป่วยคุณก็จะไม่มาหาผมสินะ”
“แหงล่ะ ฉันอยากกลับบ้านไปนอนจะตายอยู่แล้ว นายน่ะรีบกินยาซะ”
“ค้างที่นี่สิ”
“แบบนั้นฉันโดนซึงฮยอนฆ่าแน่” อีทึกผลักร่างสูงให้นอนลงพลางถอนหายใจเบาๆ “ฉันจะนั่งอยู่นี่จนกว่านายจะหลับแล้วกัน”
“พี่ครับ!” เสียงทุ้มห้าวลอดผ่านช่องประตูไม่นานเจ้าของเสียงก็โผล่หน้าเข้ามา ใบหน้าหล่อชะงักตกใจเมื่อเห็นร่างบางอยู่ในห้องด้วย “คุณมาทำอะไรที่นี่?”
“ฉันกำลังจะกลับแล้ว” ร่างบางหลบสายตารีบลุกจากเตียง
“ผมถามว่าคุณมาทำอะไรที่นี่?!” คยูฮยอนก้าวเข้ามาขวางทางออก ฮันกยองมองน้องชายด้วยสายตาห้ามปราม
“ฮันกยองไม่สบาย...”
“แล้วยังไง?!” คยูฮยอนถามเสียงแข็งอาการไม่พอใจเริ่มเกิดขึ้น
“อย่ามาขึ้นเสียงกับฉันนะ นายไปดูแลพี่ชายนายซะ!” อีทึกผลักอกหนาให้พ้นทางตนและก้าวยาวๆออกจากห้อง คยูฮยอนยังไม่ลดละเดินตามไปเช่นกัน
“เมื่อวานคุณบอกผมว่าเรื่องทั้งหมดไม่เกี่ยวกับพี่ฮันกยอง แล้วตอนนี้ล่ะมันคืออะไร?!”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น”
“ตอบคำถามผมให้ชัดเจนกว่านี้จะได้ไหม?!” ร่างสูงกระตุกดึงต้นแขนเล็กรั้งไว้ให้อีทึกหยุดเดินหนี
“นายจะให้ฉันตอบยังไง ถ้าฉันพูดตรงๆนายก็หาว่าฉันทำร้ายจิตใจนาย พอฉันเลี่ยงไม่พูดนายก็หาว่าไม่ชัดเจน แบบนี้มันเอาแต่ใจเกินไปแล้วนะ!”
“คุณนั่นแหละที่ไม่ชัดเจน ปากก็บอกว่าเกลียด เกลียดผม เกลียดพี่ฮันกยองแต่กลับยอมให้ผมจูบและยังมาดูแลพี่ผมถึงห้องอีก การกระทำกับคำพูดคุณมันสวนทางกันคุณไม่รู้ตัวรึไง!” ร่างสูงกัดฟันกรอดอย่างพยายามเก็บอารมณ์ “ถ้าถึงขนาดนี้แล้วก็ช่วยเลือกสักทีเถอะ!!”
“อยากให้ฉันเลือก? ถ้าฉันเลือกแล้วนายจะจบใช่ไหม โจว คยูฮยอน?!” ร่างบางถามด้วยอารมณ์โทสะไม่ต่างกัน ร่างสูงเริ่มรู้ตัวว่าตนเผลอพูดในสิ่งที่ตัวเองไม่ควรพูดเพราะอารมณ์โทสะก่อนหน้า
“ฉันเลือกฮันกยอง” ร่างบางพูดด้วยเสียงหนักแน่นชัดเจนนัยน์ตาสวยจ้องใบหน้าหล่ออยากโมโห
“ทีนี่ก็จบได้แล้วสินะ!”
เรื่องนี้ เมะของเราจะเป็นฝ่ายเสียน้ำตา ส่วนเคะร่างบาง ไรเตอร์ต้องการให้เป็นคนที่หนักแน่นกับจิตใจตัวเองสุดๆ จึงน้อยที่จะมีฉากเคะร้องไห้ คาแร็คเตอร์แบบนี้ รีดเดอร์ชอบกันไหม?
ทั้งฮันกยองและคยูฮยอน ทั้งคู่ต่างก็เป็นคนที่ไม่เคยจริงจังกับความรัก แต่พอเจอกับความรักจริงๆ ไรเตอร์เลยทำให้เจ็บปวดกันซะหน่อย
มันสมควรใช่ไหม อิอิ สมน้ำหน้า
ความคิดเห็น