ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Legato Rhythm ~ จังหวะรัก นักไวโอลิน

    ลำดับตอนที่ #1 : Measures 1 : "แล้วนายก็จะได้เป็นลำดับที่สิบสอง"

    • อัปเดตล่าสุด 17 มี.ค. 52




                    “เอาล่ะ  หมดการสอนของผมแล้วในวันนี้  นิสิตที่เตรียมตัวดูมาตราสำหรับคราวหน้ามาให้ดีก็แล้วกัน เสียงห้วนๆของอาจารย์ธีระดังขึ้น  ปลุกให้นิสิตที่กำลังฟุบหน้าไปกับโต๊ะเงยหน้า

     

                    เจษฎาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น  เขางัวเงียตื่นเก็บของใส่กระเป๋าสะพายใบใหญ่และหนักอึ้งซึ่งไม่เหมาะกับตัวเอาเสียเลย  จริงอยู่ที่เขาตัวสูง  แต่แทบไม่มีส่วนไหนของร่างกายเลยที่เป็นกล้ามเนื้อ  แต่กลับผอมบาง  นิ้วเรียวยาวเหมือนผู้หญิง  ผิวขาวซีดตัดกับผมหยิกยุ่งไม่เป็นเป็นทรงสีดำสนิท  แถมยังใส่แว่นทรงเหลี่ยมอันเล็กกรอบโบราณ  เมื่อรวมกับกระเป๋าสะพายใบโตยิ่งทำให้ดูเหมือนเด็กเรียนจืดจางคนหนึ่ง  ซึ่งเขาก็ไม่เคยสนใจหรือแม้แต่จะคิดว่าคนอื่นจะมองอย่างไร

     

                    คนอื่นต่างทยอยออกจากห้องเหลือเพียงนิสิตหญิงสามสี่คนที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่และแอบชำเลืองมา  เจษฎาทำเป็นไม่เห็นและเก็บของของตัวเองต่อไป  ก่อนจะเดินออกจากห้องพร้อมเสียงกระซิบพึมพำไล่หลัง  เป็นประโยคสุดท้านที่เขาได้ยิน

     

                    เห็นไม๊ยัยเฟิร์น  ฉันบอกเธอแล้ว . . .

     

                    นี่มันอะไรกันนะ  เจษฎาคิด  โดยปกติแล้วเขาจะไม่ได้รับความสนใจจากใครๆเป็นเหมือนกับอากาศที่ไม่มีคนมองเห็น  แต่คนกลุ่มนั้นทำไมถึงมีท่าทีสนใจอะไรในตัวเขาหนักหนา  คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในหัวในขณะที่ขาพาเขามาถึงโรงอาหาร

     

                    ไงเจต  มาเร็วดีนะ  เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างๆ  เสียงอย่างนี้สินะที่พวกผู้หญิงชอบกัน

     

                    ไงโจ้  พอดีธีระปล่อยเร็วน่ะ  เจษฎาหันไปพูด  ถ้าไม่อยากไปแย่งโต๊ะกับคนอื่นเราก็น่าจะเข้าไปได้แล้วนะ

     

                    โจ้พยักหน้าอือออเป็นสัญญาณว่าเห็นด้วยพร้อมกับก้าวเท้ายาวๆเข้าไปในโรงอาหาร

     

                    โจ้เป็นเพื่อนไม่กี่คนที่เจษฎามี  เขามีบุคลิกแตกต่างกับเจษฎาอย่างเห็นได้ชัด  เขาสูง  ผิวขาว  มีดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจอยู่ในใบหน้าที่เรียวสวยรับกับผมสีน้ำตาลเข้มที่ถูกจัดทรงมาเป็นอย่างดี  และทุกอย่างนี้อยู่ในเสื้อและกางเกงเข้ารูป  ไม่แปลกใจเลยที่มีผู้หญิงหลายคนที่ให้ความสนใจโจ้  แต่เท่าที่รู้โจ้เองก็ไม่ได้คบใครเป็นตัวเป็นตนซักที

     

                    มีเก้าอี้ว่าง  ตรงนั้นไงโจ้พูดเสียงดังแข่งกับเสียงจอแจในโรงอาหาร  ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยง  การหาที่ว่างได้จึงเหมือนเปนโชคเล็กๆของคนทั้งคู่

     

                    โดยไม่รอช้าเจตและโจ้รีบเดินถือจานข้าวเข้าไปนั่งตรงเก้าอี้ว่างด้วยสีหน้าของผู้มีชัยชนะ  แต่เจตก็มีสีหน้านั้นได้ไม่นานเมื่อโจ้เริ่มชวนคุยในขณะที่กำลังกินข้าวกันอยู่

     

                    นายได้ข่าวชมรมดนตรีอะไรนั่นไม๊  โจ้เริ่ม

     

                    ชมรมดนตรีคลาสสิค  เจตเสริม ไม่เคยอยู่ในความสนใจเลยซักนิด  

     

                    นั่นแหละๆชมรมดนตรีคลาสสิค  ก็รู้ว่านายมีความหลังตั้งแต่เด็ก  แต่ตอนนี้ได้ข่าวว่าตั้งแต่มีประธานชมรมคนใหม่ก็มีคนถูกคัดออกเป็นว่าเล่น รู้รึปล่าวว่ากี่คน  สิบเอ็ดคนแล้วนะ!  ทีนี้นายเห็นรึยัง?” 

     

                    เห็นอะไร?”  เจตพูดทั้งๆที่ยังเคี้ยวข้าว  เขารู้สึกข้าวมื้อนี่ไม่ค่อยอร่อยอย่างบอกไม่ถูก

     

                    ก็โอกาสที่เด็กปีหนึ่งอย่างพวกเราจะได้เข้าชมรมนี้ไง  คิดดูสิที่ว่างตั้งสิบเอ็ดที่  แค่สมัครนายก็ . . .  

     

                    แล้วนายก็จะได้เป็นลำดับที่สิบสอง  เจตแทรก  พอเหอะ  ถ้าจะคุยก็หาเรื่องอื่นที่ดีกว่านี้  นายก็รู้ . . . เขาเงียบ  ปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ของตัวมันเอง 

     

                    เห็นผู้หญิงคนนั้นไม๊  โจ้เปลี่ยนเรื่องคุยทันทีหลังจากที่ทั้งคู่เงียบไปได้ซักพัก  และส่งสายตามองไปยังกลุ่มผู้หญิงที่เพิ่งเดินเข้ามาในโรงอาหาร

     

                    อืมๆ  สวยดี  น่ารัก  เหมาะกับนายนะดูเหมือนผีเน่ากะโลงผุ  รออะไรอยู่ล่ะ  จีบเลยดิ  เจตพูดโดยไม่ได้หันไปมอง  เพราะรู้สึกเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วที่ในหนึ่งวันโจ้จะปิ๊งสาวๆหลายๆคน

     

                    บ้าดิ  นั่นเฟิร์นมนุดอิ๊ง  ก็รู้อยู่ว่าเป็นนางฟ้า  เธออยู่สูงจะตายแถมเป็นเด็กเรียนอีก  ข้าไม่กล้าจีบหรอก  ดูดิถือประมวลกฎหมายมาเป็นเล่มเลย  ว่าแต่มนุดอิ๊งมีเรียนกฎหมายด้วยเหรอวะ  โจ้บ่นแบบปลงๆ  แต่เจตไม่ได้สนใจ  ตอนนี้สายตาของเขาจับจ้องไปยังหญิงสาวคนที่โจ้พูดถึง

     

                    ใช่แล้ว  นั่นกลุ่มผู้หญิงสี่คนในคาบกฎหมายนี่หว่า  เจตคิด  แต่เขาจะไปสนใจทำไมในเมื่อไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน  แต่มีอะไรบางอย่างที่เขานึกขึ้นได้และสั่งให้เขารู้สึกอิ่มอย่างรวดเร็วก่อนทำท่าจะลุกออกไปจากโต๊ะ

     

                    เฮ้ย  อิ่มแล้วเหรอ  จะไปไหนวะ  โจ้โพล่งออกมาด้วยความตกใจ

     

                    พอดีที่ธุระนิดหน่อย  เพิ่งนึกขึ้นได้น่ะ  เจตพูดพร้อมกับหันหลังทำท่าจะเดินออกไป

     

                    ที่ไหน?” 

     

                    เจตชะงักหยุดยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะตอบโดยไม่หันกลับมามองโจ้ว่า

     

                    ตึกมนุด . . .   


                   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×