ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic yaoi hey! say! jump] Destiny of love

    ลำดับตอนที่ #24 : ตอนที่ 24 เธอหายไปไหนอีกแล้ว...ชั้นขอโทษ!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 504
      0
      27 ต.ค. 53



           สายวันอาทิตย์ ร่างสูงออกจากบ้านตอนเวลา 10 โมงเช้า และมุ่งตรงไปยังสถานที่นัด ที่ที่ซึ่งเขาต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่จะต้องทำร้ายจิตใจคนอื่น แต่นี่คือคำตอบที่เขาได้เลือกและคิดแล้วว่ามันคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุด



           เขาใช้เวลาในการเดินทางจากบ้านมาถึงสถานที่นัดประมาณ 30 นาที เหลืออีกเพียงสามสิบนาทีเท่านั้น คนที่เขานัดจะปรากฏตัวออกมา ใจเขาเต้นดัง ตุบ ตุบ ร่างกายเกร็งชาไปหมดทั้งตัวด้วยความรู้สึกผิดที่กดดันเขาอยู่ อากาศในตอนนี้อบอุ่นกว่าตอนกลางคืนอยู่มาก แต่ก็ไม่น่าถึงขั้นทำให้เหงื่อตก เพราะนี้กำลังเข้าสู่ต้นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ถึงแม้เขาจะรู้สึกผิดหรือกดดันมากเพียงใด เขาก็ไม่คิดจะลังเลอีก และไม่มีเวลาอ้อมค้อมด้วย เขาต้องสะสางทุกอย่างให้ได้หมด ก่อนที่จะไปหาคนอีกคนที่เขานัดเอาไว้ คนที่ซึ่งเขาไม่อาจรู้เลยว่า คนคนนั้นรอเขามานานแค่ไหนแล้ว….



    อีกด้านนึง ที่บ้านอาริโอกะ



             ร่างอวบออกจากบ้านพร้อมๆกับร่างสูง ทั้งๆที่อีกฝ่ายนัดไว้ตั้ง บ่าย 3 โมงแท้ๆแต่เขาเลือกที่จะออกจากบ้านตั้งแต่ 10 โมงเช้า เขาจะรีบออกไปไหนกันนะ



    เฮ้อ ไดจังกับโซลจังยังไม่ตื่นจริงๆด้วย แต่ช่างเหอะ เดี๋ยวจะไม่ทันเอาร่างอวบบ่นกับตัวเองพลางยกนาฬิกาขึ้นมาดู แต่เขาเขียนโน้ตทิ้งเอาไว้แล้วคงไม่เป็นอะไรหรอก



            สองเท้าเก้าเดินช้าๆ  สูด อากาศตอนสายของปลายฤดูร้อนเข้าเต็มปอด อากาศไม่ร้อนเหมือนเมื่อวาน ลมเย็นฤดูใบไม้ร่วงเริ่มพัดเข้ามาปนกับสายลมอุ่นของฤดูร้อน เช้าวันนี้อากาศดีจริงๆ มืออวบยกขึ้นป้องตามองดูท้องฟ้าอันสดใส แต่ใครจะรู้เล่า ว่าตอนเย็นสายฝนจะตกลงมาในวันที่อากาศดีอย่างนี้



            ไม่นานร่างอวบก็เดินมาถึงสถานีรถไฟฟ้า ตอนสายวันอาทิตย์ผู้คนส่วนมากยังคงนอนพักผ่อนอยู่กับบ้านสถานีเลยมีคนน้อย มากกว่าที่คิด ร่างอวบเดินผ่านช่องตรวจตั๋วไปอย่างสบายๆ ไม่ต้องเบียดกับใคร ระหว่างรอรถไฟ มือเล็กยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดฆ่าเวลา ผ่านไปไม่ถึง 5 นาที รถไฟก็เข้าเทียบท่า สถานีที่เขากำลังจะไป คือสถานีเดียวกับที่เขาไปลงเมื่อวานตอนเวลาประมาณนี้ นั่นก็คือ สถานีที่อยู่หน้า Honey land นั่นเอง


    .


    .


    .


    11 โมงตรง


     “ยูโตะ!” นานะเรียกชื่อเขาที่กำลังยืนก้มหน้าพิงผนังอยู่หน้าสถานี ยูโตะสะดุ้งพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ นานะค่อยๆเดินมาจากฝั่งตรงข้ามมาหาเขา วันนี้เธอใส่ชุดเสื้อชีฟองสีครีม กับกระโปรงสั้นมีระบายสีชมพูเข้ม และสวมร้องเท้าบู๊ทส้นสูงสีดำ ทำให้วันนี้เธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อย



    คอยนานมั๊ย นานะเดินมาจนถึงตรงหน้าเขา เธอทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม



    อืม ไม่หรอก ขอโทษนะที่นัดมาทั้งๆที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ยูโตะพูดแล้วยิ้มให้น้อยๆ



    ไม่เลย ชั้นดีใจมากเลยนะที่ยูโตะเรียกออกมาน่ะนานะพูดร่าเริง บ่งบอกว่าการที่เขาเรียกเธอออกมามันทำให้เธอ
    ดีใจแค่ไหน แม้ว่านานะจะใส่ส้นสูงมาแล้วแต่เธอก็ยังตัวเตี้ยกว่ายูโตะอยู่ดี ขณะพูดเธอก็ยกมือขึ้นมาคล้องแขนยู
    โตะ



             ร่างสูงมองตามมือของเธอ แล้วยิ้มน้อยๆขอโทษจริงๆนะ ครั้งนี้คงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ชั้นจะเรียกเธอออกมา สองต่อสองแบบนี้


    ไปหาอะไรกินกันก่อนมั๊ยนั่นเป็นทางที่เขาเลือก จะให้อยู่ๆเจอกันแล้วพูดเลยมันคงดูแย่เกินไป



     “อื้ม! กินอะไรกันดีล่ะนานะทำท่าคิดหลังจากพายูโตะเดินออกมาจากสถานี



    ตามใจสิ อยากกินอะไรล่ะเดี๋ยวชั้นเลี้ยเองนะยูโตะตัดสินใจจะทำดีกับเธอให้มากที่สุด เผื่อว่ามันจะชดใช้ในสิ่งที่เขาจะทำกับเธอได้



    เอ๋จะดีหรอ อืมงั้นไปกินสปาเก็ตตี้กันนะ มีอยู่ร้านนึงอยากไปกับยูโตะมากเลยนานะมองตายูโตะอย่างออดอ้อน แน่นอนว่าเขา ไม่ปฏิเสธ และไม่ควรที่จะปฏิเสธด้วย



    อื้ม ไปสิ นำไปเลยนะ



    จ้ะ


    …………………………


    อีกด้านนึงเวลาเดียวกัน


            ยามะจังมาถึงสถานี Honey land เวลา 10 โมง 45 นาที จึงต้องนั่งรอ ประมาณ 15 นาทีกว่าสวนสนุกจะเปิด วันนี้เขาไม่ได้มาเพื่อเล่นเครื่องเล่นอีกครั้งหรอกนะ แต่มาเพื่อจะซื้ออะไรบางอย่างต่างหากล่ะ แน่นอนคงไม่ต้องลงทุนขนาดซื้อบัตรเพื่อเข้าไปซื้อของในนั้นหรอกนะ เพราะด้านหน้าเขาก็มีร้านเปิดอยู่เหมือนกัน เพียงแต่จะเปิดเวลาเดียวกับสวนสนุกเท่านั้นเอง



    ยินดีต้อนรับสู่
    Honey land~!



            เสียงตามสายที่คุ้นเคย ถูกประกาศออกมาพร้อมเสียงเพลงประจำสวนสนุก ถึงเวลาแล้วสินะ ผู้คนที่มายืนรออยู่ที่ทางเข้าเริ่มทยอยกันตื่นตัว เพราะบางคนก็นอนรอบ้าง อ่านหนังสืออยู่บ้าง หรืออาจจะกำลังดูทีวี(ทางมือถือ)อยู่บ้าง ตอนนี้ทุกคนเริ่มออกเดินไปที่ประตูแล้ว ร่างอวบชะเง้อมองที่ด้านข้างประตูทางเข้า เห็นร้านที่เขาหมายตาเริ่มเปิดไฟ พนักงานเริ่มจัดแจงยกของออกมาโชว์หน้าร้าน



    รออีกซักแป๊บละกัน ให้เขาจัดของให้เสร็จก่อนยามะจังยืนมองก่อนจะตัดสินใจลงไปนั่งต่อ แล้วกดไอพอตคู่ใจให้เล่นเพลงต่อไป



    สงสัยจังว่ายามะจังจะมาซื้ออะไรกันถึงที่นี่นะ
    ?


    ………………………………….


    และสุดท้าย กับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างห่างๆ



    พี่ ทำไมไม่ปลุกอ่ะ!” โซลเดินบ่นหลังจากออกมาจากบ้านได้ซักพัก



    แล้วบอกพี่รึเปล่าล่ะ ว่าจะไปทำงานวันนี้น่ะ!” ไดกิชักรำคาญน้องสาวที่เดินบ่นมาตลอดทางตั้งแต่ออกจากบ้าน เมื่อคืนก็ไม่ได้บอกว่า วันนี้จะให้ปลุกตอน 10 โมง เพราะมีงานต้องไปทำตอน 11 โมงครึ่งนี่นา แถมยังโดนบังคับให้ออกมาส่งอีก



    ไม่พูดด้วยแล้ว!” เมื่อหาทางแก้ตัวไม่ได้เลยตัดสินใจจบเรื่องลง แล้วหันไปเดินทางอื่น ทำเอาผู้เป็นพี่หมั่นไส้ขอตบหัวไปทีนึง ให้ตายสิ แล้วนี่ยามะจังออกไปก็ไม่เรียกเรา ไม่บอกด้วย ไปไหนนะ เขียนโน๊ตไว้ว่า มีนัดจะกลับมาตอนเย็นๆ แถมบอกว่าไม่ต้องโทรมาอีก เป็นห่วงจังเลย



    เมื่อสองพี่น้องเริ่มเดินเข้าเขตตัวเมืองก็มาพบกับสหายร่วมทีมอีกสองคนกำลังเดินมาพอดี



    อ้าว ยูริจัง เคย์โตะ ทำไมวันนี้อยู่ด้วยกันอีกล่ะไดกิถาม เมื่อเห็นรุ่นน้องทั้งสองคนอยู่ด้วยกันในวันนี้ ไหนว่าจะต่างคนต่างอยู่บ้านไงล่ะ



    อ๊ะ ไดกิคุง โซลจัง กำลังจะไปหาอยู่เลยชี่ทักตอบแล้ววิ่งเข้ามาหาตามด้วยเคย์โตะ



    เอ๊ะ จะมาหาโซลกับพี่หรอโซลชี้นิ้วมาที่ตัวเอง



    อื้มใช่ แล้วเมื่อคืนชั้นไปนอนบ้านชี่น่ะ เลยมาด้วยกันเคย์โตะที่ยืนรั้งท้ายตอบในที่สุด



    อ๋อ แล้วมีอะไรกันหรอ ไดกิถามอีกครั้ง อาจสงสัยว่าทั้ง 4 ยืนคุยกันกลางถนนได้ยังไง บอกเลยว่าไม่ใช่ นี่มันอยู่
    ตรงสวนสาธารณะกลางเมืองต่างหาก (ไรเตอร์
    : นั่นสิบ้าเปล่า แบร่)



    เอ่อ ก็ไม่มีอะไรหรอก แล้วยามะจังล่ะชี่รู้สึกตัวเมื่อไม่เห็นเพื่อนรักร่างอวบอีกคนนึง ไม่ได้เดินมาด้วย



    เรียวจังทิ้งโน้ตไว้ว่าไปหาเพื่อน จะกลับมาตอนเย็นๆน่ะ เราก็นึกว่าไปกับพวกชี่กับเคย์โตะคุงซะอีกเนอะพูดแล้วหันไปมองหน้าพี่ชาย



    นั่นสิ เขาไม่ได้โทรไปหรอ



    ไม่อ่ะฮะ อาจจะเป็นพวกยูกิโอะก็ได้ อ๊ะ เมื่อวานเคย์โตะโทรไปหายูโตะมาด้วยแหละชี่นึกขึ้นได้ ทั้ง 4 จึงยกขบวนกันไปหาที่นั่งตั้งหลัก และเคย์โตะก็เริ่มเล่าบทสนทนาเมื่อคืนให้สองพี่น้องฟัง



    นายพูดได้ดีมากเคย์โตะ!” ไดกิยิ้มแล้วตบบ่ารุ่นน้อง แถมยังไม่พอจับไหล่โยกไปโยกมาอีกต่างหากคงทำให้เขาถูกใจมากเลยทีเดียวล่ะ



    นั่นสิ! ไม่น่าเชื่อเลย!” โซลตาวาว เอ่ย ชมอดีตคู่หู



    เฮ้ย พูดงี้หมายความว่าไง!” เคย์โตะชักเริ่มไม่แน่ใจ



    ฮ่าๆ เห็นมั๊ยโซลจัง นานๆทีเคย์โตะมันก็ได้เรื่องเหมือนกันนะชี่หัวเราะ



    นั่นสิ งั้น ยูโตะคุงคงตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่างแล้วล่ะ ไม่แน่สองคนนั้นอาจจะอยู่ด้วยกันตอนนี้ก็ได้น้าโซลทำท่าเพ้อ



    จริงด้วย!!!” ขณะที่ทั้ง 4 กำลังจะเตรียมเฮอยู่นั้น


    .


    .


    .


    พี่เคย์โตะมาทำอะไรที่นี่ฮะเสียงคุ้นหูลอยเข้ามาในโสตประสาทอันปราดเปรื่อง? ของโซล



    อ้าว ยูริจัง อยู่ที่นี่ด้วยหรอ อ๊ะ ไดจังเสียงคุ้นหูสุดๆลอยเข้ามาในโสตประสาทของไดกิเช่นกัน



    และทั้ง 4 ก็หันไปหาเสียงอันคุ้นหูนั่น



    พี่ยูยะ!”



    ยูยัง!”



    ริวจัง!”



    น้องตาแบ๊วน่ารักคนนั้นที่เป็นแฟนเคย์โตะ!”



    ทั้งสี่คนยืนชี้นิ้วมาที่ผู้มาใหม่ทั้งสอง ที่กำลังยืนทำหน้างงๆ เมื่อเห็นคนทั้งสี่ชี้หน้าพวกเขาอยู่



    เอ๋?”  ทั้งสี่คนมองหน้ากัน



    พะ พี่ยูยะมาได้ยังไงน่ะชี่เขินแล้วเดินกอดลำตัวแฟนหนุ่มเบาๆ ยูยะยิ้มแล้วกอดตอบ



    พี่ กำลังจะไปยูริจังที่บ้านน่ะ แล้วเจอริวจังด้วยพี่ก็เลยพามาด้วย แต่ไปแล้ว ไม่เจอใครเลยคิดว่า อาจจะออกมาบ้านไดจัง พี่ก็เลยเดินมาน่ะ



    โหย นี่แกไม่คิดจะทักชั้นเลยหรอ ยูยะไดกิยืนทำแก้มป่องมองเพื่อน



    อะไรล่ะ ไดจัง ขอโทษๆยูยะยิ้มแล้วขยี้หัวเพื่อนรักแก้มป่อง



    ริวจังจะมาหาพี่ด้วยหรอเคย์โตะยืนฟังยูยะพูดแล้วหันมาคุยกับคนตรงหน้า ใบหน้าหวานก้มหน้าอย่างเขินอาย



    ฮะ พอดีเจอพี่ยูยะก่อนพี่เขาบอกว่าพี่ไปนอนบ้านพี่ยูริ ผมเลยไปกับพี่ยูยะน่ะริวจังตอบยิ้มๆ แล้วกอดเคย์โตะบ้าง เคย์โตะยิ้มเขินอย่างช่วยไม่ได้ แล้วลูบหัวแฟนตัวเล็กแทน



    ส่วนคนนอกล่ะ
    ? โซลยืนซึ่งยืนอยู่ข้างๆเคย์โตะ มองคนทั้งสองกอดกันตาค้าง นะ นี่มัน…!



    อะ โอคาริวจงเจริญ โซลยืนตัวสั่น พูดอะไรบางอย่างออกมา



    เอ๋?” คนอื่นๆ มอง



    โอคาริวจงเจริญ!!!”



    โซล เป็นอะไร!” ไดกิเรียกน้องให้รู้สึกตัว



    เฮือก! เอ๊ะ อะไรหรอพี่โซลที่พึ่งรู้สึกตัวอีกครั้ง? ถามพี่ชาย งงๆ และก็พบว่าตอนนี้ทุกคนกำลังมองเธออยู่



    ก็เมื่อกี้โซลพูดอะไร จงเจริญๆ



    เอ๊ะ ปล่าวนี่โซลทำท่าไม่รู้เรื่อง เราพูดหรอวะเนี่ย… - - ว่าแต่มันคืออะไร? รู้สึกเหมือนกันว่าพอเห็นเคย์โตะกับริวจัง ใช่มั๊ย? กอดกัน ในหัวมันก็มีเสียงดังขึ้นมาว่า โอคาริวจงเจริญ แล้ว หัวใจก็เต้นอย่างแรงเลยอ่ะ



            ไดกิส่ายหน้าก่อนจะพาโซลแนะนำให้เพื่อนและแฟนรุ่นน้องอีกคนให้รู้จักโซล ทั้ง หก คนคุยกันอย่างสนิทสนมจนดูเหมือนกับคบกันมานานนับ 10 ปีอย่างไงอย่างงั้น จนเวลาเลยเข้าไปเกือบเที่ยง



    เฮ้ย! ลืมทำงาน!” จู่ๆโซลก็รู้สึกตัว เด้งตัวออกจากม้านั่งแล้ววิ่งออกไปทันที



    ตึกๆๆๆๆ เฟี้ยวววววว



    ตกใจหมดเลย เขาไปไหนน่ะเคย์โตะถาม



    งานพิเศษน่ะ เราเดินกันต่อเหอะ ไปหายูโตะกัน อาจจะอยู่ในเมืองนี่แหละไดกิตอบแล้วลุกขึ้นชวนแก๊งของเขา? ไปตามหายูโตะและน้องชายอีกคน



    อื้ม เห็นด้วยนะเมื่อ มีมติเอกฉันท์ ทุกคนจึงค่อยๆเคลื่อนตัวออกมาสวนสาธารณะ โดยระหว่างทาง ชี่ เคย์โตะ และไดกิ จึงถือโอกาสเล่าเรื่องทั้งหมด ให้ยูยะและริวทาโร่ฟัง


    …………………………………


    ยูโตะ อ้ามนา นะม้วนเส้นสปาเก็ตตี้พอดีคำยื่นมาจ่อที่หน้าปากของยูโตะ ร่างสูงที่กำลังนั่งกินอยู่สะดุ้ง เมื่อเห็นสปาเก็ตตี้จ่ออยู่ที่ปากก็มองหน้าคนตรงข้ามอย่างสงสัย



    ทำไมทำหน้างั้น เดี๋ยวชั้นป้อน อร่อยนะ นานะยิ้ม เขาปฏิเสธบอกว่ากินเองได้ เขาอาย แต่นานะก็ดึงดันจะป้อนให้เขาอยู่ท่าเดียว มันทำให้เขานึกถึง เมื่อวานที่ยามะจังดึงดันจะป้อนเขา ความคิดนี้ลอยเข้ามาในหัวทำให้เขาเห็นนานะเป็นยามะจังทันที ยูโตะยิ้มน้อยๆ แล้วกินสปาเก็ตตี้คำนั้นยามะจังตอนนี้กินข้าวกลางวันรึยังนะยูโตะเริ่มคิดถึงคนตัวอวบ แต่ต้องตื่นจากฝันเมื่อนานะเรียกเขาอีกรอบ



    อร่อยมั๊ยนานะถาม



    อ๊ะ อืม อร่อยมากเลยล่ะ ยูโตะตอบ ก่อนจะก้มหน้าลงไปกินต่อ ให้ตายสิ แย่จังเลย อย่าพึ่งนึกถึงยามะจังนะยูโตะ ตอนนี้เราต้องจัดการเรื่องนานะให้เรียบร้อยซะก่อน อีกไม่นานหรอก เราก็จะได้เจอยามะจังแล้วยูโตะพยายามบอกตัวเอง ตลอดจนกระทั่งพวกเขากินข้าวเสร็จและเดินออกมาจากร้าน



    อิ่มจังเลย~!” นานะร้องหลังจากออกมาจากร้านอาหาร



            ยูโตะ ยืนนิ่งมองนาฬิกาข้อมืออยู่ที่หน้าร้าน ตอนนี้ เที่ยงตรงแล้ว เหลือเวลาอีก 3 ชั่วโมงก่อนจะถึงเวลานัด เราจะบอกตอนนี้เลยดีมั๊ย หรือว่า จะทำอย่างอื่นก่อนดี ยูโตะเริ่มคิดไม่ตก ใจนึงก็อยากจะพูดเลย แต่อีกใจก็อยากจะตอบแทนนานะให้มากกว่านี้



    มีอะไรรึเปล่านานะเดินเข้ามาถาม หลังจากเห็นร่างสูงยืนมองนาฬิกาหน้าเครียด



    เอ่อ เปล่าพอดีนัดเพื่อนไว้ตอน 3 โมงน่ะ เวลาที่เหลืออยากไปไหนเป็นพิเศษมั๊ยล่ะยูโตะพยายามยิ้มตอบ ตามใจนานะละกัน



    อ๋อ นัดใครหรอนานะลดเสียงลงเล็กน้อยคงไม่ใช่เรียวสุเกะหรอกนะ



    ยูโตะมองหน้านานะเล็กน้อย



    ก็เคย์โตะน่ะแหละ มีอะไรรึเปล่ายูโตะเลือกที่จะไม่ตอบชื่อของยามะจัง ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าทำไม



    อ๋อ อื้ม งั้นพาไปซื้อของหน่อยหลังจากที่ร่างสูงตอบชื่อเพื่อนชายอีกคนออกมา นานะเลยเปลี่ยนกลับไปเป็นสีหน้ายิ้มแย้มทันที



    ได้เลยยูโตะยิ้มตอบแล้วออกเดินไปพร้อมๆกัน อีก สองชั่วโมงคงถึงเวลาแล้วล่ะ


    ……………………………………


    ย้อนกลับไปตอน 11โมง กว่าอีกครั้ง ทางด้านของยามะจัง



             เมื่อรอร้านเปิดแบบเสร็จเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้ว ก็คงถึงเวลาที่เขาจะได้เข้าไปซักที ภายในร้านแม้ว่าจะอยู่คนละที่ แต่ก็ตกแต่งเหมือนกันกับร้านภายในสวนสนุกเลยแทบไม่แตกต่างกันซักนิด แอร์เย็นๆในห้องทำให้รู้สึกขนลุกเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะสาวเท้าเดินหาของภายในร้าน



            ร้านพึ่งเปิด แถมคนส่วนใหญ่ก็มุ่งกันเข้าไปในสวนสนุก ในร้านจึงมีลูกค้าแค่เขา กับ คนอีกแค่สองสามคนเท่านั้น นับว่ากำลังสบายเลยทีเดียว ร่างอวบตรงไปที่มุมขายตุ๊กตา ใช่แล้วสิ่ง ที่เขาจะซื้อในวันนี้ก็คือ ตุ๊กตาหมีขนปุยสีชมพู ที่ยูโตะบอกว่าเหมือนเขานั่นเอง เมื่อเห็นเป้าหมาย มืออวบเอื้อมไปหยิบเข้ามาดูใกล้ๆทันที จะว่าไปก็เหมือนเขาจริงๆแฮะ แต่วันนี้เขาไมได้ใส่เสื้อสีชมพูมาก็เท่านั้นเอง



           หลังจากเช็คความเรียบร้อยของตุ๊กตาหมีแล้ว ร่างอวบก็เดินถือตุ๊กตาหมีไปจ่ายเงิน พนักงานคนสวยทักเล็กน้อยว่าทำไมถึงมาคนเดียว เพราะคนแถวนี้เขามากันเป็นคู่ๆ เขาเลยตอบไปว่า



    มาซื้อของให้ แต่ไม่ได้มาด้วยกันร่าง อวบส่งยิ้มน่ารักเขินๆไปให้ ทำเอาพนักงานคนสวยเพ้อ เมื่อได้รับเงินทอนครบร่างอวบก็ถือตุ๊กตาหมีที่ห่อมาเรียบร้อยแล้วเดินออกไป จากร้าน



            ตุ๊กตาตัวนี้เขาตั้งใจจะซื้อให้ยูโตะ ตอนเจอกันวันนี้ อาจจะดูแปลกๆที่ซื้อตุ๊กตาหมีให้ผู้ชาย แถมยังเป็นสีชมพูอีกต่างหาก แต่มันก็เป็นความทรงจำเล็กๆที่เขามีร่วมกันกับยูโตะเมื่อวานนี้ และยูโตะยังบอกอีกว่าตุ๊กตาตัวนี้เหมือนตัวเขาเองมาก ถ้ามีเจ้าตัวนี้อยู่ที่บ้าน ยูโตะจะรู้สึกว่ามีเขาอยู่ข้างๆด้วยรึเปล่านะ



            คิดแค่นี้ก็ทำเอาคนตัวอวบเขิน ว่าแต่ซื้อของก็เสร็จแล้ว ตอนนี้พึ่ง 11 โมงครึ่งเอง อีกตั้งนานกว่าจะไปถึงเวลานัด อืมโซ ลจังกับไดจังตื่นรึยังนะ เรียกให้มาอยู่เป็นเพื่อนดีมั๊ย ร่างอวบเตรียมยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมากด แต่ก็เปลี่ยนใจแล้วเก็บเครื่องลงกระเป๋าแทน ไม่เอาดีกว่า



             แล้วยามะจังก็เดินออกไปหาอะไรกินเป็นมื้อกลางวันยิ่งสาย แดดยิ่งแรง ท้องฟ้ายิ่งปลอดโปร่ง แต่อีกไม่กี่ชั่วโมง ท้องฟ้าและพระอาทิตย์คงจะไม่อยู่เป็นเพื่อนยามะจังคนนี้อีกแล้ว


    ………………………………


    อ๊ะ นั่นยูโตะนี่!” ต้นเสียงนี้มาจากสุภาพบุรุษตาตี่ นาม เคย์โตะ และผองเพื่อน



    จริงด้วย อยู่กับยามะจังรึเปล่ายูยะถามแล้วมองตาม



    หือ? นั่นมันยัยนานะไม่ใช่หรอ ชี่เริ่มทำหน้าเบ้



    จริงด้วยฮะ ไหนว่ามากับพี่ยามะจังไงริวจังเงยหันหน้าไปถามพี่ๆทั้ง 4



    มันน่าจะเป็นอย่างนั้นนะริวจัง เอาเป็นว่า เราตามไปกันเหอะ เคย์โตะชวน ก่อนที่ทั้ง 5 จะพากันเดินตามคนทั้ง
    สอง ไป ไดกิเองเมื่อเห็นแล้วก็รู้สึกใจไม่ดีเท่าไหร่นัก เลยกดมือถือส่งเมล์หาน้องสาว ถ้าทำงานเสร็จคงได้เปิดดูเองแหละ แล้วเขาก็ออกเดินตามน้องๆ และเพื่อนไป


    ……………………………..


             เวลาเริ่มล่วงเลยมาจนถึงเวลาบ่ายสองโมงตรง แม้ว่าโซลจะยังคงกำลังทำงานพิเศษอยู่ ไดกิ เคย์โตะ ยูยะ ริว และชี่ ที่กำลังเดินตามยูโตะ หรือยามะจังที่กำลังเดินเล่นฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ รวมถึงยูโตะและนานะ ที่กำลังเดินมาจบการเดทของวันนี้ลงที่สวนสาธารณะแห่งนี้ ซึ่งที่นี่เป็นที่เดียวกับที่ที่เพื่อนๆมารวมตัวกันเมื่อตอนเที่ยงของวันนี้ และก็คงจะเป็นสถานที่ที่จบความสัมพันธ์ของทั้งคู่ลงด้วยเช่นกัน



            ท้องฟ้ายังคงปลอดโปร่งแต่แสงแดดเริ่มลดลงมาบ้างแล้ว บรรยากาศภายในสวนแห่งนี้ร่มรื่น มีคนออกมาพักผ่อนกันบ้างทั่วไป แต่บรรยากาศส่วนใหญ่ยังคงถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ ยูโตะเริ่มเข้าสู่โหมดความกดดันและตื่นเต้นอีกครั้ง มันคงถึงเวลาแล้วล่ะ



    เอ่อ นานะยูโตะเรียก



    หือ มีอะไรหรอนานะที่เดินชมนกชมไม้เลยเขาไป หันกลับมายิ้มให้



    ชั้นมี เรื่องจะพูดด้วยหน่อยนะยูโตะทำหน้ายิ้มเศร้าๆอย่างรู้สึกผิด นานะหุบยิ้มแล้วเดินเข้ามาใกล้ๆ มือเล็กยกขึ้นจับใบหน้าของเขาอย่างเป็นห่วง



    มีอะไรหรอ



             ยูโตะสบตาของคนตรงหน้า สายตาที่มองเขาด้วยความเป็นห่วงอย่างจริงใจ ทำให้เขาไม่กล้าปริปากพูด แต่ ไม่เป็นไรหรอก เขาบอกกับตัวเอง เรียกความมั่นใจกลับมาอีกครั้ง มือหนายกมือขึ้นมาจับมือเล็กที่แก้มของเขาออก นานะมองมือเธอที่กำลังถูกดึงออกไป แล้วกลับมาจ้องหน้าคนรักอีกครั้ง



    ทำไม
    นานะคิด



    มันคงถึงเวลาที่ชั้นจะต้องพูดอะไรบางอย่างกับเธอแล้วล่ะยูโตะวางมือนานะลง แล้วจ้องตานานะด้วยสีหน้าที่จริงจัง พอได้ตั้งใจแล้ว เขากลับไม่หวั่นไหวอีกต่อไปเมื่อเห็นสีหน้าและดวงตาของนานะ



    นานะยังคงเงียบและยืนฟังเขาต่อ



    ที่ผ่านๆมาขอโทษนะ ยูโตะพูด ขายาวถอยหลังหนึ่งก้าว แล้วก้มหัวให้อดีต ไม่สิ แฟนสาวของเขา



    นานะมีท่าทีตกใจ



    ขะ ขอโทษอะไรหรอ นานะรีบจับยูโตะให้ยืนขึ้น



            ยูโตะเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองเธอด้วยสีหน้าที่แสนเจ็บปวด เจ็บปวดที่จะต้องพูดคำๆนี้ออกมา ขอโทษ ขอโทษจริงๆ



    ขอโทษ ที่ไม่ได้รักเธอ...



             คำพูดที่ตรงแสนตรง แต่ฟังดูยังไงก็ไม่ใช่การล้อเล่น คำพูดของยูโตะไม่เพียงแต่ทำให้นานะต้องเบิกตาโต เพื่อนๆทั้ง 5 คนก็ไม่ต่างกัน ไม่มีใครคาคคิด หรือแม้แต่ตัวเขาเอง ว่าเขาจะพูดคำๆนี้ออกมา คำๆเดียวก็สามารถอธิบายเรื่องราวทั้งหมดได้ ประโยคเดียวที่จะชี้ให้เห็นได้ว่า นี่มัน คือเรื่องที่ไม่อาจแก้ไขได้



          หยาดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตา ไหลอาบลงมาถึงแก้มขาว นี่เป็นคำที่เธอไม่อยากได้ยินที่สุด ทำไม ทำไมล่ะ! ทำไม!



    ทำไม!!!” นานะเอ่ยเสียงดังทั้งน้ำตา ทำไมยูโตะถึงไม่รักชั้นล่ะ! ทำไม!!!!



             ยูโตะสะอึกกับน้ำตาและคำพูดของนานะ ทั้งๆที่เขาเองก็คิดว่าปฏิกิริยาที่จะได้รับกลับมา คงไม่ต่างจากนี้เท่าไหร่ แต่ก็ไม่นึกว่ามันจะรุนแรงขนาดนี้ ทำเหมือนกับมันช่างเจ็บปวดลงไปถึงส่วนลึกของจิตใจของเธอเลยทีเดียว ทำไมถึงเหมือนกับว่ามันฝังลงจนถึงก้นบึ้งของหัวใจของเธอ ทำเหมือนกับ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก



              ยูโตะถึงกับทำอะไรไม่ถูก นานะยังคงร้องไห้ ท่ามกลางเสียงร้องไห้แห่งความโศกเศร้าของนานะ เมฆครึ้มก็กำลังค่อยๆก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ



    นานะเม้มปากแล้วปาดน้ำตา ดวงตาที่แฉะชื้นมองหน้าเขา



    ทำไมล่ะยูโตะเธอถามด้วยเสียงสั่นครือ



    เพราะว่าชั้นรักยามะจัง…” ยูโตะตอบสั้นๆ แต่คำตอบกลับแฝงไปด้วยความรู้สึกผิด คำตอบนี้ทำให้ทั้งคนฟังและคนแอบฟังแทบล้มตึง



    น้ำตาทำท่าจะไหลออกมาอีกครั้ง แต่ดูท่าทางความเกรี้ยวกราดจะมีมากกว่า



    ทำไมล่ะ! ทำไมต้องเป็นเรียวสุเกะ! แล้วชั้นล่ะยูโตะ! ไหนเธอบอกว่ารักชั้นไง! ชั้นเป็นคนรักตามพรหมลิขิตของเธอนะ!”



    ใช่ชั้นรู้! แต่ชั้นขอโทษจริงๆชั้นพึ่งรู้ตัวไม่นานมานี้เอง จริงอยู่ ตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา ชั้นเฝ้าตามหาแต่เธอ
    คน รักตามพมหมลิขิตของชั้นมาตลอด ตั้งแต่ความฝันครั้งแรก ตั้งแต่วันนั้นในใจชั้นก็มีแต่เธอคนเดียว จนวันนึงชั้นได้เจอยามะจัง ทำให้ชั้นรู้สึกได้ว่า หัวใจของชั้นกำลังจะมีอะไรเปลี่ยนไป ตอนแรกชั้นคิดว่ายามะจังเป็นเธอ แต่เขากลับไม่ใช่ ชั้นไม่อยากให้มันมีอะไรเกินเลย ไม่อยากผิดต่อเธอ แต่
    ยิ่ง ชั้นห้ามตัวเอง ชั้นก็ยิ่งรู้สึกว่า ตลอดเวลาที่ชั้นพยายามจะเก็บความรู้สึกนั้นลงไป มันกลับค่อยๆพัฒนาขึ้นมาอยู่ในที่ไหนซักแห่งในหัวใจชั้นมาตลอด แม้แต่ชั้นเองก็ไม่เคยรู้สึกตัว…” ยูโตะเริ่มเล่า นานะยืนฟังนิ่งๆ สีหน้าของเธอดูเจ็บปวดจนคนเคยหมั่นไส้ถึงกับรู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ



    แต่แล้ว ตอนนั้นเธอก็เข้ามา นานะ…” ยูโตะมองหน้าเธออีกครั้ง



    ตอน ที่เธอบอกว่าเป็นคนรักตามพรหมลิขิตบอกตามตรงตอนนั้น ชั้นทั้ง งง ทั้งดีใจและสับสนใจในเวลาเดียวกัน แต่ความดีใจมันก็มีมากกว่าชั้นเลยตอบรับเธอไปโดยไม่ได้คิด ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะยูโตะโค้งตัวลงมาอีกครั้ง ตอนนั้นเองน้ำตาของนานะก็กลับมาไหลอีก



    ยูโตะเงยหน้าขึ้นมา และตัดสินใจพูดต่อ


    ตอน นั้นชั้นที่ซึ่งคิดว่า สามารถลบความรู้สึกที่มีต่อยามะจังออกได้แล้ว รวมทั้งความรู้สึกดีใจที่เจอเธอยังคงหลงเหลืออยู่ มันเลยทำให้ชั้นคิดว่าชั้นรักเธอ แต่แล้วเมื่อวานชั้นได้มีเวลาอยู่กับยามะจังทั้งวัน มันก็ทำให้ชั้นรู้สึกตัว และเข้าใจตัวเองอีกครั้ง ที่ผ่านมาชั้นหลอกตัวเองมาตลอด กลับถึงบ้านชั้นคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด จนได้คำตอบและโทรไปในเธอคืนนั้น…” ยูโตะเว้นวรรค นานะให้มือของตัวเองปาดน้ำตาที่ไม่ยอมหยุดไหล คนรอบข้างที่นั่งฟังอยู่ก็ได้หยุดพักหายใจบ้าง เรื่องราวยิ่งเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆจนแทบลืมหายใจ



    ไม่นานยูโตะก็เริ่มพูดต่อ



    เธอรู้มั๊ยกว่าชั้นจะตัดสินใจโทรไปหาเธอได้เนี่ย มันยากแค่ไหนยูโตะยิ้มเศร้าแล้วก้มหน้าลงเล็กน้อย



    ความรู้สึกผิดมันประดังเข้ามาจนชั้นรับไม่ไหว ชั้นไม่อยากทำร้ายเธอ แต่ก็อยากทำตามที่หัวใจเรียกร้อง ชั้นคิดไม่ตกอยู่หลายชั่วโมง และด้วยความที่เธอเป็นคนรักตามพมหมลิขิตของชั้น มันยิ่งทำให้ชั้นไม่อาจตัดสินใจได้ แต่หลังจากที่มีคนคนนึงบอกชั้นว่า ทำในสิ่งที่อยากทำ และทำทุกอย่างให้ชัดเจนและเร็วที่สุดนั้น มันก็ทำให้ชั้นตัดสินใจโทรหาเธอ



    ขอโทษจริงๆนะนานะ ชั้นไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะชดใช้เธอได้ แต่ชั้นขอโทษ ขอโทษจริงๆ ยูโตะเอ่ยคำขอโทษครั้งแล้วครั้งเล่า แต่มันไม่ได้ช่วยให้น้ำตาของนานะหยุดไหลลงเลย



    ทำไมต้องเรียวสุเกะด้วย…” นานะพูดเบาๆ



    เอ๋



    ทำไมต้องเรียวสุเกะด้วย! โฮ!!!” นานะโผเข้ากอดยูโตะแล้วปล่อยน้ำตาออกมา ยูโตะเม้มปากแน่ ก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นลูบหลังที่กำลังสั่นไหวของนานะ



    ขอโทษ คงไม่มีอะไรที่เขาจะพูดได้มากกว่านี้ นอกจากพูดคำว่า ขอโทษ ซ้ำไปซ้ำมาเท่านั้น


    ………………………………………


              ตอนนี้เป็นเวลา 3 โมงครึ่งเกือบสี่โมงแล้ว เวลามันช่างผ่านไปรวดเร็วเสียจริง เมฆดำที่แอบก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ เริ่มแผ่กระจายออกมาให้เห็นจนทั่วท้องฟ้า



    ครืน ครืน



    ทำไมยูโตะยังไม่มาอีกนะ ร่างอวบพึมพัมอยู่กับตัวเอง ตอนนี้เขากำลังนั่งรออยู่ตรงน้ำพุ จุดนัดที่ยูโตะโทรมาบอกเมื่อคืนนี้



    อีกเดี๋ยวก็คงมาล่ะมั้ง ยามะจังตัดสินใจรอต่อไปเพราะเห็นว่าพึ่งเลยเวลานัดมาได้ไม่นานเท่าไหร่ อาจจะมีธุระก็ได้ล่ะมั้ง



    ครืน ครืน



    ท้องฟ้าเริ่มส่งเสียง ลมเย็นก็พัดมา ฝนจะตกมั๊ยนะ


    ……………………………………………


    ฮือๆ นานะยังคงร้องไห้ จนตอนนี้เสื้อของร่างสูงเปียกเป็นวงกว้างเหมือนไปวิ่งออกกำลังกายมาอย่าง หนัก เสียแต่ตรงที่ว่า มันเปียกตรงหน้าอกด้านหน้าของเขาเท่านั้นแหละ ที่ทำให้รู้ว่าร่างสูงไม่ได้ไปออกกำลังกายมา



            ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดครี้ม คนอื่นๆจึงเริ่มหลบกันเข้าหาที่ร่ม ยกเว้นแต่ ยูโตะ นานะ และคนอีก 5 คน ที่ยังคงไม่รู้สึกร้อนหนาวกับคนอื่นๆ เพราะมีเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าอยู่ตรงหน้า ไม่มีใครพูดอะไร บริเวณรอบๆเงียบสงัด เหลือเพียงแต่เสียงร้องไห้ของนานะ



            นานะเอง ยังทำใจไม่ได้ ทำไมเรียวสุเกะต้องแย่งยูโตะไปจากเธอ ทำไม ครั้งที่แล้วนายก็ได้ยูโตะไปแล้ว แล้วทำไม ทำไมนายยังจะเอายูโตะไปอีก!



    นานะผลักยูโตะออกไป แล้วมองหน้าเขาอีกครั้ง



    แต่ยังไงชั้นก็เป็นคนรักตามพรหมลิขิตของยูโตะนะ! แต่เรียวสุเกะไม่ใช่!” นานะเริ่มมีสายตาที่แข็งขึ้นมาอีกครั้ง ยังไงเธอก็ไม่ยอม ชั้นไม่ยอมนายหรอกเรียวสุเกะ



    แต่…” ยูโตะเริ่มพูดไม่ออก ทั้งๆที่ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เอาเรื่องนี้มาเกี่ยวข้องแต่มันก็อดไม่ได้ แน่นอนว่าเพื่อนๆที่นั่งฟังอยู่แทบห้ามกันไม่ให้วิ่งออกไปไว้ไม่อยู่ แต่แล้วจังหวะนั้น โซลในชุดทำงาน หรือ ชุดหมอดูที่เธอใส่ประจำ ก็วิ่งออกมา



    ยูโตะ นานะไม่ใช่หรอกนะ!”



    โซลจัง!” ยูโตะตกใจ ที่อยู่ๆโซลก็วิ่งมา แล้วอะไร นานะไม่ใช่อะไร



    โซล!” คนอื่นๆเมื่อเห็นโซลเลยลืมตัววิ่งตามออกมากันทั้งนั้น



    ยูโตะหันไปมอง



    ทุกคน!”



    นี่ พวกนาย…” นานะเริ่มถอยหลัง



    โซลจังชุดนี้!” เคย์โตะเป็นคนพูดออกมาเป็นคนแรก ก่อนจะมองหน้าโซล



    หรือว่าโซลจัง…” ยูโตะเริ่มนึกขึ้นได้ หมอดูในวันนั้น! คิดได้ดังนั้น ยูโตะและเคย์โตะจึงหันมามองหน้ากัน



            โซลเงียบไม่ตอบอะไร ปล่อยให้ทุกคนยืนเงียบรอฟังคำตอบ ไดกิเองก็คิดว่า โซลมาก็ดีมาถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่มีเวลาให้ยูโตะนึกออกเองแล้วล่ะ ถ้ายูโตะยังมีความรู้สึกที่ผิดๆเกี่ยวกับพรหมลิขิตอยู่ในใจ ซักวันนานะก็ต้องเข้ามาอีกแน่นอน



    โซลสูดหายใจเข้า แล้วค่อยๆเปิดปากพูดออกมา



    ใช่ โซลคือ หมอดูคนนั้นเอง ขอโทษที่ไม่ได้บอกนะ แล้ว เธอ อิซึมิ นานะ…” โซลหันไปมองผู้หญิงตรงหน้า อย่างไม่คิดที่จะปล่อยให้หลุดหนี



    เธออีกแล้วนะนานะกำข้อมือแน่น ผู้หญิงคนนี้เคยตบหน้าเรา



    ใช่ ชั้นอีกแล้วล่ะโซลตอบเสียงเรียบ ทำให้ทุกคนเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง นานะก็เริ่มเลือดขึ้นหน้า ครอบครัวเรียวสุเกะ นี่มันเหมือนกันหมดเลยจริงๆ!



    แล้วไง ครั้งที่แล้วเธอตบหน้าชั้น วันนี้จะมาทำอะไรอีกล่ะ นานะตอบอย่างไม่เกรงกลัว ตอนนี้ไม่ว่าต้องทำยังไงเธอก็จะทำ ขอแค่ให้ยูโตะอยู่กับเธอต่อเท่านั้น



    ซะ โซลจังตบหน้า นานะหรอ ยูโตะถาม สีหน้าเกิดเครื่องหมายคำถามมากมาย



    โซลไม่ตอบแล้วพูดต่อ



    เธอไม่อายบ้างหรอ จะโกหกไปถึงเมื่อไหร่ ความสุขจอมปลอม มันสนุกนักหรอ! บอกเขาไปสิ ว่าเธอไม่ใช่ไม่ใช่คนรักตามพรหมลิขิต หรืออะไรทั้งนั้น เธอบอกยูโตะสิ!!!”



    เปรี้ยง
    !!!!!



             เสียงฟ้าผ่าดังผ่าลงมาพร้อมกับเสียงของโซลที่กำลังพูด ทุกคนที่รู้ยืนจ้องหน้านานะนิ่ง ราวกับกำลังจะกดดันหรืออะไรซักอย่าง



    ยูโตะเมื่อได้ยินดังนั้น จึงรีบหันไปเค้นความจริงกับทุกคน



    หมายความว่ายังไง! นี่ โซลจังหมายความว่ายังไงน่ะ!”


           นานะมองหน้าโซลนิ่ง น้ำตาเริ่มเหือดแห้งและถูกแทนที่เข้าด้วยเม็ดเหงื่อแห่งความหวาดหวั่น จะทำยังไงดี จะทำยังไงดี!!!



    นี่ ใครก็ได้บอกชั้นที!” ยูโตะเริ่มหมดความอดทน ทำไมถึงไม่มีใครบอกเขาเลย เหตุการณ์ตอนนี้มันช่างกดดันและทำให้เขารู้สึกสับสน



    บอกเขาไปสิ!” จู่ๆโซลก็เปิดปาก ยูโตะหันขวับไปที่โซลทันที ก่อนจะมองตามสายตาของโซลไปหยุดที่นานะ



    บอกเขาไปสิ ว่าความจริงทั้งหมดมันเป็นยังไง…” ไดกิเดินออกมายืนข้างๆโซล



            นานะเริ่มตัวสั่น และเดินถอยหลัง ตอนนี้ยูโตะเริ่มสงสัยในตัวเธอแล้ว สายตาของยูโตะกำลังต้องการคำตอบ เธอถอยหลังลงเรื่องๆ คนอื่นๆยังคงยืนอยู่กับที่ เว้นเสียจากยูโตะที่เดินตามเธอทีละก้าว



    และในที่สุด ยูโตะก็จับมือเธอเอาไว้ได้



    หมับ
    !



    นานะ ความจริงอะไร บอกชั้นบอกชั้นสิยู โตะ อ้อนวอนด้วยสีหน้าเจ็บปวด ความจริงอะไร ทำไมถึงไม่มีใครพูด ทำไมเขาถึงรู้สึกกังวลใจขนาดนี้ รู้สึกเหมือนความจริงนั้นคืออีกสิ่งนึงที่เขาทำร้ายไปโดยไม่รู้สึกตัว และสิ่งนั้นอาจจะโดนทำร้ายมากกว่า ที่นานะโดนอีกก็เป็นได้



            นานะนิ่งเงียบ พยายามหลบหน้าหนี มือของยูโตะยิ่งบีบแน่นขึ้นจนเธอเริ่มรู้สึกเจ็บ เจ็บไปถึงหัวใจ...คงพอได้แล้วล่ะ เธอบอกตัวเอง ถึงจะสู้ต่อไปในใจยูโตะก็มีแต่เรียวสุเกะเพียงคนเดียว ยิ่งพยายามก็ยิ่งมีแต่จะเจ็บปวด   น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง จนในที่สุด ปากอันสั่นเครือก็ค่อยๆหลุดคำพูดออกมา



    ชั้นไม่ใช่คนรักตามพรหมลิขิตของยูโตะหรอกวินาทีนั้น ยูโตะแทบล้มทั้งยืน มือที่จับนานะไว้ ปล่อยลงอย่างหมดแรง ไม่จริง ไม่จริงใช่มั๊ยงั้นใครกันล่ะ




    ฮือๆ ขอโทษ ขอโทษนะ ชั้นโกหก เพราะชั้นรักยูโตะ ขอโทษ ขอโทษ!!!!!” นานะล้มลงไปนั่งกับพื้นแล้วร้องไห้ออกมา มันช่างดูน่าเจ็บปวดและเวทนาเหลือเกิน แต่นี่แหละ คือจุดจบของคนที่โกหก โกหกทั้งคนที่ตัวเองรักและโกหกตัวเอง



            ยูโตะมองตามนานะที่ล้มลงไป เขาไม่ได้โกรธ ไม่ได้โกรธเลย แต่ตอนนี้เขาคิดอย่างเดียวว่า ใครกันล่ะ ใครคือเธอคนนั้น ถ้านานะไม่ใช่



    ยูโตะค่อยๆพยุงตัวนานะให้ยืนขึ้นมา แล้วยิ้มให้



    ชั้นไม่โกรธเธอหรอกยู โตะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จนทุกคนมีท่าทีที่ตกใจ เขาไม่นึกว่ายูโตะจะให้อภัยนานะ แต่การที่ยูโตะไม่รู้สึกโกรธเคืองอะไรเลย และให้อภัย มันก็เป็นสิ่งที่ทุกคนหวังอยู่เช่นกัน แม้ว่า ทุกคนจะไม่ชอบการกระทำของนานะ และโกรธที่นานะ ทำให้คนสำคัญของพวกเขาต้องเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส แต่ว่านานะก็ยังคงเป็นแค่คนน่าสงสารคนหนึ่งเท่านั้น และพวกเขาก็พร้อมที่จะให้อภัย



    นานะ ก้มหน้า



    ขอบคุณ ขอบคุณนะ เธอพูดพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมามากกว่าเดิม ทุกคนเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วยิ้มให้ บ่งบอกว่าพวกเขาเองก็ไม่โกรธเช่นกัน นานะเห็นเช่นนั้น เลยยิ่งร้องไห้หนักกว่าเก่า



    ขอโทษ แล้วก็ ขอบคุณ... แล้วเธอก็ร้องต่อไป มือๆนึงก็ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอ เธอมองอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองแต่ก็ยิ้มตอบและรับไปซับน้ำตา



             ยูโตะเองก็รู้สึกสบายใจขึ้นมามาก ถ้านานะไม่ใช่คนรักตามพรหมลิขิตเขาก็ไม่ต้องรู้สึกผิดมากมายอีกต่อไป แล้วคนคนนั้นเป็นใครกันล่ะ



    ยูโตะ นานะเอ่ยขึ้นมาเงียบๆ หลังจากที่ได้รับการปลอบใจจากทุกคนแล้ว ยูโตะได้ยินและหันมามองตามเสียงเรียก



    คนคนนั้นของยูโตะน่ะ เขาใกล้ๆยูโตะนะ อยู่กับยูโตะตลอดเวลา เขาอยู่ในใจยูโตะเสมอ และก็อยู่ข้างๆยูโตะมาตลอดนานะยิ้มเศร้า



    นานะ…” ยูโตะมองอดีตคนรัก



    นายรู้สึกตัวได้แล้วล่ะ ยูโตะ และเคย์โตะก็พูดขึ้นมา รู้สึกอะไรยูโตะหันไปมอง



    มันนานพอแล้วนะ ยูโตะต่อด้วยชี่ เอ๊ะ นาน



    ชั้นไม่รู้ว่าอะไรทำให้นายนึกไม่ออกนะ แต่ว่าคนคนนั้นรอนายมานานมากแล้วจริงๆ อย่าให้เค้าต้องเจ็บปวดและรอนายนานไปกว่านี้เลย ไดกิคุงพูด ทั้งหมดที่พูดนี้คือ อ๊ะ รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่าง ภาพต่างๆเริ่มหลุดเข้ามาในความทรงจำ ฝัน ความฝันนั้น เขาเห็นมันอีกครั้ง!



    ยูโตะเริ่มยกมือกุมหัว โซลรู้และไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดไป



    โซลบอกแล้วไง ว่าอย่ามองข้ามความผูกพันนั้น มันอยู่ใกล้ๆตัวยูโตะนั่นแหละ!



    ยูโตะ…’



    อ๊ะ!” เสียง เสียงในฝันนั้น!



    ยูโตะ…’



    เธอเป็นใคร



    ชั้นไง ชั้นคือคนรักตามพรหมลิขิตของนายไงล่ะ…’



    ยามะจัง!” ยูโตะร้องขึ้นอย่างนึกขึ้นได้ และออกวิ่งไปทันที



           ใช่แล้ว เสียงนั่นคือเสียงของยามะจัง และใบหน้านั่นที่เราเห็นในคืนสุดท้ายที่ฝันนั้น คืนก่อนหน้าที่ยามะจังจะย้ายเข้ามา ก็คือ ยามะจังนั่นเอง!!!



          ทำไม ถึงพึ่งมานึกออกตอนนี้นะ!!!! เรามันแย่ แย่จริงๆ!!! ภาพฝันประหลาดหลังจากนั้น ที่เราฝันเห็นยามะจังร้องไห้ ยามะจังกำลังร้องไห้อยู่จริงๆ ยามะจัง ชั้นขอโทษ!



             ร่างสูงวิ่งออกไปอย่างสุดกำลัง และเร็วที่สุดในชีวิต ฝนเม็ดเล็กเริ่มตกลงมา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่หยุด ยูโตะยกนาฬิกาขึ้นมาดู    6 โมง 5 นาที เลยเวลานัดมาสามชั่วโมงแล้ว! ขอให้ทันด้วยเถอะ!


    …………………………………………


    ย้อนกลับไปตอนก่อน 6 โมงเย็นเล็กน้อย



            รอเท่าไหร่ ยังไงยูโตะก็ยังไม่มา จะเกิดอุบัติเหตุรึเปล่านะ เกิดอะไรขึ้นกับยูโตะ ร่างอวบรออย่างกระวนกระวายใจ ในมือกระชับถุงตุ๊กตาแน่น จะโทรก็โทรไม่ได้ในเมื่อเขามีแต่อีเมล์แอดเดรส ส่งเมล์ไปเกือบสิบก็ไม่มีการตอบกลับมา จะเป็นยังไงบ้างนะ



            ร่างอวบลุกๆนั่งๆอยู่อย่างนั้นร่วม 3 ชั่วโมงแล้ว ก็ไม่มีทีท่าว่ายูโตะจะมา หรือ ติดต่อมาเลยจนเขาเริ่มท้อ แต่ก็จะรอจนกว่ายูโตะจะมาถึง ตอนนั้นเม็ดฝนเริ่มตกลงมาแล้ว ร่างอวบลังเล ไม่รู้ว่าจะลุกไปหลบฝนตรงไหนดี ถ้าไปหลบไกล ยูโตะมาก็จะไม่เจอเขาน่ะสิ แต่แถวนี้ก็ไม่มีที่พอจะหลบฝนได้เลย จังหวะนั้นเอง



    อ้าว ยามะคุง ทำไมถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ เปียกฝนหมดพอดีเสียง อันคุ้นหู้ดังขึ้นข้างๆ พร้อมกับบริเวณรอบๆ เม็ดฝนที่ไม่ตกลงมากระทบตัวเขาเลย พอเงยหน้าขึ้นไป ยูกิโอะ เพื่อนร่วมห้องกำลังยืนกางร่มให้เขาอยู่นั่นเอง



    อ่ะ ยูกิโอะ มาทำอะไรแถวนี้น่ะยามะจังลุกขึ้นยืน



    อ๋อ มาซื้อของไปทำขนมน่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาทำด้วยกันนะ แล้วยามะคุงล่ะยูกิโอะยิ้มตามแบบฉบับผู้ชายนิ่มๆเช่นเดิม



    ชั้นมารอยูโตะน่ะ นัดกันไว้ตรงนี้ แต่นี่ก็หกโมงแล้ว เขายังไม่มาเลย ก็เลยลังเลน่ะ ว่าจะไปหลบฝนที่ไหนดียามะจังตอบ



    ยูโตะคุงหรอ ผมเห็นเขานั่งกินสปาเก็ตตี้กับอิซึมิซังอยู่ตอนเที่ยงน่ะ แล้วเขาไปไหนกันต่อผมก็ไม่รู้แล้วล่ะยูกิโอะ นึกขึ้นได้และหันไปบอกเพื่อนตัวอวบ



             ตอนนั้น รู้สึกเหมือนเวลาทั้งหมดมันหยุดลง เสียงสายฝนที่เริ่มตกลงมาอย่างหนัก ดูเหมือนจะอื้ออึงไปหมด ร่างอวบนิ่งไปจนยูกิโอ เริ่มเป็นห่วง และพยายามเรียกชื่อเขาให้รู้สึกตัว



    ยามะคุง เป็นอะไรน่ะ ยามะคุงเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ สายตาของคนข้างๆยังคงเหม่อลอยออกไป แม้ว่าจะออกแรงเขย่า ยามะจังก็ไม่ตอบรับ



          น้ำตาไหลออกมาจากดวงตากลมใสเป็นทางยาว  อ๋ออย่างนี้นี่เองสินะ ยูโตะไปเดทกับนานะจนลืมชั้นแล้วสินะ



          ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน จมูกใสเริ่มแดงก่ำ ร่างอวบโยนของในมือใส่เพื่อนที่ยืนกางร่มให้และวิ่งหายออกไปในกลางสายฝนทันที




    ยามะคุง!!!”

     


    To be con…


    แต่ง ร่วม 5 ชั่วโมง ปวดนิ้ว - - 19 หน้าเวิร์ดแน่ะ! ไม่เคยยาวขนาดนี้! (แต่อาจน้อยสำหรับหลายคน) รู้สึกโซล (ในเรื่อง) มันจะดูเด่นๆว่ามั๊ย ฮ่าๆ (ขอโทษก๊า) ทุกคนให้อภัยนานะด้วยนะ มันน่าสงสารจริงๆ ทุกคนในเรื่องให้อภัยแล้ว หรือแต่รีดเดอร์แหละ จะให้อภัยมั๊ย
    ? ตอนนี้ทำเอาใจหาย เรียวจังจะไปไหนนะ แล้วยูโตะจำเรียวจังได้แล้วใช่มั๊ย!

    ตอนหน้าเป็นตอนจบแล้ว ฝากติดตามด้วยนะคะ ^^

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×