คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Measures 1 : "แล้วนายก็จะได้เป็นลำดับที่สิบสอง"
“เอาล่ะ หมดการสอนของผมแล้วในวันนี้ นิสิตที่เตรียมตัวดูมาตราสำหรับคราวหน้ามาให้ดีก็แล้วกัน” เสียงห้วนๆของอาจารย์ธีระดังขึ้น ปลุกให้นิสิตที่กำลังฟุบหน้าไปกับโต๊ะเงยหน้า
เจษฎาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เขางัวเงียตื่นเก็บของใส่กระเป๋าสะพายใบใหญ่และหนักอึ้งซึ่งไม่เหมาะกับตัวเอาเสียเลย จริงอยู่ที่เขาตัวสูง แต่แทบไม่มีส่วนไหนของร่างกายเลยที่เป็นกล้ามเนื้อ แต่กลับผอมบาง นิ้วเรียวยาวเหมือนผู้หญิง ผิวขาวซีดตัดกับผมหยิกยุ่งไม่เป็นเป็นทรงสีดำสนิท แถมยังใส่แว่นทรงเหลี่ยมอันเล็กกรอบโบราณ เมื่อรวมกับกระเป๋าสะพายใบโตยิ่งทำให้ดูเหมือนเด็กเรียนจืดจางคนหนึ่ง ซึ่งเขาก็ไม่เคยสนใจหรือแม้แต่จะคิดว่าคนอื่นจะมองอย่างไร
คนอื่นต่างทยอยออกจากห้องเหลือเพียงนิสิตหญิงสามสี่คนที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่และแอบชำเลืองมา เจษฎาทำเป็นไม่เห็นและเก็บของของตัวเองต่อไป ก่อนจะเดินออกจากห้องพร้อมเสียงกระซิบพึมพำไล่หลัง เป็นประโยคสุดท้านที่เขาได้ยิน
“เห็นไม๊ยัยเฟิร์น ฉันบอกเธอแล้ว . . . ”
นี่มันอะไรกันนะ เจษฎาคิด โดยปกติแล้วเขาจะไม่ได้รับความสนใจจากใครๆเป็นเหมือนกับอากาศที่ไม่มีคนมองเห็น แต่คนกลุ่มนั้นทำไมถึงมีท่าทีสนใจอะไรในตัวเขาหนักหนา คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในหัวในขณะที่ขาพาเขามาถึงโรงอาหาร
“ไงเจต มาเร็วดีนะ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างๆ เสียงอย่างนี้สินะที่พวกผู้หญิงชอบกัน
“ไงโจ้ พอดีธีระปล่อยเร็วน่ะ” เจษฎาหันไปพูด “ถ้าไม่อยากไปแย่งโต๊ะกับคนอื่นเราก็น่าจะเข้าไปได้แล้วนะ”
โจ้พยักหน้าอือออเป็นสัญญาณว่าเห็นด้วยพร้อมกับก้าวเท้ายาวๆเข้าไปในโรงอาหาร
โจ้เป็นเพื่อนไม่กี่คนที่เจษฎามี เขามีบุคลิกแตกต่างกับเจษฎาอย่างเห็นได้ชัด เขาสูง ผิวขาว มีดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจอยู่ในใบหน้าที่เรียวสวยรับกับผมสีน้ำตาลเข้มที่ถูกจัดทรงมาเป็นอย่างดี และทุกอย่างนี้อยู่ในเสื้อและกางเกงเข้ารูป ไม่แปลกใจเลยที่มีผู้หญิงหลายคนที่ให้ความสนใจโจ้ แต่เท่าที่รู้โจ้เองก็ไม่ได้คบใครเป็นตัวเป็นตนซักที
“มีเก้าอี้ว่าง ตรงนั้นไง” โจ้พูดเสียงดังแข่งกับเสียงจอแจในโรงอาหาร ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยง การหาที่ว่างได้จึงเหมือนเปนโชคเล็กๆของคนทั้งคู่
โดยไม่รอช้าเจตและโจ้รีบเดินถือจานข้าวเข้าไปนั่งตรงเก้าอี้ว่างด้วยสีหน้าของผู้มีชัยชนะ แต่เจตก็มีสีหน้านั้นได้ไม่นานเมื่อโจ้เริ่มชวนคุยในขณะที่กำลังกินข้าวกันอยู่
“นายได้ข่าวชมรมดนตรีอะไรนั่นไม๊” โจ้เริ่ม
“ชมรมดนตรีคลาสสิค” เจตเสริม “ไม่เคยอยู่ในความสนใจเลยซักนิด”
“ นั่นแหละๆชมรมดนตรีคลาสสิค ก็รู้ว่านายมีความหลังตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนี้ได้ข่าวว่าตั้งแต่มีประธานชมรมคนใหม่ก็มีคนถูกคัดออกเป็นว่าเล่น รู้รึปล่าวว่ากี่คน สิบเอ็ดคนแล้วนะ! ทีนี้นายเห็นรึยัง?”
“เห็นอะไร?” เจตพูดทั้งๆที่ยังเคี้ยวข้าว เขารู้สึกข้าวมื้อนี่ไม่ค่อยอร่อยอย่างบอกไม่ถูก
“ก็โอกาสที่เด็กปีหนึ่งอย่างพวกเราจะได้เข้าชมรมนี้ไง คิดดูสิที่ว่างตั้งสิบเอ็ดที่ แค่สมัครนายก็ . . . ”
“แล้วนายก็จะได้เป็นลำดับที่สิบสอง” เจตแทรก “พอเหอะ ถ้าจะคุยก็หาเรื่องอื่นที่ดีกว่านี้ นายก็รู้ . . .” เขาเงียบ ปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ของตัวมันเอง
“เห็นผู้หญิงคนนั้นไม๊” โจ้เปลี่ยนเรื่องคุยทันทีหลังจากที่ทั้งคู่เงียบไปได้ซักพัก และส่งสายตามองไปยังกลุ่มผู้หญิงที่เพิ่งเดินเข้ามาในโรงอาหาร
“อืมๆ สวยดี น่ารัก เหมาะกับนายนะดูเหมือนผีเน่ากะโลงผุ รออะไรอยู่ล่ะ จีบเลยดิ” เจตพูดโดยไม่ได้หันไปมอง เพราะรู้สึกเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วที่ในหนึ่งวันโจ้จะปิ๊งสาวๆหลายๆคน
“บ้าดิ นั่นเฟิร์นมนุดอิ๊ง ก็รู้อยู่ว่าเป็นนางฟ้า เธออยู่สูงจะตายแถมเป็นเด็กเรียนอีก ข้าไม่กล้าจีบหรอก ดูดิถือประมวลกฎหมายมาเป็นเล่มเลย ว่าแต่มนุดอิ๊งมีเรียนกฎหมายด้วยเหรอวะ” โจ้บ่นแบบปลงๆ แต่เจตไม่ได้สนใจ ตอนนี้สายตาของเขาจับจ้องไปยังหญิงสาวคนที่โจ้พูดถึง
ใช่แล้ว นั่นกลุ่มผู้หญิงสี่คนในคาบกฎหมายนี่หว่า เจตคิด แต่เขาจะไปสนใจทำไมในเมื่อไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน แต่มีอะไรบางอย่างที่เขานึกขึ้นได้และสั่งให้เขารู้สึกอิ่มอย่างรวดเร็วก่อนทำท่าจะลุกออกไปจากโต๊ะ
“เฮ้ย อิ่มแล้วเหรอ จะไปไหนวะ” โจ้โพล่งออกมาด้วยความตกใจ
“พอดีที่ธุระนิดหน่อย เพิ่งนึกขึ้นได้น่ะ” เจตพูดพร้อมกับหันหลังทำท่าจะเดินออกไป
“ที่ไหน?”
เจตชะงักหยุดยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะตอบโดยไม่หันกลับมามองโจ้ว่า
“ตึกมนุด . . . ”
ความคิดเห็น