คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่6 คาถาของแซม
บทที่6 คาถาของแซม
ดรีม
ฉันยืนขึ้นเงียบๆตอนที่ซามูเอลสำรวจฉัน พระเจ้ายังรู้!! แล้ว หลังจากใช้เวลาเป็นชาติ เขาส่ายหน้าและแสยะยิ้มใส่ฉัน ยิ้มที่ทำให้ฉันกระพริบตาปริบๆ ว้าว หมอนี่อันตรายจริงๆ ฉันต้องระมัดระวังมากๆ
“ผมไปรับไปส่งคุณได้” เขาบอก เตือนให้ฉันรู้ว่าเรายังคุยกันอยู่
ฉันส่ายหน้า “ไม่มีทาง ฉันชอบพึ่งพาตัวเองมากกว่า และฉันก็ไม่อยากเดินกลับบ้านถ้าเผื่อคุณดันไปส่งฉันไม่ได้”
เขาแสยะยิ้ม คนอะไรนะ แสยะยิ้มบ่อยขนาดนี้แต่ก็ไม่เคยดูงี่เง่าเลย ไม่ ฉันรู้มาก่อนแล้วว่าซามูเอล แอนเดอร์สันไม่โง่งี่เง่าหรอก ไม่ว่าเขาจะกล่อมให้คนอื่นเชื่อยังไงก็ตาม ฉันรู้ว่าตอนเขามองฉันเขากำลังคิดบางอย่างอยู่ ไม่ใช่เรื่องอะไรงี่เง่าด้วยนะ ตาเขามีประกายวิบวับที่เหมือนกำลังตะโกนว่า หน้าหม้อ! มันทำให้ฉันไม่ชอบเขาเลย แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะไม่ชอบเขาไปได้ซักเท่าไหร่
สิ่งเดียวที่ฉันแน่ใจคือฉันไม่น่ามาอยู่ในห้องนี้เลยหลังจากอะไรที่เขาทำกับฉันในร้านกาแฟเมื่อเช้านี้ ไม่มีทางถ้าฉันไม่ต้องการให้เขาช่วยจะแย่แบบนี้ ยัยอาจารย์บ้านั่นไม่ยอมให้ชื่อคนอื่นที่พอจะช่วยได้นอกจากนายซามูเอลนี่เลย แต่ถ้าฉันรู้ว่าเป็นหมอนี่นะ ฉันไม่มีทางมาหรอก ไม่ได้คะแนนก็ยังดีกว่ามาให้หมอนี่หยามเอา ก็....ฉันมันหยิ่งนี่นา เป็นผู้หญิงหยิ่งๆที่พยายามอย่างสิ้นหวังจะไม่คิดถึงเรื่องที่เธอจะพาเขาเข้าบ้านพรุ่งนี้ เขารวย มีรังสีรวยๆออกมาจากเขาเลยละ แค่ดูเสื้อผ้าหรูๆของเขาเธอก็บอกได้เลยว่าเขาเป็นพวกไฮโซตามแบบฉบับ แล้วเขาจะมีปฏิกิริยายังไงกับบ้านเธอล่ะเนี่ย
บ้านสองห้องนอนของเธอคงไม่น่าจะมีจริงสำหรับเขาด้วยซ้ำ เธอพ่นลมหายใจพรืดอยู่ในใจ ห้องเขานี่อาจจะใหญ่กว่าบ้านเธอทั้งบ้านเลยก็ได้
ช่าย...เธอเป็นผู้หญิงหยิ่งๆ ก็เลยเข้ามาอยู่ในสังคมไฮโซทั้งที่ไม่มีเงิน
ให้ตายเถอะ!! ทำไมชีวิตถึงไม่ยุติธรรมขนาดนี้นะ
“ผมสัญญา จะไม่ทิ้งคุณกลางคันแน่...” แล้วมือถือเขาก็ดังขึ้น เขาดูหน้าจอแล้วกลอกตา หันมายิ้มขอโทษให้ฉันก่อนจะรับสาย
“ไง ที่รัก”
ตาฉันเบิกกว้าง ขอบคุณพระเจ้าที่เขาหันไปทางหน้าต่างและหันหลังให้ฉันขณะฟังคนทางปลายสาย
“ผมรู้ ที่รัก...หรอ? ไม่ๆ ผมสัญญา เสาร์อาทิตย์นี้จะไปหานะ...อืมมมม....ยกโทษให้ผมใช่มั้ยครับ?” เขาหันกลับมาและยิ้มกว้างใส่ฉันเมื่อคนทางปลายสายยกโทษให้เขาแล้ว “ช่าย ที่รัก ผมจะไป จะให้ผมเอาอะไรไปฝากมั้ยเอ่ย”
ฉันกลืนน้ำลายเอื้อก เขาเงียบไปตอนที่สาวคนนั้น(ต้องเป็นผู้หญิงแน่ๆ ฉันแน่ใจ!!)บอกเขาว่าเธอต้องการอะไร รายการยาวอยู่ และแซมถอนหายใจขณะที่เธอพูดต่อไป “ครับ ครับ ผมจะจดไว้....งั้นก็ได้ครับ รักนะ”
ถอนหายใจอีกครั้งเขาก็วางสายแล้วเอามือเสยผม “ผู้หญิง!!”
ฉันกลืนน้ำลายอีกรอบแล้วพยายามยิ้ม
“อย่างที่บอกนะ” เขาเริ่ม “ผมไม่ทิ้งคุณกลางคันหรอก คุณจะยอมให้ผมรับคุณมามหาลัยมั้ย ถ้าผมสัญญาว่าจะส่งคุณกลับบ้านด้วย”
ฉันหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้จริงๆ “รู้อะไรมั้ย ฉันไม่แน่ใจว่าไว้ใจคุณพอจะขึ้นรถกับคุณรึเปล่า”
เขาตาโตอยู่แปปเดียวก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยยิ้มหว่านเสน่ห์ “ฟังนะ ผมขอโทษ ตอนนั้นผมอารมณ์ไม่ดีน่ะ ปรกติผมไม่ทำแบบนั้นหรอก ชีน่าได้ตัดหัวผมพอดี”
ฉันเดาว่าชีน่าคงเป็นคนที่เขาพูดด้วยทางโทรศัพท์เมื่อกี้แน่ๆ “ก็นะ ฉันเดาว่าชีน่าคงไม่อยากให้คุณนั่งรถกับสาวหรอก...ใช่มั้ย”
เขาดูงงๆ เลิกคิ้วมองฉัน “หา?”
ฉันโบกมือกลบเกลื่อน “เปล่าๆ”
“โอเค งั้น ผมจะไปรับคุณตอนเก้าโมงครึ่ง คลาสเริ่มตอนสิบโมงสินะ”
ฉันพยักหน้า “โอเค” อะไรวะเนี่ย!? ฉันพึ่งพูดอะไรออกไปเนี่ย!!
“โอเค ดี อยากดื่มอะไรหน่อยมั้ย”
ฉันส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ฉันต้องไปแล้ว เอิ่ม...ต้องทำงานน่ะ อย่างที่บอก”
เขาพยักหน้า “ได้ๆ อยากให้ผมส่งที่ลิฟท์มั้ย”
ฉันหัวเราะแล้วส่ายหน้า “ไม่เป็นไร รถฉันอยู่ข้างนอกนี่เอง”
“ผมเดินไปส่งคุณนะ”
ตอนฉันพยายามปฏิเสธ เขาก็เอารองเท้าและเสื้อโค้ทมาใส่แล้ว “ป่ะ”
ฉันไม่รู้จะพูดอะไร ฉันปฏิเสธไปตลอดทาง แต่เขาก็ทำเหมือนฉันขอให้เขาเดินไปส่งที่รถซะยังงั้น เฮอะ!
“เอาก็เอา” ฉันยอมแพ้ในที่สุด
พอเราเดินออกจากห้องเล็กๆแสนอบอุ่นของเขา ฉันก็ตัวสั่นเพราะอากาศหนาวเลย ตอนนี้ราวๆห้าโมงเย็นแล้ว ฟ้าก็มือแล้ว จริงๆนะ หน้าหนาวในอังกฤษเนี่ยไม่ใช่อะไรที่ฉันจะแนะนำเลย ตอนเราเดินไปด้วยกัน ฉันรู้เลยว่าเดี๋ยวเขาต้องรู้แน่ๆว่าฉันโกหกเรื่องที่จอดรถอยู่ข้างหน้า จริงๆแล้วมันจอดอยู่ตรงห้องสมุดที่ฉันไปจอดไว้ตั้งแต่เช้า และห้องสมุดก็อยู่ห่างไปจากนี่สิบหน้าที บ้าเอ้ย! ยังไงก็ตาม ตอนเราเดินกันไปเขาก็ไม่ได้บ่น ไม่พูดด้วยซ้ำ ฉันรู้สึกว่าเขาจมอยู่กับห้วงความคิด ซึ่งฉันไม่แน่ใจว่าอยากรู้รึเปล่าว่าเขาคิดอะไร
ผ่านไปห้านาที เมื่อเราเดินเข้ามาในโซนสีเขียว เขาดึงแขนฉันให้หยุด
“รถคุณอยู่ไหนกันแน่เนี่ย”
ฉันพยายามยิ้มใสซื่อใส่เขา “ที่ห้องสมุดง่ะ”
“ไหนบอกว่าอยู่ข้างหน้าไง!”
“ฉันรู้ๆ...ตอนนั้นฉัน...แค่อยากจะไปน่ะ”
เขาแสยะยิ้มอีกแล้ว “เฮอะ อยู่กับผมนี่มันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ”
ฉันยักไหล่พอเราเริ่มเดินกันอีกครั้ง “ฉันว่าเดี๋ยวก็คงแย่จริงๆ”
เขาหัวเราะ สอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง “ผมว่าผมเกือบชอบคุณแล้วล่ะ”
ฉันพ่นลมหายในพรืด “อะหรอ”
เขาหัวเราะเบาๆจนเรามาถึงลานจอดรถของห้องสมุด ที่ซึ่งรถของฉันจอดอยู่ท่ามกลางรถคันอื่นๆ รถเก่าน่าภูมิใจ โอ ให้ตาย!
เขาหยุดเดินแล้วเอามือเท้าเอว มองไปในลานจอดรถ รถบางคันดูดีกว่าของฉัน แต่ส่วนใหญ่ก็พอๆกันหรือแย่กว่า น่าจะเป็นเพราะเด็กรวยๆส่วนใหญ่มีที่จอดรถส่วนตัว
“คันไหนของคุณล่ะ”
ฉันพยักเพยิดไปทางรถจีปเชอโรกี้เก่าๆที่เก่าเกินจะมาอยู่บนถนน แต่จะให้ฉันทิ้งได้ไงในเมื่อมันเป็นรถคันแรกของฉัน เจ้าตัวใหญ่สีเทาของฉัน ช่วยไม่ได้จริงๆที่ฉันจะรักมัน
“รถสวย” แซมบอกขณะเราเดินไปที่รถ
ฉันมองเขาหาร่องรอยการประชด เพราะฉันไม่ได้ยินมันในน้ำเสียง แต่ก็ไม่เจอ เขาแค่มองไปทั่วรถ
ในที่สุด! ในที่สุดเราก็มาถึงเจ้าคันเก่านี่ ฉันถอนหายใจ
“ขอโทษที่พาคุณเดินนะ ขึ้นมาสิ เดี๋ยวฉันไปส่งที่หอ”
แซมมองขึ้นฟ้า มันใกล้จะมืดมากแล้ว เมฆครึ้มไม่หมดและพระจันทร์ก็หลบอยู่หลังก้อนเมฆ
“อือ เอาสิ”
ฉันเสียบกุญแจที่ประตู ก็ไม่มีตังค์ซื้อรถแบบมีออโต้ล็อคนี่นะ ฉันหมุนกุญแจ แซมรออย่างอดทนให้ฉันก้าวข้ามล้อขึ้นไปบนรถ แล้วเอนตัวข้ามเบาะผู้โดยสารไปเปิดประตูให้เขา
“ยัยรถบ้านี่เย็นชะมัด” เขานั่งถูมืองุ่นง่านๆ “ยัยรถบ้านี่โคตรเย็นเลยอะ”
ฉันขำคำพูดของเขา จริงๆแล้วฉันไม่เคยคิดหรอกว่าไอ้เฒ่าคันนี้เป็นผู้หญิง เห็นชัดๆอยู่แล้ว
“ระวังหน่อย! ฉันรักไอ้แก่คันนี้มากนะ เขาอายุเท่ายายคุณได้มั้ง เคารพเค้าบ้างสิ”
ฉันเสียบกุญเข้าไปในช่องสตาร์ท หลังจากไอโครกครากอยู่สองสามที มันก็มีชีวิตขึ้นมา
เมื่อเราขับมาถึงประตูหอแซม เขาหันมามองฉัน “กลับบ้านดีๆนะ”
ฉันหัวเราะ นี่พึ่งห้าโมงครึ่งเอง “อื้อ ไม่ต้องห่วง ฉันโตแล้วน่า”
สายตามองฉันไปทั่ว ทำเอาฉันหน้าแดง “เธอยังไม่โตหรอก รี”
“ดรีต่างหาก!!, ซามูเอล”
เขาหัวเราะ “ครับๆ ที่รัก ผมแซม ไม่ต้องมีอูเอลหรอก”
“โอเค ได้”
“ดี งั้นตามนัดนะ เจอกันพรุ่งนี้”
“อื้อ”
เขาออกจากรถแล้วมองกลับมาอีก “ผมยังไม่มีเบอร์คุณเลย”
ฉันยิ้มเยาะ “ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกเพื่อน คุณไม่ได้เบอร์ฉันไปเร็วขนาดนี้หรอก ต้องทำงานกันหน่อย”
ฉันจับได้ว่ามีประกายบางอย่างในตาเขา โอ พระเจ้า! เขาคงไม่นับนั่นเป็นการท้าทายหรอกนะ ใช่มั้ย?
“เดี๋ยวได้เห็นกันแน่ รี เจอกันพรุ่งนี้เช้านะ”
ฉันยิ้มแล้วเขาก็ปิดประตู ทันทีที่ประตูปิด ฉันก็เหยียบคันเร่ง พยายามจะไปให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ คาถาของแซมอันตรายมาก และฉันก็ชอบอันตราย...แต่ไม่ชอบอันตรายแบบแซมนะ จริงๆแล้วหมอนี่ทำฉันกลัว ระดับนึง ไม่ใช่ทางกายภาพ ฉันแน่ใจว่าถึงเขาจะตัวโตขนาดไหน เขาก็ไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่จะทำร้ายผู้หญิงหรอก แล้วทำไมฉันถึงรู้สึกว่าต้องระวังตัวตอนอยู่ใกล้เขานะ ฉันผ่อนคลายไม่ได้เลย
นี่มันก็ปรกติแหละ เนอะ
ช่าย ฉันมั่นใจ ช่าย ช่าย
ปรกติอยู่แล้วที่ทอมบอยอย่างฉันจะรู้สึกไม่สบายใจเวลาอยู่ใกล้ผู้ชาย
อืมมมมม
ใช่ที่ไหนเล่า!!!!!!!!!
--------------------------------------------------------
!!ภาษาอังกฤษวันละคำกับแซม!!
วันนี้จะมาเสนอคำแสลงค่ะ!!
คำว่า PLAYER
คำนี้แปลตรงๆก็ ผู้เล่น สินะ
แต่ทุกคนคงเคยได้ยินคำว่า PLAYBOY ใช่มั้ยคะ
นั่นแหละ มันมาจากนี่แหละ
ประโยคตัวอย่างเหมือนเคยนะคะ
"He had a glint in his eyes that screamed Player!"
ซึ่งแปลว่า "เขามีประกายในดวงตาที่ตะโกนดังลั่นว่า เจ้าชู้!!"
ค่ะ คำว่า PLAYER แปลว่าคนที่เจ้าชู้หน้าหม้อหูดำ มีกิ๊กเรี่ยราดเหลื่อนกลาดไปทั่วนั่นเอง
^[]^
เก๋ๆนะคะ
ความคิดเห็น