คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 5 การโคจรมาพบกันระหว่างมนุษย์ทั้ง 4 คน (1)
(Ryosuke)
ผมลากขาอันหนักอึ้งขึ้นบันไดหออย่างยากลำบาก วิชาพละที่เป็นวิชาปิดท้ายของวันนี้มันเป็นอะไรที่ทรมานจิตผมเสียจริงๆ ให้วิ่งบริหารปอดหอกอะไร วิ่งเป็นสิบรอบแถมจับเวลาอีก วิ่งกันลิ้นไก่แทบปลิ้น ลมแทบจับ หอบเป็นหมาหอบแดดกันเป็นทิวแถวเลยทีเดียว
ปวดขาชะมัด.. ไม่ได้ออกกำลังกายมาเสียนาน กลับไปที่ห้องต้องหาครีมคลายกล้ามเนื้อมาทาซะหน่อยแล้ว ออกกำลังกายหนักแบบนี้มีหวังตอนกลางคืนก้อนตะคริวได้ขึ้นบนน่องปูดเป็นลูกระนาดแหงๆ-.-
จนถึงตอนนี้แล้วผมก็ยังรู้สึกข้องใจไม่หาย ว่าใครช่างเล่นตลกกับชีวิตของผม ถึงได้จับคนที่ผมเกลียดที่สุดมาเป็นคู่รูมเมทของผม ไอ้ที่ว่าจะไปแจ้งขอย้ายห้องด้วยเหตุผลที่ไม่ถูกกับรูมเมตในห้องก็ดูจะเป็นเหตุผลที่ดูจะเป็นเด็กมีปัญหาไปสักหน่อย
เพราะฉะนั้น..
ตอนนี้ผมควรจะต้องอดทนไปก่อนสินะ..
ไว้วันไหนที่สุดจะทนจริงๆค่อยว่ากันละกัน
ระหว่างที่ผมคิดอะไรไปเพลินๆระหว่างที่เดินขึ้นบันไดกลับไปที่ห้องพักของตัวเอง ก็มีผู้ชายถือลูกบอลคนหนึ่งวิ่งสวนทางลงมาพอดี
“อ้าว เรียวสุเกะ!”
“รุ่นพี่โทโมะ!”
“วันนี้ไปเล่นบอลกันมั้ย?”
“อ่า..วันนี้วิชาพละเล่นซะผมน่วม..”
“งั้นไม่เป็นไรๆ ว่าแต่นายอยู่ชั้นนี้หรอ?”รุ่นพี่โทโมะหมุนลูกบอลในมือไปมาพลางกวาดสายตามองรอบตัวผม
“เปล่าหรอก อยู่ชั้น4น่ะ”
“งั้นหรอ.. เออ! เดี๋ยวลงไปโว้ย! งั้นไว้เจอกันนะ”รุ่นพี่หันไปตะโกนบอกเพื่อนก่อนจะหันมาโบกมืออำลาผมแล้ววิ่งลงบันไดไป
ผมเผลอมองกล้ามบึกๆของรุ่นพี่ที่กำลังวิ่งลงไปชั้นล่างโดยไม่ทันได้รู้ตัว รุ่นพี่โทโมะเป็นผู้ชายที่หน้าตาธรรมดา แต่เป็นคนที่มีเสน่ห์ ผิวสีแทนกับกล้ามเป็นมัดๆนั่นเป็นตัวบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเป็นนักกีฬาตัวยง
ตั้งแต่ผมมาที่โรงเรียนนี้นี้เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกอยากจะรู้จักใครมากขนาดนี้..
หวังว่าจะมีโอกาสได้พบกันอีกนะ...
“ไอ้ห่าอ้วนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!>O<!”
ยังไม่ทันที่ผมจะย่างกรายเข้าไปในห้องพัก ก็ได้ยินเสียงไอ้นรกแตกนั่นแหกปากส่งเสียงซะดังลั่น
“เรียกทำหอกอะไร!?”ผมตรงเข้าไปจะถีบยอดอกไอ้เด็กนรกแตกนี่สักครั้งให้หายคันซอกเล็บขบ แต่มันกลับหลบฝีตีนของผมไปได้อย่างว่องไวประดุจเมซซี่หลบคู่ต่อสู้
“ก็เปล่า...ทดสอบเสียงเฉยๆ หึๆ”มันหัวเราะในลำคอก่อนจะเดินเข้าไปในห้องพักเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แม่งเอ้ย...คนมองกันหมด=_=;
ผมเดินตามมันเข้ามาในห้อง ไอ้เด็กนรกแตกกระโดดในท่าถลาตัวลงสระว่ายน้ำใส่เตียง จนหัวเตียงกระแทกกับกำแพงดังตึง!
“ฮ้า~ สบายจังเลยน้า”มันถอดถุงเท้าโยนทิ้งไว้ข้างเตียง ยกตีนขึ้นมาเกาแกรกๆ แถมยังดมมือตัวเองที่ผ่านการเกามาแล้วอีกต่างหาก
บัดสีที่สุด=_=;;
ผมล่ะไม่เข้าใจพระเจ้าเลยว่าทำไมจะต้องมาพักกับไอ้เด็กนรกแตกนี่ด้วย อยู่ร่วมห้องเดียวกันรังแต่จะทำให้จิตเสื่อมโทรมลงทุกวันๆ
ผมนั่งลงที่ลิ้นชักข้างเตียง หยิบกล่องยาที่วางอยู่ลิ้นชักชั้นล่างสุด เปิดกล่องควานหาครีมคลายกล้ามเนื้อ..ในขณะที่เสียงเกาฝ่าตีนยังคงดังมาเป็นระลอกคลื่น
ตื๊ดๆ ตี๊ดๆ
เสียงข้อความโทรศัพท์ดังขึ้น ผมควานหาโทรศัพท์ที่ผมจำได้ลางๆว่าหย่อนใส่ไว้ในกระเป๋าเป้สะพายใบเล็ก ผมพึ่งนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองมีโทรศัพท์ก็ตอนที่ได้ยินเสียงข้อความจากโทรศัพท์ของตัวเองนี่แหละ
+ 1 ข้อความ จาก ไอ้บ้าโคสุเกะ +
ผมรู้สึกตัวชาทันทีที่รู้ว่าใครเป็นคนส่งข้อความมาหา เพื่อนเก่าของผมที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับมาริจังต้องแตกหัก เพียงเพราะมันรักผม..
จริงๆแล้ว แต่ก่อนผมกับโคสุเกะสนิทกันมากเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยมัธยมต้น ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เรียกได้ว่ามีเรียวสุเกะที่ไหนก็ย่อมมีโคสุเกะที่นั่น..
ช่างมันเถอะ..ผมควรจะเลิกคิดถึงเรื่องเก่าๆได้แล้ว.. ผมมาที่แห่งใหม่แล้ว..
ถึงแม้จะห้ามตัวเองไม่ให้คิดถึงเรื่องราวในอดีต แต่มันก็ช่างหักห้ามความรู้สึกในจิตใต้สำนึกของตัวเองได้ยากยิ่งนัก
ผมตัดสินใจกดลบข้อความนั้นทิ้งโดยที่ไม่ได้เปิดอ่านแม้แต่สักนิด..
ผมควรจะลืมมันซะ...
(Keito)
“เฮ้ย! เคย์โตะ!”
“อะไร?”ผมละสายตาจากเกมส์กดในมือขึ้นมองยูโตะ
“วันนี้ฉันจะไม่กลับไปที่ห้องพักนะ พ่อแม่ขอใบอนุญาติพาฉันออกไปรับพี่ชายที่สนามบินน่ะ”
“อ้าว! วันนี้พี่ชายนายจะกลับมาวันนี้หรอ!? ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลยล่ะ!”
“แม่พึ่งโทรมาบอกฉันเมื่อกี้นี้เองเนี่ยว่าตอนนี้รออยู่ที่ห้องธุรการให้รีบลงไปด่วนเลย”
“ห๊ะ!?”
“ไปก่อนนะ ไว้เดี๋ยวโทรหาละกัน”ยูโตะคว้ากระเป๋าเป้สะพายขึ้นหลังวิ่งพรวดพราดออกไป
ตอนนี้ผมกำลังนอนเล่นอยู่ที่สวนหย่อมของโรงเรียน..
เวลาโพล้เพล้เนี่ย ที่สวนนี่จะอากาศดีมาก ต้นไม้ก็ใหญ่โตร่มรื่น เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ ผมมักจะมานั่งที่สวนหย่อมหลังตึกหอพักบ่อยๆ
“ฮ้า~ ไปอาบน้ำหน่อยดีกว่า”ผมยันตัวลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจเรียกความสดชื่นให้กับร่างกายสองสามครั้ง
ซ่า~ ซ่า~ ซ่า~
เสียงน้ำกระทบกับกระเบื้องดังออกมาจากโถงด้านใน ได้ยินแล้วรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก
ผมวางขันกับเครื่องมืออาบน้ำไว้ข้างในตู้ล็อคเกอร์ เมื่อกี้นี้ตอนที่ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่แต่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวลงมาก็ดันลืมถอดสร้อยออกอีก ก็เลยต้องถอดพาดเก็บไว้ในตู้ล็อคเกอร์อย่างเสียไม่ได้ ขืนใส่อาบน้ำไปด้วยเดี๋ยวเกิดร่วงหล่นตกท่อขึ้นมาล่ะงานเข้า
ผมพาดผ้าเช็ดหัวผืนเล็กไว้ที่ราวพาดผ้าที่ว่างอยู่ ผ้าเช็ดตัวของแต่ละคนจะมีปักชื่อนามสกุลเอาไว้ ทุกคนจะได้รับผ้าเช็ดตัวที่ปักชื่อจากทางโรงเรียนเมื่อได้เข้ามาเป็นนักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้ ผ้าเช็ดตัวจะมีทั้งหมดคนละสามผืน หลังจากใช้เสร็จก็จะส่งไปที่ห้องซัก วันถัดมาก็จะมีผ้าอุ่นๆหอมๆให้ได้ใช้แล้ว^^V
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ผมชอบมากเลยนะ^^
ห้องอาบน้ำของโรงเรียนจะเป็นห้องอาบน้ำรวม ด้านหน้าจะเป็นโถงใหญ่ๆทำเป็นบ่อขนาดใหญ่ใส่น้ำอุ่นลงไปเกือบครึ่งบ่อ ให้อาบน้ำชำระล้างร่างกาย ส่วนใครที่อยากจะแช่ตัวในน้ำอุ่นเดินข้างในก็จะมีบ่อขนาดเล็กลงมาซอยถี่ย่อยให้ได้ลงแช่กัน ส่วนใหญ่เกือบทุกคนที่ลงมาอาบน้ำหลังจากที่อาบน้ำเสร็จก็จะไปแช่ตัวผ่อนคลายในบ่อน้ำเสมอๆ ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
แน่นอนอยู่แล้วว่า อาบน้ำรวมมันก็เปลือยทั้งหมดใช่ไหมล่ะ.. นั่นล่ะ ตอนแรกๆที่ผมมาอยู่ที่โรงเรียนผมก็ไม่ค่อยชินเท่าไหร่หรอกนะ แต่พออยู่ไปเรื่อยๆมันก็ชิน
“โฮ้ยย! ของข้าใหญ่ขึ้นเปล่าวะ!”เสียงผู้ชายหัวเกรียนข้างๆดังขึ้น ผู้ชายกล้ามโตที่เปลือยร่างกายล่อนจ้อนโผล่หัวเข้าไปดูขนาดน้องชายของเพื่อนในกลุ่ม และคุยโวกันถึงขนาดของน้องชายของตัวเองอย่างสนุกปาก
ไอ้เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาสามัญมากๆ ถ้าเปรียบเทียบกับผู้หญิงก็คงคล้ายๆกับจับขนาดหน้าอกของเพื่อนสาวล่ะมั้ง
หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จก็เดินดุ่มๆตรงไปที่อ่างแช่ตัว ผมค่อยๆหย่อนเท้าและร่างตามลงไปช้าๆจนถึงคอ
“ฮ้า~ สบายจังเลยน้า”ผมหยิบผ้าขนหนูเช็ดหัวอีกผืนที่แช่น้ำเย็นขึ้นมาโปะวางไว้บนหัว
ผมชอบเวลานี้ที่สุดเลย^O^/
“โอ้วววววว แม่เจ้า นั่นผิวผู้ชายหรอวะ*O*”เสียงผู้ชายที่แช่อยู่ในบ่อเดียวกันกับผมกระซิบพูดกับเพื่อนอีกคน
“ไหนวะๆ..”
“นั่นไง ห่าแม่ง ผิวสวยชิบ..”
“เออว่ะ เอ็งแม่งตาไวชิบ อาหารตาชะมัด”
บทสนทนาสุดแสนจะลามกดังขึ้นเป็นระยะๆ จนผมอดอยากรู้อยากเห็นไปด้วยไม่ได้ ขอแอบดูหน่อยละกัน..
เฮ้ย! นั่นมัน เรียวสุเกะนี่หว่า!!OoO!
ผมพึ่งเคยเห็นหมอนั่นเปลือยเป็นครั้งแรก ผิวสวยอย่างที่เจ้าสองคนนี้พูดจริงๆด้วย ผิวกายทั้งตัวสีอมชมพูสม่ำเสมอกัน รูปร่างเล็ก เดินกระย่องกระแย่งหลบสายตาคนอื่นๆอย่างเขินอาย
“เรียวสุเกะ!”ผมตะโกนเรียกชื่อ เค้าหันขวับมองมาทางผม รีบวิ่งปรี่เข้ามาแช่อ่างอาบน้ำข้างๆผม
“โอ้ว โอ้ว โอ้วว~”ไอ้สองหน่อที่แช่ตัวอยู่ฝั่งตรงข้ามผมส่งเสียงออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน สายตาจ้องเรียวสุเกะเหมือนจะเขมือบเข้าไปทั้งตัว แต่ดูเหมือนเจ้าตัวที่ยิ้มให้ผมจะไม่ทันได้สังเกตเห็น
“เคย์โตะ ดีใจจริงๆที่เจอนายตอนนี้!”เรียวสุเกะหลบซ่อนตัวอยู่ข้างๆผม พอมาเห็นใบหน้าเพื่อนคนนี้ใกล้ๆแล้วก็รู้สึกได้ว่า..
ทำไมมันไม่เกิดเป็นผู้หญิงไปเลยวะ??..
หน้าตาจะงามไปไหน+{}+;
“เอ่อ..มันแปลกๆนะ เพราะฉันไม่เคยลงมาอาบน้ำรวมกับคนอื่นๆน่ะ”
“เดี๋ยวก็ชิน ตอนแรกฉันก็เป็น”
“งั้นหรอ..”
“น้องๆ..”จู่ๆก็มีคนตะโกนเรียกเรียวสุเกะ ที่ผมรู้สึกอย่างนั้นได้ก็เพราะว่าตอนนี้เค้ากลายเป็นเป้าสายตาของผู้ชายทุกคนที่อยู่ในนี้น่ะสิ
“น้องๆ น้องนั่นแหละ!”
“ผม?”เรียวสุเกะชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ใบหน้าฉายแววงุนงง รุ่นพี่หัวเกรียนหน้าบาก กล้ามโตเหมือนขากระทิงโบกมือโหยงเหยง
“น้องชื่ออะไรน่ะ?..เฮ้ๆ อย่าเข้าใจผิดนะ เพื่อนพี่มันฝากถามน่ะ”รุ่นพี่คนนั้นบุ้ยปากไปทางผู้ชายที่อยู่ข้างๆ หน้าตาดูเจ้าชู้ๆ
“เรียวสุเกะ”เรียวสุเกะตอบชื่อตัวเองและหันขวับกลับมาหาผมโดยไม่แม้แต่จะหันไปสนใจ หรือตอบคำถามของรุ่นพี่พวกนั้นสักนิด
“น้องเรียวสุเกะ.. น้องพักอยู่ห้องไหนหรอ?”
“ชื่อเรียวสุเกะหรอครับ? ยินดีที่ได้รู้จักนะ ว่างๆให้พี่ไปสอนการบ้านที่ห้องมั้ย? พี่เก่งคณิตศาสตร์มากเลยนะ..”
เรียวสุเกะเบะปากกับคำพูดของผู้ชายรอบข้างโดยที่คนอื่นไม่ทันได้สังเกต แต่ผมดันหันไปเจอพอดีน่ะสิ=[]=;
ผมไม่แปลกใจหรอกนะว่าทำไมเรียวสุเกะถึงป๊อปปูล่าในหมู่ผู้ชายขนาดนี้ เพราะหน้าตามันก็เป็นตัวการันตีได้อยู่แล้ว อีกอย่างที่นี่ก็เป็นโรงเรียนชายล้วน การที่จะได้ออกไปเจอสาวๆในโลกภายนอก มีโอกาสน้อยมาก เพราะทางโรงเรียนจะไม่ให้ออกไปนอกรั้วโรงเรียนเด็ดขาดถ้าไม่มีใบอนุญาติ เพราะอย่างนั้นแล้ว แค่ผู้ชายหน้าตาสวยๆ เดินผ่าน พวกบรรดาผู้ชายที่กระเสี้ยนกระสันก็แทบจะตาลุกโปนเป็นไข่นกกระจอกเทศกันหมดแล้ว ก็นะ...เรียกได้ว่าหงส์ในฝูงอีแร้งได้เลยล่ะมั้ง
แต่ตั้งแต่ผมเข้ามาเรียนที่นี่ก็ไม่เห็นจะเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้สักเท่าไหร่เลย หรือว่าง่ายๆก็คือว่าผู้ชายที่เห็นหน้ากันอยู่บ่อยๆมันก็รู้สึกเอียนจนอยากจะอ้วกแล้ว มาเห็นหน้าผู้ชายด้วยกันแล้วรู้สึกว่ามันน่ารักเนี่ย ยิ่งชวนขนลุกขนพองเข้าไปใหญ่ เพราะแต่ละคนมันก็ใช่ว่าจะบ้าจนเป็นเกย์ไปทั้งโรงเรียนสักหน่อย แต่ในกรณีนี้คงยกเว้นไว้กับ...
“ไอ้หมอนั่น..”จู่ๆผมก็รู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่แผ่ออกมารอบตัวเรียวสุเกะ พอมองไปตามสายตาอาฆาตแค้นนั่นก็เข้าใจทันที
“เฮ้ย! นั่นน้องยูริหรอวะ?”
“เจ๋ง! ตัวจริงเป็นงี้เองหรอวะเนี่ย!?”
“น่ารักถูกใจข้าชะมัด ดูเรียวน่องดิ..ห่า นั่นขาผู้ชายหรอวะนั่น”
จู่ๆก็เกิดเสียงพึมพำก้องไปทั่วทั้ง เมื่อยูริเดินเข้ามาด้านใน ถ้าเทียบระหว่างร่างของยูริกับเรียวสุเกะแล้ว ยูริตัวเล็กและดูบอบบางกว่ามาก เอวเอิวนี่คอดกิ่วอย่างกับเอวของผู้หญิง
“อีตอแหล..”จู่ๆคำพูดสุดแสนเจ็บแสบก็หลุดออกมาจากปากของยูริ ร่างเล็กเดินตรงดิ่งมาทางผมและเรียวสุเกะ
งานเข้าแล้วไง อย่ามาเปิดสงครามโลกครั้งที่3ที่นี่กันนะเว้ยเฮ้ยย>O<!!
“แกว่าไงนะ?”ฟังจากน้ำเสียงของเรียวสุเกะแล้ว..เปรียบประดุจเหมือนแมกมาที่กำลังจะปะทุออกจากปากปล่องภูเขาไฟไม่มีผิด
“อ้าล้า \^O^/”ยูริไม่สนใจท่าทีโกรธจนขนตั้งของเรียวสุเกะแม้แต่สักนิด ร่างเล็กหย่อนตัวลงข้างๆไอ้สองหนุ่มโรคจิตที่มองจนน้ำลายจะหกรวมกับน้ำในอ่าง
“สวัสดีครับ^^”ยูริยิ้มหวานหยดย้อยทักทายไอ้สองหนุ่มโรคจิตอย่างอารมณ์ดี
ถ้ามองจากภายนอกแล้ว ไม่ว่าใครก็ต่างลงความเห็นว่า ยูริ ช่างดูน่ารักและบริสุทธิ์เหลือเกินๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งผมที่เห็นยูริครั้งแรกตอนที่ไปเที่ยวงานนิทรรศการที่โรงเรียนเก่าของยูริ ผมยังคิดเลยว่า คนหน้าตาแบบนี้นี่นะ จะร้ายได้ขนาดนั้นเชียวหรอ?
แต่ก็นั่นแหละนะ.. คำพูดที่ว่าอย่ามองคนจากภายนอกน่ะ ช่างเป็นคำพูดที่คลาสสิคเสียจริงๆ...
วกเข้าสู่สถานการณ์ปัจจุบันตอนนี้คือ...
(เรียวสุเกะ) ชิ้ง~ ( -_-) >>>
(ยูริ) แช้ง~ <<<(-_- )
ผมมีความรู้สึกได้ถึงประจุไฟฟ้าดังแล่นเปรี๊ยะๆกลางอากาศ
เอาไงดีวะเนี่ย แล้วทำไมเราต้องมานั่งอยู่ตรงกลางสมรภูมิด้วยวะ..
“ฉันขึ้นห้องก่อนนะ”จู่ๆเรียวสุเกะก็ลุกพรวดขึ้น เดินจ้ำอ้าวอวดเรือนร่างท้าทายสายตาทุกคน สะบัดข้อมือคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวแล้วเดินออกไป ทิ้งให้ผมเอาไว้เบื้องหลัง
“แกเป็นเพื่อนมันหรอ?”จู่ๆยูริก็กระซิบถามข้างหูผม
มะ..มาตอนไหนวะเนี่ยO{}O!
“อืม..ตั้งแต่ประถมน่ะ”
กระเถิบตัวออกห่าง (O.O ) ) ) )
“มันพึ่งย้ายมาหรอ?”ยูริเขยิบตัวเข้ามาใกล้ผมมากจนเกือบจะขึ้นขี่ผมเลยก็ว่าได้ T{}T:
ให้ตาย นี่มันใกล้เกินไปแล้วนะT^T~
ผมรับรู้ได้ถึงจิตอาฆาตที่แผ่ซ่านออกมาจากทุกๆคนที่อยู่รอบตัวผม..
ผมไม่ได้อยากคุยด้วยสักหน่อย!
“อื้ม พึ่งย้ายมา เอ่อ..นายช่วย..”
“หืม?”ผมเผลอไปสบตากับยูริพอดี..
น่ารักจังเลย *O*
ขนตางอนจัง (*-*)
เฮ้ย! อะไรกันความรู้สึกนี้!!
ผมรีบตะกุยตะเกียกตะกายขึ้นมาจากบ่อแช่ตัว รีบวิ่งออกจากห้องน้ำทันที...
(Ryosuke)
หนอยแน่...เห็นแก่ว่าสถานที่มันไม่ใช่ทำเลที่จะมีเรื่องกันหรอกนะ..
ผมเข่นเคี้ยวฟันออกมาจากห้องอาบน้ำ อารมณ์ที่ไม่ได้ด่าใครจนจะระเบิดนี่มันทรมานจนอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ
ผลั่ก!
ผมเดินชนร่างใครบางคนที่เดินมาขวางทางพอดี
“โอ๊ะโอ~ ระวังหน่อยสิครับ^^”มือใหญ่ๆโอบรอบเอว ดึงตัวผมเข้าไปชิดร่าง...
“จึ๊!”ผมจึ๊ปากและสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมแสนน่ารำคาญนั้นอย่างหงุดหงิด
“เฮ้..อารมณ์ไม่ดีหรอครับ?”
“อย่ามายุ่ง”ผมเดินกระแทกส้นเท้าเดินขึ้นหอพักด้วยอารณ์ขุ่นมัวตั้งแต่ผมเป็นนักเรียนมาผมไม่เคยมีศัตรูที่แค่เจอหน้าก็รู้สึกหงุดหงิดใจขนาดนี้มาก่อนเลย
มันไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเลยที่เกิดแบบนี้ขึ้น ผมเองก็ไม่อยากมีศัตรูในโรงเรียนนักหรอก ความจริงผมไม่น่าไปพูดแบบนั้นกับไอ้หมอนั่นเลย แต่ถ้าไม่พูดก็คงไม่ได้ เพราะผมเองก็ไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ไอ้เวรนั่นมันผิดเต็มประตูมันก็สมควรแล้วทีจะต้องขอโทษ เป็นใครเจอแบบนี้ก็ต้องโกรธกันบ้างแหละ
ปึง!
ผมกระชากประตูเปิดและกระแทกประตูกลับเสียงดังสนั่นจนสัมผัสได้ถึงผนังห้องที่สั่นเหมือนอยู่ในระฆัง
“เฮ้! คนกำลังนอนอยู่นะ!”จู่ๆไอ้เด็กนรกแตกก็โงหัวขึ้นมาจากเตียง
“...”ผมไม่มีอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียงกับมัน ผมเดินตรงดิ่งไปที่ส่วนเตียงนอนฝั่งของผม โยนขวดสบู่กับแช่มพูใส่ตะกร้าอย่างหงุดหงิด
โครม!!
“เฮ้ย! เป็นไรวะ”ไอ้เด็กนรกแตกยังคงถามเซ้าซี้ทำตัวน่ารำคาญต่อ
ผมทิ้งตัวลงนอนกับเตียงอย่างเบื่อหน่ายผสมปนเปกับความหงุดหงิด
ฟึ่บ!
จู่ๆมือเล็กๆขาวๆก็ยื่นมาตรงหน้าผมพร้อมโทรศัพท์มือถือของผมในมือ
“นี่ยุ่งกับของของฉันงั้นหรอ!? มันชักจะ..”
“ไม่ได้อยากจะยุ่งกับของติดเสนียดแบบนั้นสักนิด ก็แค่ทนฟังเสียงโทรศัพท์บ่อยๆแล้วประสาทจะกินก็เลยรับก็เท่านั้น”
“นายนี่มันแส่ไม่เข้าเรื่องจริงๆให้ตายสิ!! นรกส่ง..”
ครืดดด~!! ครืดดด~!!
เสียงโทรศัพท์สั่นครืดคราดเป็นจังหวะ
“นั่นไง โทรมาอีกแล้ว”ไอ้เด็กนรกแตกทำท่าจะรับสาย แต่ผมคว้ามาได้ทันก่อน
สายเข้า
~ ไอ้บ้าโคสุเกะ ~
“ไปทำใครตายหรือไง ถึงไม่ยอมรับ?”ไอ้เด็กนรกแตกพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนประสาท
เอาไงดี..ผมไม่อยากรับโทรศัพท์มันเลย..
ช่วงเวลาที่ผมกำลังลังเลว่าจะรับหรือไม่นั้น ไอ้เด็กนรกแตกก็ฉกโทรศัพท์ไปจากมือผม
“ฮัลโหลคร๊าบบ^O^”
“เฮ้ย! ไอ้ห่าเอ้ย!”ผมตรงเข้าไปปลุกปล้ำแย่งโทรศัพท์มาจากไอ้เด็กนรกแตก ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยแว่วออกมาจากโทรศัพท์
(เรียวจังใช่ไหม นั่นเรียวจังใช่หรือเปล่า?)
“นายมีอะไร?” ในที่สุดผมก็ตัดสินใจพูดกับมันจนได้
(นายย้ายโรงเรียนทำไม ทำไมนายไม่บอกฉันสักคำ นายอยู่ไหนหรอเรียวจัง?)
“มันไม่ใช่เรื่องของนาย”
(เรียวจัง ฉันเป็นห่วงนายนะ)
“แค่นี้นะ”
(ดะ..เดี๋ยวก่อนสิ! นายให้อภัยฉันไม่ได้เลยหรอ? )
“เรื่องมันจบไปแล้ว.. ต่อจากนี้อย่าโทรมาหาฉันอีก”
(ทำไมล่ะ? ทำไมเป็นแบบนี้)
“...”
(ก็ได้.. ฉันจะคบกับมาริจัง และบอกเธอว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก แค่นี้นายก็คงพอใจแล้วใช่ไหม?)
“ฉันไม่ต้องการแบบนั้นสักนิด..”
(เรียวจัง ฉันคิดถึงนายนะ ฉัน..)
“ลาก่อน..”
ผมกดตัดสายอย่างรวดเร็ว โยนโทรศัพท์กระแทกลงหัวเตียง..ความทรงจำแสนเจ็บปวดในอดีตแล่นกลับมาอีกครั้ง..
ทำไมต้องเป็นผมกันนะ?..
(Yuto)
ผมกลับมาที่หอพักในเช้าวันถัดมา ตอนนี้ประมาณ6โมงกว่าๆ เคย์โตะคงยังไม่ตื่นแหงๆ
ผมแอบย่องเปิดประตูเข้าไปในห้อง หวังจะแกล้งไอ้เพื่อนสนิทให้หายหมั่นไส้..แต่ทว่า..
“ยูโต๊ะ!!\(^O^)/”จู่ๆเคย์โตะก็โผล่มายืนอยู่ตรงหน้าผม พร้อมกับสวมชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนเรียบร้อยสมบูรณ์แบบ..เนคไทค์ตรงเป๊ะ เป้ากางเกงตึงเปรี๊ยะ!
“หะ..หา?”
“ไปปลุกเพื่อนสนิทฉันเป็นเพื่อนกันหน่อยสิ พอดีว่าจะถามเรื่องอะไรนิดหน่อยน่ะ”
“เพื่อนสนิท?”
“อื้ม! พึ่งย้ายมาเรียนเมื่อวานนี้อ่ะ ที่ฉันเคยเล่าให้นายฟังไง คนที่เคยสนิทสมัยประถม..”
“อ้อ..เล่าตอนไหนอ่ะ=[]=??”
“ช่างเถอะๆ ไปเป็นเพื่อนหน่อย”เคย์โตะไม่รอให้ผมได้ตอบรับคำแม้แต่นิด ร่างถึกบึกบึนเหมือนหัวหน้าเผ่ากอริลล่ากระชากแขนผมปลิวลมลงจากหอพักไปยังตึกไหนสักตึกที่ผมไม่รู้จุดหมายปลายทาง
“เฮ้ย ช้าๆดิวะ แขนจะหลุดออกจะบ่าแล้วนะเว้ย!”
“โอ้ยๆ จะรอไม่ไหวแล้วนะ ตอนตื่นนอนจะน่ารักขนาดไหนน้า? อยากเห็นจังเล้ย”
“หา?? นี่นายอยากเห็นหน้าเพื่อนสนิทตอนตื่นนอนขนาดนั้นเลยหรอวะ?”
“เฮ้ย! ยูโตะ ฉันดูโอเคมั้ยอ่ะ?”จู่ๆเคย์โตะก็หันมาถามผม แถมยังทำท่าเก๊กหล่ออีกต่างหาก-.-
“อะไรของแกเนี่ย”
“เอาล่ะ จะเดินไปแล้วนะ”
เคย์โตะลากผมมาหยุดอยู่ที่ห้องหมายเลข334
ผมเองก็จำไม่ค่อยได้หรอกนะว่าเคย์โตะเล่าเรื่องเพื่อนเก่าให้ฟังตอนไหน เพราะหมอนี่มันเพื่อนฝูงเยอะ เพื่อนเก่านู่นนี่เยอะแยะไปหมด แต่ก็ดีเหมือนกันนะ ผมจำได้คร่าวๆว่าเพื่อนใหม่คนนี้ย้ายมาอยู่ห้องเดียวกัน ทำความรู้จักกันไว้เผื่อคุยถูกคอกันจะได้มีเพื่อนเพิ่มอีกตั้งหนึ่งคน^-^
“แกเคาะดิ๊”เคย์โตะผลักผมจนแทบจะกระแทกรวมเป็นเนื้อเดียวกับประตู
“หา?”
“เคาะซิ!”มันทำหน้าเหมือนจะจกเส้นเลือดฝอยออกจากร่างยังไงยังงั้นT^T
ก๊อกๆๆ!
“ใครวะ!?”เสียงทุ้มๆถามกระโชกโฮกฮากดังมาจากด้านในห้อง
“เฮ้ย ให้ตอบว่าไงวะ?”ผมหันไปถามเคย์โตะที่ยืนทำหน้าแปลกๆ
และยังไม่ทันที่จะได้ตอบประตูห้องก็ถูกกระชากออกมา ดวงตากลมโตใบหน้าเรียวทรงไข่ สวมเสื้อกลามสีเทาหม่น กางเกงบ๊อกเซอร์ลายตารางหมากกรุ๊กขาวสลับดำ หัวยุ่งฟู และเมื่อเราสองคนประสานสายตากัน!!
“นาย!!”
“ไอ้แมลงตด!!”
“ห๊ะ!?”
“นี่นาย เป็นเพื่อนกับ ไอ้เม่นหัวเด่นั่นหรอ!?”
“เม่นหัวเด่!?”เคย์โตะตะโกนข้ามหัวผมจนผมรู้สึกเหมือนมีลูกไฟจิ๋วแล่นแสกกลางผ่านหัวผมไป=[]=;
“ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าจะได้เจอกันอีก ฮ่าๆๆ”คนตรงหน้าจู่ๆก็หัวเราะกวนๆขึ้นมา
“ก็ว่างั้น..”
“เออว่าแต่ มาทำอะไรที่นี่อะ? มาหาเม่นตัวเมียหรอ? กร๊ากกก>O<!!”
“ฉันมาหาเพื่อนต่างหาก ยูโตะ นายไปปลุกดิ๊ ไม่อยากเข้าห้อง”จู่ๆท่าทีของเคย์โตะก็เปลี่ยนไป และผลักผมเข้ามาในห้อง
“แต่ฉันไม่รู้จักเพื่อนนายนะเว้ยเฮ้ย!”
“โมริโมโตะ เอ่อนาย…
เคย์โตะไม่สนฟังผมแม้แต่สักนิด.. ผมเลยต้องจำใจเดินเข้าไปในห้องคนไม่รู้จัก - - (เอ๊ะ แต่ผมกับเด็กนั่น ถือว่าเรารู้จักกันไหมนะ)
ทันทีที่ย่างก้าวเข้ามา หืม กลิ่นน้ำหอมนี่เหมือนเคยได้กลิ่นที่ไหนเลยแฮะ เตียงเล็กสองเตียงในห้องถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศเงียบเชียบ(มั้ง) เตียงหนึ่งเป็นเตียงว่าง แต่ยังไม่กองผ้าห่มยู่ยี่วางอยู่ คงเป็นเตียงของเด็กคนเมื่อกี้สินะ ให้ตายสิ มัวแต่ไปจีบกับเจ้าเคย์โตะอยู่ได้?! ถึงผมกะจะแนะนำให้เคย์โตะอยู่แล้วก็เถอะ (ดันรู้จักกันแล้วซะอีก) ส่วนอีกเตียงมีอะไรกลมๆขดอยู่ใต้ผ้าห่มฮะ
เสียงกรนเบาๆดังออกมา อืม…คงเป็นหมอนี่สินะ ที่ผมต้องเข้ามาปลุก - -
“นายๆ…”
เมื่อผมกำจัด กขคงจฉ เอ๊ย! สิ่งกีดขวาง เอ๊ย! ยูโตะไปได้แล้ว ผมก็เปลี่ยนเป้าหมายมาที่แฮมสเตอร์น้อยครับ ว่าแต่ว่า ผมกลายเป็นเม่นไปอีกแล้วเหรอครับเนี่ย - -
“โมริโมโตะ เอ่อ…ถามจริง นายรู้จักชื่อชั้นรึเปล่าเนี่ย” ผมถามคำถามสุดโง่เง่าเต่าล้านปีออกไป
แฮมสเตอร์น้อยหาว แล้วมองหน้าผมเหมือนขี้เดียด
“จะไปรู้จักได้ไง…”
T^T เฮ้อ ฟังแล้วปวดหนามครับ เอ๊ะ ผมไม่มีหนามซักหน่อย! แต่เอาล่ะ จากนี้ไปจะไม่มีอีกแล้ว เพราะผมกำลังจะแนะนำตัวกับแฮมสเตอร์น้อยล่ะครับ! (อันที่จริงนี่ก็คือจุดประสงค์ของผมล่ะ)
“เอ่อ ชั้นชื่อ โอคาโมโตะ เคย์โตะนะ ^^ ยังไงก็คราวหน้าช่วยเรียกชื่อชั้นบ้างล่ะ” ผมแนะนำตัว อย่างที่คิดว่าดูดีที่สุดแล้วกับคนตรงหน้า แต่ดูเขาจะไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่เลยครับ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังน่ารัก~
“ห๊ะ เออๆ ชั้นต้องแนะนำตัวกลับสินะ โมริโมโตะ ริวทาโร่ นายคงได้ยินจากไออ้วนอืดในห้องแล้วสินะ” พูดจบเขาก็ทำท่าขยะแขยงแล้วเพยิดหน้าเข้าไปในห้อง
“อือ ^^”
“ก็ดี ชั้นยินดีมากที่ได้รู้จักกับเพื่อนไออ้วนที่เป็นมนุษย์ ไม่ใช่หมีหรือหอยทากที่ไหน” เอ่อ ประโยคฟังดูแปลกๆมั๊ยครับ -.- เขาพูดอย่างกับยามะจังไม่มีเพื่อนเป็นคนงั้นแหละ
แต่ตอนนี้ผมคงต้องได้แค่เออ ออเท่านั้นแหละครับ
“อืม ^^ ฝากตัวด้วยนะ พวกนายเป็นเด็กใหม่ยังไงก็มาปรึกษาชั้นก็ได้ ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจน่ะ” ผมพยายามจะบีบตัวควายๆ เอ๊ย ใหญ่ๆเข้าไปแทรกในลำดับความสำคัญในตัวของคนตรงหน้าให้ได้
“อือๆ ขอบใจ” เขาตอบเซ็งๆกลับมา ยังดีล่ะนะ~~
“เอ้อใช่ เรียกชั้นว่าเคย์โตะก็ได้นะ ส่วนชั้น ขอเรียกว่าริวจังได้มั๊ย ^^” ผมพยายามอีกครั้ง หน้าด้านไปมั๊ยครับ? แต่ผมคิดว่าคนหล่ออย่างผมทำอะไรก็ไม่ผิดแน่นอน ผมมั่นใจ…
“จัง? - -”
“ใช่ ริวจัง เหมาะกับนายดีนะ ^^” ผมรุกเต็มที่ สุภาพบุรุษไม่มีคำว่ารอช้า!!!
“แต่ชั้นเป็นผู้ชายนะ” ริวจัง (ผมเรียกเลยละกัน) ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง โน้มตัวลงมานิดๆ แล้วถามคำถามผมแนวๆว่า เอาจริงเรอะ น่ะ
ซึ่งคำตอบของผมก็คือแน่นอน
“^^ นะ ริวจัง~”
“- - ตามใจ ฮ้าวว มาปลุกอะไรแต่เช้านะ เซ็งจริงๆ แล้วแมลงตดเพื่อนนายน่ะ ทำไมเข้าไปนานจัง” หลังจากที่ผมกับริวจังเรามีปฏิสัมพันธ์?ที่ดีต่อกันแล้ว เขาก็นึกถึงแมลงตด หืม? หมายถึงยูโตะหรอครับ ทำไมไอ้สูงโย่งเพื่อนยากกลายเป็นแมลงตดน้อยคอยรักได้ล่ะครับเนี่ย - - จะว่าไปผมแอบตกใจเล็กๆว่าเขารู้จักกันมาก่อน ดูท่าจะสนิทสนมกันซะด้วย (สังเกตได้จากชื่อเล่นที่ยูโตะเพื่อนรักได้มา?)
แต่ยังไม่ถึงเวลาครับ ผมกลัวริวจังจะรำคาญผม
“เอ่อ เดี๋ยวคงออกมาแล้วล่ะ” ผมชะเง้อ เออ จะว่าไปทำไมนานจัง หรือเวลาพึ่งผ่านไปแค่แป๊บเดียวครับ? นี่แหละน้า เวลาอยู่กับคนน่ารัก เวลามักผ่านไปเร็วเสมอ~~
ขณะที่ผมกับริวจังกำลังใจตรงกัน? อยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียง แมลงตด เอ๊ย! ยูโตะดังออกมาจากในห้อง
“เฮ้ย!!!!”
ความคิดเห็น