เธออยู่กับฉันเสมอ...เธอกับฉันนั่งอยู่ท่ามกลางผู้คตนมากมายสังคมแห่งการเร่งรีบ สังคมแห่งการแข่งขัน
ไม่มีใครสนใจใคร ไม่มีเวลาพอที่จะใส่ใจใคร คนแล้วคนเล่าที่เดินผ่าน วิ่งผ่าน ไม่มีใครเลยที่จะหยุดยิ้มหรือแม้แต่มองหน้ากันซักครั้ง
สายตาทุกคู่มุ่งตรงไปข้างหน้า มิใช่แววตาแห่งความมุ่งมั่นหากแต่เลื่อนลอยไร้จุดหมาย เพราะอะไรกันนะ
ถึงทำให้คนพวกนี้เป็นแบบนี้ ค่านิยม...สังคม...สิ่งสมมติทั้งหลาย...
ฉันค่อยๆลุกขึ้นเดิน เดินผ่านคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วในความคิดของฉันหรือที่หลายๆคนเรียกมันว่าโทรศัพท์
โทรศัพท์ที่ดูจะมีความสามารถเกินกว่าที่โทรศัพท์ควรจะมี นิ้วเรียวยาวแตะมันเลื่อนขึ้นลง จิ้มซ้ำๆในบางที...
นี่คงถือเป็นกิจกรรมฆ่าเวลายอดนิยม เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ผู้คนมากมายกำลังให้ความสนใจ
อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ตัวนี้เหลือเกิน
เธอบอกฉันว่าสังคมในโลกเสมือนทำให้เรารู้สึกได้ใกล้ชิดกับคนที่ห่างไกลแต่ในขณะเดียวกันคนที่อยู่ใกล้ชิดเรากลับยิ่งห่างออกไป
เธอบอกฉันว่า ณ ตอนนี้ ในโลกเสมือน ในโลกที่ความจริงก็ไม่ใช่ เพ้อฝันไหมก็ไม่เชิง ในโลกที่สังคมแข่งขันกันสูง
เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ถือเป็นสัตว์สังคมตัวสำคัญนั้นจะต้องการการยอมรับ การรับรู้ถึงการมีตัวตน
ในโลกแห่งชีวิตจริงมันอาจจะยากเกินไปจนท้อ แต่ในโลกเสมือนมันไม่ยากเลยในเมื่อ เทคโนโลยีปัจจุบันได้ก้าวไกลไปได้ขนาดนี้
โปรแกรมแต่งรูปทั้งหลายต่างได้รับความนิยมจากสาวน้อยสาวใหญ่ หนุ่มน้อยทั้งหลายที่บางคนอาจจะกระเดียดไปทางสาวน้อยบ้าง
โปรแกรมพวกนี้ต่างถูกใช้เพื่อที่จะทำให้รูปธรรมดาๆ ที่ถูกบันทึกจากเมมโมรี่ในกล้องเปลี่ยนแปลงไปกลายเป็น
รูปภาพที่ดูดีจนไม่คิดว่าจะมีอยู่ในชีวิตจริง
ฉันถามเธอว่าแล้วเรื่องพวกนี้มันเกี่ยวกับคนใกล้คนไกลของเธอยังไง
เธอตอบกลับมาว่าเพราะในโลกเสมือนนั้นเราได้เจอกับใครหลายๆคนทั้งรู้จักและไม่รู้จัก
มันมีพื้นที่ที่ให้เราทำอะไรก็ได้ออกมา ทำในสิ่งที่ไม่มีโอกาสทำในโลกแห่งชีวิตจริง ถ้าทำได้ดีก็จะมีคนนิยม เริ่มชอบ และเริ่มได้รับการยอมรับ
ซึ่งเป็นธรรมดาของมนุษย์โลกที่พอได้รับการยอมรับจากสังคมไม่ว่าจะในโลกไหนก็แล้วแต่ จะทำให้รู้สึกดีและไม่โดดเดี่ยวทำให้เริ่มยึดติดกับโลกใบนั้นไป
ในขณะที่คนใกล้ตัวที่เห็นกันทุกวันพวกเค้าเหล่านั้นไม่ได้เห็นในสิ่งที่'มนุษย์ผู้โดดเดี่ยว' ทำ
หรือในทางกลับกัน 'มนุษย์ผู้โดดเดี่ยว'ก็อาจจะไม่ได้แสดงให้เห็น เลยเกิดการมองไม่เห็นและหันไปยอมรับคนที่โดดเด่นกว่าในโลกแห่งความเป็นจริง
หรืออาจจะเป็นเพราะ 'มนุษย์ผู้โดดเดี่ยว' สนใจโลกใบนั้นมากไปจนลืมคนที่อยู่ข้างๆ
หรือคนที่อยู่ข้างๆก็เหนื่อยที่จะใสใจเหมือนกันก็เป็นได้ แต่ยังไงก็แล้วแต่ ผลที่ตามมามันดูโดดเดี่ยวจนน่ากลัว...
.
.
.
.
ฉันเดินต่อมาเรื่อยๆ อากาศดีดีกับวันดีดีแบบนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรีบไปไหน แต่ภาพตรงหน้าเรียกความสนใจจากฉันจนต้องหยุดดู...
ความจริงแล้วมันก็เป็นแค่ภาพผู้หญิงต่างวัยสองคนกำลังยืนเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ผู้หญิงที่อ่อนวัยกว่าเริ่มมีน้ำคลอที่ลูกตา
ลองนึกภาพในตอนที่ทุกคนยังอยู่ในวัยเตาะแตะ เด็กน้อยใสๆ เมื่อถึงเวลาไปโรงเรียนทีไรก็ร้องไห้จ้า บู๊มันทุกอย่างไม่ว่าจะดิ้น เตะ ตี ทุบพื้น
ทั้งนี้เพื่อส่งสารบอกผู้ปกครองว่าเราไม่อยากไปอยู่ ณ สถานที่ที่พวกเค้าเรียกมันว่าโรงเรียน
แต่เมื่อเราโตขึ้นการที่จะบู๊สุดแรงอย่างตอนเด็กๆนั้นคงเป็นการกระทำที่ดูแล้วชวนสมเพชมากกว่า
เมื่อเริ่มโตขึ้น ความรู้สึกบางอย่างก็ต้องเก็บมันเอาไว้ เริ่มคิดเยอะขึ้น แต่ประเด็นนี้คงไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากถามเธอ
หญิงสาวกำลังร้องไห้โดยมีหญิงกลางคนยืนหน้าบึ้งจ้องอยู่ เสียงบ่นของเธอลอบมาตามสายลม
จับประเด็นได้คร่าวๆ คงเป็นค่านิยมที่ลามไปทุกหย่อมหญ้ากับปัญหาการศึกษาที่เหมือนจะเพียรแก้กันอย่างไรก็ยังไม่หาย
การเรียนพิเศษในความเห็นของผู้ปกครองและนักเรียนบางคนเป็นสิ่งจำเป็นมากถึงมากที่สุด บางคนอาจคิดถึงขนาดมันตัดสินชีวิตทั้งชีวิตเลยก็เป็นได้
ในความรู้สึกของพ่อแม่ยิ่งลูกเรียนเก่ง สอบเข้ามหาวิทยาลัยดังๆ
คณะที่กำลังนิยมอย่างแพทย์ ทันตะ เภสัช วิศวะ ...ก็ดูจะเป็นที่เชิดหน้าชูตา
เป็นที่ชื่นชมและสามาถนำไปคุยโวกับเพื่อนข้างบ้านที่กำลังต้องการจะอวดลูกหลานตัวเองเหมือนกัน
เธอบอกว่าบางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องของการต้องการการยอมรับและการต้องการความสนใจ
พ่อแม่ผู้ปกครองก็เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่ต้องการสิ่งเหล่านี้
จนบางทีก็ลืมไปว่าลูกหลานของตนเองนั้นก็เป็นมนุษย์ธรรมดาๆไม่ใช่เครื่องจักรหรือโปรแกรมอะไรที่สั่งแล้วได้ดั่งใจไม่ขัดขืน
บางคนจึงเลี้ยงลูกในแนวทางที่ตนสามารถไปคุยให้คนอื่นฟังได้ ปากพร่ำบอกว่าที่ทำไปทุกอย่างก็เพื่อลูกอันเป็นที่รัก
แต่ลึกๆในใจก็เพื่อหน้าตาทางสังคมทั้งนั้น
ค่านิยมแบบนี้จะโทษพ่อแม่ผู้ปกครองอย่างเดียวก็ไม่ถูก สิ่งที่ทำให้มันเกิดขึ้นคือผู้ที่ใหญ่กว่านั้นต่างหาก
การกวดวิชาอย่างเอาเป็นเอาตายถ้าสั่งให้หยุดมีหรือใครจะกล้าขัดขืน ระบบถ้าคิดจะทำให้มันดีมีหรือที่จะทำกันไม่ได้
คำถามก็ยังคงเป็นคำถามที่ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้
และเด็กหญิงคนนั้นก็ยังคงต้องร้องไห้ต่อไปเพราะระบบที่ช่างกดดันและไม่เคยให้โอกาสอะไรเลย...
.
.
.
แสงแดดเริ่มลาลับไป ความมืดเริ่มกล้ำกลายมาแทนที่เวลาดีดี อากาศดีดีแบบนี้ในวันนี้คงใกล้จะหมดไปแล้วไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะมีมาอีกหรือเปล่า
ฉันถามเธออีกครั้งว่าสิ่งที่เห็นมาตลอด ค่านิยม สิ่งสมมติทั้งหลายมันเป็นสิ่งที่มีจริงๆใช่มั้ยทำไมคนเราถึงให้ความสำคัญมันมากขนาดนั้น
เธอตอบกลับมาว่า
ความจริงแล้วโลกใบมีอยู่ในจักรวาล ธรรมชาติสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาเพื่อไม่ให้โลกว่างเปล่าเกินไป สร้างต้นไม้ แม่น้ำ เพื่อให้สิ่งมีชีวิตมีที่อยู่และที่ดำรงชีวิตอยู่
เธอบอกฉันเรื่องของการวิวัฒนาการ จากแบคทีเรียตัวเล็กๆ ค่อยๆเปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆเป็นเวลาหลายล้านปี
จนได้มาเป็นสัตว์ที่สามารถพูดได้ สื่อสารกันได้ มีความคิดและมีความซับซ้อน
เธอบอกว่ามนุษย์เป็นคนกำหนดทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นชื่อเรียกสิ่งต่างๆ สิ่งของ สิ่งประดิษฐ์ ภาษา ความรู้สึก ค่านิยม สังคมและอะไรอีกมากมาย
ผู้คนใช้ชีวิตกับสิ่งเหล่านี้ นานเข้า นานเข้า จึงรู้สึกติดและชินและถือมันเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง ไม่ใช่ที่สิ่งที่เราสมมติขึ้นมา
ไม่เคยคิดหรืออาจจะเคยแต่ไม่ใส่ใจว่าซักวันหนึ่งของพวกนี้มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้
เราอยุ๋กับสิ่งเหล่านี้มานานเกินไปจนยึดติดอยู่กับสิ่งเหล่านี้จนถอนตัวไม่ขึ้น ทำให้เกิดปัญหาต่างๆตามมามากมายอย่างที่เห็น
เธอบอกว่าแม้แต่ตัวเราเองบางทีมันก็ไม่ใช่ของเรา ให้คิดถึงพอเราตายไปร่างของเรามันก็จะแปรเปลี่ยนกลายเป็นซากขี้เถ้าขาวๆ
และบางทีทั้งๆที่คิดว่าเราเป็นเจ้าของมันแต่ร่างกายมันกลับไม่ฟัง ไม่เชื่อเราเลย
ธรรมชาติให้มันสมองมนุษย์มามากกว่าสัตว์ชนิดอื่นให้เป็นผู้สร้างสิ่งต่างๆเพื่อการดำรงอยู่อย่างสะดวก สบาย
แต่เพราะมันสมองที่มากเกินไป ความรู้สึกที่มีมากเกินไปจนรุนแรง ทำให้ยึดติดและนึกไปเองว่าเราเป็นเจ้าของ
นึกไปเองว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต นานจนลืมไปว่าความจริงแล้วสิ่งที่เห็นว่ามีอยู่นั้นมันช่างว่างเปล่า
และไร้ตัวตน...
.
.
.
.
.
.
.
" Thank you T-K....You make the inspiration to me :)) "
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น