ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HSJ] The Special Cases

    ลำดับตอนที่ #8 : Case 1 : คุณนายซากาโมโตะ... ความจริง (episode 6)

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ย. 55





                    เช้าวันรุ่งขึ้น เรียวสุเกะกับไดกิต่างตื่นกันแต่เช้าเพื่ออ่านสรุปผลการวิเคราะห์ทั้งหมดโดยละเอียดที่เคย์โตะส่งมาให้เมื่อคืนที่ผ่านมา เพื่อนำมาสู่การสังเคราะห์และรวบรวมหลักฐานครั้งสุดท้าย

                    สรุปแล้วจากข้อมูลโดยละเอียดนี้ก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากที่เคย์โตะอธิบายให้พวกเราฟังเมื่อคืนนี้ซักเท่าไหร่เลยสินะไดกิยืนลูบคางอ่านตัวหนังสือบนจอคอมพิวเตอร์เงียบๆด้านหลังเรียวสุเกะ

                    ก็ดีแล้วล่ะ เราจะได้ดำเนินตามแผนที่เราวางเอาไว้เมื่อคืนไว้ได้ตามปกติ ทีนี้เรื่องก็ไม่ยากอะไรแล้ว สุดท้ายก็ต้องหวังพึ่งความสามารถในการเจรจาของนายเท่านั้นแหละนะไดกิเรียวสุเกะหันมายิ้มให้ไดกิที่ยืนอยู่ด้านหลัง

                    สายตาที่ต่างระดับ ทำให้ไดกิต้องเหลือบตาลงไปมองเรียวสุเกะที่นั่งอยู่ด้านล่างแล้วยิ้มน้อยๆ

                    เชื่อมือเหอะน่าไดกิยิ้มกว้างแล้วชูนิ้วโป้งให้

                    เรียวสุเกะหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะหมุนตัวกลับไปปิดเครื่องคอม ส่วนไดกิเดินไปหยิบขนมปังสองสามชิ้นในถุงใกล้ตัว เช้านี้พวกเขาเลือกที่จะซื้อขนมปังมาทานแทนอาหารเช้าบนห้องเพื่อลดเวลาในการเดินออกไปหาร้านอาหารด้านนอก โดยที่รับหน้าที่ไดกิเป็นคนลงไปซื้อที่ร้านค้าด้านล่าง ในระหว่างที่รอเรียวสุเกะอาบน้ำ

                    ไดกินั่งลงแกะขนมปังบนเตียงของตัวเองโดยมีเรียวสุเกะเดินตามมานั่งที่เตียงของตนบ้างและเริ่มลงมือควานหาขนมปังรสที่ตัวเองชอบในถุงใกล้ตัว

                    เด็กหนุ่มเหลือมองเพื่อนสนิทหน้ากลมที่กำลังนั่งค้นหาขนมปังไส้สตรอเบอร์รี่ที่ตัวเองชอบในถุงแล้วอมยิ้มออกมาน้อยๆ

                    หารสสตรอเบอร์รี่อยู่หรอ

                    ก็ใช่น่ะสิ อ๊ะ เจอแล้วเรียวสุเกะทำหน้าดีใจเมื่อตนพบสิ่งที่ตัวเองนั่งหามาอยู่นมนานก่อนที่จะเริ่มลงมือแกะถุงขนมปัง

                    นี่นาย ไม่คิดว่าฉันจะไม่ได้ซื้อรสสตรอเบอร์รี่ขึ้นมาให้นายบ้างรึไง?” ไดกิถาม จะว่าไปเขายังไม่ได้บอกซักคำว่าซื้อมารึเปล่า แต่เจ้าตัวนั้นกลับนั่งค้นถุงขนมปังซะราวกับมั่นใจว่าในถุงนี้จะต้องมีขนมปังรสสตอร์เบอร์รี่ของโปรดอยู่แน่ๆ

                    แต่นายก็ซื้อมานี่เรียวสุเกะตอบหน้าตาย จนไดกิชะงักแล้วก็หัวเราะในลำคอเบาๆ จริงของเขาแฮะไดกิคิด

                    เรียวสุเกะนิ่งเงียบไปซักพักก่อนจะเริ่มเอ่ยปาก เพราะนายเป็นคนเดียวที่รู้ใจฉัน เป็นคนเดียวที่เห็นฉันมาเป็นที่หนึ่ง ดังนั้นเพียงแค่เรื่องอาหารเล็กๆน้อยๆนายก็ไม่เคยมองข้ามหรือทำให้ฉันต้องผิดหวัง ฉันเลยมั่นใจว่านายจะต้องซื้อมาให้ฉันแน่ๆ และถ้าหากว่ามันไม่มีขาย นายคงจะเอ่ยขอโทษฉันตั้งแต่วินาทีที่เดินเข้ามาในห้องแล้วล่ะ ว่านายซื้อมันมาไม่ได้น่ะ ถูกรึเปล่า?” เรียวสุเกะมองหน้าไดกิด้วยสายตาที่คาดเดาไม่ได้ แต่เนื้อหาที่เรียวสุเกะพูดนั้นกลับมันทำให้ไดกิหัวเราะออกมา

                    ฮะๆ นายเนี่ยนะ รู้ไปหมดซะทุกเรื่องเลยไดกิมองหน้าเรียวสุเกะ เขาก็รู้อยู่แล้วว่าเรียวสุเกะฉลาดแค่ไหน แต่เขาก็มั่นใจว่าเขาเองก็ฉลาดเหมือนกันนี่นา แต่ก็แพ้เรียวสุเกะจนได้สินะ แล้วไหนจะตรงที่บอกว่า เขาเห็นเรียวสุเกะมาเป็นที่หนึ่งนั้นน่ะ มันก็เป็นเรื่องจริงทั้งนั้นเลยน่ะสิ

                    เรียวสุเกะไม่ได้หัวเราะตามแต่กลับจ้องบนใบหน้าของไดกิอย่างจริงจังจนไดกิต้องค่อยๆลดเสียงลงแทน

                    เมื่อคืนก่อนนายก็คิดแบบนั้นใช่ไหมล่ะไดกิน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วเหมือนจะทำให้รู้สึกว่า เขานั้นรู้อยู่ทุกอย่าง เป็นน้ำเสียงราวกับจะบังคับอีกฝ่ายให้รับรู้ไว้ว่า ฉันรู้หมดแล้ว นายปิดบังฉันไม่ได้หรอกอย่างไรอย่างนั้นเลย

                    แต่ไดกิก็ยังคงทำเป็นเฉไฉ คืนก่อน? คิดอะไรหรอเรียวสุเกะ ฉันไม่ได้คิดอะไรนะ ก็คืนก่อนเราเข้าไปเจอกับพวกอิซาวะไง คืนนั้นฉันก็คิดถึงแต่เรื่องพวกมันนั่นแหละ

                    เรียวสุเกะจ้องตานิ่ง แล้วถอนหายใจ เฮ้อ เขาก็ลืมไปว่าน้ำเสียงกดดันของเขามันใช้กับเพื่อนสนิทคนนี้ไม่ได้ผล เรียวสุเกะนึกเซ็งตัวเองนิดๆ แต่ก็ตัดสินใจเปิดปากพูดต่อไป ไม่อย่างนั้นการทำงานวันนี้อาจจะเกิดเรื่องผิดพลาดก็ได้ เพราะไดกิรักเขามากเกินไป

                    ตอนที่พวกนั้นกำลังเข้ามาในบ้านแวบหนึ่งที่นายมองหน้าฉันแล้วนิ่งใจลอยไปไหนก็ไม่รู้เรียวสุเกะเปรย ตอนนั้นนายคงกำลังคิดว่า หากว่าพวกอิซาวะเป็นพวกอื่นที่ไม่ใช่คนของนายโอชิฮาระ นายก็กังวล กลัวว่าคดีนี้จะยุ่งยากเข้าไปอีก นายกลัวว่าหากถึงเวลาขับขันนายจะปกป้องฉันไม่ได้ นายคิดแบบนี้ ฉันรู้…”

                    ไดกินั่งทึ่งจนเผลอหยุดเคี้ยวขนมปังไปชั่วขณะ จนเรียวสุเกะหัวเราะแล้วเผยิดหน้าไปให้ไดกิทานขนมปังต่อให้เสร็จ

                    ไดกิ นายจำเอาไว้นะ ฉันดูแลตัวเองได้และฉันก็คิดว่านายคงรู้ดี อาชีพของพวกเราทำงานอยู่บนความเสี่ยง หากจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นมาก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลก หากว่าสุดท้ายฉันไม่จะสามารถปกป้องตัวเองได้ และนายก็ไม่อาจปกป้องฉันได้เช่นกัน ก็ขออย่าให้นายโทษตัวเองหรือรู้สึกผิดเลยนะเรียวสุเกะยิ้ม แต่ไม่ว่ายังไง ฉันก็ไม่พลาดท่าง่ายๆหรอก ไม่ต้องห่วง เพราะถึงยังไงแม้ว่าฉันจะหมดแรงแต่ฉันก็เชื่อว่านายจะปกป้องฉันได้ และนายจะไม่ทิ้งฉันไปไหน ฉันเองก็จะปกป้องนายและจะไม่ทิ้งนายไปไหนเหมือนกัน เพราะฉะนั้นงานครั้งนี้อย่ากังวลไปเลยนะ เรามาลุยไปด้วยกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็หันหลังชนกันแล้วสู้ สำหรับฉันแล้วแค่นี้มันก็ทำให้ฉันรู้สึกได้ว่า ฉันคือผู้ที่แข็งแกร่งและเป็นอมตะเพียงคนเดียวในโลกแล้วล่ะ ขอเพียงแค่มีไดกิอยู่เคียงข้างก็พอ

    เรียวสุเกะพูดจบก็กระแอมเขินๆ แล้วหันหลังหลบหน้าของไดกิที่กำลังยิ้มกว้าง แถมยังทำท่าจะโผมากอดเขาอีกแต่เขาก็หนีไดกิไม่พ้น

                    ขอบคุณนะเรียวสุเกะไดกิกอดเรียวสุเกะแน่น เด็กหนุ่มฝ่ายที่ถูกกอดอมยิ้มแล้วก็กอดตอบ ไดกิเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงตอบที่ส่งมาจากเรียวสุเกะก็ทำให้เขากระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ฉันก็จะไม่มีวันปล่อยนายไปเด็ดขาด ขอบคุณนะ เรียวสุเกะ

     

    *******************

     

                    หลังจากที่ไดกิและเรียวสุเกะเก็บของเตรียมตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็เตรียมออกเดินทางมุ่งหน้าไปสู่บ้านซากาโมโตะทันที โดยเป้าหมายมีเพียงหนึ่งเดียว หลังจากที่ทั้งคู่ได้มั่นหมายกันเอาไว้แล้วก่อนที่จะก้าวพ้นธรณีประตูห้องออกมา

                    ไม่เกินคืนวันนี้พวกเขาจะต้องได้สูตรลับกลับมาให้ได้!

                   

    เมื่อเด็กหนุ่มทั้งคู่นั่งรถบัสเล็กมาจนถึงเมืองยาซาโตะ สิ่งๆที่แรกที่พวกเขาทอดสายตามองออกไป คือถ้ำเล็กๆบนภูเขาด้านหลังบ้านซากาโมโตะ แสงแดดจ้าของฤดูใบไม้ผลิทอแสงลงมากระทบที่ต้นไม้ใบเขียวบนภูเขาเป็นสีสวยงาม สะท้อนกับหยาดน้ำค้างที่ยังคงหลงเหลือจากตอนกลางคืนระยิบระยับราวกับภูเขานั้นมีชีวิต

    ทั้งสองยืนมองภูเขาอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนจะเริ่มก้าวเท้าออกเดินมุ่งหน้าสู่บ้านซากาโมโตะ

    นี่เป็นครั้งที่สาม ที่พวกเขามาเยือนบ้านหลังนี้ทว่าต่างกันนิดหน่อยตรงที่ ครั้งนี้พวกเขาจะเข้าทางประตูหน้าบ้าน ไม่ใช่เข้าทางประตูหลังตอนกลางคืนที่ไม่มีใครอยู่

    รถเก๋งสีขาวกึ่งเก่ากึ่งใหม่ถูกจอดอยู่ในโรงจอดรถของบ้านอย่างสงบ ประตูหน้าต่างของบ้านถูกเปิดออกมาเพื่อรับลม กลิ่นอายที่มีชีวิตชีวาลอยออกมา เป็นสัญญาณว่าเจ้าของบ้านนั้นกลับมาแล้ว

    เด็กหนุ่มพยักหน้าให้กันเล็กน้อย ก่อนจะกดกริ่งหน้าบ้าน

    ปิ๊งป่อง

    ค่า ใครคะ?” ชั่วอึดใจ ประตูหน้าบ้านถูกเปิดออกพร้อมกับหญิงสาววัยกลางคนคนหนึ่ง ผมยาวสีดำถูกมัดรวบเอาไว้ด้านหลัง แขนเสื้อสีดำยาวถูกถลกขึ้นจนถึงข้อศอก ผ้ากันเปื้อนสีเหลืองอ่อนน่ารักถูกผูกทับกับเสื้อแขนยาวสีดำ ใบหน้าของหล่อนออกจะดูเหมือนแก่เกินวัยเล็กน้อยเมื่อเทียบจากข้อมูลที่ทั้งสองได้รับมา แต่โครงหน้านี้ก็เป็นโครงหน้าเดียวที่ทั้งสองเคยเห็นบนรูปถ่ายในบ้าน ทำให้แน่ใจได้ว่า หญิงคนนี้คือนางซากาโมโตะ ยูคิเอะ ภรรยาของนายซากาโมโตะ ยูอิจิอย่างแน่นอน

    เด็กหนุ่มหันไปมองทางตัวบ้านที่มีนางซากาโมโตะเดินออกมายืนต้อนรับอยู่แล้วยิ้มให้ ไดกิและเรียวสุเกะโค้งเล็กน้อยเป็นมารยาทก่อนที่เรียวสุเกะจะส่งมอบหน้าที่นี้ให้กับไดกิ

    สวัสดีครับ พวกผมเป็นคนรู้จักของคุณลุงซากาโมโตะ ยูอิจิน่ะครับ เผอิญว่าพวกเรามาทำธุระที่เมืองนี้ให้คุณพ่อคุณแม่กันพวกผมเลยอยากจะแวะมาไหว้คุณลุงหน่อยน่ะครับ ไม่ทราบว่าคุณคือคุณซาโกโมโตะ ยูคิเอะหรือเปล่าครับไดกิยิ้มอย่างนอบน้อม

     

    แหม ขอบคุณนะจ๊ะที่อุตส่าห์ลำบากมาไหว้สามีถึงที่นี่น่ะคุณนายซากาโมโตะ เชิญเด็กหนุ่มทั้งสองเข้าไปในบ้านก่อนจะนำน้ำชากับขนมมาเสิร์ฟหลังจากพาทั้งสองไปไหว้ป้ายวิญญาณของนายซากาโมโตะในห้องโถงเรียบร้อยแล้ว

                    ไดกิกับเรียวสุเกะรีบปฏิเสธด้วยความเกรงใจ

                    ไม่ลำบากหรอกครับ พวกผมเองก็ผ่านมาแถวนี้พอดีน่ะครับ เลยนึกขึ้นได้ว่าบ้านของคุณลุงอยู่แถวนี้เลยอยากจะเข้ามาไหว้ท่านซักครั้งหนึ่งไดกิทำหน้าปั้นยากราวกับตัวเองนั้นรู้สึกเสียใจที่เวลาผ่านไปนานถึง10 ปีแล้วแต่ตนพึ่งจะได้มีโอกาสมาไหว้นายซากาโมโตะในวันนี้

                    เรียวสุเกะเหลือบมองไดกิที่กำลังตีบทแตกอยู่ข้างๆนิดๆก่อนจะลอบถอนหายใจเบาๆ นี่ถ้าไดกิไม่ได้ทำงานใน FBI เขาคิดว่าวันนี้ไดกิคงได้กลายเป็นดาราฮอลลิวู้ดไปแล้วแน่ๆ

                    เด็กหนุ่มเหน็บเพื่อนสนิทอยู่ได้ชั่วแว๊บเดียวก็รีบเลียนแบบเพื่อนชายเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต

                    นางซากาโมโตะเห็นแล้วก็ทำสีหน้าปลาบปลื้มบวกกับรู้สึกเห็นอกเห็นใจเด็กหนุ่มทั้งสองยิ่งนัก เพราะจากที่นางได้ฟังเรื่องราวของเด็กสองคนนี้กับสามีจากไดกิแล้ว ที่ว่า สมัยที่สามีเคยไปทำงานที่โตเกียวเมื่อ 10 ปีก่อน เขามักจะมาเล่นกับเด็กทั้งสองคนนี้ที่สวนสาธารณะใกล้ที่พักบ่อยๆจนสนิทกันและวันหนึ่งนายซากาโมโตะก็มาหายตัวไปทำให้เด็กน้อยทั้งสองรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก จนวันหนึ่งได้มาเห็นข่าวการเสียชีวิตของนายซากาโมโตะทางทีวี ตอนนั้นเด็กทั้งสองอายุได้ 7 ขวบแล้วก็ไม่น้อยจนเกินไปที่จะรับทราบได้ว่าคุณลุงซากาโมโตะ ยูอิจินั้นได้จากไปแล้ว จากนั้น 10  ปีถัดมาเด็กน้อยทั้งสองก็ได้เติบโตกลายเป็นหนุ่ม เมื่อมีโอกาสไว้แวะผ่านมา ทำให้ความทรงจำตอนเด็กๆหวนกลับมาอีกครั้ง ทำให้ทั้งสองพากันตามหาบ้านของคุณลุงจากผู้คนในเมืองจนเดินมาถึงบ้านหลังนี้ได้ ละครน้ำเน่าชัดๆ

                    ป้าต้องขอบคุณพวกเธอจริงๆนะจ๊ะ สามีคงจะดีใจมากที่พวกเธอมาหาเขาวันนี้น่ะ คุณนายยิ้มใจดี ทำให้ไดกิกับเรียวสุเกะก็อดที่จะตีสีหน้าให้คลอไปตามเนื้อเรื่องต่อแทบไม่ทัน

                    เรียวสุเกะปล่อยไดกิโม้เรื่องราวต่างๆของตัวเองให้คุณนายซากาโมโตะฟังอยู่คนเดียว ก่อนที่ตนจะมองไปรอบๆเพื่อประเมินสถานการณ์และหาจังหวะ จนนึกขึ้นได้ว่า

                    อ้าว แล้วน้องสาวของคุณป้าล่ะครับ? พอดีตอนที่พวกผมไปถามหาบ้านของคุณลุงในเมือง เขาบอกว่าคุณป้าอาศัยอยู่กับน้องสาวนี่ครับ? เขาไม่อยู่หรอครับเรียวสุเกะเอ่ยถาม แต่เขาก็ภาวนาขอให้หล่อนไม่อยู่ เพราะอาจจะทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้นมาเล็กน้อย

                    อ๋อ ระหว่างตอนขากลับจากงานแต่ง เขาขอแยกตัวไปเที่ยวกับเพื่อนกลางทางน่ะ ป้าเลยกลับมาคนเดียวคุณนายตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร ทำให้เรียวสุเกะโล่งอก ก่อนที่เขาจะรู้สึกว่า นี่คงถึงแก่เวลาแล้วที่พวกเขาควรจะดำเนินตามแผนการซักที เพราะเวลามีไม่มากนัก

                    ไดกิเองก็มีความคิดที่ไม่ต่างกัน เพราะจากที่ทาคาคิบอกมา โอกาสที่พวกนั้นจะเร่งปฏิบัติงานให้เร็วขึ้นก็อาจจะทำให้พวกเขาเสียแผนได้ ทางที่ดีพวกเขาควรจะรีบปิดคดีนี้ให้เร็วที่สุด

                    อ๊ะ ทานข้าวกลางวันด้วยกันนะจ๊ะ เดี๋ยวป้าจะไปทำมาให้นะนางซากาโมโตะ เหลือบไปมองนาฬิกา ก่อนจะเอ่ยปากชวนเด็กหนุ่มทั้งสองให้อยู่ร่วมทานข้าวกลางวันด้วยกัน ในจังหวะที่นางกำลังจะลุกออกไป ไดกิก็เอ่ยขัดขึ้นมาทันที

                    ถ้าอย่างนั้น ผมขอเป็นเบนโตะร้อนๆแล้วขึ้นไปนั่งปิคนิคกันที่ถ้ำบนภูเขาลูกนั้นจะได้หรือเปล่าครับ” …ไดกิเอ่ยเสียงเรียบทำให้นางซากาโมโตะชะงักไปทันที ก่อนจะรีบหันหลังกับมามองเด็กหนุ่มทั้งสองที่ยังคงนั่งอยู่บนโซฟา ทว่าไดกิกับเรียวสุเกะเองเมื่อรู้สึกแล้วว่านางหันกลับมามองพวกตน เด็กหนุ่มเองก็หันกลับมายิ้มให้อย่างไม่หยี่ระกับสิ่งที่พวกตัวเองพูดออกไป ราวกับจะตีบทใสซื่ออย่างที่ผ่านมา ทว่าบุคคลที่สามกลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกกดดันจากน้ำเสียงและคำพูดนั้น

                    ได้ไหมครับคุณป้า ผมคิดว่าวันนี้อากาศดี เหมาะกับการปิคนิคอย่างมากเลยนะครับไดกิยังคงพูดต่อโดยมีเรียวสุเกะพยักหน้าเออออตาม

                    อ่ะ เอ่อ ป้าคิดว่าเราทานกันที่บ้านดีกว่านะ บนเขามันอันตรายน่ะคุณนายซากาโมโตะ ปั้นยิ้มแล้วเดินเข้าไปทำอาหารตรงโซนห้องครัว ที่มีเพียงแค่เคาท์เตอร์ใหญ่ๆขวางกั้นระหว่างห้องนั่งเล่นที่ไดกิและเรียวสุเกะนั่งอยู่กับครัวที่หล่อนกำลังยืนอยู่เท่านั้น

                    เด็กหนุ่มทั้งสองกระตุกยิ้ม

                    เพราะว่าในถ้ำนั้นมันมีแก๊สพิษน่ะหรอครับเรียวสุเกะพูดเสริมโดยจงใจใช้น้ำเสียงที่เหมือนจะอ่านอีกฝ่ายทะลุจนหมดเหมือนกับครั้งก่อนที่เขาพูดกับไดกิโดยใช้น้ำเสียงนี้ ถึงแม้ว่า มันจะใช้ไม่ได้ผลกับไดกิ แต่เขาก็มั่นใจว่า มันจะใช้ได้ผลกับคนอื่นๆทุกคน

                    คุณนายซากาโมโตะเริ่มเหงื่อแตกพลั่ก เธอเหลือบขึ้นมามองเด็กหนุ่มทั้งสองที่นั่งยิ้มอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น เด็กสองคนนี้เป็นใครกันแน่!...หล่อนคิดในใจ

                    แต่หล่อนก็พยายามใจดีสู้เสือ อ่ะ เอ่อ เธอสองคนไปได้ยินมาจากที่ไหนจ๊ะเนี่ย แต่ก็อย่างที่พวกเธอรู้กันนั่นแหละจ้ะ ดังนั้นเราอย่าไปกันเลยนะนางเอ่ยตอบหวังจะปัดความสนใจของเด็กหนุ่มได้ แต่หล่อนกลับคิดผิด เพราะคำพูดนี้มันกลับหันลูกศรชี้กลับมาเข้ามาหาตัวหล่อนแทน

                    ไดกิแสยะยิ้ม

                    อย่างนั้นหรอครับ เห แต่ผมว่ามันไม่มีอยู่จริงหรอกนะครับเจ้าแก๊สพิษนั่นน่ะ เพราะคุณป้านั่นแหละที่เป็นคนปล่อยข่าวลือเรื่องนี้เพื่อกันไม่ให้คนเข้าไปใกล้ถ้ำแห่งนั้น เพราะว่าที่นั่นมันมีอะไรซ่อนอยู่ใช่ไหมล่ะครับไดกิพูดพลางเอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างสบายๆ

                    คุณนายตาเบิกโพลง

                    พะ พวกเธออย่ามาล้อเล่นน่า เอาอะไรมาพูดน่ะ!” นางเริ่มใจเสียอย่างเห็นได้ชัด ไดกิไม่ปล่อยให้หล่อนตั้งตัวแต่กลับรุกต่อ

                    หลักฐานก็คือ ต้นไม้บริเวณรอบๆนั้นยังคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้ล้มตายแต่อย่างใด อีกทั้งถ้าในถ้ำนั้นมีแก๊สพิษอยู่จริงๆ คงไม่ใช่แค่ต้นไม้บริเวณนั้นที่จะพากันล้มตาย แต่เมืองยาซาโตะแห่งนี้เองก็คงจะเป็นไปด้วยแก๊ษพิษเป็นแน่ ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า แก๊สพิษนั่นไม่มีอยู่จริงยังไงล่ะ

                    ส่วนสิ่งที่คุณซ่อนเอาไว้ก็คงจะเป็นสูตรลับในการทำยาพิษส่งออกขายที่ประเทศสหรัฐอเมริกาตามคำสั่งของบริษัทเงินทุนโอชิฮาระที่นายซากาโมโตะ ยูอิจิ สามีเคยทำงานอยู่ก่อนที่จะเสียชีวิต ไม่สิ ก่อนจะถูกฆาตกรรมโดยประธานบริษัทโอชิฮาระ เมื่อสิบปีก่อน ใช่รึเปล่าล่ะครับ คุณนายซากาโมโตะ ยูคิเอะเรียวสุเกะลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาพูดข้อสันนิษฐานของตนตรงหน้าเคาท์เตอร์ทำอาหารที่นางซากาโมโตะ ยืนหน้าซีดอยู่ที่อีกฝั่งด้านหลังของเคาท์เตอร์

                    ไดกิลุกขึ้นตามมายืนสมทบ สายตามองตรงไปที่นางซากาโมโตะที่กำลังยืนก้มหน้า

                    กรุณาเล่าความจริงทั้งหมดมาเถอะครับ คุณนายซากาโมโตะ เพื่อตัวคุณเองและสามีของคุณ พวกเรายังไม่ทราบถึงเหตุผลที่คุณทำลงไป ดังนั้นได้โปรดกรุณาเล่าความจริงทั้งหมดให้พวกเราฟังด้วยครับไดกิเอ่ยอย่างขอร้อง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะฟังแล้วคิดว่ามันคือการข่มขู่หรือเปล่า…?

     

                    ในที่สุดคุณนายซากาโมโตะก็เงยหน้าขึ้นมา นางถอนหายใจหนึ่งครั้ง ก่อนส่งรอยยิ้มอันอิดโรยไปให้เด็กหนุ่มทั้งสอง

                    พวกเธอเป็นใครกันแน่น่ะคุณนายถามด้วยน้ำเสียงที่หมดแรง

                    เด็กหนุ่มทั้งสองมองหน้ากันแล้วก็ยิ้ม

                    พวกเราก็เป็นเด็กม.ปลายธรรมดาๆสองคน ที่บังเอิญชอบดูหนังนักสืบเท่านั้นเองครับ

     

     

                    บ้านซากาโมโตะ พร้อมด้วยสมาชิกใหม่อีกสองคน นั่งล้อมโต๊ะในห้องรับแขกกันเงียบ โดยยังไม่มีใครปริปากพูดกันออกมาเลย สายลมอ่อนๆติดร้อนยามเที่ยงโบกโชยเข้ามาในห้องนั่งเล่นตามหน้าต่างและประตูที่เปิดออก ขนมเค้กถูกเสิร์ฟอีกรอบแทนอาหารกลางวัน แต่กลับไม่มีใครแตะต้องมันเลยซักนิดจนกระทั่งหนึ่งในสามคนตรงนี้ เอ่ยปากพูดออกมา

                    ฉันรู้มานานแล้วว่าสามีทำอะไรอยู่นางซากาโมโตะเริ่มเอ่ยปาก เรียกสายตาของเด็กหนุ่มกลับมารวมที่ใบหน้าของนางอีกครั้ง

                    เขาบอกว่าตกกระไดพลอยโจนเลยต้องทำไปอย่างช่วยไม่ได้ พอวันหนึ่งสามีตัดสินใจว่าจะถอนตัวเขาก็ถอนตัวออกมาเสียเฉยๆ แล้วเดินทางออกจากโตเกียวกลับมาที่นี่ทันทีนางเว้นวรรค เท่าที่ฟังมาคิดว่าพวกเธอคงจะรู้หมดแล้วที่ว่าตอนเช้าศพของสามีลอยไปบนแม่น้ำทามะ แต่เวลาที่ตำรวจคาดว่าเขาเสียชีวิตคือช่วงเวลาเดียวกับที่มีคนเห็นสามีนั่งทานราเมนอยู่แถวนี้นางซากาโมโตะกำชายผ้ากันเปื้อนแน่น

                    ตอนที่ตำรวจโทรมาบอกว่าสามีเสียชีวิตแล้วฉันตกใจมาก ไหนจะคำให้การที่ว่ามีคนเห็นสามีกลับมาที่เมืองนี้แล้วอีกตอนก่อนเกิดเหตุ เพราะวันนั้นเขายังไม่ได้เข้ามาที่บ้านเลย แต่นั่นทำให้ฉันคิดว่าเขาคงดูฆ่าหลังทานราเมนนั่นแหละ…” นางเล่าด้วยเสียงอันขมขื่น อันที่จริงเรื่องการฆาตกรรมนายซากาโมโตะ จากข้อมูลคดีแล้วแน่นอนว่าพวกเขาสามารถไขคดีได้หมดแล้ว และคำให้การที่ว่าเวลาที่คาดว่านายซากาโมโตะเสียชีวิตนั้นดันเป็นเวลาที่มีคนพบเห็นเขาทานราเมนอยู่นั้น ทั้งหมดนี้ทำให้พวกเขาสามารถไขคดีได้ในเวลาเพียงครู่เดียว และก็พบกับคำตอบที่น่าตกใจอยู่อย่างหนึ่ง กุญแจคือร้านราเมนร้านนั้นนั่นแหละ แต่ถ้าจะถามว่ารู้ได้อย่างไร? ลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าสองหนุ่มของเราเป็นแฟนพันธุ์แท้ราเมนร้านนั้นน่ะ

                    ทว่านี่ยังไม่ถึงเวลาที่พวกเขาจะแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาจึงนั่งเงียบเพื่อฟังนางซากาโมโตะเล่าต่อ

                    เรื่องนั้นช่างมันเถอะ มันคงเป็นทริกอะไรซักอย่างแต่ฉันก็ไม่อยากจะเก็บมันมาคิดแล้ว สิ่งที่ฉันต้องทำจากนั้นคือ ปกป้องสูตรลับนั่นให้ได้…” นางพูดด้วยน้ำเสียงอันขมขื่นราวกลับจะอดกลั้น น้ำตาหลั่งไหลออกมาจากดวงตาของหล่อน ไดกิกับเรียวสุเกะตกใจทำอะไรไม่ถูก แต่ในระหว่างนั้นนางก็เริ่มพูดต่อ

                    พวกเธออาจจะสงสัยใช่ไหมล่ะว่าทำไม ฉันถึงเป็นคนเก็บ ทำไมถึงไม่บอกตำรวจนางเช็ดน้ำตาแล้วกลับมายิงคำถามใส่เด็กหนุ่มทั้งสองแทน

                    ทั้งสองตกใจเล็กน้อยที่ถูกถามกลับ แต่ก็ทำได้แค่พยักหน้าส่งไป ที่จริงนี่เป็นอีกจุดที่พวกเขาคิดไม่ตก ทั้งๆที่นายซากาโมโตะเองก็หวังจะให้สูตรนี้ถึงมือตำรวจ ส่วนจากที่ฟังนายโอชิฮาระพูด นางก็ได้ขอให้ตำรวจมาคุ้มครองหล่อนอยู่ช่วงหนึ่งไม่ใช่หรือ? แต่ทำไมหล่อนถึงไม่บอกล่ะ?

                    นางซากาโมโตะเม้มปากอีกครั้ง

                    วันนั้นที่สามีบอกว่าจะถอนตัว เขาโทรมาเล่าเรื่องต่างๆให้ฟังทั้งหมด ทั้งเรื่องสูตรลับ ทั้งเรื่องตำรวจ ดังนั้นเมื่อสามีถูกฆ่าในคืนวันนั้น มันก็ทำให้ฉันรีบดำเนินการตามเจตนารมณ์ของสามีทันที ทว่าพวกเขาคิดว่าฉันคงเสียใจจนเสียสติเลยกุเรื่องขึ้นมาเพื่อให้ความเท็จแก่บริษัท ฉันจึงต้องทำหน้าที่ปกป้องสูตรลับนี้เอาไว้เอง…” เรื่องราวอันน่าเศร้าหลุดออกมาจากหญิงวัยกลางคนผู้นี้ ทำให้ไดกิและเรียวสุเกะอดจะฉุนไปไม่ได้ พวกตำรวจนี่ไม่ได้เรื่องจริงๆ แต่อย่างที่ว่า สมัยนั้นคดีความคงยังไม่เคยเกิดอะไรที่ซับซ้อนเท่าไหร่นัก อีกทั้งบริษัทโอชิฮาระเป็นบริษัทที่มีประวัติดีและสะอาด แม้แต่ตอนนี้ตำรวจญี่ปุ่นเองก็ยังคงไม่รู้อะไรเลย นี่คืออีกเหตุผลที่ทำให้ ฝ่ายเขาต้องเป็นคนดำเนินการเอง คงเพราะอย่างนี้สินะ

                    ทั้งคู่พยักหน้าตอบรับนางซากาโมโตะ

                    แต่ฉันจะไม่ทำลายมัน เพราะว่ามันสามารถเอาผิดกับคนพวกนั้นได้ แม้ว่าฉันตัวคนเดียวจะทำอะไรไม่ได้ จนละเลยปล่อยเรื่องนี้มาเป็นเวลาสิบปีแล้วก็ตาม…”

                    นางเว้นจังหวะอีกครั้ง ยกกาแฟที่บัดนี้เย็นชืดราวกับใส่น้ำแข็งขึ้นมาจิบ ก่อนที่นางจะถลกแขนเสื้อด้านขวาให้สูงขึ้น จนเห็นรอยแผลเป็นยาวอยู่ที่ต้นแขน ไดกิกับเรียวสุเกะรู้ได้ทันทีจากรอยแผลนั่น ว่าเลือดที่กระจายอยู่ในบ้านหลังนี้คือเลือดของนางอย่างแน่นอน ตามข้อสันนิษฐานของเรียวสุเกะที่บอกว่า เจ้าของเลือดจะต้องบาดเจ็บที่แขนด้านขวา

                    ไดกิกับเรียวสุเกะมองหน้านางอย่างต้องการจะถามถึงรอยแผลเป็นนั่น ซึ่งนางก็รู้ดี

                    หลังจากที่สามีตายไปได้สองสามวัน ก็มีผู้ชายสองสามคนบุกเข้ามาทำร้ายฉันแล้วขู่ให้ฉันนำสูตรลับออกมา เลือดกระเซ็นไปทั่วห้องนึกตอนนี้ฉันยังไม่อยากเชื่อเลยว่านั่นคือเลือดของตัวเองน่ะนางยิ้มขมขื่น แต่ฉันก็ยืนยันว่าฉันไม่รู้จริงๆ จนพวกมันยอมเลิกราไป จากนั้นฉันก็แจ้งให้ตำรวจมาคุ้มครองอยู่ตลอดเป็นเวลาปีกว่าๆจนพวกนั้นได้หายไปจากชีวิตฉันนั่นแหละ

                    แต่คืนนั้นหลังจากที่พวกมันไปแล้วฉันก็รับรู้ได้ถึงความอันตรายที่น่ากลัว และคิดว่าควรจะนำสูตรไปซ่อนในที่ๆปลอดภัยกว่านี้ ฉันจึงเดินประคองตัวขึ้นเดินไปที่ด้านบนเพื่อไปหยิบสูตรนั้นและนำไปซ่อนที่อื่น แต่ถึงขึ้นทนบาดแผลไม่ไหว จนต้องไปนั่งพักที่ห้องนอนอยู่นานเลยล่ะนางเล่า ซึ่งทุกอย่างถูกต้องตามข้อสันนิษฐานของเรียวสุเกะทุกอย่าง

                    ต่อจากนั้นฉันก็เดินไปค้นหาสูตรที่ว่าในห้องทำงานเก่าของสามี และค้นหาตามที่ๆสามีบอกจนเจอ จากนั้นรุ่งเช้าฉันก็มุ่งหน้าไปที่ถ้ำนั่นทันทีนั่นแหละ

    เรียวสุเกะนึกภาพตาม งั้นแสดงว่าที่มีรอยเลือดบนโต๊ะทำงานนั้นด้วยคงเป็นเรื่องบังเอิญสินะ ไม่ใช่ว่านางต้องการจะค้นหาหนังสือเล่มนั้น หมายความว่านางคงไม่รู้เรื่องหนังสือสินะ งั้นคงไม่แปลกที่จะไม่มีรอยเลือดอยู่บนหนังสือ

                    นางซากาโมโตะมองเพ้อเหม่อไปยังกรอบรูปที่นางถ่ายคู่กันกับสามีตรงหน้าถ้ำแห่งนั้น รายล้อมไปด้วยดอกไม้สวยงาม แม้ว่าจะดูไม่ออกว่ามันคือดอกอะไร แต่ทั้งคู่ก็รับรู้ได้ถึงความงดงามนั้น

                    ที่จริงที่นั่นเป็นห้องทำงานลับของสามีฉันล่ะ ที่ฉันปล่อยข่าวลือว่าเป็นห้องทดลองลับของทหารสมัยก่อนน่ะ มันเรื่องจริงนะ สามีฉันไปพบเข้าเลยซ่อมแซมและยึดเป็นห้องทำงานลับแทนนั่นเป็นที่แห่งความทรงจำของเราสองคนฉันจึงนำมันไปซ่อนไว้ที่นั่นอย่างที่พวกเธอพูดนั่นแหละนางหันกลับมามองคนทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มเศร้า

                    พวกเธอต้องการมันใช่ไหมนางถาม

                    ไดกิกับเรียวสุเกะมองหน้าหล่อนนิ่งและพยักหน้าตอบรับ

                    ครับ ได้โปรดยกมันให้พวกผมด้วยเถอะนะครับ พวกผมสัญญาว่าจะนำมันไปเอาผิดกับเจ้าพวกที่มันทำกับสามีของคุณได้อย่างแน่นอน ได้โปรดเชื่อใจพวกเราด้วยนะครับไดกิเอ่ยขออย่างจริงจังพร้อมกับก้มหัวลงเพื่อเป็นการขอร้อง

                    ได้โปรดวางใจให้พวกเราทำหน้าที่สืบต่อเจตนารมณ์ของสามีคุณด้วยเถอะนะครับ เรียวสุเกะเอ่ยตามพร้อมกับก้มหัวให้เช่นกัน

                    นางซากาโมโตะยิ้มแล้วเม้มปากพร้อมกับน้ำตาที่ไหลเปรอะเปื้อนใบหน้า

                    ได้สิ ทางฉันต่างหากที่ต้องขอความกรุณา ช่วยฉันด้วยเถอะนะคะนางเอ่ยเสียงสะอื้นพร้อมค้อมหัวให้เด็กหนุ่มทั้งสองต่ำกว่าที่ทั้งสองโค้งให้นางเสียอีก

                    ไดกิและเรียวสุเกะเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้กัน ก่อนจะหันไปตอบคุณนาย

                    ด้วยความยินดีครับ



    To be con...

     

     

      วะฮ่าฮ่าๆ!!!! อัพครั้งล่าสุดวันที่ 9 เม.. 54!!! ส่วนวันนี้วันที่ 18 .. 55!!! 1 ปีกับอีก 4 เดือน!! << เลวแท้!! กร๊ากกก ToT! คิดว่าคงไม่มีใครตามอ่านแล้วล่ะ ฮ่าๆ! ทุกคนคัมแบ๊ค ToT!! แต่ก็นะคงไม่มีใครเชื่อโซลแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ ยอมรับ orz แต่โซลแต่งคดีนี้จนถึงตอนจบแล้วนะ คิดว่าอีกสองสามวันจะลงต่อตาม(อาจวันเดียวก็ได้ ฮาา) อันนี้จริงๆเพราะแต่งเสร็จแล้ว กร๊าก! อย่างน้อยๆมาปิดคดีกันก่อน จากนั้นโซลจะไม่รั้งไว้ TwT    

    เอ้อตอนแรกฟิคเรื่องนี้โซลกล่าวไว้ว่ามันคือ ไดยามะเรียลลิตี้แม่นบ่? อันที่จริงเราต้องเปลี่ยนใหม่ให้อินเตอร์เพื่อให้ตามทันสมาคมอาเซียนนะ! << เกี่ยวไร!? ดังนั้น

    อาริยามะเรียลลิตี้ค๊า!!!!!!!!

    มาช่วยกัน ทวงสเตให้อาริยามะ ต้อนรับคินดะอิจิคนใหม่ด้วยกันเหอะ! วะฮ่าฮ่าๆ!!!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×