ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ข้าทำทุกอย่างเพื่อนาทีนี้ [TheKingdom]

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่สอง พระองค์หญิง อาซาเลีย แวลิดาส

    • อัปเดตล่าสุด 19 ธ.ค. 54


    บทที่สอง พระองค์หญิง อาซาเลีย แวลิดาส

    ภาคย์ศิรากวาดดวงตาโตๆมองไปรอบห้องกว้างขวางอย่างสนอกสนใจ

    หลังจากเขาตื่นขึ้นมา เขาก็ถูกนำตัวมาที่ห้องนี้ทันที และข่าวดีก็คือ เขาฟังคนรอบๆตัวเข้าใจแล้ว! ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่การสื่อสารไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป เขาไม่อยากจะเดาหรอกว่าเป็นเพราะจูบมหัศจรรย์กับสาวสวยคนนั้น

    แต่ยังไงก็ตาม ถึงตอนนี้เขาพอจะจับต้นชนปลายถูกแล้ว ว่าเขาคงจะถูกพามาในที่ๆไม่ธรรมดาแน่ๆ ไม่ธรรมดาขนาดที่ว่าไม่น่าจะมีอยู่ในโลกที่เขาเคยอยู่ โลกยุค 2012 น่ะ ไม่มีที่แบบนี้แน่ๆ เขารับรอง!

    เริ่มจาก ปราสาทของเจ้าหญิงอาซาเลีย สาวสวยที่จู่โจมจูบเขานั่นแหละ เท่าที่เขาเห็นจากภายนอกเมื่อถูกลากตัวมาตอนแรก เป็นกำแพงหินสีขาวสูงชะลู่ ทหารยามเดินตรวจเวรยามกันเข้มงวดจนเขาแปลกใจ และที่แปลกใจกว่านั้นคือ เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในตะวันออกกลางยุกโบราณ เพียงแต่มันแปลกกว่านั้นเยอะเท่านั้นเอง!

    ทางเดินที่คดเคี้ยวเลี้ยวลดอยู่ในเมืองปูด้วยหินสีขาว อาคารตั้งหนาแน่นเต็มสองข้างถนน วิหารและสถานที่ซึ่งดูอลังการงานสร้างคล้ายปฏิมากรรมของตะวันออกกลางยุคโบราณมีอยู่มากมาย สภาพอากาศมีแดดแรงจนร้อน ลมก็พัดโกรกตลอดเวลา แต่พอมาอยู่ในร่มอากาศกลับเย็นจนหนาว ผู้คนที่ผ่านไปมาค่อนข้างจะคึกคักหนาแน่น เขากวาดตาดูรอบตัวจนเริ่มรู้ว่าเมืองแห่งนี้ผสมกลิ่นอายของวัฒนธรรมไว้หลากหลายจนเขารู้ชัดทันทีว่ากำลังอยู่ในที่ประหลาดๆ

     ห้องนอนข้าเอง ไม่ต้องเกร็งหรอก ข้าเพียงแค่มีเรื่องอยากเล่าให้เจ้าฟังด้วยตัวเอง อย่างเป็นส่วนตัว” เจ้าหญิงอาซาเลียรับสั่งนำร่องก่อนประทานบรรยาย

    เวลานี้เขาถูกพาเข้ามาในห้องบรรทมของท่านเจ้าหญิง ตอนแรกเขาก็ตกใจไม่น้อย และความตกใจก็ถูกยกกำลังสองทันทีเมื่อจ๊ะเอ๋กับสภาพห้องบรรทมอันโอ่งอ่า

    พระบัญชรบานเล็กๆบานเดียวในห้องถูกปิดด้วยพระวิสูตรกำมะหยี่สีเลือดนก เช่นเดียวผืนผ้าที่บดบังช่อง*พระทวาร(*ประตู) พระแท่นบรรทมขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง ท้องทั้งห้องประดับประดาสวยงาม ของประดับส่วนใหญ่มีสีแดงสด พวกเขานั่งกันอยู่ที่ชุดรับแขกขนาดเล็กประกอบด้วยตั่งและเก้าอี้ไม้

     ไวน์จากเมืองวอเรียเพคะ” นางกำนัลสาวรับถาดมาจากนอกห้องบรรทม แล้วเดินเข้ามาวางบนโต๊ะตัวเล็ก นางรินไวน์จากโถใส่แก้วคริสตัลใสแจ๋วให้เจ้าหญิง และรินใส่อีกแก้วให้ภาคย์ศิรา ก่อนจะผละไปยืนประจำหน้าช่องประตูดังเดิม

     เจ้าออกไปก่อน กางข่ายเวทย์ให้ข้าด้วย ข้าต้องการความเป็นส่วนตัว” สุรเสียงเรียบๆดำรัสสั่งนางกำนัลคนนั้น และจิบไวน์ มองจนนางปฏิบัติตามพระดำรัสแล้ว จึงหันมาทอดพระเนตรใบหน้าอาคันตุกะคนพิเศษอีกครั้ง

     ตั้งใจฟังข้า...” รับสั่งพลางสูดพระอัสสาสะ

     ที่นี่ไม่ใช่โลกที่เจ้าเคยอยู่ ที่นี่คือโลกของผู้วิเศษ” สุรเสียงเรียบๆเริ่ม ทอดพระเนตรหน้าตาช็อคสนิทของคู่สนทนาจนต้องกระตุกโอษฐ์สรวลน้อยๆ ดวงพระเนตรสีเหลืองอำพันทอดพระเนตรด้วยแววสงสาร

    องค์เองก็รู้ว่ากำลังทำลายชีวิตเขา...แต่ถ้าไม่ทำ...ก็คงมีใครมาทำลายประเทศของพระองค์เช่นกัน

     “...ค...ครับ...” เสียงสั่นๆอย่างพยายามทำใจของชายหนุ่มหลุดออกจากปากในที่สุด หลังจากขบคิดมานาน

    หลังจากที่เขาชมเมืองหน้าตาประหลาดๆมา เขาก็พอจะรู้แล้วว่าถ้านี่ไม่ใช่ความฝัน มันก็คงจะต้องเป็นโลกมหัศจรรย์อะไรสักอย่าง ให้ตายเถอะ!!! แล้วโลกของผู้วิเศามันอยู่ที่ไหนในโลกล่ะเนี่ย!! กรรม!! อยากจะบ้า! นี่ถ้าเขาฟังที่แม่บอก กลับบ้านซะตั้งแต่แรกก็ดีหรอก!!!

     วิลิโอยืมพลังของบางอย่าง เพื่อพาเจ้ามายังภพภูมินี้”

     บางอย่าง?”

    อย่าบอกนะว่าเขาถูกลักพาตัว!!! กรรม! ลักพาตัวมาที่พิลึกๆแล้วนี้ตำรวจจะรับแจ้งความมั้ยเนี่ย!

     อืม ตรงนั้นอย่าพึ่งสนใจ” องค์หญิงเปลี่ยนเรื่อง เสวยไวน์จากแก้วอีกครั้ง

     ครับ” ภาคศิรารับคำทั้งที่ในใจกำลังร้องโวยวาย

     ข้าคือ อาซาเลีย แวลิดาส เจ้าหญิงองค์ที่สอง ในองค์กษัตริย์แอตไทต์ และอดีตองค์ราชินีวีนีเซีย แห่งราชอาณาจักรทีอา หนึ่งในสามมหาอำนาจใหญ่ในแผ่นดินอนาโตลิส ข้ารับผิดชอบการติดต่อกับต่างประเทศทั้งหมด รวมถึงงานสืบข่าวด้านความมั่นคงด้วย”

    องค์หญิงเริ่มตรัสแนะนำพระองค์ยาวยืด รวมถึงสาธยายให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของประเทศ ทรงจิบไวน์รอจนคนฟังพยักหน้ายอมรับแล้วจึงตรัสต่อ

     และข้าคนนี้ จะขึ้นเป็นกษัตริย์”

    สุรเสียงที่เปร่งประโยคนี้ทำเอาภาคย์ศิราขนลุกเกรียว ความมุ่งมั่นใจน้ำเสียงของพระองค์ชัดเจนจบแทบจะจับต้องได้

    ภาคย์ศิราเริ่มสงสัย ว่าบางทีเขาอาจจะถูกดึงเข้ามาในสงครามชิงบัลลังค์เสียแล้ว กรรม!! ถูกลักพาตัวมาในที่ๆไม่มีทางกลับบ้านได้ยังไม่พอใช่มั้ย แล้วเจ้าหญิงนี่อะไรกัน ต้องการอะไรจากเขา ลักพาตัวเขามาทำไม! กรรม นี่มันอะไรกัน!!

     “ข้ามีศักดิ์โดยชอบธรรม” ตรัสต่อ โดยไม่ยอมให้สายตาสับสนของภาคย์ศิรามาขัด “ฝ่าบาท...เสด็จพ่อของข้า กษัตริย์แอตไทต์มีพระธิดา7พระองค์ และไม่มีพระโอรส ด้วยพระพี่นางองค์โตของข้าเษกสมรสออกไปนั่งเมืองกับพระสวามี รองลงมาจึงมีข้า แต่มันก็ไม่ได้ราบรื่น ขนิษฐาของข้าพึ่งจะเษกสมรสไปเร็วๆนี้ ทำให้ตำแหน่งรัชทายาทเอนไปอยู่ฝั่งนางเสียแล้ว” ประทานอธิบายด้วยสีพระพัตร์เรียบเฉยซึ่งกลายเป็นเยียบเย็นเมื่อตรัสมาถึงประโยคนี้

     สวามีของน้องข้าไม่ใช่คนดี แต่มีเส้นสายสามารถสนับสนุนให้น้องข้าได้”

    องค์หญิงจบการบรรยายยืดยาวด้วยการดื่มไวน์ในแก้ว ก่อนจะโน้มองค์ไปคว้าโถมารินใส่แก้วเพิ่ม แล้วหยิบแก้วขึ้นมาถือในง่ามนิ้ว ดวงเนตรสีอำพันทอดพระเนตรไปที่ชายหนุ่มเบื้องหน้าไม่กระพริบ ลึกเข้าไปในดวงตาสีดำสนิท ทอดพระเนตรจนภาคย์ศิราแน่ใจว่าองค์หญิงคงจะเห็นแจ้งไปถึงหัวใจอันร้อนรนสับสนเขาแล้ว

     “ทำไมเป็นงั้นล่ะครับ ในเมื่อนั่นน้องคุณไม่ใช่หรือครับ ผมคิดว่าคนที่จะเป็นพระราชินีต่อไปจะต้องเป็นคนพี่เสียอีก” ภาคย์ศิราทูลถามด้วยความที่หลงเคลิ้มไปกับเรื่องที่ประทานอธิบายให้ฟัง จนเกือบลืมไปแล้วว่าตัวเองกำลังสับสนกับโลกใบนี้แค่ไหน

     “อันที่จริงประเด็นเรื่องรัชทายาทก็ยังเป็นที่ถกเถียง ข้าแม้จะอาวุฒิโส แต่ข้าก็ยังไม่ได้แต่งงาน ไม่มีทายาท และเสด็จแม่ของข้าสิ้นพระชนม์ไปนานแล้ว ในขณะที่น้องข้าเป็นธิดาในพระราชินีองค์ปัจจุบัน พระราชินีจึงสนับสนุนนาง ส่วนสภาอาวุฒิโสก็เอนเอียงไปทางน้องข้าเพราะคิดว่าเส้นสายอิทธิพลของสวามีนางจะช่วยให้อาณาจักรมั่นคง” สุรเสียงเรียบๆกล่าว ขมวดพระขนงยุ่ง หงุดหงิดพระทัยเป็นยิ่งนักเมื่อดำริถึงการเมืองวุ่นวายในพระราชวัง

      “เพราะฉะนั้นหากข้าได้เษกสมรสกับบุรุษสักคนซึ่งจะนำความมั่นคงมาให้ประเทศได้ สภาอาวุฒิโสก็คงจะเอนเอียงมาฝ่ายข้ามากขึ้น” ตรัสต่อทั้งยังขมวดพระขนง

    นี่มันมากเกินไปแล้ว ภาคย์ศิราคิดในใจ ข้อมูลตรงหน้าเขามันมากเกินไปแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่! เขาหลุดเข้ามาในที่แปลกๆ จะกลับบ้านได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แถมยังมาแต่ตัวเปล่าๆ ต่อไปนี้เขาจะอยู่ยังไงก็ไม่รู้ แล้วนี่จะยังต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องยุ่งๆในวังอีกแน่ะ!! กรรม!!

     “เจ้ามาที่นี่เพราะเหตุนั้น มาเป็นผู้ที่จะเคียงข้างข้าบนบัลลังค์ทีอา”

    ภาคย์ศิราสะดุ้งโหยง ปากอ้าค้างทันที

     จะบ้าหรอคุณ!! พูดเป็นเล่น!” เขาโพล่งออกไปทันทีหลังจากหายตกใจแล้ว

     ข้าจะปั้นเจ้า จะทำให้เจ้าเป็นผู้ชายอย่างที่ข้าต้องการ วิลิโอคิดไว้แล้ว ข้าจะลองเสี่ยงกับเจ้าดู ข้าจะทำให้เจ้าเป็นสวามีที่จะปกครองประเทศเคียงข้างข้า” ตรัสตอบ ยังคงจดจ้องเขาไม่เปลี่ยน ดวงพระเนตรสีเหลืองเปล่งประกายมุ่งมั่นงดงาม

     หา! จะแต่งงานกับผมหรอ!” เขาร้อง ตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้า

    มันง่ายอย่างนั้นเลยเรอะ!! ฉุดเขามาจากโลกของเขาแล้วจับแต่งงานเนี่ยนะ!!!

     ใช่” ประทานคำตอบหนักแน่นชัดเจน

     นี่คุณ ผมเป็นคนธรรมดานะคุณ ผมไม่เข้าไปยุ่งกับการชิงบัลลังค์ของพวกคุณหรอกนะ” เขาทูลเสียงแข็ง มองตอบสายพระเนตรอย่างไม่คิดจะหลบไปอีก

    จากที่ฟังกระแสรับสั่ง ภาคย์ศิราตัดสินไปแล้วว่าพระองค์หญิงดำริจะขึ้นครองราช และทรงยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อำนาจมา ซึ่งเขามาจากสมัยประชาธิปไตย คนกระหายอำนาจแบบนี้เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยว

     ไม่ใช่ชิงบัลลังค์ ข้าไม่คิดช่วงชิงจากใคร ข้ามีศักดิ์มีสิทธิในบัลลังค์ ข้าเป็นราชธิดาองค์แรกๆ ข้าโตมาในฐานะผู้ที่อาจขึ้นครองราช” ตรัสด้วยดวงพระเนตรสีทองเจิดจ้า อัญมณีบนรัดเกล้าราวกับจะยิ่งเปล่งแสงสนับสนุนคำพูดของพระองค์

      “ข้ามีการปกครองที่คิดไว้ ข้าจะทำให้ประเทศของข้าสงบสุข ไม่มีใครกล้ารุกราน เป็นใหญ่ในดินแดนผู้วิเศษ ประเทศของข้าจะต้องรุ่งเรือง ประชาชนของข้าจะต้องเป็นสุข ทางเดียวที่ข้าจะทำให้เป็นอย่างที่ข้าฝัน คือข้าต้องเป็นกษัตริย์”

    สุรเสียงที่ตรัสจากพระโอษฐ์อิ่มสวยสีแดงสดเปล่งประกายมุ่งมั่นแรงกล้า ทั้งดวงพระเนตรก็ฉายแววเด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง สีพระพักตร์แสดงออกถึงความมุมานะเพื่อความฝันอันยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่จนไม่น่าเชื่อว่าพระวรกายสะโอดสะองค์และสะคราญโฉมจะฝันเช่นนี้

    ภาคย์ศิราเห็นประกายเด็ดเดี่ยวที่ฉายชัดจนแสบตาก็ต้องเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับพระนาง ไม่ใช่บ้าอำนาจ แววตาของคนบ้าอำนาจคงไม่เปี่ยมไปด้วยศรัทธาและแรงฝันเช่นนี้ การจะตัดสินพระนางเขาอาจจะต้องพูดคุยเรื่องการปกครองที่พระนางฝันถึงอีกยาว แต่แค่เท่านี้เขาก็รู้สึกได้ ว่าองค์หญิงอาซาเลียไม่ใช่คนเลวร้ายเลย

    ความแข็งแกร่งที่แสดงออกจากสายพระเนตรแรงกล้าจนเขายกย่อง และแน่ใจขึ้นมาในทันทีว่า ว่าสิ่งที่พระนางฝันถึง เกินกำลังเขาที่จะช่วยอะไรได้ หากเป็นเขาที่โลกของเขา ครอบครัวภาคย์ศิราเป็นเจ้าของกิจการโทรคมนาคมที่กินส่วนแบ่งการตลาดหนึ่งในสามของเอเชีย  ใช่ ครอบครัวของเขารวยมาก รวยถึงขนาดที่รัฐบาลของหลายๆประเทศต้องเกรงใจ และเขาก็ถูกเลี้ยงดูมาเพื่อเป็นประธานบริษัทในอนาคต ถ้าเป็นในโลกใบเดิมของเขาล่ะก็ เขามั่นใจว่าเขาช่วยพระนางได้แน่ แต่ถ้าเป็นเขาในโลกใบนี้ คงไม่สามารถทำอะไรได้

     “ขอร้องเถอะคุณ ส่งผมกลับบ้านเถอะ ผมไม่มีอะไรจะช่วยคุณได้หรอกครับ” เขาเอ่ยในที่สุด หลังจากถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้ว

     เรื่องนั้นข้าบอกแล้วไง ว่าข้าคิดแผนไว้ให้เจ้าแล้ว ว่าแต่...เจ้าชื่ออะไร” รอยสรวลน้อยๆอย่างจะผูกมิตรประทานให้พร้อมกับดำรัสถาม

     ภาคย์ศิรา พร่างพราวระยับกุลครับ” เจ้าของชื่อทูลตอบอย่างปลงๆ

     อืม ภาคย์ศิรา...ชื่อเจ้าแปลกดีนะ” สีพระพักตร์มั่นคงของพระนางเผยรอยสรวลเล็กน้อย ทรงหวังให้คู่สนทนาผ่อนคลายตาม

     ครับ ผมยืนยันว่าผมคงช่วยอะไรคุณไม่ได้ คุณเลือกคนผิดแล้วล่ะ ช่วยส่งผมกลับบ้านเถอะครับ” ภาคย์ศิรายังไม่ยอมเลิกลา

    เขาเป็นอะไรที่พระนางมีพระประสงค์ให้เป็นไม่ได้หรอก เขาอยากกลับบ้าน ที่บ้านของเขายังมีใครรออยู่อีกมากมาย เขาต้องกลับไปหาแม่ กลับไปช่วยงานพ่อ กลับไปทำงานที่บริษัท

     เรื่องนั้น คงจะไม่ได้แล้วล่ะ” พระองค์หญิงตรัสเรียบๆ

     “หา? เรื่องอะไรครับ”

     “ก็ที่จะส่งเจ้ากลับไง”

     “หา!!!” ภาคย์ศิราร้อง

    อย่ามาล้อเล่นนะ!! เขากลับไปไม่ได้เรอะ! นี่มันไม่ตลกเลยนะ เขาต้องกลับบ้าน เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้นะเฮ้ย!! ให้ตายเถอะ ที่แบบนี้มันไม่น่ามีอยู่จริงด้วยซ้ำ!!! กรรม!!

     “พูดง่ายๆนะเจ้า คือเวทมนตร์ที่ส่งคนข้ามภพเนี่ย มันไม่ใช่อยากเสกก็เสกได้ มันต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือต้องมีพลังจากพระอาทิตย์ช่วยหนุน และวันที่จะมีพลังนั้นก็คือวันนี้เท่านั้น วันที่มีกลางวันยาวนานที่สุดของทุกปี แต่วันนี้พระอาทิตย์ก็ตกไปแล้ว เพราะฉะนั้น อย่างเร็วที่สุดที่ข้าจะส่งเจ้ากลับได้ ก็คือวันนี้ของปีหน้า”

    ประทานอธิบายด้วยรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้ม แต่ภาคย์ศิราแทบจะอยากกรี้ดให้แต๋วแตกไปให้รู้แล้วรู้รอด!

    กรรม!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×