ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพียงคำเดียว....ที่ปรารถนา

    ลำดับตอนที่ #3 : แม่ทัพกลับเมือง

    • อัปเดตล่าสุด 15 ธ.ค. 49


    ในยามเช้าอากาศที่แสนจะสดใส แต่ผักกาดแก้วไม่สดใสด้วย เพราะเธอต้องอยู่ในร่างของผู้ชายแถมยังต้องมาเจอปัญหาน่าอายอีกมากมาย นับตั้งแต่ การทำธุระส่วนในแบบผู้ชาย ( ไม่รู้จะทำไงดี .....ก็คนไม่เคยอะ ) การที่จะต้องอาบน้ำชำระร่างกายในสะว่ายน้ำขนาดใหญ่ ตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวเป็นตนยังไม่เคยใกล้ชิดผู้ชายมากขนาดนี้เลย ให้ตายดิ้นสิ  แถมยังต้องมานั่งโกนหนวดอีก ที่มันไม่เหมือนโกนขนหน้าแข้ง   อย่างกะทำไถน่าเลย กว่าจะผ่านพ้นไปได้ ก็เรียกเลือดไปหลายหยดอยู่เหมือนกัน แต่พอมองหน้าตานายเฮกเตอร์คนนี้หลังจากกำจัดหนวดออกไปได้ก็ดูหล่อเหล่าดีอยู่หลอกแต่ไม่เท่ากับตอนที่มีหนวด แต่ผู้หญิงคนไหนจะทนได้ฟะ ที่หน้าตนเองมีหนวดงอกนะ รับไม่ได้จริงๆ ( แม้ว่าตอนนี้ร่างกายจะไม่ใช่หญิงก็ตาม แต่ใจเขาเป็นหญิงนะ )

                    ฝ่าบาท....ข้าเรออลขอเข้าไปนะพะยะค่ะ เสียงผู้ชายที่อยู่หน้าห้องทำให้ ผักกาดแก้วตกใจ แต่ก็รีบปรับตัว

                    ขะ...เข้ามาได้ พอสิ้นคนพูด ประตูก็ถูกเปิดออกให้ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เดินเข้ามา

                    ฝ่าบาทสบายดีพร้อมจะเดินทางหรือยังพะยะค่ะ เรออลถามอย่างสงบแต่สายตาคอยจับสังเกตผู้เป็นนายตลอด ทำไมท่านเฮกเตอร์ถึงโกนหนวดทั้งๆที่เป็นสิ่งที่ท่านดูแลรักษามันเป็นอย่างดี แต่ข้ารับใช้เช่นเขาก็ไม่มีสิทธิถาม

                    สบายดีแล้วผักกาดแก้วตอบสั้นๆ พยายามปรับสีหน้าให้ดูปกติ เพราะเมื่อคืนเธอได้คิดหลายตลบแล้วว่าจะอยู่ในร่างของนายเฮกเตอร์นี้ไปก่อนและหาสาเหตุหรืออะไรก็ตามที่ทำให้เธอต้องมาอยู่ในร่างนี้ แล้วหาทางพาตัวเองกลับสู่ร่างเดิมให้จงได้ ตอนนี้ต้องยึดสุภาษิตที่ว่า เข้าเมืองตาหลิ่ว ก็ต้องหลิ่วตาตาม

                    งั้นก็ดีแล้วพะยะค่ะ ข้าจะได้ให้เหล่าทหารเตรียมตัวเดินทางกลับทรอยกัน

                กลับทรอยผักกาดแก้วถามอย่างตกใจ

                    พะยะค่ะ กลับทรอย ตอนนี้เรารอช้าไม่ได้แล้วขอรับเพราะทางเมืองได้ส่งข่าวสารสำคัญมาให้ พูดจบ เรออลก็ส่งมวลหนังแกะเล็กๆยาวๆมาให้ เธอรับไปดู แล้วก็ต้องเหงื่อแตก เพราะในนั้นมีอักษรบางอย่างที่มันเขียนยุกยิกได้ใจความว่า กลับทรอยด่วน สงครามกำลังเริ่ม เอาแล้วไงสงครามอะไรอีกเนี้ย และที่สำคัญเราอ่านออกได้ไงฟะ

                สงคราม....ผักกาดแก้วพูดขึ้นเบากับตนเอง แต่ยังไม่สามารเล็ดรอดผ่านหูของเรออลไปได้

                    ใช้แล้วพะยะค่ะสงคราม.......เป็นเพราะเจ้าชายปารีพระอนุชานั้นแหละ พะยะค่ะ น้ำเสียงที่เรออลเอ่ยถึง เจ้าชายปารีนั้นแอบแฝงน้ำเสียงถากถางอย่างปิดไม่มิด

                ตอนรับหน้าที่ไปเป็นทูตที่สปาร์ตานั้น ได้แอบนำเฮเลนแห่งสปาร์ตากลับมาทรอยด้วย ทำให้ราชาแห่งสปาร์ตาเมเนเลา ยกทัพกับพันธมิตร มาทรอยอย่างไรละ พะยะค่ะพอสิ้นเสียงของเรออล สมองน้อยๆของผักกาดแก้วนั้นกำลังปั่นป่วนไปหมด ตอนนี้เธอรู้แล้วตนเองอยู่ที่ไหน และตอนนี้อยู่ในร่างใครแต่ไม่อย่างจะเชื่อเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ นายเฮกเตอร์คนนี้ไม่ใช่ใคร นอกจากวีรบุรุษแห่งทรอย เจ้าชายเฮกเตอร์ยอดขุนพลเอก ในมหากาพย์ อิเลียด อันโด่งดัง มหากาพย์สงครามแห่งทรอยที่เธอเคยอ่านผ่านหูผ่านตาแต่ไม่ค่อยได้สนใจรายละเอียดมากนักและอ่านไม่จบ เพราะ เธอชอบอ่านนิยายรักหวานแววมากกว่านิยายอิงประวัติศาสตร์ ผสมสงคราม ตอนนี้เธอได้แต่อ้ำอึ้งไม่รู้จะพูดอะไรดี ได้แต่หน้าซีดเผือก เรออลเข้าใจผิดนึกว่าเธอนั้นกำลังกังวลใจ เรื่องที่เจ้าชายปารีได้ก่อขึ้น

                ฝ่าบาทไม่ต้องกังวลใจไปพะยะค่ะ ถึงอย่างไร ทรอยก็ไม่มีวันแพ้สงครามได้ในเมื่อเรามีโล่แห่งเทวี เอเธนา พัลเลเดียม อยู่กับพวกเราเรออลพูดอย่างภาคภูมิใจและเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ ผักกาดแก้วได้แต่อ้าปากแบบไม่มีเสียงว่า ไม่แน่หลอก

                    ฝ่าบาทสรุปแล้วจะให้ข้าเตรียมการเดินทางตอนเลยหรือไม่พะยะค่ะผักกาดแก้วหลับตาใคร่ครวญ และก็ต้องผ่อนลมหายใจหนักๆออกมา เอาไงก็เอากัน เราจะหลบซ้อนอยู่แต่ในนี้ไม่ได้อยู่แล้ว ถึงแม้อยากจะอยู่ใจจะขาดก็ตาม

                    ตกลง เมื่อได้รับคำตอบแล้วเรออลก็รีบออกๆไปดำเนินการตามทันที

                    ส่วนผักกาดแก้วก็ได้แค่คุกเข่าพนมมือสวดมนต์

                คุณพระคุณเจ้า ช่วยลูกช้างที่เถอะเจ้าค่ะ ขอให้เรื่องทั้งหมดนี้เป็นความฝันทีเถอะเจ้าค่ะ

                    การเดินทางจากวิหารไปยังทรอยเป็นไปอย่างรวดเร็ว และลำบากมากๆสำหรับผักกาดแก้วอย่างเหลือแสน เพราะเหนื่อยมาก ละบมก้นไปหมด เพราะเธอต้องขี่ม้าเกือบตลอดทั้งวัน ถึงแม้ร่างกายนี้จะแข็งแรงมากก็ตามที กองทัพขนาดใหญ่ที่แบ่งเป็นกองทหารม้า กองทหารเดินเท้าและรถศึก ที่ตามหลังเธอมานั้นทำให้เธอรู้สึกอึกอัดเป็นอย่างมาก มันเริ่มตั้งแต่เธอที่ถูกจับแต่งในชุดเกราะโบราณ ที่หนักแสนหนัก แถมต้องคาดดาบที่เกะกะอีกอัน   เมื่อเธอเดินออกมาจนถึงหน้าวิหารเหล่ากองทหารนับหมื่นที่รออยู่ต่างส่งเสียงไชโยโห่ร้องอย่างกึกก้องจนเธอต้องสะดุ้งไปทั้งตัว ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ได้แต่เดินตัวแข็งเป็นตอไม้ไปที่ม้าศึกสีน้ำตาล ตัวใหญ่ ก็เกิดอาการใจฝ่อขึ้นมากะทันหัน อย่าจะไปขอขึ้นรถศึกแทนแต่ดูท่าแล้วคงไม่แคล้ว ตกรถไปนอนดูดาวเล่นแน่   จึงต้องหันกลับมาเผชิญหน้ากับม้าศึกอีกครั้งมือสั่นน้อยๆ ค่อยๆ ไปแตะที่คอของม้า แบบในหนังที่เคยเห็นมา แต่ต่อไปทำอย่างไงหว่า ในระหว่าคิดว่าจะทำไงต่อนั้น เจ้าม้าศึกสะบัดหัวมามองและพ่นลมออกทางจมูกอย่างแรง ส่วนเธอนั้นก็กระโดดตัวลอยไปกอดคอเรออลที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาทำหน้าแบบตกใจผสมงงงวง ผักกาดแก้วเหมือนจะรู้สึกตัวจึงค่อยๆแกะตัวเองออกจากรอบคอของเรออล เลือดก็พุ่งพรวดมาอยู่บนหน้าจนแดงกล่ำ จึงหันกลับไปห้าเจ้าม้ามีปัญหาอีกครั้งแต่คราวนี้มีทหารมาช่วยจับและมีเก้าอี้ตัวเล็กๆมาช่วยในการขึ้น และหลังจากเหตุการณ์นั้นเธอก็แทบหันไปมองหน้าเรออลได้เลยโดยที่ไม่หน้าแดง

                    กำลังคิดอะไรอยู่พะยะค่ะฝ่าบาท เลนัสเด็กรับใช้ของเจ้าชายเฮกเตอร์ซึ่งตอนนี้เธอเป็นใช้ร่างอยู่ถามขึ้น เพราะเห็นนายตนเองอยู่ดีๆก็หน้าแดง และทำปากงุบงิบอยู่คนเดียว เ

                    ไม่มีอะไรเลนัสข้าแค่ บ่นอะไรนิดหน่อยนะอย่าได้ใส่ใจเลย ผักกาดแก้วรีบแก้ตัว

                จะให้ข้าไม่ใส่ใจได้อย่างไรเล่าพะยะค่ะในเมื่อ ฝ่าบาทเป็นถึงเจ้าชาย และเป็นถึงแม่ทัพของพวกเรา และเป็นหน้าที่ของข้าที่ต้องดูแลทุกอย่างให้เป็นไปตามความต้องการของฝ่าบาท ดังนั้นข้าจะต้องจัดการทุกอย่างให้ดีจนฝ่าบาท ไม่มีเรื่องที่จะต้องบ่นนะพะยะค่ะ เลนัสทำหน้าร้อนใจเป็นอย่างมาก

                    เอาน่าเลนัสไม่ต้องคิดมากอะไร....มันไม่เกี่ยวกับเธอ เอ้ย..เจ้าหรอกนะ เจ้านั้นทำงานได้ดีมาแล้ว เราพอใจในการรับใช้ของเจ้ามาก เลนัส ผักกาดแก้วพูดปลอบใจเลนัส และเป็นไปตามที่เธอพูดทุกอย่าง เลนัสดูแลบริการเธอดีมากไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่นอน อาหารการกิน และการนวดตัวให้เธอทุกคืนเพื่อนผ่อนคลายความปวดเมื่อย แล้วผักกาดแก้วก็เร่งฝีเท้าออกไป สีหน้าของเลนัสนั้นอิ่มเอิบด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เจ้านายของตนเอ่ยชม แต่ไม่ใช่เพราะเจ้าชายเฮกเตอร์เอ่ยชมตนเองเท่านั้น แต่เป็นเพราะนี้เป็นครั้งแรกที่เจ้าชายเฮกเตอร์ยอดวีรบุรุษแห่งทรอยที่ตนเองชื่นชมมาตลอด มองมาที่ตน ทุกครั้งเจ้าชายเฮกเตอร์แทบจะไม่ชายตาแลเลยซักครั้ง สงสัยกลับทรอยครั้งนี้ต้องไปเล่าให้เพื่อนฟังเสียแล้วว่าเจ้าชายเฮกเตอร์เอ่ยชมตน งานนี้เพื่อนต้องอิจฉาเขามากแน่

                    และแล้วขบวนกองทัพก็มาถึงประตูเมืองทรอย กำแพงเมืองที่สูงใหญ่สีน้ำตาลแดงที่ทอดแนวยาวสุดลูกหูลูกตา ประตูเหล็กขนาดใหญ่ตรงหน้าเธอค่อยเปิดออกอย่างช้า ๆ ผักกาดแก้วกลืนน้ำลายดังเอื๊อกเมื่อเห็นผู้คนจำนวนมากยืนเต็มสองฝั่งถนนที่ปูลาดไปยังพระราชวังผู้คนต่างโห่ร้องอย่างยินดีดังกึกก้องจนเธอแทบหูอื้อ

                     เอาไงก็เอากัน ผักกาดแก้วพูดปลอบใจตนเอง และชักม้านำเข้าเมืองไปสู่พระราชวังสีขาวเจิดจ้าที่อยู่บนเนินที่ไกลออกไป เมื่อเธอไปถึงก็ได้พบกับ ผู้คนมากมายที่ยืนต้อนรับ มีทั้งหนุ่มและแก่ สตรีและเด็ก พอเธอลงจากหลังม้าก็ยืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก ทีนี้จะเอาไวดีละ จะเข้าไปทักใครดีบ้าง หรือเราจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ดีไหม แล้วทันใดนั้น ชายชรา แม้สูงวัยก็ยังคงความแข็งแรงไว้อย่างดี เดิมเข้ามาสวมกอดแบบไม่ให้ทันได้ตั้งเนื้อตั้งตัว พร้อมกับพูดดังน้ำเสียงที่แหบพร่าว่า

                    เป็นจริงดังที่เทพธิดาพยากรณ์กล่าวไว้สินะ เอ๊ะ! เทพธิดาพยากรณ์ อะไร ผักกาดแก้วคิดอย่างงง

    ชายแก่เลอกกอดเธอแต่เปลี่ยนมาเป็นการโอบไหล่ไว้แทนและประกาศเสียงดังและทรงอำนาจ

                    เจ้าชายเฮกเตอร์ ได้นำชัยชนะมาให้แก่ทรอยเราอีกครั้งหนึ่ง และก็จะต้องนำทรอยสู่ชัยชนะอีกครั้งได้อย่างแน่นอน เสียงผู้คนโดยรอบต่างโห่ร้อง อย่างเห็นด้วยกับคำพูดของชายชรา ขอต้อนรับสู่บ้าน ลูกชายข้า แล้วชายแก่ก็ลากเธอตามเขาเข้าไป ในขณะนั้นเธอก็ได้ยินมีคนตะโกนว่า คืนนี้จะมีการจัดงานแลอกการกลับมาจากสงครามพร้อมชัยชนะของเจ้าชายเฮกเตอร์ตลอดคืนทั่วทั้งเมือง ชายชราพาเธอไปยังห้อง ห้องหนึ่ง ในนั้นมีผู้คนอยู่ประมาณ สิบกว่าคน ต่างก็จ้องมายังเธอ

                    ไม่ต้องกลัวไป คนต่างเวลาคำพูดของชายชราที่บอกว่าร่างนี้คือลูกชาย ทำให้ผักกาดแก้วสะดุ้ง แล้วหันมามองหน้า

                    คุณลุงรู้ได้ไง ผักกาดแก้วพูดด้วยความตกใจ

                    เพราะข้าเป็นคนบอกอย่างไรเล่า เด็กน้อย เสียงหญิงสาวกล่าวขึ้น เธอนั้นอยู่ในชุดขาวสะอาด ที่คอของเธอมีจี้เป็นรูปพระอาทิตย์ก้าวออกมาจากผู้คน ข้าคือเทพธิดาพยากรณ์แห่งวิหารอพอลโลนางยิ้มอย่างใจเย็น เธอได้แต่มองอ้าปากค้าง ไปยังหญิงสาวคนนั้น

                    หมายความว่าเฮกเตอร์ตายแล้วใช้ไหมเสียงสั่นเครือของหญิงชราดังขึ้น พร้อมกับน้ำตาที่ไหลนองก่อนที่จะร้องไห้ราวกับคนไม่สมประกอบพร้อมกับซบไหล่ของชายชรา เสียงในห้องนั้นก็ดังกระหึ่ม ตามคำประกาศของหญิงชรา

                    อย่าร้องไห้ไปเฮกคิวบา แม้ว่าจะปลอบหญิงชรา แต่น้ำเสียงและมือที่ปลอบประโลมนั้นกลับสั่นสะท้าน พร้อมกลับน้ำตาที่คลออยู่

                    ไม่ต้องสงสัยไปเด็กน้อย.....ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังเอง เทพธิดาพยากรณ์พูดขึ้น และยกมือขึ้นห้ามเสียงกระหึ่มของผู้คนที่อยู่รอบตัว

                     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×