คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : [SP] แฮปปี้เบิร์ดเดย์ オレたちの大ちゃん(1)
สวัสดียามเช้าครับ ผมอาริโอกะ ไดกิ อายุ 19 ปี ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ว่านี่เป็นวันสุดท้ายที่ผมจะอายุ 19 แล้ว นั่นก็เพราะว่า พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของผมยังไงล่ะ!!!
วันที่ 15 เมษายนของทุกปี คือวันเกิดของผมครับ แหม ผมเนี่ย พูดอย่างกับวันเกิดของตัวเองเป็นวันแม่แห่งชาติอย่างนั้นแหละ (หัวเราะ) เอาล่ะ มาเริ่มงานกันเลยดีกว่า!
“ผมไปก่อนนะ!” ผมซึ่งกำลังผูกเชือกร้องเท้าอยู่ ตะโกนกลับเข้าไปในบ้าน
“อ๊ะ จะไปแล้วเหรอ!” คุณแม่ผมตอบกลับมา ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงวางจาน เพล้งๆ!? ตามด้วยเสียงคนกำลังวิ่งมาทางนี้
“แม่! เมื่อกี้ทำจานแตกรึเปล่า!” ผมถามอย่างเป็นห่วงถ้วยชามราคาได้ใจ ซึ่งผมเป็นคนซื้อเข้าบ้าน
คุณแม่ส่ายหน้า
“แล้ว…ตกลงเย็นนี้จะกินอะไรดีล่ะ” คุณแม่ถามผมกลับ อ๊ะ คือว่า เย็นนี้ที่บ้านเราจะจัดปาร์ตี้วันเกิดให้ผมครับ ถ้าจะถามว่าทำไมไม่จัดพรุ่งนี้ล่ะ? ก็เพราะว่า พรุ่งนี้ผมมีคิวต้องไปกับเพื่อนๆน่ะสิ ว่าแต่ เจ้าเพื่อนบ้าพวกไหนนะ ที่บังอาจมาช่วงชิงเวลาครอบครัวของผม?!
ผมกลอกตาไปมาพลางคิดเมนูอาหาร
“ไม่รู้สิ อะไรก็ได้แหละ อ๊ะ แต่ผมอยากกินเกี๊ยวซ่าฝีมือแม่~” ผมไม่พูดเปล่า คว้ามือแม่มาถือแล้วแกว่งไปมาอย่างออดอ้อน วิธีนี้ผมเรียนรู้มาจากเพื่อนคนนึงล่ะ หึหึ
แต่มันดันไม่เป็นไปอย่างที่ผมคิด คุณแม่ถอนหายใจ แล้วใช้ดัชนีอรหันต์ดีดหน้าผากผม
“ไม่ต้องมาอ้อนเลย เข้าใจแล้ว กลับบ้านเร็วๆล่ะ” คุณแม่ยิ้มให้ผม
“ครับ! ไปและ!” ผมเขย่งตัวหอมแก้มคุณแม่หนึ่งครั้งแล้ววิ่งออกจากบ้านไป~ โดยมีเสียงคุณแม่บ่นอุบอิบไล่มาตามหลัง
“จะยี่สิบอยู่แล้วนะเนี่ย…”
อ้อใช่ ผมต้องอธิบายซะก่อน ที่ผมต้องเขย่งเนี่ย ไม่ใช่ว่าผมเตี้ยกว่าแม่ตัวเองหรอกนะ แค่พอดีคุณแม่ยืนอยู่บนพื้นบ้านที่สูงกว่าตรงที่ผมยืนอยู่ก็เท่านั้นเอง…
ระหว่างเดินทางผมก็ฟังเพลงไปด้วย แวะมินิมาร์ทหน้าสถานีซื้อนมกล่องมาดื่มก่อนจะขึ้นรถไฟไปทำงาน คิดๆไป ช่วงเวลาที่อายุ สิบเก้าปีเนี่ย มันก็ยาวนานเหมือนกันแฮะ หนึ่งปีที่ผ่านมาเนี่ย ผมได้ทำอะไรหลายอย่างเลยล่ะ ทั้งได้ออกซิงเกิ้ลใหม่ ได้เป็นพิธีกรพิเศษโชเนนคลับ ซัมมารี่ อ้อใช่! ได้ไปฮาวายกับโอกินาว่าด้วยนี่นา! อืม เยอะจริงๆนั่นแหละ
เป็นปีที่สนุกมากเลย~
ผมใช้เวลาในการดื่มนมให้หมดกล่อง พร้อมๆกับเดินทางมาถึงที่ทำงานรวมกันไม่ถึงสิบห้านาที ผมเดินผ่านโปสเตอร์ของพวกผมที่ติดอยู่ตามทางเดินในตึกอันใหญ่โต
ขณะที่ผมกำลังยืนแกะ?โปสเตอร์ของตัวเองเพลินๆอยู่นั้น ก็มีพี่สต๊าฟคนหนึ่งเดินเข้ามาเรียกผม
“อ๊ะ อาริโอกะคุง มีจดหมายส่งมาน่ะ เดี๋ยวแวะไปที่ห้องจดหมายก่อนนะ” พี่สต๊าฟเดินมาบอกผม และก็จากไปอย่างรวดเร็ว สงสัยกำลังจะรีบอยู่ แต่ว่าเร็วไปไหม ผมยังไม่ทันได้ขอบคุณเลยนะเนี่ย
ผมเองก็ไม่ได้รีบอะไร ยังไงขึ้นไปถึงห้องซ้อมก็เจอแต่พวกหน้าเดิมๆนั่งโม้กันเสียงดังอยู่อย่างนั้นนั่นแหละ ผมแวะไปดูจดหมายมาก่อนดีกว่า~
แอ๊ด
“อรุณสวัสดิ์ครับ~” ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องจดหมายพร้อมกับเอ่ยทักทายพี่ๆที่กำลังนั่งทำงานอยู่ในนั้น
“อ่ะ อ้าว อาริโอกะคุง มาแล้วหรอ อ้ะนี่ ของเธอนะ” พี่สาวคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นมาทักทายผม แล้วยกกล่องลังใบขนาดกำลังดีมาให้ ใหญ่ประมาณกล่องมาม่าได้ล่ะมั้งเนี่ย
“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มขอบคุณแล้วก็รับกล่องจดหมายมา
ว่าแต่ว่า ผมก็พอจะเดาได้ละน้าว่ามันคืออะไร~
แซ่กๆ ผมคุ้ยกล่องจดหมายอย่างเบามือ?
อ๊ะ ใช่จริงๆด้วย! จดหมายจากแฟนๆล่ะ~ มีเยอะขึ้นทุกปีนะเนี่ย~ ดีใจจังเลย ขอโทษนะครับ ผมขอเวลาไปนั่งเขียนตอบจดหมายกลับทีละคนได้ไหมเนี่ย~
ผมนั่งอมยิ้มถือกล่องจดหมายออกมายืนหน้าห้อง พลิกไปพลิกมาอยู่อย่างนั้น ดูเหมือนว่าส่วนใหญ่จะเป็นข้อความ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ล่ะ~ ดีใจที่สุดเลย! ขอบคุณนะทุกคน แฟนๆของผมเนี่ยน่ารักจริงๆ ผมเองก็โชคดีไม่แพ้คนอื่นหรอกนะ~
ผมเดินอ่านจดหมายทีละฉบับไปเรื่อยๆจนขึ้นมาถึงห้องซ้อมของพวกผม เสียงคนคุยกันดังเจี๊ยวจ๊าวดังออกมาที่หน้าทางเดิน ทั้งๆที่ยังเดินไม่ถึงห้อง
เสียงคุยยังคงดังต่อเนื่อง และผมซึ่งมือไม่ว่างก็ยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องไม่ไปไหน
เสียงคุยกันเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้น…
‘เมื่อวานชั้นเผลอทำชามที่ร้านราเมนแตกล่ะ!’ เสียงฮิคารุ
‘เฮ้ย! แล้วโดนไปกี่ตังค์นั่น!’ เสียงทาคาคิ
‘นายทำอย่างกับเป็นตังค์นายงั้นแหละทาคาคิ’ เสียงยาบุ
‘โชคดีที่เขาปล่อยนายกลับบ้านมานะเนี่ย’ สุดท้ายด้วยเสียงอิโนะจัง
ซึ่งผมเองก็ไม่ได้แปลกใจ ก็มันเป็นอยู่อย่างเงี้ย ทุกวี่ทุกวัน เสียงนี่ดังกระหึ่มเชียว บางทีผมยังอดพูดกับพี่สต๊าฟเลยไม่ได้ว่า ตอนขึ้นคอนเสิร์ตพวกผมไม่ต้องใช้ไมค์ยังจะดีซะกว่าอีก เพราะงั้น ผมก็เลยยังคงยืนอ่านจดหมายต่อไปเรื่อยๆยังไงล่ะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นสเต็ป ผมเลยชักขี้เกียจเปิดประตูเข้าไปในห้อง ก็เลยมองหาทำเลเหมาะๆแล้วก็นั่งลงพิงผนังอ่านจดหมายต่อ
เอ๊ะ จะบอกว่าผมไม่สนใจเพื่อนงั้นเหรอ ไม่ใช่นะๆ ผมแค่ยังขี้เกียจเข้าไปก็เท่านั้นเอง อันที่จริงวงเรามีกันสิบคนใช่ไหมล่ะ แต่ตอนนี้ยังเป็นช่วงกลางวันอยู่ ก็เลยมีแต่พวกเบสท์มาซ้อมกันเท่านั้น พวกเด็กๆจะตามกันมาทีหลังน่ะ
ห๊ะ บอกว่าผมดูเด็กกว่าเจ้าพวกนักเรียนนั่นงั้นเหรอ?
ผมนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวตรงริมทางเดิน ส่วนเสียงห้องข้างๆก็ยังคงดังอยู่ต่อเนื่อง จนพอเวลาผ่านไปซักพัก ผมอ่านจดหมายทั้งหมดจบ ก็เลยลุกขึ้นไปเปิดประตูเข้าห้อง
จริงสิ ผมดีใจมากๆเลยนะ ที่ทุกคนส่งจดหมาย ส่งการ์ดมา ขอบคุณมากจริงๆ จะยี่สิบแล้วก็ฝาก ไดกิคนนี้ด้วยนะครับ~~! แล้วก็ปีหน้าส่งมาอีกนะ เพราะว่าผมดีใจมากเลย~
ทันทีที่เปิดประตูเข้าห้องไป ด้วยความที่ห้องทั้งห้องเป็นกระจก พอทุกคนเห็นผมเปิดประตูเข้ามาเท่านั้นก็ร้องเฮกันลั่นห้องทันที
“ไดจังมาแล้ว!!!!!!!!!!!!”
“เย้ มาแล้ว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ผมเองก็บ้าตอบกลับ
“วันนี้มาช้าจัง~” ยาบุทักผม
“ชั้นมาตั้งนานแล้วต่างหากเล่า”
“หมายความว่าไง?”
“ก็…” ผมวางของแล้วจึงเดินตามมานั่งล้อมวงด้วย เอ้อ ผมถือกล่องจดหมายมาด้วยนะ “พอดีแวะไปเอาจดหมายที่ห้องจดหมายมาน่ะ แล้วก็เลยนั่งอ่านจดหมายอยู่หน้าห้อง พออ่านจบก็พึ่งเปิดประตูเข้ามาเนี่ยแหละ”
ผมตอบ แล้วก็วางกล่องจดหมายไว้กลางวง พวกนี้ดูทำท่าทางสนอกนอกใจ? กันใหญ่เลยทีเดียว หึหึ เยอะใช่มั๊ยล่า~~
“โอ้! การ์ดวันเกิดหรอ~” ฮิคารุถามระหว่างที่กำลังคุ้ยกล่องสมบัติผมอยู่
“เร็วจังนะ ยังไม่ถึงวันแท้ๆ ” อิโนะจังร่วมด้วย จากนั้นก็เริ่มแย่งกันคุ้ย เฮ้ยๆ อย่าให้ขาดนะ!
“ใช่แล้ว~ ตอนนั่งอ่านเมื่อกี้น่ะยิ้มอย่างกับคนบ้าเลยแน่ะ ฮ่าๆ ว่าแต่ว่าพวกนาย…ระวังกันหน่อยสิ!!” ผมแย่งกล่องจดหมายกลับมาจากฝูงลิงป่าผู้หิวโหย?
“โห้ย หวงจังวุ้ย” ฮิคารุแซว แหงสิ ของขวัญของผมนะ
“ดูหน่อยก็ไม่ได้~” ยาบุก็เอากับเขาด้วย เฮ้อ
“ไดจัง วันนี้มีฉลองที่บ้านรึเปล่า” ทาคาคิถามผม
“ใช่แล้ว”
“แล้วพรุ่งนี้ล่ะ?” อิโนะจังถาม
“อะไรกัน พวกนายลืมไปแล้วรึไง?!” ผมเหลือกตาถาม
“ลืมไร!” ทั้งสี่คนพร้อมใจกันประสานเสียงวงออเครสต้า ไม่นานเกินรอ เสียงเปิดประตูด้านหลังก็ถูกเปิดผลัวะ! เข้ามา
“มาแล้วคร้าบ~~~~~~” เสียงสดใสท้าลมหนาวของยูโตะดังนำหน้าเข้ามา
“ตั้งใจซ้อมกันอยู่รึเปล่า~~” ตามด้วยเคย์โตะซึ่งถามคำถามเป็นการเป็นงานแลดูดี เดินลากกระเป๋ากีต้าร์อันเบ้อเริ่มเข้ามา
“ริว ชั้นบอกว่า นายต้องลงวิชาเลือกเป็นฟิสิกส์ไม่ใช่รึไง” จิเนนเดินตามสองสูงเข้ามา ตัวเขาเล็กมากจนแทบจะมองไม่เห็นเลยล่ะ ดูเหมือนเขากำลังจะสั่งสอนรุ่นน้องนอกสถานศึกษาอยู่ด้วยนะเนี่ย
“แหวะ ใครจะไปเข้าอ่ะ” ริวทาโร่ทำหน้าซังกะตาย ยกมือเกาหัว นี่เป็นอาทิตย์แรกที่ผมกับคนอื่นๆเห็นริวทาโร่ในชุดนักเรียนมอปลาย เพราะงั้นตอนนี้ก็เลยยังดูรู้สึกแปลกๆอยู่แฮะ
หลังจากพวกน้องๆเข้ามากันหมด พวกเบสท์ก็ค่อยๆทยอยลุกขึ้นกันทีละคนจนตอนนี้เหลือแค่ผมคนเดียวที่ยังนั่งกอดกล่องจดหมายเอาไว้อยู่กลางห้อง
เอ๊อ จะว่าไป เพื่อนซี้ผมไปไหนล่ะเนี่ย~?
ไม่ทันจะได้เอ่ยเรียกซักโตะ เพื่อถามถึงยามาดะ เจ้าคนที่ผมมองหาอยู่ก็เปิดประตูเข้ามาพอดี
“ไดจังมารึยังอ่ะ!” ยามาดะ เปิดประตูเข้ามาเป็นคนสุดท้าย ปรากฏตัวพร้อมเสียงทุ้มต่ำดังลั่นอันเป็นเอกลักษณ์? เอ่อ ผมดูบรรยายแปลกๆไหม?
ขณะที่ผมซึ่งกำลังมึนๆยังตกใจอยู่ คนที่เหลือทั้งห้องก็พร้อมใจกันชี้นิ้วมาทางผมทันที ยามาดะหันตามมา และเดินปรี่เข้ามาหาผม
“ไดจัง! พรุ่งนี้เราเลิกงานกันตอนบ่ายโมงครึ่ง งั้นไปตอนนั้นกันเลยนะ!” ยามาดะพูดพลางพยักหน้าเออออกับคำพูดของตัวเอง
ยามาดะในชุดนักเรียนกำลังยืนพูดนู่นพูดนี่เกี่ยวกับปาร์ตี้วันเกิดของผมในวันพรุ่งนี้อย่างรวดเร็วจนผมฟังแทบไม่ทัน นั่นแหละที่ผมพูดไว้เมื่อเช้า ว่าเจ้าพวกเพื่อนที่ไหนบังอาจช่วงชิงเวลาครอบครัวของผมในวันพรุ่งนี้ก็คือ จัมพ์เนี่ยแหละ! แต่เมื่อกี้อิโนะจังถามอย่างกับลืมไปอย่างนั้นแหละ ผมเลยอดตกใจไม่ได้ไง
และคนที่ดูท่าทางจะตื่นเต้นที่สุดก็คงจะเป็นยามาดะล่ะ ก็ของกินเยอะนี่~
“เออจริงด้วย! พรุ่งนี้ชั้นอยากกินไก่ทอด!” ฮิคารุกระโดดมายืนข้างๆยามาดะ ยกไม้ยกมือเป็นเด็กๆ
“ผมๆ ผมจะกินเนื้อด้วย!” ริวทาโร่ กระโดดเข้ามาร่วมวง จากนั้นทั้งสามก็เริ่มคุยกันอย่างออกรส อ้าว ลืมผมแล้วงั้นเหรอ
ผมค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่าง งงๆแล้วเดินไปที่โต๊ะวางของ
“ไดจังจะยี่สิบขวบแล้ว อยากจะทำอะไรบ้างล่ะ” อิโนะจังถามผมยิ้มๆ นึกออกแล้วรึไงที่พรุ่งนี้จะไปทำอะไรกันน่ะ ว่าแต่ ใช้คำว่า ขวบ เหรอ?
“อิโนะจัง ยี่สิบเขาไม่ใช่คำว่าขวบกันแล้ว~!” ผมซึ่งตัวเตี้ยกว่า(เจ็บใจ) เท้าสะเอวแล้วเถียงกลับ
อิโนะจังยิ้มแฉ่ง หยิบหมวกสีดำของเขาไปมาสวมให้ผม แถมยังกดดันลงมาซะแน่นอีก
“ก็ไดจังยังเด็กอยู่นี่นา ใช้ขวบแหละดีแล้ว!!!!!!!”
“ไหงงั้นเล่า!!!” ผมใช้เสียงดังอันเป็นจุดเด่นตะโกนเถียงกลับไป
“อะไรกัน ก็ไดจังยังเด็กอยู่นี่~” ยาบุอ้อมเดินมาอยู่ข้างหลัง แล้วขยี้หัวผมจนฟูไปหมด ผมซึ่งกำลังจะเตรียมตัวหันหลังกลับไปสู้ ทาคาคิก็วิ่งเข้ามายกตัวผมลอยขึ้นอีก
“ตัวเล็กขนาดนี้เนี่ยนะจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว” ทาคาคิแกว่งตัวผมไปมาอย่างกับเลี้ยงเด็ก เจ้าพวกเด็กๆก็หัวเราะเยาะผมกันใหญ่
ผมทำแก้มป่อง เนื่องจากดิ้นนานแล้วก็ไม่ยอมหลุดซักที
“ตัวเล็กแล้วมีปัญหารึไง!”
“อะไรหื๊อ เดี๋ยวนี้หัดขึ้นเสียงกับผู้ใหญ่แล้วรึไง” ฮิคารุตีปากผม เจ้าพวกนี้นี่!
“พรุ่งนี้ชั้นก็ยี่สิบแล้วนะ! ไม่ใช่เด็กซักหน่อย ที่สำคัญอายุสิบเก้ามันก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วเหมือนกันไม่ใช่รึไง!” ผมยังไม่ยอมแพ้ ว่าแต่ทำไมวันนี้ทุกคนถึงรุมแกล้งผมกันเนี่ย หรือว่าสวรรค์ลงโทษเพราะผมไปแกล้งชาวบ้านเขาเอาไว้เยอะกันนะ?
“เด็กจะตาย!!!” เก้าคนในห้องพร้อมใจกันประสานเสียงใส่ผม
ให้ตายสิ!!!
.
.
.
ในที่สุดเราก็ซ้อมและก็ทำหน้าที่ไอดอลที่ดีเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาสลายตัว
“ไดจังคืนนี้ชั้นจะไปนอนบ้านนายนะ!” ทันทีที่ผมเดินออกมาจากห้องอาบน้ำในห้องซ้อม ยามาดะที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็กระโจนมาทางผมทันที
ผมกระโดดหลบอย่างว่องไวด้วยความเคยชิน?!
ผลั่ก!
เสียงตัวอะไรบางอย่างชนกำแพง หลังจากที่ผมเบี่ยงตัวหลบได้ไม่ถึง 0.05 วินาที
“เฮ้ย นายหลบทำไมวะ!” ยามาดะชี้หน้าผมอย่างเอาเรื่อง หน้าผากมีเลือดไหลซิบๆ
“ก็นายกระโดดเข้ามาทำไมล่ะ!”
“หู้ย เจ็บๆ” ยามาดะ ร้องอวดครวญ สองมือยกขึ้นจับหน้าผากตัวเอง คิก ตลกดีเหมือนกันแฮะ ผมยืนหัวเราะคิกคัก ก่อนจะเดินทิ้งยามาดะไว้หน้าห้องน้ำ แล้วก็เดินไปแต่งตัว
ผมใช้เวลาแต่งตัวไม่นานก็ออกมาจากกระโจม?เปลี่ยนเสื้อผ้า เห็นยามาดะยังนั่งรอผมอยู่แถวๆที่เดิมนั่นแหละ
“เอ้าว่าไง จะไปนอนทำไม พรุ่งนี้ก็จะไปไม่ใช่รึไง” ผมถาม คือที่จริงก็ยังไม่ได้ตกลงกันหรอกว่าพรุ่งนี้จะไปบ้านใคร แต่สุดท้ายพรุ่งนี้ก็ต้องนอนด้วยกันอยู่ดี
ระหว่างที่กำลังคุยกับยามาดะ เห็น ฮิคารุ ยาบุ ยูโตะ และเคย์โตะกำลังยืนซุบซิบๆอะไรกันอยู่ และก็เหลือบมามองทางผมเป็นระยะๆ
ส่วนทาคาคิ อิโนะจัง ก็กำลังนั่งแกล้งจิเนนกับริวทาโร่อยู่ แต่ที่จริงดูเหมือนว่าพวกเขากำลังนั่งอ่านอะไรในอินเตอร์เน็ตกันอยู่ล่ะนะ
หวังว่าเจ้าพวกนี้คงไม่ได้คิดจะทำอะไรแปลกๆกันใช่ไหม…
ผมหันกลับมามองยามาดะตรงหน้าอีกครั้ง
“ชั้นจะไปแฮปปี้เบิร์ดเดย์นายตอนเที่ยงคืนไง!”
“หา ไม่ต้องก็ได้ พรุ่งนี้ก็เจอกันอยู่แล้ว”
“ไม่เอาๆ! ชั้นจะไป!” ยามาดะเริ่ม งอแงเป็นเด็กๆ
พูดยังไงเขาก็ไม่ฟังผม ที่จริงผมก็ไม่ได้รังเกียจหรืออะไรหรอกครับ ก็ดีใจด้วยซ้ำแต่ว่า วันนี้เป็นวันครอบครัวไง กลัวจะไม่ได้ดูแลเขาเต็มที่ อันที่จริงจะปล่อยให้นั่งอ่านการ์ตูนอยู่บนห้องผมก็ได้ แต่มันก็ไม่ดีใช่ไหมล่ะ อีกอย่างวันเกิดจริงๆพรุ่งนี้ผมก็ทิ้งบ้านไปอยู่กับเพื่อน เพราะงั้นคืนนี้ผมก็ควรจะอยู่กับครอบครัวผม
สุดท้ายเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน อันที่จริงยามาดะก็ไม่ยอมท่าเดียว เลยต้องให้คนอื่นๆช่วยพูดให้ แต่วิธีมันออกจะดูแปลกๆอยู่นะ ก็หลังจากที่ฉุดกระชากลากถูกันอยู่พักนึงแล้ว ฮิคารุก็เดินเข้าไปกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหู แล้วหมอนั่นก็นิ่งไปเลย
ซุกซิบอะไรกันล่ะเนี่ย…
.
.
.
ผมกลับมาถึงบ้านตอนห้าโมงเย็น เห็นคุณแม่กำลังเตรียมอาหารอยู่ พี่ชายผม พี่ไดสุเกะก็กลับมาแล้ว โหย เหลือเชื่อเลยนะเนี่ย
“อ้าว ทำไมพี่กลับเร็วจัง” ผมทักพี่ไดสุเกะที่กำลังทำหน้าที่เป็นลูกมือให้คุณแม่อยู่
“อ้าวไดกิ กลับมาแล้วหรอ~ พี่เขารีบกลับมาวันเกิดลูกไง” คุณแม่หันมาตอบแทน เพราะพี่ไดสุเกะกำลังทำหน้าเคร่งเครียดหั่นหมูชิ้นโตตรงหน้าอยู่
ใบหน้าที่ดูละม้ายคล้ายคลึงกับผมกำลังจ้องเนื้อหมูบนเขียงอย่างกับว่ากำลังจะกู้ระเบิดเพื่อชาติ เหงื่อแตกผลั่กๆ มือสั่นอย่างกับเป็นโรคชักกระตุก ดูไปดูมาแล้วก็โคตรตลกเลย!
อุ๊บ! คิกคิกคิก
ผมหัวเราะเบาๆกลัวจะทำให้พี่เสียสมาธิ แต่ก็นั่นแหละ ถึงอย่างนั้นพี่เขาก็ยังไม่หันมาตอบผมอยู่ดี ผมก็เลยยืนรออยู่พี่อยู่ตรงนั้นจนพี่หั่นหมูเสร็จ
“เฮ้อ” พี่ไดสุเกะวางมีดแล้วยกมือขึ้นปาดเหงื่อ “แม่ผมล้างมือหน่อย” พี่กระเถิบไปเบียดแม่ที่ยืนอยู่หน้าซิงค์ล้างมือ ก่อนจะหันกลับมามองด้านหลัง
“อ้าวไดกิ กลับมานานยังเนี่ย” พี่ชายยกมือทักทายผม เอ๊ะ เมื่อกี้เขาไม่ได้ยินเสียงผมเลยเหรอ?!
ผมยืนมองพี่เขาอย่างทึ่งๆ
“ผมยืนอยู่ตรงนี้นานแล้วนะ”
“ห๊ะ! จริงอ่ะ อย่ามาล้อเล่นน่า พี่ไม่เห็นได้ยินอะไรเลย!”
“เอ๊า จริงๆ! ไม่เชื่อถามแม่ดูดิ” ผมยืนพิงเก้าอี้แล้วเพยิดหน้าไปทางคุณแม่ที่ยืนหันหลังล้างผักอยู่
พี่ไดสุเกะรีบหันไปถามคุณแม่ทันที
“จริงหรอแม่!”
“ก็ใช่น่ะสิ นี่แกมัวแต่นั่งกำหนดลมหายใจจนไม่ได้ยินเสียงน้องเลยรึไง” คุณแม่ตอบกลับโดยไม่มองหน้าพี่ สงสัยคงจะเริ่มเอือมตายชัก ผมเห็นแล้วแทบกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่
“เฮ้ย! จริงป้ะเนี่ย!” พี่ไดสุเกะยังตกใจไม่หาย ผมเลยรีบเผ่นขึ้นไปบนห้องนอน ก่อนที่จะโดนซักไซ้ไล่เลียงจนอดขึ้นห้อง
“เอาเหอะๆ ผมเก็บของก่อนนะ~~”
“อ้าว เดี๋ยวเส่ ไดกิ!”
.
.
.
ตอนเย็นครอบครัวผมก็จัดปาร์ตี้เล็กๆให้ผมกันฮะ และผมก็พึ่งได้ประจักษ์ว่าหมูที่พี่ไดสุเกะหั่นนั้นมันคือ หมูที่เอามาใส่ในหม้อไฟนั่นเอง
กินไปก็พร่ำไปอยู่นั่นไม่หยุดปาก…
“นี่ๆ ผมหั่นนะ ผมหั่น” พูดอยู่อย่างเนี้ย ตั้งแต่ตั้งหม้อยันหมดหม้อ ผมล่ะเชื่อเขาเลย~ วันนี้ผมได้เป่าเค้กด้วยล่ะ ถึงจะเร็วไปวันนึงแต่ผมก็รู้สึกว่า เป่าเทียนวันนี้มันก็ขลังดีเหมือนกันนะ ฮะๆ คุณพ่อ คุณแม่บอกว่า ของขวัญค่อยให้พรุ่งนี้เช้า โหย เซ็งเลย~
หลังจากเป่าเค้กเสร็จ ผมก็วิ่งขึ้นไปหยิบกล่องจดหมายลงมาอวดคนให้บ้านดู ทุกคนพูดโอ้โห กันเสียงดังยกใหญ่ ไม่คิดใช่ไหมล่า ว่าแฟนๆที่รักของผมจะน่ารักส่งการ์ดอวยพรมากันเยอะขนาดนี้ หึหึ ก็ช่วยไม่ได้นี่นา ก็ผมออกจะหล่อ เท่ห์ เอ๊ะ หรือว่าพวกเขาจะชอบที่ผมน่ารักกันนะ?
แต่ผมเป็นผู้ชาย จะน่ารักได้ยังไงกัน!
พูดถึงเรื่องน่ารัก ผมยกให้จิเนนเลยจริงๆ ออกจะนอกเรื่องไปซักหน่อย แต่จำตอนเช้าที่ผมอ้อนคุณแม่ได้ไหม? นั่นแหละ ผมเลียนแบบมาจากเขาคนนั้นเอง ฮ่าๆ~
ครอบครัวอาริโอกะ นั่งกินเค้กกันไปนั่งอ่านการ์ดอวยพรกันไป สนุกสนานกันใหญ่เลย แถมพี่ไดสุเกะกับคุณพ่อคุณแม่ก็ยังแซวผมไม่หยุดปาก ก็แฟนๆน่ะสิครับ เวลาเขียนการ์ดอวยพรน่ะ ก็มักจะแนะนำตัวก่อนว่าเป็นแฟนผมและชอบผมตรงไหน หรือ มักจะชมผมใช่ไหมล่ะ
ณ จุดนั้นแหละที่ทุกคนแซวผมกันใหญ่เลย อย่างเช่นๆนะ
แซ่กๆ? ผมคุ้ยหาการ์ดในกล่องแล้วหยิบขึ้นมาใบนึง
‘สวัสดีค่ะ ชั้นอยู่มัธยมปลายปีสอง เป็นแฟนของไดจังนะคะ ชั้นนะชอบรอยยิ้มของไดจังที่สุดเลยค่ะ~ อ้อใช่ แล้วก็ชอบตอนที่ไดจังทำหน้าตายั่วยวนเวลาถ่ายนิตยสารบางเดือนด้วยนะคะ หุหุ สุขสันต์วันเกิดค่ะ ขอให้…บลาๆๆ’ เป็นต้น
ไอตรงที่ว่าชอบรอยยิ้มเนี่ย ผมก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่นะครับ ถึงผมจะไม่ได้คิดว่าผมยิ้มสวยหรือดูน่าประทับใจตรงไหน แต่ทุกคนรอบตัวและแฟนคลับต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน ผมจึงยอมรับมันได้ แต่ตรงที่ทำหน้าตายั่วยวนน่ะสิ ผมทำเป็นที่ไหนกัน? อย่าว่างู้งงี้เลย ผมทำไปเมื่อไหร่เนี่ย! บางทีเขาอาจหมายถึงเวลาถ่ายนิตยสารบางครั้งที่เราจะได้ธีม เซ็กซี่ๆตัวเปียกๆกันรึเปล่านะ? แต่ก็นั่นแหละ ผมว่ามันตลกมากกว่า ฮะๆ ผมดูเองยังขำเลย
แต่คนในครอบครัวผมกลับขำยิ่งกว่า หัวเราะกันจนน้ำตาเล็ด เล่นเอาผมหมดกำลังใจเลย ผมอายนะ!
หลังจากเราใช้เวลาในครอบครัวกันเสร็จแล้ว ตอนเก็บกวาดก็ต้องช่วยกันเก็บโต๊ะ ล้างจานด้วย เอ้า อึ๊บ! ผมรับหน้าที่เก็บจานบนโต๊ะมาวางที่อ่างล้าง โดยมีคุณแม่เป็นคนล้างจานให้ คุณพ่อก็ยืนข้างๆคุณแม่คอยเช็ดและเก็บจาน ส่วนพี่ไดสุเกะ เช็ดโต๊ะ ทำความสะอาดและทิ้งขยะ ครอบครัวเราเนี่ยสามัคคีกันจัง~
เมื่อเสร็จภารกิจก็ทยอยกันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัว ในระหว่างที่รอคนนึงอาบน้ำคนที่เหลือก็นั่งดูทีวีกันในห้องนั่งเล่น บังเอิ๊ญบังเอิญเปิดเจอรายการเพลงที่ผมพึ่งไปอัดมาเมื่อตอนต้นสัปดาห์ด้วยพอดี มันเลยกลายเป็นหัวข้อสนุกปากกันขึ้นมาอีกครั้ง ให้ตายสิ
ผมโดนวิจารณ์เละเลยครับ ไม่รู้ว่านี่เป็นวันแกล้งแห่งชาติ หรือวันอายุสิบเก้าขวบ เอ๊ย สิบเก้าปีวันสุดท้ายของผมกันแน่ คุณแม่บอกว่า ผม ไม่ค่อยจิกตาเลย เทียบกับยามาดะที่มักเต้นอยู่ข้างๆกันเสมอแล้ว ผมแทบกลายดูเป็นคนที่ไม่มีเสน่ห์ไปเลย โถ่ อย่างผมเนี่ยนะจะให้จิกตา ไม่ไหวหรอก~
ส่วนพี่ไดสุเกะ ก็มัวแต่นั่งหัวเราะ หัวเราะอะไรก็ไม่รู้ หัวเราะอยู่นั่นแหละ ผมแค่ร้องเพลงแล้วก็ให้สัมภาษณ์นิดๆหน่อยๆเท่านั้นเอง ไม่รู้ว่ามันจะตลกตรงไหนอะไรกันนักกันหนา
คุณพ่อที่พึ่งเข้าไปอาบคนแรกเดินสุดควันฉุย?เข้ามาในห้องนั่งเล่น พอดีกับที่ตอนที่กล้องจับภาพไปที่ผมกำลังร้องท่อนเพลงโซโล่พอดี คุณพ่อมองหน้าจอทีวีนิ่งๆสลับกับมองหน้าผม คุณพ่อกระแอม(หัวเราะ) นิดๆแล้วค่อยเดินไปเปิดตู้เย็น
เฮ้ๆ มีไรก็พูดออกมาเลยดีกว่าไม่ใช่มาทำเป็นไม่พูดอะไร ผมอึดอัดใจนะเนี้ย~~~!
ผมคิดในใจแล้วหันหลังไปมองคุณพ่อที่ยืนอยู่หน้าตู้เย็น น่าน ดูทำเข้าสิ กลั้นหัวเราะจนจะสำลึกน้ำอยู่แล้วมั้งนั่น ถามจริงเหอะ มันตลกตรงไหนเนี่ย!
ทำไมวันนี้ผมโดนแกล้งบ่อยจัง ส่งท้ายปีเกิดต้อนรับปีใหม่รึไง ไม่นะ ไม่น่าเกี่ยว แล้วทำไมหว่า~? ผมคิดอยู่ชั่วครู่แล้วก็เลิกคิด เพราะว่า รายการที่ผมไปออกมันจบลงพอดี รอดตัวไป~
เราสี่คนนั่งดูทีวีกันจนละครเรื่องโปรดจบ จึงค่อยๆแยกย้ายกันขึ้นห้อง
“ราตรีสวัสดิ์นะลูก” คุณแม่บอกราตรีสวัสดิ์ผมกับพี่ไดสุเกะที่กำลังจะขึ้นห้องนอนที่ชั้นสอง
“ราตรีสวัสดิ์ฮะ/ครับ”
คุณพ่อเดินยิ้มๆมาเคาะหัวผมหนึ่งทีแล้วก็เดินเข้าห้องนอนไป แต่ผมแอบได้ยินนะ
‘ทำไมไดกิมันไม่โตขึ้นเลยเนี่ย’ ผมโตขึ้นแล้วนะ!
ก่อนที่ผมจะตั้งท่าเปิดประตูเข้าไปโวย พี่ไดสุเกะก็ลากผมขึ้นบ้านไปอย่างรวดเร็ว…
.
.
.
ผมนั่งฟังเพลงสากลอยู่ในห้องเหมือนอย่างทุกวัน แน่นอนผมปิดไฟหมดแล้วทุกดวง เหลือแค่ไฟสีส้มอ่อนหัวเตียงเท่านั้น
ใกล้เที่ยงคืนแล้ว ผมกะจะนั่งนับถอยหลังเข้าวันเกิดปีที่ยี่สิบซักหน่อย นั่งเงียบๆคนเดียวก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ จนสิบนาทีสุดท้ายของวัน ผมนั่งทบทวนเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในปีที่สิบเก้านี้
สนุกจริงๆนะ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติที่น่าสลดใจก็ตาม แต่มันก็เป็นบทเรียนและก็เป็นประสบการณ์ชีวิตที่จะสอนมนุษย์ได้เป็นอย่างดี เพราะอย่างนั้นผมจึงไม่คิดว่าปีนี้เป็นปีที่เลวร้ายหรอกนะ เอ๊ะ หรือเพราะว่าผมเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีมากเกินไปรึเปล่านะ~ ฮะๆ ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่ผมพูดจริงๆนี่นา~
ถ้าเป็นไปได้ ในปีที่ยี่สิบนี้ ขอให้ผมได้ทำอะไรสนุกๆ อยู่กับคนที่ผมรักอยู่อย่างนี้เหมือนเดิมอย่างทุกๆวันเถอะนะ อีกอย่างพอบรรลุนิติภาวะแล้วก็จะได้ทำอะไรหลายอย่างมากขึ้นที่เด็กทำไม่ได้ ตื่นเต้นจัง~ ว่าแต่อันดับแรก ผมต้องไปทำใบขับขี่ก่อนล่ะ!
.
.
.
ก่อนนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืนประมาณสามนาที ก็มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามา
~ยามาดะ~
อะไรกัน หมอนี่เอาจริงหรอเนี่ย ผมหัวเราะ นึกถึงตอนกลางวันที่เจ้านี่งอแงจะมานอนกับผมเพียงแค่เพียงเพราะอยากจะพูดแฮปปี้เบิร์ดเดย์ตอนเที่ยงคืนเท่านั้น
ผมกดรับสาย…
“ฮัลโหล”
…นอนยัง
“ไม่อ่ะ นั่งเคาท์ดาวน์อยู่เนี้ย”
…จริงดิ! งั้นพอดีเลย ชั้นก็นั่งเคาท์ดาวน์อยู่เหมือนกัน เสียงยามาดะพูดฟังดูร่าเริง
ผมหัวเราะ
“งั้นรึ เคาท์ดาวน์วันอะไรอยู่ล่ะ”
…วันเกิดเพื่อนที่ตัวสูงเท่ากัน หมอนี่ตอบกวนๆกลับม จะว่าไปมันก็น่าอัศจรรย์เหมือนกันนะ ผมกับเค้าน่ะตัวสูงเท่ากันเป๊ะ!
“ฮ่าๆ ไม่นึกว่านายจะโทรมานะเนี่ย นึกว่าจะแค่ส่งเมล์มาซะอีก อีกอย่างนี่ยังไม่เที่ยงคืนเลยนะ” อีกตั้งสองนาที…
…นาฬิกาบ้านชั้นกับบ้านนายอาจจะไม่ตรงกันก็ได้ เลยโทรมาก่อน มีปัญหารึไง
“โห พูดจาไม่น่ารักเลยนะ”
…จะน่ารักได้ไง ชั้นออกจะหล่อ แหวะ ผมล่ะอยากพูดคำนี้จริงๆ แต่เอาเหอะ และในที่สุดพอถึงเวลาเที่ยงคืนตรง ยามาดะก็รีบบอกแฮปปี้เบิร์ดเดย์ผม จากนั้นก็วางไปเลยทันที!!!
…อ๊ะ เที่ยงคืนแล้ว! บ้านนายเที่ยงคืนยัง
“พอดีเป๊ะเลย!”
…สุขสันต์วันเกิดนะไดจัง สูงเร็วๆนะ มีความสุขมากๆล่ะ คืนนี้ฝันดีนะ บ๊ายบาย~~
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
“ขอบจะ เฮ้ย! วางไปแล้วหรอเนี่ย!” ยังไม่ทันจะได้พูดขอบคุณเขาก็วางสายไปเลยทันทีครับ! จริงหรือเนี่ย! อุตส่าห์จะซึ้งซักหน่อย ทำไมทำกันเงี้ยอ่ะ!
ผมรีบโทรกลับไปโทษฐานทำอะไรไม่เคลีย แต่เขาปิดเครื่องครับ! เจ้าหมูตัวนั้นมันทำงี้ได้ไง!!!! เดี๋ยวสิ วันเกิดปีที่ยี่สิบทั้งที อุตส่าห์ได้อยู่กับเพื่อนสนิท แต่พออายุครบยี่สิบได้ไม่กี่วินาทีผมก็โดนเพื่อนทั้งงั้นเหรอเนี่ย!
ผมวางโทรศัพท์ลงข้างๆตัวอย่าง งงๆ แต่ผมก็นั่งเงียบได้ไม่นาน โทรศัพท์ผมก็ร้องขึ้นมาอีก คราวนี้เป็นอีเมล์ครับ เมมเบอร์จัมพ์ที่เหลือส่งข้อความกันมากันอย่างล้นหลาม? มีเพื่อนเก่าที่โรงเรียนบ้างแต่ก็ไม่กี่คน คงเพราะนี่มันตอนกลางคืนล่ะนะ
ตอนแรกผมกะว่าจะตอบข้อความทุกคนกลับ แต่ผมง่วงแล้วล่ะ อีกอย่างพรุ่งนี้ก็ต้องเจอกันอยู่ดี เอาไว้ค่อยขอบคุณพรุ่งนี้ละกัน
เอ้อ…ตกลงผมกำลังมีความสุขใช่ไหมครับ?
.
.
.
Next…
ความคิดเห็น