ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HSJ] The Special Cases

    ลำดับตอนที่ #9 : Case 1 : ปิดคดี (episode 7)

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ย. 55





     

                    หลังจากที่คุณนายซากาโมโตะตอบตกลงที่จะมอบสูตรลับนี้ให้แก่เรียวสุเกะกับไดกิแล้ว ทั้งสามก็ไม่รอช้า พากันเดินออกจากบ้านมุ่งหน้าสู่ภูเขาด้านหลังทันที

                    ระหว่างทางเดินขึ้นเขา กลับมีเส้นทางเดินที่สะดวกกว่าที่คิด คงเพราะคนที่เมืองนี้ในอดีตใช้เส้นทางนี้ขึ้นมาเก็บของป่ากันอยู่บ่อยๆ ทว่า 10ปีที่ผ่านมานี้หลังจากที่คุณนายซากาโมโตะได้ปล่อยข่าวลือเรื่องแก๊สพิษขึ้นก็ไม่มีใครกล้าขึ้นมาอีกเลย ทำให้เกิดหญ้าขึ้นรกตามทางเดินบ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเดินซักเท่าไหร่

                    บนภูเขามีอุณหภูมิที่ดูน่าจะต่ำกว่าบนพื้นดินเล็กน้อยทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นกว่าเดิม ไหนจะกลิ่นอ่อนๆจากต้นไม้ ช่างเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างแท้จริง หากลองนึกถึงสมัยก่อนที่บริเวณทั่วผืนป่าภูเขานี้ถูกรายล้อมไปด้วยดอกไม้นานาชนิด ก็คงจะไม่ต่างกับสวรรค์บนดินเป็นแน่แท้ ไหนจะทุ่งดอกที่หน้าถ้ำนั้นอีก

                    ทั้งสามใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงจุดหมายปลายทางที่หน้าถ้ำแห่งนี้มีการนำก้อนหินก้อนใหญ่มาปิดเอาไว้ตรงที่เข้า จากคำบอกเล่าของนางซากาโมโตะ ชาวบ้านเป็นคนช่วยกันขนมันขึ้นมาเพื่อปิดทางเข้าถ้ำนั่นเอง นางจึงนำทางไปสู่ทางเข้าอีกทางที่ไม่มีใครรู้

                    ทว่าตรงหน้าถ้ำแห่งนั้นแม้เวลาจะผ่านไปถึง 10ปีแล้ว แต่ก็ยังคงมีร่องรอยการปลูกดอกไม้หลงเหลือให้เห็นอยู่เล็กน้อย ทำให้เรียวสุเกะอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

                    คุณซากาโมโตะครับ ดอกไม้ที่เคยปลูกที่นี่น่ะ คือดอกไฮเดรนเยียร์สินะครับเรียวสุเกะพูดระหว่างที่กำลังเดินตามคุณนายซากาโมโตะไปยังทางเข้าอีกทางหนึ่ง

                    ไดกิเอียงคอฉนงที่จู่ๆเรียวสุเกะก็พูดขึ้นมา ไม่ใช่เขาไม่รู้ว่าดอกไฮเดรนเยียร์ที่เรียวสุเกะพูดถึงหมายถึงอะไร เขาเพียงแต่สงสัย เพราะพวกเขาไม่ได้ตกลงกันมาพูดเรื่องดอกไม้บนนี้นี่นา?

                    คุณนายซากาโมโตะทีสีหน้าตกใจเล็กน้อย แต่ก็ปรับสีหน้ากลับมายิ้มเป็นปกติ

                    คุณนักสืบเนี่ยรู้ไปทุกเรื่องเลยนะ คุณนายแซวจนเรียวสุเกะเขินเล็กๆ

                    ไม่หรอกครับ จากข้อมูลและการสันนิษฐานเรียวสุเกะตอบยิ้มๆ ส่วนไดกิก็แอบหัวเราะสะใจเล็กๆเมื่อเห็นใบหน้าของคุณนายซากาโมโตะขึ้นเครื่องหมายคำถาม เธอคง งง ว่าข้อมูลอะไร ก็นะใครจะนึกล่ะ ว่าเด็กสองคนตรงหน้าคุณนายเนี่ยบุกเข้าไปในบ้านคุณนายมาตั้งสองครั้งแล้วน่ะสิ

                    เรียวสุเกะรู้ว่าไดกิคิดอะไรอยู่จึงหันไปตบหัวเพื่อนตัวดีหนึ่งที จนคุณนายยิ่งสงสัยเข้าไปอีก แต่กลับกลายเป็นว่าการกระทำเมื่อครู่นี้ช่วยลดบรรยากาศตึงเครียดไปได้เยอะเลยทีเดียว

                    ตั้งแต่เมื่อซักครู่ตอนอยู่ที่บ้าน จู่ๆเด็กหนุ่มทั้งสองตรงหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ราวกับผู้ใหญ่ผู้โชคโชนบนโลกมานานหลายสิบปี  ไล่ต้อนผู้ใหญ่ตัวจริงอย่างนางจนหมดท่าได้ ทำให้นางลืมไปชั่วพักหนึ่งเลยว่าคนตรงหน้าเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มชั้นมัธยมเท่านั้น แต่เมื่อเห็นการทะเลาะกันง๊องแง๊งของเด็กสองคนตรงหน้า มันก็ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย เพราะสองคนนี้ก็เป็นแค่เด็กธรรมดาๆจริงๆนั่นแหละ แต่สงสัยจริงๆว่าแท้จริงแล้วเด็กสองคนนี้เป็นใครกันแน่นะ

                    เรียวสุเกะเมื่อเห็นคุณนายมองมาด้วยสายตาเอ็นดูก็อดเขินไม่ได้ ไม่น่าหลวมตัวไปทะเลาะกับไดกิเลย ให้ตายสิ

                    ไดกิเห็นท่าทางเขินๆของเรียวสุเกะก็ยิ่งอยากแกล้งเข้าไปใหญ่ แต่ดันโดนสายตาดุๆของเรียวสุเกะปรามมาเสียก่อนเขาจึงต้องเลิกราไปอย่างเสียไม่ได้ พอเรียวสุเกะเห็นว่าไดกิยอมหยุดแล้ว เขาจึงคิดจะหันไปพูดกับคุณนายต่อ

                    อันที่จริงยาพิษนั่น ก็ถูกสกัดขึ้นมาจากดอกไฮเดรนเยียร์นี้แหละครับเรียวสุเกะเอ่ยเสียงเบา

                    ตายจริง!” คุณนายยกมือทาบหน้าอกอย่างตกใจ

                    มันคือเรื่องจริงครับคุณนาย

                    อันที่จริงดอกไฮเดรนเยียร์เป็นดอกไม้ที่มีพิษที่รุนแรงมาก หากแต่ไม่มีการรู้กันโดยแพร่หลาย หากว่ารับประทานเข้าไปจะเกิดอาการตัวเย็น อาเจียนและอาจช็อกตายได้ ถูกจัดอันดับให้เป็นดอกไม้พิษที่อันตรายเป็นอันดับ 3 ของโลกเชียวนะครับไดกิอธิบาย ข้อมูลนี้ฟังดูน่ากลัวมากจนนางซากาโมโตะถึงกับนิ่งค้างไปเลยทีเดียว

                    สามีคุณคงรู้ถึงจุดนี้บวกทั้งมันเป็นทรัพยากรที่มีอยู่รอบตัว เขาจึงเลือกมันล่ะมั้งครับ เขาน่ะมักจะทำงานหรือคิดค้นอะไรที่นี่อยู่บ่อยๆใช่ไหมล่ะเรียวสุเกะถาม

                    ใช่แล้วล่ะ เขามักจะมาที่นี่น่ะ ฉันไม่รู้เลยนางทำหน้ารู้สึกผิด

                    ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก ว่าแต่ผมขอถามหน่อยว่า ทำไมเขาถึงเริ่มทำอาชีพนี้ล่ะ?” คราวนี้ไดกิเป็นคนตั้งคำถามบ้าง

                    คุณนายอึกอักเล็กน้อยแต่ก็ยอมตอบแต่โดยดี

                    เมื่อก่อนเขาเป็นแค่นักวิจัยยาธรรมดานั่นแหละ แต่เขาบอกว่าตกกระไดพลอยโจนฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เลยไม่อยากจะซักไซร้เพราะเขาเองก็ดูลำบากใจไม่น้อย ส่วนอีกเหตุผลก็คงจะเป็นเพราะเงินนั่นแหละ…”

                    อืม นั่นสินะครับ แต่อย่างน้อยๆสุดท้ายเขาก็รู้ตัวและสำนึกผิดจนเลิกออกมา แม้จะมีจุดจบที่น่าเศร้าแต่เขาก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เขาต้องการจะเลิกทำผิด ผมว่านี่เป็นสิ่งที่ดีนะครับไดกิยิ้มแล้วพูดปลอบใจ พูดดีจนเรียวสุเกะหันมามองทึ่งๆ แต่โดนสายตาตำหนิของไดกิส่งกลับไปซะอย่างนั้น

                    คุณนายซากาโมโตะยิ้มขอบคุณก่อนจะเดินนำเข้าไปในทางเข้าถ้ำที่อีกฝั่งของภูเขาสู่ห้องทำงานลับของนายซากาโมโตะ

                    ภายในถ้ำสว่างกว่าที่คิด เพราะตามร่องหินมีแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาจนทำให้ในถ้ำสว่าง อุปกรณ์ทดลองทางวิทยศาสตร์เก่าๆถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ แต่ก็เคลอะไปด้วยฝุ่นและเศษใบไม้เศษดินที่ร่วงลงมาจากช่องหินต่างๆ เป็นสัญลักษณ์ได้ว่า ไม่มีใครแตะต้องพวกมันมานานแล้ว

                    ลึกเข้าไปในสุดเป็นที่ตั้งของโต๊ะทำงานตัวหนึ่ง นางซากาโมโตะหยิบกุญแจที่พกมาไขที่ลิ้นชักโต๊ะทำงานที่ว่า ก่อนจะดึงมันออกมาเพื่อเปิดให้เห็นสิ่งที่ถูกซ่อนอยู่ภายใน กระดาษเก่าๆถูกเย็บรวมกันเป็นปึกเล่มหนาราว 1 นิ้วถูกวางอยู่อย่างโดดเดี่ยวในลิ้นชัก นางหยิบมันออกมาและส่งยื่นให้เด็กหนุ่มทั้งสอง

                    เรียวสุเกะรับมาอย่างเกรงใจ พลางสำรวจมันอย่างใจเย็นกระดาษเริ่มเป็นสีเหลืองแล้วคงเพราะเก่า ที่หน้าปกไม่มีอะไรถูกเขียนลงเพื่อบ่งชี้เลย

                    เด็กหนุ่มเปิดหนังสืออย่างระมัดระวัง พร้อมกับเพื่อนสนิทที่ยืนมองชิดอยู่ด้านข้าง ทันทีที่เรียวสุเกะเปิดหนังสือเล่มนี้ออกพบแล้ว พวกเขาพบมันแล้ว สูตรลับ!

    ****************************

     

                    เรียวสุเกะเก็บสูตรลับใส่ในกระเป๋าเป้ของไดกิแล้วพากันเดินออกไปด้านนอกพร้อมกับคุณนายแต่ก็ต้องพบกับ…!

                    โอ๊ะโอ นังคุณนายทำไม่อยู่เฝ้าบ้าน แอบพาเด็กหนุ่มมา กกในถ้ำนี่เองร่างผอมขาวของทาเคอิปรากฏตัวขวางทางเดินของทั้งสามคนแรก

    ไดกิเผลอยกมือขึ้นกันเรียวสุเกะเป็นคนแรกอย่างไม่ต้องสงสัย

                    มีเวลาว่างนักเลยหรอห๊ะ หรือว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่ที่นั่น?” อิซาวะปรากฏตัวขึ้นมาอีกคนพร้อมกับซานาดะที่ถือปืนอยู่ในมือ

                    ไดกิรีบประเมินสถานการณ์ พวกเขาไม่มีเวลาคิดแล้วว่าทำไมเจ้าพวกนี้ถึงโผล่มาที่นี่ตอนนี้ พวกเขาคิดแต่ว่าจะจัดการสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไรดี ก่อนอื่นเลย ปืนนั่นเป็นของจริงหรือไม่

                    พะพวกแกเป็นใคร!” นางซากาโมโตะตะโกนร้องถาม ขณะที่เรียวสุเกะพยายามยืนบังตัวเพื่อคุ้มกันให้

                    เป็นใครไม่สำคัญ แต่แกรู้ใช่ไหมว่าสูตรลับที่ไอ้ซากาโมโตะมันซ่อนเอาไว้น่ะอยู่ที่ไหน!!พวกฉันเข้าไปหาในบ้านแกมาหลายวันแล้ว! หายังไงก็หาไม่เจอดังนั้นบอกพวกฉันมาเดี๋ยวนี้!!” ซานาดะแผดเสียงพร้อมกับยิงปืนหนึ่งนัดเพื่อขู่

                    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!!!”

                    ปืนจริง

                    ทั้งสองทำสีหน้าเครียด มือสมัครเล่นอย่างพวกมันถึงจะมีปืนพร้อมทั้งมีด พวกเขาก็เอาชนะมันได้อย่างสบายๆอยู่แล้ว แต่ว่ามีคุณนายอยู่ด้วยน่ะสิ เกิดพลาดพวกมันจับคุณนายได้เรื่องคงยาก

     

    .

    .

    .

                   

                    เหอะ ล้อเล่นหน่า ก็บอกแล้วไม่ใช่หรอว่าพวกเขาน่ะมันมืออาชีพ ไอเรื่องที่พูดไปเมื่อกี้น่ะ ถ้าเป็นคนอื่นคงคิดแบบนั้น แต่สำหรับไดกิกับเรียวสุเกะแล้วเรื่องแค่นี้ไม่ครณามือหรอกน่า

                    ทั้งสองมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนที่ไดกิจะถอดเป้วางลงกับพื้นสร้างความมึนงงให้กับทั้งคุณนายและ อิซาวะ ซานาดะและทาเคอิเป็นอย่างมาก

                    นะ นี่พวกเธอทำอะไรน่ะ!” นางซากาโมโตะร้องทัก เด็กสองคนนี่คงไม่คิดบ้าๆจะสู้กับผู้ชายสามคน แถมมีปืนอย่างนี้หรอกนะ!!

                    เฮ้ๆ ไอ้หนู อยากตายรึไง หรือว่าจะทำแมนปกป้องคนแก่ห๊ะ ฮ่าๆ!!” ทาเคอิหัวเราะเยาะ

                    ปืนนี่ของจริงนะเว้ย ไม่เห็นเรอะ!” ซานาดะยิงขู่อีกครั้งหวังให้ทั้งสองคนกลัว แต่กลับผิดคาดไดกิกับเรียวสุเกะยังคงยืนจ้องนิ่งไม่ไหวติงทั้งคู่ นั่นยิ่งสร้างความหงุดหงิดให้ชายทั้งสองเป็นอย่างมาก ส่วนอิซาวะที่ดูจะฉลาดที่สุดกลับยังคงนิ่งเฉย

                    เฮ้ย กวนตีนหรอวะ!!” ซานาดะแผดเสียง จนนางซากาโมโตะเริ่มกลัวจนตัวสั่น

                    นะ นี่ เธอสองคนน่ะอย่าไปกวนมันเลยนะ ขอร้องล่ะ!!” นางซากาโมโตะวิงวอน แต่เด็กหนุ่มทั้งสองก็ไม่ได้เปลี่ยนการกระทำแต่อย่างใด จนทาเคอิและซานาดะทนไม่ไหวแทบจะวิ่งเข้ามารุมซ้อมทั้งสอง หากแต่อิซาวะห้ามเอาไว้

                    นี่พวกแก ใจเย็นๆหน่อยสิวะ คุยกับเด็กต้องใจเย็นอิซาวะพูดจบแล้วเดินนิ่งเข้าไป ตบไหล่เด็กหนุ่มทั้งคู่ นี่ไอ้หนู ไม่เกี่ยวก็ถอยไปเหอะ ปล่อยยัยนี่ไป พวกแกจะได้ไม่ต้องเจ็บตัวไงอิซาวะทำเป็นพูดและยิ้มให้ไดกิกับเรียวสุเกะ หากแต่แรงบีบไหล่ของอิซาวะนั้นมันช่างหนักหน่วงดีแท้ แบบนี่เขาเรียกว่าข่มขู่แล้วเว้ย!

                    อุ๊!” เสียงร้องของเรียวสุเกะเล็ดลอดออกมากจากไรฟันเล็กน้อยด้วยความเจ็บปวด ในช่วงที่อิซาวะเพิ่มแรงบีบที่ไหล่ของพวกเขาทั้งคู่ ไดกิจำได้ว่า ในคดีบุกตึกซันไชน์ซิตี้เมื่อครั้งก่อนนั้น เรียวสุเกะดันเสียท่าเล็กน้อยถูกเหวี่ยงล้มจนไหล่ไปกระแทกกับชั้นวางของในห้องทำให้เป็นแผลบวมนิดหน่อย ตอนนั้นเขาที่วิ่งกลับมาสมทบกับเรียวสุเกะเห็นเข้าพอดี แต่พอลองถามเรียวสุเกะก็ไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร แต่ตอนนี้เขารู้แท้แล้วล่ะว่า มันน่ะเป็นต่างหาก แต่ไม่อยากให้เขาเป็นห่วง เชื่อเขาเลย

                    อิซาวะเริ่มเพิ่มแรงบีบขึ้นเรื่อยๆ เขาน่ะไม่เป็นไรหรอก แรงแค่นี้เอง แต่เรียวสุเกะที่ยังเจ็บแผลอยู่คงจะเริ่มทนไม่ไหวแล้วสินะ

                    ในที่สุดไดกิก็เป็นฝ่ายปริปากเริ่มแทน

                    นี่แก ฉันทนชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ ปล่อยมือออกจากไหล่เพื่อนฉันด้วยอย่าหาว่าฉันไม่เตือนไดกิพูดเสียงเรียบแล้วเหยิดหน้าไปที่มือของอิซาวะอีกข้างที่กำลังบีบไหล่ของเรียวสุเกะอยู่

                    อิซาวะยืนอึ้งไปชั่วขณะ ไม่เว้นแม้แต่ ทาเคอิและซานาดะ หรือแม้แต่นางซากาโมโตะที่ยังนั่งเข่าอ่อนอยู่ด้านหลัง

                    เรียวสุเกะหัวเราะในลำคอ ท่าทางเขาคงจะต้องจัดการเจ้าสองตัวด้านหลังนั่นเองคนเดียวซะแล้วล่ะ เพราะดูท่าทางเจ้ายักษ์อิซาวะเนี่ยคงจะโดนไดกิฆ่าทิ้งแหงๆ

                    เสียงหัวเราะของเรียวสุเกะยิ่งทำให้อิซาวะโกรธหนัก

                    อะไรของพวกแกวะ! ดูถูกฉันเรอะ! ย้าก!!” อิซาวะโมโหหน้าแดง ปล่อยมือออกจากไหล่ของเด็กหนุ่มทั้งคู่อย่างรุนแรงก่อนตั้งท่าจะปล่อยหมัดไปที่คางของทั้งสอง ทว่าวินาทีเดียวกับที่อิซาวะปล่อยมือ จู่ๆเรียวสุเกะก็หายตัวไป ทำให้อิซาวะเผลอหยุดตกใจมองหาเรียวสุเกะ

                    มองไรวะ คู่ต่อสู้อยู่ตรงหน้าแล้วยังจะมองหาคนอื่นอีกเรอะ!” ไดกิง้างหมัดขึ้นพร้อมปล่อยหมัดพุ่งเข้าใต้คางของอิซาวะเข้าอย่างจัง! …ประมาณว่า ครั้งเดียวก็น่าจะไปเกิดเป็นดาวลูกไก่ได้แล้ว

                    อิซาวะตัวยักษ์สลบลงทันทีที่เจอหมัดของไดกิเข้าไปเพียงแค่ครั้งเดียว แต่มันยังไม่สาแกใจไดกิเลยแม้แต่นิด เด็กหนุ่มนั่งคร่อมชายร่างยักษ์พร้อมกับกระชากคอเสื้อขึ้นมาเขย่า เรียกให้อิซาวะตื่น

                    เฮ้ยแก! ตื่นขึ้นมาก่อนสิวะอ่อนแอชะมัด! แกต้องชดใช้ให้เรียวจังของฉัน เฮ้! ตื่นสิโว้ย!!” ไดกิเขย่าหัวอิซาวะจนเหมือนจะหลุดออกมาจากบ่า ไดกิทั้งต่อยหน้าทั้งต่อยคาง ไม่พอ เด็กหนุ่มยังลุกขึ้นเอาเท้ามาเตะอิซาวะอย่างแรงจนชายหนุ่มกลิ้งไปชนกับโขดหินแถวนั้นจนเลือดไหล

                    ทางด้านเรียวสุเกะที่อาศัยจังหวะปลีกตัวออกมาในจังหวะที่อิซาวะปล่อยมือ เขาก็อาศัยเทคนิคเฉพาะตัวนิดหน่อยวิ่งมาปรากฏตัวที่เบื้องหน้าของทาเคอิและซานาดะที่ยังคงยืนอึ้งอยู่ เรียวสุเกะอาศัยจังหวะนั้นคว้าปืนของซานาดะมาถือไว้เอง พร้อมชักปืนหนึ่งรอบพร้อมเตรียมยิง

                    ทางซานาดะที่พึ่งรู้สึกตัวว่าถูกแย่งปืนไปแล้วก็แทบทรุดเข่าอ่อน ส่วนทาเคอิก็เดินถอยร่นไปยืนติดกับต้นไม้ด้านหลัง

                    เอ้าๆ แค่นี้เข่าอ่อนแล้วหรอพี่ชาย ผมยังเด็กอยู่นะเรียวสุเกะยิ้มยะเยือก จนพี่ชายทั้งสองที่ว่าเหงื่อแตกผลั่กๆ

                    พะพวกแก เป็นตัวกันแน่อะไรเนี่ย!!!” ซานาดะร้องท้วง

                    เรียวสุเกะหัวเราะในลำคอ

                    เสียมารยาทจริงๆ ไม่เห็นรึไงว่าฉันก็เป็นคนเหมือนพวกแกน่ะ…”

     

                    ตุ้บ! ตั้บ! ผลั๊วะ!! ตื่นขึ้นมาชดใช้ความผิดของแกเดี๋ยวนี้นะโว้ย!!!

     

                    เสียงเตะต่อย พร้อมกับเสียงของไดกิยังคงดังขึ้นอยู่ด้านหลังจนเขาต้องส่ายหน้า หมอนี่หัดควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่เป็นไรหรือยังไงนะ

                    เรียวสุเกะคิดก่อนจะหันกลับมามองคู่ต่อสู้ของตนบ้างแต่

                    อ้าว สลบไปแล้วหรอ?” เรียวสุเกะยืนมองเซ็งๆ อ่อนแอชะมัด ไดกิฉันว่านายถอนคำพูดซะเถอะนะที่ว่า กลัวฉันอาจจะเสียท่าพวกมันเนี่ย!

                    .

                    .

                    .

     

    ไม่นานตำรวจก็มาถึง โดยทั้งสองในตอนนั้นขอให้คุณนายซากาโมโตะเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ ดังนั้นจึงขอให้แจ้งแค่ข้อหาทำร้ายร่างกายกับบุกรุกเฉย ส่วนเรื่องอื่นจำเป็นจะต้องให้ทางฝ่ายของพวกเขาเป็นคนจัดการและปิดคดีเอง ทั้งนี้ ตั้งแต่แรกเดิมตำรวจญี่ปุ่นก็ไม่ได้ให้ความร่วมมืออยู่แล้วจึงจำเป็นที่จะต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับก่อน

    เมื่อวานต้องขอบคุณมากๆจริงๆนะครับ ไว้พวกเราจะติดต่อมาอีกเมื่อเหตุการณ์เป็นไปได้ด้วยดีแล้วไดกิกล่าวขอบคุณพร้อมทั้งเรียวสุเกะที่หน้าสถานีรถไฟ โดยมีคุณนายซากาโมโตะมายืนส่ง

    แล้วก็ไม่ต้องกลัวนะครับ นายโอชิฮาระจะไม่ส่งคนมาปองร้ายคุณอีก คนของเรารับประกันเรื่องนี้ได้เรียวสุเกะกล่าวย้ำเพื่อให้คุณนายสบายใจ หลังจากการเผชิญหน้ากันครั้งนี้แล้ว พวกเขาได้ติดต่อไปทางยาบุแล้วเรียบร้อยพร้อมทั้งสแกนเนื้อหาในสูตรลับนี้ทั้งหมดเพื่อนำไปเป็นหลักฐานในการจับกุมนายโอชิฮาระ ซึ่งผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจ ทุกคนร่วมกันสรุปและรวบรวมหลักฐานทั้งเรื่องการส่งออกยาพิษและคดีฆาตกรรมนายซากาโมโตะ ก่อนจะส่งข้อมูลไปเพื่อให้ทางสำนักงานใหญ่มีหลักฐานและดำเนินการจับกุมได้อย่างท่วงทัน ซึ่งเห็นว่าตอนนี้กำลังไล่ล่านายโอชิฮาระที่กำลังหลบหนีอยู่ แต่คาดว่าอีกไม่นานคงตามตัวเจอ

    ขอบคุณมากๆนะขอบคุณจริงๆนางซากาโมโตะก้มหัวให้ด้วยความซาบซึ้ง

    ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ พวกเราต่างหากที่ควรจะต้องขอโทษด้วยซ้ำเรียวสุเกะยิ้มเจื่อนๆพร้อมกับหันมามองหน้าไดกิที่กำลังยืนเกาหัวอยู่ข้างๆ

    เอ๋?เรื่องอะไรงั้นหรือ?” คุณนายทำหน้างง

    แฮะๆ อันที่จริงช่วงที่คุณไม่อยู่บ้าน พวกเราแอบบุกเข้าไปในบ้านของคุณนายมา 2 ครั้งแล้วล่ะครับ ถึงจะเพื่อการสอบสวนแต่พวกเราต้องขอประทานโทษจริงๆ ให้อภัยพวกเรานะครับไดกิเอ่ย พร้อมทั้งก้มหัวให้คุณนายซากาโมโตะด้วยความรู้สึกผิดจากใจ เรียวสุเกะเองก็เช่นกัน

    คุณนายมีสีหน้าตกใจอย่างปิดไว้ไม่อยู่ แต่หามีสีหน้าแห่งความโกรธไม่ นางยิ้มแล้วส่ายหน้า

    ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ถือ มันคือความจำเป็นนี่นา แถมนั่นยังสามารถช่วยฉันกับสามีได้อีก ไม่ต้องคิดมากหรอกนะ นางซากาโมโตะกล่าวทำให้ทั้งคู่ยิ้มออก

    ขอบคุณมากเลยนะครับที่ให้อภัย เอ่อคือ…” ไดกิอ้ำอึ้ง มีอีกอย่างที่พวกผมจะสารภาพ คือพวกเราเจอตำราดอกไม้พิษที่สามีคุณได้เขียนขึ้นมาและซ่อนเอาไว้ที่โต๊ะทำงานในบ้านน่ะครับ ตอนนั้นพวกเราหยิบมันกลับออกมาด้วย ขอโทษจริงๆนะครับ ที่ถือวิสาสะ เดี๋ยวปิดคดีได้แน่แล้วพวกเราจะส่งคืนให้นะครับไดกิยิ้มแห้งๆ ไม่ต่างจากเรียวสุเกะที่ยืนอยู่ด้านข้าง

    ตายจริง มีของพรรค์นั้นด้วยเหรอ? ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย แต่เอาเถอะ ก็ไม่แปลกหรอกนะที่เขาจะเขียนอะไรแบบนั้นไว้ซักเล่ม คงเป็นภาษาอังกฤษสิท่า  แทนที่จะโกรธแต่คุณนายกลับยิงคำถามใส่พวกเขากลับด้วยท่าทีราวกับกำลังจะแซวสามีของตนที่อาจใช้ภาษาอังกฤษในการบันทึก

    ไดกิกับเรียวสุเกะมองหน้ากันอย่างแปลกใจ ไหนบอกว่าไม่รู้ไง แล้วทำไมถึงรู้ว่าเขียนเป็นภาษาอังกกฤษล่ะ?

    เด็กหนุ่มสงสัย แต่ก็ได้แต่พยักหน้านิดๆ

    กะแล้วเชียว เขาน่ะจบที่ต่างประเทศมาน่ะ แล้วก็ติดอีโก้ภาษาอังกฤษมาจากเมืองนอก เวลาจดบันทึกอะไรก็จะจดเป็นภาษอังกฤษหมดนั่นแหละ นึกแล้วก็หมั่นไส้นิดๆคุณนายพูดติดตลกพลางหัวเราะ

    อ๋อมันเป็นอย่างนี้นี่เอง เด็กหนุ่มมองหน้ากันแล้วขำบ้าง

    ไม่ต้องคิดมากหรอก ไว้ไม่ต้องการมันแล้วค่อยส่งมาก็ได้ ฉันไม่ได้รีบอะไรคุณนายยิ้มให้เด็กทั้งสองอย่างอ่อนโยน ไดกิและเรียวสุเกะยิ้มรับ ก่อนจะยื่นสองสีน้ำตาลซองหนึ่งให้

                    นี่?” นางซากาโมโตะ ทำหน้าสงสัยกับสิ่งตรงหน้าแต่ก็ยอมรับมาแต่โดยดี

                    มันคือข้อความที่คุณยูอิจิฝากเอาไว้ให้คุณน่ะครับไดกิยิ้ม

                    เอ๊ะ!?”

                    คุณจำได้ไหมครับว่า มีพยานให้การว่า คืนวันที่คุณยูอิจิเสียชีวิตมีคนพบเขานั่งทานราเมนอยู่ที่เมืองนี้ ทว่าหลังการชันศูตรศพกลับไม่พบเส้นราเมนหลงเหลืออยู่เลย ทำให้พวกเราสงสัยและลองตามสืบดูไดกิอธิบายค้างก่อนจะส่งให้เรียวสุเกะอธิบายต่อ

                    ครับ อันที่จริงคืนนั้นเขาไปที่ร้านราเมนจริงๆครับ แต่ไม่ได้ไปทานราเมนหรอก เขาแค่ไปคุยกับเจ้าของร้านคนเก่าเรื่องคุณน่ะครับเพื่อที่จะฝากข้อความถึงคุณ แต่ไม่ใช่จดหมายนี้หรอกนะครับเรียวสุเกะยิ้ม แต่คุณคงทราบดีว่าคุณเจ้าของร้าคนเก่าที่เสียชีวิตไปแล้วหลังจากที่สามีคุณเสียได้นานนั้นเป็นโรคขี้หลงขี้ลืม ก่อนเสียชีวิตเขาก็รู้ตัวดีว่าตนจะต้องลืมแน่ๆเขาจึงเขียนข้อความที่สามีคุณฝากเอาไว้ลงในกระดาษและเก็บมันเอาไว้ในห้องจนเขาเสียชีวิต

                    ตอนแรกพวกผมสังสัยเรื่องราเมน เราจึงลองสืบดูจนสันนิษฐานสิ่งนี้ขึ้นมา เลยลองขอร้องคุณเจ้าของร้านคนปัจจุบันเพื่อขอดูข้าวของของคุณเจ้าของร้านคนเก่าเผื่อว่าเขาจะเก็บอะไรเอาไว้ ซึ่งเราก็พบมันจนได้ เราจึงคิดว่าเราควรจะนำมาให้คุณน่ะครับไดกิยิ้มแล้วชี้ไปที่ซองอีกครั้ง

                    นางซากาโมโตะมีสีหน้าตกใจ กับเรื่องไม่คาดฝันนี้ หล่อนรีบเปิดซองดูและอ่านข้อความที่คาดว่าสามีต้องการจะส่งถึงหล่อน หล่อนใช้เวลาอ่านไม่นาน หยาดน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ หญิงวัยกลางคนพับกระดาษเก็บใส่ซองอีกครั้งก่อนจะโค้งให้เด็กหนุ่มทั้งคู่พร้อมน้ำตา

                    ไดกิและเรียวสุเกะยิ้มรับก่อนจะโค้งตอบแล้วบอกลา

                    ก่อนจะจากกัน ช่วยบอกมาก่อนได้ไหมว่าพวกเธอเป็นใครกันแน่?”

                    เด็กหนุ่มทั้งสองยิ้มให้

                    ก็เป็นแค่นักเรียน ม.ปลายธรรมดานี่แหละครับและไดกิกับเรียวสุเกะก็ขึ้นรถไฟกลับโตเกียว

     

    *****************************

     

                    ณ ศูนย์วิจัยอาชญากรรมและสืบวน

     

                    กลับมาแล้ว!!!” ไดกิพุ่งทะยานตัวเข้ามาในบ้านหลังเดิมที่มีครอบครัวของเขารออยู่

                    กลับมาแล้ว ขอบคุณที่ทำงานหนักนะทุกคนเรียวสุเกะเดินตามไดกิเข้ามา มีของฝากด้วยนะ

                    กลับมาแล้วเหรอ!!!” สมาชิกครอบครัวทั้งแปดคนต่างถลาเข้ามานัวเนียทั้งสองกันยกใหญ่บางคนก็กอด บางคนก็ยีผม บางคนก็เล็งของฝาก ช่างวุ่นวายดีแท้

                    นี่ๆปล่อยได้แล้ว!” คนโดนรุมท้วง เดี๋ยวได้กลายเป็นศพคาบ้านพอดี!

                    ขอโทษๆๆ ก็คิดถึงนี่นา พวกนายเก่งมากเลยนะ กำหนดอาทิตย์นึงแต่สามารถหาสูตรได้ภายใน 3 วันเนี่ย!!!” ทาคาคิเอ่ยชม

                    จริงด้วย แถมยังจัดการเจ้าสามคนนั่นซะอยู่หมัดอีก!” ยูโตะทำท่าสะใจ แต่พอนึกถึงเรื่องนั้นแล้วเรียวสุเกะกลับรู้สึกโหวงๆไม่คิดว่ามันเป็นคำชมเลยด้วยซ้ำ ก็เจ้าพวกนั้นน่ะ อ่อนแออย่างกับอะไรดี

                    หน็อย  พูดแล้วมันก็โมโห เจ้าบ้านั่นมันทำให้เรียวจังของฉันเจ็บด้วยนะ ฉันน่าจะถีบมันตกเขาไปเลย!” ไดกิโวยหน้าขึ้นสี ดูท่าทางว่าจะแค้นจริงอะไรจริง เรียวสุเกะได้ยินก็อดจะรู้สึกดีใจไปไม่ได้ที่ไดกิเป็นห่วงเขา แต่ก็นั่นแหละ มันน่าอายจะตายไป!

                    ไดกิพอได้แล้ว ฉันอายนะ!”

                    อายอะไร นี่พวกเราอยู่ที่บ้านนะ ไม่ใช่ว่าอยู่ข้างนอกซักหน่อยไดกิยียวน

                    เออนั่นแหละ!!”

                    ฮะๆ พวกนายเนี่ยทะเลาะกันเป็นเด็กไปได้ แต่ก็เก่งมากนะ ฉันชมจากใจจริงเลย จัดการเรื่องได้ไวขนาดนี้น่ะยาบุเอ่ยชมจากใจพร้อมกับเดินมาลูบหัวคนทั้งสอง

                    ใช่ๆ อีกอย่างกลับมาเร็วๆก็ดีเพราะเวลาอยู่ไกลพวกเราก็เป็นห่วง เนอะจิเนนพูด พลางหันไปขอความเห็นจากคนอื่น ซึ่งคำตอบที่ได้รับกลับมามันก็คงจะเดาๆกันได้

                    ขอบคุณจริงๆนะ อีกอย่างพวกเราไม่ได้ทำมันสำเร็จกันสองคนซักหน่อย เพราะทุกคนช่วยกันสนับสนุนอยู่ที่นี่ต่างหาก เนอะไดกิ

                    ใช่ๆ ไม่ได้ทุกคนเราก็แย่เหมือนกันไดกิเอ่ยบ้าง

                    ครอบครัวเดียวกัน ก็ต้องช่วยกันทำงานสิ มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว จริงไหมพวกเราฮิคารุยักคิ้วให้

                    ใช่!!!!!”

                    ฮะๆ นั่นสินะ จะว่าไปงานนี้เคย์โตะมีบทบาทมากเลยนะเรียวสุเกะเปลี่ยนเป้าหมายไปที่เพื่อนชายในชุดกราวน์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

                    หืม? ไม่หรอก บังเอิญงานนี้มันสายตรงของฉันมากกว่าน่ะ อันที่จริงก็แทบไม่ได้ทำอะไรเลยเคย์โตะเกาหัวแก้เขิน ทำเอาทุกคนส่งเสียงล้อเลียนกันใหญ่ แน่นอนคู่หูคนเก่งของเราก็เหมือนกัน

                    ฮะๆ! นี่คืนนี้พวกเรานอนนี่นะ เหนื่อยไม่ไหวแล้วล่ะไดกิบอก นี่ก็เย็นแล้วพวกเขาคงกลับบ้านตัวเองไม่ไหวแล้ว นอนนี่เลยละกัน

                    เอาสิๆ บอกคนที่บ้านแล้วใช่ไหมล่ะ ไปพักผ่อนไปพวกนายเหนื่อยมามากแล้ว เดี๋ยวทำกับข้าวเสร็จจะขึ้นไปเรียกนะยาบุบอกก่อนที่จะไล่ให้ทั้งสองขึ้นไปพัก

                    อ๊ะขอบคุณนะ ไปกันเถอะเรียวสุเกะไดกิลุกขึ้นยืนแล้วคว้ากระเป๋าเป้ขึ้นหลัง

                    อื้มเรียวสุเกะลุกขึ้นตาม ก่อนที่ทั้งสองจะถูกอิโนะจังเรียกเอาไว้

                    คืนนี้พวกนายอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม วันนี้เวรฉันกับริวทำกับข้าวอิโนะจังพูดพลางเพยิดหน้าไปที่ริว

                    ฉันอยากกินหมูทอด!” ไดกิร้องพร้อมกระโดดโลดเต้น

                    ฉันอยากกินแกงกระหรี่!” เรียวสุเกะยกมือ

                    โอเคๆ ป่ะริวไปซื้อของกันอิโนะจังพยักหน้าก่อนจะเดินไปเรียกให้ริวออกไปซื้อของ ริวทาโร่บ่นนิดหน่อยแต่ก็ยอมออกไปแต่โดยดี

     

    **********************

     

     

                    ในห้อง

                    ฮ้า กลับมาบ้านแล้วดีชะมัดเลยเรียวสุเกะบิดขี้เกียจแล้วนั่งหลับตาอยู่บนเตียง

    ไดกิหันหน้ามองเพื่อนสนิทเงียบๆก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามคำถามอะไรบางอย่าง

                    เรียวสุเกะนายแน่ใจนะ ว่าไม่เป็นอะไร…” ไดกิถาม

                    เรียวสุเกะค่อยๆลืมตาขึ้นมามองคู่หู แล้วยิ้ม

                    เรื่องดอกไฮเดรนเยียร์น่ะเหรอ

                    อืม ฉันพึ่งนึกขึ้นได้ตอนอยู่ที่ถ้ำนั่นแหละว่าดอกไฮเดรนเยียร์นั่นน่ะมัน…”

                    ฉันไม่เป็นอะไรหรอกไดกิ ขอบคุณมากเรียวสุเกะตอบ ดอกไม้มีความหมายในตัวของมันเอง แต่มันตัดสินใครไม่ได้หรอกนะ…”

                    เรียวสุเกะพูดเสียงเรียบ ไดกิยืนมองเพื่อนสนิทนิ่งไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรมาพูดกับเรียวสุเกะดี ดอกไฮเดรนเยียร์เคยมีส่วนอยู่ในอดีตของเรียวสุเกะ เขาเองก็เกือบลืมไปแล้วแต่พึ่งมานึกขึ้นได้ตอนคดีนี้เอง แต่อดีตของเรียวสุเกะ ไม่ได้ถูกพิษของดอกไฮเดรนเยียร์ทำร้าย แต่ถูกทำร้ายโดยความหมายของมัน

    ดอกไม้แห่งหัวใจด้านชา

    ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ก่อนที่เรียวสุเกะจะเอี้ยวตัวหันไปเปิดประเป๋าของตัวเอง หยิบดอกไฮเดรนเยียร์สีฟ้าสดออกมา สร้างความประหลาดใจให้แก่ไดกิไม่น้อย นี่เรียวสุเกะไปแอบเอามันมาจาไหนน่ะ?

    เรียวสุเกะนั่งมองดอกไม้ในมือแล้วยิ้ม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูดกับไดกิ

    ไดกิ อดีตของฉันมันโหดร้ายมากไม่ต่างจากนายหรือคนอื่นๆในบ้านหลังนี้ ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงอดีตได้ แต่เราสามารถเปลี่ยนอนาคตได้ ทว่าปัจจุบันในตอนนี้ก็คืออนาคตของอดีตเรียวสุเกะเว้นจังหวะ

    ปัจจุบันในตอนนี้ของฉันมีความสุขมากนั่นหมายถึง ตัวฉันในอดีตสามารถเปลี่ยนอนาคตจากที่มันควรจะเลวร้ายกลับกลายเป็นดีได้ แสดงว่าตัวฉันในอดีตก็จะต้องเก่งมากๆเหมือนกันเรียวสุเกะยิ้ม

    ฉันจะไม่จมอยู่กับอดีต แต่ฉันจะเอาอดีตมาแปรเปลี่ยนเป็นบันไดสู่อนาคตแห่งความสุขของฉัน ดังนั้นฉันจะเอาอดีตที่แปรเปลี่ยนเป็นความสุขนี้ให้นาย เพื่อแทนใจที่จะบอกนายว่า นายคือคนที่คอยช่วยสร้างอนาคตที่มีความสุขให้ฉันมาเสมอ ทั้งอดีต จากนี้และตลอดไปเรียวสุเกะยื่นดอกไม้ในมือให้กับไดกิ ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

    อ้อ แล้วก็นะ ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกมักมีสองด้านใช่ไหมล่ะ…” เรียวสุเกะพูดทิ้งท้าย ก่อนจะเดินปิดประตูเข้าห้องน้ำไป

    ปัง!

     

    ไดกิยืนประมวลคำพูดของเรียวสุเกะอยู่พักหนึ่งกว่าจะเข้าใจ แน่นอนรวมถึงเข้าใจอีกด้วยว่าทำไมถึงมาให้ดอกไม้กับเขา เรื่องดอกไม้น่ะที่เขาเข้าใจความหมายนั่นก็เป็นเพราะข้อความที่นายซากาโมโตะฝากถึงภรรยาน่ะสิ

    ไดกิยืนมองประตูห้องน้ำแล้วอมยิ้ม

    พูดซะเข้าใจยาก สรุปนายแค่จะบอกรักฉันเท่านั้นแหละ ใช่ไหมล่ะ

    .

    .

    .

    .

    .

    เรียวสุเกะที่ยืนพิงประตูห้องน้ำรอฟังคำตอบของไดกิอยู่นั้น อมยิ้มอยู่คนเดียวเงียบๆ ก่อนจะเริ่มทำภาระกิจชำระล้างร่างกาย

     

     

     

    ความหมายอีกอย่างของดอกไฮเดรนเยียร์

    Thank you for understanding

    ขอบคุณนะที่เข้าใจฉัน

    จากนายซากาโมโตะ ฝากฉันไปบอกภรรยาของเขา ยูคิเอะ

     

     




     

    Close the case...

     


     

    ปิดคดีแรกได้แล้ว!! งงกันบ้างมั๊ยเอ่ย? ดันทิ้งปมไว้เยอะเกินไป พอมาเคลียทีหลังมันอาจจะล้นเยอะออกมาต้องขออภัยแก้ตัวใหม่ อิอิ จะว่าไปฟิคเรื่องนี้มันเรียลแท้~ กร๊าก! ตรงท่อนสุดท้ายที่เรียวสุเกะพูดอะไรซึ้งๆให้ไดกินั้น ทุกคนเข้าใจความหมายไหมนะ? อ่านหลายๆรอบก็เข้าใจเองแหละ << เหวยยย

    ฟิคเรื่องนี้เป็นเรื่องที่โซลทุ่มชีวิตนักแต่ง?ทั้งหมดมาที่ฟิคเรื่องนี้ ตั้งใจมากๆ พอเห็นคนมาอ่านมันก็อดดีใจไปมากๆไม่ได้เลยล่ะ >< ยังไม่ดีเท่าไหร่นักแต่จะปรับปรุงไปเรื่อยๆจ๊า แต่กรรมสนองดองไว้นาน คนลืมหมดแล้วเลยไม่ค่อยมีคนมาอ่าน เอาเหอะ  TwT เอาล่ะ มาลุ้นคดีต่อไปกันดีกว่า!!!

    สุดท้าย โซลเปิดเพจ Ariyama Thailand Fanclub กับเพื่อนๆพี่ๆ มีทั้งทรานส์แปล รีพอร์ต หรืออะไรๆที่เกี่ยวกับอาริยามะทั้งหมด! เอาล่ะ Welcome to Reality Land!! วะฮ่าฮ่าๆ!!

    http://www.facebook.com/AriyamaThailandFanclub

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×