คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ 13 ปฏิวัติกับโซลจัง?!!
วันนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนอบอ้าว หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้ประมาณหนึ่งเดือน ก็ยังคงไม่มีใคร จัดการหรือทำอะไรนานะเลย ยามะจังกำลังพยายามทบทวนในสิ่งต่างๆที่ได้ฟังมา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่าคนที่ผิดคือเค้าหรือนานะ ตกลงว่าพรหมลิขิตของเค้านั้น แท้จริงแล้วคืออะไรกัน ถ้าเรื่องที่นานะพูดเป็นความจริง งั้นเค้ากับยูโตะจะรักกันได้ยังไง
ทางด้านเพื่อนแสนดีทั้งสองก็ไม่อาจทำอะไรได้ ในเมื่อเพื่อนร่างอวบของเขายังไม่ได้แสดงท่าทางเอาคืน หรือ โกรธแค้นแต่อย่างใด พวกเขาเลยทำได้แค่นั่งกัดจิก หรือ ลงไม้ลงมือเล็กน้อยกับผู้หญิงคนนี้เท่านั้น
ส่วนทางด้านครอบครัว ก็ยังคงยืนให้กำลังใจอยู่ต่อไป แต่ในใจก็กำลังคิดทบทวนเรื่องเดียวกับยามะจังเช่นเดียวกัน ต่างคนต่างกันไปเรื่อยๆ
ณ บ้านสามพี่น้อง (ไม่ใช่สองหรอ
“นี่ เรียวจัง ” โซลเรียกถามขณะที่ทั้งสามอยู่ด้วยกันในห้อง ยามะจังที่โดนเรียกกำลังนั่งเป่าผมอยู่ด้านหน้ากระจกในห้อง ส่วนพี่ชายคนโตเจ้าของห้องกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงของตัวเองอยู่ ทั้งสองหันหน้าไปทางน้องสาวคนเดียวของบ้านที่กำลังนั่งหมุนไปมา บนเก้าอี้หมุน
“โซลว่า
เราคงต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองกันแล้วล่ะ” โซลพูดพลางคำหน้านึกคิด มุมปากค่อยๆยิ้มออกมา แบบแปลกๆ จนคนมองอดรู้สึกสงสัยและกังวลไปไม่ได้ ก็ยัยคนเนี้ย เคยคิดอะไรเหมือนคนอื่นเขาที่ไหนล่ะ
“เอ๋ ยังไงหรอ” ยามะจังถามตาแป๋วมองน้องสาวและเพื่อนในขณะเดียวกัน
พี่ชายคนโตปิดหนังสือแล้วลุกขึ้นนั่งฟังดีๆ
“เรียวจังเปลี่ยนไปนะ เมื่อก่อนเรียวจังไม่ใช่แบบนี้นี่นา ไม่ใช่คนอ่อนแอ คิดมาก จมปรัก ต้องคอยนั่งรับคำปลอบใจและกำลังใจจากคนอื่น โดยไม่ทำอะไรเลยแบบนี้ แถมยังร่าเริง ยิ้มเก่ง ชอบเอาคืนเวลาโดนแกล้ง
จริงมะ” พูดจบก็ทำท่าเหลือกตาไปมอง
พี่ชายคนโตพยักหน้าขึ้นลงอย่างเห็นด้วย
ยามะจังพอได้ฟังสิ่งที่โซลพูดก็อดคิดตามไปไม่ได้ นั่นสิ อย่างที่ว่าจริงๆนั่นแหละ เราตอนนี้มันไม่เหมือนเราเลยนี่นา
“นั่นสินะ จริงด้วยสิ” แต่อาจจะเป็นเพราะความรักไม่ใช่หรอ ยามะจังคิดสายตาหลุบต่ำ ให้ตายสิ ไม่ชอบตัวเองในตอนนี้เลย เราเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่นะ อา
วันที่นานะเข้ามาในชีวิตของเรา ทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไป
“นั่นสิ พี่ก็คิดอย่างนั้นแหละ แต่ก็คิดว่าเป็นเพราะความรักรึเปล่าน้า” พี่ชายคนโตนั่งกอดตุ๊กตาหมีเอาคางเกยหัวตุ๊กตาพร้อมพูดทำตาแป๋ว
(รีดเดอร์ : สองคนนี้ (โซล ไดจัง) มันจริงจังกันมั๊ยเนี่ย เอ๊ะ หรือว่ามีแผน!)
“หรือว่า เพราะนานะทำให้เรียวจังเปลี่ยนไป หรือว่า เพราะนานะ อยากให้เรียวจังเปลี่ยนไปกันน้า” โซลพูดพลางทำท่าคิดกลอกตาไปมา
.
.
.
.
เอ๊ะ นั่นสิ หรือว่า นี่คือสิ่งที่นานะต้องการ?!
.
.
.
“โซลจัง!!!” ยามะจังโผล่งขึ้นมาพร้อมกับหันหน้าไปทางโซลที่นั่งหมุนไปมาบนเก้าอี้ คนบนเก้าอี้และบนเตียงยิ้มออกมาพร้อมกัน
“เข้าใจแล้วสินะ ^^”
“อื้อ! งั้นแสดงว่านานะ ต้องการให้ชั้นสูญเสียความเป็นตัวเองและแย่งยูโตะไปจากชั้นใช่มั๊ย”
“อ๊ะ ถูกต้องนะคร๊าบ!” พี่ชายคนโต ดึงแขนตุ๊กตาขึ้นมาทำท่า ชี้นิ้วไปที่น้องชายหน้ากลม
“เพราะฉะนั้น ยัยนั่นคงสืบเรื่องของยามะจังมานานแล้วล่ะ แต่นิสัยจริงๆของยามะจังมันทำลายยาก ยัยนั่นก็เลย เล่นงานแบบซึ่งๆหน้าโดยไม่ทันตั้งตัว แถมยังจงใจประกาศว่าตัวเองเป็นคนรักตามพรหมลิขิตของยูโตะอีก เลยทำให้ยามะจังเริ่มเปลี่ยนไป และก็เปลี่ยนไปตามคาดจริงมั๊ย ก็เลยเป็นไปตามเกมส์ที่ยัยนั่นวางไว้ เพราะถ้ายัยนั่นมาในแบบที่ไม่ใช่แบบนี้ เช่นมาบอกว่าจะแย่ง แต่ไม่ได้พูดเรื่องพรหมลิขิตอะไร ยามะจังก็คงไม่สนใจเท่าไหร่หรอกจริงมั๊ย”
“หลักฐานก็คือ เรียวจังเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่ ได้ยินนานะ ประกาศว่าตัวเองเป็นคนรักตามพรหมลิขิตของเรียวจังนั่นเอง”
ร่างอวบฟังความคิดเห็นและการวิเคราะห์ของสองพี่น้องอย่างทึ่งๆ และก็พยักหน้าขึ้นลงตลอดเวลาที่ฟัง เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่เค้าเผลอมองข้ามไปแบบไม่รู้ตัว
“ว่าแต่ยัยนั่นนี่สุดยอดเลยนะ ไปรู้มาได้ยังไงเรื่องพรหมลิขิตเนี่ย แถมยังรู้เรื่องฝันซะด้วย” ไดกิ เอามือพาดหลังพร้อมเอนตัวลงไปอีกครั้ง
“แหม พี่ เวลาเรียวจังคุยกับพี่ ไม่ได้คุยแค่ในบ้านซักหน่อยจริงมั๊ย” โซลชายตาไปมองพี่ชายที่กำลังทำหน้าครุ่นคิด ตอนไหนหว่า
“นั่นสิ คงเป็นอย่างนั้นแหละ เพราะตอนที่ชั้นเล่าเรื่องนี้ให้ไดจังฟังครั้งแรก เราไปกินข้าวกันข้างนอกสองคนน่ะ” ยามะจังให้คำตอบ
“เอ๊ะ งั้นหมายความว่า ยัยนั่นสะกดรอยตามยามะจังหรอ!” พี่ใหญ่เด้งตัวขึ้นมาทำตาโตอีกครั้ง ยามะจังเองเมื่อได้ยินความคิดอันน่ากลัวนี้ก็ทำตาโตด้วยเช่นเดียวกัน
“แหมๆ เรื่องแบบนี้ทำเป็นแปลกไปได้ ผู้หญิงน่ะ ไม่สิ ใครก็ตามที่มีจุดมุ่งหมายหรือความแค้นอันแรงกล้า มันก็ทำได้ทุกอย่างแหละ”
คนฟังทั้งสองนั่นเงียบ พลางนึกในใจ ‘จริงด้วยสิ’
“พูดถึงความแค้น
เรื่องนั้นชั้นจะทำยังไงกับมันดีนะ” ร่างเล็ก เริ่มกังวลอีกครั้ง เพราะถ้าเรื่องชาติที่แล้วเป็นความจริง ไม่ว่านานะจะมาทำลายเค้าหรือทำอะไร มันก็เป็นสิ่งที่เค้าไม่อาจจะหลีกหนีได้ เพราะเค้าต้องชดใช้ให้ในที่ฐานะที่เค้าเคยทำผิดไว้กับหล่อน
“จริงรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ว่านะยามะจัง นั่นมันเรื่องในอดีตไม่ใช่หรอ ถึงเป็นเรื่องจริง แต่คนที่ทำไม่ใช่ยามะจังนะ มันเป็นเรื่องที่เกิดมาก่อนที่ ยามะจังจะเกิดอีก เพราะฉะนั้นจะไปชดใช้ทำไม เพราะชาตินี้ ยามะจังเกิดใหม่เป็น ยามาดะ เรียวสุเกะ ไม่ใช่คนที่ไปแย่งยูโตะมาจากนานะซักหน่อย เพราะ ยามาดะ เรียวสุเกะ คนนี้ไม่เคยทำหรือรู้จัก อิซึมิ นานะ เลย” พี่ใหญ่ค่อนข้างมีเหตุผล แต่ว่า
“แต่ไดจัง ก็จริงอยู่ที่ชั้นไม่ได้ทำ แต่ชั้นในอดีตไม่ว่าจะชื่ออะไร หน้าตายังไงก็ตาม แต่ยังไงมันก็คือชั้นนะ
เพราะฉะนั้นจะให้ชั้นปฏิเสธและไม่ชดใช้ก็คงจะไม่ได้หรอก” ร่างเล็กก้มหน้านิ่ง
“เรื่องนั้นมันก็
” พี่ใหญ่เงียบลง
“นี่ ทั้งสองคน ที่จริงเรื่องนี้โซลได้ข้อสรุปมาแล้วล่ะ” น้องสาวที่นั่งฟังหมุนไปหมุนมา เริ่มออกเสียงบ้าง
“เอ๊ะ จริงหรอ!”
“อืม พอดีช่วงสองสามวันนี้ไปฝึกอะไรๆมาน่ะ เลยพอรู้แล้วล่ะ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกทันที”
“ไม่เป็นไรหรอก! ว่าแต่เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่” ไดกิลุกขึ้นมานั่งอีกครั้ง พร้อมกับร่างเล็กที่หันมาตั้งใจฝังด้วยเช่นกัน
“คือว่า จริงๆแล้ว เรียวจังไม่ได้แย่งยูโตะคุงหรอก เพียงแต่ว่าวาสนาของยูโตะคุงและนานะมันไปได้แค่นั้นและก็หมดลง แล้วพอดีตอนนั้นก็ถึงเวลาของเรียวจังแล้วด้วยเหมือนกัน ตอนช่วงที่วาสนาของสองคนนั้นใกล้หมดลง เรียวจังก็มาพอดี เลยทำให้ดูเหมือนกลายเป็นว่า เรียวจังแย่งยูโตะคุงไปน่ะสิ” โซลอธิบายแบบย่อๆแต่ได้ใจความจนคนฟังรู้สึกทึ่ง
“ยะ อย่างนั้นหรอ!”
“อื้อ แล้วความแค้นนั้นมันก็ฝังลึกอยู่ในจิตใจของนานะไง พอมาเกิดใหม่ความแค้นที่ยังไม่หมดไป ก็ตามมาด้วย และที่ตอนนี้ที่เขาได้เปรียบได้ยูโตะคุงไปน่ะ เป็นเพราะว่าช่วงที่พวกเขายังมีวาสนาต่อกัน พวกเขาก็ทำบุญร่วมกันมามากพอสมควรชาตินี้เลยมีโอกาสได้รักกันอีกอีก แต่ไม่ช้าก็เร็วก็คงจะหมดลงอีกเหมือนเดิม”
คนฟังทั้งสองเริ่มใจชื้น เมื่อได้ยินคำตอบ โดยเฉพาะร่างเล็ก ที่ตอนนี้ใบหน้ากำลังเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจและโล่งอก นี่เขาไม่ได้แย่งยูโตะไปจากนานะใช่มั๊ย! เขายังมีโอกาส ไม่สิ ยูโตะยังคงเป็นคนรักตามพรหมลิขิตของเขาอยู่เหมือนเดิมใช่มั๊ย!
“จริงหรอเนี่ย มันน่าทึ่งมากเลยนะ ว่าแต่โซลรู้ได้ยังไงหรอ พี่สงสัยจัง”
“เอ๋ ฝึกสมาธิบ่อยๆก็จะรู้และเข้าใจเรื่องพวกนี้เองแหละ ที่จริงเรื่องชาติที่แล้วเป็นยังไงโซลไม่รู้หรอกนะ โซลรู้แค่ว่า บุญวาสนาของยูโตะคุงและนานะน่ะ มันเป็นยังไงบ้างก็เท่านั้นเอง นอกนั้นก็เดาๆเอาแหละ”
“อ๋อ อย่างงี้นี่เอง” ดีแฮะ ที่ส่งน้องไปเรียนที่เมืองไทย
“ยะ อย่างนั้นหรอ งั้นหมายความว่า อีกไม่นาน หรือ อาจนาน นานะ จะเป็นฝ่ายไปเองใช่มั๊ย” ยามะจังถามอย่างกล้าๆกลัวๆหวังให้คำตอบออกมาดังที่หวัง
“ก็
ถ้าตามที่โซลพูดก็คงจะเป็นอย่างนั้นแหละ แต่เหนือสิ่งอื่นใด เรียวจัง
”
โซลพูดค้างไว้ หยุดหมุนเก้าอี้ และหันหน้ามาจ้องตาคนสำคัญนิ่ง จนคนสำคัญที่ว่า รู้สึกถึงอะไรบางอย่างในสิ่งที่โซลจะบอกเขา
“
พรหมลิขิตกำหนดมาให้เราพบกัน แต่หลังจากนั้นเราคือผู้ลิขิตเอง
”
โซลพูดจบก็ส่งยิ้มไปให้คนตรงหน้า
ยามะจัง อึ้งนิดๆ ก่อนจะยิ้มรับอย่างเข้าใจในสิ่งที่เธอพูดออกมา
เหมือนพี่ชายคนโต ที่อมยิ้มและพยักหน้าน้อยๆ นั่นสินะ มันจะออกมาเป็นยังไง ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง
.
.
.
.
พอได้เข้าใจ อะไรๆแล้วก็รู้สึกดีจัง ต่อจากนี้ไป
“เอาล่ะ! เรียวจัง! มาปฏิวัติตัวเองกันเถอะ! เริ่มจากเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นอันดับแรก!” โซลลุกขึ้นยืน มือนึงเท้าเอว อีกมือนึงชี้มาที่ร่างเล็ก ที่ทำหน้าตื่นอย่างตกใจ
“อิอิ เชื่อเหอะน่า แล้วอะไรๆก็จะดีขึ้นเอง” โซลชูนิ้วโป้งให้อย่างมั่นใจ และพยายามโพสท่าที่ดูเท่ห์และน่าเชื่อถือสุดๆ จนทำให้พี่ชาย นั่งเหนื่อยใจอยู่บนเตียง ให้ตายสิ นึกว่าจะทำอะไรซะอีก
“อื้อ! งั้นฝากตัวด้วยนะ ท่านอาจารย์ ฮ่าๆๆ” ยามะจังยิ้มหัวเราะ นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เขาหัวเราะและยิ้มออกมาจากใจได้ เขาหวังไว้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้นอย่างแน่นอน
และแล้ว วันรุ่งขึ้นโซลก็จับยามะจังแพ็คใส่กระเป๋าและออกเดินทางไปแต่เช้าทันที และหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย จนพี่ชายตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้น ก็พอตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอใครเลยน่ะสิ พบเพียงกระดาษแผ่นเล็กแผ่นนึงที่เขียนข้อความสั้นๆไว้ว่า
‘อีกหนึ่งอาทิตย์จะกลับมา ไม่ต้องเป็นห่วง โทรเข้าเบอร์โซลได้นะ แต่ไม่โทรจะดีกว่า
โซล & ยามะจัง’
1 อาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกหก
“กลับมาแล้วจ้า! หิวข้าวจังเลย” เสียงใสแจ๋วดังขึ้นนอกประตูบ้าน ตอนที่ท้องฟ้าเป็นสีส้ม เตรียมเข้าสู่กลางคืน
“กลับมาแล้วฮะ! ผมก็หิวข้าวเหมือนกันนะ โซลจังมาช่วยยามะจังถือของหน่อยเซ่” ตามด้วยเสียงยามะจังที่บ่นกระปอดกระแปดตามมาด้วยเช่นกัน แต่การบ่นนี้แหละ ทำให้คนที่รอการกลับมาของพวกเขา รู้สึกดีใจยิ่งกว่าที่ รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ณ โรงเรียน
“ยามะจังกลับมาแล้วหรอ!!!” เสียงแหลมๆของชี่ดังขึ้น จนคนเข้ามาแทบผงะ
“อ๊ะ! ยามะจัง” ตามด้วยเคย์โตะ ที่กำลังเล่นมือถืออยู่ เงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเพื่อนตัวเล็กตะโกนชื่อ เพื่อนตัวกลมลั่นห้อง
“^^ อื้อ ชั้นกลับมาแล้ว” ยามะจังเดินยิ้มโบกไม้โบกมือเข้ามาหาเพื่อนรักอย่างร่าเริง
“ยามะจังหายไปไหนมา! รู้มั๊ยว่าพวกชั้นคิดถึงแล้วก็เป็นห่วงมากเลย” ชี่วิ่งมากอดเพื่อนตัวกลมอย่างอ้อนๆ และพูดด้วยน้ำเสียงงอนๆเล็กน้อย
“นั่นสิ ไม่บอกกันเลย พวกชั้นล่ะเป็นห้วงเป็นห่วง” เคย์โตะ ทำเป็นเดินมาอ้อนยามะจังบ้างจนชี่ เริ่มหมั่นไส้
“นี่ เคย์โตะ ออกไปไกลๆเลยนะ อย่ามาเลียนแบบชั้น คิดว่าน่ารักหรอทำงั้นอ่ะ”
“อะไร ชั้นก็อยากอ้อนยามะจังบ้างนี่ ชั้นก็คิดถึงเหมือนกันนะ ไม่ได้เลียนแบบซักหน่อยแล้วก็ไม่ได้จะให้คิดว่าน่ารักด้วย” เคย์โตะทำแก้มพองลม จนคนโดนแย่ง(กอด) แทบกลั้นหัวเราะไม่ได้ เฮ้อ มีเพื่อนมันดีอย่างงี้ล่ะน้า ไม่น่าเลยเรา (นึกถึงตัวเองเมื่อก่อน)
“นี่ อย่าทะเลาะกันเลยนะ ชั้นคิดถึงพวกนายมากๆเลย ขอโทษนะที่ไปแล้วไม่ได้บอก พอดีโซลจังชวนไปกระทันหันน่ะ ^^” ยามะจังตอบยิ้มๆ จนเพื่อนทั้งสองเริ่มหยุดแล้วหันมาหา
“ไปไหนกันมาหรอ?” ชี่เงยหน้าขึ้นมาถาม โดยที่มือยังคงพยายามปัดป่ายเคย์โตะอยู่
“แล้วไปทำไรหรอ” เคย์โตะถามขึ้นบ้าง มือก็ยังคงพยายามตอบโต้มือเล็กที่พยายามดันเขาออกห่างยามะจังอยู่
“อ๋อ เรื่องนั้นน่ะ
” ไม่ทันที่ ร่างอวบจะเอ่ยตอบ สองคนตัวปัญหาที่ทำให้เขาสูญเสียความเป็นตัวเองเป็นเหตุให้เขาต้องหายไป ‘ปฏิวัติกับโซลจัง’ มา ในช่วงก่อนหน้านี้ เดินเข้ามาในห้อง
เมื่อยูโตะ สังเกตเห็นว่า ยามะจังกลับมาแล้วก็รีบวิ่งเข้ามาหา โดยที่นานะยืนทำหน้าไม่พอใจอยู่ตรงหน้าห้องก่อนจะเดินตามเข้ามา
“ยูโตะคุงเป็นยังไงบ้าง” ยามะจังเอ่ยทัก ตากลมมองหน้าคนที่เค้ารักอย่างคิดถึง ไม่ได้เจอยูโตะตั้งอาทิตย์นึงแน่ะ พอวันนี้ได้เจอแล้วรู้สึกมีความสุขจัง
“ยามะจังนั่นแหละ เป็นยังไงบ้าง กลับมาแล้วหรอ ไปไม่บอกกันเลย เป็นห่วงแทบแย่รู้มั๊ย” ยูโตะ เอ่ยทำหน้างอนๆ พร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ มือหนาหยิกแก้มใสเบาๆ เหมือนกับทำเป็นลงโทษ จนเจ้าของแก้มรู้สึกดีใจจนแทบปริ ไม่นึกเลยนะว่า ไปปฏิวัติกับโซลจังแค่อาทิตย์เดียวก็ได้เจอเรื่องดีๆแบบนี้แล้ว ^^ มีความสุขจัง
จังหวะที่ยูโตะเอื้อมมือไปหยิกแก้มร่างเล็ก นานะตาโต แทบจะหลุดออกจากเบ้า สองมือกำแน่นที่ข้างลำตัว สายตาจับจ้องไปที่คนรัก? ของตนที่กำลังหยอกล้อ และแสดงความเป็นห่วง ศัตรูอย่างออกนอกหน้า เรียวสุเกะ นายนี่มัน
! นานะเม้นปากอย่างเคียดแค้น ก่อนจะเดินเร็วๆมากระฉากยูโตะออกจาก คนร่างอวบคนนี้
ยามะจังเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่เพื่อนรักอีกสองคนด้านข้างเนี่ยสิ คนนึงยิ้มหัวเราะอย่างสะใจ อีกคนนึกอยากจะเดินไปด่า ว่าไม่มีมารยาท
“นานะ ไม่ได้เจอกันตั้งนานนะ ^^ สบายดีมั๊ย” ยามะจังยิ้มเอียงคอและโน้มตัวเล็กน้อยไปใกล้ๆนานะ ที่ยืนอยู่ข้างๆยูโตะ นานะตกใจเมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของร่างอวบ นี่มันอะไรกัน! อาทิตย์ที่แล้วยังจิตตก ร้องไห้ตัวสั่นไปอยู่เลย แล้วนี่อะไรกัน ทำไมถึงเป็นแบบนี้!
นานะคิดแต่หารู้ไม่ว่าความคิดของตนถูกแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน โดยที่หล่อนไม่รู้ตัวเลย ยามะจังเมื่อเห็นคนตรงหน้าไม่ยอมตอบคำถาม ตนจึงตอบออกมาเอง
“แต่ชั้นสบายดีนะ
” และส่งยิ้มเรียบๆไปให้ จนนานะ รู้สึกหมั่นไส้ และเม้มริมฝีปากแน่น คิ้วขมวดกันจนเกือบจะชิด
นานะ ชั้นไม่ใช่คนที่เธอจะมาทำลายได้อีกต่อไปแล้วล่ะ ตอนนี้ชั้นเป็นตัวของตัวเองแล้ว และก็พร้อมที่จะลิขิตอนาคตของชั้นกับยูโตะเอง โดยไม่มีเธอ
To be con
มาต่อแล้ว เย่!! ตอนนี้เรียวจังดูแมนๆมั๊ย ฮ่าๆ ทำไมฟร๊า T^T คือ รู้สึกตัวเองแต่งให้เรียวจังน่าสงสารมามากพอแล้ว มากเกินไปด้วย คงถึงเวลาแล้วสินะ หึหึ เหอๆ จริงๆก็ไม่ได้จะให้ร้ายแล้วเอาคืนหรอกนะ แค่ไม่ร้องไห้ๆ จิตตกตัวสั่น เหมือนตอนที่ผ่านมาเท่านั้นเอง อิอิ
ความคิดเห็น