ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผมเจอเธอแล้ว

    ลำดับตอนที่ #2 : ผมเจอเธอแล้ว ภาค3

    • อัปเดตล่าสุด 12 มี.ค. 49


    ภาคที่ 3

    “ อะไรนะมิน............เจมฟังไม่ชัด” ผมเสียงดัง
    ไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่พึ่งได้ยินมา
    “ใช่แล้วเจม เจมฟังไม่ผิดหรอก มินกำลังจะไปอเมริกาค่ะ”................
    “แล้วที่ผ่านมาละมิน เราฟันฟ่ากันมาเพื่ออะไรกว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันได้เจมไม่ยอมหรอก”
    มินเอามือมาเกาะชายแขนเสื้อผม มินเข้าใจเจมน่ะ
    แต่ทางบ้านเขากำหนดมาแล้วต้องไปเดือนหน้าแล้ว มินคงขัดใจคุณพ่อมินไม่ได้หรอก
    ผมได้แต่เงียบ อึ้ง มึนแล้ว ก็งง เรื่องมันเกิดขึ้นเร็วมาก
    แผลที่ท้องผมยังไม่หายเลย ผมกำลังคิดว่าพอผมออกมาจากโรงพยาบาล
    ชิวิตผมคงมีแต่ความสุข ชิวิตที่มีมินอยู่ข้างๆตลอดเวลา แต่นี้อะไร มินกำลังจะจากผมไปอีกแล้ว
    “ดวงเราคงไม่สมพงศกันเนอะ ไม่เคยมีโอกาสจะได้อยู่กันนานๆเลย” มินพูดแบบเศร้าๆ
    ตาเหม่อลอยมองฟ้า ผมไม่รู้ว่ามินกำลังคิดอะไร
    แต่ภาพมินมองฟ้าตอนนี้ ก็สวยเหลือเกินแล้วล่ะครับ


    “เดี้ยวพี่จะไปคุยกะพ่อมินให้” ผมลุกขึ้น
    กะขับรถไปบ้านมินกะมินตอนนี้เลย.........
    อย่างน้อยจะได้คุยกะพ่อของมินให้รู้เรื่องเลย
    “เจมอย่าทำอะไรบ้าๆนะ......มินไม่เล่นด้วยหรอก เข้าใจเหตุผลบ้างนะค่ะ
    ผู้หญิงไม่ชอบผู้ชายตื้อมากหรอก เจมใจเย็นๆสิ” มินพยายามบอกกะผม
    แต่จะให้ผมเย็นลงไม่ง่ายเลยครับในตอนนี้
    เดี้ยวมินกลับบ้านก่อนนะ มินบอกลาผม
    เธอหยิบหนังสือมาแนบอกเดินจากไปเงียบๆ........................
    แล้วนั่นก็เป็นวันสุดท้ายที่ผมได้เจอกับมิน
    “โทรศัพท์ที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ โปรด....”
    ............. โครมผมกระแทกหูโทรศัพท์ 3 วันแล้ว มินไม่มาโรงเรียน
    ไม่มาพบ ไม่มีแม้กระทั้งเมดเสดสักฉบับ และที่สำคัญผมติดต่อมินไม่ได้เลย
    มินไม่เคยเป็นหยั่งงี้.............เมื่อวานเป็นวันสอบวันสุดท้าย
    ทุกคนไปฉลองกันแต่มินก็ยังไม่โผล่มาเลยแม้แต่เงา ผมได้แต่ถามตัวเอง ทำไม
    เพราะอะไรมันเกิดอะไรขึ้น ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคืออะไรกันแน่มันอึดอัดทรมาน
    คิดถึงแต่หน้ามิน ผมไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย มันเป็นความรู้สึกแบบว่า ผมจะไม่ได้พบกับมินอีก
    ผมขี่มอไซด์ที่กองอยู่ในโรงรถที่บ้าน ซึ่งไม่ได้ขับมานานแล้วไปเรื่อยๆ
    ขับไกล ไกล และไกลออกไป ผมไม่ได้ดูป้ายดูทางด้วยซ้ำ ผมแค่อยากหาที่สงบๆสักที่
    คิดถึงมินคนเดียว.........ขับมาถึงสวนสาธาระณะแห่งหนึ่ง เวลาพึ่งจะย่ำเช้า
    นกยังร้อง จิ้บ จิ้บ ..ไปทั่วทั้งสวน กรุงเทพมีที่สวยขนาดนี้ด้วยหรือ
    ผมจอดรถข้างทาง มือคลำหาบุหรี่มาดูด ทำลายธรรมชาติ
    ผมนั่งผิงม้านั่งสีขาวตัวหนึ่ง น้ำค้างที่ยังเปียกๆเกาะเต็มเก้าอี้
    มันทำให้เสื้อผมเปียก แต่ผมก็ไม่ใส่ใจหรอก
    ผมก้มหน้าเขี่ยขี่บุหรี่เบาๆให้มันกระทบพื้น
    แต่น้ำใสๆก็หล่นกระทบพื้นก่อนบุหรี่ซะอีก
    “มิน มิน มินอยู่ไหน เจมคิดถึงมินเหลือเกินรู้ไหม ตอนนี้”
    พี่ค่ะเป็นอะไร ไปเหรอ ผมเงยหน้าขึ้นมอง
    เด็กผู้หญิงคนนึงอายุไม่น่าจะเกิน7ขวบยืนมองผมอยู่
    ดวงตาของเธอกลมโต ดูน่ารัก เธอเป็นเด็กผิวขาวดูเป็นลูกผู้ดีที่ไหนสักแห่ง
    เธอมองมาที่ตาของผมซึ่งกำลังแดงก่ำจากการร้องให้ เหมือนกับจะมองทะลุทีเดียว
    เด็กคนนั้นยิ้ม ไม่กลัวผมด้วยซ้ำ
    ผมเงยหน้ามองหาแม่เด็ก ไม่มีใครอยู่บริเวณนั้นเลย
    “พี่ขาพี่อย่าร้องเลยหนูมีของดีจะให้ค่ะ” เธอเอามือล้วงหาของจากกระเป๋าใบเล็กๆ
    ที่สะพายมาข้างๆ เธอยื่นอมยิ้มสีแดงเล็กๆน่ากินมาให้ผมอันนึง.........
    เอาไปสิค่ะพี่.....หนูให้นะค่ะเธอยังยัดอมยิ้มสีแดงอันเล็กๆอันนั้นให้ผม...............
    ผมโยนบุหรี่ลงพื้นเบาๆแล้วใช้เท้าดับมันทิ้ง....
    เอาก็เอาวะ ผมคิด....เพิ่งสูบบุหรี่มากินอมยิ้มต่อก็ให้รสชาติแปลกไปอีกแบบเหมือนกัน-_-||||


    ตอนต่อไปอยากให้อ่าน แบบระเอียด

    น้องเขานั่งลงข้างๆผม............ผมนั่งเงียบแกะห่ออมยิ้มแล้วยัดอมยิ้มเข้าปาก........................
    “อร่อยไหมค่ะพี่” น้องถามผม ผมหันไปยิ้มให้แล้วเงียบ ใจก็ลอยคิดไปเรื่อยๆ คิดถึงมิน คิดไปเรื่อยเปื่อย
    “อร่อยครับ แล้วน้องไม่กินเหรอ”ผมถาม น้องเขาส่ายหน้าไปมาแล้วก็ยิ้ม
    “นั่นเป็น อมยิ้มอันเดียวที่หนูมีค่ะ” เด็กคนนั้นตอบ ผมหันไปมอง ตกใจเล็กๆ
    เนี่ยผมแย่งขนมเด็กกินเหรอ(วะ)เนี่ย -_-|||||
    อ่าวน้อง โถ่แล้วก็ไม่บอกพี่ ป่ะไปซื้อใหม่กัน ผมพูดพลางจูงมือน้อง
    แต่เด็กคนนั้นส่ายหน้า
    “ไม่เอาล่ะค่ะ หนูให้ เพราะเห็นพี่เศร้าเวลาหนูไม่สบายใจหนูก็จะกินอมยิ้มอย่างงี้ละค่ะมันช่วยได้มากเลยนะค่ะ”
    แล้วแม่หนูก็สอนนะค่ะว่า
    คนเรา มีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกัน..................
    ต้องแบ่งปันกัน........
    ขอบคุณนะน้อง ผมลูบหัวเธอเบาๆ อย่างน้อยเด็กก็เป็นกระดาษขาวๆที่ทำให้ผมชุ่มชื้นใจบ้าง
    หนูรู้นะค่ะว่าพี่กลุ้มใจเรื่องความรัก หนูดูทีวีที่บ้านบ่อยๆเวลาพระเอกอกหักก็จะมานั่งเศร้าคนเดียวอย่างเงี้ย
    ความรักก็เหมือน...........การสอนแหละค่ะพี่ สอบตก ก็สอบใหม่ ทำไม่ได้ก็พยายามใหม่สิค่ะ
    แม่ยังบอกเลย ทำได้ไม่ได้ไม่เกี่ยว อยู่ที่เราได้ทำหรือยัง
    ถ้าพยายามที่สุดแล้วยังทำไม่ได้ ก็จงยืดอกแล้วภูมิใจเถอะค่ะว่า อย่างน้อยเราก็ได้พยายามเต็มที่แล้ว
    พี่หนูยังพูดบ่อยๆเลยค่ะพี่ พี่ชอบพูดว่า สอบผ่านเป็นเรื่องตลก สอบตกเป็นเรื่องธรรมชาติ น้องเขาพูดแววตายังใสๆ แล้วแม่ก็จับพี่ไปตีทุกที...........ตลกดีนะค่ะ
    ผมตลกไม่ออกครับ ในใจคิด เด็กอะไรวะเนี่ยเด็กสมัยนี้เป็นอย่างงี้หมดแล้วเหรอ
    เราอาจจะแก่แล้วก็ได้มั้งเนี่ย
    เอ้าลูก มานั่งอะไรตรงนี้ กลับบ้านได้แล้วจ้ะ แม่ของเด็กยืนเรียกน้องคนนั้นอยู่ปลายทางเดิน
    เด็กคนนั้น กระโดดลงจากเก้าอี้ เธอหันมาโบกมือบ้ายบายผม
    หนูไปแล้วน่ะค่ะพี่ อย่าลืมนะค่ะจุดหลักก็คือ.....พี่พยายามหรือยัง เศร้าไปไม่ได้อะไรหรอกค่ะ
    พี่รักแฟนพี่หรือเปล่าละค่ะ สู้ๆค่ะพี่ บาย....... แล้วเด็กคนนั้นก็วิ่งไปหาแม่
    เดี้ยว.............น้อง ผมเรียก
    เด็กคนนั้นหันมา “ขอบใจสำหรับอมยิ้มนะ พี่จะพยายาม” ผมส่งยิ้มให้
    “ไม่เป็นไรค่ะพี่ ไว้เราเจอกันวันหลัง พี่อย่าลืมพาหนูไปกินไอติมน่ะค่ะ เอาไว้ไปเดทกัน”เด็กคนนั้นบอก
    อีก10ปีเราไว้ไปเดทกัน...........ผมย้ำคำพูด..... หวังว่าจะเป็นสาวสวยนะ ผมบอกกันตัวเอง
    น้องคนนั้นเดินจูงมือกันแม่ไปแล้ว ผมยังมองตามอยู่
    นี่แหละที่เขาว่า วัยเด็กย่อมมีพลัง.ความคิดสร้างสรรคจริงๆ
    ผมเดินกลับไปที่รถบิดกุญแจ หันไปมองม้านั่งสีขาวตัวเดิมเป็นครั้งสุดท้าย
    วันนี้ ผมได้ความทรงจำดีๆอีกเรื่องแล้ว
    ผมหัน รถออก บิดขันเร่ง
    ใช่แล้วครับ
    ผมกำลังไปบ้านมิน........


    คุณมินไม่อยู่ค่ะ มีอะไรฟากไว้ไหมค่ะ...........คนใช้บ้านมินเปิดประตูออกมาบอก
    เหรอครับ มินไปไหนบอกผมหน่อยสิครับ คือผมไม่เจอเธอหลายวันแล้ว
    ค่ะ...ถ้าคุณมินกลับจะบอกน่ะค่ะ.......เธอรับคำ
    ขอบคุณครับ ผมตอบ หันหลังกดเบอรมือของมิน
    มีเสียงเรียก........แต่..........
    ไม่มีคนรับ
    “มินรับสิรับ......พูดกับเจมหน่อย” ผมพูดพึมพัมกับตัวเอง
    แต่เปล่าประโยชนครับ มินหายไปเลย
    ผมส่งแมสเซสไปสั้นๆครับ ผมหวังแค่มินจะเข้าใจ
    : เจมจะรอนะ จะรอเสมอ รอวันที่เราจะได้คุยกับมินอีก เรารักมินนะ
    รักมาก เราเชื่อนะ เราเชื่อมินก็ยังรักเราอยู่ ตอนนี้อยู่หน้าบ้านมินนะครับ:เจม
    ผมส่งไปแล้วครับ นั่งผิงเสาไปครับ รอมินอยู่ตรงนั้น
    กว่า 3 ชั่วโมงแล้วที่ผมรอมินหน้าบ้าน ไม่เห็นแม้แต่เงา โทรศัพท แมซเซส ไม่ต้องพูดถึงครับ
    ไม่มีแม้แต่จะตอบกลับมาเลย.......
    :มิน เจมร้อนจังเลย ตอบกลับเราหน่อยได้ไหมครับ ปวดแผลที่ท้องจัง แต่ช่างเหอะจ่ะอยู่รอมินนะครับ:เจม
    ผมส่งไปอีกฉบับแล้วสิ..มันเหมือนกับผู้ชายชอบตื้อหรือเปล่าก็ไม่รู้
    ผมไม่ได้สำออยครับ...........ผมเจ็บแผล.......เจ็บมากจริงๆ
    ผมนั่งอยู่อย่างนั้นผิงเสาไฟฟ้าหน้าบ้านมิน
    ผมไม่กล้ากดกริ่งอีกครับ กลัวรบกวนคนในบ้านมิน
    คนใช้บ้านมินก็เหลือเกิน........ไม่คิดจะชวนผมเข้าบ้านซักคำ
    ตอนนี้เย็นแล้วครับ
    ผมเหนื่อยมากเลยครับ
    จะว่าไหมครับถ้าผมจะขอนอนตรงหน้าบ้านนี้
    :เจมง่วงมากเลยมิน ตอนนี้นอนอยู่หน้าบ้านมินนะ อาจจะทุเรศหน่อย ยังไงมาก็ปลุกนะครับ ไม่กล้ากดกริ่งบ้านมินเลย เราไม่อยากให้พ่อมินด่ามิน รักมินมากเลยนะครับ:เจม
    ผมกดส่งข้อความนี้เสร็จ
    ผมก็ทรุดแล้วครับ มึนไปหมดแล้ว



    แปะ............แปะ....
    น้ำอะไรบางอย่างหยดลงตรงหน้าผม
    ผมลืมตาขึ้น เอามือป้าย ในใจก็ด่า น้ำไรวะ
    แหงนหน้ามองฟ้า
    เม็ดฝนค่อยๆโปรยปรายลงมา........ผมยกมือมาดู.เม็ดฝนเม็ดนึงตกลงมากลิ้งอยู่ในมือของผม
    ใช่ครับ ฝนตกซะแล้ว
    ยกนาฟิกาข้อมือมาดู 2 ทุ่มแล้วเหรอนี่
    ผมหลับไปกว่า 4ชั่วโมงเชียวหรือ
    คว้ามือถือขึ้นมาดู 1 missed call ดีใจครับรีบกดดูหวังให้เป็นเบอรมิน
    โถ่เวงกรรม......นายบอยโทรมา................
    ฝนตกหนักขึ้นทุกทีแล้วครับ ผมเปียกไปหมด เดินหาที่หลบฝนไม่ทันแล้ว
    เอาก็เอาวะ นั่งตากฝนแมร่งเลย ผมคิด
    หิวน้ำ เหลือบไปเห็นเซเว่น สุดทางเดิน คลำๆดูในกระเป๋า เหลือแค่500
    เอาก็เอาวะ ดีกว่าไม่มีไร เดินไปซื้อเบียร มานั่งดื่ม รอมินต่อ
    ซื้อมา6กระป๋อง กะอยู่ยาว ตาจะได้แข็งๆ
    ดื่มไป2กะป๋องมึนหนักมาก อะไรวะแค่นี้เมา
    ปวดหัว ยังนั่งรอมินอยู่ที่เดิมกลางสายฝน
    คิดเรื่องมินในหัวเรื่อยๆ นี่ละที่เขาว่า เวลาคนเราไม่เหลืออะไร สิ่งที่มีค่าที่สุดก็คือความทรงจำที่ไม่มีใครเอาไปได้
    และไม่ว่าเราจะนึกถึงมันกี่ครั้ง มันก็ยังอยู่ตรงนั้น เหมือนหนัง ที่ย้อนไปย้อนมาไม่มีวันจบ
    อึกอัด ร้อน ทั้งที่ตากฝนอยู่........
    ไม่ไหวแล้วครับ.......น้ำไหลไปตามผมแล้วก็หน้า ไหลไปพร้อมกับน้ำตา ของผม
    อกมันทรมานบอกไม่ถูก เหมือนมันจะแตกเสียให้ได้
    ผมคงไม่ได้เจอมินแล้ว มรึงโดนทิ้งแล้ว ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอวะ ผมบอกกับตัวเอง
    ส่วนนึงของจิตใจก็บอกว่าไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ มินไม่ทำอย่างนั้นหรอก
    แต่ในที่สุดแล้วครับ
    สมองอีกข้างก็ชนะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มินแสดงมันเป็นเหตุผลในตัวมันเองอยู่แล้ว
    ผมเงยหน้ารับสายฝนครับ ให้มันกระทบหน้า
    ฝนยังตกลงมาเรื่อยๆไม่มีที่ถ้าว่าจะหยุด
    เหมือนคนบ้าครับ นั่งกลางสายฝนคนเดียว ข้างเสาไฟฟ้า ถือกระป๋องเบียร ร้องไห้ หัวเราะคนเดียว
    คงมีคนคิดบ้างละครับว่า นายนี่ไม่บ้าก็ต้องเมา
    แล้วฝนก็หยุดครับ ผมงง หยุดเอาดื้อๆอย่างงี้เลยเหรอ
    ผมลืมตามองไปรอบๆ
    ฝนไม่ได้หยุดหรอกครับ
    แค่มีร่มคันนึงกางอยู่บนหัวผม
    ข้อเท้าเล็กๆของคนที่ถือร่มอยู่ช่างคุ้นตาเหลือเกิน
    ผมค่อยๆไล่สายตาขึ้นไป อยากจะมองหน้าเจ้าของร่มผู้มีน้ำใจ
    “มิน”



    “อะไรเจมทำไมมานั่งอยุ่ตรงนี้ล่ะวาวาพูดเธอขุกเข่าลงข้างๆควานหยิบผ้าเช็ดหน้า
    มาเช็ดหน้า ให้ผม “ทำไมมานั่งตากฝนทำไมไม่เข้าไปหามินละ”
    ความดีใจเพียงวูบสั้นๆหายไปทันที
    มันสั้นพอๆกับสมองรับรู้แล้วว่าคนที่อยุ่ตรงนี้ไม่ใช่มิน
    แต่เป็นวาวา.............
    “มินเขาไม่อยุ่บ้านน่ะ เราเลยมานั่งรอ เราอยากคุยกับมินมากเลยวาวา เราเลยนั่งรอ รอจนกว่าเขาจะกลับมา”
    ผมบอกวาวาไปตรงๆ.............อย่างน้อยผมก็รู้ว่าวาวาห่วงผมจริงๆ
    วาวาเงียบ.....เธอได้แต่ก้มหน้าก้มตาเช็ดหน้าให้ผม
    เธอไม่พูดอะไรแต่สายตาเธอ กลับไม่สดใสเหมือนที่มองผมครั้งแรกเสียแล้ว
    วาวาหลบตาผม เธอเช็ดไปตามหน้าไล่ลงมาที่ซอกคอ
    “เจม”วาวาเรียกผมสั้นๆ
    ผมมองที่วาวา ผมเปียกยาวสลวยประบ่า เธอลงมาจากรถที่จอดอยู่
    เดินฝ่าสายฝนลงมา เนื้อตัวเปียกปอน
    เพื่อมานั่งข้างๆผู้ชายที่ไม่เคยรักเธอเกินเพื่อนเลย........
    “วาวารู้...........ว่ามันอาจไม่ดีที่จ่ะบอกอะไรบางอย่างให้เจมฟัง
    เจมอาจจะไม่เชื่อก็ได้แต่วาวาก็ยืนยันนะว่ามันเป็นความจริง”
    บรรยากาศรอบข้างเงียบสนิท มีแต่เสียงฝนตก
    กับแสงนีออนริมถนน............ผมกับวาวามองหน้ากัน
    อยู่ภายใต้ร่มคันเดียว.........
    วาวาจะบอกรักผมเหรอ
    “ มินไม่ได้ไปไหนหรอกเจม อยู่บ้านตลอด เนี่ยวาวาเพิ่งคุยตะกี้บอกจะแวะไปหา”
    วาวาบอกความจริงกับผม มันช่างห่างจากจินตนาการเหลือเกิน
    ผมไม่อยากเชื่อกับคำพูดของวาวาเลย
    ในใจก็ยังเชื่อ เชื่อในตัวมิน
    และไม่คิดว่ามินจะทำกับผมอย่างนี้..............
    ผมหยิบมือถือขึ้นมา กดเบอรมิน รอฟังเสียงรับโทรศัพท์
    ยังไม่มีคนรับเหมือนเดิมผมรอให้มีคนรับไปเรื่อยๆ
    บริการรับฟากข้อความ...............ยังคงดังที่เดิมที่ปลายสาย
    “มันไม่จริงใช่ไหม วาวา มินไม่มีทางหลบหน้าเราหลอกใช่ไหม”ผมถอนสายโทรศัพทออกจากหู
    หันไปหาวาวาที่เฝ้ามองอยู่.......เธอยิ้มให้
    เธอหยิบโทรศัพทของเธอขึ้นมา เร่งเสียงให้ดังขึ้น จนได้ยินออกมาข้างนอก
    เธอกดเบอรมินช้าๆให้ผมสังเกตเห็นชัดเจน................
    โทรศัพท์ขึ้นข้อความ :กำลังโทรถึง:.......
    และแล้ว เสียงที่คุ้นหูของผมมากที่สุด เสียงที่ผมไม่มีวันลืมเลยก็ดังขึ้นที่ปลายสาย
    “ฮัลโหลวาวา........ถึงแล้วเหรอ......เนี่ยรออยูเลยนะทำไมช้าจังเลยทำไรอยู่"
    ::


    วาวาหยิบโทรศัพทกลับไป
    อืมมินอยู่หน้าบ้านแล้วละ............เปิดประตูรับหน่อยดิ เดี้ยวไปหานะ...... วาวาตอบมิน
    ผมยอมรับครับว่าเธอเก่งจริงๆมินคงไม่รู้ตัวแน่ๆ
    วาวาไปก่อนนะเจม เอาร่มไว้ซิ วาวาเอาร่มให้ผม
    ผมยังนั่งอยู่อย่างนั้น ไม่สนใจ ไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น
    เธอเอามือของผมไปกำร่ม แล้วก็เดินตรงไปที่รถของเธอ เธอหันมามองแล้วมองอีกวาวาคงเป็นห่วงผม..
    “เจม............เข้มแข็งนะค่ะ เดี้ยววาวาจะพูดกับมินให้น่ะ” วาวายิ้มโบกมือให้เธอพูดก่อนจะขับรถออกไป
    สายตาผมมองเหม่อไปข้างหน้า ..................เหตุผล
    เพียงพอแล้ว.......
    ที่จะบ่งบอกว่าผมโดนทิ้ง.............
    มินไม่รับโทรศัพทผม ไม่เคยมีข่าวตอบกลับ
    เธออาจจะไม่เคยรักผมเลยก็ได้ มินอาจจะเห็นว่าผมเป็นคนดี
    เธออาจจะแค่เหงา แล้วผมคนเดียวนี่แหละที่คิดไปไกล
    ร่มหลุดจากมือ กลิ้งไปตามพื้น
    ฝนตกหนักกว่าเดิม เริ่มหนาวขึ้นทุกที...
    มือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ คลำหาบุหรี่มาทำลายปอด.........
    หยิบออกมาจากซองดึงออกมาหนึ่งตัวจะจุดสูบ
    บุหรี่เปียก ไฟแช็คก็ชื้นจุดไม่ติดได้แต่คาบเอาไว้อย่างนั้น
    เอาวะแค่นี้ก็ยังดี........................................ผมไม่ร้องให้แล้วล่ะ
    ผมว่าผมร้องมาพอแล้วสำหรับมิน...........ผมผิดไหมครับที่ผมจะขอหยุดความคิดตัวเองไว้แค่นี้
    ผมไม่อยากคิดอะไร ไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว......
    ผมดันตัวเองกับเสาไฟฟ้าแล้วลุกขึ้น...........
    ผมอยากกลับบ้านซะแล้วตอนนี้ ผมรู้ตัวเองดีว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะรอ
    เจมขับรถออกไปจากตรงนั้น.............
    พร้อมกับคนคนนึงที่วิ่งออกมาจากบ้าน..............
    วิ่งออกมาท่ามกลางสายฝน เธอได้แต่มองตามรถมอเตอรไซดที่ขับออกไป
    “เจม...........................กลับมาเดี้ยวนี้นะ” มินตะโกนลั่น
    แต่ดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์ สายฝนกลบเสียงเธอจนไม่อาจจะได้ยินแล้ว



    ผมไม่เจอมินมากว่า2อาทิตย์แล้วครับ
    ผมยังจำได้อยู่เลยครับ พรุ่งนี้แล้ว...............มินจะไปอเมริกา
    ผมปิดตัวเองอยู่ในห้องคนเดียว ไม่เปิดไฟด้วยซ้ำ ดึงสายโทรศัพทออก
    ปิดมือถือ..............อาจจะมีคนว่าผมบ้าก็ได้ แต่ผมไม่อยากยุ่งกับใครไม่อยากคุยกับใคร
    อยากอยู่คนเดียว เงียบๆอย่างนี้
    ผมไม่หิวเลยครับ อาจจะประหลาดก็ได้...........เท่าที่ดู2อาทิตยมานี้ผมกินข้าวไม่ถึง6มื้อ
    น้ำดื่มทุกวันครับ แต่หนักไปทางเบียรเสียมากกว่า
    พ่อผมแม่ผมเป็นห่วงมาก
    แต่ท่านคงรู้นิสัยผมดีว่าผมคงไม่ยอมออกไปแน่ๆ เวลากลุ้มใจผมชอบอยู่อย่างเนี้ย
    เฝ้าถามตัวเองว่าทำไมและเพราะอะไร แล้วพอสบายใจก็จะออกมาเอง
    แม่ผมได้แต่คอยเอาน้ำเอาอาหารมาตั้งอยู่หน้าห้องอย่างนั้น
    ถ้าไม่มีคนกิน แม่ผมก็จะยกมันกลับไป
    ท่านทำหยั่งงี้อยุ่ทุกวัน และทุกมื้อ...........โดยที่ท่านไม่เคยบ่นหรือว่าเลย
    เทปเพลงมากมายกองอยู่ที่พื้นครับ
    ผมงัดออกมาฟังหมด
    เพลงอกหักทุกเพลงทุกเรื่องโดนใจผมแทบทั้งนั้น
    ผมรุงรังไม่ได้รักษา หนวดก็เริ่มยาวแล้วครับ
    ไม่รู้จะดูดีไปทำไมและเพื่อใคร.........
    หมอนเต็มไปด้วยคราบน้ำตาครับ ผมไม่ได้ร้องให้..แต่น้ำแค่ไหลออกมาจากตาทุกครั้งที่คิดถึงมิน
    ตอนนี้ถ้าเป็นเมื่อก่อน คงเป็นช่วงเวลาที่เราจะเดินจูงมือกัน
    หรืออาจนั่งซบกัน เพื่อจดจำเวลาที่อยุ่ด้วยกันก็ได้..........
    มันอาจจะดีกว่านี้ถ้าคืนนั้นผมไม่ไปหามิน
    อย่างน้อย.........
    ตอนนี้....ผมอาจจะยังร่าเริง ผมอาจให้ข้ออ้างกับตัวเองก็ได้ว่า มินยังไม่ได้ทิ้งผม
    เสียงเคาะประตูดังขึ้น......
    “เจมเป็นยังไงบ้างลูก..........แม่เป็นห่วงนะ ตอบแม่หน่อย”แม่ผมเองละครับจะเป็นใครไปได้อีกล่ะ
    ผู้หญิงเพียงคนเดียวในโลกแหละครับ ที่ยังรัก ยังห่วงผมไม่ว่าผมจะเป็นยังไง
    “ขอโทษครับแม่ผมยังไม่อยากคุยกับใคร”ผมตอบกลับไป
    ผมเศร้า แต่มันคงไม่ดีที่จะทำให้แม่ตัวเองเป็นห่วง................
    “จ้ะแม่ไม่ว่าอะไรหรอก เอ้อเจม ตะกี้มีน้องหนูน่าตาน่ารักคนนึงเธอมารออยู่หน้าบ้านตั้งนานแล้ว
    เธอฟากจดหมายใว้ให้ลูกด้วย” แม่ผมพูด “แม่ก็ชวนเธอเข้ามาในบ้านแล้วนะ แต่เธอไม่ยอมเข้ามาเลย
    เธอบอกเธอไม่มีหน้าจะสู้ลูกได้ แม่ไม่เข้าใจเลยว่าลูกไปทำอะไรไว้เหรอ”
    อะไรนะแม่....................ผมวิ่งมาเปิดประตู
    ไหนครับไหน ขอผมดูจดหมายหน่อย.. “แม่ผมยิ้มทียังงี้ออกมาเร็วเลยนะ”ท่านยังอดแซวไม่ได้
    จดหมายที่อยู่ในมือแม่ใส่ซองสีชมพูสวย มันถูกส่งมาพร้อมกับกล่องของขวัญเล็กๆกล่องหนึ่ง
    บนหัวซองเขียนข้อความเล็กๆ
    “แด่เจม คนที่เรารักที่สุด และยังคงรักเสมอมา มิน”
    มิน..............ผมตกใจมาก วิ่งลงบันใดบ้าน...............เร็วที่สุดเร็วเท่าที่จะทำได้
    ผมเปิดประตูบ้านออก วิ่งออกมาทั้งๆเท้าเปล่า ยังไม่ใส่รองเท้าด้วยซ้ำ
    ผมหันไปมองรอบ...........หันหน้ามองไปทั่ว
    มองหามินของผม............... มิน มินรอเจมด้วย
    ผมวิ่งไปหาผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินอยู่บนถนน เธอใส่ชุดนักศึกษาที่คุ้นตา เธอกำลังเดินไปเรื่อยๆช้าๆ
    เธอยังคงหันหลังให้ผม
    ไม่นานผมก็ไล่เธอทัน เอามือจับใหล่เธอเพื่อให้เธอหันมา
    มินเราเองไง...................ผมพูด ในใจตอนนี้พองโตไปด้วยความดีใจ
    เธอคนนั้นตกใจไม่ใช่น้อย................ เธอคนนั้นหันมา........
    ขอโทษค่ะ ทักคนผิดหรือเปล่าค่ะ เธอพูดแสดงสีหน้าตกใจ
    คนคนนี้ไม่ใช่มิน.............ผมทักคนผิดเสียแล้ว
    ผมปล่อยมือออกจากไหล่ของเธอ............พร้อมกับเอ่ยคำขอโทษ
    จ๋อยสิครับได้แต่เดินกลับห้อง......ในมือก็มีแค่จดหมายกับกล่องๆหนึ่ง
    ซึ่งผมไม่แน่ใจเลยว่า เนื้อความด้านในจะดีหรือร้าย



    กลับมาบ้าน.........ด้วยความตื่นเต้นครับ แต่ในใจก็กลัวจริงๆ ว่าเนื้อความในนั้นจะเป็นยังไง
    นั่งลงที่เตียงหยิบจดหมายขึ้นมา............เอาจดหมายมาดูครับ ซองสีชมพู...............เรียบๆ
    สมกับมินจริงๆ ผมยังจำได้เลยครับว่ามินชอบอะไรที่มันสีหวานๆแต่ไม่ให้มันดูหรูเกินไป
    อย่างมีลายประดับนี้มินส่ายหน้าอย่างเดียวเลยครับ..................
    ผมสูดหายใจเข้าปอดตัวเองลึกๆก่อนจะเปิดจดหมายออก
    ด้านในมีกระดาษแผ่นเล็กๆพับอยู่ใบหนึ่ง.......
    กลิ่นหอมๆลอยออกมาจากซองครับ.....เป็นกลิ่นของน้ำหอมที่มินใช้ประจำผมยังจำได้เสมอเลยครับ
    ........................................................................................
    เจม..............
    นานแล้วนะค่ะที่เราไม่ได้คุยกันเลย
    มินขอโทษ เจมโกรธมินหรือเปล่า
    อาจจะเป็นการเอาแต่ใจเกินไปก็ได้ที่อยู่ๆมินหายไปเลยแบบนี้
    มินรู้น่ะว่าเจมเป็นห่วง แล้วก็รักมินมาก
    แต่มินพยายามน่ะเจม...............พยายามเพื่อเรา2คน
    มินต้องไปเรียนต่อที่อเมริกา เจมก็รู้ใช่ไหม
    3ปีน่ะเจม3ปี ที่เราจะไม่ได้เจอกันเลย
    มินกลับมาไทยปีละครั้งเอง..................เจมคิดดูสิ
    แค่เราไม่ได้คุยกันแค่2อาทิตย์
    มินยังรู้สึกเลยว่ามินเหงามาก แล้วก็คิดถึงเจมมากด้วย
    มินร้องให้หลายครั้งเลยน่ะเจม
    มินเจ็บและก็ปวดใจมากไม่แพ้เจมหรอก
    ทุกครั้งที่เจมโทรมา........เสียงโทรศัพทมันบาดเข้าไปในใจมินทุกครั้ง
    มินอยากรับ..
    อยากได้ยินเสียงเจม...
    แต่มินก็บอกกับตัวเองว่าต้องทนได้สิ
    หากมินไปมันคงทรมานกว่านี้................
    มินรักเจมน่ะเลยอยากจะให้เจมตัดใจ อยากให้เจมได้เจอใครต่อใครอีก
    มินไม่อยากให้เจมรอ
    มินเชื่อใจวาวาน่ะ เชื่อว่าเขาจะดูแลเจมได้
    วันนั้นที่เจมมารอหน้าบ้าน...........
    มินก็แอบยืนมองอยู่ที่หน้าต่างห้องนั่นแหละ
    มินดีใจน่ะ ที่เจมรักแล้วก็แครมิน
    มินไม่เคยเกลียดหรือรักเจมน้อยลงเลยน่ะ
    เจมจำได้ไหม
    มิน...........เคยบอกว่ารักเจม รักมากจนอยากให้เจมมีความสุข
    รักมากขนาดที่................มินยอมจากไปเงียบๆดีกว่า
    มินจะเก็บเจมไว้ในความทรงจำนะ
    เผื่อว่าสักวันเราเจอกันอีก............ไม่ว่าที่ไหน
    เจมก็จะยังยิ้มให้มินอย่างนี้ ยังเป็นเจมคนเดิม
    ที่มินจะยังรักเสมอ
    ลาก่อนค่ะ
    p.s มินให้ของสิ่งนึงกะเจมเป็นที่ระลึกน่ะ เจมจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ แต่ถ้าเจมเหงาหรือเจมคิดถึงมิน
    ก็หยิบมันขึ้นมาดูล่ะ .....................เข้มแข็งมากมากนะค่ะ ดูแลตัวเอง มีความสุขแล้วก็ ขอให้เจอคนที่รักเจม รักเจมมากกว่าที่มินรักนะค่ะ

    “ มิน”
    ผมวางจดหมายลงช้าๆแกะกล่องเล็กๆที่แนบมากับจดหมาย...............
    ด้านใน
    เป็นแหวนเงินวงเล็กๆวงหนึ่ง................มีกระดาษเล็กๆแนบอยู่
    เจม^^
    นี่เป็นแหวนคู่ล่ะ มินไปเลือกซื้อมาให้
    ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมาค่ะ
    มินไม่เคยเสียใจเลยน่ะที่รู้จักเจม
    ใส่ซะน่ะ มินก็จะใส่ไว้ตลอดเหมือนกันค่ะ
    บาย............



    ผมหยิบแหวนวงนั้นมาใส่ทันทีเลยครับ
    เดินไปหยิบโทรศัพทมือถือที่ไม่ได้เปิดมาหลายวัน
    อยากจะคุยกับมิน มาก มาก แล้วก็มากที่สุดเลย
    พอเปิดเครื่อง ไม่ถึง20วิ เมสเสดก็เข้ามาทันที
    ผมค่อยๆเปิดอ่านทีล่ะฉบับ
    ส่วนใหญ่เป็นข้อความจากเพื่อนๆธรรมดา
    ไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่มีข้อความนึงส่งมาจากวาวาครับ
    ส่งมาเมื่อ20นาทีที่ผ่านมานี่เอง.........
    ผมรีบเปิดอ่านครับ อยากรู้ข้อความด้านในจะเป็นยังไง
    :เจม โทรหาไม่ติดเลย...................รีบมาสนามบินด่วนเลยน่ะ กำหนดการของมินเลื่อน เขาจะบินคืนนี้แล้ว ตอน2ทุ่ม..............:วาวา
    ตกใจครับ หันไปมองนาฟิกา 6โมง30
    อีกแค่ชั่วโมงครึ่ง มินก็จะจากผมไปแล้วหรือนี่
    ผมโดดลงจากเตียงทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้ข้างหลัง
    แม่................................ผมไปข้างนอกนะไปละครับ
    ผมตะโกนบอกแม่ตอนวิ่งผ่าน
    กระโดดขึ้นมอไซดทันทีครับ บิดกุญแจแล้วเร่งเครื่องออกไปสู่ถนนใหญ่
    อาจจะเหมือคนบ้า แต่ผมขี่เร็วมากเลยครับ...........
    ผมกลัว ผมกลัวว่าจะไม่ได้เจอมินอีก
    ผมมีบางสิ่งอยากจะบอกมิน
    สิ่งที่มินเข้าใจผิดมาตลอด...............
    รถเริ่มช้าครับเร่งไม่ขึ้น หันไปดูเข็มน้ำมัน
    หมดสนิทครับ ไม่ได้เติมลืมดู...............ช่างมันครับเลี้ยวเข้าซอยข้างทาง
    จอดทิ้งไว้ยังงั้นเลยครับ
    วิ่งออกมา แท็กซี่เว้ย.......ไม่มีใครจอดกรรม.......
    ไม่มีรถว่างครับ ตอนเย็นเลิกงานกัน
    ดูนาฟิกา ทุ่มนึงแล้วครับ............ไม่ทันแน่ถ้ารอเฉยๆแบบนี้
    อีกเกือบ10กิโลเองครับT_Tจะถึงสนามบิน
    เอาก็เอาว่ะ................ใช่ครับ ผมวิ่ง วิ่งด้วย2เท้าของผมนี่ละครับ



    วิ่งไปมองหารถไป แทบจะไหว้เขา...ขอแค่สนามบินไปส่งได้ไหม
    ไม่มีนายบ้าที่ไหนไปส่งสักคัน.....
    ขาก็พาตัวเอง วิ่งๆ เหนื่อยมากครับ หนักไปหมดทั้งตัว
    ควันบุหรี่มันส่งพิษก็ตอนนี้ล่ะครับ เหนื่อยครับ เหนื่อยจริงๆ
    แต่แรงใจที่อยากจะเจอมินมันมากกว่า
    ปวดขามาก เหงื่อออกท่วมเสื้อ......................
    แต่ก็ยังวิ่งๆ อย่างมากก็แค่ตายวะผมคิด..........
    4กิโลได้ที่ผมวิ่งเต็มที่แต่..........
    มันคงไม่ทันแล้ว......ผมเดินแล้วครับ หายใจไม่ทัน
    ขอโทษนะมิน............เราคงไปไม่ทันแล้ว
    “เห้ย.............นายเจมจะขึ้นรถไหมวะ”ผมหันไป แกงค์ผมมาทั้งแกงค์เลยครับ
    ยิ้มแฉ่ง แบบกวนส้นตีนฉบับเดิม
    หรือมรึงเดินถุดงวะ เร็วสิวะมินจะไปแล้วนะเว้ย
    ผมยิ้มครับ
    ขอบคุณพระเจ้าแล้ววิ่งขึ้นรถ..............
    เห้ยเร่งเต้มที่เว้ย...............นายบอยพูดเท้าเหยียบคันเร่ง...........
    ถึงแล้วครับ ผมกระโดดลงรถตามองไฟด์บิน
    ผมคงโง่มาก ไม่รู้แม้แต่ว่ามินจะขึ้นเครื่องอะไรแล้วตอนไหน
    นายเจม.............ช่อง22ระหว่างประเทศไปเลยเว้ยนายบอยตะโกนบอก
    มันคงรู้จากวาวาแล้วว่ามินขึ้นช่องไหน
    ผมวิ่งไปซื้อตั๋วผ่านทางครับ.................
    ตามองเวลา 7.50 นาที
    เสียงโทรศัพทดัง...............มินโทรมาครับ
    ผมวิ่งมือหนึ่งหยิบมือถือ
    “ฮัลโหลมิน.............มินเหรอ”ผมพูด วิ่งผ่านช่องทางเข้าต่างๆ
    ช่อง1 ช่อง2.........
    “เจม...........มินจะไปแล้วนะมินโทรมาลา”มินพูดมาเสียงเธอเศร้าๆ
    ผมวิ่ง วิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่เท้าจะส่งตัวไปได้
    ช่อง10 11 12............13
    “มินขอโทษนะเจม...........หวังว่าเจมจะจำเราไว้น่ะ มันอาจจะช้าเกินไปก็ได้
    ที่เราจะบอกคำนี้กะเจม”มินนิ่งไปครู่นึง
    “เรารักเจมนะ รักมาเสมอ แล้วก็จะรักตลอดไป ลาก่อนนะเจม”



    มินเดินถือกระเป๋า หันหลังกำลังจะขึ้นเครื่อง เธอยื่นตั๋วให้พนักงาน
    “เจม............อย่าเงียบสิ..........พูดอะไรกับมินสักคำได้ไหม อย่างน้อยก็คำลาดีๆกับมินสักคำ”
    มินถามผม ดูเหมือนเธอกำลังรอคำตอบ คำหนึ่งจากผมอยู่
    แล้วสายโทรศัพท์ก็ตัดไป
    ........................................
    นานพอที่จะทำให้มินร้องให้
    ........................................
    “เราก็รักมิน รักมากด้วยมินอย่าจากเราไปนะ”
    เสียงตะโกนดังลั่นห้อง...............ผู้โดยสาร
    มีชายคนนึง ผมกระเซิง หนวดรุงรัก เสื้อผ้าก็แสนโทรม ยืนอยู่บนยอดบันได
    สายตาของเขา มองไปที่มิน
    เขายิ้ม................อย่างเคย ยิ้มแบบที่มินชอบ ไม่ใช่ยิ้มแบบแค่เพื่อน
    แต่ความหมายมันมากมายมากกว่านั้นมากนัก
    เขาวิ่งลงมา...........ตรงไปหามินท่ามกลางสายตาผู้คนที่จับจ้อง
    เขาชูมือข้างที่สวมแหวน..............ให้มินเห็นชัดเจน
    แหวนอยู่ที่นิ้วชี้ข้างซ้าย นิ้วที่มีความหมายถึงการหมั้น และคำสัญญาว่าจะมั่นคงเสมอ
    ...........................................................................
    มินก็ชูมือขึ้นมา แหวนแบบเดียวกันอยุ่ในมือข้างซ้ายของเธอ
    เธอซึ่งกำลังร้องให้ และทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง มาสวมกอดกับคนที่เธอรักที่สุด
    ผมกับมินกอดกัน............
    ไม่มีคำพูดใดๆ ได้แต่ปล่อยความอบอุ่นให้ถ่ายทอดถึงกัน
    มันเป็นสิ่งที่มากกว่าคำอธิบาย................
    มินร้องให้ในอ้อมอกผม เธอกอดแน่น แน่นราวกับกลัวจะสูญเสียช่วงเวลานี้ไป
    ผมได้แต่กอดมินให้แนบตัวที่สุด
    อาจจะมีคนดู........... แต่ตอนนี้ราวกับว่า
    โลกนี้มีเพียงผมกับมินเท่านั้นเอง.................
    ผมถอนตัวออกช้าๆ มองหน้ามิน
    “มิน มินไม่ต้องห่วงเจมนะว่าจะไม่มีความสุข เจมไม่เคยเสียใจเลยที่รักมิน
    ไม่ว่ามินจะอยู่ที่ไหน..............ไม่ว่ามินจะเป็นยังไงก็ตาม
    เจมก็จะยังเป็นเจมคนเดิมรอมินนะ เราอาจจะเจอกันแค่ปีละครั้ง แต่เราจะคิดถึงมินทุกวัน
    เจมสัญญาว่าจะไม่มีใคร แล้วก็จะรอ จะรอที่เดิมเสมอ....ไม่ว่านานเท่าใดก็ตาม”
    มินน้ำตานองหน้า เธอไม่พูดอะไรเอาแต่ร้องไห้ได้แต่ยื่นนิ้วก้อยมาให้ผม
    “สัญญาน่ะ”
    ผมเกี่ยวก้อยมินตอบ
    “อืม เราสัญญา”
    มินออกจากอ้อมแขนผมแล้ว เดินไปหยิบของแล้วจู่ๆ เธอก็เดินกลับมา
    แล้วกระโดดจูบผมนาน.......................ทีเดียวกว่ามินจะยอมถอนปากออก
    “ มินรักเจมน่ะ”
    “ อืมเราก็รักมิน”
    “ตลอดไปน่ะ”
    “อืม....ตลอดไป”
    เสียงตบมือเริ่มดังตอนไหนไม่รู้ แต่ตอนนี้ทั่วทั้งห้องโดยสาร มีแต่เสียงตบมือเต็มไปหมด
    ฝรั่งส่งเสียงแซว แม่ลูกคู่นึงแม่เอามือปิดตาลูกตาก็ยังส่งยิ้มมาให้
    คู่ฮันนีมูน นั่งซบกัน............คู่รักบางคู่เดินจับมือกันแล้วเดินต่อไป..........
    แอร์โฮสเตสยิ้มให้ คุณยายคนหยิบรูปสามีในกะเป๋าขึ้นมาดู



    อาจจะเป็นช่วงสั้นๆแต่มันก็มีความหมายที่สุด
    ผมนั่งอยู่ตรงนั้น กุมมือมิน ยืนส่งเธอขึ้นเครื่องเป็นคนสุดท้าย
    พี่แอร์ใจดีให้ผมเดินไปส่งถึงประตูเครื่องบิน
    ผมกับมินยืนอยู่คนละด้าน
    ประตูค่อยๆปิดช้าๆน้ำตาผมเพิ่งเริ่มไหล
    ผมกับมินยืนมองตากัน
    ราวกลับกลัวว่าจะไม่ได้เจอกันอีก..............
    “เราจะคอยมินนะจะคอยเสมอ”
    ผมพูดเบาๆราวกับจะบอกกับตัวเอง
    ยืนมองตรงกระจกห้องโดยสาร..............มองเครื่องบินค่อยๆขึ้น ไกล ไกลออกไปเรื่อยๆ
    จนบินหายไปกับฟ้าและแสงของดาว
    ลาก่อน..................นะมิน
    นายบอยเดินมาโอบไหล่เงียบๆ
    หันไป วาวา นายแนท นายโอ้ต นายบอส และอีกหลายๆคนยืนคอยอยู่
    .......................................................................................
    อย่างน้อย ผมคงไม่ต้องอยู่คนเดียว
    ผมได้แต่เดินกลับพร้อมเพื่อนๆ
    มือยังคลึงแหวนทีมือซ้าย
    พร้อมกับภาพของมินที่จะยังอยู่ในใจของผมเสมอ
    ตลอดไป...................



    จบแล้วครับภาค3สนุกไหมหว่า…มีต่อภาคที่ 4 ^^


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×