ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : [SF] Absinthe : A Private Jet, Ch. 9
Title: Absinthe
Chapter 9 : A Private Jet
Rate: PG
Talk: ตอนนี้ยาวมาาากกกและตอนต่อไปเรตชัวร์ไม่แกล้งละ ต่อไปนี้จะเรียกคนอ่านฟิกเรื่องนี้ว่า แอ๊ปวีน ดริ้งเกอร์นะคะ To all my beloved Absinthe Drinker
========================================================
ฮีชอล เดินจ้ำเอาๆไปยังทางลานจอดรถในร่มของตัวคฤหาสน์ของตระกูลหานเพราะจำได้ว่า เจ้าของรถจอดรถไว้ที่ไหนตอนที่กลับมาที่งานเลี้ยงโดยที่ไม่สนใจคนที่เดินตาม มาเลย ฮันกยองเร่งฝีเท้าตัวเองจนเดินทันแต่กระนั้นก็มาถึงเอาตอนที่ ฮีชอลถึงรถเบนซ์คันหรูของเขาเสียแล้ว
"เอ้าๆ จ้ำเอาอยู่ได้ นึกว่าเดินสวนสนามอยู่ซะอีก" ฮันกยองอดไม่ได้ที่จะแขวะท่าทางของฮีชอล แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่สนใจคำพูดของเขาเอาแต่ยืนนิ่งอยู่ตรงประตูรถด้าน หลัง
ร่างสูงเดินไปที่ฝั่งที่นั่งคนขับแล้วกดรีโมตอัตโนมัติ แต่ก่อนที่เขาจะเปิดประตูรถออก ฮันกยองสังเกตเห็นว่าคนที่ทำให้เขาต้องไปส่งกลับทำเป็นยืนนิ่งอยู่ตรงประตู รถด้านหลังของอีกฝากเหมือนรอให้เขาไปเปิดประตูให้อย่างงั้นแหละ
"ตอน มาไม่เห็นรอให้ชั้นเปิดประตูรถให้เลยนี่ ทำไมทีตอนนี้จะรอให้ชั้นบริการให้ล่ะ" ชายหนุ่มหันไปเท้าหลังคารถคันหรูแล้วถาม ฮีชอลทำหน้าเชิดก่อนจะหันหน้าไปอีกด้านแล้วทำวางท่าก่อยจะตอบ
"ก็นาย มาเป็นคนขับรถให้ชั้นก็ต้องทำหน้าที่สิ เปิดดิ" ฮันกยองทำหน้าใส่ฮีชอลเป็นคำพูดที่อ่านได้ว่าเชื่อเขาเลย นี่ฮีชอลคิดจะให้เขาเป็นคนขับรถจริงๆอย่างที่พ่อกับแม่เขาบอกหรือยังไงกัน
ร่างสูงส่ายหัวเล็กๆแล้วเดินอ้อมผ่านหน้ารถเบนซ์ตรงไปที่ประตูข้างคนขับแล้วหันไปบอกคนมากเรื่อง
"เอ้อ เปิดให้ก็ได้ แต่มานั่งตรงนี้ ชั้นไม่ใช่คนขับรถนายเสียหน่อย ทำอย่างกับเห็นชั้นเป็นพนักงานขับรถให้คุณหนูนิสัยเสียแบบตัวเองไปได้" ว่าแล้วก็เปิดประตูข้างคนขับออกเพื่อให้ฮีชอลขึ้นไปนั่ง แต่คนที่ฤทธิ์เยอะกว่ากลับหันมาส่งยิ้มเสแสร้งให้แล้วเปิดประตูรถด้านหลัง แล้วขึ้นไปนั่งทันทีเหมือนไม่ได้ฟังที่ฮันกยองพูดเลยสักนิด
"เฮ้ย อะไรเนี่ย บอกไม่ฟังกันเลยหรือไงวะ" ฮันกยองพูดกับตัวเองก่อนจะโผล่หน้าเข้าไปในรถทางประตูข้างคนขับแล้วโน้มตัว ไปตรงช่องวางระหว่างเบาะแล้วเรียกคนที่นั่งกอดอกเชิดใส่อยู่
"นี่ ฮีชอลมานั่งข้างหน้า ชั้นไม่ใช่คนขับรถนายนะ ต้องให้บอกกี่ครั้งเนี่ย" ฮีชอลทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ไม่ฟังเสียงชายหนุ่มเลยสักนิด ยังคงกอดอกทำหน้าเชิดต่อไปตามประสาคนเอาแต่ใจ ฮันกยองถอนหายใจแล้วถอยออกจากประตูข้างคนขับพร้อมปิดประตู การกระทำนั้นทำให้ฮีชอลอดลอบยิ้มไม่ได้ที่ได้ปั่นหัวแกล้งคนตรงหน้าให้มา เป็นคนใช้เขาได้สำเร็จ
แต่ทันทีที่ร่างบางเงยหน้าขึ้นไปทางกระจก หน้าเขากลับไม่เห็นร่างสูงเดินมาตรงประตูคนขับ แต่ดันเป็นเสียงเปิดประตูจากฝั่งข้างๆพร้อมกับร่างสูงที่โถมเข้ามาอย่างไม่ ให้คนด้านในทันตั้งตัว
"เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ฮันกยองปล่อยโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!" ฮีชอลแหกปากดังลั่นทันทีเมื่อรู้ตัวว่าถูกเจ้าของรถตามเข้ามาลากตัวออกจาก เบาะหลัง แต่มีหรือคนอย่างร่างเพรียวจะยอมแพ้ให้ง่ายๆ ฮีชอลก็ยังฤทธิ์มากทั้งแกะทั้งดันทั้งทุบเพื่อให้ฮันกยองยอมปล่อยวงแขนกว้าง ที่รัดเขาเอาไว้เพื่อจะดึงลงมาจากรถให้ได้
ฮีชอลเริ่มใช้นิ้วตัวเอง จิกไปที่แขนของชายหนุ่มพลางแหกปากไม่หยุด ฝ่ายฮันกยองเองก็เริ่มเหนื่อยแล้วเหมือนกันที่ต้องสู้กับฮีชอลที่สำแดงฤทธิ์ เดชมหาศาลเหลือเกิน ชายหนุ่มจึงงัดไม้ตายขึ้นมาจนได้
"ฮีชอล! ถ้านายไม่หยุดทำร้ายร่างกายชั้นแล้วจัดการเอาตัวเองไปนั่งที่เบาะหน้าตัวเอง ชั้นจะลากนายลงไปจริงๆนะ!" ฮันกยองขู่แต่มีหรือแค่นี้ฮีชอลจะกลัว ร่างบางที่หอบเหนื่อยจากการต่อสู้เองก็ไม่ยอมแพ้รีบตอกกลับทันที
"คิด ว่าเอาชั้นลงไปได้เหรอ เอาซี๊ มาแข่งกันว่าใครมันจะทำตามที่ปากว่าได้ก่อน" ใบหน้าหล่อตีหน้าขึงใส่แต่ฮีชอลก็ไม่ได้รู้สึกกลัวขึ้นมาสักนิด แขนยาวจัดการล็อคตัวฮีชอลเอาไว้ใหม่แล้วโนมหน้าเข้าไปชิดใบหน้าสวยเนียนนั้น ทันทีแล้วกระซิบข้อต่อรองใหม่
"ถ้าฤทธิ์เยอะแบบนี้ชั้นจับปล้ำบนรถ นี้แน่" ดวงตากลมโตเบิกโพรงด้วยความตกใจและรู้สึกตัวว่าไม่น่าลืมไปเลยว่าเคยพลาดท่า เสียทีหมอนี่ไปแล้ว และตอนนี้จากรูปการณ์แล้วเขาก็เสียเปรียบอยู่ชัดๆ แต่ฮีชอลก็ยังทำใจดีสู้เสืออยู่
"เหอะ คนอย่างนายไม่กล้าทำหรอก" ฮีชอลไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดดูถูกนั้นมันจะทำให้คนที่ตอนแรกคิดว่าจะขู่เริ่ม คิดจะอยากทำอะไรขึ้นมาจริงๆเสียแล้ว
"อ๋อ ถ้าเหรอ? ได้งั้นจะพิสูจน์ให้ดู" ว่าจบเขาก็ไม่ปล่อยโอกาสให้ฮีชอลได้หาทางป้องกันตัวหรือผลักเขาออกหรือแม้ แต่ร้องขอยอมแพ้ ฮันกยองซุกไซ้ปลายจมูกโด่งที่ข้างแก้มเนียนทันทีพร้อมกับล็อคตัวฮีชอลไว้ แน่นกว่าเดิม ใบหน้าหวานพยายามหันหนีแต่นั้นมันก็ยิ่งเท่ากับเปิดท่าให้ชายหนุ่มได้ซุกไซ้ ปลายจมูกสวยกับผิวเนื้อเนียนได้มากกว่าเดิม
"อึ๊ยยยย ปล่อยนะๆ ไอ้บ้า ปล่อยชั้นๆๆ อ๊ากก ฮันกยองๆๆๆ" ฮีชอลพยายามทุบไปที่หลังของชายหนุ่มพลางเบนหน้าหนีคนที่ดูเหมือนจะสนุกกับ การซุกไซ้กอดไล้ลูบคลำร่างนุ่มนิ่มจะไม่ยอมปล่อยมือเอาง่ายๆ
"ไหนท้า ชั้นไม่ใช่เหรอไง" ชายหนุ่มพึมพำเป็นคำพูดตอบกลับมาทั้งที่มันอดห้ามใจตัวเองไม่ให้เพลินเพลิน ไปกับเนื้อผิวขาวเนียนนั้น ปลายนิ้วร้อนมันทำงานตามสัญชาติญาณเมื่อฮันกยองเริ่มปลดกระดุมเสื้อเม็ดแรก ของฮีชอลออกและตามมาด้วยเม็ดถัดๆไป
คนที่ถูกจู่โจมใจหายวาบ ดันมาคิดได้เอาตอนนี้ว่าไม่ควรหาเรื่องใส่ตัวแต่จะให้เขาหาทางออกอย่างไร ฮีชอลก็ไม่รู้เลยว่าจะทำเช่นไรเหมือนกัน ร่างเพรียวรวบรวมแรงทั้งหมดที่ตนเองพอจะทำได้เพื่อผลักร่างหนาที่ทาบทับตัว เขาอยู่ออกไปแต่ดูเหมือนว่านั่นจะทำได้แค่ทำให้ฮันกยองถอนตัวขึ้นจากการซุก ไซ้ซอกคอขาวนวล แต่ชายหนุ่มกลับตรงเข้าหาเป้าหมายใหม่แทน
ฝ่ามือหนา ประครองศีรษะของฮีชอลไว้มั่นก่อนจะจัดการประทับจูบลงด้วยความหมั่นเขี้ยวคน ช่างดื้อ แต่คนที่ถูกกระทำนี่สิ ตกใจแทบหายใจไม่ทันเมื่อถูกปล้นจูบเอาหน้าด้านๆแบบนี้ ฮีชอลพยายามจะหันหน้าหนีเพื่อหลบริมฝีปากบางที่จ้องจะสูบพลังออกจากตัวเขา แต่นั่นก็เหมือนพยายามเปิดทางให้พ่อหนุ่มจีนส่งเรียวลิ้นเข้าไปกวาดชิมรส ชาติภายในพร้อมกับเกี่ยวรัดสัมผัสตัวฮีชอลสร้างความรู้สึกตื่นเต้นและเสียว ล้ำให้กับคนถูกกระทำอย่างไม่ตั้งใจ
ฮีชอลครางฮือในลำคอเมื่อถูกขโมย จุมพิตร้อนแรงที่เขาไม่อาจสู้ได้ ตอนแรกที่พยายามดิ้นทั้งทุบทั้งผลักไส ตอนนี้ฮีชอลกลับลูบไล้แขนหนาของชายหนุ่มแล้วเริ่มตอบรับจูบนั้นอย่างละมุน ละไมโดยที่ทั้งคู่ต่างไม่รู้ตัว ร่างสูงเองก็ยิ่งได้ใจเมื่อคนด้านล่างยอมโอนอ่อนผ่อนให้และเดินตามเกมของเขา สัญชาติญาณความรู้สึกความเป็นชายตามธรรมชาติมันสั่งการให้หัวเขาเองว่าให้ทำ อะไร และฮันกยองเองก็เริ่มจะทนมันไม่ไหวจึงต้องยอมให้ร่างกายตัวเองได้ระบายออก บ้างโดยการถูไถกับร่างเพรียวที่ถูกเข้ากอดรัดแน่นจนแทบจะกลืนเป็นเนื้อเดียว กัน
บทประลองเรียวลิ้นร้อนภายในของทั้งคู่ยังไม่จบลงง่ายเมื่อต่าง ฝ่ายต่างโดนพายุอารมณ์ฉุดไปจนหยุดไม่อยู่ แต่ไม่รู้จะเรียกว่ามาญผจญหรือคนช่วยดีที่โทรศัพท์เครื่องบางของพ่อหนุ่มชาว จีนดันสั่นขึ้นมาทั้งๆที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของตน ร่างสูงขัดใจเล็กๆที่มีอะไรเกะกะอารมณ์ล่องลอยของเขากับคนด้านใต้จึงได้แต่ คำรามในลำคอแล้วถอนริมฝีปากออกจากเรียวปากอิ่มที่บวมช้ำพราะการปล้นจูบของ เขาในตอนแรก
ด้านฮีชอลเองเมื่อเรียวปากที่มอบความรู้สึกแปลกประหลาด นั้นละหายไป สติสัมปะชัญญะของร่างบางก็เริ่มกลับมา ทำให้คนตัวเล็กที่ปล่อยสมองล่องลอยไปในอากาศเมื่อครู่ได้สติแล้วอึ้งอยู่กับ สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น โดยมีตัวของฮันกยองทาบทับค้ำเหนือเขาอยู่บนเบาะหนังของรถเบนซ์คันกว้างของ ชายหนุ่ม
"หยุดดื้อได้หรือยัง ลุกขึ้นแล้วไปนั่งข้างหน้า ไม่งั้นคราวนี้ได้โชว์หนังสดให้คนอื่นดูแน่ๆ แบบไม่ต้องอัดวีดีโอเหมือนคราวที่แล้วเลยคอยดูสิ" ฮันกยองขู่ด้วยใบหน้าเอาจริงเล่นเอาฮีชอลถึงกับขนลุกซู่เพราะแอบยอมรับในใจ ว่าไอ้บ้านี่มันเอาจริงแหงๆ น่ากลัวชะมัด ร่างสวยนึกถึงคืนวันนั้นที่เลือนรางแล้วหน้าขึ้นสีด้วยความอายและโกรธ ก่อนจะผลักตัวฮันกยองด้วยความแรงออกจากร่างของตนแล้วรีบเปิดประตูอีกฝากออก ไปเพื่อไปนั่งข้างที่นั่งข้างคนขับทันทีโดยไม่โต้เถียงแม้แต่น้อย เพราะถึงจะฤทธิ์เยอะและแก่งแค่ไหน แต่ฮีชอลก็กลัวจะโดนฮันกยองจัดการแบบวันนั้นอยู่ดี
ฮันกยองเองได้แต่ กระตุกยิ้มพอใจเมื่อเห็นท่าทางของฮีชอลที่แทบจะฟังคำสั่งเขาแม้ว่าจะไม่ได้ เต็มใจก็เหอะ ร่างสูงลุกออกจากเบาะด้านหลังแล้วเปิดประตูรถก่อนจะหยิบโทรศัพท์เจ้าปัญหา ที่ยังสั่นไม่หยุดขึ้นดูชื่อแล้วถอนหายใจก่อนจะกดรับ
"เออ ว่าไงวะ"
"ฮัน กยองงานเลี้ยงเลิกยังวะ? ชั้นว่าจะเข้าไปหาฮีชอลหน่อยว่ะ เขายังอยู่ไหม?" เพื่อนในกลุ่มของชายหนุ่มกรอกเสียงถามมาตามสาย ดวงตาคมหันไปมองคนที่นั่งสงบเสงี่ยมอยู่ในรถและเอาแต่ก้มหน้าก่อนจะปั้น เรื่องตอบคยูฮยอนไป
"โอ้ ฮีชอลเขากลับไปแล้วว่ะ หมอนั่นทนอยู่ในที่ที่มีช้ันอยู่ด้วยนานๆไม่ได้หรอก ไว้แกไปหาเขาที่คอนโดสิ ถ้ากล้าน่ะนะ" ชายหนุ่มหยอดท้าลงไปเพราะรู้ดีว่าคยูฮยอนคงไม่กล้าไปหาฮีชอลคนเดียวเพราะว่า ยังจีบไม่ติดหรอก เพราะถ้าโดนไล่ออกมามันจะเสียเชิงชายคราบสุภาพบุรุษตัวร้ายอย่างคยูฮยอนมัน หมด
"อ้าว งั้นหรอวะ ไม่เป็นไร ไว้พรุ่งนี้ชั้นค่อยโทรหาเขา ไม่กวนละ บาย" คยูฮยอนวางสายไปแต่อีกฝั่งนี่สิได้แต่พูดใส่โทรศัพท์
"ไม่ กวนห่าไรวะ มึงนี่ขัดจังหวะชิบหาย" ฮันกยองพึมพำใส่โทรศัพท์คนเดียวแล้วจับมัดยัดลงกระเป๋าเสื้อแทนแล้วเปิด ประตูรถฝั่งคนขับขึ้นไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ชาย หนุ่มขับรถออกไปตามถนนที่เงียบกริบบริเวณตัวบ้านที่อยู่บนเขาสูงแต่มีถนนมาก มายตัดผ่านมาในย่านนี้ซึ่งไม่ไกลจากย่านตัวเมืองที่คนพลุกพล่านเท่าไหร่ ฮีชอลนั่งเงียบกริบอยู่ในรถแต่ที่เงียบไม่ใช่เพราะกลัวฮันกยองแบบนั้นแต่ เป็นเพราะทั้งโกรธทั้งอายจนไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากอาละวาด หรือพังอะไรสักอย่างแต่เขารู้ตัวว่าทำแบบนั้นกับฮันกยองไม่ได้ เพราะชายหนุ่มถือไพ่เหนือกว่าเขาเสมอในทุกๆเรื่อง
"รู้ไหม ว่าเมื่อครู่ใครโทรมา" อยู่ดีๆฮันกยองก็พูดคุย แต่ดูเหมือนว่าอีกคนในรถจะไม่ปฏิกิริยาตอบสนอง เขาไม่สนใจจะเสวนากับชายหนุ่มด้วยหรอกนอกจากจะภาวนาให้ไอ้บ้านี่มันขับรถไป ถึงบ้านเขาเร็วๆ
"ชั้นไม่เข้าใจเลยจริงๆนะ ว่าคยูฮยอนมันเห็นอะไรในตัวนาย ถึงอยู่ดีๆมาเป็นบ้าหลงคนอย่างนายเข้าไปได้ไงก็ไม่รู้" ฮันกยองว่าต่อและยังคงรู้สึกโมโหเพื่อนของตนเล็กๆที่โทรมาตอนที่ได้จังหวะพอ ดี
"อย่างน้อยเพื่อนนายก็ฉลาดกว่านาย และแน่นอนเขาเห็นอะไรในตัวชั้นที่นายไม่เห็นและไม่เคยเห็นหรอกฮันกยอง!" ฮีชอลรู้สึกทนไม่ได้ที่ถูกหยามว่าไม่มีอะไรดี ทั้งๆที่เขาเป็นคนป็อปปูล่าและมีแต่คนรุมรัก ยกเว้นก็แต่คนข้างๆนี่แหละที่ไม่เคยแม้แต่จะชายตาแลหรือสนใจชื่นชมเขาสักนิด
"เร๊อะ?"ชายหนุ่มทำเสียงสูงใส่ก่อนจะพูดจายียวนต่อ
"มีอะไรที่ชั้นยังไม่เห็นในตัวนายอีกเหรอ แก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันตั้งแต่เด็กก็เห็นมาหมดละ พอโตมาก็ได้เรียบร้อยเห็นซะทุกซอกทุกมุมละ"
สิ้น สุดคำพูดของชายหนุ่มหมอนแข็งๆที่เจ้าตัวรัดไว้ตรงที่พิงศีรษะของเบาะคนนั่ง ก็ถูกปาอัดใส่หน้าคนปากเสียทันที เล่นเอาฮันกยองเองเสียหลักตกใจจนต้องหักพวงมาลัยรถลงจอดข้างๆแล้วหันมาเอา เรื่องคนข้างๆจนได้
"ฮีชอล!"
"ปั้ก!" ยังไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ หมัดหลุนๆของฮีชอลก็ซัดลงที่ใบหน้านั่นอีกครั้งด้วยความโมโหเพราะคำพูดต่ำๆนั้นของฮันกยอง
"ถ้า นายไม่หุบปากนายแล้วขับรถเงียบๆต่อไป ชั้นจะลงเดิน" ฮีชอลขู่เสียงฝ่ออย่างพยายามกลั้นความโกรธตัวเองสุดฤทธิ์ ด้านคนขับจำเป็นที่โดนอัดไปเต็มๆก็ทำหน้าฮึดฮัดไม่พอใจใส่แต่ก็ยอมเงียบปาก ตัวเองแล้วขับรถต่อไปจนถึงที่หมายซึ่งเป็นคฤหาสน์ของตระกูลคิมที่ตั้งออกมา ไกลในแถบชานเมืองในที่สุด
เมื่อรถยนต์คัน ใหญ่แล่นเข้ามาจอดเทียบท่าตรงทางขึ้นบันไดหน้าประตูทางเข้า คนที่อาศัยรถมาก็รีบเปิดประตูรถและก้าวลงไปทั้งๆที่ฮันกยองยังไม่ได้ดับ เครื่องสนิทดี ชายหนุ่มจีนอ้าปากงงๆก่อนจะรีบปลดเข็มขัดนิรภับตนเองออกแล้วรีบลงไปจากรถ บ้างแล้วตะโกนถามคนที่กำลังจะเดินหนีขึ้นบ้าน
"นี่นายจะไม่ขอบใจชั้นสักคำเลยเหรอ?" ฮีชอลชะงักปลายเท้าของตนแล้วหันมาจ้องหน้าฮันกยองด้วยท่าทางเชิดๆก่อนจะตอบ
"นาย มาเป็นคนขับรถให้ชั้น ดังนั้นชั้นไม่จำเป็นต้องพูด" ฮันกยองก้าวยาวจนอ้อมหน้ารถของตนมาหยุดอยู่ใกล้ฮีชอล ร่างสูงในชุดสูทสอดมือลงไปในกระเป๋าเสื้อก่อนจะยิ้มกว้างแล้วค่อยตีหน้าขรึม ใส่พลางบอกเสียงเย็น
"แต่ชั้นไม่ใช่คนใช้นายนะ"
"แล้วไง ชั้นไม่ได้ขอให้นายมาส่งเสียหน่อย อยากมาเองก็กลับไปได้แล้ว ชั้นถึงบ้านแล้ว" ฮีชอลตอบอย่างไม่สะทกสะท้านพร้อมทำท่าจะเดินหนีขึ้นบ้าน แต่ฮันกยองก็ยังไม่วายคว้าแขนเจ้าตัวไว้แล้วเริ่มหาเรื่องอีกคราว
"คยูฮยอนมันบอกว่าอยากมาหานาย แต่ชั้นไม่ได้บอกมันหรอกนะว่านายอยู่ที่บ้านเพราะมันไม่รู้จัก ก็เลยบอกให้มันไปหานายที่คอนโด"
"แล้วไง" ท่าทางไม่หยี่ระของฮีชอลมันทำให้ฮันกยองรู้สึกรำคาญใจแปลกๆ หงุดหงิดที่ฮีชอลทำท่าเหมือนมันเป็นเรื่องน่าพอใจ
"นายอยาก ให้มันมาหาไหมล่ะ ชั้นจะได้บอกทางมันให้ว่าบ้านนายอยู่ที่ไหน" ฮันกยองกัดฟันพูดด้วยเสียงต่ำๆที่ข่มความไม่พอใจเอาไว้อยู่ แต่ใบหน้าหวานของคนด้านข้างกลับแสดงสีหน้านึกสนุก
"ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นเรื่องระหว่างเราสองคน ถ้าชั้นอยากให้เขามาหา เดี๋ยวชั้นโทรบอกเขาเองได้" ฮีชอลลอยหน้าลอยตาตอบเหมือนอารมณ์ดีซึ่งผิดการณ์จากที่ฮันกยองคาดไว้จึงทำ ให้ชายหนุ่มเองอดหมั่นไส้และโมโหไม่ได้ที่ฮีชอลคิดจะปั่นหัวเพื่อนเขาเล่น
"เหอะ คนอย่างนายนี่นะ เอาแต่ว่าคนอื่น ใส่ร้ายคนอื่นว่าชอบพวกเดียวกัน จนชั้นกับซีวอนแทบจะหน้าแหกกลางมหาลัย แต่ดูตัวนายสิ ทั้งอ่อยทั้งให้ท่าผู้ชายถึงบ้าน ทำไมไม่ลากมันขึ้นเตียงไปเลยล่ะ" ร่างสูงอดแขวะไม่ได้และนั่นก็ทำให้ฮีชอลปรี๊ดแตกเช่นกัน
"ฮันกยอง!"
"ทำไม? ชั้นพูดอะไรผิดหรือไง นายก็แค่ผู้ชายมั่วๆคนนึงที่สร้างภาพว่าตัวเองเป็นเจ้าชายที่น่าหลงใหล ที่แท้ก็โคตรจะง่าย" ชายหนุ่มยังไม่เลิกจิกกัด ฮีชอลกำมือแน่นด้วยความโกรธ และพยายามบอกตัวเองว่าอย่าดิ้นไปตามคำพูดของคนบ้าข้างหน้า เจ้าตัวจึงสวนกลับไปว่า
"มันเรื่องของช้ัน นายอย่ายุ่ง แล้วทำไมชั้นจะควงคยูฮยอนไม่ได้ หมอนั่นก็หน้าตาไม่เลว การศึกษาก็โอเค แถมบ้านก็รวย มีเงินให้ชั้นถลุงเล่นจนพอใจเลยล่ะ" ว่าจบร่างบางก็หันหลังจะก้าวขึ้นบันไดจริงๆ แต่ฮันกยองที่โมโหหนักกว่าเพราะอะไรเจ้าตัวก็ไม่รู้เช่นเดียวกันกลับกระชาก ตัวฮีชอลให้หมุนกลับมาแล้วเรียกชื่อคนตรงหน้าด้วยอารมณ์ไม่พอใจสุดๆ
"ฮีชอล!"
"อะไร! ทำไมห๊ะ!" ฮีชอลตะโกนใส่คืนบ้าง ในเมื่อแรงมาเจ้าตัวก็แรงไปเช่นเดียวกัน
"หยุดเลยนะฮีชอล" ฮันกยองขู่ด้วยเสียงทุ้มต่ำที่ฟังดูน่ากลัว แต่เจ้าตัวไม่สลดกลับพูดจาแทงใจดำชายหนุ่มเขาให้อย่างจังว่า
"ทำไมล่ะ แค่ชั้นสนใจเพื่อนนายมากกว่านาย นายเลยมีปัญหาหรือไง"
ฮัน กยองนิ่งไปทันทีเหมือนโดนรู้ทันและเข้าใจความหมายไอ้อารมณ์ขึ้นๆลงๆและไม่พอ ใจของตัวเองที่มีต่อเรื่องราวของฮีชอลและคยูฮยอน และนั่นก็ทำให้เจ้าตัวเงียบสนิทและคลายมือตนเองออกจากต้นแขนของฮีชอลอย่าง ไม่รู้ตัว
ร่างบางผลักชายหนุ่มเข้าเต็มแรงจนร่างสูงกระแทกเข้ากับกระโปรงรถยนต์ของตนแล้วตะโกนลั่น
"ชั้นไม่อยากเห็นหน้านายอีก และไม่อยากยุ่งกับนายไปชั่วชีวิตชั้น!!"
ฮีชอล ไม่รอให้คนที่ตกใจได้คิดจะทำอะไรตอบ เจ้าตัวก็รีบวิ่งเข้าบ้านและตรงขึ้นไปที่ห้องนอนของตัวเองทันทีทั้งๆที่ในใจ มันเต้นแรงและสั่นรัวราวกับจะระเบิดออกมาให้ได้...
หลัง จากวันนั้นฮีชอลก็ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการคือการไม่เห็นหน้าฮันกยองเลยตลอด สองอาทิตย์ที่มหาวิทยาลัย แม้ว่าจะเรียนห้องเดียวกันบ้าง แต่เจ้าตัวก็มักจะมีวิธีเรียกความสนใจของตนให้อยู่ในกลุ่มเพื่อนหรือการ เรียนแทนเพื่อที่จะไม่วอกแวกและหันไปเห็นหน้าคนบางคนที่เขาไม่อยากเจอ
ด้าน คยูฮยอนเองก็ยังคงสนุกกับการตามจีบฮีชอลไปเรื่อย แต่ก็ไม่ได้หยุดนิสัยเดิมๆของตัวเองที่มีคนโน้นคนนี้ไว้ควงแก้ขัดอารมณ์ยาม ที่เขายังหาทางแอ้มฮีชอลไม่ได้เสียที แต่กระนั่นพ่อหมาป่าหนุ่มก็ยังไม่หยุดหนทางที่จะล่าเหยื่อจึงได้แต่พยายาม ต่อไปด้วยคติที่ว่าตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก
ทุกวันนี้ฮีชอลเลี่ยงที่ จะอยู่มหาลัยจนเย็น ถ้าหาอยู่เขาก็จะอยู่แต่ในห้องแดงไม่ออกไปไหนเพราะกลัวจะบังเอิญเจอใครคน นั้น ถ้าเป็นไปได้หากหมดคาบวิชาเรียน ฮีชอลก็จะขับรถสปอร์ตของตัวเองกลับคอนโดไม่ก็กลับบ้านที่อิลซานทันทีโดยไม่ รอเจย์เหมือนแต่ก่อน
คนเอาแต่ใจรู้ตัวเองดีว่าเพราะกลัวการเผชิญหน้า กับฮันกยอง เขารู้ว่าความแข็งแกร่งที่ตัวเองเคยสร้างไว้ให้หันกลับมาเผชิญหน้าคนที่ทิ้ง เขาไว้อย่างไม่ใชดีเมื่อก่อนมันละลายหายไปแล้วตั้งแต่เช้าวันนั้นที่รู้ว่า ตนเองกับฮันกยองได้ทำอะไรลงไปเพียงเพราะฤทธิ์ของเหล้าแก้วเดียว
ฮีชอล ไม่อยากจะให้สมองตัวเองสนใจอะไรมากนักจึงพยายามลืมๆทุกอย่างไปและตั้งหน้า ตั้าไปเที่ยวแบบส่วนตัวกับกลุ่มเพื่อนที่เขาขออนุญาติพ่อได้สำเร็จ แม้จะไปได้ไม่กี่วันก็ตามแต่อย่างน้อยการที่ได้ไปแฮงค์เอาท์กับเพื่อนๆที่ อีกมุมโลกก็เป็นสิ่งที่ฮีชอลอดนึกสนุกไม่ได้ แถมเขาเองจะได้ไม่ต้องมาคอยแอบคิดมากหรือกังวลเรื่องใดๆก็ตามที่เกี่ยวกับ ฮันกยองด้วย
และแล้ววันนั้นก็มาถึง วันที่การไปเที่ยวแสนสนุกของฮีชอลจะเริ่มขึ้นโดยไม่ต้องทนอึดอัดยามที่ไปมหา ลัยเพราะเกรงว่าจะต้องเจอหน้าฮันกยองเอาจนได้ ร่างบางรอให้เจย์เอารถตู้คันใหญ่ของที่บ้านมารับหลังจากที่ไปรับดงเฮและอีก ทึกมาด้วย
ฮีชอลตื่นเต้นกับการไปเที่ยวครั้งนี้มากเพราะหลังจากที่ พ่อเขาตกลงจะจัดการหาเครื่องบินส่วนตัวให้ทำให้พวกเขาไม่ต้องวุ่นจัดตาราง เวลาเดินทางจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเที่ยว แม้ว่าการพักผ่อนครั้งนี้เจย์จะเสนอให้ไปเที่ยวที่เกาะโบาโบรากันเพราะจะได้ หนีอาการเย็นๆชื้นๆที่เกาหลีในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้แล้ว พวกเขายังจะได้ดำน้ำ พายเรือและเที่ยวเล่นกับอาการในแถบเส้นศูนย์สูตรอีกหลายวัน
"ป๊า ผมไปแล้วนะครับ เดี๋ยวผมจะรีบกลับมาให้ไวเลย ฮี่ๆๆ" ฮีชอลเข้าไปกอดคนเป็นพ่ออย่างร่าเริงและหอมแก้มขอบคุณที่พ่อเขาเป็นคนช่วย จัดการไฟลท์นี้ให้
"กลับมาก็ถึงวันจันทร์ดึกๆเลยใช่ไหมลูก ป๊าไม่แน่ใจว่าจะไปรับได้หรือเปล่าน่ะสิ กลัวว่าจะต้องไปฮ่องกงตั้งแต่วันอาทิตย์" แทวูเอ่ยด้วยความกังวลแต่ฮีชอลกลับฉีกยิ้มกว้างแล้วบอก
"ไม่เป็นไรฮะ เดี๋ยวผมให้เจย์ไปส่งที่คอนโดก็ได้ฮะ นอนนั่นใกล้มหาลัยมากกว่า ไว้วันอังคารตอนเย็นผมจะกลับบ้าน ป๊ากลับมาจากฮ่องกงยังล่ะฮะ?"
"น่า จะกลับแล้วนะ เอาเถอะไว้ป๊าโทรหาอีกทีตอนหนูถึงที่โน่นแล้ว" แทวูว่าแล้วโอบไหล่ลูกชายสุดหวงแล้วพาเดินออกไปที่หน้าคฤหาสน์ เจย์ก้มทำความเคารพพ่อของเพื่อนสนิทแล้วหันไปเรียกคนรถให้มาช่วยรับกระเป๋า จากฮีชอลไป
"เจย์ อาฝากฮีชอลด้วยนะ อย่าให้ไปซนสร้างเรื่องไว้จนไม่ได้กลับมาล่ะ" แทวูฝากฝังฮีชอลไว้ทันทีเพราะรู้ถึงความแสบของเจ้าลูกชายดี
"ป๊าอ่ะ อะไรเนี่ยทำอย่างกับผมเป็นตัวเจ้าปัญหา" ฮีชอลทำปากยื่นใส่เหมือนโดนแกล้ง
"แหม ก็ถ้าลูกมีปัญหาอะไร ป๊าจะไปหายังไง โบราโบราบินไปทีก็หนึ่งวันเต็มๆแล้วนะลูก" คนเป็นพ่อว่าพลางรูปหัวเจ้าลูกชายอย่างแสนรัก
"งั้น ผมไปแล้วนะ ป๊าดูแลตัวเองด้วยน้า เดี๋ยวผมกลับมาหา" ฮีชอลยังไม่หยุดอ้อนพ่อแล้วกอดลาอีกครั้งก่อนจะเดินขึ้นรถตู้ไปก่อน ทิ้งให้เจย์บอกลากับพ่อของตนอีกครั้ง
"เจย์ อาฝากด้วยนะ ไหนๆก็จัดการทุกอย่างไว้แล้ว อย่าให้ฮีชอลมันพังเครื่องบินเอาล่ะ" แทวูเอ่ยกับเจย์ด้วยความกังวลเล็กน้อยถึงสิ่งที่เจ้าตัวไม่ได้บอกลูกชายเอา ไว้
"เอ่อ ทำไมเหรอครับคุณอา?" เจย์อดถามอย่างสงสัยไม่ได้
"เดี๋ยว พวกเธอไปถึงที่สนามบิน ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและรอที่ห้องรับรองวีไอพีก็คงจะรู้เองแหละ ทริปนี้อาก็ทุ่มเต็มที่แล้ว อยากให้เจ้าตัวเล็กมันได้สบายใจผ่อนคลายซะมั่ง ดูแลให้หน่อยนะ" แทวูย้ำอีกครั้งทำให้คนที่ยังไม่หายงงอย่างเจย์ได้แต่รับปากอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะกล่าวลาและขึ้ยรถตู้ไปยังสนามบินอินชอน
"เฮ้ย ซีวอนไปแค่สามวันสองคืนเองนะเว้ย หอบโบสถ์ไปหรือไงวะ" คยูฮยอนอดจะแขวะเพื่อนในกลุ่มไม่ได้เมื่อเห็นว่าพ่อหนุ่มนักบุญลากกระเป๋า เดินทางสีน้ำตาลสลับทองของหลุยส์วิตตองเดินเข้ามาตรงเคาเตอร์เช็คอินริมสุด เพราะพวกเขาจะต้องผ่านด่านตรวจคนพร้อมกันเพื่อไปขึ้นเครื่องบินส่วนตัวไป เที่ยวเกาะโบราโบราตามที่ฮันกยองสัญญาไว้ว่าจะพาไปเลี้ยงยกกลุ่มหากดำเนิน แผนการจัดการฮีชอลได้สำเร็จและแผนของฮันกยองเองก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วย ดี...แถมดีเกินคาดเสียด้วยล่ะ
"โหย ก็พวกแกแต่ละคนเคยเตรียมไรไปเองไหมวะ เวลาไม่มีอะไรเอะอะก็มาขอแต่ชั้น นี่แกได้หยิบชุดว่ายน้ำมาหรือเปล่า " ซีวอนถามแล้วหันไปมองหน้าคยูฮยอน ฮันกยอง แล้วก็คิบอม เว้นแต่แจจุงเพราะเขารู้ดีว่ารายนั้นเป๊ะเสมอ
"เฮ้ยกูเอามานะคราวนี้" ฮันกยองรีบตอบอย่างรวดเร็ว
"เอ่อ..แต่กูลืมว่ะ" คยูฮยอนตอบเสียงอ่อย
"ชั้น ด้วย" คิบอมตอบแล้วอ่านหนังสือในมือต่อ ทำเอาซีวอนได้แต่ส่ายหัวก่อนจะหันทำหน้าว่าเห็นไหมล่ะใส่คยูฮยอนทันที หมอนั่นจึงรีบแก้ตัว
"โหยก็เมื่อคืนชั้นไปเที่ยวกับสาวๆนี่นา เนี่ยเพิ่งบึ่งรถกลับไปเอากระเป๋าที่คอนโดคว้าไรมาได้ก็มานั่นแหละ ก็ไปแค่ไม่กี่วันไมได้ไปเข้าค่ายสักหน่อยไม่มีค่อยซื้อใหม่ก็ได้นี่หว่า"
"คุณ เพื่อนครับ เกาะนี่มันเป็นเกาะท่องเที่ยวนะครับ โคตรจะไพรเวตและแพงสุดๆ มึงจะทำให้เปลืองทำไม" ซีวอนสั่งสอนเข้าให้ แต่มีหรือคนอย่างคยูฮยอนจะแคร์
"ไม่ เป็นไรหรอก เครื่องบินก็ไม่ต้องจ่าย ที่พักก็นอนฟรี แค่นี้เอง เดี๋ยวชั้นเลี้ยงอาหารพวกแกทุกมื้อก็ได้" คุณหนูโจวสุดหล่อเอ่ยบอกอย่างใจป้ำ ทพให้พ่อหนุ่มจีนรีบถามทันที
"แน่นนะโว้ย งั้นตกลงว่าแกเลี้ยงที่เหลือต่อ"
"เออ ชั้นจ่ายเอง แต่ค่าอาหารนะ อย่างอื่นพวกแกก็จ่ายเองละกัน" คยูฮยอนรับปากโดยไม่คิดอะไร แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนๆเขาแต่ละคนจะแอบมีแผนในหัวแล้วว่าจะผลาญเงินคุณ เพื่อนอย่างไรดีในเมื่อได้รับการเปิดทางมาขนาดนี้แล้ว
"แจจุงเรื่อง ที่พักเรียบร้อยแล้วใช่ไหม" ฮันกยองหันไปถามแจจุงที่กำลังตรวจเช็คเอกสารทั้งหมดของทุกคนรวมทั้งถือ พาสปอร์ตเอาไว้ด้วย เนื่องจากเป็นการเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวพวกเขาจึงต้องทำเอกสารการยืน ยันตัวตนหลายฉบับ ไหนจะหนังสือรับรองของพวกเขาแต่ละคนและต้องจัดการเรื่องที่พักให้นักบินด้วย
"อือ ที่ที่พ่อนายจองไว้ให้เหลือห้องให้พวกเราพอดี มันเป็นกระท่อมกลางทะเลนะ สวยมาก กระท่องละสองห้องนอน ดังนั้นต้องมีพวกเราคนใดคนหนึ่งนอนเดี่ยว" แจจุงหันไปบอกเพื่อนๆเขา คิบอมที่ฟังอยู่ปิดหนังสือและเก็บลงกระเป๋าก่อนจะว่า
"สรุปชั้นต้อง นอนกับนายสินะแจจุง เพราะฮันกยองเขาชอบอยู่คนเดียว แต่มันก็คนละห้องนอนอยู่แล้วนี่เนอะ" แจจุงพยักหน้ารับ ทำให้ซีวอนหันไปมองหน้าคยูฮยอนแล้วว่า
"นี่ชั้นต้องแชร์บ้านกับคยู ฮยอนเหรอเนี่ย เฮ่อ ดีนะขนของมาเผื่อมันทุกอย่างละ จะได้ไม่ต้องโวยวาย ถ้านายนอนกับคิบอมอาจจะถูกโยนลงทะเลได้นะ"
"แช่งกูเหรอวะ" คยูฮยอนหันไปเอาเรื่อง แต่ซีวอนหาได้แคร์ไม่
"เอ้า ๆเลิกเล่นได้แล้ว ไปๆ" ฮันกยองว่าแล้วเรียกเพื่อนๆทุกคนให้รับเอกสารและพาสปอร์ตจากแจจุงเพื่อเดิน เข้าไปในด่านตรวจคนเข้าเมืองเพื่อไปยังเกตขึ้นเครื่องบินส่วนตัวที่จอดรอ อยู่
พวกเขาทั้งห้าคนเดินเข้ามาในห้อง รับรองพิเศษที่เลขขาของพ่อของฮันกยองได้ทำเรื่องเข้ามาจัดการรายละเอียด เกี่ยวกับการเดินทางและเพื่อส่งพวกเขาขึ้นเครื่องบินไพรเวต รุ่นกัลฟตรีม 7 โบอิ้ง 769 ฮันกยองทักทายลูกน้องคนสนิทของพ่อตนแล้วพูดคุยสอบถามเรื่องงานไปเรื่อย ระหว่างที่รอให้นายท่าจัดการเช็คเอกสารและเซ็นชื่อลงบนเอกสารอนุญาติให้ เครื่องบินส่วนตัวบินออกจากเขตประเทศเกาหลี้ใต้
"ทำไมนานจังเลยแฮะ" คยูฮยอนถามอย่างสงสัย เพราะไม่เห็นว่าจะมีใครมาเชิญพวกเขาขึ้นเครื่องบินอย่างที่ควร ทั้งๆที่ตัวพวกเขาเองก็เข้ามาถึงตัวตัวเกตนานแล้วและดูเหมือนว่าพนักงานต้อน รับและพนักงานของการท่าก็ทำเอกสารทุกอย่างเสร็จแล้ว
"รอหน่อยจะเป็นไรฮะคุณชาย" ซีวอนอดหันไปกัดคนที่นั่งข้างๆไม่ได้ ก่อนที่คิบอมซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจะผสมโรงไปด้วย
"แบบ นี้นอย่างคยูฮยอนไม่รอหรอก มันต้องอย่างฮีชอลสิ เห็นรอปากแห้งมาจะครบเดือนแล้ว" คำพูดนิ่งๆของคนหน้าตายอย่างคิบอมทำเอาคนฟังรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า แต่นั่นก็ทำให้แจจุงและซีวอนขำไปด้วย
"เออนั่นสิเนาะ" ซีวอนเห็นด้วยและยกมือชูนิ้วโป้งแล้วส่งไฮไฟว์ให้คิบอม
"เออๆๆ แดกดันกันเข้าไป คอยดูเหอะ ถ้าวันไหนชั้นได้คิม ฮีชอลมาควงแล้วพวกแกนั่นแหละจะปากห้อย" คยูฮยอนตั้งมั่นกับสิ่งที่ตัวเองตั้งใจเพราะอย่างที่รู้กันว่านายตัว ร้ายอย่างเขาไม่เคยถูกใครปฏิเสธง่ายๆจนมาลองของดี ของสูงอย่างคิม ฮีชอล
"แหม แล้วหนีไปเที่ยวโบราโบราตั้งหลายวัน นายไม่คิดถึงฮีชอลแย่เลยเหรอ" แจจุงหยอกถาม แต่ดวงตาเป็นประกายของพ่อจิ้งจอกกลับเป็นคำตอบได้ดี
"ฮีชอล คงไม่ว่าอะไรหรอกถ้าชั้นจะไปจิ๊จ๊ะกับสาวๆชาวเกาะที่นั่น แหม แต่ละนางน่าโซ้ยมากๆนี่วันนั้นชั้นนั่งดูสารคดีท่องเที่ยวพอดีนะเว้ย โหยแม่เจ้าโว้ย นอกจากเกาะจะสวยแล้วคนที่นั่นยังหุ่นเช้งอีก ถ้าไม่ได้สาวชาวเกาะชั้นก็อาจจะได้แอ้มนักท่องเที่ยวบางคนบ้างแหละน่า"
"โหย ไม่เห็นมันจะทิ้งลายตรงไหนเลย" ซีวอนทำหน้าเบื่อหน่ายแล้วส่ายหัว
"เหรอ?" อยู่ดีๆคิบอมก็พูดคุย ขณะที่สายตาของชายหนุ่มมองออกไปทางด้านประตูเข้าตัวเกตเครื่องบิน
"ดูเหมือนว่าของต้องประสงค์ของนายจะอยากพิสูจน์รักและความจริงใจจากนายว่าคยูฮยอน" คิบอมว่าต่อเรื่อยๆแล้วอมยิ้มอย่างนึกสนุก
"อะไร ของแกวะคิบอม" คยูฮยอนหันไปถามเพราะไม่เข้าใจว่าเพื่อนของตนพูดอะไร จนกระทั่งซีวอนหันหน้าไปทางทิศที่คิบอมมองอยู่แล้วเรียกชื่อคนคนนั้นด้วย เสียงอันดัง
"ฮีชอล!!"
ฝ่ายฮันกยองที่ยืนคุยกับลูกน้องของพ่อ เองก็หันไปตามเสียงของซีวอนที่เรียกชื่อคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้เจอที่นี่ เมื่อเห็นว่าร่างเพรียวของคนที่เขาไม่เห็นหน้ามาเป็นอาทิตย์ๆกำลังเดินมาทาง เกตที่พวกเขารอขึ้นเครื่องบินแต่กำลังคุยกับอีทึกและเจย์อย่างออกรสด้วยแล้ว ฮันกยองเองก็ถึงกลับกลืนน้ำลายไม่ลง มันรู้สึกปั่นป่วนในท้องไปหมด เขาไม่อยากจะคิด แต่มันก็แอบคิดไม่ได้ว่านี่ฮีชอลกำลังจะมาร่วมทริปกับพวกเขาใช่ไหม?
"อ้อ ผมลืมบอกคุณชายไปว่า คุณท่านสั่งให้เรียนคุณชายด้วยว่า คุณแทวูขอให้คุณชายพาพวกคุณหนูฮีชอลและเพื่อนไปเที่ยวด้วยครับ เพราะเห็นว่าไหนๆก็อยากจะไปที่เดียวกันพอดี บินทีเดียวจะได้ไม่เปลืองค่าน้ำมันเครื่องบิน"
"หะ..หา? ว่าอะไรนะครับ? คือฮีชอลเขาจะไปกับพวกเราด้วยเหรอ?" ฮันกยองพูดเสียงดัง พร้อมกับที่ทุกคนลุกขึ้นจากเก้าอี้ ส่วนคยูฮยอนที่ได้ยินก็ถามเสียงดังทันที
"อะไรนะ? ฮีชอลจะไปด้วย?"
"นี่ มันอะไรกันเนี่ย!!!" เสียงของคนที่ถูกพาดพิงดังขึ้นทันทีเมื่อก้าวขาเข้ามาในตัวเกตเครื่องบินและ เห็นว่าแต่ละคนที่นั่งหน้าสลอนเป็นใคร และกระทั่งที่ตนปรายสายตาที่ทางเคาเตอร์ติดประตูเกตจึงเห็นว่าคนที่เขาหนี หน้ามาเป็นอาทิตย์ๆกลับยืนอยู่ตรงนั้น
"เจย์ นี่นายพาพวกเรามาผิดเกตหรือเปล่า ชั้นว่าพวกเราไม่ได้เดินทางร่วมกับคนพวกนี้นะ" ฮีชอลหันไปถามเจย์ทันที ชายหนุ่มรีบดึงเอกสารที่ใช้แทนบอร์ดดิ้งพาสขึ้นเครื่องบินขึ้นมาดูแล้วหันไป หาพนักงานการท่าที่เป็นคนไปรับพวกเขามาจากด่านตรวจคนเข้าเมือง
"เอ่อ ขอโทษนะครับนี่ใช่เกต 32 แน่หรือเปล่าครับ"
"ใช่ สิครับ ก็พวกคุณจะเดินทางด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 769 ไปโบราโบรานี่ครับ แล้วนี่ก็พวกคุณฮันกยองเขารอพวกคุณอยู่นานแล้วครับ" ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตอบ ทำเอาทุกคนในที่นั้นถึงกลับเงียบเพราะรู้ดีว่ามันจะต้องเกิดเรื่องไม่ดีแน่ ถ้าหากฮันกยองกับฮีชอลจะต้องร่วมการเดินทางไปด้วยกัน แถมการนั่งเครื่องบินไปโบราโบาราจากโซลก็ใช้เวลาตั้ง 1 วัน! พวกเขาจะต้องขาดอากาศหายใจตายแน่ๆถ้าหากไม่ได้กัดกันหรือทำอะไรสักอย่าง
"ผม ว่าคงต้องมีอะไรผิดพลาดแล้วล่ะครับ" ฮีชอลหันไปจ้องหน้าพนักงานของการท่าอย่างเอาเรื่องเหมือนบังคังจะให้เขาบอก ว่า ขอโทษครับ ผมพาพวกคุณมาผิดเกต เครื่องบินส่วนตัวของพวกคุณกำลังรอคุณอยู่ที่เกตอื่น แต่...ไม่เลย พนักงานการท่าคนั้นกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้พร้อมย้ำคำพูดเดิม
"ไม่ผิดครับ วันนี้เรามีเครื่องบินส่วนตัวลำเดียวที่บินออกจากอินชอนครับ"
"อะไร กัน ชั้นไม่มีทางเดินทางไปกับหมอนั่นหรอกนะ!!" ฮีชอลตะโกนลั่นด้วยความโมโห ทำเอาคนที่ถูกกล่าวหาลอยอดๆไม่ได้ที่จะร้อนตัวแล้วเดินมาเผชิญหน้ากับร่าง บางทันที
"ถ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปสิ" ฮันกยองว่าแล้วทำหน้านิ่งอย่างที่เจ้าตัวมักจะทำเวลาที่อยู่กับฮีชอลต่อหน้า คนอื่น สีหน้าที่ฮีชอลเกลียดหนักเกลียดหนาเพราะมันดูเหมือนชายหนุ่มเห็นเขาเป็น อากาศเสมอ แต่ทีเวลาอยู่ด้วยกันสองคนกลับทำท่าเหมือนวุ่นวายกับเขาจริงๆ
"แต่นี่มันแผนเที่ยวของชั้น นายนั่นแหละออกไปเลยนะ" ฮีชอลว่าอย่างเอาแต่ใจ แต่ฮันกยองกลับเลิกคิ้วก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ
"แต่ นี่มันเครื่องบินของบ้านชั้น ทำไมเจ้าของจะต้องยอมให้คนอาศัยด้วยล่ะ?" ใบหน้าหวานสะบัดกลับมาทันทีแล้วเตรียมตัวจะด่า แต่ก็อดโมโหพ่อของตัวเองไม่ได้ที่ไม่ยอมบอกเขาเลยว่าจะต้องมาใช้เครื่องบิน ลำเดียวกับหมอนี่ แต่ฮีชอลเองก็อดโกรธตัวเองไม่ได้เช่นกันที่ไม่ยอมถามให้ดีก่อนว่าไอ้เครื่อง บินที่ไปขอยืมเพื่อนมาน่ะ เพื่อนคนไหนกันแน่!
ด้านเจย์เองที่ได้รับ คำเตือนกลายๆตอนที่ไปรับฮีชอลที่บ้านแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะต้องทำหน้าที่ประจำคือการจับฮีชอลมาสงบสติอารมณ์ให้ได้ไม่เช่นนั้นพ่อ คุณหนูไฮโซนี่คงได้อาละวาดพังสนามบินเป็นแน่แท้
"ช่างเถอะฮีชอล เราแค่อาศัยเครื่องบินเขาไป คิดซะว่ายังไงถ้านั่งเครื่องบินของสายการบินไปก็อาจจะต้องเจอพวกนี้อยู่ดี มันมีแค่วันละไฟลท์เองนะ" เจย์ว่าแล้วโอบบ่าฮีชอลเบาๆ
"แต่ชั้นไม่อยากไปนี่!" ฮีชอลเถียงไม่หยุด เจย์มองหน้าคนที่กำลังโมโหนิ่งๆแล้วเอ่ยเบาๆให้ได้ยินกันสองคน
"ฮีชอล นายอยากไปเที่ยวเองนะ นายจะยอมทิ้งความสุข ความสนุกของนายเพียงเพราะฮันกยองเลยเหรอ นายยอมให้เขา แคร์เขาขนาดนั้นเลยเหรอ?"
"ไม่!!!!!!!!!!!!!!!! ไม่มีทาง!" ฮีชอลตะโกนลั่น แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเจย์พูดว่าอะไร แต่เจ้าตัวกลับยิ้มบางๆก่อนจะตอบ
"งั้นก็อย่าสนสิ โอเคไหม? เราไปสนุกกันนะ"
"นั่น สิครับพี่ฮีชอล ของพี่ฮีชอลนี่หนักใช้ได้เลยนะ" เสียงของเจเนรัลเบ๊ดังขึ้นหลังจากพยายามลากกระเป๋าเดินทางแบบแครี่ออนสองใบ และกระเป๋าเป้ของตัวเองให้เข้าในเกตได้หลังจากที่พวกรุ่นพี่เดินเข้ามาแล้ว มินโฮวางกระเป๋าเดินทางทั้งสองใบพิงพนักเก้าอี้แล้วยืนหอบเหนื่อยอยู่ตรง นั้นท่ามกลางสายตางงๆของกลุ่มฮันกยอง
"บ่นทำไม ใครใช้ให้มาล่ะห๊ะ?" ฮีชอลหันไปแหวใส่ เพราะจริงๆแล้วเรื่องมินโฮก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขาอารมณ์ปรี๊ดเล็กๆเพราะอยู่ ดีๆเจย์ก็บอกว่าหมอนี่ขอไปด้วยเพื่อแลกกับค่าปิดปากที่ฮีชอลใช้ให้หมอนั่น อ่านสคริปต์ตามบทเรื่องที่สัมภาษณ์เกี่ยวกับฮันกยอง โดยที่ทั้งฮีชอลและเจย์ต่างก็รู้ทันแผนของมินโฮว่าก็แค่อยากจะมาตามวุ่นวาย กับทงเฮที่เป็นรุ่นพี่ที่เจ้าตัวแอบปลื้มก็เท่านั้น
"โธ่ พี่ฮีชอลก็ อยากให้ผมพูดไหมละฮะว่าทำไมผมถึงได้มา" ความยียวนของมินโฮเองก็ไม่ได้น้อยเท่าไหร่นักแม้จะเกรงใจและกลัวฮีชอลอยู่ เช่นกัน แต่ปากก็ดันเผลอพูดไปได้
"เงียบปากเลยนาย ไม่งั้นชั้นเอานายไปโยนให้ปลาฉลามกินแน่ตอนไปถึงโบราโบราแน่ๆ" ฮีชอลหันไปขู่ฝ่อ
"ตกลงจะไปกันหมดนี่เลยใช่ไหม?" อยู่ดีๆแจจุงก็พูดขึ้นหลังจากเงียบมานาน
"ก็ คงอย่างนั้นแหละแจจุง รบกวนหน่อยนะ" เจย์หันไปตอบแล้วยิ้มบางๆ ในขณะที่ฮันกยองถอนหายใจแล้วหันไปทางคยูฮยอนที่ยังคงช็อคไม่หายที่ฮีชอลจะมา ร่วมทริปครั้งนี้ด้วย
"นี่แกจะเลิกมองและเลิกช็อคเหมือนเห็นผีได้ยัง วะ" ซีวอนกระซิบถามคยูฮยอนเบาๆ เพราะในหัวของเขากำลังวางแผนการจีบขั้นเทพ แต่เนื่องจากมันเป็นงานกระทันหันทำให้เขาต้องคิดหลายรอบนักเพราะว่าคนอย่าง ฮีชอลเล่นด้วยยากสุดๆ
"กูใช้ความคิดอยู่นะเว้ย" คยูฮยอนแหวกลับไป คิบอมอมยิ้มเล็กๆแล้วเดินมากระซิบเบาๆ
"ให้ไวนะเว้ย ไม่งั้นหลุดมือแน่ โอกาสทองชัดๆ"
"ฮึ่มๆ คอยดูเถอะนะ ใครหน้าไหนมันขัดใจชั้น จะผลักตกเครื่องบินเลยคอยดูสิ!" ฮีชอลว่าแล้วรีบจ้ำไปทางประตูเชื่อมกับทางเดินงวงที่ต่อปยังตัวเครื่องบิน ส่วนตัวตามด้วยทงเฮและอีทึกพร้อมด้วยมินโฮที่ลากของเดินไปอย่างทุลักทุเล
"ขอบคุณนะฮันกยอง" เจย์หันไปบอกชายหนุ่มจีนเรียบๆ เขาพยักหน้าเล็กน้อยและเจย์ก็เสริมต่อ
"ถือว่าชั้นขอ ถ้าอะไรที่พอจะไม่สนใจได้ก็ อย่าทำให้เขาอารมณ์เสียเลยนะ พวกเราคงไม่อยากหมดสนุกกัน"
"ฮันกยองเขาไม่สร้างปัญหาหรอกเจย์ เพื่อนนายต่างหาก ทำเรื่องได้ตลอดเวลา" แจจุงหันมาตอบแทนเพื่อนสนิท ทำให้คนฟังได้แต่ถอนหายใจ
"ชั้นจะพยายามดูให้แล้วกัน" เจย์ว่าแล้วเดินตามเพื่อนๆเข้าไปข้างใน
"เอา พวกเรา ไปกันได้แล้วสิ" ฮันกยองว่าแล้วเดินไปยังตัวเครื่องบินทั้งๆที่ในหัวของเขาเองพยายามคิดหาทาง เผชิญหน้ากับฮีชอลให้สำเร็จให้จงได้
ปัญหาใหญ่ อีกครั้งเกิดขึ้นทั้งๆที่เครื่องบินยังไมได้บินขึ้นจากรันเวย์ เมื่อที่นั่งขนาดกว้างเทียบเท่ากับชั้นเฟิร์สคลาสบนเครื่องบินปกติในตัวเค บินมีเพียงสิบที่นั่งพอดิบพอดีจำนวนคน และมีสองเตียงนอนด้านหลัง และการเดินทางคราวนี้เป็นการบินที่ยาวนาน ดังนั้นพวกเขาบางคนจะต้องนอนบนเก้าอี้ที่นั่งปกติหรือไม่ก็สลับกันนอนบน เตียงขนาดไม่ใหญ่นั่น
"ชั้นจะนอนยาวเลยละกัน" ฮีชอลว่าอย่างเอาแต่ใจ
"นาย จะบ้าเหรอฮีชอล สามสิบชั่วโมง นอนได้จนาดนั้นนายคงไปเกิดใหม่แล้วมั้ง" ทงเฮดักคอทันทีเมื่อได้ยินที่ฮีชอลว่า อีทึกจึงรีบเข้ามาไกล่เกลี่ยแทน
"ชั้นว่าพวกเรามาสลับกันนอนดีกว่ามั้ง คนละสิบชั่วโมงกำลังดี นี่ก็สองเตียงนอนได้หกคนแหนะ"
"แต่ พวกเรามีสิบคนนะ" คิบอมเอ่ยเรียบๆขึ้นมา จากวงของฮันกยองบ้าง ทุกคนเองก็ไม่คิดว่าทุกอย่างจะกลับตัลปัตรไปแบบนี้ และมันทำให้ที่นอนไม่เพียงพอสำหรับพวกเขาทุกคน
"ชั้นนอนตรงนี้ได้ ไม่ตายหรอก" ฮันกยองว่าแล้วนั่งลงบนเบาะกว้างแล้วรัดเข็มขัดนิรภัยในแถวหน้าสุด
"พวก ชั้นก็โอเคนะ พวกนายนอนกันไปเหอะ เป็นแขกนี่นา ใช่ไหมซีวอน" คยูฮยอนหันไปหาตัวช่วยให้สนับสนุนเป็นการทำคะแนนสร้างความประทับใจเล็กๆ และดูเหมือนฮีชอลเองจะยิ้มพอใจที่พวกฮันกยองยอมถอยทับให้พวกเขาได้ยึดเตียง นอนบนเครื่องบินไฟลท์ยาวนี่ไว้
"ถ้าอย่างนั้น ชั้นก็ไม่นอนด้วยละกัน ไม่เป็นไรหรอก" เจย์ว่าแล้วนั่งลงบนที่นั่งตรงข้ามกับซีวอนและคยูฮยอน
"ชั้นก็ไม่ใช่พวกคุณหนูรักสบาย ยังไงก็ได้" แจจุงว่าแล้วหันไปทางเจย์ก่อนจะเรียกชายหนุ่มแล้วว่า
"เออเจย์ จริงๆแล้วเรามีเวลากันตั้งเยอะ ชั้นเองก็หอบงานของมหาลัยมาด้วย นายมาก็ดี เรามาคุยกันเรื่องงานมหาลัยของเดือนหน้าดีกว่า มีหลายอย่างเลยที่พวกเราต้องแบ่งงาน" แจจุงว่าจบก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างเจย์ทันที
ส่วนฮีชอลเองนั้นตอนแรก เหมือนจะดีใจที่ทุกคนสละเตียงให้พวกเขากลับรู้สึกไม่พอใจที่เหมือนโดนทิ้ง เอาชัดๆเพราะพวกฮันกยองกลับไม่สนใจจะแย่งที่นอนกับเขาแถมเจย์ก็ไปนั่งกับแจ จุงนั่นอีก
"งั้นผมนั่งนี่ละกันนะครับ" มินโฮว่าแล้วทิ้งตัวนั่งติดหน้าต่างตรงแถวสุดท้ายแล้วหันไปทำตาปิ๊งๆใส่ทงเฮ ให้มานั่งกลับตน แต่รุ่นพี่กลับทำหน้าเซ็งเพราะไม่ได้คิดจะเล่นด้วย
"เฮ้อ นอนดีกว่า" คิบอมว่าแล้วนั่งลงอีกฝั่งของแถว ทำให้ตอนนี้เหลือที่นั่งสามที่บนเครื่องบิน หากไม่นับเจ้าเตียงเจ้าปัญหา คือที่นั่งข้างๆมินโฮ คิบอม และ ฮันกยองที่นั่งอยู่คนเดียวบนเบาะแถวหน้าสุดซึ่งใหญ่กว่าที่นั่งอื่นๆ
"ทงเฮ นายจะนั่งกลับมินโฮหรือเปล่า ชั้นว่าพวกเราน่าจะหาที่นั่งหน่อยล่ะ" อีทึกหันไปสะกิดถามแต่ทงเฮกลับส่ายหัวไปมา
"อ้าว นี่จะปล่อยให้ชั้นนอนบนเตียงนั่นคนเดียวเหรอ" ฮีชอลหันมาถามเพื่อนทั้งสองคน แล้วอีทึกก็ตอบไป
"ก็ ชั้นว่ามันน่าเกลียดน่ะฮีชอล มาขออาศัยเครื่องบินเขาแล้วยังจะทำตัวอย่างกับเป็นเจ้าของสบายกว่าเจ้าของ ได้ยังไงกันล่ะ ชั้นนั่งได้ นอนบนเบาะนี่ก็ได้ กว้างจะตาย ปรับพนักได้เหมือนเก้าอี้นอนอยู่แล้ว"
"อะไรกันเนี่ย" ฮีชอลว่าอย่างไม่สบอารมณ์
"ชั้นเห็นด้วยนะ แต่ปัญหาคือชั้นจะนั่งตรงไหนเนี่ย ชั้นไม่อยากอยู่กับเจ้าเด็กนั่น" ทงเฮว่าทันที อีทึกมองไปรอบๆก่อนจะเอ่ย
"ก็ไปนั่งกับฮันกยองสิ หมอนั่นคงไม่ว่าอะไร"
"ไม่ เอาอ่ะ ฮันกยองน่ะเย็นชาจะตาย อยู่ใกล้ๆชั้นกลัวหนาวตาย บรึ๋ย" ทงเฮรีบว่า คนที่นั่งเงียบๆกับหนังสือของตัวเองจึงปิดหนังสือแล้วหันไปเรียกคนที่กำลัง ปวดหัวได้ที่
"ทงเฮ ถ้านายไม่รังเกียจ นั่งข้างชั้นก็ได้นะ แต่ชั้นคงไม่ได้เป็นเพื่อนคุยที่ดีเท่าไหร่ พอดีชั้นมีหนัสือมาด้วย" ทงเฮหันไปมองหน้าคิบอมและหันไปมองหน้ามินโฮที่เหมือนลุ้นตัวโก่งให้เขาไป นั่งด้วยก่อนจะตัดสินใจลองเสี่ยงชีวิตนั่งกับคนประหลาดๆอย่างคิบอมแทน
"ชั้น นั่งกับคิบอมดีกว่า พวกนายตกลงชีวิตไปกันเองนะ" ทงเฮว่าแล้วนั่งลงที่เบาะข้างคิบอม ทำให้ชายหนุ่มลอบยิ้มอย่างผู้ชนะใส่มินโฮที่หน้าเหวอและเอ๋อค้างกลางอากาศ ทันที
"เอายังไงฮีชอล ยังไงตอนเครื่องบินขึ้นก็ต้องนั่งประจำที่อยู่แล้ว เดี๋ยวนายค่อยไปนอนแล้วกัน" อีทึกหันไปบอกเพื่อนสนิท ฮีชอลทำท่าไม่พอใจแต่ก็ยอมทำตาม
"แล้วจะนั่งไหน ข้างมินโฮหรือฮันกยอง?" อีทึกถามอีกคร้ังคนถูกถามทำตาโตแล้วมองหน้าอีทึกก่อนจะโวยโดยไม่สนว่าคนที่ ถูกพาดพิงจะได้ยินหรือไม่
"นั่งกับหมอนั่นเนี่ยนะ นายประสาทกินหรือเปล่าอีทึก? ชั้นฟังไอ้มินโฮมันพล่ามไม่หยุดดีกว่าอีก!" ว่าแล้วเจ้าตัวก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ข้างมินโฮแล้วรัดเข็มขัดนิรภัยทันทีด้วย ใบหน้าบูดสุดๆ
อีทึกส่ายหัวกับท่าทางของฮีชอลก่อนจะเดินไปที่หน้าตัวเคบินแล้วนั่งลงข้างฮันกยองแทน
"รบกวนหน่อยนะ" อีทึกหันไปบอกฮันกยองที่นั่งกดไอแพดอยู่ ส่วนชายหนุ่มเองก็หันมาพยักหน้าเล็กๆเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะอ่านข่าวต่อ
หลัง จากที่ทุกอย่างคลี่คลายไปได้พนักงานสาวประจำเครื่องบินก็ออกมาบอกผุ้โดยสาร ทั้งสบท่านว่าเครื่องบินจะเทคออฟในไม่กี่นาทีและเธอเองจะเป็นคนดูแลพวกเขา ตลอดไฟลท์การเดินทางนี้จนกว่าจะถึงโบราโบรา
เที่ยว บินที่ยาวนานนี้ดูเหมือนว่าจะผ่านไปด้วยดีเกือยยี่สิบชั่วโมงแรกที่ไม่มีการ ปะทะกันของฮีชอลกับฮันกยอง จนเริ่มต้นเข้าชั่วโมงที่ยี่สิบเอ็ดของการเดินทางที่คนเจ้าปัญหาเดินไปเดิน มาอยู่หน้าห้องน้ำแทนด้วยความเบื่อและเซ็งเพราะหลังจากที่เครื่องบินบินใน ระดับเพดานความสูงที่ปกติแล้วฮีชอลก็เปลี่ยนไปนอนกลิ้งบนเตียงแต่ก็นอนหลับ ไปได้ไม่นานเขาก็ตื่น กลิ้งไปมาก็เบื่อเพราะพื้นที่มันก็เล็ก และพอมานั่งที่ที่นั่งเดิม มินโฮที่กำลังหลับยาวก็กรนเบาๆอย่างน่ารำคานทั้งๆที่ใส่หูฟังเปิดเพลงบ้าบอ เสียงดังที่เฉพาะคนข้างๆเท่านั้นที่ได้ยิน แต่พอฮีชอลจะดึงออกหมอนั่นก็ทำเหมือนละเมอปัดมือไปมาอย่างรำคาน เล่นเอาฮีชอลหงุดหงิดเอามากๆเพราะไม่รู้จะทำยังไง
"อ้าวฮีชอล มายืดเส้นยืดสายเหรอ?" อีทึกถามเมื่อจะเดินมาเข้าห้องน้ำและเห็นเพื่อนของเขาเดินไปมา
"ยืดจนเบื่อ จะบ้าตายแล้ว ทำไมนั่งเครื่องบินนานๆมันถึงได้น่าเบื่อแบบนี้เนี่ย" ฮีชอลว่าอย่างไม่สบอารมณ์
"ทำอย่างกับไม่เคยนั่ง นายอารมณ์ไม่ดีเพราะว่าฮันกยองอยู่ด้วยน่ะสิ" อีทึกว่าอย่างรู้ทันและนั่นยิ่งทำให้ฮีชอลน่าบูดกว่าเดิม
"เออนั่นแหละ เกลียดขี้หน้าชะมัด"
"แต่ เขาก็คุยสนุกดีนะ ชั้นได้มีโอกาสคุยกับเขาไม่บ่อยเลยตอนอยู่ที่มหาวิทยาลัย แต่ตอนที่นั่งด้วยกันเขาก็โอเคดี เป็นคนที่มีความคิดกว้างขวางมากด้วย" อีทึกชมฮันกยองอย่างจริงใจแต่คนที่ต่อต้านกลับไม่คิดจะรับฟัง
"แหวะ นี่นายโดนหมอนั่นมอมยาใช่ไหม ถึงได้เห็นว่าหมอนั่นน่ะดี"
"เปล่า ซะหน่อยน้า เอาเถอะ ชั้นจะเข้าห้องน้ำก่อน" อีทึกว่าแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัว พร้อมทั้งล้างหน้าล้างตาแปรงฟันให้สดชื่นบ้าง แต่พอเขาออกมาจากห้องน้ำก็ยังเห็นฮีชอลยืนอยู่ที่เดิม
"เอ้า ยืนอยู่ตรงนี้ไม่เบื่อหรือไง ไม่กลับไปนอนบนเตียงนายเหรอ?"
"ไม่เอา มันอัดอัดไม่สบาย"
"งั้นก็ไปนั่งที่เดิมสิ ยืนเฉยๆไม่เมื่อยหรือไง"
"โอ๊ย ยย ชั้นโคตรรำคานไอ้เด็กมินโฮเลยนั่น มาทำไมก็ไม่รู้ แถมมาแล้วยังเป็นตัวมาร ชั้นจะนั่งจะนอนตรงนั้นก็ไม่ได้" ฮีชอลบ่นแล้วก็บ่นต่อไปเรื่อยๆ
"เหรอ งั้นเปลี่ยนที่กับชั้นไหม? เดี๋ยวชั้นไปนั่งแทนนายก็ได้" อีทึกเสนออย่างจริงใจแต่ฮีชอลกลับทำตาโตแล้วเอ่ยอย่างไม่เชื่อคำพูดเพื่อน ของตน
"นายจะบ้าเหรอ นายจะให้ชั้นไปนั่งกับฮันกยองเนี่ยนะ? บ้าไปแล้วแน่ๆ"
"อะไร กันฮีชอลก็แค่นั่งเฉยๆน่า เขาไม่ทำอะไรนายหรอก" อีทึกแก้ตัวให้กับศัตรูของเพื่อนพลางส่ายหัวกับท่าทางต่อต้านฮันกยองของ ฮีชอลที่มันดูจะโอเวอร์เกินเหตุไปนิด
"นายรู้ได้ไงว่าหมอนั่นจะไม่ทำ อะไร หมอนั่นน่ะนะ..โอ๊ยยย โธ่เว้ยยยย" ฮีชอลอยากจะระบายสิ่งที่ฮันกยองทำกับเขาเอาไว้แต่ก็รู้ดีว่าไม่ควรพูดออกมา ให้ใครรู้ เพราะเขาบอกตัวเองแล้วว่ามันจะต้องเป็นความลับของเขาที่จะถูกปิดไว้จุดลึก สุดของหัวใจ
"ฮันกยองเขาทำไมเหรอ?" อีทึกถามอย่างสงสัยฮีชอลจึงได้แต่กลบเกลื่อนไป
"ก็หมอนั่นน่ะ ชอบพูดจาแขวะ กัดชั้น ไปนั่งด้วยได้ด่ากันตลอดทางแหง"
"ไม่ หรอกมั้ง เขาเพิ่งจะหลับนะ ได้งีบไปแป๊ปๆเองตอนที่ชั้นนั่งด้วย เห็นนั่งอ่านหนังสือดื่มการ์แฟ ดูหนังไปหลายเรื่องแล้ว ไหนจะคุยกับชั้นอีก เขาหลับทีละสองชั่วโมง เมื่อครู่ก่อนจะหลับยาวเขาบอกเองว่าอยากจะพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนเครื่องลง เพราะจะได้มีแรง นายไปนั่งข้างๆเขาเฉยๆหมอนั่นไม่ทำอะไรหรอก ตอนนี้ดูเหมือนจะหลับลึกไปแล้ว"
คำพูดของอีทึกทำให้ฮีชอลเริ่มคล้อย ตาม เพราะว่าเบาะตัวหน้านั้นนั่งสบายกว่าที่นั่งข้างมินโฮมาก แถมฮีชอลเองก็หมอความอดทนกับเจ้าเด็กนั่นไปแล้วด้วย ดังนั้นเขาก็น่าจะลองนั่งกับฮันกยองดู เพราะอย่างน้อยตอนนี้หมอนั่นก็หลับและไม่มีสติจะมากวนประสาทเขาได้เช่นกัน
"เออ..เอา งั้นก็ได้" ฮีชอลว่าแล้วทำหน้าคิดหนักก่อนจะเดินจากหน้าห้องน้ำผ่านที่นั่งแต่ละแถวและ กลั้นหายใจไปทิ้งตัวลงเบาๆอย่าเงียบกริบตรงที่นี่งข้างฮันกยองแทน โดยที่ปล่อยให้อีทึกจัดการกับมินโฮด้วยตัวเองต่อไป
ใบหน้าสวยชะเง้อ เข้าไปมองหน้าคนที่หลับพิงหน้าต่างเครื่องบินอยู่แล้วแอบถอนหายใจเล็กๆอย่าง โล่งอกที่ดูเหมือนว่าฮันกยองจะหลับสนิทจริงๆและคงจะหลับยาวอย่างที่อีทึกว่า
ฮีชอ ลอมยิ้มแล้วปรับเก้าอี้ตัวใหญ่ให้เอนลงตามความสบายของตัวเขาแล้วหันซ้ายหัน ขวาหาของเล่นก่อนจะเห็นไอแพ็ดของฮันกยองวางไว้ข้างๆ เจ้าตัวจึงถือวิสาวะหยิบมันขึ้นมาแล้วหาหนังดูแกเบื่อแทนก่อนที่ตัวเองจะ เผลอหลับไปนอนไหนก็ไม่รู้เช่นกัน
T.B.C.
Chapter 9 : A Private Jet
Rate: PG
Talk: ตอนนี้ยาวมาาากกกและตอนต่อไปเรตชัวร์ไม่แกล้งละ ต่อไปนี้จะเรียกคนอ่านฟิกเรื่องนี้ว่า แอ๊ปวีน ดริ้งเกอร์นะคะ To all my beloved Absinthe Drinker
========================================================
ฮีชอล เดินจ้ำเอาๆไปยังทางลานจอดรถในร่มของตัวคฤหาสน์ของตระกูลหานเพราะจำได้ว่า เจ้าของรถจอดรถไว้ที่ไหนตอนที่กลับมาที่งานเลี้ยงโดยที่ไม่สนใจคนที่เดินตาม มาเลย ฮันกยองเร่งฝีเท้าตัวเองจนเดินทันแต่กระนั้นก็มาถึงเอาตอนที่ ฮีชอลถึงรถเบนซ์คันหรูของเขาเสียแล้ว
"เอ้าๆ จ้ำเอาอยู่ได้ นึกว่าเดินสวนสนามอยู่ซะอีก" ฮันกยองอดไม่ได้ที่จะแขวะท่าทางของฮีชอล แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่สนใจคำพูดของเขาเอาแต่ยืนนิ่งอยู่ตรงประตูรถด้าน หลัง
ร่างสูงเดินไปที่ฝั่งที่นั่งคนขับแล้วกดรีโมตอัตโนมัติ แต่ก่อนที่เขาจะเปิดประตูรถออก ฮันกยองสังเกตเห็นว่าคนที่ทำให้เขาต้องไปส่งกลับทำเป็นยืนนิ่งอยู่ตรงประตู รถด้านหลังของอีกฝากเหมือนรอให้เขาไปเปิดประตูให้อย่างงั้นแหละ
"ตอน มาไม่เห็นรอให้ชั้นเปิดประตูรถให้เลยนี่ ทำไมทีตอนนี้จะรอให้ชั้นบริการให้ล่ะ" ชายหนุ่มหันไปเท้าหลังคารถคันหรูแล้วถาม ฮีชอลทำหน้าเชิดก่อนจะหันหน้าไปอีกด้านแล้วทำวางท่าก่อยจะตอบ
"ก็นาย มาเป็นคนขับรถให้ชั้นก็ต้องทำหน้าที่สิ เปิดดิ" ฮันกยองทำหน้าใส่ฮีชอลเป็นคำพูดที่อ่านได้ว่าเชื่อเขาเลย นี่ฮีชอลคิดจะให้เขาเป็นคนขับรถจริงๆอย่างที่พ่อกับแม่เขาบอกหรือยังไงกัน
ร่างสูงส่ายหัวเล็กๆแล้วเดินอ้อมผ่านหน้ารถเบนซ์ตรงไปที่ประตูข้างคนขับแล้วหันไปบอกคนมากเรื่อง
"เอ้อ เปิดให้ก็ได้ แต่มานั่งตรงนี้ ชั้นไม่ใช่คนขับรถนายเสียหน่อย ทำอย่างกับเห็นชั้นเป็นพนักงานขับรถให้คุณหนูนิสัยเสียแบบตัวเองไปได้" ว่าแล้วก็เปิดประตูข้างคนขับออกเพื่อให้ฮีชอลขึ้นไปนั่ง แต่คนที่ฤทธิ์เยอะกว่ากลับหันมาส่งยิ้มเสแสร้งให้แล้วเปิดประตูรถด้านหลัง แล้วขึ้นไปนั่งทันทีเหมือนไม่ได้ฟังที่ฮันกยองพูดเลยสักนิด
"เฮ้ย อะไรเนี่ย บอกไม่ฟังกันเลยหรือไงวะ" ฮันกยองพูดกับตัวเองก่อนจะโผล่หน้าเข้าไปในรถทางประตูข้างคนขับแล้วโน้มตัว ไปตรงช่องวางระหว่างเบาะแล้วเรียกคนที่นั่งกอดอกเชิดใส่อยู่
"นี่ ฮีชอลมานั่งข้างหน้า ชั้นไม่ใช่คนขับรถนายนะ ต้องให้บอกกี่ครั้งเนี่ย" ฮีชอลทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ไม่ฟังเสียงชายหนุ่มเลยสักนิด ยังคงกอดอกทำหน้าเชิดต่อไปตามประสาคนเอาแต่ใจ ฮันกยองถอนหายใจแล้วถอยออกจากประตูข้างคนขับพร้อมปิดประตู การกระทำนั้นทำให้ฮีชอลอดลอบยิ้มไม่ได้ที่ได้ปั่นหัวแกล้งคนตรงหน้าให้มา เป็นคนใช้เขาได้สำเร็จ
แต่ทันทีที่ร่างบางเงยหน้าขึ้นไปทางกระจก หน้าเขากลับไม่เห็นร่างสูงเดินมาตรงประตูคนขับ แต่ดันเป็นเสียงเปิดประตูจากฝั่งข้างๆพร้อมกับร่างสูงที่โถมเข้ามาอย่างไม่ ให้คนด้านในทันตั้งตัว
"เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ฮันกยองปล่อยโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!" ฮีชอลแหกปากดังลั่นทันทีเมื่อรู้ตัวว่าถูกเจ้าของรถตามเข้ามาลากตัวออกจาก เบาะหลัง แต่มีหรือคนอย่างร่างเพรียวจะยอมแพ้ให้ง่ายๆ ฮีชอลก็ยังฤทธิ์มากทั้งแกะทั้งดันทั้งทุบเพื่อให้ฮันกยองยอมปล่อยวงแขนกว้าง ที่รัดเขาเอาไว้เพื่อจะดึงลงมาจากรถให้ได้
ฮีชอลเริ่มใช้นิ้วตัวเอง จิกไปที่แขนของชายหนุ่มพลางแหกปากไม่หยุด ฝ่ายฮันกยองเองก็เริ่มเหนื่อยแล้วเหมือนกันที่ต้องสู้กับฮีชอลที่สำแดงฤทธิ์ เดชมหาศาลเหลือเกิน ชายหนุ่มจึงงัดไม้ตายขึ้นมาจนได้
"ฮีชอล! ถ้านายไม่หยุดทำร้ายร่างกายชั้นแล้วจัดการเอาตัวเองไปนั่งที่เบาะหน้าตัวเอง ชั้นจะลากนายลงไปจริงๆนะ!" ฮันกยองขู่แต่มีหรือแค่นี้ฮีชอลจะกลัว ร่างบางที่หอบเหนื่อยจากการต่อสู้เองก็ไม่ยอมแพ้รีบตอกกลับทันที
"คิด ว่าเอาชั้นลงไปได้เหรอ เอาซี๊ มาแข่งกันว่าใครมันจะทำตามที่ปากว่าได้ก่อน" ใบหน้าหล่อตีหน้าขึงใส่แต่ฮีชอลก็ไม่ได้รู้สึกกลัวขึ้นมาสักนิด แขนยาวจัดการล็อคตัวฮีชอลเอาไว้ใหม่แล้วโนมหน้าเข้าไปชิดใบหน้าสวยเนียนนั้น ทันทีแล้วกระซิบข้อต่อรองใหม่
"ถ้าฤทธิ์เยอะแบบนี้ชั้นจับปล้ำบนรถ นี้แน่" ดวงตากลมโตเบิกโพรงด้วยความตกใจและรู้สึกตัวว่าไม่น่าลืมไปเลยว่าเคยพลาดท่า เสียทีหมอนี่ไปแล้ว และตอนนี้จากรูปการณ์แล้วเขาก็เสียเปรียบอยู่ชัดๆ แต่ฮีชอลก็ยังทำใจดีสู้เสืออยู่
"เหอะ คนอย่างนายไม่กล้าทำหรอก" ฮีชอลไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดดูถูกนั้นมันจะทำให้คนที่ตอนแรกคิดว่าจะขู่เริ่ม คิดจะอยากทำอะไรขึ้นมาจริงๆเสียแล้ว
"อ๋อ ถ้าเหรอ? ได้งั้นจะพิสูจน์ให้ดู" ว่าจบเขาก็ไม่ปล่อยโอกาสให้ฮีชอลได้หาทางป้องกันตัวหรือผลักเขาออกหรือแม้ แต่ร้องขอยอมแพ้ ฮันกยองซุกไซ้ปลายจมูกโด่งที่ข้างแก้มเนียนทันทีพร้อมกับล็อคตัวฮีชอลไว้ แน่นกว่าเดิม ใบหน้าหวานพยายามหันหนีแต่นั้นมันก็ยิ่งเท่ากับเปิดท่าให้ชายหนุ่มได้ซุกไซ้ ปลายจมูกสวยกับผิวเนื้อเนียนได้มากกว่าเดิม
"อึ๊ยยยย ปล่อยนะๆ ไอ้บ้า ปล่อยชั้นๆๆ อ๊ากก ฮันกยองๆๆๆ" ฮีชอลพยายามทุบไปที่หลังของชายหนุ่มพลางเบนหน้าหนีคนที่ดูเหมือนจะสนุกกับ การซุกไซ้กอดไล้ลูบคลำร่างนุ่มนิ่มจะไม่ยอมปล่อยมือเอาง่ายๆ
"ไหนท้า ชั้นไม่ใช่เหรอไง" ชายหนุ่มพึมพำเป็นคำพูดตอบกลับมาทั้งที่มันอดห้ามใจตัวเองไม่ให้เพลินเพลิน ไปกับเนื้อผิวขาวเนียนนั้น ปลายนิ้วร้อนมันทำงานตามสัญชาติญาณเมื่อฮันกยองเริ่มปลดกระดุมเสื้อเม็ดแรก ของฮีชอลออกและตามมาด้วยเม็ดถัดๆไป
คนที่ถูกจู่โจมใจหายวาบ ดันมาคิดได้เอาตอนนี้ว่าไม่ควรหาเรื่องใส่ตัวแต่จะให้เขาหาทางออกอย่างไร ฮีชอลก็ไม่รู้เลยว่าจะทำเช่นไรเหมือนกัน ร่างเพรียวรวบรวมแรงทั้งหมดที่ตนเองพอจะทำได้เพื่อผลักร่างหนาที่ทาบทับตัว เขาอยู่ออกไปแต่ดูเหมือนว่านั่นจะทำได้แค่ทำให้ฮันกยองถอนตัวขึ้นจากการซุก ไซ้ซอกคอขาวนวล แต่ชายหนุ่มกลับตรงเข้าหาเป้าหมายใหม่แทน
ฝ่ามือหนา ประครองศีรษะของฮีชอลไว้มั่นก่อนจะจัดการประทับจูบลงด้วยความหมั่นเขี้ยวคน ช่างดื้อ แต่คนที่ถูกกระทำนี่สิ ตกใจแทบหายใจไม่ทันเมื่อถูกปล้นจูบเอาหน้าด้านๆแบบนี้ ฮีชอลพยายามจะหันหน้าหนีเพื่อหลบริมฝีปากบางที่จ้องจะสูบพลังออกจากตัวเขา แต่นั่นก็เหมือนพยายามเปิดทางให้พ่อหนุ่มจีนส่งเรียวลิ้นเข้าไปกวาดชิมรส ชาติภายในพร้อมกับเกี่ยวรัดสัมผัสตัวฮีชอลสร้างความรู้สึกตื่นเต้นและเสียว ล้ำให้กับคนถูกกระทำอย่างไม่ตั้งใจ
ฮีชอลครางฮือในลำคอเมื่อถูกขโมย จุมพิตร้อนแรงที่เขาไม่อาจสู้ได้ ตอนแรกที่พยายามดิ้นทั้งทุบทั้งผลักไส ตอนนี้ฮีชอลกลับลูบไล้แขนหนาของชายหนุ่มแล้วเริ่มตอบรับจูบนั้นอย่างละมุน ละไมโดยที่ทั้งคู่ต่างไม่รู้ตัว ร่างสูงเองก็ยิ่งได้ใจเมื่อคนด้านล่างยอมโอนอ่อนผ่อนให้และเดินตามเกมของเขา สัญชาติญาณความรู้สึกความเป็นชายตามธรรมชาติมันสั่งการให้หัวเขาเองว่าให้ทำ อะไร และฮันกยองเองก็เริ่มจะทนมันไม่ไหวจึงต้องยอมให้ร่างกายตัวเองได้ระบายออก บ้างโดยการถูไถกับร่างเพรียวที่ถูกเข้ากอดรัดแน่นจนแทบจะกลืนเป็นเนื้อเดียว กัน
บทประลองเรียวลิ้นร้อนภายในของทั้งคู่ยังไม่จบลงง่ายเมื่อต่าง ฝ่ายต่างโดนพายุอารมณ์ฉุดไปจนหยุดไม่อยู่ แต่ไม่รู้จะเรียกว่ามาญผจญหรือคนช่วยดีที่โทรศัพท์เครื่องบางของพ่อหนุ่มชาว จีนดันสั่นขึ้นมาทั้งๆที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของตน ร่างสูงขัดใจเล็กๆที่มีอะไรเกะกะอารมณ์ล่องลอยของเขากับคนด้านใต้จึงได้แต่ คำรามในลำคอแล้วถอนริมฝีปากออกจากเรียวปากอิ่มที่บวมช้ำพราะการปล้นจูบของ เขาในตอนแรก
ด้านฮีชอลเองเมื่อเรียวปากที่มอบความรู้สึกแปลกประหลาด นั้นละหายไป สติสัมปะชัญญะของร่างบางก็เริ่มกลับมา ทำให้คนตัวเล็กที่ปล่อยสมองล่องลอยไปในอากาศเมื่อครู่ได้สติแล้วอึ้งอยู่กับ สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น โดยมีตัวของฮันกยองทาบทับค้ำเหนือเขาอยู่บนเบาะหนังของรถเบนซ์คันกว้างของ ชายหนุ่ม
"หยุดดื้อได้หรือยัง ลุกขึ้นแล้วไปนั่งข้างหน้า ไม่งั้นคราวนี้ได้โชว์หนังสดให้คนอื่นดูแน่ๆ แบบไม่ต้องอัดวีดีโอเหมือนคราวที่แล้วเลยคอยดูสิ" ฮันกยองขู่ด้วยใบหน้าเอาจริงเล่นเอาฮีชอลถึงกับขนลุกซู่เพราะแอบยอมรับในใจ ว่าไอ้บ้านี่มันเอาจริงแหงๆ น่ากลัวชะมัด ร่างสวยนึกถึงคืนวันนั้นที่เลือนรางแล้วหน้าขึ้นสีด้วยความอายและโกรธ ก่อนจะผลักตัวฮันกยองด้วยความแรงออกจากร่างของตนแล้วรีบเปิดประตูอีกฝากออก ไปเพื่อไปนั่งข้างที่นั่งข้างคนขับทันทีโดยไม่โต้เถียงแม้แต่น้อย เพราะถึงจะฤทธิ์เยอะและแก่งแค่ไหน แต่ฮีชอลก็กลัวจะโดนฮันกยองจัดการแบบวันนั้นอยู่ดี
ฮันกยองเองได้แต่ กระตุกยิ้มพอใจเมื่อเห็นท่าทางของฮีชอลที่แทบจะฟังคำสั่งเขาแม้ว่าจะไม่ได้ เต็มใจก็เหอะ ร่างสูงลุกออกจากเบาะด้านหลังแล้วเปิดประตูรถก่อนจะหยิบโทรศัพท์เจ้าปัญหา ที่ยังสั่นไม่หยุดขึ้นดูชื่อแล้วถอนหายใจก่อนจะกดรับ
"เออ ว่าไงวะ"
"ฮัน กยองงานเลี้ยงเลิกยังวะ? ชั้นว่าจะเข้าไปหาฮีชอลหน่อยว่ะ เขายังอยู่ไหม?" เพื่อนในกลุ่มของชายหนุ่มกรอกเสียงถามมาตามสาย ดวงตาคมหันไปมองคนที่นั่งสงบเสงี่ยมอยู่ในรถและเอาแต่ก้มหน้าก่อนจะปั้น เรื่องตอบคยูฮยอนไป
"โอ้ ฮีชอลเขากลับไปแล้วว่ะ หมอนั่นทนอยู่ในที่ที่มีช้ันอยู่ด้วยนานๆไม่ได้หรอก ไว้แกไปหาเขาที่คอนโดสิ ถ้ากล้าน่ะนะ" ชายหนุ่มหยอดท้าลงไปเพราะรู้ดีว่าคยูฮยอนคงไม่กล้าไปหาฮีชอลคนเดียวเพราะว่า ยังจีบไม่ติดหรอก เพราะถ้าโดนไล่ออกมามันจะเสียเชิงชายคราบสุภาพบุรุษตัวร้ายอย่างคยูฮยอนมัน หมด
"อ้าว งั้นหรอวะ ไม่เป็นไร ไว้พรุ่งนี้ชั้นค่อยโทรหาเขา ไม่กวนละ บาย" คยูฮยอนวางสายไปแต่อีกฝั่งนี่สิได้แต่พูดใส่โทรศัพท์
"ไม่ กวนห่าไรวะ มึงนี่ขัดจังหวะชิบหาย" ฮันกยองพึมพำใส่โทรศัพท์คนเดียวแล้วจับมัดยัดลงกระเป๋าเสื้อแทนแล้วเปิด ประตูรถฝั่งคนขับขึ้นไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ชาย หนุ่มขับรถออกไปตามถนนที่เงียบกริบบริเวณตัวบ้านที่อยู่บนเขาสูงแต่มีถนนมาก มายตัดผ่านมาในย่านนี้ซึ่งไม่ไกลจากย่านตัวเมืองที่คนพลุกพล่านเท่าไหร่ ฮีชอลนั่งเงียบกริบอยู่ในรถแต่ที่เงียบไม่ใช่เพราะกลัวฮันกยองแบบนั้นแต่ เป็นเพราะทั้งโกรธทั้งอายจนไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากอาละวาด หรือพังอะไรสักอย่างแต่เขารู้ตัวว่าทำแบบนั้นกับฮันกยองไม่ได้ เพราะชายหนุ่มถือไพ่เหนือกว่าเขาเสมอในทุกๆเรื่อง
"รู้ไหม ว่าเมื่อครู่ใครโทรมา" อยู่ดีๆฮันกยองก็พูดคุย แต่ดูเหมือนว่าอีกคนในรถจะไม่ปฏิกิริยาตอบสนอง เขาไม่สนใจจะเสวนากับชายหนุ่มด้วยหรอกนอกจากจะภาวนาให้ไอ้บ้านี่มันขับรถไป ถึงบ้านเขาเร็วๆ
"ชั้นไม่เข้าใจเลยจริงๆนะ ว่าคยูฮยอนมันเห็นอะไรในตัวนาย ถึงอยู่ดีๆมาเป็นบ้าหลงคนอย่างนายเข้าไปได้ไงก็ไม่รู้" ฮันกยองว่าต่อและยังคงรู้สึกโมโหเพื่อนของตนเล็กๆที่โทรมาตอนที่ได้จังหวะพอ ดี
"อย่างน้อยเพื่อนนายก็ฉลาดกว่านาย และแน่นอนเขาเห็นอะไรในตัวชั้นที่นายไม่เห็นและไม่เคยเห็นหรอกฮันกยอง!" ฮีชอลรู้สึกทนไม่ได้ที่ถูกหยามว่าไม่มีอะไรดี ทั้งๆที่เขาเป็นคนป็อปปูล่าและมีแต่คนรุมรัก ยกเว้นก็แต่คนข้างๆนี่แหละที่ไม่เคยแม้แต่จะชายตาแลหรือสนใจชื่นชมเขาสักนิด
"เร๊อะ?"ชายหนุ่มทำเสียงสูงใส่ก่อนจะพูดจายียวนต่อ
"มีอะไรที่ชั้นยังไม่เห็นในตัวนายอีกเหรอ แก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันตั้งแต่เด็กก็เห็นมาหมดละ พอโตมาก็ได้เรียบร้อยเห็นซะทุกซอกทุกมุมละ"
สิ้น สุดคำพูดของชายหนุ่มหมอนแข็งๆที่เจ้าตัวรัดไว้ตรงที่พิงศีรษะของเบาะคนนั่ง ก็ถูกปาอัดใส่หน้าคนปากเสียทันที เล่นเอาฮันกยองเองเสียหลักตกใจจนต้องหักพวงมาลัยรถลงจอดข้างๆแล้วหันมาเอา เรื่องคนข้างๆจนได้
"ฮีชอล!"
"ปั้ก!" ยังไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ หมัดหลุนๆของฮีชอลก็ซัดลงที่ใบหน้านั่นอีกครั้งด้วยความโมโหเพราะคำพูดต่ำๆนั้นของฮันกยอง
"ถ้า นายไม่หุบปากนายแล้วขับรถเงียบๆต่อไป ชั้นจะลงเดิน" ฮีชอลขู่เสียงฝ่ออย่างพยายามกลั้นความโกรธตัวเองสุดฤทธิ์ ด้านคนขับจำเป็นที่โดนอัดไปเต็มๆก็ทำหน้าฮึดฮัดไม่พอใจใส่แต่ก็ยอมเงียบปาก ตัวเองแล้วขับรถต่อไปจนถึงที่หมายซึ่งเป็นคฤหาสน์ของตระกูลคิมที่ตั้งออกมา ไกลในแถบชานเมืองในที่สุด
เมื่อรถยนต์คัน ใหญ่แล่นเข้ามาจอดเทียบท่าตรงทางขึ้นบันไดหน้าประตูทางเข้า คนที่อาศัยรถมาก็รีบเปิดประตูรถและก้าวลงไปทั้งๆที่ฮันกยองยังไม่ได้ดับ เครื่องสนิทดี ชายหนุ่มจีนอ้าปากงงๆก่อนจะรีบปลดเข็มขัดนิรภับตนเองออกแล้วรีบลงไปจากรถ บ้างแล้วตะโกนถามคนที่กำลังจะเดินหนีขึ้นบ้าน
"นี่นายจะไม่ขอบใจชั้นสักคำเลยเหรอ?" ฮีชอลชะงักปลายเท้าของตนแล้วหันมาจ้องหน้าฮันกยองด้วยท่าทางเชิดๆก่อนจะตอบ
"นาย มาเป็นคนขับรถให้ชั้น ดังนั้นชั้นไม่จำเป็นต้องพูด" ฮันกยองก้าวยาวจนอ้อมหน้ารถของตนมาหยุดอยู่ใกล้ฮีชอล ร่างสูงในชุดสูทสอดมือลงไปในกระเป๋าเสื้อก่อนจะยิ้มกว้างแล้วค่อยตีหน้าขรึม ใส่พลางบอกเสียงเย็น
"แต่ชั้นไม่ใช่คนใช้นายนะ"
"แล้วไง ชั้นไม่ได้ขอให้นายมาส่งเสียหน่อย อยากมาเองก็กลับไปได้แล้ว ชั้นถึงบ้านแล้ว" ฮีชอลตอบอย่างไม่สะทกสะท้านพร้อมทำท่าจะเดินหนีขึ้นบ้าน แต่ฮันกยองก็ยังไม่วายคว้าแขนเจ้าตัวไว้แล้วเริ่มหาเรื่องอีกคราว
"คยูฮยอนมันบอกว่าอยากมาหานาย แต่ชั้นไม่ได้บอกมันหรอกนะว่านายอยู่ที่บ้านเพราะมันไม่รู้จัก ก็เลยบอกให้มันไปหานายที่คอนโด"
"แล้วไง" ท่าทางไม่หยี่ระของฮีชอลมันทำให้ฮันกยองรู้สึกรำคาญใจแปลกๆ หงุดหงิดที่ฮีชอลทำท่าเหมือนมันเป็นเรื่องน่าพอใจ
"นายอยาก ให้มันมาหาไหมล่ะ ชั้นจะได้บอกทางมันให้ว่าบ้านนายอยู่ที่ไหน" ฮันกยองกัดฟันพูดด้วยเสียงต่ำๆที่ข่มความไม่พอใจเอาไว้อยู่ แต่ใบหน้าหวานของคนด้านข้างกลับแสดงสีหน้านึกสนุก
"ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นเรื่องระหว่างเราสองคน ถ้าชั้นอยากให้เขามาหา เดี๋ยวชั้นโทรบอกเขาเองได้" ฮีชอลลอยหน้าลอยตาตอบเหมือนอารมณ์ดีซึ่งผิดการณ์จากที่ฮันกยองคาดไว้จึงทำ ให้ชายหนุ่มเองอดหมั่นไส้และโมโหไม่ได้ที่ฮีชอลคิดจะปั่นหัวเพื่อนเขาเล่น
"เหอะ คนอย่างนายนี่นะ เอาแต่ว่าคนอื่น ใส่ร้ายคนอื่นว่าชอบพวกเดียวกัน จนชั้นกับซีวอนแทบจะหน้าแหกกลางมหาลัย แต่ดูตัวนายสิ ทั้งอ่อยทั้งให้ท่าผู้ชายถึงบ้าน ทำไมไม่ลากมันขึ้นเตียงไปเลยล่ะ" ร่างสูงอดแขวะไม่ได้และนั่นก็ทำให้ฮีชอลปรี๊ดแตกเช่นกัน
"ฮันกยอง!"
"ทำไม? ชั้นพูดอะไรผิดหรือไง นายก็แค่ผู้ชายมั่วๆคนนึงที่สร้างภาพว่าตัวเองเป็นเจ้าชายที่น่าหลงใหล ที่แท้ก็โคตรจะง่าย" ชายหนุ่มยังไม่เลิกจิกกัด ฮีชอลกำมือแน่นด้วยความโกรธ และพยายามบอกตัวเองว่าอย่าดิ้นไปตามคำพูดของคนบ้าข้างหน้า เจ้าตัวจึงสวนกลับไปว่า
"มันเรื่องของช้ัน นายอย่ายุ่ง แล้วทำไมชั้นจะควงคยูฮยอนไม่ได้ หมอนั่นก็หน้าตาไม่เลว การศึกษาก็โอเค แถมบ้านก็รวย มีเงินให้ชั้นถลุงเล่นจนพอใจเลยล่ะ" ว่าจบร่างบางก็หันหลังจะก้าวขึ้นบันไดจริงๆ แต่ฮันกยองที่โมโหหนักกว่าเพราะอะไรเจ้าตัวก็ไม่รู้เช่นเดียวกันกลับกระชาก ตัวฮีชอลให้หมุนกลับมาแล้วเรียกชื่อคนตรงหน้าด้วยอารมณ์ไม่พอใจสุดๆ
"ฮีชอล!"
"อะไร! ทำไมห๊ะ!" ฮีชอลตะโกนใส่คืนบ้าง ในเมื่อแรงมาเจ้าตัวก็แรงไปเช่นเดียวกัน
"หยุดเลยนะฮีชอล" ฮันกยองขู่ด้วยเสียงทุ้มต่ำที่ฟังดูน่ากลัว แต่เจ้าตัวไม่สลดกลับพูดจาแทงใจดำชายหนุ่มเขาให้อย่างจังว่า
"ทำไมล่ะ แค่ชั้นสนใจเพื่อนนายมากกว่านาย นายเลยมีปัญหาหรือไง"
ฮัน กยองนิ่งไปทันทีเหมือนโดนรู้ทันและเข้าใจความหมายไอ้อารมณ์ขึ้นๆลงๆและไม่พอ ใจของตัวเองที่มีต่อเรื่องราวของฮีชอลและคยูฮยอน และนั่นก็ทำให้เจ้าตัวเงียบสนิทและคลายมือตนเองออกจากต้นแขนของฮีชอลอย่าง ไม่รู้ตัว
ร่างบางผลักชายหนุ่มเข้าเต็มแรงจนร่างสูงกระแทกเข้ากับกระโปรงรถยนต์ของตนแล้วตะโกนลั่น
"ชั้นไม่อยากเห็นหน้านายอีก และไม่อยากยุ่งกับนายไปชั่วชีวิตชั้น!!"
ฮีชอล ไม่รอให้คนที่ตกใจได้คิดจะทำอะไรตอบ เจ้าตัวก็รีบวิ่งเข้าบ้านและตรงขึ้นไปที่ห้องนอนของตัวเองทันทีทั้งๆที่ในใจ มันเต้นแรงและสั่นรัวราวกับจะระเบิดออกมาให้ได้...
หลัง จากวันนั้นฮีชอลก็ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการคือการไม่เห็นหน้าฮันกยองเลยตลอด สองอาทิตย์ที่มหาวิทยาลัย แม้ว่าจะเรียนห้องเดียวกันบ้าง แต่เจ้าตัวก็มักจะมีวิธีเรียกความสนใจของตนให้อยู่ในกลุ่มเพื่อนหรือการ เรียนแทนเพื่อที่จะไม่วอกแวกและหันไปเห็นหน้าคนบางคนที่เขาไม่อยากเจอ
ด้าน คยูฮยอนเองก็ยังคงสนุกกับการตามจีบฮีชอลไปเรื่อย แต่ก็ไม่ได้หยุดนิสัยเดิมๆของตัวเองที่มีคนโน้นคนนี้ไว้ควงแก้ขัดอารมณ์ยาม ที่เขายังหาทางแอ้มฮีชอลไม่ได้เสียที แต่กระนั่นพ่อหมาป่าหนุ่มก็ยังไม่หยุดหนทางที่จะล่าเหยื่อจึงได้แต่พยายาม ต่อไปด้วยคติที่ว่าตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก
ทุกวันนี้ฮีชอลเลี่ยงที่ จะอยู่มหาลัยจนเย็น ถ้าหาอยู่เขาก็จะอยู่แต่ในห้องแดงไม่ออกไปไหนเพราะกลัวจะบังเอิญเจอใครคน นั้น ถ้าเป็นไปได้หากหมดคาบวิชาเรียน ฮีชอลก็จะขับรถสปอร์ตของตัวเองกลับคอนโดไม่ก็กลับบ้านที่อิลซานทันทีโดยไม่ รอเจย์เหมือนแต่ก่อน
คนเอาแต่ใจรู้ตัวเองดีว่าเพราะกลัวการเผชิญหน้า กับฮันกยอง เขารู้ว่าความแข็งแกร่งที่ตัวเองเคยสร้างไว้ให้หันกลับมาเผชิญหน้าคนที่ทิ้ง เขาไว้อย่างไม่ใชดีเมื่อก่อนมันละลายหายไปแล้วตั้งแต่เช้าวันนั้นที่รู้ว่า ตนเองกับฮันกยองได้ทำอะไรลงไปเพียงเพราะฤทธิ์ของเหล้าแก้วเดียว
ฮีชอล ไม่อยากจะให้สมองตัวเองสนใจอะไรมากนักจึงพยายามลืมๆทุกอย่างไปและตั้งหน้า ตั้าไปเที่ยวแบบส่วนตัวกับกลุ่มเพื่อนที่เขาขออนุญาติพ่อได้สำเร็จ แม้จะไปได้ไม่กี่วันก็ตามแต่อย่างน้อยการที่ได้ไปแฮงค์เอาท์กับเพื่อนๆที่ อีกมุมโลกก็เป็นสิ่งที่ฮีชอลอดนึกสนุกไม่ได้ แถมเขาเองจะได้ไม่ต้องมาคอยแอบคิดมากหรือกังวลเรื่องใดๆก็ตามที่เกี่ยวกับ ฮันกยองด้วย
และแล้ววันนั้นก็มาถึง วันที่การไปเที่ยวแสนสนุกของฮีชอลจะเริ่มขึ้นโดยไม่ต้องทนอึดอัดยามที่ไปมหา ลัยเพราะเกรงว่าจะต้องเจอหน้าฮันกยองเอาจนได้ ร่างบางรอให้เจย์เอารถตู้คันใหญ่ของที่บ้านมารับหลังจากที่ไปรับดงเฮและอีก ทึกมาด้วย
ฮีชอลตื่นเต้นกับการไปเที่ยวครั้งนี้มากเพราะหลังจากที่ พ่อเขาตกลงจะจัดการหาเครื่องบินส่วนตัวให้ทำให้พวกเขาไม่ต้องวุ่นจัดตาราง เวลาเดินทางจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเที่ยว แม้ว่าการพักผ่อนครั้งนี้เจย์จะเสนอให้ไปเที่ยวที่เกาะโบาโบรากันเพราะจะได้ หนีอาการเย็นๆชื้นๆที่เกาหลีในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้แล้ว พวกเขายังจะได้ดำน้ำ พายเรือและเที่ยวเล่นกับอาการในแถบเส้นศูนย์สูตรอีกหลายวัน
"ป๊า ผมไปแล้วนะครับ เดี๋ยวผมจะรีบกลับมาให้ไวเลย ฮี่ๆๆ" ฮีชอลเข้าไปกอดคนเป็นพ่ออย่างร่าเริงและหอมแก้มขอบคุณที่พ่อเขาเป็นคนช่วย จัดการไฟลท์นี้ให้
"กลับมาก็ถึงวันจันทร์ดึกๆเลยใช่ไหมลูก ป๊าไม่แน่ใจว่าจะไปรับได้หรือเปล่าน่ะสิ กลัวว่าจะต้องไปฮ่องกงตั้งแต่วันอาทิตย์" แทวูเอ่ยด้วยความกังวลแต่ฮีชอลกลับฉีกยิ้มกว้างแล้วบอก
"ไม่เป็นไรฮะ เดี๋ยวผมให้เจย์ไปส่งที่คอนโดก็ได้ฮะ นอนนั่นใกล้มหาลัยมากกว่า ไว้วันอังคารตอนเย็นผมจะกลับบ้าน ป๊ากลับมาจากฮ่องกงยังล่ะฮะ?"
"น่า จะกลับแล้วนะ เอาเถอะไว้ป๊าโทรหาอีกทีตอนหนูถึงที่โน่นแล้ว" แทวูว่าแล้วโอบไหล่ลูกชายสุดหวงแล้วพาเดินออกไปที่หน้าคฤหาสน์ เจย์ก้มทำความเคารพพ่อของเพื่อนสนิทแล้วหันไปเรียกคนรถให้มาช่วยรับกระเป๋า จากฮีชอลไป
"เจย์ อาฝากฮีชอลด้วยนะ อย่าให้ไปซนสร้างเรื่องไว้จนไม่ได้กลับมาล่ะ" แทวูฝากฝังฮีชอลไว้ทันทีเพราะรู้ถึงความแสบของเจ้าลูกชายดี
"ป๊าอ่ะ อะไรเนี่ยทำอย่างกับผมเป็นตัวเจ้าปัญหา" ฮีชอลทำปากยื่นใส่เหมือนโดนแกล้ง
"แหม ก็ถ้าลูกมีปัญหาอะไร ป๊าจะไปหายังไง โบราโบราบินไปทีก็หนึ่งวันเต็มๆแล้วนะลูก" คนเป็นพ่อว่าพลางรูปหัวเจ้าลูกชายอย่างแสนรัก
"งั้น ผมไปแล้วนะ ป๊าดูแลตัวเองด้วยน้า เดี๋ยวผมกลับมาหา" ฮีชอลยังไม่หยุดอ้อนพ่อแล้วกอดลาอีกครั้งก่อนจะเดินขึ้นรถตู้ไปก่อน ทิ้งให้เจย์บอกลากับพ่อของตนอีกครั้ง
"เจย์ อาฝากด้วยนะ ไหนๆก็จัดการทุกอย่างไว้แล้ว อย่าให้ฮีชอลมันพังเครื่องบินเอาล่ะ" แทวูเอ่ยกับเจย์ด้วยความกังวลเล็กน้อยถึงสิ่งที่เจ้าตัวไม่ได้บอกลูกชายเอา ไว้
"เอ่อ ทำไมเหรอครับคุณอา?" เจย์อดถามอย่างสงสัยไม่ได้
"เดี๋ยว พวกเธอไปถึงที่สนามบิน ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและรอที่ห้องรับรองวีไอพีก็คงจะรู้เองแหละ ทริปนี้อาก็ทุ่มเต็มที่แล้ว อยากให้เจ้าตัวเล็กมันได้สบายใจผ่อนคลายซะมั่ง ดูแลให้หน่อยนะ" แทวูย้ำอีกครั้งทำให้คนที่ยังไม่หายงงอย่างเจย์ได้แต่รับปากอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะกล่าวลาและขึ้ยรถตู้ไปยังสนามบินอินชอน
"เฮ้ย ซีวอนไปแค่สามวันสองคืนเองนะเว้ย หอบโบสถ์ไปหรือไงวะ" คยูฮยอนอดจะแขวะเพื่อนในกลุ่มไม่ได้เมื่อเห็นว่าพ่อหนุ่มนักบุญลากกระเป๋า เดินทางสีน้ำตาลสลับทองของหลุยส์วิตตองเดินเข้ามาตรงเคาเตอร์เช็คอินริมสุด เพราะพวกเขาจะต้องผ่านด่านตรวจคนพร้อมกันเพื่อไปขึ้นเครื่องบินส่วนตัวไป เที่ยวเกาะโบราโบราตามที่ฮันกยองสัญญาไว้ว่าจะพาไปเลี้ยงยกกลุ่มหากดำเนิน แผนการจัดการฮีชอลได้สำเร็จและแผนของฮันกยองเองก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วย ดี...แถมดีเกินคาดเสียด้วยล่ะ
"โหย ก็พวกแกแต่ละคนเคยเตรียมไรไปเองไหมวะ เวลาไม่มีอะไรเอะอะก็มาขอแต่ชั้น นี่แกได้หยิบชุดว่ายน้ำมาหรือเปล่า " ซีวอนถามแล้วหันไปมองหน้าคยูฮยอน ฮันกยอง แล้วก็คิบอม เว้นแต่แจจุงเพราะเขารู้ดีว่ารายนั้นเป๊ะเสมอ
"เฮ้ยกูเอามานะคราวนี้" ฮันกยองรีบตอบอย่างรวดเร็ว
"เอ่อ..แต่กูลืมว่ะ" คยูฮยอนตอบเสียงอ่อย
"ชั้น ด้วย" คิบอมตอบแล้วอ่านหนังสือในมือต่อ ทำเอาซีวอนได้แต่ส่ายหัวก่อนจะหันทำหน้าว่าเห็นไหมล่ะใส่คยูฮยอนทันที หมอนั่นจึงรีบแก้ตัว
"โหยก็เมื่อคืนชั้นไปเที่ยวกับสาวๆนี่นา เนี่ยเพิ่งบึ่งรถกลับไปเอากระเป๋าที่คอนโดคว้าไรมาได้ก็มานั่นแหละ ก็ไปแค่ไม่กี่วันไมได้ไปเข้าค่ายสักหน่อยไม่มีค่อยซื้อใหม่ก็ได้นี่หว่า"
"คุณ เพื่อนครับ เกาะนี่มันเป็นเกาะท่องเที่ยวนะครับ โคตรจะไพรเวตและแพงสุดๆ มึงจะทำให้เปลืองทำไม" ซีวอนสั่งสอนเข้าให้ แต่มีหรือคนอย่างคยูฮยอนจะแคร์
"ไม่ เป็นไรหรอก เครื่องบินก็ไม่ต้องจ่าย ที่พักก็นอนฟรี แค่นี้เอง เดี๋ยวชั้นเลี้ยงอาหารพวกแกทุกมื้อก็ได้" คุณหนูโจวสุดหล่อเอ่ยบอกอย่างใจป้ำ ทพให้พ่อหนุ่มจีนรีบถามทันที
"แน่นนะโว้ย งั้นตกลงว่าแกเลี้ยงที่เหลือต่อ"
"เออ ชั้นจ่ายเอง แต่ค่าอาหารนะ อย่างอื่นพวกแกก็จ่ายเองละกัน" คยูฮยอนรับปากโดยไม่คิดอะไร แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนๆเขาแต่ละคนจะแอบมีแผนในหัวแล้วว่าจะผลาญเงินคุณ เพื่อนอย่างไรดีในเมื่อได้รับการเปิดทางมาขนาดนี้แล้ว
"แจจุงเรื่อง ที่พักเรียบร้อยแล้วใช่ไหม" ฮันกยองหันไปถามแจจุงที่กำลังตรวจเช็คเอกสารทั้งหมดของทุกคนรวมทั้งถือ พาสปอร์ตเอาไว้ด้วย เนื่องจากเป็นการเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวพวกเขาจึงต้องทำเอกสารการยืน ยันตัวตนหลายฉบับ ไหนจะหนังสือรับรองของพวกเขาแต่ละคนและต้องจัดการเรื่องที่พักให้นักบินด้วย
"อือ ที่ที่พ่อนายจองไว้ให้เหลือห้องให้พวกเราพอดี มันเป็นกระท่อมกลางทะเลนะ สวยมาก กระท่องละสองห้องนอน ดังนั้นต้องมีพวกเราคนใดคนหนึ่งนอนเดี่ยว" แจจุงหันไปบอกเพื่อนๆเขา คิบอมที่ฟังอยู่ปิดหนังสือและเก็บลงกระเป๋าก่อนจะว่า
"สรุปชั้นต้อง นอนกับนายสินะแจจุง เพราะฮันกยองเขาชอบอยู่คนเดียว แต่มันก็คนละห้องนอนอยู่แล้วนี่เนอะ" แจจุงพยักหน้ารับ ทำให้ซีวอนหันไปมองหน้าคยูฮยอนแล้วว่า
"นี่ชั้นต้องแชร์บ้านกับคยู ฮยอนเหรอเนี่ย เฮ่อ ดีนะขนของมาเผื่อมันทุกอย่างละ จะได้ไม่ต้องโวยวาย ถ้านายนอนกับคิบอมอาจจะถูกโยนลงทะเลได้นะ"
"แช่งกูเหรอวะ" คยูฮยอนหันไปเอาเรื่อง แต่ซีวอนหาได้แคร์ไม่
"เอ้า ๆเลิกเล่นได้แล้ว ไปๆ" ฮันกยองว่าแล้วเรียกเพื่อนๆทุกคนให้รับเอกสารและพาสปอร์ตจากแจจุงเพื่อเดิน เข้าไปในด่านตรวจคนเข้าเมืองเพื่อไปยังเกตขึ้นเครื่องบินส่วนตัวที่จอดรอ อยู่
พวกเขาทั้งห้าคนเดินเข้ามาในห้อง รับรองพิเศษที่เลขขาของพ่อของฮันกยองได้ทำเรื่องเข้ามาจัดการรายละเอียด เกี่ยวกับการเดินทางและเพื่อส่งพวกเขาขึ้นเครื่องบินไพรเวต รุ่นกัลฟตรีม 7 โบอิ้ง 769 ฮันกยองทักทายลูกน้องคนสนิทของพ่อตนแล้วพูดคุยสอบถามเรื่องงานไปเรื่อย ระหว่างที่รอให้นายท่าจัดการเช็คเอกสารและเซ็นชื่อลงบนเอกสารอนุญาติให้ เครื่องบินส่วนตัวบินออกจากเขตประเทศเกาหลี้ใต้
"ทำไมนานจังเลยแฮะ" คยูฮยอนถามอย่างสงสัย เพราะไม่เห็นว่าจะมีใครมาเชิญพวกเขาขึ้นเครื่องบินอย่างที่ควร ทั้งๆที่ตัวพวกเขาเองก็เข้ามาถึงตัวตัวเกตนานแล้วและดูเหมือนว่าพนักงานต้อน รับและพนักงานของการท่าก็ทำเอกสารทุกอย่างเสร็จแล้ว
"รอหน่อยจะเป็นไรฮะคุณชาย" ซีวอนอดหันไปกัดคนที่นั่งข้างๆไม่ได้ ก่อนที่คิบอมซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจะผสมโรงไปด้วย
"แบบ นี้นอย่างคยูฮยอนไม่รอหรอก มันต้องอย่างฮีชอลสิ เห็นรอปากแห้งมาจะครบเดือนแล้ว" คำพูดนิ่งๆของคนหน้าตายอย่างคิบอมทำเอาคนฟังรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า แต่นั่นก็ทำให้แจจุงและซีวอนขำไปด้วย
"เออนั่นสิเนาะ" ซีวอนเห็นด้วยและยกมือชูนิ้วโป้งแล้วส่งไฮไฟว์ให้คิบอม
"เออๆๆ แดกดันกันเข้าไป คอยดูเหอะ ถ้าวันไหนชั้นได้คิม ฮีชอลมาควงแล้วพวกแกนั่นแหละจะปากห้อย" คยูฮยอนตั้งมั่นกับสิ่งที่ตัวเองตั้งใจเพราะอย่างที่รู้กันว่านายตัว ร้ายอย่างเขาไม่เคยถูกใครปฏิเสธง่ายๆจนมาลองของดี ของสูงอย่างคิม ฮีชอล
"แหม แล้วหนีไปเที่ยวโบราโบราตั้งหลายวัน นายไม่คิดถึงฮีชอลแย่เลยเหรอ" แจจุงหยอกถาม แต่ดวงตาเป็นประกายของพ่อจิ้งจอกกลับเป็นคำตอบได้ดี
"ฮีชอล คงไม่ว่าอะไรหรอกถ้าชั้นจะไปจิ๊จ๊ะกับสาวๆชาวเกาะที่นั่น แหม แต่ละนางน่าโซ้ยมากๆนี่วันนั้นชั้นนั่งดูสารคดีท่องเที่ยวพอดีนะเว้ย โหยแม่เจ้าโว้ย นอกจากเกาะจะสวยแล้วคนที่นั่นยังหุ่นเช้งอีก ถ้าไม่ได้สาวชาวเกาะชั้นก็อาจจะได้แอ้มนักท่องเที่ยวบางคนบ้างแหละน่า"
"โหย ไม่เห็นมันจะทิ้งลายตรงไหนเลย" ซีวอนทำหน้าเบื่อหน่ายแล้วส่ายหัว
"เหรอ?" อยู่ดีๆคิบอมก็พูดคุย ขณะที่สายตาของชายหนุ่มมองออกไปทางด้านประตูเข้าตัวเกตเครื่องบิน
"ดูเหมือนว่าของต้องประสงค์ของนายจะอยากพิสูจน์รักและความจริงใจจากนายว่าคยูฮยอน" คิบอมว่าต่อเรื่อยๆแล้วอมยิ้มอย่างนึกสนุก
"อะไร ของแกวะคิบอม" คยูฮยอนหันไปถามเพราะไม่เข้าใจว่าเพื่อนของตนพูดอะไร จนกระทั่งซีวอนหันหน้าไปทางทิศที่คิบอมมองอยู่แล้วเรียกชื่อคนคนนั้นด้วย เสียงอันดัง
"ฮีชอล!!"
ฝ่ายฮันกยองที่ยืนคุยกับลูกน้องของพ่อ เองก็หันไปตามเสียงของซีวอนที่เรียกชื่อคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้เจอที่นี่ เมื่อเห็นว่าร่างเพรียวของคนที่เขาไม่เห็นหน้ามาเป็นอาทิตย์ๆกำลังเดินมาทาง เกตที่พวกเขารอขึ้นเครื่องบินแต่กำลังคุยกับอีทึกและเจย์อย่างออกรสด้วยแล้ว ฮันกยองเองก็ถึงกลับกลืนน้ำลายไม่ลง มันรู้สึกปั่นป่วนในท้องไปหมด เขาไม่อยากจะคิด แต่มันก็แอบคิดไม่ได้ว่านี่ฮีชอลกำลังจะมาร่วมทริปกับพวกเขาใช่ไหม?
"อ้อ ผมลืมบอกคุณชายไปว่า คุณท่านสั่งให้เรียนคุณชายด้วยว่า คุณแทวูขอให้คุณชายพาพวกคุณหนูฮีชอลและเพื่อนไปเที่ยวด้วยครับ เพราะเห็นว่าไหนๆก็อยากจะไปที่เดียวกันพอดี บินทีเดียวจะได้ไม่เปลืองค่าน้ำมันเครื่องบิน"
"หะ..หา? ว่าอะไรนะครับ? คือฮีชอลเขาจะไปกับพวกเราด้วยเหรอ?" ฮันกยองพูดเสียงดัง พร้อมกับที่ทุกคนลุกขึ้นจากเก้าอี้ ส่วนคยูฮยอนที่ได้ยินก็ถามเสียงดังทันที
"อะไรนะ? ฮีชอลจะไปด้วย?"
"นี่ มันอะไรกันเนี่ย!!!" เสียงของคนที่ถูกพาดพิงดังขึ้นทันทีเมื่อก้าวขาเข้ามาในตัวเกตเครื่องบินและ เห็นว่าแต่ละคนที่นั่งหน้าสลอนเป็นใคร และกระทั่งที่ตนปรายสายตาที่ทางเคาเตอร์ติดประตูเกตจึงเห็นว่าคนที่เขาหนี หน้ามาเป็นอาทิตย์ๆกลับยืนอยู่ตรงนั้น
"เจย์ นี่นายพาพวกเรามาผิดเกตหรือเปล่า ชั้นว่าพวกเราไม่ได้เดินทางร่วมกับคนพวกนี้นะ" ฮีชอลหันไปถามเจย์ทันที ชายหนุ่มรีบดึงเอกสารที่ใช้แทนบอร์ดดิ้งพาสขึ้นเครื่องบินขึ้นมาดูแล้วหันไป หาพนักงานการท่าที่เป็นคนไปรับพวกเขามาจากด่านตรวจคนเข้าเมือง
"เอ่อ ขอโทษนะครับนี่ใช่เกต 32 แน่หรือเปล่าครับ"
"ใช่ สิครับ ก็พวกคุณจะเดินทางด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 769 ไปโบราโบรานี่ครับ แล้วนี่ก็พวกคุณฮันกยองเขารอพวกคุณอยู่นานแล้วครับ" ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตอบ ทำเอาทุกคนในที่นั้นถึงกลับเงียบเพราะรู้ดีว่ามันจะต้องเกิดเรื่องไม่ดีแน่ ถ้าหากฮันกยองกับฮีชอลจะต้องร่วมการเดินทางไปด้วยกัน แถมการนั่งเครื่องบินไปโบราโบาราจากโซลก็ใช้เวลาตั้ง 1 วัน! พวกเขาจะต้องขาดอากาศหายใจตายแน่ๆถ้าหากไม่ได้กัดกันหรือทำอะไรสักอย่าง
"ผม ว่าคงต้องมีอะไรผิดพลาดแล้วล่ะครับ" ฮีชอลหันไปจ้องหน้าพนักงานของการท่าอย่างเอาเรื่องเหมือนบังคังจะให้เขาบอก ว่า ขอโทษครับ ผมพาพวกคุณมาผิดเกต เครื่องบินส่วนตัวของพวกคุณกำลังรอคุณอยู่ที่เกตอื่น แต่...ไม่เลย พนักงานการท่าคนั้นกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้พร้อมย้ำคำพูดเดิม
"ไม่ผิดครับ วันนี้เรามีเครื่องบินส่วนตัวลำเดียวที่บินออกจากอินชอนครับ"
"อะไร กัน ชั้นไม่มีทางเดินทางไปกับหมอนั่นหรอกนะ!!" ฮีชอลตะโกนลั่นด้วยความโมโห ทำเอาคนที่ถูกกล่าวหาลอยอดๆไม่ได้ที่จะร้อนตัวแล้วเดินมาเผชิญหน้ากับร่าง บางทันที
"ถ้าไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปสิ" ฮันกยองว่าแล้วทำหน้านิ่งอย่างที่เจ้าตัวมักจะทำเวลาที่อยู่กับฮีชอลต่อหน้า คนอื่น สีหน้าที่ฮีชอลเกลียดหนักเกลียดหนาเพราะมันดูเหมือนชายหนุ่มเห็นเขาเป็น อากาศเสมอ แต่ทีเวลาอยู่ด้วยกันสองคนกลับทำท่าเหมือนวุ่นวายกับเขาจริงๆ
"แต่นี่มันแผนเที่ยวของชั้น นายนั่นแหละออกไปเลยนะ" ฮีชอลว่าอย่างเอาแต่ใจ แต่ฮันกยองกลับเลิกคิ้วก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ
"แต่ นี่มันเครื่องบินของบ้านชั้น ทำไมเจ้าของจะต้องยอมให้คนอาศัยด้วยล่ะ?" ใบหน้าหวานสะบัดกลับมาทันทีแล้วเตรียมตัวจะด่า แต่ก็อดโมโหพ่อของตัวเองไม่ได้ที่ไม่ยอมบอกเขาเลยว่าจะต้องมาใช้เครื่องบิน ลำเดียวกับหมอนี่ แต่ฮีชอลเองก็อดโกรธตัวเองไม่ได้เช่นกันที่ไม่ยอมถามให้ดีก่อนว่าไอ้เครื่อง บินที่ไปขอยืมเพื่อนมาน่ะ เพื่อนคนไหนกันแน่!
ด้านเจย์เองที่ได้รับ คำเตือนกลายๆตอนที่ไปรับฮีชอลที่บ้านแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะต้องทำหน้าที่ประจำคือการจับฮีชอลมาสงบสติอารมณ์ให้ได้ไม่เช่นนั้นพ่อ คุณหนูไฮโซนี่คงได้อาละวาดพังสนามบินเป็นแน่แท้
"ช่างเถอะฮีชอล เราแค่อาศัยเครื่องบินเขาไป คิดซะว่ายังไงถ้านั่งเครื่องบินของสายการบินไปก็อาจจะต้องเจอพวกนี้อยู่ดี มันมีแค่วันละไฟลท์เองนะ" เจย์ว่าแล้วโอบบ่าฮีชอลเบาๆ
"แต่ชั้นไม่อยากไปนี่!" ฮีชอลเถียงไม่หยุด เจย์มองหน้าคนที่กำลังโมโหนิ่งๆแล้วเอ่ยเบาๆให้ได้ยินกันสองคน
"ฮีชอล นายอยากไปเที่ยวเองนะ นายจะยอมทิ้งความสุข ความสนุกของนายเพียงเพราะฮันกยองเลยเหรอ นายยอมให้เขา แคร์เขาขนาดนั้นเลยเหรอ?"
"ไม่!!!!!!!!!!!!!!!! ไม่มีทาง!" ฮีชอลตะโกนลั่น แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเจย์พูดว่าอะไร แต่เจ้าตัวกลับยิ้มบางๆก่อนจะตอบ
"งั้นก็อย่าสนสิ โอเคไหม? เราไปสนุกกันนะ"
"นั่น สิครับพี่ฮีชอล ของพี่ฮีชอลนี่หนักใช้ได้เลยนะ" เสียงของเจเนรัลเบ๊ดังขึ้นหลังจากพยายามลากกระเป๋าเดินทางแบบแครี่ออนสองใบ และกระเป๋าเป้ของตัวเองให้เข้าในเกตได้หลังจากที่พวกรุ่นพี่เดินเข้ามาแล้ว มินโฮวางกระเป๋าเดินทางทั้งสองใบพิงพนักเก้าอี้แล้วยืนหอบเหนื่อยอยู่ตรง นั้นท่ามกลางสายตางงๆของกลุ่มฮันกยอง
"บ่นทำไม ใครใช้ให้มาล่ะห๊ะ?" ฮีชอลหันไปแหวใส่ เพราะจริงๆแล้วเรื่องมินโฮก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขาอารมณ์ปรี๊ดเล็กๆเพราะอยู่ ดีๆเจย์ก็บอกว่าหมอนี่ขอไปด้วยเพื่อแลกกับค่าปิดปากที่ฮีชอลใช้ให้หมอนั่น อ่านสคริปต์ตามบทเรื่องที่สัมภาษณ์เกี่ยวกับฮันกยอง โดยที่ทั้งฮีชอลและเจย์ต่างก็รู้ทันแผนของมินโฮว่าก็แค่อยากจะมาตามวุ่นวาย กับทงเฮที่เป็นรุ่นพี่ที่เจ้าตัวแอบปลื้มก็เท่านั้น
"โธ่ พี่ฮีชอลก็ อยากให้ผมพูดไหมละฮะว่าทำไมผมถึงได้มา" ความยียวนของมินโฮเองก็ไม่ได้น้อยเท่าไหร่นักแม้จะเกรงใจและกลัวฮีชอลอยู่ เช่นกัน แต่ปากก็ดันเผลอพูดไปได้
"เงียบปากเลยนาย ไม่งั้นชั้นเอานายไปโยนให้ปลาฉลามกินแน่ตอนไปถึงโบราโบราแน่ๆ" ฮีชอลหันไปขู่ฝ่อ
"ตกลงจะไปกันหมดนี่เลยใช่ไหม?" อยู่ดีๆแจจุงก็พูดขึ้นหลังจากเงียบมานาน
"ก็ คงอย่างนั้นแหละแจจุง รบกวนหน่อยนะ" เจย์หันไปตอบแล้วยิ้มบางๆ ในขณะที่ฮันกยองถอนหายใจแล้วหันไปทางคยูฮยอนที่ยังคงช็อคไม่หายที่ฮีชอลจะมา ร่วมทริปครั้งนี้ด้วย
"นี่แกจะเลิกมองและเลิกช็อคเหมือนเห็นผีได้ยัง วะ" ซีวอนกระซิบถามคยูฮยอนเบาๆ เพราะในหัวของเขากำลังวางแผนการจีบขั้นเทพ แต่เนื่องจากมันเป็นงานกระทันหันทำให้เขาต้องคิดหลายรอบนักเพราะว่าคนอย่าง ฮีชอลเล่นด้วยยากสุดๆ
"กูใช้ความคิดอยู่นะเว้ย" คยูฮยอนแหวกลับไป คิบอมอมยิ้มเล็กๆแล้วเดินมากระซิบเบาๆ
"ให้ไวนะเว้ย ไม่งั้นหลุดมือแน่ โอกาสทองชัดๆ"
"ฮึ่มๆ คอยดูเถอะนะ ใครหน้าไหนมันขัดใจชั้น จะผลักตกเครื่องบินเลยคอยดูสิ!" ฮีชอลว่าแล้วรีบจ้ำไปทางประตูเชื่อมกับทางเดินงวงที่ต่อปยังตัวเครื่องบิน ส่วนตัวตามด้วยทงเฮและอีทึกพร้อมด้วยมินโฮที่ลากของเดินไปอย่างทุลักทุเล
"ขอบคุณนะฮันกยอง" เจย์หันไปบอกชายหนุ่มจีนเรียบๆ เขาพยักหน้าเล็กน้อยและเจย์ก็เสริมต่อ
"ถือว่าชั้นขอ ถ้าอะไรที่พอจะไม่สนใจได้ก็ อย่าทำให้เขาอารมณ์เสียเลยนะ พวกเราคงไม่อยากหมดสนุกกัน"
"ฮันกยองเขาไม่สร้างปัญหาหรอกเจย์ เพื่อนนายต่างหาก ทำเรื่องได้ตลอดเวลา" แจจุงหันมาตอบแทนเพื่อนสนิท ทำให้คนฟังได้แต่ถอนหายใจ
"ชั้นจะพยายามดูให้แล้วกัน" เจย์ว่าแล้วเดินตามเพื่อนๆเข้าไปข้างใน
"เอา พวกเรา ไปกันได้แล้วสิ" ฮันกยองว่าแล้วเดินไปยังตัวเครื่องบินทั้งๆที่ในหัวของเขาเองพยายามคิดหาทาง เผชิญหน้ากับฮีชอลให้สำเร็จให้จงได้
ปัญหาใหญ่ อีกครั้งเกิดขึ้นทั้งๆที่เครื่องบินยังไมได้บินขึ้นจากรันเวย์ เมื่อที่นั่งขนาดกว้างเทียบเท่ากับชั้นเฟิร์สคลาสบนเครื่องบินปกติในตัวเค บินมีเพียงสิบที่นั่งพอดิบพอดีจำนวนคน และมีสองเตียงนอนด้านหลัง และการเดินทางคราวนี้เป็นการบินที่ยาวนาน ดังนั้นพวกเขาบางคนจะต้องนอนบนเก้าอี้ที่นั่งปกติหรือไม่ก็สลับกันนอนบน เตียงขนาดไม่ใหญ่นั่น
"ชั้นจะนอนยาวเลยละกัน" ฮีชอลว่าอย่างเอาแต่ใจ
"นาย จะบ้าเหรอฮีชอล สามสิบชั่วโมง นอนได้จนาดนั้นนายคงไปเกิดใหม่แล้วมั้ง" ทงเฮดักคอทันทีเมื่อได้ยินที่ฮีชอลว่า อีทึกจึงรีบเข้ามาไกล่เกลี่ยแทน
"ชั้นว่าพวกเรามาสลับกันนอนดีกว่ามั้ง คนละสิบชั่วโมงกำลังดี นี่ก็สองเตียงนอนได้หกคนแหนะ"
"แต่ พวกเรามีสิบคนนะ" คิบอมเอ่ยเรียบๆขึ้นมา จากวงของฮันกยองบ้าง ทุกคนเองก็ไม่คิดว่าทุกอย่างจะกลับตัลปัตรไปแบบนี้ และมันทำให้ที่นอนไม่เพียงพอสำหรับพวกเขาทุกคน
"ชั้นนอนตรงนี้ได้ ไม่ตายหรอก" ฮันกยองว่าแล้วนั่งลงบนเบาะกว้างแล้วรัดเข็มขัดนิรภัยในแถวหน้าสุด
"พวก ชั้นก็โอเคนะ พวกนายนอนกันไปเหอะ เป็นแขกนี่นา ใช่ไหมซีวอน" คยูฮยอนหันไปหาตัวช่วยให้สนับสนุนเป็นการทำคะแนนสร้างความประทับใจเล็กๆ และดูเหมือนฮีชอลเองจะยิ้มพอใจที่พวกฮันกยองยอมถอยทับให้พวกเขาได้ยึดเตียง นอนบนเครื่องบินไฟลท์ยาวนี่ไว้
"ถ้าอย่างนั้น ชั้นก็ไม่นอนด้วยละกัน ไม่เป็นไรหรอก" เจย์ว่าแล้วนั่งลงบนที่นั่งตรงข้ามกับซีวอนและคยูฮยอน
"ชั้นก็ไม่ใช่พวกคุณหนูรักสบาย ยังไงก็ได้" แจจุงว่าแล้วหันไปทางเจย์ก่อนจะเรียกชายหนุ่มแล้วว่า
"เออเจย์ จริงๆแล้วเรามีเวลากันตั้งเยอะ ชั้นเองก็หอบงานของมหาลัยมาด้วย นายมาก็ดี เรามาคุยกันเรื่องงานมหาลัยของเดือนหน้าดีกว่า มีหลายอย่างเลยที่พวกเราต้องแบ่งงาน" แจจุงว่าจบก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างเจย์ทันที
ส่วนฮีชอลเองนั้นตอนแรก เหมือนจะดีใจที่ทุกคนสละเตียงให้พวกเขากลับรู้สึกไม่พอใจที่เหมือนโดนทิ้ง เอาชัดๆเพราะพวกฮันกยองกลับไม่สนใจจะแย่งที่นอนกับเขาแถมเจย์ก็ไปนั่งกับแจ จุงนั่นอีก
"งั้นผมนั่งนี่ละกันนะครับ" มินโฮว่าแล้วทิ้งตัวนั่งติดหน้าต่างตรงแถวสุดท้ายแล้วหันไปทำตาปิ๊งๆใส่ทงเฮ ให้มานั่งกลับตน แต่รุ่นพี่กลับทำหน้าเซ็งเพราะไม่ได้คิดจะเล่นด้วย
"เฮ้อ นอนดีกว่า" คิบอมว่าแล้วนั่งลงอีกฝั่งของแถว ทำให้ตอนนี้เหลือที่นั่งสามที่บนเครื่องบิน หากไม่นับเจ้าเตียงเจ้าปัญหา คือที่นั่งข้างๆมินโฮ คิบอม และ ฮันกยองที่นั่งอยู่คนเดียวบนเบาะแถวหน้าสุดซึ่งใหญ่กว่าที่นั่งอื่นๆ
"ทงเฮ นายจะนั่งกลับมินโฮหรือเปล่า ชั้นว่าพวกเราน่าจะหาที่นั่งหน่อยล่ะ" อีทึกหันไปสะกิดถามแต่ทงเฮกลับส่ายหัวไปมา
"อ้าว นี่จะปล่อยให้ชั้นนอนบนเตียงนั่นคนเดียวเหรอ" ฮีชอลหันมาถามเพื่อนทั้งสองคน แล้วอีทึกก็ตอบไป
"ก็ ชั้นว่ามันน่าเกลียดน่ะฮีชอล มาขออาศัยเครื่องบินเขาแล้วยังจะทำตัวอย่างกับเป็นเจ้าของสบายกว่าเจ้าของ ได้ยังไงกันล่ะ ชั้นนั่งได้ นอนบนเบาะนี่ก็ได้ กว้างจะตาย ปรับพนักได้เหมือนเก้าอี้นอนอยู่แล้ว"
"อะไรกันเนี่ย" ฮีชอลว่าอย่างไม่สบอารมณ์
"ชั้นเห็นด้วยนะ แต่ปัญหาคือชั้นจะนั่งตรงไหนเนี่ย ชั้นไม่อยากอยู่กับเจ้าเด็กนั่น" ทงเฮว่าทันที อีทึกมองไปรอบๆก่อนจะเอ่ย
"ก็ไปนั่งกับฮันกยองสิ หมอนั่นคงไม่ว่าอะไร"
"ไม่ เอาอ่ะ ฮันกยองน่ะเย็นชาจะตาย อยู่ใกล้ๆชั้นกลัวหนาวตาย บรึ๋ย" ทงเฮรีบว่า คนที่นั่งเงียบๆกับหนังสือของตัวเองจึงปิดหนังสือแล้วหันไปเรียกคนที่กำลัง ปวดหัวได้ที่
"ทงเฮ ถ้านายไม่รังเกียจ นั่งข้างชั้นก็ได้นะ แต่ชั้นคงไม่ได้เป็นเพื่อนคุยที่ดีเท่าไหร่ พอดีชั้นมีหนัสือมาด้วย" ทงเฮหันไปมองหน้าคิบอมและหันไปมองหน้ามินโฮที่เหมือนลุ้นตัวโก่งให้เขาไป นั่งด้วยก่อนจะตัดสินใจลองเสี่ยงชีวิตนั่งกับคนประหลาดๆอย่างคิบอมแทน
"ชั้น นั่งกับคิบอมดีกว่า พวกนายตกลงชีวิตไปกันเองนะ" ทงเฮว่าแล้วนั่งลงที่เบาะข้างคิบอม ทำให้ชายหนุ่มลอบยิ้มอย่างผู้ชนะใส่มินโฮที่หน้าเหวอและเอ๋อค้างกลางอากาศ ทันที
"เอายังไงฮีชอล ยังไงตอนเครื่องบินขึ้นก็ต้องนั่งประจำที่อยู่แล้ว เดี๋ยวนายค่อยไปนอนแล้วกัน" อีทึกหันไปบอกเพื่อนสนิท ฮีชอลทำท่าไม่พอใจแต่ก็ยอมทำตาม
"แล้วจะนั่งไหน ข้างมินโฮหรือฮันกยอง?" อีทึกถามอีกคร้ังคนถูกถามทำตาโตแล้วมองหน้าอีทึกก่อนจะโวยโดยไม่สนว่าคนที่ ถูกพาดพิงจะได้ยินหรือไม่
"นั่งกับหมอนั่นเนี่ยนะ นายประสาทกินหรือเปล่าอีทึก? ชั้นฟังไอ้มินโฮมันพล่ามไม่หยุดดีกว่าอีก!" ว่าแล้วเจ้าตัวก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ข้างมินโฮแล้วรัดเข็มขัดนิรภัยทันทีด้วย ใบหน้าบูดสุดๆ
อีทึกส่ายหัวกับท่าทางของฮีชอลก่อนจะเดินไปที่หน้าตัวเคบินแล้วนั่งลงข้างฮันกยองแทน
"รบกวนหน่อยนะ" อีทึกหันไปบอกฮันกยองที่นั่งกดไอแพดอยู่ ส่วนชายหนุ่มเองก็หันมาพยักหน้าเล็กๆเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะอ่านข่าวต่อ
หลัง จากที่ทุกอย่างคลี่คลายไปได้พนักงานสาวประจำเครื่องบินก็ออกมาบอกผุ้โดยสาร ทั้งสบท่านว่าเครื่องบินจะเทคออฟในไม่กี่นาทีและเธอเองจะเป็นคนดูแลพวกเขา ตลอดไฟลท์การเดินทางนี้จนกว่าจะถึงโบราโบรา
เที่ยว บินที่ยาวนานนี้ดูเหมือนว่าจะผ่านไปด้วยดีเกือยยี่สิบชั่วโมงแรกที่ไม่มีการ ปะทะกันของฮีชอลกับฮันกยอง จนเริ่มต้นเข้าชั่วโมงที่ยี่สิบเอ็ดของการเดินทางที่คนเจ้าปัญหาเดินไปเดิน มาอยู่หน้าห้องน้ำแทนด้วยความเบื่อและเซ็งเพราะหลังจากที่เครื่องบินบินใน ระดับเพดานความสูงที่ปกติแล้วฮีชอลก็เปลี่ยนไปนอนกลิ้งบนเตียงแต่ก็นอนหลับ ไปได้ไม่นานเขาก็ตื่น กลิ้งไปมาก็เบื่อเพราะพื้นที่มันก็เล็ก และพอมานั่งที่ที่นั่งเดิม มินโฮที่กำลังหลับยาวก็กรนเบาๆอย่างน่ารำคานทั้งๆที่ใส่หูฟังเปิดเพลงบ้าบอ เสียงดังที่เฉพาะคนข้างๆเท่านั้นที่ได้ยิน แต่พอฮีชอลจะดึงออกหมอนั่นก็ทำเหมือนละเมอปัดมือไปมาอย่างรำคาน เล่นเอาฮีชอลหงุดหงิดเอามากๆเพราะไม่รู้จะทำยังไง
"อ้าวฮีชอล มายืดเส้นยืดสายเหรอ?" อีทึกถามเมื่อจะเดินมาเข้าห้องน้ำและเห็นเพื่อนของเขาเดินไปมา
"ยืดจนเบื่อ จะบ้าตายแล้ว ทำไมนั่งเครื่องบินนานๆมันถึงได้น่าเบื่อแบบนี้เนี่ย" ฮีชอลว่าอย่างไม่สบอารมณ์
"ทำอย่างกับไม่เคยนั่ง นายอารมณ์ไม่ดีเพราะว่าฮันกยองอยู่ด้วยน่ะสิ" อีทึกว่าอย่างรู้ทันและนั่นยิ่งทำให้ฮีชอลน่าบูดกว่าเดิม
"เออนั่นแหละ เกลียดขี้หน้าชะมัด"
"แต่ เขาก็คุยสนุกดีนะ ชั้นได้มีโอกาสคุยกับเขาไม่บ่อยเลยตอนอยู่ที่มหาวิทยาลัย แต่ตอนที่นั่งด้วยกันเขาก็โอเคดี เป็นคนที่มีความคิดกว้างขวางมากด้วย" อีทึกชมฮันกยองอย่างจริงใจแต่คนที่ต่อต้านกลับไม่คิดจะรับฟัง
"แหวะ นี่นายโดนหมอนั่นมอมยาใช่ไหม ถึงได้เห็นว่าหมอนั่นน่ะดี"
"เปล่า ซะหน่อยน้า เอาเถอะ ชั้นจะเข้าห้องน้ำก่อน" อีทึกว่าแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัว พร้อมทั้งล้างหน้าล้างตาแปรงฟันให้สดชื่นบ้าง แต่พอเขาออกมาจากห้องน้ำก็ยังเห็นฮีชอลยืนอยู่ที่เดิม
"เอ้า ยืนอยู่ตรงนี้ไม่เบื่อหรือไง ไม่กลับไปนอนบนเตียงนายเหรอ?"
"ไม่เอา มันอัดอัดไม่สบาย"
"งั้นก็ไปนั่งที่เดิมสิ ยืนเฉยๆไม่เมื่อยหรือไง"
"โอ๊ย ยย ชั้นโคตรรำคานไอ้เด็กมินโฮเลยนั่น มาทำไมก็ไม่รู้ แถมมาแล้วยังเป็นตัวมาร ชั้นจะนั่งจะนอนตรงนั้นก็ไม่ได้" ฮีชอลบ่นแล้วก็บ่นต่อไปเรื่อยๆ
"เหรอ งั้นเปลี่ยนที่กับชั้นไหม? เดี๋ยวชั้นไปนั่งแทนนายก็ได้" อีทึกเสนออย่างจริงใจแต่ฮีชอลกลับทำตาโตแล้วเอ่ยอย่างไม่เชื่อคำพูดเพื่อน ของตน
"นายจะบ้าเหรอ นายจะให้ชั้นไปนั่งกับฮันกยองเนี่ยนะ? บ้าไปแล้วแน่ๆ"
"อะไร กันฮีชอลก็แค่นั่งเฉยๆน่า เขาไม่ทำอะไรนายหรอก" อีทึกแก้ตัวให้กับศัตรูของเพื่อนพลางส่ายหัวกับท่าทางต่อต้านฮันกยองของ ฮีชอลที่มันดูจะโอเวอร์เกินเหตุไปนิด
"นายรู้ได้ไงว่าหมอนั่นจะไม่ทำ อะไร หมอนั่นน่ะนะ..โอ๊ยยย โธ่เว้ยยยย" ฮีชอลอยากจะระบายสิ่งที่ฮันกยองทำกับเขาเอาไว้แต่ก็รู้ดีว่าไม่ควรพูดออกมา ให้ใครรู้ เพราะเขาบอกตัวเองแล้วว่ามันจะต้องเป็นความลับของเขาที่จะถูกปิดไว้จุดลึก สุดของหัวใจ
"ฮันกยองเขาทำไมเหรอ?" อีทึกถามอย่างสงสัยฮีชอลจึงได้แต่กลบเกลื่อนไป
"ก็หมอนั่นน่ะ ชอบพูดจาแขวะ กัดชั้น ไปนั่งด้วยได้ด่ากันตลอดทางแหง"
"ไม่ หรอกมั้ง เขาเพิ่งจะหลับนะ ได้งีบไปแป๊ปๆเองตอนที่ชั้นนั่งด้วย เห็นนั่งอ่านหนังสือดื่มการ์แฟ ดูหนังไปหลายเรื่องแล้ว ไหนจะคุยกับชั้นอีก เขาหลับทีละสองชั่วโมง เมื่อครู่ก่อนจะหลับยาวเขาบอกเองว่าอยากจะพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนเครื่องลง เพราะจะได้มีแรง นายไปนั่งข้างๆเขาเฉยๆหมอนั่นไม่ทำอะไรหรอก ตอนนี้ดูเหมือนจะหลับลึกไปแล้ว"
คำพูดของอีทึกทำให้ฮีชอลเริ่มคล้อย ตาม เพราะว่าเบาะตัวหน้านั้นนั่งสบายกว่าที่นั่งข้างมินโฮมาก แถมฮีชอลเองก็หมอความอดทนกับเจ้าเด็กนั่นไปแล้วด้วย ดังนั้นเขาก็น่าจะลองนั่งกับฮันกยองดู เพราะอย่างน้อยตอนนี้หมอนั่นก็หลับและไม่มีสติจะมากวนประสาทเขาได้เช่นกัน
"เออ..เอา งั้นก็ได้" ฮีชอลว่าแล้วทำหน้าคิดหนักก่อนจะเดินจากหน้าห้องน้ำผ่านที่นั่งแต่ละแถวและ กลั้นหายใจไปทิ้งตัวลงเบาๆอย่าเงียบกริบตรงที่นี่งข้างฮันกยองแทน โดยที่ปล่อยให้อีทึกจัดการกับมินโฮด้วยตัวเองต่อไป
ใบหน้าสวยชะเง้อ เข้าไปมองหน้าคนที่หลับพิงหน้าต่างเครื่องบินอยู่แล้วแอบถอนหายใจเล็กๆอย่าง โล่งอกที่ดูเหมือนว่าฮันกยองจะหลับสนิทจริงๆและคงจะหลับยาวอย่างที่อีทึกว่า
ฮีชอ ลอมยิ้มแล้วปรับเก้าอี้ตัวใหญ่ให้เอนลงตามความสบายของตัวเขาแล้วหันซ้ายหัน ขวาหาของเล่นก่อนจะเห็นไอแพ็ดของฮันกยองวางไว้ข้างๆ เจ้าตัวจึงถือวิสาวะหยิบมันขึ้นมาแล้วหาหนังดูแกเบื่อแทนก่อนที่ตัวเองจะ เผลอหลับไปนอนไหนก็ไม่รู้เช่นกัน
T.B.C.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น