คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Part1 - บทนำ จุดเริ่มต้นของเรื่องราว (รีไรท์ใหม่)
มืดมิดและเหน็บหนาว
นั่นคือคำบรรยายที่ตรงกับกับภาพตรงหน้าเป็นที่สุด
หญิงสาวคิด...
เธอมีใบหน้ารูปไข่ ดวงตาสีแดงเพลิงหางตาเชิดขึ้นราวกับเป็นสตรีสูงศักดิ์ ริมฝีปากแดงเม้มสนิทอย่างใช้ความคิด ทำให้ใบหน้างดงามนั้นยับยุ่ง เรือนผมสีเงินยวงสะท้อนประกายสีม่วง กลางเรือนผมนั้นมีสิ่งที่คล้ายกับเขาของกวางแต่กลับโปร่งแสงและมีประกายระยิบระยับ อีกทั้งยังมีมงกุุฏที่ทำจากคริสตัลอีกด้วย ใบหูที่โผล่ออกมา เรียวแหลมราวกับหูของเอลฟ์ แต่แค่คล้ายกันเท่านั้น
เธอคือ องค์จักรพรรดินีแห่งพิภพอสูรนี้
องค์จักรพรรดินี เวโนริก้า เคสฮอร์ส
"แว๊~!!!!" เสียงร้องของทารกดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบนั้น ทำให้คนเป็นแม่หลุดจากภวังค์
"ว่าไงจ๊ะ เอนริก้า..." เวนดี้ปรับสีหน้าให้ยิ้มแย้มก่อนจะเดินตรงไปโอบอุ้มลูกของตนมาไว้แนบอกเพื่อปลอบประโลม
แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรออกมานั้น ประตูห้องก็ถูกกระแทกเปิดออกอย่างแรงพร้อมกับปรากฏร่างของชายหนุ่มคนหนึ่ง
ชายตรงหน้ามีรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าละม้ายคล้ายกับเวนดี้เป็นอย่างมาก เรือนผมสีเงินยวงนั้นสะท้อนประกายสีแดง ดวงตาสีเทาคู่นั้นฉายแววกังวลเมื่อมองมายังพี่สาวของตนและหลานสาวตัวน้อย
"ท่านพี่... ไอ้โทลมัส..." อัลวาเรซขบกรามแน่นเมื่อเอ่ยถึงชื่อที่น่ารังเกียจนั้น
"มาถึงไหนแล้วล่ะ" เวนดี้เอ่ยถามด้วยสีหน้าที่สงบ
เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเพราะตัวของเธอเอง แต่กลับต้องทำให้น้องๆและคนอื่นได้รับผลกระทบไปด้วย
"ถึงประตูหน้าแล้ว ท่านพี่ต้องรีบหนีแล้วนะ ตอนนี้โรซกำลังต้านกองทัพของไอ้โทลมัสอยู่ ข้าจะพาท่านพี่กับหลานหนีไปยังพิภพมนุษย์เอง!" อัลวาเรซว่า พลางเดินมาคว้าข้อมือของผู้เป็นพี่สาวแน่น
"พี่เป็นองค์จักรพรรดินี เจ้าก็รู้ว่าพี่ไปจากพิภพนี้ไม่ได้..." เวนดี้พูดขึ้นมาทำให้ฝีเท้าของอัลวาเรซชะงัก
"แล้วข้าต้องปล่อยให้ไอ้ชั่วนั่นมาสังหารท่านกับหลานงั้นรึ!!!"อัลวาเรซตะคอก
เวนดี้ไม่พูดอะไร แต่กลับสบตาน้องชายของตนนิ่งๆ
ทั้งคู่จ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
"เคลเบรอส..." อัลวาเรซพูดออกมาอย่างอัดอั้น "ข้าจะพาท่านไปยังประตูเคลเบรอส ให้เขาส่งตัวเอนริก้าไปหาท่านพี่เขย นางมีเลือดมนุษย์ไหลเวียนอยู่ครึ่งหนึ่ง ถ้านางไม่ไป... ข้าเกรงว่า ราชวงศ์เราคงสิ้นกันในวันนี้ และท่านก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น..." ในที่สุดเขาก็ต้องยอมจำนน
"พี่ตามใจเจ้า เรซ..." เวนดี้พูดออกมา
ทั้งคู่ค่อยๆหลบหนีออกมาจากปราสาทด้วยสัตว์อสูรของเวนดี้ซึ่งเป็นม้าขนาดใหญ่แต่กลับมีฝีเท้าที่เบาราวกับเหยียบยํ่าไปบนอากาศ ทางด้านหน้านั้นมีเสียงอึกทึก ทั้งเสียงกรีดร้อง ตะโกนขู่คำรามและเสียงของอาวุธที่ฟาดฟันกัน
เวนดี้เหลียวหลังหันไปมอง ดวงตาคู่นั้นปรากฏม่านนำ้ตาบางๆ
‘ ข้าขอโทษ ทุกคน... ข้าขอโทษจริงๆ ‘
ท่ามกลางสายหมอกหนาที่ลงจัด อัลวาเรซกวาดสายตามองไปรอบๆ ลางสังหรณ์ของเขากำลังร้องเตือนอย่างบ้าคลั่งในจิตใจ
‘ มันเงียบผิดปกติเกินไป มันเหมือนกับมีอะไรซุ่มอยู่ ‘ อัลวาเรซคิดอย่างกังวล
แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา จู่ๆก็ปรากฏธนูดอกหนึ่งพุ่งเข้าเสียบคอของสัตว์อสูรอย่างแรง มันแหงนหน้าร้องอย่างเจ็บปวดก่อนจะล้มลงสิ้นใจในทันที อัลวาเรซรวบตัวพี่สาวกระโดดหนีก่อนที่มันจะล้มลง ทั้งสามกลิ้งไปบนพื้นก่อนจะหยุดด้วยการที่กระแทกเข้ากับต้นไม้อย่างแรง
“ อัลวาเรซ!!! “ เวนดี้มองหน้าน้องชายของตนอย่างเป็นห่วงระคนตกใจ เพราะอัลวาเรซใช้ตัวเองเป็นโล่ป้องกันกระแทกกับต้นไม้
“ ข้าไม่เป็นไร “ อัลวาเรซพูดพลางค่อยๆลุกขึ้นยืน โดยมีเวนดี้คอยช่วยพยุงอย่างทุลักทุเลด้วยมือข้างเดียว ส่วนเด็กทารกน้อยในห่อผ้าก็แผดเสียงร้องขึ้นมา
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้ามากมายจากทุกทิศทาง อัลวาเรซดึงให้เวนดี้มาหลบข้างหลังของตัวเอง โดยมีต้นไม้เป็นเกราะด้านหลังอีกทาง อัลวาเรซกระชากดาบคู่ที่กลางหลังออกมากำไว้
“ แหมๆ ไม่ดีนะขอรับ องค์จักรพรรดินีเวโรนิก้า เหตุใดจึงออกมาจากปราสาทโดยพลการกันล่ะ “ เสียงผู้ชายที่เยียบเย็นดังมาจากเงาตะคุ่มนั้น เงาร่างนั้นค่อยๆย่างสามขุมเข้ามาอย่างช้าๆ โดยที่เริ่มปรากฏเงามากมายตามหลังมา
ร่างนั้นเป็น ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ที่มีรูปร่างสูงโปร่งดูเย่อหยิ่ง ใบหน้าเรียวยาว ดวงตาที่ดูราวกับมีรอยยิ้มเยาะหยันทุกสิ่งทุกอย่างตลอดเวลา
" ไม่เกี่ยวกับเจ้า! โทลมัส " อัลวาเรซตะคอกใส่พร้อมกับกระชับดาบทั้งสองในมือของตนแน่น
" ช่างเป็นเจ้าชายที่โง่เขลา... เหมือนพี่สาวที่เป็นจักรพรรดินีไร้ศักดิ์ศรี ยอมทอดกายให้มนุษย์ชั้นตํ่า! " โทลมัสพูดขึ้นด้วยนํ้าเสียงเกรี้ยวกราด
" พวกเจ้า จัดการไอ้อัลวาเรซซะ!!! แล้วจับองค์เวโรนิก้ามาให้ข้า!!! " โทลมัสตะโกนสั่งเหล่าผู้คนที่ติดตามมา
" ก่อนจะแตะต้องตัวของพี่ข้า ก็ข้ามศพข้าไปเสียก่อนเถอะ ไอ้พวกกบฏ! " อัลวาเรซตวัดดาบเข้าฟาดฟันเหล่ากบฏที่ทำตามคำสั่งของโทลมัสอย่างบ้าคลั่ง แต่นั่นราวกลับราดนํ้ามันลงบนกองเพลิง
ทุกคนโกรธแค้นเหล่าราชวงศ์ ไม่ใช่เพราะเป็นทรราช แต่เพียงเพราะแค่เจ้าหญิงลูกครึ่งมนุษย์ที่น่ารังเกียจ
ตามคำทำนายว่า นางจะนำมาซึ่งหายนะนองเลือดแห่งแผ่นดิน!
การต่อสู้ใช้เวลาไม่นานนัก แต่ฝูงชนกลับลงล้มเป็นจำนวนมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าปริมาณจะลดลงเลยสักนิด ขณะที่อัลวาเรซใกล้จะไม่ไหวแล้วนั้นเอง ทางด้านหลังก็มีเสียงฝูงคนจำนวนหนึ่งตามมา
เวนดี้หันกลับไปมองอย่างวิตก ถ้าเป็นฝั่งของโทลมัส เธอกับน้องคงไม่มีทางรอดอีกแล้ว
" ท่านพี่เวนดี้ ท่านพี่เรซ ข้ามาช่วยแล้ว!!!! " เสียงนั้นตะโกนดังกึกก้องขึ้นมา ก่อนจะเผยให้เห็นชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนกับอัลวาเรซ เขาคืออัลวาโรซ น้องชายฝาแฝดของอัลวาเรซนั่นเอง
" เจ้ามาช้ามาก โรซ " อัลวาเรซตะคอกใส่น้องชายของตน ก่อนที่ทั้งคู่จะช่วยกันปราบปรามเหล่ากบฏ
ส่วนเวโรนิก้าค่อยๆหลบหนีไปจากสถานการณ์ชุลมุนนี้ เพราะอัลวาเรซกระซิบบอกก่อนที่จะเข้าไปต่อสู้
' ข้าจะดึงความสนใจไว้ให้ ท่ามกลางความชุลมุน ท่านพี่รีบไปยังประตูแห่งเคลเบรอสเถอะ '
ท่ามกลางท้องฟ้าสีเทาสลัว ไม่ว่ามองไปทางไหนก็มีแต่หมอกที่ปกคลุมทั่วบริเวณ เวนดี้วิ่งตรงมายังประตูบานใหญ่บานหนึ่งพร้อมกับคอยหันหลังกลับไปมองด้านหลังเป็นระยะๆว่ามีใครตามมาหรือไม่
เมื่อถึงหน้าบานประตูขนาดมหึมา เวนดี้ทรุดตัวลงคุกเข่าพลางจ้องมองไปยังบานประตูที่มีเถาวัลย์หินแกะสลักเกี่ยวกระหวัดพันไปมารอบกรอบบานประตู
"ข้าแต่ประตูแห่งเคลเบรอส โปรดปกป้องคุ้มครองลูกแห่งข้า ผู้เป็นราชินีของเคลฮาร์ส โปรดจงปกป้องเจ้าหญิงน้อย พาไปหาเขาคนนั้น ผู้เป็นพ่อของเด็กน้อยคนนี้ " เวนดี้พูดกับประตูบานใหญ่ตรงหน้าแล้วส่งเข้าไปในประตูที่เปิดอ้าออกแล้วมีมือนับไม่ถ้วนยืนออกมารับเด็กน้อยไป
"ขอให้เจ้าเติบโตอย่างสงบสุขเถอะนะ "ดวงตาสีเพลิงหม่นแสงลง ทอแสงประกายแห่งความอ่อนโยน ก่อนจะมีน้ำตาไหลรินลงอาบแก้มนวล
"ข้าจะทำตามคำขอของเจ้า เวนดี้ ขอให้เจ้าปลอดภัย" เสียงชายหนุ่มทุ้มลึกแฝงไปด้วยความเยือกเย็นดังขึ้นจากประตู มีเสาแสงสีดำพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ง ก่อนที่ประตูจะกลายเป็นสีเทาและมีรอยแตกร้าว ราวกับจะบอกว่าประตูแห่งนี้ไม่มีจิตวิญญาณที่เฝ้าอยู่และคอยมอบพลังให้แก่มันอีกแล้ว
เสียงโห่ร้อง เริ่มเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ เวนดี้หันหลังกลับไปมอง เธอปาดนํ้าตาบนใบหน้าทิ้งไป แววตาฉายความเด็ดเดี่ยวของความเป็นราชวงศ์ออกมา
ผู้ที่เดินนำหน้าขบวนมาก็คือโทลมัส แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเวนดี้มากที่สุดคือ ร่างของอัลวาโรสที่ถูกมัดตรึงไว้กับเสาอย่างไร้สิ้นเรี่ยวแรงและหนทางสู้
และแล้วราชวงศ์ใหม่ของพิภพอสูรก็เกิดขึ้นมาจากการนองเลือดเช่นนี้เอง
ความคิดเห็น