คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : [SF] ยามะได - Battle (ฟิคแปล)
Tittle: ARIYAMA – Battle
Author: miki_ichijo
บรรยากาศในห้องแต่งตัวชักเริ่มจะเปลี่ยนไป เมื่อใครสองคนกำลังตั้งท่าจะเริ่มทะเลาะกัน เซนเตอร์ทั้งสองจากกลุ่ม Best และ 7 ที่มองจากภายนอกนั้น ทั้งคู่ดูสนิทสนมกันราวกับเพื่อนสนิทแต่ปางก่อน แต่แท้จริงแล้ว ความเป็นจริงที่ไม่มีใครรู้ เรื่องของสัมพันธ์ที่แท้จริงกับความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้ นั่นสินะ ความสัมพันธ์ที่เปรียบได้ดั่ง หมากับแมวไม่มีผิด ฉันคิดว่าพวกคุณคงจะเริ่มรู้แล้วสินะ ว่าฉันหมายถึงใคร…
สมาชิก อีกแปดคนที่เหลือ เริ่มรู้สึกและเข้าใจถึงสถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างดี พวกเขาจึงเลือกที่จะทิ้งคนทั้งสองเอาไว้ในห้องแต่งตัว และพากันหนีออกไปข้างนอกแทน ในขณะนั้นโจทย์ทั้งสองก็ยังคงยืนมองหน้ากันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกันอยู่โดยไม่สนใจสมาชิกคนอื่นๆแต่อย่างใด
เหตุผลที่ทำให้ทั้งสองเริ่มเขม่นกันอีกครั้งในครั้งนี้ก็คือ เมื่อโปรดิวเซอร์คอนเสิร์ต Summary ในครั้งนี้ ต้องการให้หนึ่งในพวกเขาคนใดคนนึงแกล้งทำเป็นหล่นคงมาจากการเดินเชือกเส้นเดียวในครั้งนี้ ซึ่งแน่นอนทั้งคู่ไม่มีใครยอมเสียสละ จนเป็นเหตุที่ทำให้พวกเขาทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตายมาตลอดในสองวันที่ผ่านมานี้
“ฉันบอกนายแล้วนะ ว่านายจะต้องทำ ตามที่โปรดิวเซอร์เขาสั่งมา เรียวจัง!” คนอายุมากกว่าพูด
“อย่ามาทำเป็นเรียกชื่ออย่างกับว่าเราสนิทกันอย่างนั้นนะ เจ้าเพนกวิ้นเตี้ย! อีกอย่าง ฉันไม่มีวันทำตามที่นายบอกหรอก คนที่จะต้องแกล้งทำเป็นหล่นน่ะต้องเป็นนายต่างหาก!” เรียวสุเกะตอบ
“อ๊อ นี่นายอยากให้คนอื่นเรียกนายแบบนั้นมาโดยตลอดเลยงั้นเหรอ~ หรือจะให้ฉันเรียกนายว่า เจ้าสตอร์เบอร์รี่งี่เง่าดี!? ยิ่งไปกว่านั้น ฉันอายุมากกว่านาย เพราะฉะนั้นนายจะต้องทำตามที่ฉันสั่ง!”
“ฉันไม่ฟังนายหรอก ก็ใช่ นายอายุมากกว่าฉัน แต่ฉันแข็งแรงกว่านาย ที่สำคัญฉันก็สูงกว่านายด้วย!” เรียวสุเกะพูด พร้อมกับรอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้า
ไดกิหมดความอดทน คว้าคอเสื้อของเรียวสุเกะ “ฉันเกลียดที่สุดเวลาที่คนอื่นมาพูดกับฉันเรื่องส่วนสูง ดังนั้นหุบปากแล้วทำตามที่ฉันสั่งซะ!”
เรียวสุเกะพยายามดึงมือของไดกิออก แต่คนตรงหน้าดันผลักเขาล้มลงกับพื้นเสียก่อน ตอนนี้ไดกิคร่อมเรียวสุเกะเอาไว้ พร้อมกับมือที่ยังคงกำขอเสื้อของเรียวสุเกะเอาไว้ด้วยสายตาอันกราดเกรี้ยว
“มันเจ็บนะ รู้ไหมห๊ะ!” เรียวสุเกะท้วง “ปล่อยฉัน!” เรียวสุเกะพยายามจะดันไดกิออก แต่ไดกิเอื้อมไปจับเอวของเรียวสุเกะเอาไว้ พร้อมกับยึดขาของเรียวสุเกะให้อยู่ติดพื้น เรียวสุเกะหมดทางหนี
“ฉันไม่ปล่อย จนกว่านายจะทำตามที่ฉันสั่ง” ไดกิตอบ
ไดกิหัวเราะเยาะ “เห็นไหมล่ะ ว่าคนที่ชนะน่ะคือฉัน”
.
.
แม่งเอ๊ย! สถานการณ์แม่งล่อแหลมชะมัด! เรียวสุเกะคิด และเกิดรู้สึกเขินขึ้นมา แต่โชคไม่ดี ที่เรียวสุเกะถูกไดกิล็อกตัวเอาไว้ ทำให้คนอายุมากกว่ารู้สึกได้ถึงความคิดเขาเหมือนกันในทันที อีกฝ่ายก็เขินหน้าแดงออกมาจนควบคุมไม่ได้เช่นกัน
เอ๊ะ?
เอ๊ะ?
“เมื่อกี้มันเขินอย่างนั้นเหรอ?”
ทั้งสองเกิดความคิดเดียวกันขึ้นมา พร้อมกับสายตาที่เบิกกว้าง สถานการณ์ชักเริ่มจะแย่ลงอีกเรื่อยๆ บังเอิญ ฮิคารุ และ อิโนะ เดินผ่านมาพอดี
“โอ้ นี่พวกนายกำลังทำอะไรอยู่กันเนี่ย!? ละ แล้ว ทะ ทำไมถึงต้องไปนอนคร่อมกันอย่างนั้นด้วยล่ะ? ” ฮิคารุถามแล้วชี้ไปที่ทั้งสองคนข้างล่างที่กำลังมองเขาอยู่
“อย่ามาขัดการตู่สู้ของเราสองคนนะ ฮิคกะจัง” ไดกิพูดแล้วหันกลับไปมองเรียวสุเกะด้วยสายตาอันโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง ซึ่งเรียวสุเกะเองก็เช่นกัน
“อ่า พวกนายหมายถึง การต่อสู้ที่ว่าใครจะเป็นฝ่ายรุกงั้นสิ?” อิโนะที่ยืนอยู่หลังฮิคารุถามด้วยรอยยิ้มล้อเลียน
“อะไรนะ!” เด็กหนุ่มทั้งสองร้อง โดยที่ไม่มีใครกล้าหันไปสบตากันอีก
“ใครจะไปทำอะไรแบบนั้นกับเพนกวิ้นเตี้ยได้กัน! ถ้าทำจริงคนนั้นๆคงตาบอดแน่ๆ!” เรียวสุเกะแย้งพร้อมกับหัวเราะเยาะ
“เหอะ! คนที่ไปทำอะไรอย่างนั้นกับพวกบ้าสตอร์เบอร์รี่งี่เง่านี่ได้ จะต้องเป็นคนที่โง่ที่สุดในโลกแหงๆ!” ไดกินิ่วหน้า
ฮิคารุกับอิโนะยืนขำกับพฤติกรรมตลกๆของเด็กทั้งคู่ที่นอนกลิ้งกันอยู่ตรงหน้า เรียวสุเกะกับไดกิหยุดนิ่งเงียบกันได้ชั่วขณะก่อนที่อิโนะจะเริ่มแซวต่อ
“โอเคๆ ฉันรู้ๆ เราไม่กวนพวกนายหรอก งั้นพวกเราไปก่อนละ…” อิโนะพูดยิ้มๆ
“มันจะดีกว่านี้ ถ้าพวกนายไปเร็วกว่านี้นะ อิโนะจัง” เรียวสุเกะจ้องอิโนะ ฮิคารุกับอิโนะหัวเราะก่อนจะเดินจากไป และทิ้งทั้งสองไว้เบื้องหลัง
“เออใช่ เสร็จกันเมื่อไหร่ก็อย่าลืมมาบอกพวกเราด้วยนะว่า ใครรุก ใครรับ” ฮิคารุเดินวนกลับมาแซวคิกคักก่อนจะรีบวิ่งหนีออกไป
“ฮิคกะจัง ไปไกลๆเลยไป!” เรียวสุเกะตะโกนไล่
ตอนนี้เหลือเพียงแค่พวกเขาสองคนในห้องเท่านั้น ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง พวกเขาไม่รู้จะทำอย่างไรต่อดีหลังจากที่ฮิคารุกับอิโนะออกไปแล้ว สุดท้ายไดกิก็ตัดสินใจลุกขึ้นยืน ขยี้หัวตัวเองแบบงงๆอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้เรียวสุเกะยืนอยู่ในห้องคนเดียว
.
.
วันถัดไปเป็นวันที่ต้องขึ้นแสดงโชว์ซัมมารี่หลังจากที่ซักซ้อมกันมานาน ซัมมารี่ปีนี้ ทั้งยากและมากเรื่องกว่าเดิมเยอะ ประหม่ารึเปล่า? แน่นอนล่ะ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ทำมันจนสำเร็จ
ทุกคนๆต่างดีใจกัน ยกเว้นแต่ใครบางคนที่แลดูหัวเสียอย่างเหลือเกิน
เรียวสุเกะโยนผ้าขนหนูสำหรับเช็ดหน้าลงบนพื้นห้องอย่างหงุดหงิด เขาแลดูหงุดหงิดมาก ใบหน้าของเขาบอกอย่างนั้น ตอนนี้เรียวสุเกะเดินหลบเข้ามาอยู่ในห้องคนเดียว การแสดงในวันนี้เขาทำพลาดไป ใช่หมายถึงการแสดงน่ะ แสดงให้ดูว่าเขาทำพลาด เขายอมให้ไดกิผลักจนตัวเองหล่นลงมาจากเส้นเชือก มันไม่ใช่อุบัติเหตุร้ายแรงอะไร ไม่ได้เป็นแผล แต่มันก็แค่เจ็บ แล้วก็เจ็บใจ…บางทีนะ
ระหว่างที่เขากำลังนึกถึงเรื่องราวในวันนี้อยู่ เขาก็ได้ยินเสียงใครบางคนดังมาจากกำแพงห้องข้างๆ เรียวสุเกะเงี่ยหูฟังอย่างใช้สมาธิ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้หูฝาดไป
เรียวสุเกะก้าวออกไปยืนข้างนอก แง้มประตูดูห้องข้างๆอย่างระมัดระวัง เสียงแว่วๆที่ได้ยิน มันทำให้เขาอยากรู้ว่าใครอยู่ในนั้น
เรียวสุเกะตกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าภายในห้องคือสมาชิกของจัมพ์ ยืนอยู่ให้ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้ากันสองต่อสอง
“มานี่สิไดจัง มาฉลองความสำเร็จของคอนเสิร์ตวันนี้กัน” คนอายุมากกว่าจับไหล่ของไดกิ คนอายุน้อยกว่ายังคงได้แต่นิ่งเงียบและก้มหน้าก้มตาเก็บของของตัวเองต่อ
“ฉันบอกนายไปแล้ว ว่าฉันไม่ต้องการ ยูยะ” ไดกิตอบ
เรียวสุเกะขมวดคิ้ว ฮืม? ไม่เห็นเคยได้ยินว่าวันนี้เราจะมีฉลองกัน? เขาหมายถึงอะไรกัน? เรียวสุเกะนึกในใจ
“มานี่เถอะไดจัง จูบฉันสิ” ยูยะเอื้อมมากุมมือของไดกิเอาไว้ นิ้วยาวเล่นคลึงนิ้วของไดกิเล่น
เรียวสุเกะเบิกตากว้าง หา? นี่มันเรื่องอะไรวะเนี่ย!?
“ฉันบอกว่าไม่ไงยูยะ” ไดกิปฏิเสธชัดเจน เรียวสุเกะสังเกตเห็นยูยะที่กำลังทำหน้าไม่พอใจอยู่ข้างๆ
ทันใดนั้น ยูยะรวบมือของไดกิเอาไว้และดันไดกิติดชิดติดกับกำแพง ไดกิตกใจกับการกระทำของยูยะ เรียวสุเกะเองก็เช่นกัน
“ดะ เดี๋ยว ยูยะ”
“ฉันรอไม่ไหวแล้วไดจัง ยิ่งนายปฏิเสธ ฉันก็ยิ่งอยากจูบนาย อยากสัมผัสนาย อยากลิ้มรสร่างกายของนาย”
ไดกิเบิกตากว้าง ตากลมโตส่ายไปมาอย่างสับสน “ยูยะ นะ นายมันบ้าไปแล้ว” ไดกิพูดและพยายามดันตัวยูยะออก แต่นั่นทำให้ยูยะล็อกไดกิเอาไว้แน่กว่าเดิม คนใต้ร่างไร้ทางหนี
“ใช่ฉันมันบ้า ก็เพราะนายนั่นแหละที่ทำให้ฉันบ้า ไดจัง”
ไดกิรู้สึกหวาดกลัว ด้านนี้ของยูยะที่เขาไม่เคยเห็น ใช่ เขาไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับตัวตนของยูยะเลย ยูยะน่ากลัว ร่างกายของเขาเริ่มสั่นเทิ้ม
“ไม่ยูยะ นาย นายทำมันไม่ได้นะ”
“ทำไมล่ะ ทำไมฉันจะทำไม่ได้? มันความผิดของนายนะที่ทำให้ฉันต้องรอมานานขนาดนี้!”
ยูยะพยายามที่จะก้มลงไปจูบไดกิ แต่คนอายุน้อยกว่าเบี่ยงหน้าหนีไปทางด้านข้าง ยูยะเปลี่ยนเป้าหมายไปกัดใบหูและซุกไซร้ซอกคอของไดกิแทนอย่างโมโห
ไดกิขบฟันแน่น กลัว เขากลัว…
เรียวสุเกะเบิกตากว้างกว่าเดิมกับสิ่งเหลือเชื่อที่เขามองเห็นอยู่ตรงหน้า ทำยังไงดี เขาควรจะทำยังไงดี
“มะ ไม่ มะ ไม่นะ ยูยะ หยุด” ไดกิพยายามจะที่จะปลดมือยูยะออก ยูยะบีบมือที่ล็อกไดกิเอาไว้แน่นกว่าเดิม “มะ มันเจ็บ ยู ยูยะ ฉันเจ็บ”
“หึ แล้วมาดูกันว่าถ้าฉันทำมากกว่านี้มันจะเป็นยังไง” ยูยะยิ้มเยาะ จับมือไดกิสองข้างขึ้นสูงเหนือหัวของเจ้าตัวและบีบบล็อกเอาไว้จนแน่ มืออีกข้างกระชากเสื้อเชิ้ตของไดกิจนหลุดออกมา เผยเห็นไหล่ขาว
“ไม่!! ยูยะ หยุด!!” ไดกิร้องอย่างบ้าคลั่ง น้ำตาเม็ดโตไหลร่วงพรูออกมาอย่างไม่ขาดสาย เขาพยายามที่จะหนีออกไปจากยูยะ แต่เขาหนีออกไปไม่ได้
ยูยะยังคงทำร้ายไดกิต่อไป จนกระทั่งเขาเห็นใครบางคนยืนอยู่ตรงหน้า
.
.
“ขอโทษที ฉันแค่จะเข้ามาเอาเสื้อของฉันน่ะ” เรียวสุเกะเดินเข้ามาแสร้งทำเป็นหาของของตัวเองไป และก็เลือกหยิบชุดๆนึงติดมือขึ้นมา
ยูยะตกใจกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเรียวสุเกะจนเผลอปล่อยมือที่พันธนาการไดกิเอาไว้ คนอายุน้อยกว่า เมื่อถูกปลดปล่อยก็ล้มลงนั่งทันที
ไดกิพยายามรวบเสื้อเชิ้ตของตัวเองที่หลุดลุ่ยให้ปกปิดร่างกายของตัวเอง
ยูยะถลึงตาใส่เรียวสุเกะที่เข้ามาขัดขวางเขา
เรียวสุเกะเดินไปถึงหน้าประตูก่อนจะหันหลังกลับมา
“อ่ะไดจัง นายสัญญาไว้ไม่ใช่หรอว่าจะมาสอนเทคนิคพูด MC ให้ฉันวันนี้น่ะ หรือว่านายลืมห๊ะ?” เรียวสุเกะถาม
ไดกิหันไปมองหน้าเรียวสุเกะด้วยเครื่องหมายคำถาม “เอ๊ะ?”
“อย่ามา ‘เอ๊ะ?’ กับฉันนะ ให้ตายสินายลืมจริงๆด้วย เหอะ งั้นมากับฉันเดี๋ยวนี้เลย ฉันต้องรับผิดชอบ MC ของวันพรุ่งนี้ ” เรียวสุเกะพูดขึ้นอีกครั้ง
ไดกิมองหน้าเรียวสุเกะแล้วคิดในใจ ฉันจำได้ว่าไม่เคยไปสัญญาอะไรแบบนั้นกับเรียวสุเกะนะ
.
.
“….อ่ะ โอเค” ไดกิเอ่ยขึ้นในที่สุด เรียวสุเกะยิ้ม ไดกิเข้าใจในสิ่งที่เรียวสุเกะกำลังพยายามจะช่วยเขา ไดกิชำเลืองมองยูยะ ก่อนจะรีบดินตามหลังเรียวสุเกะออกไป เขาได้ยินเสียงยูยะปาอะไรบางอย่างลงในห้อง แต่เขามั่นใจว่า ยูยะไม่มีทางทำอะไรที่เป็นอันตรายแน่นอน
ผ่านไปซักพัก ไดกิเริ่มใจเย็นลง และพยายามจะเอ่ยปากขอบคุณเรียวสุเกะ “อ่ะ เอ่อ ขอบคุณ”
เรียวสุเกะหยุดเดิน
“อย่าเข้าใจผิด ฉันแค่ผ่านไปเท่านั้น ฉันก็เลย…” เรียวสุเกะยังคงพูดต่อโดยไม่หันหน้ามาหา
“ก็บอกว่า ขอบคุณไง…”
.
.
…เรียวสุเกะพยักหน้ารับก่อนจะออกเดินต่อ
“เดี๋ยวสิ! ฉันควรจะตอบแทนความใจดีของนายยังไงดี!? คือแบบ เอ่อ นายก็รู้ เรา…ทะเลาะกันอยู่ตลอด” ไดกิพูดประหม่า
เรียวสุเกะหยุดเดินอีกครั้งแล้วหันหลังเดินกลับมาที่ๆไดกิยืนอยู่
“งั้นก็จ่ายมาด้วยร่างกายของนายสิ! ฉันจำไม่ได้ซักนิดที่จะให้นายต้องมาตอบแทนฉัน!” เรียวสุเกะตะคอกเสียงดัง “ชิ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยที่นายดันโง่ปล่อยตัวจนโดนเขาทำอะไรอย่างนั้นน่ะ!” เรียวสุเกะพูดอีกครั้งด้วยใบหน้าที่ห่างกันไม่แค่กี่เซนต์
ไดกิช็อกกับคำพูดของเรียวสุเกะ เขาก้มหน้าแล้วพูดคำว่าขอโทษ “ขอโทษ…” ไดกิกลัวใบหน้าของเรียวสุเกะที่กำลังโมโหอยู่ในตอนนี้ เขาจึงเลือกที่จะก้มหน้าไปคุยกับพื้นแทน
ในตอนนั้น เขารู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูกเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่เขาได้เห็นหน้าอันเศร้าหมองของไดกิในตอนนี้ เพราะคำพูดของเขา ชิบ! เราแม่งบ้าที่ไปพูดแบบนั้นทั้งๆที่เขาพึ่งเจอเรื่องร้ายแรงไปเมื่อตะกี้! เก่งมากเรียวสุเกะ นายทำให้เขาเจ็บกว่าเดิมอีกนะรู้ตัวไหมวะ!
.
.
“เอ่อ ฉันขอโทษ ฉันไม่ควรจะพูดแบบนั้น…”
เรียวสุเกะกล่าวคำขอโทษและทำท่าจะหันกลับไปเดินต่อ แต่ไดกิดึงเสื้อเชิ้ตของเขาเอาไว้
“ไม่ นายพูดถูกแล้วล่ะ เรียวสุเกะ มันเป็นความผิดของฉันเอง ขอบคุณที่เข้าไปช่วยตอนนั้นนะ และก็ขอให้นายลืมเรื่องในวันนี้ไปซะเถอะนะ” ไดกิพูดเสียงเศร้าและออกเดินนำเรียวสุเกะออกไป
.
.
“อ๊ะ เดี๋ยว! พื้นตรงนั้นมันเปียกอยู่นะ!” เรียวสุเกะเอื้อมมือออกไปคว้ามือของไดกิเอาไว้
.
.
ผลั่ก!
ทั้งคู่ล้มลงไปนอนกับพื้น ไดกิไม่ได้ทันสังเกตว่าพื้นตรงนั้นเปียกอยู่ และตอนนี้ใบหน้าของเรียวสุเกะอยู่ห่างกับเขาเพียงแค่คืบเดียวเท่านั้น ดวงตาของทั้งคู่สบกันราวกับสวรรค์บันดาลมา
.
.
.
เราไม่เคยรู้สึกตัวเลยมาก่อนเลย ว่าดวงตาคู่นี้มันงดงามแค่ไหน มันทั้งใสซื่อ และบริสุทธิ์ เรียวสุเกะพูดกับตัวเองในใจ
นี่มันความรู้สึกอะไรกัน? ดวงตาของเรียวสุเกะราวกับจะสะกดเราเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหน เหมือนติดกับดัก ทำไมหัวใจของเรามันถึงได้พองโตขนาดนี้? ไดกิถามตัวเอง
ในขณะที่วินาทีอันแสนมีค่าของทั้งสองกำลังดำเนิน มารผจญ? อย่างฮิคารุ กับ อิโนะ ก็โผล่มาอีกครั้งได้อย่างพอดิบพอดี
“โอ๊ะ โอ~ นี่พวกนายตัดสินกันได้แล้วหรอว่าใครจะรุกน่ะ~” อิโนะยิ้มและล้อเลียนคนทั้งคู่
“สู้ๆนะยามะจัง~” ฮิคารุตบไหล่เรียวสุเกะอย่างแรงก่อนจะรีบชิ่งหนีไป คู่หูฮิคกะอิโนะหัวเราะคิกคักหลังจากหนีออกมาได้ไกลแล้ว
.
.
.
“เหอะ ใช่สินะ เราตัดสินกันได้แล้ว สรุปว่าคนที่ชนะเนี่ย ก็คือ ฉัน ใช่ไหม ไดจัง? ” เรียวสุเกะทำท่ายิ้มเยาะตามแบบฉบับ ก่อนจะก้มลงไปปิดปากของไดกิด้วยริมฝีปากของเขาก่อนที่ไดกิจะได้แย้งอะไร
แต่เพียงแค่แป๊บเดียว เรียวสุเกะก็ถอนริมฝีปากออกมา
“ไดจัง อย่าปิดปากเวลาที่เราจูบกันสิ!” เรียวสุเกะชี้นิ้วมาที่ลิ้นของตัวเอง
“เอ๊ะ?” ไดกิหลุดปากออกมาอย่างสงสัย เรียวสุเกะอาศัยจังหวะที่ไดกิเผยอปากขึ้นมานั้น ก้มลงไปจูบอีกครั้ง ทั้งหยอกล้อกับลิ้นเล็ก และขบดูดริมฝีปากล่างจนพอใจ ละจูบออกมาเป็นระยะเพื่อหายใจ ก่อนจะก้มกลับลงไปจูบกันใหม่จนทั้งคู่ ครั้งแล้วครั้งเล่า
ไดกิฮึดฮัดต่อต้านในตอนแรก แต่จูบของเรียวสุเกะนั้นมันช่างหวานจนเขาติดใจ แต่มันก็เปรียบเหมือนทั้งสวรรค์และนรก
เรียวสุเกะเงยหน้าขึ้นมาพิจารณาใบหน้าแดงที่กำลังพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดให้ได้มากที่สุดตรงหน้าของเขา
“ไดจัง นายเขินหรอ” เรียวสุเกะยิ้ม
“เงียบไปเลย…” ไดกิทำหน้าบึ้ง เรียวสุเกะยิ้มไม่พูดอะไร ก่อนจะก้มลงไปจูบริมฝีปากนั้นอีกครั้ง…
.
.
.
โซล: โอยยยยยย เดี๋ยวนี้พัฒนาไปแปลฟิคแทน กร๊ากกกกกกกกกกกก! ไม่ไหวอ่ะ ยามะได อ๊ากกกกกก T^T!! แบบเพ้อมากกกกกกก มากกกกกกกกกกกก ว๊ากกกกกก! แฟนต่างประเทศเขาเรียกว่าอาริยามะไง แต่ส่วนใหญ่จริงๆก็ยามะได (รึเปล่า) แต่ทำไมแต่งแต่ดราม่ากัน = = เผลออ่านไปเรื่องนึง เฉือนจิตมากอ่ะ เข็ดเลย แต่มาเจออันนี้ซะก่อน กร๊ากกกกกกกกก ชอบบบบบบบ ชอบไม่ไหวเลยต้องแปลลง (นั่น) วะฮ่าฮ่าๆ! ไดยามะเรียลลิตี้ ! (ยามะไดก็ได้) เดี๋ยวแปลอีกเรื่อง กร๊ากกกกก แปลเร็วม๊ากมาก (เมพ) หรือเพราะมันเรียลหว่า? หึหึ
ชอบเรื่องมากๆ ตอนแรกก็คิดว่าทำไมติดใจขนาดนี้ จริงๆมันก็ไม่ได้มีอะไร แต่พอมาอ่านอีกรอบแล้วแปลก็รู้สึกว่า อา คาแรคเตอร์เรียวจังเรื่องนี้เหมือนพี่คิลเลยอ่ะ (คนอ่านงง ใครวะ?) =w= นั่นแหละ ดังนั้น…มาเรียลลิตี้กันเต๊อะ! (โด่วนึกว่าจะพูดไร)ื
ความคิดเห็น