คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 11 ความเข้มแข็ง
เช้าวันอังคาร ร่างเล็กค่อยๆลุกขึ้นมาจากเตียงนอนและเดินออกไปเปิดหน้าต่าง
“ยูโตะ
” ชื่อของใครบางคนหลุดออกมาจากปาก ใครบางคนที่เป็นที่รัก ร่างเล็กมองออกไปที่ด้านนอกหน้าต่าง เห็นนกน้อยสองตัว กำลังร้องเพลงเคียงคู่กันอย่างมีความสุข มันเป็นความสุขเล็กๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความรักที่ลึกซึ้ง
ยามะจังค่อยๆคลี่ยิ้มสวยออกมา เพื่อเป็นการแสดงความยินดีกับนกน้อยทั้งคู่
“ชั้นยังคอยรอวันที่ชั้นและนายจะได้มาเคียงคู่กันเหมือนนกน้อยทั้งสองนี้นะ”
หลังจากอาบน้ำแต่งตัว ยามะจังก็เดินลงมาทานอาหารเช้าข้างล่างทันที โดยหันไปเห็นพี่ชายแก้มป่องนั่งคอยอยู่ก่อนแล้ว
“อรุณสวัสดิ์ไดจัง อรุณสวัสดิ์ฮะ คุณป้า” ยามะจังเอ่ยคำทักทายยามเช้า กับพี่และป้าของเขา
“อรุณสวัสดิ์ยามะจัง หลับสบายมั๊ย” ไดกิถามอย่างยิ้มแย้ม
“อ้าว เรียวสุเกะ ลงมาแล้วเหรอจ๊ะ เติมข้าวได้ไม่อั้นเลยน้า” คุณป้าก็ทักทายเขาอย่างยิ้มแย้มเหมือนกัน
“ฮะ เติมแน่นอน หลับสนิทเหมือนเดิมแหละไดจัง” ยามะจังวางกระเป๋าไว้ด้านข้าง พร้อมกับรับถ้วยข้าวจากคุณป้า และลงมือทันที
ว่าแต่เราลืมอะไรไปรึเปล่าน้า ยามะจังคิด แต่ก็ยังคงนั่งกินต่อไป
“ไดกิ แล้วน้องล่ะลูก” คุณป้าถามถึงลูกอีกคนผู้เป็นน้องไดกิ
น้องไดจัง? เออใช่! โซลจังล่ะ!
“ลืม โซลจังไปเลย! โซลจังยังไม่ลงมาหรอไดจัง” เราลืมโซลได้ยังไงนะเนี่ย (ถูกลืมง่า)
“ห๊ะ อ๋อ ไปตั้งนานแล้ว แม่ไม่เห็นหรอ” ไดจังตอบขณะที่กำลังจะยกซุปขึ้นมาดื่ม
“ตายจริง คงออกไปตอนแม่เข้าห้องน้ำแน่ๆเลย แล้วทำไมน้องไม่กินข้าวก่อนล่ะ จะรีบออกไปไหนแต่เช้านะ”
“เห็นว่า มีเรื่องต้องทำน่ะฮะ ฮู้ อิ่ม ไปกันเหอะ ยามะจัง” ไดกิวางถ้วยและหันไปคว้ากระเป๋า
“อื้อๆไปกันเหอะ ผมไปนะคร๊าบบ”
“ไปแล้วนะคร๊าบบ”
“ระวังตัวด้วยนะลูก!”
ไดกิและยามะจัง ออกเดินไปตามทางสายประจำ ฟ้าสีครามสดใส อากาศยังคงเย็นสบายอยู่ แม้ว่าอีกไม่นานจะเริ่มเข้าฤดูร้อนก็ตามที
“นี่ไดจัง ทำไมโซลจังถึงไม่เรียนที่เดียวกับเราล่ะ” ยามะจังถามขึ้น
“อ๋อ เห็นว่า โรงเรียนเรามันไม่ถูกโฉลกกับตัวเค้าน่ะ ชั้นก็ไม่เข้าใจเหมือนกันแหละ” ไดกิส่ายหัวเบาๆ
“เห แสดงว่าโซลจัง เขามีความรู้เรื่องโหรศาสตร์มากพอดูเลยสิเนี่ย”
“ไม่หรอก เขาจะรู้ก็แค่บางเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเองและคนใกล้ชิดเท่านั้นแหละ ส่วนคนอื่นนั้น เวลาทำนายก็เปิดตำราเอาน่ะ หรือไม่ก็บางทีก็จะรู้ได้เองซะงั้น ทั้งๆที่ไม่รู้จักกันก็มีนะ อย่างยูโตะไง” ไดกิอธิบาย
ยูโตะ
เมื่อได้ยินชื่อนี้แล้ว มันรู้สึกปวดแปล๊บที่หัวใจ เหมือนกับมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเข้ามาอย่างไงอย่างงั้น นั่นสินะ วันนี้เราจะกล้าไปเจอหน้ายูโตะรึเปล่านะ ไม่สิ จะกล้ามองดูนานะกับยูโตะอยู่ด้วยกันรึเปล่าต่างหาก
มือเล็กข้างซ้ายกำด้ายแดงที่มือขวาแน่น
‘ไม่ เราต้องเข้มแข็ง’ ยามะจังพูดกับตัวเองในใจ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น เพื่อสะกดกั้นความกลัวและความกังวลเอาไว้ พลางหันไปตอบพี่ชายด้วยสีหน้าปกติ
“เอ๋ งั้นหรอ ถึงว่าสิ เค้าไม่เคยพูดถึงหรือดูดวงให้ชั้นเลย ที่แท้ก็ดูไม่ได้นี่เอง”
“ใช่ๆ ก็นะ มันเป็นเหมือนสัมผัสที่หกมากกว่า ส่วนเรื่องดูดวงนั้น เห็นว่าเงินเยอะดีเลย ลองฝึกดูน่ะ ฮ่าๆ เด็กคนนี้นี่คิดแต่เรื่องเงินจริงๆ” ไดกิหัวเราะอย่างขำๆเมื่อนึกถึงน้องสาว (เงิน! $o$)
ทั้งคู่คุยกันไปเรื่อยๆจนถึงห้องเรียน ยามะจังเดินเข้ามาในห้อง เห็นชี่และเคย์โตะนั่งรออยู่แล้ว
“อรุณสวัสดิ์” ยามะจังเอ่ย ทักเพื่อนทั้งสองอย่างยิ้มแย้ม นั่นสินะ นอกจากไดจังกับโซลจังแล้ว เรายังมีชี่กับเคย์โตะอยู่นี่นา เราต้องไม่ทำให้เขาเป็นห่วงสิ เราต้องเข้มแข็ง มือเล็กเอื้อมไปจับด้ายเส้นแดงอีกครั้ง
“อรุณสวัสดิ์ยามะจัง” ชี่เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม
“ดีจ้าๆๆๆ เมื่อคืนฝันถึงชั้นบ้างมั๊ย ฮ่าๆๆ” เคย์โตะ ก็ทักทายอย่างร่าเริงเช่นกัน เห็นอย่างงี้แล้ว ร่างเล็กก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา เมื่อเห็นรอยยิ้มของเพื่อนทั้งสอง
“ห๊ะ ทำไมชั้นต้องฝันถึงนายด้วยล่ะ ฮ่าๆ”
“โหๆๆ ยามะจังแรงนะเนี่ย ชี่นายไปสอนให้ยามะจัง ด่าชั้นใช่มั๊ย” เคย์โตะทำหน้าบึ้ง และหันไปเอาเรื่องเพื่อนตัวเล็กข้างๆ
“อะไรๆ ยามะจังเขาอยากด่าเองต่างหาก ช่วยไม่ได้ อย่างนายใครเห็นก็หมั่นไส้” ชี่ทำหน้าเบ้
“ชิส์ งอน!” เคย์โตะ เมินหน้าหนีแล้วทำแก้มป่อง
“แหวะ คิดว่าน่ารักแล้วเหรอ ห๊า” ชี่แขวะเข้าให้
“ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆๆ ขำอ่ะ ฮ่าๆ” ยามะจังหัวเราะจนท้องแข็งกับเพื่อนที่แสนตลกของเขา
“โห ขำทำไมอ้ะ ยามะจังใจร้ายยย” เคย์โตะทำเป็นพูดงอนๆแต่ก็อดแอบยิ้มออกมาไม่ได้ ชี่เองก็เช่นกัน ที่จริงพวก
เขายังกังวลกันอยู่ว่า เพื่อนคนนี้จะซึมเศร้าไปแค่ไหน เลยรีบนัดกันมารอที่โรงเรียนแต่เช้า แต่ในเมื่อเห็นเพื่อนหัวเราะอย่างงี้ พวกเขาก็ดีใจแล้วล่ะ
ขณะบรรยากาศกำลังเป็นไปได้ดีอยู่นั้น
“หวัดดี” ยูโตะเดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ที่เปี่ยมไปด้วยความสุขสุดๆ แถมด้วยสายตาที่เหมือนจะดูเพ้อตลอดเวลาเสียด้วย
“อ๊ะ อรุณสวัสดิ์นะทุกคน ยูโตะเดินมาก่อนก็ไม่บอก” นานะเดินตามเข้ามาอีกคน ถึงที่ปุ๊บก็คล้องแขนยูโตะปั๊บ
ชี่ เคย์โตะ รวมทั้งยามะจัง ตกใจในการแสดงออกอันโจ่งแจ้งข้ามวันของนานะ
“ขอโทษน้า ชั้นเห็นนานะคุยกับอาจารย์น่ะ เลยหลบออกมาก่อน” ยูโตะ หันไปพูดขอโทษนานะ ด้วยสีหน้าอ้อนๆ
ยูโตะเปลี่ยนไปขนาดนี้แล้วหรอ! ไม่เว้นแม้แต่การกระทำและการแสดงออก แต่รวมไปถึงสายตา ที่เปลี่ยนไปอีกด้วย
ยามะจัง ไม่ได้สังเกตถึงเพียงนั้น เขาเห็นเพียงแค่ภาพที่ยูโตะหยอกล้อกับนานะ อย่างมีความสุข หรือที่เรียกว่า กำลังมีความรัก ใจร่างเล็กเริ่มสั่นเทิ้มอีกครั้ง น้ำตาเริ่มเตรียมพร้อมที่จะรินไหลออกมาจากดวงตาที่แสนอ่อนแอนี้ ยามะจังพยายามคุมตัวเองไม่ให้สั่นจนเกินไปจนเพื่อนๆรวมทั้งยูโตะและนานะจะสังเกตเห็นได้ ความพยายามที่จะสะกดกลั้นน้ำตาที่ใกล้จะไหลออกมาในไม่ช้า มือซ้ายที่สั่นเทา พยามที่จะขยับไปสัมผัสด้ายแดงเตือนใจอีกครั้ง เพื่อเตือนสติและให้กำลังใจตัวเอง
เมื่อเห็นยามะจังเงียบไป เพื่อนรักทั้งสองต่างตกใจและเป็นห่วงร่างเล็กที่กำลังนั่งเงียบเป็นอย่างมาก จึงหันไปต่อว่าคนทั้งสองที่จี๋จ๋ากันอยู่
“พวกนายน่ะ จะมาจู๋จี๋กันก็ไปไกลๆ ไป๊ อย่ามาอยู่แถวนี้” ชี่แว้ดลั่นห้อง โชคดีที่เพื่อนๆยังมาไม่มากนัก จึงไม่เกิดการฮือฮามากขึ้นเท่าไร
เคย์โตะเอง ก็เกือบจะกลั้นใจส่งหมัดไปที่เพื่อนรักไม่ไหว แต่ต้องพยามอดทนไว้ เพราะไม่งั้นเรื่องอาจรุนแรงกว่านี้
“ชี่ นายเป็นอะไรน่ะ ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วยล่ะ ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ อีกอย่างชั้นไม่ได้จู๋จี๋กันซักหน่อย” ยูโตะพูดอย่างมีอารมณ์เล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นเขินหน้าแดง เมื่อมาถึงตอนที่พูดเรื่องนานะ
นานะยืนมองหน้ายูโตะกับชี่สลับไปมา โดยที่ตอนนั้น ยามะจังยังคงนั่งเงียบอยู่ และเบินหน้าออกไปด้านนอกหน้าต่าง
ชี่เห็นยูโตะเปลี่ยนท่าทางไปจึงหงุดหงิดยิ่งกว่าเก่า แต่ก่อนที่ตนจะพูดต่อไปนั้น
“อ๋องั้นหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยอย่าแสดงออกต่อหน้าเพื่อนสิ! รู้มั๊ยว่าพวกชั้นไม่ชอบ!” เคย์โตะที่ดูเหมือนจะนั่งอดทนมานาน ลุกขึ้นและสถบออกมาอย่างรุนแรง จนยามะจังถึงขนาดสะดุ้งและหันหน้ากลับมาที่เพื่อนๆ
“อ่ะ
เคย์โตะ นายก็เป็นไปด้วยเหรอเนี่ย” ยูโตะชักสีหน้าเครียด ชี่น่ะเขาพอเข้าใจ ขี้หงุดหงิดมานานแล้ว อาจจะทะเลาะกับพี่ยูยะมาก็ได้ แต่เคย์โตะด้วยเหรอเนี่ย! หรือว่า ทะเลาะกับน้องริวมาอีกคน?
“ชั้นเป็นก่อนชี่อีกจะบอกให้ ถ้าเข้าใจแล้วก็ไปทำกันที่อื่นไป๊” เคย์โตะไล่ หน้าเริ่มแดงขึ้น เมื่อยูโตะยังคง ส่งสายตา งุงงงมาให้เขาอีก นี่มันเข้าใจอะไรมั๊ยเนี่ยย
“เดี๋ยวสิ เคย์โตะคุง ยูริคุง ทำไมพวกเธอต้องขึ้นเสียงด้วยล่ะ เราเพื่อนกันไม่ใช่หรอ พูดกันดีๆก็ได้นี่นา ถ้าพวกเธอไม่ชอบชั้นก็จะ
” นานะพูดไม่ทันจบ
“เพื่อน? ชั้นไม่ใช่เพื่อนเธอ! ยูโตะคนเดียวต่างหาก ส่วนเธอ ไม่ใช่!” ชี่พูดแทรก
“อ่ะ ยูริคุง” นานะชัดหน้าเครียดและตกใจ ถอยไปหลบหลังยูโตะ
“นี่พวกนาย มันจะมากไปแล้วนะ! ชั้นเข้าใจว่าพวกนายทะเลาะกับแฟนมา แต่ก็อย่ามาพาลที่นานะสิ! ที่ชั้นคนเดียวยังพอว่า แต่ทำไมต้องมาพูดอย่างงี้กับนานะด้วย!”
ยูโตะกระแทกน้ำเสียง ทำไมสองคนนี้ถึงพูดไม่ดีกับนานะล่ะ! นานะเป็นคนรักตามพรหมลิขิตของชั้นนะ! ทำไมพวกนายถึงไม่รักเค้าเหมือนชั้นล่ะ เมื่อกี้นายยังบอกเลยว่าเราเป็นเพื่อนกัน แล้วทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะ!
“ทะเลาะกับแฟน?” เคย์โตะและชี่พูดขึ้นมาพร้อมกัน มันพูดเรื่องอะไรน่ะ
“ดูอย่างยามะจังสิ ยังเงียบไม่เห็นว่าอะไรพวกชั้นเลย ใช่มั๊ยยามะจัง” ยูโตะหันไปพูดกับยามะจัง
ยามะจังสะดุ้งเมื่อโดนพูดอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป พร้อมกับก้มหน้าลงด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“ยามะจัง
” ยูโตะโพล่งเรียกยามะจังออกมาเบาๆ นี่ยามะจัง ก็เป็นไปด้วยเหรอ!
เคย์โตะเห็นท่าทีของยามะจังแล้ว เลยรีบไปจับยูโตะให้ออกมาห่างๆยามะจังทันที
“นายไม่ต้องไปพูดอย่างนั้นกับยามะจังเลยนะ ไม่เห็นหรอว่ายามะจังรู้สึกยังไงน่ะ!” เคย์โตะพูดออกมาอย่างเหลืออด
“ห๊ะ นายพูดเรื่องอะไรน่ะ” ยูโตะทำหน้างง สงสัยกับคำพูดของเคย์โตะ ส่วนนานะ เมื่อได้ยินเคย์โตะพูดจึงหันไปจ้องยามะจังด้วยสีหน้าเอาเรื่องแทบจะทันที
พอดีว่าชี่สังเกตเห็นเข้าให้
“เธอมองเพื่อนชั้นแบบนั้นมีอะไรหรือไงห๊ะ” ชี่ส่งสายตาอาฆาตไปให้ นานะยกมือขึ้นมาเกาะแขนเสื้อยูโตะ ราวกับหาที่ป้องกัน
“พอได้แล้ว!” ยามะจังลุกและพูดเสียงดัง
“แต่ยามะจัง
” ชี่และเคย์โตะพยายามจะพูดต่อ
“พอเหอะ ชี่ เคย์โตะ” พร้อมกับค่อยๆหันหน้าไปทางยูโตะและนานะที่ยืนหน้าเครียดอยู่อีกด้านนึง ด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา
“พะ พวกเธอสองคนไปนั่งที่ไป” น้ำเสียงที่สั่นเครือเหมือนร่างกาย ถูกขับออกมาเบาๆจนแทบไม่ได้ยิน
ยูโตะพยักหน้าและพานานะกลับไปนั่งที่ และยามะจังก็นั่งลงด้วยเช่นกัน
ชี่และเคย์โตะเห็นดังนั้นก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ จึงกลับไปนั่งที่ตัวเอง
และคาบเรียนภาคเช้าก็เริ่มขึ้นต่อไป แม้จะถึงเวลาอาหารกลางวัน แต่ก็ยังไม่มีใครคุยกันเลยซักนิดเดียว ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตากินกันไป
แต่กลับมีคนๆหนึ่งที่กำลังยามะจังด้วยสีหน้าชิงชังอยู่
หลังทานอาหารกลางวันเสร็จทั้งห้า ก็เดินไปนั่งที่โต๊ะหินอ่อนหลังโรงเรียนด้วยกัน อย่างเงียบๆ
เวลาผ่านไปซักพัก ชี่ก็ตัดสินใจทำลายความเงียบขึ้นมา
“ยูโตะ ชั้นไม่ได้ทะเลาะกับพี่ยูยะหรอกนะ” ชี่พูดขึ้นโดยที่สายตาไม่ได้จับจ้องมาที่เพื่อน
“เอ๊ะ” ยูโตะหันไปมองหน้าชี่อย่างสงสัย รวมถึงนานะและยามะจังด้วยอีกคน
“ชั้นก็เหมือนกัน ไม่มีทางทะเลาะกับริวจังได้หรอก” เคย์โตะพูดขึ้นบ้างแต่ก็ไม่ได้มองมาทางยูโตะอยู่ดี
เป็นเพราะทั้งสองกำลังขัดเขินที่จะพูดกันซึ่งๆหน้า แม้ว่าเขาจะโกรธยูโตะมากๆ แต่ยังไงพวกเขาก็เป็นเพื่อนรักกันจึงไม่อยากที่จะให้เกิดบรรยากาศดังเช่นวันนี้อีก
ยามะจังรู้ว่าเพื่อนทั้งสองคิดอะไรอยู่จึงยิ้มขึ้นน้อยๆ โดยที่มือซ้ายกำข้อมือขวาที่มีด้ายแดงผูกเอาไว้อยู่ใต้โต๊ะแน่น
บรรยากาศค่อยๆดีขึ้น โดยที่ยูโตะเป็นฝ่ายชวนคุยด้วยก่อน ยามะจังก็รู้สึกผ่อนคลายลง จึงสามารถจะตอบโต้เพื่อนๆได้บ้าง เพียงแต่มีอยู่คนนึงที่นั่งเป็นผู้ฟังอย่างเดียว เพราะกลัวจะโดนชี่กับเคย์โตะหาเรื่องอีก
แต่อยู่ๆ
“เรียวจัง
”
“ว๊ากกกกก”
“เหวอออออ”
“แว้กกกกกกก”
“เฮ้ยยยยยยย”
“กรี๊ดดดดดด”
ทั้งห้าคนร้องเสียงหลงอย่างตกใจ ก็อยู่ดีๆใครก็ไม่รู้ก็โผล่มายืนข้างๆไม่ให้ซุ่มให้เสียงน่ะสิ แถมเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือจากตรงไหนก็ไม่รู้
โซลยืนเท้าสะเอวมองมาที่คนทั้ง ห้า ด้วยสีหน้างอนๆเล็กน้อย
“ตกใจอะไรกันนักหนา ไม่ใช่ผีซักหน่อย”
“อะ
โซลจัง! ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ!” ยามะจังรู้สึกตัว และตกใจที่เห็นโซลที่ตอนนี้ควรจะอยู่ที่โรงเรียนดันโผล่มายืนข้างๆเขาซะได้
“เก่งป้ะล่ะ” โซลยิ้มอย่างภูมิใจในความสามารถตัวเอง นั่นก็เพราะ ปกติโรงเรียนเค้าห้ามคนนอกเข้าไงล่ะ แถมตอนนี้ยังเป็นเวลาเรียนอยู่อีกต่างหาก
“คะ ใครอ้ะ ยามะจัง” ชี่ร้องถาม
“อ๋อ นี่ญาติชั้นเอง เป็นน้องสาวไดจังน่ะ”
“สวัสดี อาริโอกะ โซล ยินดีที่ได้รู้จัก ขอบคุณที่ดูแลเรียวจังมาตลอด” โซลโค้งขอบคุณและแนะนำตัวเป็นพิธี
เคย์โตะที่ยังไม่ค่อยคุ้นชินกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นก็สะดุ้งตกใจ เมื่อเห็นโซลโค้งให้
“มะ ไม่เป็นไรครับ
”
“เห งั้นหรอ น้องสาวไดกิคุงนี่เอง ชั้นชื่อ
” ชี่ยังไม่ทันแนะนำตัว โซลก็พูดต่อขึ้นมา
“จิเนน ยูริคุงใช่มั๊ย และก็โอคาโมโตะ เคย์โตะคุง นากาจิม่า ยูโตะคุง และเธอ
เอ่อ” โซลไล่ชื่อเพื่อนยามะจังทีละคน และมาหยุดอยู่ที่นานะ
“ชั้นอิซึมิ นานะ พึ่งย้ายเข้ามาเมื่อวานน่ะ” นานะส่งยิ้มหวานไปให้โซล
“อ๋อ ยินดีที่ได้รู้จัก” โซลยิ้มตอบและยื่นมือไปให้
เนี่ยน่ะหรอ
เธอคิดในใจ พร้อมกับหันหน้ามาทางยามะจัง เป็นเชิงถามเพื่อความแน่ใจ ยามะจังพยักหน้าน้อยๆเป็นคำตอบ
“หืมมมมม” โซลทำหน้าเหมือนจะเข้าใจและบีบมือนานะอย่างแรง แต่ยังคงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อะ โอ๊ย” นานะหลุดออกมาด้วยความเจ็บ สายตาจับจ้องมาที่โซล
“จากนี้ไปเราคงได้เจอกันบ่อยขึ้นนะ” พูดจบก็ปล่อยมือนานะทิ้ง อย่างเสร็จงาน
“นี่ ขอร่วมโต๊ะด้วยได้มั๊ย” โซลพูดเป็นเชิงอนุญาต ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ยามะจัง
“อื้อ เอาสิ เชิญเลย” ยูโตะพูด
“ว่าแต่ โซลจังเข้ามาได้ยังไงเนี่ย” ยามะจังถามญาติสนิทสุดรัก?
“ก็
ปีนเข้ามาไง” โซลตอบอย่างร่าเริง
“ห๊า มันอันตรายนะ!” ยามะจังร้องอย่างเป็นห่วง พลางตรวจเช็คสภาพโซลอย่างร้อนรน
“พอๆ ไม่เป็นอะไรหรอกเรียวจัง แค่นี้เอง ฮ่าๆ”
“แต่ว่าชั้นเป็นห่วงนะ อย่าทำ
”
“ไม่รู้ล่ะเรียวจัง ถ้าไม่ทำอย่างนั้นก็ไม่ได้เข้ามาหรอกนะ” โซลพูดพลางทำสายตา แบบไม่รู้ไม่ชี้ ยามะจังเห็นเช่นนั้น จึงยอมตามใจ
“อือๆ”
เมื่อได้คำตอบที่น่าพอใจโซลก็ยิ้มแฉ่งออกมา
“นี่ว่าแต่ โซลจังเรียนโรงเรียนอะไรหรอ” ชี่ถาม
“อ๋อ โรงเรียน...อ่ะ พอดีโซลไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศมา หลายครั้ง เลยต้องเข้าโรงเรียนนั้นที่มีการส่งนักเรียนไปแบบโซลเยอะน่ะ มันทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องการขึ้นชั้นเรียน และเนื้อหาที่เรียนน่ะ” โซลยิ้มอธิบาย
“อ๋อ เป็นงี้นี่เอง” ยามะจังพูดขึ้น
“อ้าว โซลจังไปเรียนแลกเปลี่ยนมาหรอ” เคย์โตะถามเป็นประกายตามภาษานักเรียนนอกเหมือนกัน
“อื้อ ล่าสุดไปประเทศไทยมาแหละ พึ่งกลับมาเมื่อเดือนที่แล้วเอง” โซลตอบยิ้มๆ
“โอ้โห ประเทศไทยหรอๆๆ เป็นไงบ้างๆชั้นอยากไปมากๆเลย” ยูโตะพูดขึ้นบ้าง
“ชั้นก็อยากไปเหมือนกันเห็นเขาว่าสวยมากๆเลยใช่มั๊ย” ชี่ยกมือขึ้น
“เพื่อนที่อังกฤษชั้นก็เล่าให้ฟังนะ ว่าเป็นประเทศที่ดีมากๆเลยแหละ”
“อื้อๆ ดีมากๆเลยแหละ พวกนายต้องหาโอกาสไปให้ได้น้า”
“ชั้นก็หวังอย่างงั้นเหมือนกัน ว่าแต่ เค้าว่าภาษาไทยยากมากไม่ใช่หรอ” ยูโตะถามอีกครั้ง
“ยากมากๆๆๆ แต่ตอนนี้โซลพูดได้แล้วล่ะ ฮ่าๆๆ”
จากนั้น ทั้งหมดก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆจนหมดเวลาพักกลางวัน
“อ๊ะ หมดเวลาแล้วหรอ งั้นชั้นกลับก่อนนะกัน”
“อื้อๆ ระวังตัวนะ”
“บ๊ายบาย”
“แล้วเจอกันใหม่นะ”
หลังจากล่ำลาเสร็จยามะจังก็เดินไปส่งโซลที่ประตูหลัง
“ยูโตะ นายว่าโซลจังหน้าตาคุ้นๆมั๊ยอ่า” เคย์โตะถามหลังจากที่ยามะจังและโซลเดินลับตาไปแล้ว
“นายก็คิดเหมือนกันหรอ แต่ที่ไหนชั้นนึกไม่ออกอ่ะ” ยูโตะเห็นด้วยพร้อมกับทำท่าคิดหนัก
ทางด้านโซลและยามะจัง
“อ๊ะ เรียวจังแค่ตรงนี้แหละ งั้นเจอกันที่บ้านนะ”
“เอ่อ โซลจังคือ ขอบคุณมากนะที่มา ทำให้พวกเราผ่อนคลายลงเยอะเลย” ยามะจังพูดด้วยสีหน้าขอบคุณ
“อื้อ ไม่เป็นไรหรอก โซลอยากมาเองด้วยแหละ ว่าแต่นะ เรียวจัง ผู้หญิงคนนั้นน่ะ ไม่ธรรมดาจริงๆ”
“เอ๊ะ หมายความว่ายังไง” ยามะจังชักสีหน้าเครียด
“ไว้คุยกันที่บ้าน ไปล่ะ” และโซลก็วิ่งหายออกไปทันที ปล่อยให้ยามะจังยืนเครียดอยู่คนเดียวต่อไป
To be con
ฮ่าๆ ตอนนี้รู้สึกรุนแรงๆอ่ะ แต่งแล้วเหนื่อย - - สุดท้าย โซลก็โผล่มาจนได้ฮ่าๆๆ รู้ๆว่าหมั่นไส้เหอะๆ T^T เพราะงั้นเวลาอ่าน ก็จินตนาการเป็นชื่อตัวเองแทนละกันนะ หุหุ แต่โซลในเรื่องกับไรเตอร์ คนละคนนะ อิอิ (อ้าวยังไงกัน - -) ฮ่าๆๆๆๆ หรือคนๆเดียวกันหว่า ฮิฮิ
ความคิดเห็น