ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (louis x eleanor) A Way back into love

    ลำดับตอนที่ #1 : สาเหตุที่เราต้องเจอกัน

    • อัปเดตล่าสุด 11 เม.ย. 58


    ฉันเอเลนอร์ คัลเดอร์ หรือที่คนส่วนใหญ่ยังรู้จักในฐานะแฟนของลูอิส วันไดเรคชั่น ทั้งที่เราเลิกกันมาเป็นปีแล้วก็ตาม ฉันขยับแว่นกันแดดอย่างประหม่ายังไงฉันก็ไม่ชินกับการถูกคนจ้องมองเสียที ยิ่งตอนนี้มีหน้าฉันหราอยู่ในหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในข้อหาไปเป็นมือที่สาม ทำลายครอบครัวของผู้กำกับชื่อดัง คู่กับภาพเบลอๆที่ฉันกำลังเดินเข้าร้านอาหารไปกับผู้ชายแก่ๆคนหนึ่ง ทั้งที่ความจริงแล้วฉันไปกินข้าวกับเขาเพราะเขาบอกว่าเป็นการสัมภาษณ์เด็กฝึกงานในกองถ่าย ที่ฉันสมัครไปทำหน้าที่ผู้ช่วยคอสตูม แต่ที่ไหนได้ ไอ้แก่นั่นเอาแต่แทะโลมจนฉันต้องโทรไปตามภรรยาเขามาที่ร้าน จนทะเลาะกันเป็นข่าวใหญ่โต ตอนนี้ไอ้แก่นั่นคงเกลียดฉันไปอีกนาน

    แต่ที่ยิ่งกว่านั้น คือพ่อของฉันทันที่ที่ทราบเรื่อง ก็สั่งให้ฉันไปเก็บเนื้อเก็บตัวจนกว่าข่าวนี้จะเงียบ ในฟาร์มเล็กๆของพ่อในเวลล์ ที่พ่อสร้างไว้เป็นงานอดิเรก ฉันก็เขาใจพ่อนะ เพราะข่าวนี้คงทำให้ท่านเสียชื่อไปมาก และผู้กำกับคนนั้นคงไม่ยอมกำกับหนังให้บริษัทพ่อฉันอีก

    ตอนนี้ฉันยืนอยู่ในสนามบินเพื่อรอรับเด็กที่มาทำงานในฟาร์มของฉันเพื่อหาประสบการณ์ กับแลกที่พักผ่านโครงการที่พ่อฉันเป็นสมาชิกอยู่ ฉันชูป้ายชื่อที่ถือไว้สูงขึ้นอีก เพราะตามกำหนดการเครื่องบินแลนดิ้งแล้ว

    "สวัสดีค่ะ ฉันอีฟค่ะ ที่จะมาทำงานที่ฟาร์มเอลลี่ คุณคือคนที่มารับฉันใช่ไหมค่ะ"เด็กผู้หญิงชาวเอเชียคนหนึ่งที่สูงแค่บ่าของฉันเอ่ยทักฉันอย่างไม่ค่อยมั่นใจ

    "ใช่แล้ว ฉันเอเลนอร์ เป็นลูกสาวของมาติน"ฉันแนะนำตัวแล้วยื่นมือไปจับอย่างเป็นทางการ

    "ฉันอีฟค่ะ จากประเทศไทย"เธอยื่นมือมาจับตอนอย่างเป็นมิตร ยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวและฟันซ้อนสองข้าง ซึ่งมีนดูเหมาะกับเธออย่างประหลาด

    "ไปกันเลยไหม"ฉันว่าพลางเดินนำไปที่รถ

    ฉันคุยกับอีฟตลอดทางที่ขับรถมาที่ฟาร์มอย่างถูกคอ เธอเป็นคนที่ดูเข้ากับคนง่าย ทำให้คนอื่นเปิดใจได้เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ปกติแล้วฉันไม่ใช่คนที่จะคุยกับคนอื่นได้ง่ายๆ ฉันเล่าเรื่องข่าวต่างๆใหัเธอฟัง ดูเธอตกใจมากและให้กำลังใจฉัน ก่อนจะสารภาพออกมาว่าเธอรู้จักฉันตั้งแต่เห็นทีแรกเพราะเธอเป็นแฟนคลับตัวยงของวันไดเรคชั่น และเธอก็ชอบฉันมากด้วย ตอนฉันและลูอิสเลิกกันเธอเศร้าไปหลายวัน

    "ที่นี่มีบ้านสองหลัง หลังใหญ่นี่เป็นหลังที่ปกติครอบครัวฉันจะมาพักผ่อนกัน ส่วนหลังเล็กก็สร้างไว้รับแขก"พอถึงฟาร์มฉันก็แนะนำส่วนต่างๆของฟาร์มให้เธอรู้จัก

    "มันไม่ได้เล็กเลยนะเนี้ย"อีฟดูตะลึงไป บ้านหลังเล็กมีสองห้องนอนใหญ่ ที่มีเตียงควีนไซส์ตั้งอยู่กลางห้อง ตกแต่งสไตล์โมเดิน เน้นสีขาวสะอาดตา อีกทั้งยังมีห้องนั่งเล่นที่มีโฮมเทียเตอร์ครบชุด กับเกมส์ใหม่ล่าสุดมากมาย

    "จริงๆมันก็คล้ายๆกับบ้านหลังใหญ่ หลังเล็กฉันใช้ปาร์ตีเวลาเพื่อนมาเที่ยว จะได้ไม่รบกวนคนอื่น"เอเลนอร์ว่า ก่อนจะพาเดินดูรอบๆ ทั้งคอกม้าที่อีฟต้องมาแปรงขนและทำความสะอาดคอกทุกเช้า โรงเรือนที่ปลูกผักแบบออแกนิคไม่ใช้สารเคมี ที่มีคนกำลังดูแลและเก็บผลผลิต อีกทั้งยังมีคอกวัวนม กับคอกแกะอีกด้วย

    "ในโครงการบอกว่าเป็นฟาร์มเล็กๆแต่นี่มันไม่เล็กเลยนะเนี้ย"อีฟว่า

    "เมื่อก่อนมันก็ไม่ใด้ใหญ่ขนาดนี้ แต่พ่อฉันซื้อที่ดินจากชาวบ้านแถบนี้มาเรื่อยๆจนเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ"เอเลนอร์ว่า

    "แล้วนี้ฉันพักที่ไหนเหรอ"อีฟถามหลังจากเดินดูทั่วแล้ว

    "ปกติพ่อจะใหัคนที่มาพักบ้านหลังเล็ก แต่อีฟมาพักหลังใหญ่ด้วยกันเถอะ ฉันก็มาแค่คนเดียว อยู่คนเดียวคงเหงาแย่"เอเลนอร์เสนอ

    "ดีเลย อยู่คนเดียวฉันก็กลัวๆเหมือนกัน มันยังไม่ค่อยชิน"อีฟว่า

    เย็นวันนั้นเอเลนอร์ให้อีฟพักผ่อน ก่อนที่จะพากันไปซุปเปอร์มาเก็ตซื้อของมาใส่ตู้เย็นไว้

    วันถัดมา อีฟได้เริ่มทำงานเริ่มจากงานง่ายๆเช่นช่วยใส่ปุ๋ยที่โรงเรือน ไปช่วยต้อนแกะ หัดขี่ม้าซึ่งฉันก็มาช่วยกันทำงานตลอดจนเข้าใจแลัวว่าทำไมพ่อถึงรักฟาร์มนี่นัก ทำงานฟาร์มมันสบายใจดีจริงๆ

    เย็นวันนั้น อีฟทำอาหารไทยง่ายๆเป็นมื้อค่ำ พวกเรากินไปพร้อมกับดูข่าวไปด้วย จนกระทั่ง

    "นักร้องหนุ่มจากวงวันไดเรคชั่น ลูอิส ทอมลิสัน มีเรื่องชกต่อยกับผู้กำกับชื่อดังในผับกลางเมือง พร้อมกับมีคลิบที่ผู้เห็นเหตุการณ์ได้ถ่ายไว้"เสียงนักข่าวสาวในทีวีเสนอข่าวพร้อมกับรู้ภาพลูอิสที่มีการ์ดล้อมรอบกำลังเดินไปที่รถ

    "อีฟเปิดเสียงหน่อย"ฉันที่ได้ยินข่าวไม่ชัดบอกอีฟให้เร่งเสียงเพิ่ม อย่างตกใจ

    "เมื่อคืนเวลาประมาณตีสาม ได้มีคลิปนักร้องหนุ่มจากวงบอกแบนด์ชื่อดังชกหน้าผู้กำกับในผับย่านใจกลางเมืองลอนดอน ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่านักร้องหนุ่มที่กำลังเมามาย ได้เดินไปหาเรื่องผู้กำกับถึงโต๊ะ ขณะที่เพื่อนร่วมวงก็ไม่ได้ออกมาห้ามแต่อย่างไร และเมื่อการ์ดของผู้กำกับได้เข้าไปพยายามห้าม สมาชิกในวงคนอื่นๆก็เขามาร่วมวงจนเกิดเป็นเหตุการณ์ตะลุมบอลขึ้น"คลิปสั้นๆเบลอๆประมาณนาทีครึ่ง ผู้ชายในเสื้อยืดสีดำที่ฉันจำได้ทันทีว่าคือลูอิส กำลังชกหน้าผู้กำกับที่เพิ่งเป็นข่าวกับฉันไปเมื่อวัน

    "ไอ้บึกนั่นชกหน้าไนออลของฉัน"เสียงกรี๊ดของอีฟที่กำลังชี้ไปที่ ภาพการ์ดคนหนึ่งกำลังชกหน้าหนุ่มน้อยผมบลอนด์ชาวไอริสอย่างโกรธจัด

    "พวกนั้นต้องเจอเรื่องใหญ่แน่ๆ"ฉันคิดอย่างเป็นห่วง ไซม่อนเอาพวกนายตายแน่ๆ ขอให้โชคดีนะบลูแบลร์

     

    ผมนั่งอยู่บนชุดโซฟาขนาดใหญ่ พร้อมด้วยเพื่อนร่วมวงทุกคนที่กำลังสำนึกผิด ทุกคนมีรอยฟกช้ำคนละนิดล่ะหน่อย มีไนออลที่บนหน้าขาวๆมีรอยช้ำสีม่วงน่ากลัวบนแก้มซ้าย ซึ่งเจ้าตัวกำลังประคบน้ำแข็งที่เซนหมั่นส่งให้ ฝั่งตรงข้ามมีไซม่อนที่กำลังโกรธจัดกับเรื่องที่เกิดขึ้น

    "พวกนายกำลังจะออกอัลบัมใหม่กันแท้ๆ ทำไมปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นมาได้"ไซม่อมถามด้วยเสียงอันดัง จนไนออลสะดุ้งโหยง

    "ทั้งหมดเป็นตวามผิดของผมเอง ผมไม่ควรใจร้อนแบบนั้น"ลูอิสก้มหน้าสำนึกผิด นี่เป็นอีกครั้งที่เขาสร้างความเดือดร้อนให้เพื่อนในวง ยิ่งมองหน้าช้ำๆของไนออลยิ่งรู้สึกผิด

    "ไม่ใช่ครับ พวกผมก็ผิดเองที่ไม่ห้ามลูอิส แต่พวกเขาก็ไม่ควรพูดถึงเอเลนอร์แบบนั้น"เลียมอธิบาย

    "ไอ้อ้วนนั้นมันดูถูกเอเลนอร์ ก็สมควรแล้วที่โดนแบบนั้น"ไนออลตอบเสียงอู้อี้เพราะปากที่ยังบวมอยู่

    "นายเงียบไปก่อน ไม่ต้องพูดหรอกไนออล"แฮร์รี่มองไปอย่างสงสาร

    "ฉันรู้ว่าผู้กำกับคนนั้นก็ผิด แต่เขามีอิทธิพลมาก พวกนายดูข่าวสิ ไม่ว่าช่องไหนพวกนายก็เป็นฝ่ายผิดทั้งนั้น"ไซม่อนพูด

    "พวกผมขอโทษจริงๆฮะ"เลียมพูดอย่างเสียใจจริงๆ

    "ผมก็ขอโทษนะฮะ"ไนออลอู้อี้ พลางดันถาดขนมที่ตั้งอยู่ตรงหน้าไปทางไซม่อนแทนคำขอโทษ

    "เฮ้อ"ไซม่อนถอนหายใจ "พวกฉันจะออกมาแถลงข่าวแทน แลัวพวกนายไปพักผ่อนที่ไหนสักที่ ให้เรื่องเงียบลงก่อน เรื่องอัลบัมใหม่ก็เลื่อนไปก่อนแล้วกัน"ไซม่อนสรุป

    "จะให้พวกเรากลับบ้านเหรอฮะ"ไนออลถามอย่างดีใจ

    "ไม่ได้ ที่บ้านพวกนายนักข่าวต้องไปรอแน่ๆ มีใครมีที่ไหนที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักไหม"ไซม่อนถาม ไนออลหนัาจ๋อยกลับลงไปนั่งที่เดิม

    "ผมไปอยู่กับเพอร์รี่ได้นะ เลียมก็ไปกับโซเฟีย ทุกคนก็กระจายๆกันไป"เซนเสนอ ไนออลปาหมอนใส่ทันที

    "นายแค่อยากไปหาเพอร์สินะไนออลว่า เซนปาหมอนกลับใส่ไอ้คนรู้ทันอย่างแรง แต่แฮร์รี่กันเอาไว้ก่อนจะกระแทกหน้าไนออลจนช้ำไปกว่านี่

    "ไม่ได้ นี่ไม่ใช่การพักผ่อน มันคือการลงโทษ"ไซม่อนว่า

    "ครอบครัวเอเลนอร์มีฟาร์มอยู่ที่เวลล์ ไม่ค่อยมีใครรู้หรอกเพราะพวกเขาไม่ค่อยได้กลับไปเท่าไหร่"แฮร์รี่เสนอ

    "แล้วนายรู้ได้ไง"ลูอิสถามขึ้นมาทันที

    "ฉันไปมาเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนถ่ายแบบเสร็จ"แฮร์รี่ตอบ พลางมองหน้าลูอิสที่ดูออกว่ากำลังเริ่มโมโห จนเขาอดแกล้งไม่ได้ "นายไม่ติดต่อเธอ แต่ไม่เกี่ยวกับกับ ฉันหนิฉันยังโทรคุยกับเธออยู่ทุกอาทิตย์" ก่อนจะได้ระวังตัว แครอทที่ลูอิสกำลังแทะอยู่ก็ลอยมาลงที่หน้าผากแฮร์รี่ราวกับจับวาง

    "พอๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกัน ฉันโทรไปหามาตินแล้วเมื่อกี้ เขาบอกว่าพวกนายไปพักที่นั่นได้ แต่นี่เป็นการลงโทษ เพราะฉะนั้น พวกนายทุกคนต้องทำงานในฟาร์มแลกที่พัก"ไซม่อนพูด ตามมาด้วยเสียงโอดครวญของพวกหนุ่มๆ

    "ไซม่อนฮะ ผมยังเจ็บตัวอยู่เลย"ไนออลอ้อน

    "พลังงานพวกนายเยอะกันนักหนิ เอาไปทำงานให้หมดจะได้ไม่มีแรงไปหาเรื่องใครอีก เดินทางพรุ่งนี้เช้า ฉันไปล่ะ"ไซม่อนพูด แล้วเดินออกไป

    "แฮร์รี่ นี่แกโทรคุยกับเอเลนอร์จริงๆเหรอ ไปฟาร์มมาด้วยกันด้วย"ลูอิสถามถึงประเด็นที่คาใจทันที

    "ใจเย็นลูอิส พวกเราไปปาร์ตี้หลังงานเสร็จเท่านั้น"แฮร์รี่อธิบายอย่างใจเย็น พยายามขยับออกมาให้พ้นระยะโจมตีของลูอิสที่กำลังโมโห

    "แกมีอะไรก็รีบสารภาพมาให้หมด"ลูอิสถามเสียงเย็นจนขนลุก

    "ไม่มีแล้วๆ และเผื่อจะทำให้แกอารมณ์ดีขึ้น"แฮร์รี่ยิ้มอย่างมีเลสนัย "ตอนนี้เอเลนอร์อยู่ที่ฟาร์ม"

    ลูอิสยิ้มจนเห็นเขี้ยวทั้งสองข้าง ก่อนจะรีบเข้าห้องไปจัดกระเป๋าทันที เซนที่มองอยู่ถึงกับส่ายหน้า

    "นี่ขนาดแค่รู้ว่าจะได้เจอนะ ยังไม่รู้เลยว่าเขาจะยกโทษให้รึเปล่า"เซนว่า

    "ปล่อยมันไปเถอะ ให้มีความสุขไป ก่อนจะไปพบฤทธิ์ของเอเลนอร์"แฮร์รี่ยิ้มเจ้าเล่ห์

    "โธ่ ลูอิสที่ยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง"ไนออลส่ายหน้า ก่อนจะหันไปสนใจโดนัทแทน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×