ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HSJ] The Special Cases

    ลำดับตอนที่ #7 : Case 1 : การปฏิบัติงานระยะไกล..หนึ่งวันก่อนลงมือ (episode 5)

    • อัปเดตล่าสุด 9 เม.ย. 54




                   หลังจากที่มื้อเที่ยงผ่านไป ไม่นานมื้อเย็นก็มาถึง อ๊ะ อย่าเข้าใจผิด ไม่ใช่ว่าทั้งสองคนแอบอู้ นั่งกินข้าวเที่ยงเสร็จก็ไม่ยอมไปทำงานหรอกนะ แน่นอนว่าพวกเขาทำมาเรียบร้อยแล้ว ก็ในตอนที่ไปกินมื้อเที่ยงกันนั่นไงล่ะ

                    และแล้วก็มาถึงเวลาที่เหมาะสม พวกเขาได้กลับไปที่ร้านราเมนของคุณลุงใจดีอีกครั้ง หลังจากจัดการอาหารมื้อเที่ยงเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าของร้านเองก็ดูท่าทางจะว่าง ชวนคุยซักหน่อยจะเป็นไรไป

                    “เรียวสุเกะ นายคิดว่าที่คุณลุงร้านราเมนพูดน่ะมันจริงไหมไดกิถามขึ้นขณะที่กำลังฉีกซองเครื่องปรุงราเมนคัพอยู่

                    ตอนกลางวันก็ออกไปหาเบาะแสกันทั้งวัน ตอนเย็นก็ขอนั่งพักกินอะไรเบาๆกันในห้องดีกว่า พวกเขาคิดอย่างนี้ มื้อเย็นสุดวิเศษจึงหนีไม่พ้นราเมนถ้วยที่พึ่งซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อเมื่อตอนกลางวัน

                    “ทำไม นายสงสัยอะไรรึไง ไดกิเรียวสุเกะที่นั่งหันหลังคีย์คอมพิวเตอร์อยู่ถามย้อนกลับ

                    งงล่ะสิ ว่าเรียวสุเกะกำลังไดเอตกันอยู่งั้นหรือ ไม่ได้นะ มาทำงานจะอดมื้อกินมื้อไม่ได้! ไม่ต้องเป็นห่วงไป เขากำลังรอให้ราเมนสุกอยู่ต่างหากล่ะ

                    ไดกิที่ปรุงราเมนของตัวเองเสร็จแล้ว ค่อยๆเดินประคองถ้วยราเมนของตัวเองมานั่งใกล้ๆเรียวสุเกะ ไดกิใช้มือข้างหนึ่งที่ว่างลากเก้าอี้มาและนั่งลง โดยระวังให้ถ้วยราเมนถูกกระทบกระเทือนน้อยที่สุด

                    “เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เพียงแต่ว่ามันก็เหลือเชื่อไปอีกแบบเท่านั้นเอง

                    “ก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลยเรียวสุเกะหันหน้ากลับมามอง ตรงกันข้าม ถ้านายซากาโมโตะไม่ได้เล่าให้ใครฟังเลยสิแปลกเรียวสุเกะตอบนิ่งๆ แล้วลงมือเปิดฝาถ้วยราเมนสุดร้อนจี๋

                    “เอ๊ะ? ทำไมล่ะไดกิไม่เข้าใจ เรื่องที่ตัวเองกำลังทำเรื่องไม่ดีอยู่น่ะ จะบอกให้คนอื่นรู้ไปทำไม? ตอนนี้พวกเขากำลังคุยถึงเบาะแสต่างๆที่ไปสืบมาจากคนในเมืองมากันยังไงล่ะ

                    ผลที่ได้ปรากฏว่ามีหลายคนเลยทีเดียวที่รู้ว่านายซากาโมโตะกำลังทำงานให้กับพวกคนไม่ดีอยู่ แน่นอนว่าไม่รู้ทั้งหมด ทุกคนที่รู้ก็รู้แค่เพียงข้อมูลตื้นๆจนแทบจะไม่รู้อะไรเลยเท่านั้น

                    “นายจำข้อมูลที่ยาบุคุงบอกไม่ได้หรอ ที่ว่า รู้ว่าตัวเองกำลังจะถูกเก็บ จึงได้ซ่อนสูตรลับเอาไว้ มันก็ทำนองเดียวกันนั่นแหละเรียวสุเกะเว้นวรรคและยกถ้วยขึ้นซด

                    ไดกิใช้เวลาในการคิดตามไม่นานก็เข้าใจได้ในทันที

                    “เข้าใจแล้ว! เพราะอย่างนั้น ก็เลยต้องบอกให้คนอื่นรู้ด้วยใช่ไหม! อย่างน้อยๆถ้าวันหนึ่งตัวเองเกิดถูกฆ่าขึ้นมา แม้ว่าตำรวจจะไม่สามารถหาสูตรลับนั่นพบตามที่เขาหวัง แต่อย่างน้อยคนรอบข้างก็ต้องบอกถึงสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลของเขาแน่ๆ!”

                    “ใช่แล้ว แต่น่าเสียดาย ที่คนทำคดีเมื่อสิบปีก่อนไม่ได้ตรวจสอบมันเลย กลับคิดแค่ว่าเป็นเพียงสิ่งที่ชาวบ้านคิดกันไปเอง หรือใส่ร้ายคนที่ตัวเองเกลียดขี้หน้าเท่านั้น…”

                    ไดกิส่ายหัว ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถรักษาความสมดุลของถ้วยราเมนในมือเอาไว้ได้

                    “แต่อีกเรื่องหนึ่งที่มันกำลังจะทำให้เราสามารถตามรอยเบาะแสไปถึงความจริงทั้งหมดได้นั้น โชคดีนะที่เราได้มันมาแล้วไดกินึงถึงเบาะแสหนึ่งและยิ้มออก

                    “หมายถึงเรื่องคุณนายซากาโมโตะใช่ไหมล่ะเรียวสุเกะกระตุกยิ้มที่มุมปาก

                    “พรุ่งนี้น่าจะสนุกนะ แต่ฉันก็ชักอยากจะกลับบ้านแล้วล่ะสิ ถ้าพรุ่งนี้เรื่องจบได้ก็คงจะดีไดกิพูดตัดพ้อ ทำหน้าคิดถึงบ้าน

                    “พูดอะไรอย่างนั้น เรื่องมันพึ่งจะเริ่มเองนะ ไดกิเรียวสุเกะแอบหัวเราะ เขารู้แก่ใจว่าไดกิแกล้งพูด ดูทำหน้าเข้าสิ ในใจคงโลดแล่นน่าดูที่พรุ่งนี้จะได้เอาจริง

                    “ก็นั่นสินะ พึ่งเริ่มเองนี่…” ไดกิยิ้มร้าย ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นรอยยิ้มของเด็กหนุ่มหน้าใสอย่างไดกิ

                    ว่าแต่ ก่อนที่คุณผู้อ่านจะเริ่มคิดกันไปไกลว่า ตกลง สองคนนี้เป็นตัวร้ายหรือตัวดีกันแน่ ผู้แต่งขอ บอกไว้ก่อนเลยว่าเป็น ตัวดีแน่นอน เพียงแต่ว่าเวลาที่จะได้ไล่ต้อนคนร้ายนั้น มันก็อดจะนึกสนุกขึ้นมาไม่ได้ก็เท่านั้นเอง

                    เอ๊ะ? คนร้ายงั้นหรือ?

                    ครืด ครืด

                    เสียงโทรศัพท์สั่นอยู่บนหัวเตียง ทั้งสองหันหน้าไปมองแทบจะพร้อมกัน โทรศัพท์ของไดกินั่นเองเด็กหนุ่มเดินไปรับโทรศัพท์โดยทิ้งถ้วยราเมนเปล่าไว้บนโต๊ะ

                    “ฮัลโหลครับ อ๊ะ เคย์โตะ!” ไดกิเผลอพูดเสียงดังเมื่อรู้ว่าใครโทรมา

                    เรียวสุเกะหมุนเก้าอี้ไปทางไดกิและตั้งใจฟังอย่างเงียบๆ ไดกิกดสปีคเกอร์โฟนเพื่อให้เรียวสุเกะได้ยินด้วยกัน หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ค่อยๆได้ยินเสียงเคย์โตะดังออกมา

                    ทั้งสองคน รวมถึง เคย์โตะพูดคุยกันผ่านทางโทรศัพท์อยู่นานราวหนึ่งชั่วโมง จากนั้นไดกิจึงกดวางสาย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ไดกิคงได้กลับบ้านในเร็ววันตามที่พูดเป็นแน่

                    ในขณะที่เรียวสุเกะเดินไปทิ้งถ้วยราเมนเปล่าและเก็บของอยู่นั้น ไดกิก็นั่งอ่านกระดาษช็อตโน้ตในมือของตัวเองอย่างเงียบๆ คิ้วบางๆเริ่มขมวดชิดติดกัน

                    เด็กหนุ่มอ่านข้อมูลในมือที่ได้รับฟังมาจากเพื่อนชายที่อยู่โตเกียวครั้งแล้วครั้งเล่า ในสมองกำลังเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์พร้อมกับนำข้อมูลที่ตัวเองมีมาวิเคราะห์และอ้างอิงรวมกับข้อมูลในกระดาษแผ่นนี้ จนไม่ทันรู้สึกตัวเลยว่าเรียวสุเกะเดินมานั่งลงข้างๆแล้ว

                    เป็นยังไงบ้างเรียวสุเกะถามขึ้นมา ทำเอาไดกิสะดุ้งเล็กน้อย

                    “อ้าว มานั่งตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!”

                    “เมื่อกี้แหละ คิดอะไรอยู่

                    ไดกิเปลี่ยนใบหน้ากลับมาร่าเริงอีกครั้ง

                    ก็นิดหน่อย พรุ่งนี้เราจะจัดการให้จบในทีเดียวเลยรึเปล่า?” ไดกิเงยหน้าถาม

                    แล้วแต่สถานการณ์ ไม่สิ ที่จริงต้องแล้วแต่ว่านายจะเจรจายังไงมากกว่านะเรียวสุเกะหัวเราะน้อยๆ

                    โถ่ อะไรกัน นายยังไม่เชื่อฝีมือฉันอีกรึไง

                    “ไม่ใช่ซักหน่อย เอาเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้เองนั่นแหละเรียวสุเกะถอนหายใจแรงๆหนึ่งครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นกลับไปนั่งที่เตียงของตัวเอง

                    ไดกิมองเพื่อนสนิทแล้วทำหน้าอยากรู้อยากเห็น

                    ทำไมคราวนี้นายดูใจเย็นจังล่ะ เรียวสุเกะไดกิถาม ปกติเรียวสุเกะมักจะชอบทำหน้าเครียดอยู่เสมอแท้ๆ ยิ่งได้รับข้อมูลการยืนยันมาใหม่ๆยิ่งจะต้องเครียดขึ้นมากว่าเดิมอีกสิบเท่า แต่ครั้งนี้เรียวสุเกะกลับทำตัวสบายๆเหมือนอยู่บ้าน ซึ่งดูออกจะผิดวิสัยไปนิดหน่อย

                    ไม่ได้ใจเย็นอะไรทั้งนั้นแหละน่าเรียวสุเกะพูดขณะกำลังจะล้มตัวลงนอน ก็แค่ พอยืนยันข้อสันนิษฐานของตัวเองได้ครบแล้วก็เลยสบายใจขึ้นมาหน่อยก็เท่านั้นเอง

                    “หน่อยงั้นเหรอ?” ไดกิหัวเราะในลำคอ ฉันว่านาย ก็กำลังเริ่มรู้สึกสนุกขึ้นมาเหมือนกับฉันเท่านั้นเองแหละ ใช่ไหมล่ะ?” ไดกิตอบอย่างรู้ทัน

                    เรียวสุเกะซึ่งนอนหันหน้ามาทางเขาอยู่หัวเราะ

                    รู้แล้วก็ไม่ต้องพูด นอนได้แล้วไดกิ พรุ่งนี้ฉันไม่อยากรอนายคลานออกมาจากเตียงตอนเช้าหรอกนะ

                    สิ่งที่เรียวสุเกะพูดทำเอาไดกิแทบหงายหลัง

                    นายพูดอย่างกับฉันเป็นตัวอะไรอย่างนั้นแหละ!”

                    “เปล่าซักหน่อย ฉันนอนก่อนล่ะ ราตรีสวัสดิ์เรียวสุเกะรีบคว้าผ้าห่มมาคลุมตัวทันทีเมื่อเห็นไดกิตั้งท่าจะเอาหมอนปาใส่เขา

     

    **************************

     

                    อีกด้านหนึ่งของพรรคพวกที่อยู่ในเมืองใหญ่

                    เคย์โตะ นายส่งข้อมูลทั้งหมดไปให้พวกนั้นแล้วใช่ไหมยาบุถามเคย์โตะที่กำลังพิมพ์ข้อความลงในคอมพิวเตอร์อยู่

                    อ๊ะ ยาบุคุง ผมอธิบายทั้งหมดให้พวกนั้นฟังหมดแล้วล่ะ แต่นี่กำลังทำสรุปส่งไปให้อีกที

                    “อ๋อ ฝากด้วยนะยาบุวางมือลงบนไหล่เคย์โตะ จากนั้นจึงผละไปทางคนอื่นต่อ คนๆนั้นก็คือ ฮิคารุ

                    ฮิคารุ นายล่ะเป็นยังไงบ้างยาบุถามคู่หูที่กำลังนั่งพิมพ์อะไรดังแกร๊กๆอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์

                    ในขณะที่เรียวสุเกะกับไดกิออกไปปฏิบัติงานที่ต่างจังหวัด ทางคนอื่นเองก็ใช่ว่าจะนั่งรอฟังผลว่างๆ แต่คอยช่วยสนับสนุนทั้งสองคนที่อยู่ห่างออกไปอยู่ ส่วนหนึ่งรับหาข้อมูลตามที่สองคนนั้นต้องการ อีกส่วนหนึ่งก็คอยหนุนหลังและดูแลความปลอดภัยให้สองคนนั้น

                    เอ๊ะ? ไกลขนาดนี้ ดูแลความปลอดภัยได้ยังไงอย่างนั้นเหรอ?

                    “เมื่อกี้ทาคาคิติดต่อมาแล้ว ว่ากำลังตามนายโอชิฮาระอยู่ ดูท่าทางจะนัดลูกน้องเอาไว้น่ะฮิคารุตอบ

                    อย่างนั้นหรือ พอจะรู้ไหมว่าเป็นลูกน้องในบริษัทหรือว่าลูกน้องที่ส่งไปที่อิบารากิยาบุวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะและนั่งลงข้างๆ

                    ฮิคารุเอื้อมมือไปหยิบหูฟังพร้อมไมค์ที่วางไว้บน CPU มาสวม

                    ยังไม่แน่ใจ แต่คาดว่าคงไม่น่าใช่ลูกน้องธรรมดาฮิคารุตอบพลางกดคลิ๊กๆบนจอคอมพิวเตอร์ อย่างที่ว่า คงไม่ใช่ลูกน้องธรรมดาหรอก เวลานี้กลับนัดลูกน้องออกมาคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ถึงแม้จะไม่ดึกมาก แต่ก็ยังฟังไม่ขึ้นอยู่ดี หากจะบอกว่าเรียกลูกน้องมาเลี้ยงข้าว

                    ยาบุพยักหน้า ชายหนุ่มเปิดลิ้นชักใกล้ๆหยิบหูฟังที่มีลักษณะคล้ายกับฮิคารุขึ้นมาสวม คนนั่งประจำคอมพิวเตอร์เหลือบมองเป็นอันเข้าใจกัน ก่อนที่เขาจะคลิกปุ่มที่ชื่อว่า “Contect”

                    ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด

                    เสียงต่อสัญญาณดังขึ้นในหูฟังของทั้งคู่ ไม่นานก็เริ่มได้ยินการตอบรับจากปลายสาย

                    ฉันเองเสียงของทาคาคิดังลอยมา แต่กลับฟังไม่ชัดเท่าไหร่นัก ดูเหมือนจะยืนอยู่ริมถนนหรือชายทะเลที่มีเสียงลมดังรบกวนอยู่

                    สถานการณ์เป็นยังไงบ้างฮิคารุตอบกลับไป

                    อืม ยังตามอยู่ เมื่อกี้จิเนนเช็คไปทางแถวที่นัดหมายแล้ว รู้สึกว่าลูกน้องของนายคนนี้จะยังไปไม่ถึงล่ะนะทาคาคิตอบสวนกลับเสียงลมแรง

                    นี่แหละคือการช่วยเหลือจากคนทางนี้ เรียวสุเกะกับไดกิต้องเดินหน้าหาสูตรต่อไปอย่างไม่ต้องพะวงหลัง เพราะคนทางนี้จะคอยดูสถานการณ์จากบริษัทโอชิฮาระให้ โดยหน้าที่ติดตามคือ ทาคาคิและจิเนน รวมไปถึงหน้าที่ในการสืบความเป็นไปในบริษัทด้วย

                    ทาคาคิ นายคิดว่า ลูกน้องที่นายโอชิฮาระนัดไว้ จะเป็นคนที่ยามะจังกับไดกิเจอที่อิบารากิรึเปล่ายาบุถาม เขาไม่มีอะไรยืนยัน แต่ลางสังหรณ์ของคนมีประสบการณ์มันบอกอย่างนั้น ซึ่งการไปมาระหว่างอิบารากิกับโตเกียว สำหรับคนมีรถมันไม่ใช่เรื่องยากเลย หากจะขับรถไปกลับโดยใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมง

                    อ้าว ยาบุหรอทาคาคิมีน้ำเสียงตกใจเล็กน้อย อืม ฉันเองก็ไม่รู้นะ แต่คิดว่าน่าจะใช่แหละ ตอนที่ฟังหมอนั่นคุยโทรศัพท์ เห็นบ่นใหญ่เลยว่า ฉันสั่งให้พวกแกไปเอาสูตรมาแล้วนี่มันกี่วันแล้วห๊า!’ ประมาณนี้ คิดว่าคงใช่นะทาคาคิเงียบไป ดูเหมือนจะส่งให้จิเนนคุยต่อ

                    ฮัลโหล ยาบุคุง ฮิคารุคุงจิเนนเรียก

                    ฮัลโหล พวกเราฟังอยู่ฮิคารุตอบ

                    ยามะจังกับไดจังเป็นยังไงบ้างฮะจิเนนถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นห่วง

                    “สบายดี เคย์โตะพึ่งติดต่อไปเมื่อชั่วโมงที่แล้วนี้เอง เห็นว่าใกล้ความจริงขึ้นมาแล้วล่ะฮิคารุตอบด้วยใบหน้าอ่อนโยน แม้ว่าจิเนนจะไม่สามารถเห็นสีหน้าของเขาในเวลานี้ได้ แต่น้ำเสียงที่ส่งออกไปก็ช่วยคลายกังวลให้เพื่อนตัวเล็กได้เป็นอย่างมาก

                    งั้นเหรอ ขอบคุณนะ ทางนี้เองก็จะพยายามเหมือนกันจิเนนตอบกลับมาเสียงใส

                    พยายามเข้านะ อ้อ จริงสิ ฮิคารุ สองคนนั้นฝากข้อความและก็ข้อมูลเอาไว้ให้จิเนนกับทาคาคินี่นายาบุนึกขึ้นได้ ถึงข้อความเสียงที่เรียวสุเกะและไดกิส่งมาให้เมื่อตอนช่วงค่ำหลังจากที่เคย์โตะวางสายจากทั้งสองไปแล้ว

                    เอ๋ ข้อความงั้นหรอ?” ปลายสายสองเสียงพูดพร้อมกัน

                    จริงด้วย! ขอโทษนะฉันมัวแต่ตรวจสอบนายโอชิฮาระน่ะ จะหาให้เดี๋ยวนี้แหละฮิคารุขอโทษขอโพย แล้วรีบคีย์คอมพิวเตอร์หา

                    ใช้เวลาไม่ถึงสองนาที ฮิคารุก็สามารถส่งข้อความไปถึงสองคนที่รออยู่ปลายสายได้สำเร็จ

                    นี่เป็นข้อความและก็ข้อมูล สัณฐานของลูกน้องสามคนที่นายโอชิฮาระส่งไปที่อิบารากินะ เอาล่ะมีอะไรก็ติดต่อมานะ ฝากด้วยล่ะ

                    “เข้าใจแล้ว ขอบคุณมากนะ

                    “จิเนน ทาคาคิ อย่าลืมนะ ถ้าคนที่นายโอชิฮาระนัดไว้คือสามคนนั่นจริงๆ และถ้าพวกนั้นมีแผนอะไรก็ให้รีบติดต่อมาทันทีนะ เราจะแจ้งสองคนนั้นเองยาบุย้ำก่อนที่จะวางสาย

                    อึดใจเดียวก็มีเสียงตอบกลับมาของทาคาคิและจิเนน

                    รับทราบ

                    และทั้งคู่ก็วางสายไป ยาบุและฮิคารุค่อยๆถอดหูฟังออก

                    “นายกังวลเรื่องอะไรอยู่งั้นเหรอฮิคารุเปิดปากถาม

                    เปล่าหรอก แค่เป็นห่วงน่ะยาบุยิ้มน้อยๆ ทำให้ฮิคารุเริ่มยิ้มตาม

                    สองคนนั้นไม่ใช่เด็กแล้วนะ ฉันหมายถึง ยามะจังกับไดกิน่ะฮิคารุยิ้มแล้วหยิบแก้วกาแฟของยาบุมาถือ

                    นั่นสินะยาบุยิ้มกับตัวเอง อันที่จริงฉันคิดว่า สุดท้ายก่อนปิดคดีจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็คิดว่าสองคนนั้นรับมือได้อยู่แล้ว

                    ฮิคารุนิ่งฟังเงียบๆ เช่นเดียวกับเคย์โตะที่แม้จะนั่งหันหลังทำงานของตัวเองอยู่ แต่ก็ได้ยินคำพูดทุกคำพูดทั้งหมดชัดเจน

                    ฮิคารุลุกขึ้นยืนและตบไหล่ยาบุดังป๊าบ จนเคย์โตะสะดุ้งหันมามอง

                    “?!”

                    รู้ก็ดีแล้วฮิคารุยิ้มและเดินหายเข้าไปในห้องครัว มิวายเดินไปตบไหล่เคย์โตะต่อ ตกใจอะไรอยู่นั่นแหละ รีบๆสรุปแล้วก็ส่งไปหาสองคนนั้นได้แล้ว!”

     

    ***********************

                    ซอยเปลี่ยวที่เรียงรายไปด้วยร้านเหล้าของคนกลางคืน แสงไฟนีออนสว่างจ้าหลากสี ผลัดกันส่องแสงวิบวับอยู่หน้าร้าน ชวนปวดหัว

                    เสียงเพลงดังสนั่นที่เล็ดลอดออกมาจากประตูร้าน กลิ่นควันบุหรี่ที่คละคลุ้ง ช่างเป็นสถานที่ที่ไม่น่าพิสมัยเลยจริงๆ ความคิดนี้เกิดแวบขึ้นมาในหัวของชายหนุ่มอายุน้อย

                    ทาคาคิเบ้หน้าเมื่อย่างก้าวเข้ามาในซอยแห่งนี้ ตามด้วยคู่หูตัวเล็กที่เดินตามมาทีหลัง เห็นชัดๆว่าเป็นแหล่งมั่วสุมของคนไม่ดี อย่างนี้ก็ชัดแล้วว่า นัดลูกน้องแบบไหนมา

                    ให้ตายสิ ฉันล่ะเกลียดที่แบบนี้จริงๆทาคาคิสถบออกมาเบาๆ แต่ด้วยประสบการณ์ที่เขาฝึกและสั่งสมมานานทำให้เขาสามารถบ่นออกมาได้ โดยมีเสียงเล็ดลอดออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถือเป็นข้อดีไหมนะ?

                    “อย่าบ่นสิ ผมก็ไม่ชอบเหมือนกันแหละ คิดซะว่าเป็นงานและก็ทำเพื่อยามะจังกับไดจังละกันจิเนนปรามคู่หูที่มีส่วนสูงและอายุห่างจากเขา

                    ฉันรู้น่า ขอบ่นหน่อยก็ไม่ได้ทาคาคิเหน็บ ชายหนุ่มตวัดสายตาขึ้นไปมองเป้าหมาย ซึ่งเขาคอยรักษาระยะห่างเอาไว้อย่างดี

                    ดูเหมือนตอนนี้นายโอชิฮาระกำลังสับสนชื่อร้านอยู่ แต่ไม่นานเขาก็เริ่มออกเดินอีกครั้ง ทันทีที่เป้าหมายออกก้าว เขาเองก็ก้าวออกไปเหมือนกัน

                    ทาคาคิและจิเนนรักษาระยะห่าง เมื่อเดินไปได้ราวสิบเมตรจนเกือบจะสุดซอย นายโอชิฮาระก็หยุดยืนอยู่หน้าร้านเหล้าร้านหนึ่ง ก่อนจะเดินหายเข้าไปข้างในนั้นด้วยความระมัดระวัง

                    ทั้งสองคนเมื่อเห็นนายโอชิฮาระเดินเข้าไปแล้ว ก็จัดแจงปรับท่าทางและสีหน้าเล็กน้อย เสยผม คลายเนคไท ปลดกระดุมเสื้อนิดหน่อย จึงค่อยเดินตามเข้าไปข้างในทีหลัง

                    เพราะสถานที่และอุปกรณ์ไม่เอื้ออำนวย บวกทั้งไม่มีเวลา ทั้งสองจึงปรับเปลี่ยนลักษณะภายนอกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ว่ากลับดูเป็นคนละคนเชียวล่ะ

                    ยินดีต้อนรับครับเสียงพนักงานหน้าเคาท์เตอร์เอ่ยทักทาย ทั้งสองได้แต่พยักหน้ากลับนิดหน่อยพอเป็นพิธีก่อนจะเดินเลยพนักงานคนนั้นเข้าไป

                    สีหน้าและการแต่งกายของจิเนนที่ปรับเปลี่ยนเพียงชั่วเสี้ยววินาทีก่อนเดินเข้ามาในร้าน ทำให้พนักงานไม่สงสัยในอายุและเรียกตัวเขาเอาไว้

                    จิเนนหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มมองหาเป้าหมายที่เป็นประธานบริษัท

                    แสงไฟมืดสลัวบวกกับเสียงดนตรีที่ดังสนั่นเกินทนไหว วัยรุ่นหนุ่มสาว รวมถึงคนวัยทำงานทั้งนั่งและเต้นโยกย้ายกันอยู่จนเต็มร้านไปหมด

                    ทั้งคู่พยายามสอดส่องหาเป้าหมายทั่วทั้งร้าน ในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามแทรกตัวไปตามผู้คนที่กำลังสนุกสนานกันอยู่จนแทบลืมหายใจอีกด้วย

                    นั่นไงจิเนนสะกิดคู่หูที่กำลังมองหานายโอชิฮาระอยู่

                    ลึกเข้าในที่มุมร้านด้านในสุด นายโอชิฮาระนั่งอยู่ตรงนั้น ด้วยลักษณะการแต่งกายที่ดูดีผิดจากคนอื่น ชุดสูทสีเทาเนื้อดี ที่สั่งนำเข้าจากต่างประเทศ บวกกับหน้าตาที่เกลี้ยงเกลาปราศจากความอ่อนล้าที่คนทำงานส่วนใหญ่มักมี ทำให้เขาเป็นที่สะดุดตาพอสมควร แน่นอนว่าไม่ใช่สำหรับคนธรรมดา เพียงเท่านี้อันที่จริงก็ไม่เตะตาใครหรอก เพียงแต่ว่า แค่นี้ก็สะดุดตาเพียงพอสำหรับคู่หูทั้งสองนี้แล้ว

                    เมื่อเจอเป้าหมาย ทั้งคู่พากันไปนั่งลงที่โต๊ะข้างๆ ไม่มีเสียงพูดคุยกันเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองคน สีหน้าที่เรียบเฉย กริยาท่าทางที่ไม่ผิดสังเกต ทั้งคู่สั่งเครื่องดื่มเล็กน้อยจากทางร้านเพื่อไม่ให้ดูน่าสงสัยจนเกินไป

                    นายโอชิฮาระไม่เอะใจเลยซักนิด แน่นอนอยู่แล้ว ตั้งแต่ทำงานมา ยังไม่มีใครเคยรู้สึกถึงสองคู่หู ทาคาคิ จิเนนเลย ว่าทั้งคู่กำลังสะกดรอยตามตัวเองอยู่

                    ไม่นานเกินรอ เป้าหมายอีกกลุ่มก็มาถึง จิเนนและทาคาคิเบิกตาขึ้นเล็กน้อย อิซาวะ! ทาเคอิ! ซานาดะ! ไม่ผิดแน่ ลักษณะของทั้งสามคนนี้ตรงตามที่ยามะจังกับไดจังบอกมาทุกอย่าง!

                    “ขอโทษที่มาช้าครับอิซาวะ โค้งคำนับให้โอชิฮาระ ตามด้วยทาเคอิและซานาดะที่ตามมายืนและโค้งให้ ทั้งสามคนยืนเรียงแถวหน้ากระดานราวกับกำลังฝึกทหารกันอยู่

                    โอชิฮาระปรายตาทำหน้าบอกบุญไม่รับ

                    ชั้นให้เวลาพวกแกตั้งสองอาทิตย์ กะอีแค่บ้านหลังเล็กๆแค่นั้นทำไมถึงหาไม่เจอ!” นายโอชิฮาระแผดเสียงดัง ดวงตาแดงก่ำแสดงถึงความเกรี้ยวโกรธโชคดีไปที่ในร้านเปิดเพลงเสียงดัง

                    ลูกน้องผู้น่าสงสารสะดุ้งโหยง

                    ให้อภัยพวกเราด้วยครับนาย!!! แต่พวกเราหาทุกซอกทุกมุมแล้วแต่ไม่เจอเลย นอกบ้านก็ด้วย บางทีหมอนั่นอาจจะไม่ได้ซ่อนไว้ที่บะ…” ซานาดะที่ดูท่าทางจะเป็นคนขี้กลัวตามที่เพื่อนทั้งสองได้บอกมารีบแก้ตัวใหญ่ แต่ไม่ทันที่จะพูดจบ นายโอชิฮาระกลับโมโหแรงยิ่งกว่าเดิม

                    เจ้าพวกโง่!!!” เจ้าของบริษัทในชุดสูทเทาตะหวาด

                    มันจะไม่มีได้ยังไงกัน พวกแกแหละโง่เอง! เมียเจ้านั่นก็เป็นคนสารภาพกับตำรวจเองว่า เคยแอบเห็นเจ้าซากาโมโตะซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ในบ้านหลังนั้นน่ะ!!!”

                    คำพูดนี้ทำให้ประสาทรับรู้ในตัวของคนที่นั่งฟังอยู่ด้านหลังตื่นขึ้นมากะทันหัน หมายความว่ายังไงกัน ภรรยานายซากาโมโตะรู้เรื่องนี้? แถมยังบอกตำรวจแล้วอีกต่างหาก?!

                    ทั้งสองมองหน้ากันใจเต้นตุบตับ แต่ก็ยังคงรอฟังเสียงจากทางด้านหลังอย่างใจเย็น

                    “เอ่อ ขอโทษครับ!!!” ลูกน้องผู้น่าสงสาร โค้งหัวให้ผู้เป็นนายจนเอวอาจเคล็ด

                    นายโอชิฮาระ ยกขาขึ้นไขว่ห้างอย่างหมดอารมณ์

                    พวกแกรีบกลับไปเลยนะ ไปหาให้เจอ ไม่อย่างนั้นฉันไม่ปล่อยพวกแกไว้แน่!” ประธานบริษัทชี้หน้าลูกน้องทีละคน สายตาและริมฝีปากที่สั่นเรื่อเพราะความโกรธเห็นได้ว่าเขาเอาจริง

                    คะ ครับ!!!”

                    “ดี! แล้วก็จำใส่หัวไว้นะ พรุ่งนี้ นังเมียนั่นจะกลับมา ระวังตัวไว้ด้วย! นังนี่น่ะมันร้าย ถ้าเกิดมาเห็นพวกแกแล้วแจ้งตำรวจมาจับก็จบเห่พอดี เข้าใจไหม!!!”

                    ครับ!!!

                    แล้วถ้าไม่จำเป็น…” ประธานบริษัทลดเสียงลง ฉันก็ไม่อยากจะฆ่าใครอีก…” ประโยคนี้ไม่มีทางหลุดรอดประสาทหูของทาคาคิและจิเนนไปได้

                    ทาคาคิกำมือแน่น

                    เราไม่ใช่มืออาชีพ เกิดไปแสดงตัวกับใครหรือทำอะไรลงไป เราก็จะแย่ เผลอๆอาจจะเป็นการขุดหลุมฟังตัวเองไปอีกต่างหาก เข้าใจไหม!”

                    “ขะ เข้าใจแล้วครับ!!!”  ลูกน้องผู้หน้าสงสารยืนเหงื่อตก สูทสีดำสนิทไม่ช่วยให้พวกเขาผ่อนคลายลงเลย แม้ว่าจะทำอาชีพข่มขู่มานาน แต่ก็ไม่เคยฆ่าคนและก็ไม่กล้าด้วย ข่มขู่แค่พอมากแต่หากต้องเสี่ยงกับตำรวจพวกเขาเองก็ไม่เล่นด้วยเหมือนกัน

                    ถ้าเข้าใจแล้วก็รีบไสหัวไปซะ! แล้วก็อย่าลืมล่ะ!”

                    “ครับ!!!”

                    อิซาวะ ทาเคอิ ซานาดะ เดินเรียงคอตกกันออกไปเป็นแถว ดูๆไปก็น่าสงสาร แต่คนทำอาชีพข่มขู่คนอื่นอย่างพวกเขา แค่นี้ก็ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะต้องสงสารแล้ว

                    หลังจากที่ทั้งสามคนออกไปได้ซักพัก นายโอชิฮาระ นั่งดื่มเครื่องดื่มที่สั่งมาจนหมดอย่างมีอารมณ์นิดหน่อย ก่อนจะวางเงินทิ้งไว้และเดินออกไปจากร้าน

                   

    **************************

     

                    “เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละจิเนนพูดหลังจากอธิบายเล่าสิ่งที่ตนกับคู่หูไปแอบฟังมาจากนายโอชิฮาระและลูกน้องทั้งสาม

                    เมื่อนายโอชิฮาระออกไปแล้วราวสิบห้านาที ทั้งคู่จึงพากันออกมาจากร้าน เนื่องจากทาคาคิไม่อยากจะนั่งอยู่ในร้านนาน จิเนนก็เช่นกัน แต่พวกเขาจำเป็นต้องอดทนทิ้งระยะเอาไว้ก่อน เผื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้น

                    หลังจากออกจากร้านมาได้ ทั้งคู่ก็รีบตรงดิ่งกลับศูนย์ หรือ บ้านของพวกเขาทันที เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาระหว่างเดินทางจึงรีบติดต่อยาบุและฮิคารุเพื่อรายงานผลด้วย

                    ทาคาคิยกหน้าที่รายงานผลให้จิเนนทุกครั้งที่ออกปฏิบัติงาน เขาไม่ใช่คนละเอียดอ่อนและใจเย็นอย่างคู่หู หน้าที่รายงานจึงไม่เหมาะกับเขาเท่าไหร่นัก

                    อย่างนั้นหรือ เข้าใจแล้วขอบคุณมาก คงจะเหนื่อยสินะ แวะหาอะไรกินก่อนก็ได้นะยาบุพูด ชายหนุ่มก็นิ่งเงียบไปซักพักก่อนจะได้ยินเสียงตอบอย่างอ่อนโยนกลับมา

                    ไม่เลย พวกเรากำลังจะกลับบ้านน่ะ อย่าลืมรีบบอกสองคนนั้นนะ ผมเป็นห่วงพวกเขา แม้ว่าจะสั่งห้ามไม่ให้สามคนนั้นทำอะไรก็เถอะ แต่สถานการณ์อาจเกิดขึ้นได้จิเนนพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

                    ทาคาคิดึงโทรศัพท์มือถือไปจากมือของเพื่อนตัวเล็กและพูดแทน

                    ยาบุ ฮิคารุ เดี๋ยวพวกฉันจะวางสายแล้วนะ รีบโทรไปบอกสองคนนั้นเดี๋ยวนี้เลย ทางนี้ฉันจัดการเอง อีกไม่นานก็จะถึงบ้านแล้วทาคาคิพูดรัว อันที่จริงจะบอกตอนเช้าก็ได้ แต่ถ้าเป็นไปได้เขาอยากให้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเร็วที่สุดแก่สองคนนั้นที่อยู่ห่างไกล

                    เพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันจึงไม่อาจมีหลักประกันอะไรได้ สิ่งที่ทำได้ก็คือบอกทุกอย่างให้เร็วที่สุด

                    ยาบุที่ปลายสายเงียบไป ฮิคารุจึงตอบขึ้นมาแทน

                    ใจเย็นๆทาคาคิ พวกเราโทรแน่ แต่พวกนายเองก็สำคัญเหมือนกัน เอาล่ะ ตกลง ฉันจะโทรเดี๋ยวนี้แหละ แล้วก็ฝากซื้อช็อกโกแลตเข้ามาด้วยนะ ริวอยากกิน ฉันวางล่ะ

                    ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด

                    ปลายสายพูดรัวไม่แพ้กัน กว่าจะรู้สึกตัวก็ได้ยินเสียงดังตู๊ด ตู๊ด ซะแล้ว ว่าแต่ว่า

                    ทั้งสองมองหน้ากัน

                    “ช็อกโกแลตงั้นหรือ?”

     

    *****************************

                   

                    เอาล่ะ ยาบุเรารีบโทรหาสองคนนั่นกันฮิคารุพูด สายตาจ้องมองโทรศัพท์มือถือในมืออยู่

                    “…”

                    เป็นอะไร ทำไมเงียบไปล่ะ

                    “อ่ะ อ๋อ ไม่มีอะไร พอดีพอได้ฟังทาคาคิพูดแล้วก็คิดถึงอะไรขึ้นมาน่ะ…” ยาบุตอบ

                    อะไรล่ะ

                    ยาบุมองหน้าฮิคารุแล้วยิ้มนิดๆ

                    ครอบครัวเรานี่รักกันดีจังนะยาบุพู ชายหนุ่มยิ้มกับตัวเองจนตาหยี ทำให้คู่หูที่นั่งอยู่ข้างๆอดยิ้มไปด้วยไม่ได้

                    ใช่ไหมล่ะ สุดยอดไปเลย อ๊ะ ใช่ต้องโทรบอกสองคนนั้นก่อนฮิคารุยิ้มภูมิใจแต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้โทรหาเรียวสุเกะกับไดกิ จึงรีบกดเบอร์โทรออก

                    ไม่นึกเลยว่า ข้อมูลที่ทาคาคิได้มาวันนี้ จะตรงตามที่เราคาดการณ์เอาไว้ใช่แล้วล่ะ หลังจากที่ได้ฟังทาคาคิพูดว่า นายโอชิฮาระนัดลูกน้องเอาไว้ เขาก็คิดเอาไว้เลยว่าจะต้องเป็นสามคนที่เรียวสุเกะและไดกิพูดถึงเป็นแน่ แต่ที่เหนือการคาดหมายก็คือ ไม่นึกว่า ภรรยาของนายซากาโมโตะจะรู้เห็นอะไรด้วย

                    ที่จริงบางที ที่นางซากาโมโตะพูดว่าเห็นสามีกำลังซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้อยู่ ก็อาจจะเป็นอะไรอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หรืออาจะเป็นคำโกหกของนางก็เป็นได้ แต่ก็ถือว่าเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มาก บางทีถ้ารีบแจ้งให้สองคนนั้นรู้ อาจจะทำให้นึกอะไรขึ้นมาได้ก็ไม่แน่

     

    *************************

     

                    ครืด ครืด

                    ในห้องพักนักศึกษาต่างจังหวัดที่เงียบเชียบและมืดสนิท เสียงลมหายใจของเด็กหนุ่มที่อยู่ในห้องจึงฟังดูดังกว่าปกติหลายเท่า ทว่ากลับมีอีกเสียงหนึ่งที่ดังกว่า นั่นก็คือเสียงโทรศัพท์มือถือสั่นนั่นเอง

                    เรียวสุเกะที่เป็นคนตื่นนอนง่าย ลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ เด็กหนุ่มควานหาโทรศัพท์เจ้าปัญหาในความมืดขณะที่อีกคนซึ่งตื่นยากกว่า กำลังพยายามเดินไปเปิดไฟ

                    ตึก

                    เรียวสุเกะควานหาโทรศัพท์เจอ วินาทีเดียวกับที่ไดกิเปิดไฟ เด็กหนุ่มทั้งสองหรี่ตาจนตาแทบปิด ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อนอนเลิ่กขึ้นมาเล็กน้อยเป็นเพราะนอนดิ้น

                    ไดกิเดินกลับมานั่งที่ข้างเตียง และหันหน้าไปทางเรียวสุเกะที่กำลังถือโทรศัพท์มือถือเอาไว้

                    เรียวสุเกะพยายามลืมตาขึ้นมาดูที่หน้าจอโทรศัพท์ อ้าวนี่มันโทรศัพท์ของไดกิไม่ใช่เหรอ เรียวสุเกะคิด แต่ขณะกำลังจะยื่นโทรศัพท์ไปให้เพื่อนซี้ข้างๆนั้น สายตาก็ลืมเต็มตาพอดี

                    เมื่อเห็นชื่อที่ขึ้นบนหน้าจอ เด็กหนุ่มชักมือกลับและเปิดกดรับ

                    ฮัลโหล

                    ว่าไง ยามะจังหรอ ทำไมรับโทรศัพท์ช้าจัง เสียงฮิคารุลอยมาตามสาย ทำให้เขาเริ่มตื่น

                    อืออ เรียวจัง ใครหรอ….” เสียงงัวเงียของไดกิแทรกเข้ามา ฮิคารุเองก็ได้ยินเช่นกัน

                    อ้าวนั่นเสียงไดจังนี่ งัวเงียเชียว นอนกันไปแล้วหรอ? ฮิคารุถาม

                    “อืมใช่ วันนี้เหนื่อยมากเลยนอนเร็วน่ะ ฮิคารุคุงมีอะไรหรอเรียวสุเกะพยายามตั้งสติถาม สายตาเหลือบไปมองที่นาฬิกาหัวเตียง

                    สี่ทุ่มห้าสิบแปดนาทีอะไรกันยังไม่ห้าทุ่มเลยหรอเนี่ย ไม่แปลกที่ฮิคารุจะสงสัย

                    งั้นหรอ ลำบากแย่เลยนะ ขอโทษนะที่โทรมาปลุก พอดีว่า ฮิคารุเริ่มเล่าเรื่อง เนื้อหาที่ได้ฟังทำให้เรียวสุเกะค่อยๆตื่นขึ้นมาทีละนิดจนหายง่วง

                    เด็กหนุ่มใช้มือข้างที่ว่างสะกิดคู่หูให้ตื่นมาฟังกับเขา แต่กว่าจะตื่นได้ก็ต้องตบตีกันไปอยู่หลายยกเหมือนกัน

                    อย่างนั้นหรอ เข้าใจแล้วขอบคุณมากนะฮิคารุคุง ฝากบอกทาคาคิคุงกับจิเนนด้วย

                    ไม่เป็นไรหรอก สองคนนั่นก็เป็นห่วงพวกนายมากนะ พยายามเข้าล่ะ

                    ขอบคุณครับ พรุ่งนี้เราจะเริ่มจัดการกันแล้ว

                    เข้าใจล่ะ พวกเราจะคอยนะ แล้วก็ยามะจัง เคย์โตะส่งสรุปโดยละเอียดไปแล้ว ถ้ายังไงพรุ่งนี้เช้าลองเปิดอ่านดูนะ

                    ครับ ขอบคุณมากนะ อื้ม ราตรีสวัสดิ์เรียวสุเกะวางหูหลังจากได้ยินเสียงตอบกลับมาจากฮิคารุ

                    ไดกิที่นั่งอยู่ข้างๆก็ตื่นมาฟังได้ซักพักหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องในช่วงแรกๆบ้างนิดหน่อย เรียวสุเกะจึงอธิบายเรื่องทั้งหมดใหม่ตั้งแต่ต้น

                    อย่างนี้นี่เอง งั้นที่สามคนนั่นวนเวียนหาอยู่แต่ในบ้านหลังนั้น ก็เพราะอย่างนี้เองหรอกเหรอไดกิลูบคางใช้ความคิด

                    ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น ทีนี้ข้อสันนิษฐานของฉันก็เริ่มชัดขึ้นมาแล้วว่าไหม ไดกิเรียวสุเกะพูด สายตาจ้องนิ่งไปที่หน้าต่างข้างนอก

                    จริงด้วยสินะ แต่เพราะอะไรกันแม้ว่าขอสันนิษฐานของเรียวสุเกะที่ทั้งคู่ได้ช่วยกันคิด จนทำให้ได้ข้อสรุปออกมาเป็นที่น่าพอใจและเป็นไปได้อย่างมากก็จริง แต่เพราะอะไรไดกิเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันถึงเหตุผลบางอย่างในคดีนี้

                    เดี๋ยวเราก็รู้เองแหละไดกิ นอนกันเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก่อนออกไปฉันจะตื่นมานั่งอ่านสรุปของเคย์โตะอีกที”  เรียวสุเกะพูดแล้วเดินไปปิดไฟ

                    ไดกิยังคงนั่งมองตามเพื่อนสนิทอยู่บนเตียง

                    พรึ่บ

                    หลังจากไฟดับลง เรียวสุเกะใช้เวลาเล็กน้อยกว่าจะกลับมาถึงเตียงได้ เมื่อได้ยินเสียงเตียงข้างๆยุบลงไดกิก็เปิดปากพูดออกมา

                    พรุ่งนี้ระวังตัวด้วยนะ อย่างที่ฮิคารุบอกนั่นแหละ ถึงพวกมันจะไม่ฆ่า ไม่ปรากฏตัว แต่ถ้ามันรู้ว่าพวกเราสืบอยู่และใกล้ความจริงมากขึ้น ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ใช่แค่นั้นนะ เป็นไปได้ที่พวกมันซึ่งเหนื่อยที่จะตามหา บุกเข้าไปทำร้ายคุณนายซากาโมโตะถึงบ้านก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นพวกเราก็คงต้อง…”

                    “ฉันรู้น่าไดกิ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันมีนาย นายมีฉัน แค่นั้นก็พอแล้วไม่ใช่รึไงเรียวสุกะพูดและยิ้มในความมืด

                    ไดกิอึ้งกับคำพูดของเรียวสุเกะ อย่างนั้นหรอไดกิยิ้ม

                    นั่นสินะ พรุ่งนี้เรามาพยายามกันเถอะ

                    “อืม แน่นอนอยู่แล้วเรียวสุเกะตอบในลำคอ ก่อนจะพูดต่อขึ้นมา เราจะต้องสะสางเรื่องนี้ให้เสร็จแล้วกลับไปหาครอบครัวของเรากันนะ…” เด็กหนุ่มยิ้ม และนึกถึงใบหน้าทุกคนที่โตเกียว ความเป็นห่วงที่ทุกคนส่งมามันทำให้เขามีกำลังใจมากขึ้น

                    อื้ม

                    ไดกิยิ้มและหลับตาลง

                    “…”

                    “…”

                    “เรียวจัง ฉันกลัวที่ต้องนอนหลับอีกครั้งไดกิพูดขึ้นเบาๆ

                    ไม่ต้องกลัวนะ เพราะว่าฉันจะอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าไดจังจะหลับไปซักกี่ครั้ง ฉันก็จะอยู่ตรงนี้ และทุกครั้งที่ไดจังตื่นขึ้นมา ฉันก็จะตื่นมานั่งรอไดจังอยู่ตรงนี้ตลอดไปนะ

                    “…ขอบคุณนะ เรียวจัง

                    .

                    .

                    .

                    .

                    .

                    To be continue…

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


                 ลืมกันไปรึยัง T^T เฮ้อดีใจจังได้แต่งแล้ว กรี๊ดดดด แบบว่า มันแต่งยากอ่า กว่าจะนึกขึ้นได้ก็ใช้เวลา T^T รวมถึงเกิดเรื่องราวมากมาย พร้อมทั้งโซลเริ่มแปลทรานส์และทำซับกับเพื่อนเลยทำให้เผลอไปทำอย่างอื่นจนไม่ได้แต่งฟิค แต่โซลก็ไม่ลืมหรอกนะ! เพียงแต่ฟิคต้องคิดมากๆ ก็เลยแต่งไม่ออก ให้อภัยด้วยน้า T^T

                 ขอบคุณสำหรับทุกคนที่ยังไม่ลืมกันน้า แถมยังเข้ามาตามอีก ซึ่งทำให้โซลละอายอย่างมาก =.= รักนะทุกคน จู๊บบบบบบบบบบบบ =3=!!!

                พูดถึงตอนในเรื่อง ตอนนี้แต่งเรื่อยๆมากเลย ฮ่าๆแต่ก็เป็นอีกตอนหนึ่งที่ภูมิใจเหมือนกันแหละนะ อิอิ ตอนแรกว่าจะให้สองคนนี้ไปคุยกับคุณนายนั่น แต่ไปๆมาๆเอาไว้ก่อนดีกว่า ถ้าพูดถึงอีกฝ่ายด้วยมันก็น่าจะสนกขึ้นใช่ไหมล่ะ หุหุ แต่พูดไปก็อาย งงเองเหมือนกัน สรุปใครเป็นยังไงอะไร กร๊ากกกก แต่ว่ามันจะจบแน่นอน! โฮะๆๆๆ แล้วเจอกันตอนหน้านะจ๊ะ =3= ถ้าทวงบ่อยๆก็จะมาแต่งแน่นอน กร๊ากกกก

    ไดยามะเรียลลิตี้!!!

    ปล. ฝาก Facebook : Venus Zaol JUMP Thai Traslated ด้วยนะจ๊ะ เป็นแฟนเพจ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×