ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HSJ] The Special Cases

    ลำดับตอนที่ #2 : ศูนย์วิจัยอาชญากรรมและการสืบสวน

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ย. 53


                   

                   “เฮ้อ เหนื่อยชะมัดเลย เมื่อวานเนี่ยไดกินั่งบิดขี้เกียจอยู่บนโต๊ะของตัวเองเหมือนอย่างทุกครั้ง

                    หลังจากที่อาจารย์ประจำวิชาคาบสุดท้ายของบ่ายนี้เดินออกไป นักเรียนชายหญิงต่างโยนปากกาทิ้งลงบนโต๊ะอย่างไม่ใยดีและนอนแผ่หลากันจนเป็นกริยาเดียวกันทั้งห้อง เด็กสมัยนี้นี่มักจะทำอะไรเหมือนๆกันจริงๆ

                    แน่นอนว่าไม่เว้นแม้แต่คู่หูคนเก่งของเรา ไดกิ และ เรียวสุเกะ แต่หลังจากนี้อีกสองวันก็จะเป็นสวรรค์ของเหล่านักเรียนมัธยมปลายแล้ว นั่นก็เพราะพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์อาทิตย์ยังไงล่ะ

                    นายเหนื่อยเรื่องเมื่อวาน หรือว่าเรียนคาบเมื่อกี้กันแน่เรียวสุเกะหันหน้ามาถาม

                    ทั้งสองเรื่องนั่นแหละ ค่อยยังชั่วหน่อยในที่สุดพรุ่งนี้ก็เป็นวันเสาร์อาทิตย์ซักที วันหยุดอันแสนมีค่าที่จะผ่านไปอย่างรวดเร็วของชั้นไดกิตัดพ้อ แล้วเอนตัวลงนอนลงบนโต๊ะ

                    ช่วยไม่ได้ ก็เราเป็นนักเรียนนี่เรียวสุเกะหยักไหล่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกเหมือนไดกิ แต่เป็นเพราะมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ต่างหากล่ะ

                    เออใช่ เมื่อวานนายบาดเจ็ดตรงไหนรึเปล่า ไดกินึกขึ้นได้ เด็กหนุ่มยืดตัวขึ้นแล้วมองหน้าเพื่อนรัก

                    ถามตอนนี้มันไม่ช้าไปหน่อยเหรอ ไดกิ

                    เออน่า ตกลงไม่เป็นอะไรใช่ไหม

                    แล้วนายเห็นชั้นเป็นอะไรไหมล่ะ

                    “…ไม่

                    ก็แค่นั้น

                    เย็นชาชะมัดไดกิบ่นอุบอิบ แต่ไม่พ้นคนหูดีที่นั่งคุยกับเขาจนหน้าจะแทบติดกัน

                    ไม่ได้เย็นชาซักหน่อย แล้วก็ไปได้แล้ว พวกนั้นรออยู่นะ

                    เรียวสุเกะลุกขึ้นยืนแล้วสะพายกระเป๋า มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง

                    จริงด้วยสิ ลืมไปเลย ไปกันเถอะ เดี๋ยวโดนบ่นอีก

                    ทั้งสองเดินออกไปจากห้องเรียน โดยไม่ลืมที่จะบอกลาเพื่อนคนอื่นๆในห้อง

     

                    เมื่อวานหลังจากที่ปฏิบัติภารกิจจนสำเร็จลุล่วงทันทีในแผน A ซึ่งก็เป็นไปตามที่ทุกคนคาดไว้แต่แรกอยู่แล้ว ทั้ง 4 คนมารวมตัวกันที่หลังตึกตามเวลานัด ทุกคนดำเนินแผนการเสร็จก่อนที่ตำรวจจะมาถึงได้ไม่กี่นาที ซึ่งถือว่าเป็นการทำเวลาที่เพอร์เฟคมากสำหรับพวกเขา

                    อาจจะมีคนสงสัยว่าพวกเขาเป็นใคร ทำไมถึงรู้ทันเหตุการณ์ก่อนตำรวจ หรือ ทำไมถึงไม่ให้ตำรวจจัดการ หรือว่าพวกเขาเองก็เป็นตำรวจอย่างนั้นหรือ จุดหมายปลายทางที่ไดกิ และ เรียวสุเกะกำลังจะไปนั้น จะทำให้สามารถไขข้อข้องใจนี้ได้ หรืออาจจะไม่

                   

                    เด็กหนุ่มทั้งสองคนใช้เวลาเดินทางไม่นาน จากโรงเรียนมาถึงสถานที่แห่งนี้ นับได้ว่าไม่ใกล้และไม่ไกลจนเกินไป แต่ก็สะดวกในการแวะเวียนไปมา ที่สำคัญที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านอีกด้วย

                    ท่ามกลางซอยเล็กซอยน้อยที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน บ้านหลังใหญ่สีขาวตั้งเด่นอยู่ตรงหน้า แต่กลับดูกลมกลืนไปกับบ้านเรือนรอบข้างอย่างไม่ผิดสังเกต

                    มองเผินๆมันเหมือนบ้านหลังใหญ่ ธรรมดาหลังหนึ่ง บ้านสไตล์โมเดิร์น ไม่เก่าและไม่ใหม่ ตัวบ้านถูกทาด้วยสีขาวสะอาดทั้งหลง หลังคาสีน้ำเงินเข้มที่ทำให้ดูเยือกเย็น สวนหย่อมหน้าบ้านเล็กๆที่ช่วยลดความแข็งเกร็งของตัวบ้านได้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างลงตัวอยู่ในภาพรวมของบ้านหลังนี้

                    จัดได้ว่าเป็นบ้านที่น่าอยู่หลังหนึ่งเลยก็ว่าได้ ตรงหน้าประตูบ้านมีป้ายใหญ่ๆป้ายหนึ่งถูกแขวนไว้ แต่ดูเหมือนคนทำจะไม่ตั้งใจทำให้มันดูเด่นซักเท่าไหร่นักเมื่อดูจากการออกแบบแล้ว ป้ายนั้นเขียนไว้ว่า

                    ศูนย์วิจัยอาชญากรรมและการสืบสวน

     

                    ไดกิและเรียวสุเกะเดินเข้าไปในบ้านหลังนั้นอย่างคุ้นเคย ทั้งคู่เดินเข้ามาในบ้าน ผ่านห้องรับแขกอันโอ่อ่า ราวกับตั้งใจจะตกแต่งออกมาเพื่อรับแขกโดยเฉพาะ แต่ทว่าพื้นที่ส่วนนี้สำหรับพวกเขาแล้วยังถือว่าเป็นส่วนของนอกบ้านอยู่

                    ทั้งสองเดินทะลุผ่านห้องรับแขกออกไปยังห้องอีกห้องหนึ่ง ประตูบานใหญ่สีขาวตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ด้านข้างมีแผงปุ่มกดตัวเลข เครื่องสแกนลายมือ รวมทั้งกล้องวงจรปิด

                    เรียวสุเกะยกมือขึ้นกดรหัสอย่างรวดเร็ว และประทับลายมือลงบนแผงวงจรสีดำ

                    ตี๊ด

                    เสียงคอมพิมเตอร์ทำงานและประตูก็เปิดออก

                    ทั้งสองคนไม่รอช้า รีบเดินก้าวเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว เพราะประตูบานนี้จะปิดลงทันที เมื่อเวลาผ่านไปเพียง 15 วินาทีเท่านั้น

                   

                    ฮัลโหล!” ไดกิยกมือทักทายสมาชิกในบ้านอย่างร่าเริง

                    ว่าไง อยู่กันครบเลยนะทุกคนเรียวสุเกะยิ้มทักทาย ก่อนจะเดินลงไปนั่งบนโซฟาสีดำตัวยาว

                    สวัสดีสมาชิกในห้องเงยหน้าขึ้นมาจากธุระของตัวเอง บางคนก็เดินออกมาจากห้องที่ถูกแยกไปอีกออกมาเพื่อทักทายไดกิ และเรียวสุเกะ ก่อนที่ทุกคนจะกลับไปทำงานของตัวเองต่อ

                    ภายในห้องแห่งนี้แตกต่างกับภายนอกอย่างสิ้นเชิง การออกแบบที่ทันสมัยกว่า พื้นที่ทุกตารางเมตรถูกใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ที่ไม่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป เฟอร์นิเจอร์ที่มีดีไซน์แตกต่างจากท้องตลาด เครื่องอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ รวมไปถึงเสื้อกราวน์สีขาวสะอาดที่ถูกแขวนอย่างดีบนผนัง

                    ไม่ใช่แค่นั้นเมื่อลองมองลึกเข้าไป ด้านในถูกแบ่งออกเป็นห้องย่อยๆอีกหลายห้อง ซึ่งไม่ว่าจะมองยังไงที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านของคนธรรมดาแน่นอน ดูเหมือนเป็นบ้านในอนาคต ไม่สิ ศูนย์วิจัยอะไรซักอย่างตามป้ายที่ติดไว้ที่หน้าบ้านเลยทีเดียว

                     

                    แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้น ภายในบ้านกลับมีเด็กหนุ่มถึง 10 คนมารวมตัวกันน่ะสิ

                    พวกนาย ทำไมวันนี้ถึงมาช้ากันจังทาคาคิ ยูยะ ที่กำลังชงกาแฟอยู่พูดขึ้น

                    ก็ไดกิมัวแต่ขี้เกียจน่ะสิ เลยออกมาช้า

                    นี่ อย่ามาว่าชั้นสิ! นายก็เหมือนกันแหละ เรียวสุเกะ

                    ชั้นรอนายต่างหากเล่า!”

                    อะไรกันพวกนาย ทำตัวเป็นเด็กกันอยู่ได้ทาคาคิผลักหัวคนทั้งคู่อย่างรำคาญ

                    เอาน่ะ ก็เป็นอย่างนี้ประจำไม่ใช่เหรอยาบุยิ้ม แล้วเดินเข้ามาลูบหัวไดกิที่ยืนอยู่หน้าโซฟา ไดกิทำสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

                    ไดจัง ผมมีเกมส์ใหม่มา จะลองเล่นดูไหมถัดจากทาคาคิไป เด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งกดเกมส์อยู่อย่างเมามันส์ ดูจากลักษณะแล้วไม่น่าจะเกินมัธยมต้น

                    จริงหรอ ริวทาโร่!” ไดกิดีใจใหญ่ กระโจนไปหาเด็กคนนั้นทันที

                    เรียวสุเกะมองตาม ก่อนจะหันไปคุยกับยาบุบ้าง

                    วันนี้ไม่มีงานใช่ไหมฮะ

                    วันนี้พักผ่อนน่ะยาบุตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มที่แสนใจดีตามปกติ

                    เด็กหนุ่มในชุดกราวน์สีขาว สวมถุงมือกันเชื้อและผ้าปิดปากเต็มยศเดินออกมาจากห้องด้านข้าง กลิ่นที่ลอยติดตัวเขาออกมา รวมถึงถึงการแต่งตัวของเขา ทำให้คาดได้ว่า ห้องนั้นคือห้องทดลองอะไรบางอย่าง

                    ยามะจัง มาทางนี้หน่อยสิเด็กหนุ่มคนนั้นเดินมาเรียกเรียวสุเกะ

                    มีอะไรหรอเคย์โตะ…”

                    เรียวสุเกะหันตามเสียงเรียก และเดินตามเด็กหนุ่มคนนั้นเข้าไปในห้องทดลองด้วยกัน

                   

                    หลังจากที่เรียวสุเกะเดินตามเด็กหนุ่มที่ชื่อว่า เคย์โตะ เข้าไปแล้ว

                    ไดจัง ผมบอกแล้วไงว่าต้องใช้สูตรนี้มันถึงจะชนะน่ะ!” เด็กชายที่ไดกิเรียกว่า ริวทาโร่เริ่มโวยวาย และกำลังจะพยายามแย่งเกมส์ของเขาคืนมาอย่างขัดใจ

                    ชั้นมีวิธีของชั้นน่า!”  ไดกิหลบตัวหนี

                    ริวทาโร่หายใจฟืดฟัด ก่อนจะตัดใจจากเกมส์ของตัวเอง แล้วก้มลงไปค้นหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าที่ถูกวางไว้ด้านข้างแทน

                    เด็กชายหยิบสมุดโน้ตเล่มสีดำขึ้นมาเล่มหนึ่ง โมริโมโตะ ริวทาโร่เปิดสมุดเล่มนั้นออก ข้างในถูกเขียนด้วยดินสอทั้งหมด  แต่มันคืออะไรคงไม่อาจจะมีใครเข้าใจได้ มันดูเป็นการเขียนอะไรบางอย่างยุ่งๆจนเต็มไปหมด ทุกหน้ากระดาษแทบไม่มีที่ว่างสีขาวให้เห็นเลย

                    ริวทาโร่พลิกกระดาษไปเรื่อยๆจนถึงหน้าๆหนึ่งที่มีการเขียนเอาไว้เพียงแค่ครึ่งหน้า ดูเหมือนกับว่ามันถูกทำค้างเอาไว้ ริวทาโร่หยิบดินสอขึ้นมา แล้วลงมือเขียนอะไรบางอย่างต่อลงไปทันที

                    เด็กชายเลียริมฝีปากอย่างตั้งใจ สายตาที่ดูเคร่งเครียด คิ้วบางๆของเขาขมวดจนแทบจะเข้ามาชิดติดกันเสียให้ได้ เขากำลังทำอะไรอยู่นะ

                    ยังแก้ไม่ได้หรอ ริวจิเนน ยูริที่พึ่งเดินออกมาจากห้องทำงานของตนถาม

                    ใกล้แล้วล่ะฮะ แต่อันนี้ยากใช่เล่นเลยนะ ริวทาโร่ตอบโดยที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาจากสมุดโน้ตเล่มนั้น

                    แหงสิ งานนี้หินจะตาย แต่ถึงขนาดริวว่ายากเนี่ย สุดยอดเลยนะยาโอโตเมะ ฮิคารุละสายตาออกมาจากคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คคู่ใจ

                    บนหน้าจอ ดูเหมือนว่าฮิคารุกำลังหาข้อมูลอะไรบางอย่าง ซึ่งเมื่อลองดูโดยรวมแล้ว น่าจะเกี่ยวข้องกับอะไรยุ่งๆที่ริวทาโร่กำลังเขียนหรือแก้อยู่ก็เป็นได้

                    มันคืออะไรงั้นหรอฮะ จิเนนถาม

                    ดูเหมือนจะเป็นรหัสลับอะไรบางอย่าง ที่ผู้ตายเขียนถึงที่ซ่อนแผ่นซีดีโปรแกรมที่เขาเขียนขึ้นมาก่อนตายน่ะฮิคารุตอบ

                    สมกับเป็นพวกขี้งกจริงๆ ตั้งรหัสอะไรยุ่งยากก็ไม่รู้ แต่ยิ่งแก้ มันก็ยิ่งรู้สึกว่า รหัสนี่มันบ้าบอชะมัดริวทาโร่สบถออกมา พร้อมกับทำสีหน้าบ่งบอกถึงความไม่พอใจสุดๆของเขา

                    อย่าไปว่าคนตายเลยฮิคารุปลอบ

                    ฮะ ใกล้เสร็จแล้วล่ะ ฮิคารุคุงก็เตรียมหาสถานที่ได้เลยนะฮะ น่าจะอยู่แถวๆ ต้นสน ด้านทิศเหนือของตัวบ้านน่ะ 

                    ริวทาโร่ใช้ปลายดินสอจิ้มลงบนแผ่นกระดาษไปมาอยู่สองสามครั้ง

                    ท่าทางจะอยู่ห่างออกมาจากต้นสนประมาณ 1.25 เมตร

                    “1.25 เมตรฮิคารุพูดตาม ส่วนมือยังคงคีย์ข้อมูลคงโน้ตบุ๊คอย่างรวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน

                    จิเนนนั่งมองริวทาโร่ไขรหัสลับเงียบๆอย่างตั้งใจ เขาคิดจะพยายามลองฝึกและคิดตามริวทาโร่ดูบ้าง แต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นผล ริวทาโร่เป็นคนที่มีความคิด และวิธีการของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร ดังนั้นต่อให้เขาขอยืมสมุดเล่มนี้ไปอ่านที่บ้านและใช้เวลาซักสิบปีเขาก็ไม่มีวันจะเข้าใจมันหรอก

                   

                    งานเร่งหรออันนั้นน่ะเด็กหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่มุมห้องพูด

                    อืม ต้องส่งพรุ่งนี้ก่อนเก้าโมงเช้าน่ะยาบุพูด ก่อนจะเดินหายขึ้นไปบนชั้นสอง แน่นอนว่า ที่นี่ไม่ได้มีแค่ชั้นหนึ่งเพียงแค่ชั้นเดียว

                    ยูโตะ นายคิดว่าอันนี้เป็นยังไงบ้างเด็กหนุ่มอีกคนที่กำลังนั่งหันหน้าเข้าหาคอมพิวเตอร์ถาม

                    นากาจิม่า ยูโตะ วางหนังสือพิมพ์แล้วเดินไปหา

                    เอ๋ นี่หรอ สุดยอดไปเลย อิโนะจังเอามาจากไหนเนี่ยยูโตะร้อง เมื่อเห็นสิ่งที่ อิโนโอะ เคย์ หรือ อิโนะจังคนนี้เปิดให้ดู มันคือ ปืนพกรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาด้วยวิทยาการใหม่ล่าสุด นับว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากสำหรับยูโตะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องอาวุธเลยทีเดียว

                    ใช่ไหมล่ะ แต่ชั้นว่า มันยังไม่สมบูรณ์นะ นายลองดูตรงนี้สิ ชั้นคิดว่ามันน่าจะดึงประสิทธิภาพออกมาได้มากกว่านี้เคย์พูดพลางลูบคางอย่างใช้ความคิด เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการใช้คอมพิวเตอร์ทุกแขนง รวมถึงการประดิษฐ์อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ อันทันสมัยอีกด้วย แต่แน่นอน หลายครั้งที่เขาต้องการความร่วมมือจากไดกิ

                    อืม นั่นสิ น่าเสียดายนะ แต่อีกไม่นานก็คงมีออกมาใหม่อีกนั่นแหละ

                    ถ้าเป็นชั้นนะ คงคิดอะไรได้เจ๋งกว่านี้เคย์ทำหน้าเซ็ง อันที่จริงเขาดูจะออกเป็นแนวนักประดิษฐ์หรือพวกโปรแกรมเมอร์ สติเฟื่องก็เป็นได้

                    ยูโตะมองอย่างไม่ไว้ใจเท่าไหร่นัก ว่าแต่ว่า ปืนรุ่นนี้ไม่ใช่รุ่นที่ขายทอดตลาดนี่นา อย่าบอกนะว่า

                    ชั้นเจาะเข้าระบบข้อมูลของอเมริกาน่ะ แต่ไม่นึกเลยว่าจะเสียเวลาเปล่าแบบนี้เคย์ตอบอย่างรู้ทัน

                    ให้ตายสิว่าแล้วเชียว! ยูโตะกุมหัว นิสัยแบบนี้แก้ไม่ได้จริงๆสินะ

                    ถามจริงเหอะ อิโนะจังทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ แต่มีงานอดิเรกเป็นแฮกเกอร์รึไง

                    เคย์ขมวดคิ้ว

                    ไม่ใช่ ไม่ใช่ ต้องพูดว่า ทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ แต่มีรสนิยมเป็นแฮกเกอร์ต่างหากล่ะถึงจะถูก

                    “…”

                    ยูโตะได้แต่เงียบเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อไป ก่อนจะเดินลงไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่อแทน

     

                    ห้องแล็บสีขาว ที่เต็มไปด้วยสารเคมีหลากสีสันถูกบรรจุและตั้งไว้ในขวดแก้วจนเต็มห้อง อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ถูกจัดเรียงภายในห้องสี่เหลี่ยมจตุรัตอย่างเป็นระเบียบและง่ายต่อการใช้งาน ควันจากการต้มสารเคมีลอยออกมาจากขวดแก้ว อีกทั้งเสียงน้ำเดือดที่กำลังดังแข่งกับเสียงเครื่องผสมสารเคมีที่กำลังทำงานอยู่

                    เด็กหนุ่มสองคนกำลังยืนคุยกันอยู่ท่ามกลางขวดสารเคมีหลากสีสันเหล่านั้น

                    ชั้นกำลังคิดว่า จะพัฒนาตัวยาสลบให้มันแรงกว่านี้หน่อยน่ะโอคาโมโตะ เคย์โตะในชุดกราวน์แบบเต็มยศพูดขึ้น

                    ก็ดีนะ แต่อันเก่ามันก็ใช้ได้ผลอยู่แล้วไม่ใช่เหรอเรียวสุเกะพูด อันที่จริงตัวยาที่ใช้อยู่ในตอนนี้ มันก็ไม่เคยเกิดปัญหาหรือข้อผิดพลาดในการใช้ยาเลยแม้แต่ครั้งเดียว แถมยังใช้ได้ผลดีและมีประสิทธิภาพอีกต่างหาก แต่ทำไมเคย์โตะถึงต้องคิดจะพัฒนามันด้วยล่ะ

                    พอดีชั้นไปค้นคว้ามาใหม่น่ะ ว่าตัวยาที่ใช้อยู่ ถ้าใช้กับคนที่เคยใช้ตัวยานี้เกินสามครั้ง ร่างกายจะเริ่มมีภูมิต้านทาน แล้วจะทำให้ตัวยาอ่อนลง

                    อ๋อ งั้นก็เลยจะเร่งตัวยาให้แรงขึ้นอีก เผื่อไว้ใช่ไหม

                    ใช่ นายคิดว่าดีไหม หรือว่ายังไม่จำเป็น เคย์โตะหันหน้ามาถาม

                    เรียวสุเกะเงียบไปเล็กน้อย

                    ชั้นว่าดีนะ เผื่อเอาไว้เลยดีกว่า

                    เคย์โตะพยักหน้า

                    งั้นโอเค จะลงมือเดี๋ยวนี้แหละ แต่คงต้องใช้เวลาซักหน่อย เพราะไม่รู้ว่าถ้าตัวยามันแรงขึ้นจะเกิดอันตรายแค่ไหนกับร่างกายมนุษย์น่ะเคย์โตะมองหลอดสารเคมีในมือผ่านเลนส์แว่น ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเครียด

                    อืม ค่อยๆทำก็ได้ ยังไม่ต้องรีบหรอก เรียวสุเกะตบบ่าเพื่อนชายเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ

                    ขอบใจนะ ยามะจังออกไปก่อนเถอะ ในห้องสารเคมีมันเยอะ นายไม่ได้ใส่ผ้าปิดจมูก เดี๋ยวจะแย่เอา

                    เรียวสุเกะรู้สึกตัว เขาลืมไปเลยว่าตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ในห้องบ่มสารเคมีอยู่

                     เด็กหนุ่มยิ้มในความใจดีและความเป็นห่วงของเพื่อน ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆแล้วเดินออกไปจากห้อง

     

                    เรียวสุเกะเดินออกมาจากห้องแล็บ เห็นไดกิเพื่อนรักกำลังจ้องเกมส์ในมืออยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย โดยที่ข้างๆมีริวทาโร่ กับฮิคารุนั่งทำงานกันอยู่

                    ไดกิ มัวแต่เล่นเกมส์ทำไมไม่ช่วย ฮิคารุคุงกับริวทำงานล่ะ

                    ก็ไม่มีใครเรียกให้ชั้นช่วยซักหน่อย

                    ไดกิตอบ แต่สายตาก็ยังคงจ้องอยู่กับเกมส์กดในมืออยู่อย่างมีสมาธิ

                    ไม่เป็นไรหรอกยามะจัง ใกล้เสร็จแล้วล่ะฮิคารุหันมายิ้มให้

                    เห็นไหมล่ะ อ๊ะ เกมส์จบซะแล้ว…” ไดกิทำหน้าเสียดาย  ช่วยไม่ได้ อะ ริวทาโร่ ไดกิยื่นเกมส์ในมือคืนน้องเล็กด้านข้าง

                    เก็บในกระเป๋าเลยฮะฮิคารุคุงพอยืนหันหน้าเข้าตัวบ้านได้แล้วก็ให้ขุดเลยนะ

                    ริวทาโร่ตอบส่งๆ แล้วหันไปพูดกับฮิคารุแทน

                    เข้าใจแล้ว เอาล่ะระบุตำแหน่งได้แล้วล่ะ เสร็จซักที ฮิคารุเคาะแป้นคีย์บอร์ดจบการทำงาน

                    ริวทาโร่ วางดินสอแล้วนั่งอ่านตัวเลขที่เขาเขียนเอาไว้ในสมุดโน้ตอีกครั้ง

                    แต่ผมไม่รู้นะฮะ ว่าต้องขุดลึกแค่ไหน

                    ไม่เป็นไรหรอก จากลักษณะของผู้ตาย เป็นผู้ชายวัยกลางคนมีรูปร่างอ้วนแถมยังเป็นคนที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย อีก และเวลาที่มีจำกัด ไม่น่าจะขุดได้เกิน 1 เมตรหรอกนะ

                    ฮิคารุวิเคราะห์แล้วก้มหน้าลงไปคีย์เครื่องคอมพิวเตอร์อีกครั้ง

                    นั่นสินะฮะ งั้นก็เสร็จแล้วล่ะสิ เฮ้อ…” เด็กชายวางสมุดลงด้านข้าง แล้วล้มตัวลงนอน เหนื่อยจังเลย ใช้เวลาตั้งสามวันแน่ะครั้งนี้

                    มันยากมากเลยหรอ ไดกิถาม

                    พูดไม่ถูกฮะ ก็แค่รหัสงี่เง่าเท่านั้นเอง แต่ผมคงหลงกลเขามากไปหน่อย

                    งั้นเหรอ แต่ก็แก้ได้แล้วนี่ เก่งมาเด็กน้อย ไดกิลูบหัวเด็กชาย

                    ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ!”

                    ริวทาโร่สะบัดหัว

                    เด็กจะตายไป อ้าวดูสิ จิเนนชงโกโก้มาให้แล้วนั่นไดกิหันไปชี้จิเนนที่กำลังเดินถือแก้วโกโก้ร้อนมาทางนี้อยู่

                    เย้! ขอบคุณฮะ!”

                    ริวทาโร่รับแก้วโกโก้มา แล้วดื่มมันทันที

                    เด็กจริงๆนั่นแหละเรียวสุเกะพูดเบาๆ แล้วเดินไปนั่งกับฮิคารุ ว่าแต่ ของฮิคารุคุงก็เรียบร้อยแล้วใช่ไหม

                    อ้าว ยามะจังเองหรอ เรียบร้อยแล้วล่ะ เดี๋ยวตรวจเช็คอีกทีก็จะส่งรายงานไปเลย พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องมากังวลอีก

                    ฮิคารุตอบพร้อมรอยยิ้ม

                    ก็ดีนะ ว่าแต่งานอะไรเหรอ ผมกับไดกิไม่เห็นรู้เรื่องเลย

                    เรียวสุเกะถาม

                    พวกนายไม่ได้เข้ามาตั้งสามสี่วันแล้วนี่นา ช่วงนั้นแหละงานก็เข้ามาพอดี ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก็เลยไม่ได้บอกน่ะ

                    จริงด้วยสิ ลืมไปเลย แล้วนี่ใครรับผิดชอบหรอ

                    ชั้นกับโคตะไง แต่ตอนจบดันมีรหัสลับเพิ่มเข้ามาน่ะ เลยต้องให้ริวทาโร่ช่วย

                    โคตะที่ฮิคารุพูดถึง เป็นชื่อจริงของยาบุนั่นเอง ส่วนยาบุคือนามสกุล

                    อ๋อเรียวสุเกะทำหน้าอ๋อ เขาลืมไป ว่า คู่หูของฮิคารุคือยาบุ คงเป็นเพราะว่าตอนที่เขามา ไม่เห็นยาบุลงมาทำงานด้วยเลยเข้าใจผิดไป

                     “…ว่าแต่ยามะจัง นายยังมีอาการอยู่รึเปล่า

                    ฮิคารุถามเสียงเบา สายตาหันไปมองไดกิ ที่กำลังนั่งหัวเราะอยู่กับริวทาโร่และจิเนนที่อยู่ใกล้ๆ

                    เรียวสุเกะยิ้มเล็กน้อย แต่มันเป็นรอยยิ้มที่ดูเศร้าและอ้างว้างเหลือเกิน

                    เหมือนเดิมฮะ มันคงไม่หายได้ง่ายๆหรอก        

                    เรียวสุเกะพูดเสียงเบา แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกขมขื่น

                    อืม ไม่ต้องพยายามฝืนหรอก ค่อยๆปล่อยมันไปให้มัน จางหายไปตามกาลเวลาเถอะนะฮิคารุให้กำลังใจ สิ่งที่เขาทำได้คือยิ้มให้กำลังใจเรียวสุเกะเท่านั้น

                    ฮะ ไม่เป็นไรหรอก เพราะมีทุกคนผมถึงใช้ชีวิตอย่างปกติได้อีกครั้ง

                    เรียวสุเกะยิ้มตอบ รอยยิ้มเข้มแข็งที่ผู้ใหญ่หลายคนไม่อาจทำได้ แต่เด็กอายุ 17 ปีอย่างเขา กลับทำได้ แถมยังเป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้มาจากการแสร้งทำเป็นเข้มแข็งแต่อย่างใด มันเป็นรอยยิ้มที่บ่งบอกว่าเขาเข้มแข็งจริงๆ

                    แต่ก็เพราะว่ามีไดจังอยู่ด้วยสินะฮิคารุยิ้ม แล้วหันไปมองไดกิอีกครั้ง เพราะพวกนายมีกันและกัน เลยคอยช่วยเติมเต็มให้กันได้

                    เรียวสุเกะฟังฮิคารุพูดแล้วก็หันไปมองไดกิ รอยยิ้มของไดกิลอยอยู่ตรงหน้าเขา

                    คงจะเป็นแบบนั้นแหละฮะ

                     เรียวสุเกะยิ้มกว้าง พร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปมองเพดานช้าๆ เพราะมีนายจริงๆนั่นแหละ ไดกิ

     

                    งั้น พวกเรากลับก่อนนะไดกิโบกมือลา พร้อมกับเรียวสุเกะ ที่หน้าบ้าน

                    ที่มีแค่พวกเขาสองคนที่กลับก่อนนั่นก็เพราะว่า คนอื่นๆอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยกันยังไงล่ะ

                    กลับดีๆล่ะ อ๊ะ จริงด้วยสิไดกิ ตามมาเอาชุดนอนนายที่ลืมไว้บนห้องชั้นหน่อยได้ไหม

                    ยาบุนึกขึ้นได้

                    จริงด้วยสิ รอเดี๋ยวนะ เรียวสุเกะ

                    ไดกิฝากกระเป๋าให้เรียวสุเกะถือแล้ววิ่งตามยาบุเข้าไปในบ้านอีกครั้ง

     

                    รอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวชั้นหยิบให้

                    ยาบุนั่งหันหลังให้ไดกิ แล้วค้นตู้เสื้อผ้าของตัวเอง

                    ไดกิพยักหน้า แล้วนั่งรออยู่ใกล้ๆ ภายในห้องนอนส่วนตัวถูกปกคลุมด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงของยาบุที่กำลังค้นตู้เสื้อผ้าอยู่เท่านั้น

                    บรรยากาศที่เงียบทำให้สามารถได้ยินเสียงของเข็มนาฬิกาเดินได้

                    นาฬิกาไม้เรือนใหญ่ บอกเวลา 6 โมงเย็น แน่นอนว่าข้างนอกมืดสนิทแล้ว เพราะตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงของฤดูใบไม้ผลิ อากาศจึงยังคงเย็นอยู่ จึงทำให้พระอาทิตย์ตกเร็วกว่าปกติ และเริ่มมืดมาตั้งแต่เวลา 5 โมงครึ่งแล้ว

                    ไดกิ

                    จู่ๆ ยาบุก็ทำลายความเงียบนั้น โดยการเรียกชื่อคนในห้องเบาๆ

                    มีอะไรหรอ

                    ไดกิตอบเสียงร่าเริง

                    นายยังฝันอยู่รึเปล่า

                    คำถามของยาบุ ทำให้สีหน้าของไดกิเปลี่ยนไป ใบหน้าและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความร่าเริง แปรเปลี่ยนไปเป็นความโศกเศร้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต

                    เหมือนเดิม

                    ไดกิตอบสั้นๆ

                    แล้วรู้สึกดีขึ้นบ้างไหมล่ะ ยาบุลุกขึ้นยืน พร้อมกับหันหน้าเดินมาหาไดกิที่นั่งก้มหน้าอยู่ ในมือถือชุดนอนสีครีมเอาไว้

                    สีหน้าของยาบุแสดงถึงความเป็นห่วงออกมาอย่างเห็นได้ชัด

                    ไม่เป็นไรหรอก แต่มันก็ไม่ชินซักทีสินะ

                    ไดกิพูดแล้วยิ้มกับตัวเอง รอยยิ้มแสนเศร้า รอยยิ้มที่เข้มแข็งไม่ต่างอะไรกับเรียวสุเกะ

                    คงไม่มีวันชินกับมันหรอก แต่ว่านะ ไม่ว่าอนาคตจะเป็นยังไง จะเกิดอะไรขึ้นอีก พวกเราก็จะไม่มีวันปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นซ้ำอีกเป็นครั้งที่สองกับครอบครัวของเราแน่นอน นายสบายใจได้เลยนะ

                    ยาบุยื่นชุดนอนในมือให้ พร้อมกับรอยยิ้มที่แสนอบอุ่น

                    พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ

                    ไดกิมองหน้ายาบุ แล้วรับชุดมาด้วยรอยยิ้ม

                    อืม

                    อีกอย่าง นายยังมีคนที่คอยเติมเต็มให้นายอยู่เสมอไม่ใช่หรอไดกิ บางทีครอบครัวเราอาจจะไม่อยู่กันครบพร้อมหน้าทุกครั้ง แต่เรียวสุเกะก็จะอยู่กับนายตลอดเวลา ไม่หายไปไหนนะ

                    คำพูดของยาบุทำให้ภาพช่วงเวลาที่เรียวสุเกะคอยอยู่ข้างๆเขา ผุดขึ้นมาในหัวสมอง และทำให้เขายิ้มได้

                    ก็จริงอย่างที่ยาบุคุงพูดนั่นแหละ

                    ครอบครัวก็สำคัญมากมายสำหรับชั้น แต่คนที่อยู่กับชั้นตลอดคงมีแต่นายสินะ เรียวสุเกะ

                    .

                    .

                    .

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×