ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    She's Worth It [ต้องเป็นเธอ] by ILveJcb //นิยายแปล//

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่7 อู่รถ

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ย. 54


    She's Worth It by ILveJcb

    บทที่7 อู่รถ

    แซม

    แม่ง!! ผมกำลังจะไปสาย ให้ตาย! ผมมองนาฬิกาดิจิตอลตรงหน้าปัดรถแล้วสะดุ้งโหยง 09:27 แล้ว ผมต้องไปถึงภายใน3นาที และไม่ว่ารถผมจะเร็วขนาดไหน เร็วที่สุดที่ผมไปถึงได้ก็ต้องใช้เวลาสักห้านาที เริ่มไม่สวยเลย โถ่! เริ่มไม่สวยเลย ผมถอนหายใจแล้วเหยียบคันเร่งไปบนถนนใหญ่ ยิ่งไปถึงเร็วเท่าไหร่ก็ดีเท่านั้น เฮ้ บางทีเธออาจจะไม่ใช่คนตรงต่อเวลาก็ได้ บางทีเธออาจจะเป็นหนึ่งในพวกสาวๆที่มักจะมาสายเสมอ...แล้วผมจะแคร์ทำไมเนี่ย เวรกรรม! เธอเป็นผู้หญิงที่ผมต้องจีบไปให้คาเดนนะ แม่ง!!อีกรอบละกัน!

    ผมลดความเร็วลงเมื่อออกจากถนนใหญ่มาที่ซอยเงียบๆ บ้านเธออยู่ไหนกันแน่นะ?

    ในที่สุด หลังจากต่อเวลาเพิ่มสามนาที ผมก็เจอบ้านหลังเล็กๆ มันเป็นบ้านสีขาวครีมที่มีสวนขนาดใหญ่ และค่อนข้างรกมาก พุ่มกุหลาบ(ล่ะมั้ง)โตเกินไปและมีใยแมงมุมอยู่นิดหน่อย หญ้าก็ยาวไปมาก ผมเดาว่าพวกเขาคงไม่ได้ทำสวนเท่าไหร่ พอผมจอดรถข้างฟุตบาทผมก็เห็นอู่รถ ประตูเปิดอยู่ มีรถสองคันอยู่ข้างใน เจ้าซากปรักหักพังที่รีขับจอดอยู่ข้างนอก เพราะงั้นพวกเขาคงมีรถสามคัน หืมมม

    ผมเดินช้าๆไปที่โรงรถ แล้วก็ได้ยินเสียงวิทยุเปิดไว้ดัง ตอนนั้นกำลังเปิดเพลง All The Single Ladies ผมแสยะยิ้ม ชีน่าเพ้อถึงเพลงนี้เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ทำเอาเจเดนคลื่นไส้ไปเลย และตอนที่ผมยิ้มให้กับความทรงจำนั่นเอง ผมถึงเห็นว่ามีเท้าสองข้างโผล่มาจากใต้รถฟอร์ด เฟียสต้าสีแดง

    ตาผมเบิกกว้าง มีใครทำงานอยู่ใต้รถแฮะ มันปลอดภัยหรอเนี่ยที่ไปอยู่ใต้ไอ้ซากนี่

     “ฮัลโล” ผมถามเสียงดังแข่งกับเสียงดนตรี

    เจ้าของเท้าสองข้างนั่นงอเข่าและผลักตัวเองออกจากใต้ท้องรถ เธอออกมาง่ายๆเพราะอยู่บนล้อเลื่อน

    และพอผมเห็นรีออกมาจากใต้ท้องรถ ผมแน่ใจเลยว่าปากผมต้องอ้าค้าง เธอนอนอยู่ตรงนั้น ชันเข่าขึ้น ยิ้มให้ผม

     “คุณมาสาย” เธอบอกแล้วลุกขึ้นนั่ง

    ผมปิดปากแล้วยิ้ม “ขอโทษครับ”

    เธอยักไหล่แล้วลุกขึ้นจากพื้น “ไม่เป็นไร” เธอเดินไปที่วิทยุเครื่องเล็กแล้วปิดมัน “กินอะไรหน่อยมั้ย หรือให้ฉันหาอะไรให้ดื่มมั้ย”

    ผมส่ายหน้า แล้วมองไปรอบๆ โรงรถไม่ได้เล็กอย่างที่ผมคิดไว้ตอนแรก มีเครื่องมืออยู่เยอะ มีเครื่องจักรใหญ่ๆด้วย มันคือเครื่องขัดเงา ที่อีกด้านหนึ่งผมเห็นเลื่อยไฟฟ้า หืมมม ผมหันกลับมามองรี เธอมองผมอยู่ ผมมองเธอจากหัวจรดเท้า วันนี้เธอสวมกางเกงยีนส์แนบเนื้อสีเทา สวมเสื้อแขนยาวตัวใหญ่สีแดงยี่ห้อGap ที่เท้าสวมคอนเวิร์ดสีแดง

     “คุณทำงานที่นี่บ่อยหรอ” ผมถามในที่สุด

     “ช่าย ช่วยพ่อไปเรื่อยน่ะ พอคุณมาสายฉันเลยว่าจะลงไปทำงานใต้ท้องรถซักหน่อย พ่อซื้อมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ฉันยังซ่อมมันอยู่”

    ผมเม้มริมฝีปาก “พ่อคุณจ่ายเงินซื้อไอ้นั่นมาจริงๆน่ะหรอ”

    เธอหัวเราะและแตะรถที่เปิดกระโปรงอยู่ “มันไม่แย่ขนาดนั้นหรอก ไม่กี่เดือนก็เหมือนใหม่แล้ว ฉันมั่นใจว่าพ่อขายได้ราคาดีแน่”

    ผมหัวเราะเบาๆ “เขาหาซื้อมันมาจากไหนเนี่ย ลานทิ้งขยะหรอ”

    เธอยักไหล่ “ช่าย ประมาณนั้นน่ะ”

    ผมพยักหน้า “นี่เป็นอาชีพหลักของพ่อคุณหรอ”

     “จริงๆแล้ว เป็นธุรกิจน่ะ พ่อซ่อมรถเพื่อหาเงิน คุณก็รู้...ประมาณนั้นน่ะ”

    ผมพยักหน้าอีกครั้ง “โอเค”

    เธอหัวเราะแล้วส่ายหน้า “เดี๋ยวฉันจะอธิบายทีหลังนะ ไปกันได้ยัง”

     “ครับ”

     “โอเค ให้ฉันไปเอาเสื้อโค้ทแล้วก็ล้างมือก่อน เดี๋ยวมานะ” แล้วเธอก็วิ่งออกไปจากอู่รถ  ผมมองไปรอบๆเป็นครั้งสุดท้าย ตอนผมกำลังจะออกไป ผมเห็นรูปภาพแขวนอยู่บนผนัง ผมเอนตัวไปมองใกล้ๆและเห็นเด็กผู้หญิงผมแดงกับผู้ชายผมทองมองมาที่กล้อง รูปถ่ายกันที่สวน ทั้งสองคนยิ้มให้กล้อง เมื่อผมมองใกล้เข้าไปอีก ผมก็เห็นว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นคือรี อาจจะเป็นเธอเมื่อตนหกขวบ ว้าว แม้แต่ตอนนั้นเธอก็ยังสวย ผู้ชายคนนั้นตาสีเขียวเหมือนรี คงเป็นพ่อเธอ แล้วแม่ไปไหนนะ รีไม่เคยพูดถึงแม่เลย หรือว่าเสียไปแล้ว บางทีพ่อแม่เธออาจจะหย่ากัน ผมสั่นหัวอย่างงุ่นง่านแล้วเดินออกจากอู่รถ อะไรของผมเนี่ย ผมไม่เคยเป็นคนสอดรู้สอดเห็นแบบนี้เลย แต่พอเป็นเรื่องรีแล้วผมหยุดคำถามต่างๆไม่ให้ก่อตัวขึ้นในใจไม่ได้เลย อะไรวะเนี่ย?

    ผมเอนตัวพิงมาเซอราติของผมอย่างที่ชอบทำ รอให้เธอออกมา

    แล้วเธอก็ออกมา หลังจากที่ผมได้ยินเธอตะโกน “ค่ะ!! เจอกันเย็นนี้ค่ะพ่อ บาย!!

    ตอนเธอเดินมาหาผมยืดตัวตรง เธอเดินเหมือนว่าตัวเองเป็นเจ้าของถนน ขาเธอก้าวอย่างนุ่มนวล แม้ว่าเธอจะตัวเล็กมาก แต่ผมรู้แล้วว่าภายนอกที่ดูเล็กจิ๋วสามารถหลอกให้คนลดแนวป้องกันลงและประเมิณเธอต่ำไปได้

    ถ้าเป็นไปได้ผมคงอยากเป็นผู้หญิงตัวเตี้ย ถ้าผมเป็นผู้หญิงน่ะนะ ...เฮ้ย พระเจ้า!! นี่ผมพูดอะไรอยู่เนี่ย!!! ผมกระแอมยังกับว่ามันจะช่วยได้ แล้วก็ยิ้ม

    รีไม่ได้มองผม สายตาเธออยู่ต่ำกว่าและเลยไปข้างหลังผม ผมหันไปและเห็นว่าเธอจ้องรถผมอยู่น่ะเอง

     “ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณรวย แค่ไม่รู้ว่ารวยแค่ไหน! ว้าว!!” เธอพึมพำพลางเดินผ่านผมไปจ้องที่รถ

    ผมรู้สึกภูมิใจมากที่ทำให้เธอประทับใจได้บ้าง “คุณรู้อยู่แล้วว่าผมรวยเนี่ยนะ นั่นหมายความว่าไงกันแน่น่ะ” ผมถาม พยายามจะทำเสียงเหมือนว่าเจ็บปวดนิดหน่อย

    ในที่สุดเธอก็หันมามองผมอีกครั้ง มีคำขอโทษอยู่ในดวงตา “ขอโทษๆ ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ฉันหมายถึงว่า ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณไม่ใช่คนฐานะปานกลางน่ะ”

     “หมายถึง...คุณกำลังบอกว่าผมทำกระแดะหัวสูงใช่มั้ย นั่นรึเปล่าที่ทำให้คุณคิดว่าผมรวยน่ะ”

    เธอถอนหายใจแล้วเอามืกอดอก “ฟังนะ คุณแค่ดูรวย ฉันไม่คิดว่าคุณตั้งใจทำหรอก แค่บุคลิคคุณน่ะ คุณมั่นใจในตัวเองมาก รู้นะว่าฉันหมายถึงอะไร”

    ผมมองหน้าเธอจนเธอหน้าแดง แล้วพยักหน้า “โอเค ยังไงก็เถอะ” ผมเดินไปยังฝั่งผู้โดยสารแล้วเปิดประตูรถ “เราควรจะไปกันได้แล้ว”

    เธอพยักหน้าแล้วก้าวขึ้นรถ

    ผมเดินมาฝั่งคนขับ แล้วสตาร์ทรถโดยแตะด้วยปลายนิ้ว

    ห้านาทีแรกเราสองคนไม่พูดอะไรกัน ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไร และเธอก็คงไม่พูดอะไรเพราะเธอกลัวผมนี่นะ เฮ้อ ก็นะ

     “แซม” เธอพูดขึ้นในที่สุด และละสายตาจากหน้าต่างมาที่ผม

     “รี?” ผมตอบ

     “ดรี ต่างหาก ยังไงก็เถอะ ฉันอยากจะขอโทษที่หยาบคายเกี่ยวกับฐานะของคุณ ฉันไม่ได้หมายถึงอะไรแย่ๆเลยนะ ก็แค่...การอยู่ในเชียร์ริ่ง ก็เลยชินกับการโดนคนรวยดูถูกน่ะ และ...คุณแค่มีออร่าของเด็กรวย...”

     “ไม่เด็กแล้ว” ผมแก้

    เธอหัวเราะแล้วพูดต่อ “แต่...ฉันไม่ได้หมายถึงอะไรแย่ๆเลย ในเมื่อคุณช่วยฉันทำการบ้านได้ ถึงคุณเป็นคนจรจัดฉันก็ไม่สนหรอก”

    ผมแสยะยิ้มแล้วหมุนพวงมะลัย “ก็นะ น่าสนใจทีเดียว”

    เธอพ่นลมหายใจพรืด “ยังไงก็เถอะ”

    ผมจอดรถที่ลานจอดรถส่วนตัวในมหาวิทยาลัย แล้วดับเครื่องยนต์ “คุณมีพี่น้องรึเปล่า” ผมถามขณะที่เราเดินไปทางห้องเรียน

     “ไม่มี ฉันเป็นลูกคนเดียว”

     “โชคดีแล้ว”

     “แล้วคุณโชคร้ายหรอ ยังไง?”

     “ผมมีผีเป็นฝาแฝดน่ะสิ ยัยนั่น...สามารถฆ่าคนได้ด้วยลิ้นน่ะ ผมสาบาน เพื่อสุขภาพของตัวเองแล้ว ผมต้องหลบหน้ายัยนั่นไว้”

    เธอเริ่มหัวเราะ “ว้าว เธอเรียนที่นี่รึเปล่า”

     “เปล่า เธอไปเรียนที่มหาวิทยลัยลอนดอนน่ะ”

    เธอพยักหน้า “ฉันอยากเจอเธอจัง ผู้หญิงที่ทำให้คุณ...เอ่อ..กลัว..ได้เนี่ย ต้องได้รางวัลเลยละ”

    ผมคิดถึงคริสตัล น้องสาวอายุสิบเอ็ดขวบของเจเดน แล้วก็คำราม “ผู้หญิงหลายคนทำผมกลัว”

    เธอหัวเราะ “ทำเป็นเด็กไปได้!!

    ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่เธอ “ผมทำตัวเป็นผู้ใหญ่ได้นะถ้าอยากทำ”

    เธอหน้าแดงอีกครั้ง และพ่นลมหายใจทางจมูกเพื่อกลบเกลื่อน “ช่างมันเถอะ”

    ผมรุกโดยการเอาแขนโอบไหล่เธอ “เอาน่า! คุณต้านทานเสน่ห์ผมไม่ได้หรอก”

    เธอหยุดเดินแล้วหันมามองผมที่ยังคงโอบไหล่เธออยู่ “พ่อคนมีเสน่ห์จนฉันห้ามใจไม่ไหวคะ คุณนี่ต้องกลับมาสู่โลกของความจริงแล้วนะ ฉันไม่ได้ปิ๊งคุณ และถึงฉันจะปิ๊ง  มันก็หายเกลี้ยงตอนที่คุณจับก้นฉันน่ะ”

    ผมถอนหายใจ เอามือลงจากไหล่เธอ “คุณจะไม่ลืมนั่นจจริงๆใช่มั้ยเนี่ย”

    เธอยิ้มหวานเยิ้ม ทำเอาผมขนลุกอยู่ใต้เสื้อแขนยาว “ใช่ ที่รัก ฉันไม่ลืม”

     “กรรม!” ผมแดกดัน แล้วเริ่มเดินอีกครั้ง

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×