คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Case 1 : การปฏิบัติงานระยะไกล..หนึ่งวันก่อนลงมือ (episode 5)
หลังจากที่มื้อเที่ยงผ่านไป ไม่นานมื้อเย็นก็มาถึง อ๊ะ อย่าเข้าใจผิด ไม่ใช่ว่าทั้งสองคนแอบอู้ นั่งกินข้าวเที่ยงเสร็จก็ไม่ยอมไปทำงานหรอกนะ แน่นอนว่าพวกเขาทำมาเรียบร้อยแล้ว ก็ในตอนที่ไปกินมื้อเที่ยงกันนั่นไงล่ะ
และแล้วก็มาถึงเวลาที่เหมาะสม พวกเขาได้กลับไปที่ร้านราเมนของคุณลุงใจดีอีกครั้ง หลังจากจัดการอาหารมื้อเที่ยงเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าของร้านเองก็ดูท่าทางจะว่าง ชวนคุยซักหน่อยจะเป็นไรไป…
“เรียวสุเกะ นายคิดว่าที่คุณลุงร้านราเมนพูดน่ะมันจริงไหม” ไดกิถามขึ้นขณะที่กำลังฉีกซองเครื่องปรุงราเมนคัพอยู่
ตอนกลางวันก็ออกไปหาเบาะแสกันทั้งวัน ตอนเย็นก็ขอนั่งพักกินอะไรเบาๆกันในห้องดีกว่า พวกเขาคิดอย่างนี้ มื้อเย็นสุดวิเศษจึงหนีไม่พ้นราเมนถ้วยที่พึ่งซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อเมื่อตอนกลางวัน…
“ทำไม นายสงสัยอะไรรึไง ไดกิ” เรียวสุเกะที่นั่งหันหลังคีย์คอมพิวเตอร์อยู่ถามย้อนกลับ
งงล่ะสิ ว่าเรียวสุเกะกำลังไดเอตกันอยู่งั้นหรือ ไม่ได้นะ มาทำงานจะอดมื้อกินมื้อไม่ได้! ไม่ต้องเป็นห่วงไป เขากำลังรอให้ราเมนสุกอยู่ต่างหากล่ะ
ไดกิที่ปรุงราเมนของตัวเองเสร็จแล้ว ค่อยๆเดินประคองถ้วยราเมนของตัวเองมานั่งใกล้ๆเรียวสุเกะ ไดกิใช้มือข้างหนึ่งที่ว่างลากเก้าอี้มาและนั่งลง โดยระวังให้ถ้วยราเมนถูกกระทบกระเทือนน้อยที่สุด
“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เพียงแต่ว่ามันก็เหลือเชื่อไปอีกแบบเท่านั้นเอง”
“ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย” เรียวสุเกะหันหน้ากลับมามอง “ตรงกันข้าม ถ้านายซากาโมโตะไม่ได้เล่าให้ใครฟังเลยสิแปลก” เรียวสุเกะตอบนิ่งๆ แล้วลงมือเปิดฝาถ้วยราเมนสุดร้อนจี๋
“เอ๊ะ? ทำไมล่ะ” ไดกิไม่เข้าใจ เรื่องที่ตัวเองกำลังทำเรื่องไม่ดีอยู่น่ะ จะบอกให้คนอื่นรู้ไปทำไม? ตอนนี้พวกเขากำลังคุยถึงเบาะแสต่างๆที่ไปสืบมาจากคนในเมืองมากันยังไงล่ะ
ผลที่ได้ปรากฏว่ามีหลายคนเลยทีเดียวที่รู้ว่านายซากาโมโตะกำลังทำงานให้กับพวกคนไม่ดีอยู่ แน่นอนว่าไม่รู้ทั้งหมด ทุกคนที่รู้ก็รู้แค่เพียงข้อมูลตื้นๆจนแทบจะไม่รู้อะไรเลยเท่านั้น
“นายจำข้อมูลที่ยาบุคุงบอกไม่ได้หรอ ที่ว่า รู้ว่าตัวเองกำลังจะถูกเก็บ จึงได้ซ่อนสูตรลับเอาไว้ มันก็ทำนองเดียวกันนั่นแหละ” เรียวสุเกะเว้นวรรคและยกถ้วยขึ้นซด
ไดกิใช้เวลาในการคิดตามไม่นานก็เข้าใจได้ในทันที
“เข้าใจแล้ว! เพราะอย่างนั้น ก็เลยต้องบอกให้คนอื่นรู้ด้วยใช่ไหม! อย่างน้อยๆถ้าวันหนึ่งตัวเองเกิดถูกฆ่าขึ้นมา แม้ว่าตำรวจจะไม่สามารถหาสูตรลับนั่นพบตามที่เขาหวัง แต่อย่างน้อยคนรอบข้างก็ต้องบอกถึงสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลของเขาแน่ๆ!”
“ใช่แล้ว แต่น่าเสียดาย ที่คนทำคดีเมื่อสิบปีก่อนไม่ได้ตรวจสอบมันเลย กลับคิดแค่ว่าเป็นเพียงสิ่งที่ชาวบ้านคิดกันไปเอง หรือใส่ร้ายคนที่ตัวเองเกลียดขี้หน้าเท่านั้น…”
ไดกิส่ายหัว ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถรักษาความสมดุลของถ้วยราเมนในมือเอาไว้ได้
“แต่…อีกเรื่องหนึ่งที่มันกำลังจะทำให้เราสามารถตามรอยเบาะแสไปถึงความจริงทั้งหมดได้นั้น โชคดีนะที่เราได้มันมาแล้ว” ไดกินึงถึงเบาะแสหนึ่งและยิ้มออก
“หมายถึงเรื่องคุณนายซากาโมโตะใช่ไหมล่ะ” เรียวสุเกะกระตุกยิ้มที่มุมปาก
“พรุ่งนี้น่าจะสนุกนะ แต่ฉันก็ชักอยากจะกลับบ้านแล้วล่ะสิ ถ้าพรุ่งนี้เรื่องจบได้ก็คงจะดี” ไดกิพูดตัดพ้อ ทำหน้าคิดถึงบ้าน
“พูดอะไรอย่างนั้น เรื่องมันพึ่งจะเริ่มเองนะ ไดกิ” เรียวสุเกะแอบหัวเราะ เขารู้แก่ใจว่าไดกิแกล้งพูด ดูทำหน้าเข้าสิ ในใจคงโลดแล่นน่าดูที่พรุ่งนี้จะได้เอาจริง
“ก็นั่นสินะ พึ่งเริ่มเองนี่…” ไดกิยิ้มร้าย ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นรอยยิ้มของเด็กหนุ่มหน้าใสอย่างไดกิ
ว่าแต่ ก่อนที่คุณผู้อ่านจะเริ่มคิดกันไปไกลว่า ตกลง สองคนนี้เป็นตัวร้ายหรือตัวดีกันแน่ ผู้แต่งขอ บอกไว้ก่อนเลยว่าเป็น ตัวดีแน่นอน เพียงแต่ว่า…เวลาที่จะได้ไล่ต้อนคนร้ายนั้น มันก็อดจะนึกสนุกขึ้นมาไม่ได้ก็เท่านั้นเอง
เอ๊ะ? คนร้ายงั้นหรือ?
ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์สั่นอยู่บนหัวเตียง ทั้งสองหันหน้าไปมองแทบจะพร้อมกัน โทรศัพท์ของไดกินั่นเอง…เด็กหนุ่มเดินไปรับโทรศัพท์โดยทิ้งถ้วยราเมนเปล่าไว้บนโต๊ะ
“ฮัลโหลครับ อ๊ะ เคย์โตะ!” ไดกิเผลอพูดเสียงดังเมื่อรู้ว่าใครโทรมา
เรียวสุเกะหมุนเก้าอี้ไปทางไดกิและตั้งใจฟังอย่างเงียบๆ ไดกิกดสปีคเกอร์โฟนเพื่อให้เรียวสุเกะได้ยินด้วยกัน หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ค่อยๆได้ยินเสียงเคย์โตะดังออกมา…
ทั้งสองคน รวมถึง เคย์โตะพูดคุยกันผ่านทางโทรศัพท์อยู่นานราวหนึ่งชั่วโมง จากนั้นไดกิจึงกดวางสาย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ไดกิคงได้กลับบ้านในเร็ววันตามที่พูดเป็นแน่
ในขณะที่เรียวสุเกะเดินไปทิ้งถ้วยราเมนเปล่าและเก็บของอยู่นั้น ไดกิก็นั่งอ่านกระดาษช็อตโน้ตในมือของตัวเองอย่างเงียบๆ คิ้วบางๆเริ่มขมวดชิดติดกัน
เด็กหนุ่มอ่านข้อมูลในมือที่ได้รับฟังมาจากเพื่อนชายที่อยู่โตเกียวครั้งแล้วครั้งเล่า ในสมองกำลังเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์พร้อมกับนำข้อมูลที่ตัวเองมีมาวิเคราะห์และอ้างอิงรวมกับข้อมูลในกระดาษแผ่นนี้ จนไม่ทันรู้สึกตัวเลยว่าเรียวสุเกะเดินมานั่งลงข้างๆแล้ว…
“เป็นยังไงบ้าง” เรียวสุเกะถามขึ้นมา ทำเอาไดกิสะดุ้งเล็กน้อย
“อ้าว มานั่งตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!”
“เมื่อกี้แหละ คิดอะไรอยู่”
ไดกิเปลี่ยนใบหน้ากลับมาร่าเริงอีกครั้ง
“ก็นิดหน่อย พรุ่งนี้เราจะจัดการให้จบในทีเดียวเลยรึเปล่า?” ไดกิเงยหน้าถาม
“แล้วแต่สถานการณ์ ไม่สิ ที่จริงต้องแล้วแต่ว่านายจะเจรจายังไงมากกว่านะ” เรียวสุเกะหัวเราะน้อยๆ
“โถ่ อะไรกัน นายยังไม่เชื่อฝีมือฉันอีกรึไง”
“ไม่ใช่ซักหน่อย เอาเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้เองนั่นแหละ” เรียวสุเกะถอนหายใจแรงๆหนึ่งครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นกลับไปนั่งที่เตียงของตัวเอง
ไดกิมองเพื่อนสนิทแล้วทำหน้าอยากรู้อยากเห็น
“ทำไมคราวนี้นายดูใจเย็นจังล่ะ เรียวสุเกะ” ไดกิถาม ปกติเรียวสุเกะมักจะชอบทำหน้าเครียดอยู่เสมอแท้ๆ ยิ่งได้รับข้อมูลการยืนยันมาใหม่ๆยิ่งจะต้องเครียดขึ้นมากว่าเดิมอีกสิบเท่า แต่ครั้งนี้เรียวสุเกะกลับทำตัวสบายๆเหมือนอยู่บ้าน ซึ่งดูออกจะผิดวิสัยไปนิดหน่อย
“ไม่ได้ใจเย็นอะไรทั้งนั้นแหละน่า” เรียวสุเกะพูดขณะกำลังจะล้มตัวลงนอน “ก็แค่ พอยืนยันข้อสันนิษฐานของตัวเองได้ครบแล้วก็เลยสบายใจขึ้นมาหน่อย…ก็เท่านั้นเอง”
“หน่อยงั้นเหรอ?” ไดกิหัวเราะในลำคอ “ฉันว่านาย ก็กำลังเริ่มรู้สึกสนุกขึ้นมาเหมือนกับฉันเท่านั้นเองแหละ ใช่ไหมล่ะ?” ไดกิตอบอย่างรู้ทัน
เรียวสุเกะซึ่งนอนหันหน้ามาทางเขาอยู่หัวเราะ
“รู้แล้วก็ไม่ต้องพูด นอนได้แล้วไดกิ พรุ่งนี้ฉันไม่อยากรอนายคลานออกมาจากเตียงตอนเช้าหรอกนะ”
สิ่งที่เรียวสุเกะพูดทำเอาไดกิแทบหงายหลัง
“นายพูดอย่างกับฉันเป็นตัวอะไรอย่างนั้นแหละ!”
“เปล่าซักหน่อย ฉันนอนก่อนล่ะ ราตรีสวัสดิ์” เรียวสุเกะรีบคว้าผ้าห่มมาคลุมตัวทันทีเมื่อเห็นไดกิตั้งท่าจะเอาหมอนปาใส่เขา…
**************************
อีกด้านหนึ่งของพรรคพวกที่อยู่ในเมืองใหญ่
“เคย์โตะ นายส่งข้อมูลทั้งหมดไปให้พวกนั้นแล้วใช่ไหม” ยาบุถามเคย์โตะที่กำลังพิมพ์ข้อความลงในคอมพิวเตอร์อยู่
“อ๊ะ ยาบุคุง ผมอธิบายทั้งหมดให้พวกนั้นฟังหมดแล้วล่ะ แต่นี่กำลังทำสรุปส่งไปให้อีกที”
“อ๋อ ฝากด้วยนะ” ยาบุวางมือลงบนไหล่เคย์โตะ จากนั้นจึงผละไปทางคนอื่นต่อ คนๆนั้นก็คือ ฮิคารุ
“ฮิคารุ นายล่ะเป็นยังไงบ้าง” ยาบุถามคู่หูที่กำลังนั่งพิมพ์อะไรดังแกร๊กๆอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์
ในขณะที่เรียวสุเกะกับไดกิออกไปปฏิบัติงานที่ต่างจังหวัด ทางคนอื่นเองก็ใช่ว่าจะนั่งรอฟังผลว่างๆ แต่คอยช่วยสนับสนุนทั้งสองคนที่อยู่ห่างออกไปอยู่ ส่วนหนึ่งรับหาข้อมูลตามที่สองคนนั้นต้องการ อีกส่วนหนึ่งก็คอยหนุนหลังและดูแลความปลอดภัยให้สองคนนั้น
เอ๊ะ? ไกลขนาดนี้ ดูแลความปลอดภัยได้ยังไงอย่างนั้นเหรอ?
“เมื่อกี้ทาคาคิติดต่อมาแล้ว ว่ากำลังตามนายโอชิฮาระอยู่ ดูท่าทางจะนัดลูกน้องเอาไว้น่ะ” ฮิคารุตอบ
“อย่างนั้นหรือ พอจะรู้ไหมว่าเป็นลูกน้องในบริษัทหรือว่าลูกน้องที่ส่งไปที่อิบารากิ” ยาบุวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะและนั่งลงข้างๆ
ฮิคารุเอื้อมมือไปหยิบหูฟังพร้อมไมค์ที่วางไว้บน CPU มาสวม
“ยังไม่แน่ใจ แต่คาดว่าคงไม่น่าใช่ลูกน้องธรรมดา” ฮิคารุตอบพลางกดคลิ๊กๆบนจอคอมพิวเตอร์ อย่างที่ว่า คงไม่ใช่ลูกน้องธรรมดาหรอก เวลานี้กลับนัดลูกน้องออกมาคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ถึงแม้จะไม่ดึกมาก แต่ก็ยังฟังไม่ขึ้นอยู่ดี หากจะบอกว่าเรียกลูกน้องมาเลี้ยงข้าว
ยาบุพยักหน้า ชายหนุ่มเปิดลิ้นชักใกล้ๆหยิบหูฟังที่มีลักษณะคล้ายกับฮิคารุขึ้นมาสวม คนนั่งประจำคอมพิวเตอร์เหลือบมองเป็นอันเข้าใจกัน ก่อนที่เขาจะคลิกปุ่มที่ชื่อว่า “Contect”
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
เสียงต่อสัญญาณดังขึ้นในหูฟังของทั้งคู่ ไม่นานก็เริ่มได้ยินการตอบรับจากปลายสาย
“ฉันเอง” เสียงของทาคาคิดังลอยมา แต่กลับฟังไม่ชัดเท่าไหร่นัก ดูเหมือนจะยืนอยู่ริมถนนหรือชายทะเลที่มีเสียงลมดังรบกวนอยู่
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง” ฮิคารุตอบกลับไป
“อืม ยังตามอยู่ เมื่อกี้จิเนนเช็คไปทางแถวที่นัดหมายแล้ว รู้สึกว่าลูกน้องของนายคนนี้จะยังไปไม่ถึงล่ะนะ” ทาคาคิตอบสวนกลับเสียงลมแรง
นี่แหละคือการช่วยเหลือจากคนทางนี้ เรียวสุเกะกับไดกิต้องเดินหน้าหาสูตรต่อไปอย่างไม่ต้องพะวงหลัง เพราะคนทางนี้จะคอยดูสถานการณ์จากบริษัทโอชิฮาระให้ โดยหน้าที่ติดตามคือ ทาคาคิและจิเนน รวมไปถึงหน้าที่ในการสืบความเป็นไปในบริษัทด้วย
“ทาคาคิ นายคิดว่า ลูกน้องที่นายโอชิฮาระนัดไว้ จะเป็นคนที่ยามะจังกับไดกิเจอที่อิบารากิรึเปล่า” ยาบุถาม เขาไม่มีอะไรยืนยัน แต่ลางสังหรณ์ของคนมีประสบการณ์มันบอกอย่างนั้น ซึ่งการไปมาระหว่างอิบารากิกับโตเกียว สำหรับคนมีรถมันไม่ใช่เรื่องยากเลย หากจะขับรถไปกลับโดยใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมง
“อ้าว ยาบุหรอ” ทาคาคิมีน้ำเสียงตกใจเล็กน้อย “อืม ฉันเองก็ไม่รู้นะ แต่คิดว่าน่าจะใช่แหละ ตอนที่ฟังหมอนั่นคุยโทรศัพท์ เห็นบ่นใหญ่เลยว่า ‘ฉันสั่งให้พวกแกไปเอาสูตรมาแล้วนี่มันกี่วันแล้วห๊า!’ ประมาณนี้ คิดว่าคงใช่นะ” ทาคาคิเงียบไป ดูเหมือนจะส่งให้จิเนนคุยต่อ
“ฮัลโหล ยาบุคุง ฮิคารุคุง” จิเนนเรียก
“ฮัลโหล พวกเราฟังอยู่” ฮิคารุตอบ
“ยามะจังกับไดจังเป็นยังไงบ้างฮะ” จิเนนถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นห่วง
“สบายดี เคย์โตะพึ่งติดต่อไปเมื่อชั่วโมงที่แล้วนี้เอง เห็นว่าใกล้ความจริงขึ้นมาแล้วล่ะ” ฮิคารุตอบด้วยใบหน้าอ่อนโยน แม้ว่าจิเนนจะไม่สามารถเห็นสีหน้าของเขาในเวลานี้ได้ แต่น้ำเสียงที่ส่งออกไปก็ช่วยคลายกังวลให้เพื่อนตัวเล็กได้เป็นอย่างมาก
“งั้นเหรอ ขอบคุณนะ ทางนี้เองก็จะพยายามเหมือนกัน” จิเนนตอบกลับมาเสียงใส
“พยายามเข้านะ อ้อ จริงสิ ฮิคารุ สองคนนั้นฝากข้อความและก็ข้อมูลเอาไว้ให้จิเนนกับทาคาคินี่นา” ยาบุนึกขึ้นได้ ถึงข้อความเสียงที่เรียวสุเกะและไดกิส่งมาให้เมื่อตอนช่วงค่ำหลังจากที่เคย์โตะวางสายจากทั้งสองไปแล้ว
“เอ๋ ข้อความงั้นหรอ?” ปลายสายสองเสียงพูดพร้อมกัน
“จริงด้วย! ขอโทษนะฉันมัวแต่ตรวจสอบนายโอชิฮาระน่ะ จะหาให้เดี๋ยวนี้แหละ” ฮิคารุขอโทษขอโพย แล้วรีบคีย์คอมพิวเตอร์หา
ใช้เวลาไม่ถึงสองนาที ฮิคารุก็สามารถส่งข้อความไปถึงสองคนที่รออยู่ปลายสายได้สำเร็จ
“นี่เป็นข้อความและก็ข้อมูล สัณฐานของลูกน้องสามคนที่นายโอชิฮาระส่งไปที่อิบารากินะ เอาล่ะมีอะไรก็ติดต่อมานะ ฝากด้วยล่ะ”
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณมากนะ”
“จิเนน ทาคาคิ อย่าลืมนะ ถ้าคนที่นายโอชิฮาระนัดไว้คือสามคนนั่นจริงๆ และถ้าพวกนั้นมีแผนอะไรก็ให้รีบติดต่อมาทันทีนะ เราจะแจ้งสองคนนั้นเอง” ยาบุย้ำก่อนที่จะวางสาย
อึดใจเดียวก็มีเสียงตอบกลับมาของทาคาคิและจิเนน
“รับทราบ”
และทั้งคู่ก็วางสายไป ยาบุและฮิคารุค่อยๆถอดหูฟังออก
“นายกังวลเรื่องอะไรอยู่งั้นเหรอ” ฮิคารุเปิดปากถาม
“เปล่าหรอก แค่เป็นห่วงน่ะ” ยาบุยิ้มน้อยๆ ทำให้ฮิคารุเริ่มยิ้มตาม
“สองคนนั้นไม่ใช่เด็กแล้วนะ ฉันหมายถึง ยามะจังกับไดกิน่ะ” ฮิคารุยิ้มแล้วหยิบแก้วกาแฟของยาบุมาถือ
“นั่นสินะ” ยาบุยิ้มกับตัวเอง “อันที่จริงฉันคิดว่า สุดท้ายก่อนปิดคดีจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็คิดว่าสองคนนั้นรับมือได้อยู่แล้ว”
ฮิคารุนิ่งฟังเงียบๆ เช่นเดียวกับเคย์โตะที่แม้จะนั่งหันหลังทำงานของตัวเองอยู่ แต่ก็ได้ยินคำพูดทุกคำพูดทั้งหมดชัดเจน
ฮิคารุลุกขึ้นยืนและตบไหล่ยาบุดังป๊าบ จนเคย์โตะสะดุ้งหันมามอง
“?!”
“รู้ก็ดีแล้ว” ฮิคารุยิ้มและเดินหายเข้าไปในห้องครัว มิวายเดินไปตบไหล่เคย์โตะต่อ “ตกใจอะไรอยู่นั่นแหละ รีบๆสรุปแล้วก็ส่งไปหาสองคนนั้นได้แล้ว!”
***********************
ซอยเปลี่ยวที่เรียงรายไปด้วยร้านเหล้าของคนกลางคืน แสงไฟนีออนสว่างจ้าหลากสี ผลัดกันส่องแสงวิบวับอยู่หน้าร้าน ชวนปวดหัว
เสียงเพลงดังสนั่นที่เล็ดลอดออกมาจากประตูร้าน กลิ่นควันบุหรี่ที่คละคลุ้ง ช่างเป็นสถานที่ที่ไม่น่าพิสมัยเลยจริงๆ ความคิดนี้เกิดแวบขึ้นมาในหัวของชายหนุ่มอายุน้อย
ทาคาคิเบ้หน้าเมื่อย่างก้าวเข้ามาในซอยแห่งนี้ ตามด้วยคู่หูตัวเล็กที่เดินตามมาทีหลัง เห็นชัดๆว่าเป็นแหล่งมั่วสุมของคนไม่ดี อย่างนี้ก็ชัดแล้วว่า นัดลูกน้องแบบไหนมา
“ให้ตายสิ ฉันล่ะเกลียดที่แบบนี้จริงๆ” ทาคาคิสถบออกมาเบาๆ แต่ด้วยประสบการณ์ที่เขาฝึกและสั่งสมมานานทำให้เขาสามารถบ่นออกมาได้ โดยมีเสียงเล็ดลอดออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถือเป็นข้อดีไหมนะ?
“อย่าบ่นสิ ผมก็ไม่ชอบเหมือนกันแหละ คิดซะว่าเป็นงานและก็ทำเพื่อยามะจังกับไดจังละกัน” จิเนนปรามคู่หูที่มีส่วนสูงและอายุห่างจากเขา
“ฉันรู้น่า ขอบ่นหน่อยก็ไม่ได้” ทาคาคิเหน็บ ชายหนุ่มตวัดสายตาขึ้นไปมองเป้าหมาย ซึ่งเขาคอยรักษาระยะห่างเอาไว้อย่างดี
ดูเหมือนตอนนี้นายโอชิฮาระกำลังสับสนชื่อร้านอยู่ แต่ไม่นานเขาก็เริ่มออกเดินอีกครั้ง ทันทีที่เป้าหมายออกก้าว เขาเองก็ก้าวออกไปเหมือนกัน
ทาคาคิและจิเนนรักษาระยะห่าง เมื่อเดินไปได้ราวสิบเมตรจนเกือบจะสุดซอย นายโอชิฮาระก็หยุดยืนอยู่หน้าร้านเหล้าร้านหนึ่ง ก่อนจะเดินหายเข้าไปข้างในนั้นด้วยความระมัดระวัง
ทั้งสองคนเมื่อเห็นนายโอชิฮาระเดินเข้าไปแล้ว ก็จัดแจงปรับท่าทางและสีหน้าเล็กน้อย เสยผม คลายเนคไท ปลดกระดุมเสื้อนิดหน่อย จึงค่อยเดินตามเข้าไปข้างในทีหลัง
เพราะสถานที่และอุปกรณ์ไม่เอื้ออำนวย บวกทั้งไม่มีเวลา ทั้งสองจึงปรับเปลี่ยนลักษณะภายนอกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ว่ากลับดูเป็นคนละคนเชียวล่ะ
“ยินดีต้อนรับครับ” เสียงพนักงานหน้าเคาท์เตอร์เอ่ยทักทาย ทั้งสองได้แต่พยักหน้ากลับนิดหน่อยพอเป็นพิธีก่อนจะเดินเลยพนักงานคนนั้นเข้าไป
สีหน้าและการแต่งกายของจิเนนที่ปรับเปลี่ยนเพียงชั่วเสี้ยววินาทีก่อนเดินเข้ามาในร้าน ทำให้พนักงานไม่สงสัยในอายุและเรียกตัวเขาเอาไว้
จิเนนหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มมองหาเป้าหมายที่เป็นประธานบริษัท
แสงไฟมืดสลัวบวกกับเสียงดนตรีที่ดังสนั่นเกินทนไหว วัยรุ่นหนุ่มสาว รวมถึงคนวัยทำงานทั้งนั่งและเต้นโยกย้ายกันอยู่จนเต็มร้านไปหมด
ทั้งคู่พยายามสอดส่องหาเป้าหมายทั่วทั้งร้าน ในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามแทรกตัวไปตามผู้คนที่กำลังสนุกสนานกันอยู่จนแทบลืมหายใจอีกด้วย
“นั่นไง” จิเนนสะกิดคู่หูที่กำลังมองหานายโอชิฮาระอยู่
ลึกเข้าในที่มุมร้านด้านในสุด นายโอชิฮาระนั่งอยู่ตรงนั้น ด้วยลักษณะการแต่งกายที่ดูดีผิดจากคนอื่น ชุดสูทสีเทาเนื้อดี ที่สั่งนำเข้าจากต่างประเทศ บวกกับหน้าตาที่เกลี้ยงเกลาปราศจากความอ่อนล้าที่คนทำงานส่วนใหญ่มักมี ทำให้เขาเป็นที่สะดุดตาพอสมควร แน่นอนว่าไม่ใช่สำหรับคนธรรมดา เพียงเท่านี้อันที่จริงก็ไม่เตะตาใครหรอก เพียงแต่ว่า แค่นี้ก็สะดุดตาเพียงพอสำหรับคู่หูทั้งสองนี้แล้ว
เมื่อเจอเป้าหมาย ทั้งคู่พากันไปนั่งลงที่โต๊ะข้างๆ ไม่มีเสียงพูดคุยกันเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองคน สีหน้าที่เรียบเฉย กริยาท่าทางที่ไม่ผิดสังเกต ทั้งคู่สั่งเครื่องดื่มเล็กน้อยจากทางร้านเพื่อไม่ให้ดูน่าสงสัยจนเกินไป
นายโอชิฮาระไม่เอะใจเลยซักนิด แน่นอนอยู่แล้ว ตั้งแต่ทำงานมา ยังไม่มีใครเคยรู้สึกถึงสองคู่หู ทาคาคิ จิเนนเลย ว่าทั้งคู่กำลังสะกดรอยตามตัวเองอยู่…
ไม่นานเกินรอ เป้าหมายอีกกลุ่มก็มาถึง จิเนนและทาคาคิเบิกตาขึ้นเล็กน้อย อิซาวะ! ทาเคอิ! ซานาดะ! ไม่ผิดแน่ ลักษณะของทั้งสามคนนี้ตรงตามที่ยามะจังกับไดจังบอกมาทุกอย่าง!
“ขอโทษที่มาช้าครับ” อิซาวะ โค้งคำนับให้โอชิฮาระ ตามด้วยทาเคอิและซานาดะที่ตามมายืนและโค้งให้ ทั้งสามคนยืนเรียงแถวหน้ากระดานราวกับกำลังฝึกทหารกันอยู่
โอชิฮาระปรายตาทำหน้าบอกบุญไม่รับ
“ชั้นให้เวลาพวกแกตั้งสองอาทิตย์ กะอีแค่บ้านหลังเล็กๆแค่นั้นทำไมถึงหาไม่เจอ!” นายโอชิฮาระแผดเสียงดัง ดวงตาแดงก่ำแสดงถึงความเกรี้ยวโกรธโชคดีไปที่ในร้านเปิดเพลงเสียงดัง
ลูกน้องผู้น่าสงสารสะดุ้งโหยง
“ให้อภัยพวกเราด้วยครับนาย!!! แต่พวกเราหาทุกซอกทุกมุมแล้วแต่ไม่เจอเลย นอกบ้านก็ด้วย บางทีหมอนั่นอาจจะไม่ได้ซ่อนไว้ที่บะ…” ซานาดะที่ดูท่าทางจะเป็นคนขี้กลัวตามที่เพื่อนทั้งสองได้บอกมารีบแก้ตัวใหญ่ แต่ไม่ทันที่จะพูดจบ นายโอชิฮาระกลับโมโหแรงยิ่งกว่าเดิม
“เจ้าพวกโง่!!!” เจ้าของบริษัทในชุดสูทเทาตะหวาด
“มันจะไม่มีได้ยังไงกัน พวกแกแหละโง่เอง! เมียเจ้านั่นก็เป็นคนสารภาพกับตำรวจเองว่า เคยแอบเห็นเจ้าซากาโมโตะซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ในบ้านหลังนั้นน่ะ!!!”
คำพูดนี้ทำให้ประสาทรับรู้ในตัวของคนที่นั่งฟังอยู่ด้านหลังตื่นขึ้นมากะทันหัน หมายความว่ายังไงกัน ภรรยานายซากาโมโตะรู้เรื่องนี้? แถมยังบอกตำรวจแล้วอีกต่างหาก?!
ทั้งสองมองหน้ากันใจเต้นตุบตับ แต่ก็ยังคงรอฟังเสียงจากทางด้านหลังอย่างใจเย็น
“เอ่อ ขอโทษครับ!!!” ลูกน้องผู้น่าสงสาร โค้งหัวให้ผู้เป็นนายจนเอวอาจเคล็ด
นายโอชิฮาระ ยกขาขึ้นไขว่ห้างอย่างหมดอารมณ์
“พวกแกรีบกลับไปเลยนะ ไปหาให้เจอ ไม่อย่างนั้นฉันไม่ปล่อยพวกแกไว้แน่!” ประธานบริษัทชี้หน้าลูกน้องทีละคน สายตาและริมฝีปากที่สั่นเรื่อเพราะความโกรธเห็นได้ว่าเขาเอาจริง
“คะ ครับ!!!”
“ดี! แล้วก็จำใส่หัวไว้นะ พรุ่งนี้ นังเมียนั่นจะกลับมา ระวังตัวไว้ด้วย! นังนี่น่ะมันร้าย ถ้าเกิดมาเห็นพวกแกแล้วแจ้งตำรวจมาจับก็จบเห่พอดี เข้าใจไหม!!!”
“ครับ!!!
“แล้วถ้าไม่จำเป็น…” ประธานบริษัทลดเสียงลง “ฉันก็ไม่อยากจะฆ่าใครอีก…” ประโยคนี้ไม่มีทางหลุดรอดประสาทหูของทาคาคิและจิเนนไปได้
ทาคาคิกำมือแน่น
“เราไม่ใช่มืออาชีพ เกิดไปแสดงตัวกับใครหรือทำอะไรลงไป เราก็จะแย่ เผลอๆอาจจะเป็นการขุดหลุมฟังตัวเองไปอีกต่างหาก เข้าใจไหม!”
“ขะ เข้าใจแล้วครับ!!!” ลูกน้องผู้หน้าสงสารยืนเหงื่อตก สูทสีดำสนิทไม่ช่วยให้พวกเขาผ่อนคลายลงเลย แม้ว่าจะทำอาชีพข่มขู่มานาน แต่ก็ไม่เคยฆ่าคนและก็ไม่กล้าด้วย ข่มขู่แค่พอมากแต่หากต้องเสี่ยงกับตำรวจพวกเขาเองก็ไม่เล่นด้วยเหมือนกัน
“ถ้าเข้าใจแล้วก็รีบไสหัวไปซะ! แล้วก็อย่าลืมล่ะ!”
“ครับ!!!”
อิซาวะ ทาเคอิ ซานาดะ เดินเรียงคอตกกันออกไปเป็นแถว ดูๆไปก็น่าสงสาร แต่คนทำอาชีพข่มขู่คนอื่นอย่างพวกเขา แค่นี้ก็ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะต้องสงสารแล้ว
หลังจากที่ทั้งสามคนออกไปได้ซักพัก นายโอชิฮาระ นั่งดื่มเครื่องดื่มที่สั่งมาจนหมดอย่างมีอารมณ์นิดหน่อย ก่อนจะวางเงินทิ้งไว้และเดินออกไปจากร้าน
**************************
“เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละ” จิเนนพูดหลังจากอธิบายเล่าสิ่งที่ตนกับคู่หูไปแอบฟังมาจากนายโอชิฮาระและลูกน้องทั้งสาม
เมื่อนายโอชิฮาระออกไปแล้วราวสิบห้านาที ทั้งคู่จึงพากันออกมาจากร้าน เนื่องจากทาคาคิไม่อยากจะนั่งอยู่ในร้านนาน จิเนนก็เช่นกัน แต่พวกเขาจำเป็นต้องอดทนทิ้งระยะเอาไว้ก่อน เผื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้น
หลังจากออกจากร้านมาได้ ทั้งคู่ก็รีบตรงดิ่งกลับศูนย์ หรือ บ้านของพวกเขาทันที เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาระหว่างเดินทางจึงรีบติดต่อยาบุและฮิคารุเพื่อรายงานผลด้วย
ทาคาคิยกหน้าที่รายงานผลให้จิเนนทุกครั้งที่ออกปฏิบัติงาน เขาไม่ใช่คนละเอียดอ่อนและใจเย็นอย่างคู่หู หน้าที่รายงานจึงไม่เหมาะกับเขาเท่าไหร่นัก
“อย่างนั้นหรือ เข้าใจแล้วขอบคุณมาก คงจะเหนื่อยสินะ แวะหาอะไรกินก่อนก็ได้นะ” ยาบุพูด ชายหนุ่มก็นิ่งเงียบไปซักพักก่อนจะได้ยินเสียงตอบอย่างอ่อนโยนกลับมา
“ไม่เลย พวกเรากำลังจะกลับบ้านน่ะ อย่าลืมรีบบอกสองคนนั้นนะ ผมเป็นห่วงพวกเขา แม้ว่าจะสั่งห้ามไม่ให้สามคนนั้นทำอะไรก็เถอะ แต่สถานการณ์อาจเกิดขึ้นได้” จิเนนพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
ทาคาคิดึงโทรศัพท์มือถือไปจากมือของเพื่อนตัวเล็กและพูดแทน
“ยาบุ ฮิคารุ เดี๋ยวพวกฉันจะวางสายแล้วนะ รีบโทรไปบอกสองคนนั้นเดี๋ยวนี้เลย ทางนี้ฉันจัดการเอง อีกไม่นานก็จะถึงบ้านแล้ว” ทาคาคิพูดรัว อันที่จริงจะบอกตอนเช้าก็ได้ แต่ถ้าเป็นไปได้เขาอยากให้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเร็วที่สุดแก่สองคนนั้นที่อยู่ห่างไกล
เพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันจึงไม่อาจมีหลักประกันอะไรได้ สิ่งที่ทำได้ก็คือบอกทุกอย่างให้เร็วที่สุด
ยาบุที่ปลายสายเงียบไป ฮิคารุจึงตอบขึ้นมาแทน
“ใจเย็นๆทาคาคิ พวกเราโทรแน่ แต่พวกนายเองก็สำคัญเหมือนกัน เอาล่ะ ตกลง ฉันจะโทรเดี๋ยวนี้แหละ แล้วก็ฝากซื้อช็อกโกแลตเข้ามาด้วยนะ ริวอยากกิน ฉันวางล่ะ”
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
ปลายสายพูดรัวไม่แพ้กัน กว่าจะรู้สึกตัวก็ได้ยินเสียงดังตู๊ด ตู๊ด ซะแล้ว ว่าแต่ว่า…
ทั้งสองมองหน้ากัน
“ช็อกโกแลตงั้นหรือ?”
*****************************
“เอาล่ะ ยาบุเรารีบโทรหาสองคนนั่นกัน” ฮิคารุพูด สายตาจ้องมองโทรศัพท์มือถือในมืออยู่
“…”
“เป็นอะไร ทำไมเงียบไปล่ะ”
“อ่ะ อ๋อ ไม่มีอะไร พอดีพอได้ฟังทาคาคิพูดแล้วก็คิดถึงอะไรขึ้นมาน่ะ…” ยาบุตอบ
“อะไรล่ะ”
ยาบุมองหน้าฮิคารุแล้วยิ้มนิดๆ
“ครอบครัวเรานี่รักกันดีจังนะ” ยาบุพู ชายหนุ่มยิ้มกับตัวเองจนตาหยี ทำให้คู่หูที่นั่งอยู่ข้างๆอดยิ้มไปด้วยไม่ได้
“ใช่ไหมล่ะ สุดยอดไปเลย อ๊ะ ใช่ต้องโทรบอกสองคนนั้นก่อน” ฮิคารุยิ้มภูมิใจแต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้โทรหาเรียวสุเกะกับไดกิ จึงรีบกดเบอร์โทรออก
“ไม่นึกเลยว่า ข้อมูลที่ทาคาคิได้มาวันนี้ จะตรงตามที่เราคาดการณ์เอาไว้” ใช่แล้วล่ะ หลังจากที่ได้ฟังทาคาคิพูดว่า นายโอชิฮาระนัดลูกน้องเอาไว้ เขาก็คิดเอาไว้เลยว่าจะต้องเป็นสามคนที่เรียวสุเกะและไดกิพูดถึงเป็นแน่ แต่ที่เหนือการคาดหมายก็คือ ไม่นึกว่า ภรรยาของนายซากาโมโตะจะรู้เห็นอะไรด้วย
ที่จริงบางที ที่นางซากาโมโตะพูดว่าเห็นสามีกำลังซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้อยู่ ก็อาจจะเป็นอะไรอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หรืออาจะเป็นคำโกหกของนางก็เป็นได้ แต่ก็ถือว่าเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มาก บางทีถ้ารีบแจ้งให้สองคนนั้นรู้ อาจจะทำให้นึกอะไรขึ้นมาได้ก็ไม่แน่
*************************
ครืด ครืด
ในห้องพักนักศึกษาต่างจังหวัดที่เงียบเชียบและมืดสนิท เสียงลมหายใจของเด็กหนุ่มที่อยู่ในห้องจึงฟังดูดังกว่าปกติหลายเท่า ทว่ากลับมีอีกเสียงหนึ่งที่ดังกว่า นั่นก็คือเสียงโทรศัพท์มือถือสั่นนั่นเอง
เรียวสุเกะที่เป็นคนตื่นนอนง่าย ลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ เด็กหนุ่มควานหาโทรศัพท์เจ้าปัญหาในความมืดขณะที่อีกคนซึ่งตื่นยากกว่า กำลังพยายามเดินไปเปิดไฟ
ตึก
เรียวสุเกะควานหาโทรศัพท์เจอ วินาทีเดียวกับที่ไดกิเปิดไฟ เด็กหนุ่มทั้งสองหรี่ตาจนตาแทบปิด ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อนอนเลิ่กขึ้นมาเล็กน้อยเป็นเพราะนอนดิ้น
ไดกิเดินกลับมานั่งที่ข้างเตียง และหันหน้าไปทางเรียวสุเกะที่กำลังถือโทรศัพท์มือถือเอาไว้
เรียวสุเกะพยายามลืมตาขึ้นมาดูที่หน้าจอโทรศัพท์ อ้าว…นี่มันโทรศัพท์ของไดกิไม่ใช่เหรอ เรียวสุเกะคิด แต่ขณะกำลังจะยื่นโทรศัพท์ไปให้เพื่อนซี้ข้างๆนั้น สายตาก็ลืมเต็มตาพอดี
เมื่อเห็นชื่อที่ขึ้นบนหน้าจอ เด็กหนุ่มชักมือกลับและเปิดกดรับ
“ฮัลโหล”
…ว่าไง ยามะจังหรอ ทำไมรับโทรศัพท์ช้าจัง เสียงฮิคารุลอยมาตามสาย ทำให้เขาเริ่มตื่น
“อืออ เรียวจัง ใครหรอ….” เสียงงัวเงียของไดกิแทรกเข้ามา ฮิคารุเองก็ได้ยินเช่นกัน
…อ้าวนั่นเสียงไดจังนี่ งัวเงียเชียว นอนกันไปแล้วหรอ? ฮิคารุถาม
“อืมใช่ วันนี้เหนื่อยมากเลยนอนเร็วน่ะ ฮิคารุคุงมีอะไรหรอ” เรียวสุเกะพยายามตั้งสติถาม สายตาเหลือบไปมองที่นาฬิกาหัวเตียง
สี่ทุ่มห้าสิบแปดนาที…อะไรกันยังไม่ห้าทุ่มเลยหรอเนี่ย ไม่แปลกที่ฮิคารุจะสงสัย
…งั้นหรอ ลำบากแย่เลยนะ ขอโทษนะที่โทรมาปลุก พอดีว่า… ฮิคารุเริ่มเล่าเรื่อง เนื้อหาที่ได้ฟังทำให้เรียวสุเกะค่อยๆตื่นขึ้นมาทีละนิดจนหายง่วง
เด็กหนุ่มใช้มือข้างที่ว่างสะกิดคู่หูให้ตื่นมาฟังกับเขา แต่กว่าจะตื่นได้ก็ต้องตบตีกันไปอยู่หลายยกเหมือนกัน
“อย่างนั้นหรอ เข้าใจแล้วขอบคุณมากนะฮิคารุคุง ฝากบอกทาคาคิคุงกับจิเนนด้วย”
…ไม่เป็นไรหรอก สองคนนั่นก็เป็นห่วงพวกนายมากนะ พยายามเข้าล่ะ
“ขอบคุณครับ พรุ่งนี้เราจะเริ่มจัดการกันแล้ว”
…เข้าใจล่ะ พวกเราจะคอยนะ แล้วก็ยามะจัง เคย์โตะส่งสรุปโดยละเอียดไปแล้ว ถ้ายังไงพรุ่งนี้เช้าลองเปิดอ่านดูนะ
“ครับ ขอบคุณมากนะ อื้ม ราตรีสวัสดิ์” เรียวสุเกะวางหูหลังจากได้ยินเสียงตอบกลับมาจากฮิคารุ
ไดกิที่นั่งอยู่ข้างๆก็ตื่นมาฟังได้ซักพักหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องในช่วงแรกๆบ้างนิดหน่อย เรียวสุเกะจึงอธิบายเรื่องทั้งหมดใหม่ตั้งแต่ต้น
“อย่างนี้นี่เอง งั้นที่สามคนนั่นวนเวียนหาอยู่แต่ในบ้านหลังนั้น ก็เพราะอย่างนี้เองหรอกเหรอ” ไดกิลูบคางใช้ความคิด
“ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น ทีนี้ข้อสันนิษฐานของฉันก็เริ่มชัดขึ้นมาแล้วว่าไหม ไดกิ” เรียวสุเกะพูด สายตาจ้องนิ่งไปที่หน้าต่างข้างนอก
“จริงด้วยสินะ แต่…เพราะอะไรกัน” แม้ว่าขอสันนิษฐานของเรียวสุเกะที่ทั้งคู่ได้ช่วยกันคิด จนทำให้ได้ข้อสรุปออกมาเป็นที่น่าพอใจและเป็นไปได้อย่างมากก็จริง แต่เพราะอะไรไดกิเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันถึงเหตุผลบางอย่างในคดีนี้
“เดี๋ยวเราก็รู้เองแหละไดกิ นอนกันเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก่อนออกไปฉันจะตื่นมานั่งอ่านสรุปของเคย์โตะอีกที” เรียวสุเกะพูดแล้วเดินไปปิดไฟ
ไดกิยังคงนั่งมองตามเพื่อนสนิทอยู่บนเตียง
พรึ่บ
หลังจากไฟดับลง เรียวสุเกะใช้เวลาเล็กน้อยกว่าจะกลับมาถึงเตียงได้ เมื่อได้ยินเสียงเตียงข้างๆยุบลงไดกิก็เปิดปากพูดออกมา
“พรุ่งนี้ระวังตัวด้วยนะ อย่างที่ฮิคารุบอกนั่นแหละ ถึงพวกมันจะไม่ฆ่า ไม่ปรากฏตัว แต่ถ้ามันรู้ว่าพวกเราสืบอยู่และใกล้ความจริงมากขึ้น ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ใช่แค่นั้นนะ เป็นไปได้ที่พวกมันซึ่งเหนื่อยที่จะตามหา บุกเข้าไปทำร้ายคุณนายซากาโมโตะถึงบ้านก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นพวกเราก็คงต้อง…”
“ฉันรู้น่าไดกิ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันมีนาย นายมีฉัน แค่นั้นก็พอแล้วไม่ใช่รึไง” เรียวสุกะพูดและยิ้มในความมืด
ไดกิอึ้งกับคำพูดของเรียวสุเกะ อย่างนั้นหรอ…ไดกิยิ้ม
“นั่นสินะ พรุ่งนี้เรามาพยายามกันเถอะ”
“อืม แน่นอนอยู่แล้ว” เรียวสุเกะตอบในลำคอ ก่อนจะพูดต่อขึ้นมา “เราจะต้องสะสางเรื่องนี้ให้เสร็จแล้วกลับไปหาครอบครัวของเรากันนะ…” เด็กหนุ่มยิ้ม และนึกถึงใบหน้าทุกคนที่โตเกียว ความเป็นห่วงที่ทุกคนส่งมามันทำให้เขามีกำลังใจมากขึ้น
“อื้ม”
ไดกิยิ้มและหลับตาลง
“…”
“…”
“เรียวจัง ฉันกลัวที่ต้องนอนหลับอีกครั้ง” ไดกิพูดขึ้นเบาๆ
“ไม่ต้องกลัวนะ เพราะว่าฉันจะอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าไดจังจะหลับไปซักกี่ครั้ง ฉันก็จะอยู่ตรงนี้ และทุกครั้งที่ไดจังตื่นขึ้นมา ฉันก็จะตื่นมานั่งรอไดจังอยู่ตรงนี้ตลอดไปนะ”
“…ขอบคุณนะ เรียวจัง”
.
.
.
.
.
To be continue…
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ลืมกันไปรึยัง T^T เฮ้อดีใจจังได้แต่งแล้ว กรี๊ดดดด แบบว่า มันแต่งยากอ่า กว่าจะนึกขึ้นได้ก็ใช้เวลา T^T รวมถึงเกิดเรื่องราวมากมาย พร้อมทั้งโซลเริ่มแปลทรานส์และทำซับกับเพื่อนเลยทำให้เผลอไปทำอย่างอื่นจนไม่ได้แต่งฟิค แต่โซลก็ไม่ลืมหรอกนะ! เพียงแต่ฟิคต้องคิดมากๆ ก็เลยแต่งไม่ออก ให้อภัยด้วยน้า T^T
ขอบคุณสำหรับทุกคนที่ยังไม่ลืมกันน้า แถมยังเข้ามาตามอีก ซึ่งทำให้โซลละอายอย่างมาก =.= รักนะทุกคน จู๊บบบบบบบบบบบบ =3=!!!
พูดถึงตอนในเรื่อง ตอนนี้แต่งเรื่อยๆมากเลย ฮ่าๆแต่ก็เป็นอีกตอนหนึ่งที่ภูมิใจเหมือนกันแหละนะ อิอิ ตอนแรกว่าจะให้สองคนนี้ไปคุยกับคุณนายนั่น แต่ไปๆมาๆเอาไว้ก่อนดีกว่า ถ้าพูดถึงอีกฝ่ายด้วยมันก็น่าจะสนกขึ้นใช่ไหมล่ะ หุหุ แต่พูดไปก็อาย งงเองเหมือนกัน สรุปใครเป็นยังไงอะไร กร๊ากกกก แต่ว่ามันจะจบแน่นอน! โฮะๆๆๆ แล้วเจอกันตอนหน้านะจ๊ะ =3= ถ้าทวงบ่อยๆก็จะมาแต่งแน่นอน กร๊ากกกก
ไดยามะเรียลลิตี้!!!
ปล. ฝาก Facebook : Venus Zaol JUMP Thai Traslated ด้วยนะจ๊ะ เป็นแฟนเพจ
ความคิดเห็น