ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic hey!say!jump] Special Short Fic

    ลำดับตอนที่ #8 : [SP] ZaoL & VenuS 'Ryosuke HBD' (2)

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ค. 54





     




    Fiction : ส่งตรงถึงแฟนคลับ จากไอดอล ยามะดะเรียวสุเกะ..




    “นี่!..คุณยามะดะ ตั้งใจหน่อยสิ!” เสียงทุ้มใหญ่ของสต๊าฟดังขึ้นอย่างมีน้ำโห กับตัวตนผมในตอนนั้นที่ใครๆต่างก็ไม่เคยเห็นความสำคัญ..

     

            จากตัวผมในวันนั้นจนถึงทุกวันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างมันราวกับปาฏิหาริย์ ทุกสิ่งทุกอย่างราวกับเป็นสิ่งที่ไม่คู่ควรกับผม ในวันนี้ตัวตนของผมกำลังอยู่ในจุดหมายที่ผมเคยใฝ่ฝันเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ความฝันที่ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามันจะเป็นจริงขึ้นมาได้จริงๆ ผมยังมีความรู้สึกว่าตัวเองนั้นยังไม่พร้อมที่จะก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้เลยด้วยซ้ำ พอมองสมาชิกคนอื่นๆที่มีประสบการณ์มากมายมองดูรุ่นพี่ที่ผ่านการทำงานมาอย่างโชกโชนแล้วย้อนกลับมาดูตัวเองแล้วยิ่งรู้สึกว่าตัวเองยังไม่สมควรที่จะได้ขึ้นมาถึงจุดนี้เลยจริงๆ..


           แต่ก็ใช่ว่าผมไม่อยากยอมรับในสิ่งที่ผมเป็นอยู่ในตอนนี้ ตรงกันข้ามกัน ผมกลับมองว่ามันเป็นปาฏิหาริย์เสียมากกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น จากคนธรรมดาๆอย่างผม คนที่เริ่มจากที่ไม่มีอะไรเลยในชีวิต แม้กระทั่งครอบครัวของผมก็ยังไม่ให้การสนับสนุนในเส้นทางที่ผมเลือกก้าวเดินแบบครึ่งๆกลางๆ


            ผมจำความรู้สึกตอนที่เป็นจูเนียร์ได้เป็นอย่างดี ช่วงเวลานั้นมันถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ผมขมขื่นมากที่สุด ทุกๆคนที่อยู่รอบตัวผมต่างพยายามอย่างหนักกันทุกคนเพื่อที่จะก้าวไปให้ถึงสิ่งที่ใฝ่ฝัน รุ่นน้องอย่างริวทาโร่ที่อายุน้อยกว่าผมก็ยังได้รับบทบาทที่มากกว่าผม ทั้งๆที่เขาเด็กกว่าผมหลายปีแท้ๆ แต่เขากลับได้รับโอกาสอะไรในหลายๆอย่างมากว่าผมเสียอีก ผมเคยรู้สึกทั้งอิจฉา และน้อยใจว่าทำไมโชคชะตาถึงเล่นตลกกับผมนัก ทำไมผมไม่ได้รับสิ่งเหล่านั้นบ้าง หลายปีผ่านไปผมพยายามอย่างหนัก หลังจากที่จูเนียร์ซ้อมเสร็จผมก็จะซ้อมอย่างหนักอยู่หน้ากระจกจนกว่าจะจำได้ พยายามทำทุกอย่างอย่างบ้าคลั่ง ผมเคยซ้อมหนักมากจนแทบไม่มีแรงยืนบนรถไฟระหว่างทางกลับบ้านด้วยซ้ำ มันเหนื่อยทั้งกายทั้งใจ จนอยากจะล้มเลิกกลางคันไปซะดื้อๆ เห็นเพื่อนที่อยู่รอบตัวรุ่นน้องที่อยู่รอบข้างได้รับโอกาสดีๆแล้ว ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่ผมได้พยายามทำไปทั้งหมดนั้นมันได้อะไรขึ้นมาบ้างหรือเปล่านะ?... ทำไมตัวเองทำอะไรถึงไม่เคยประสบความสำเร็จออกมาเป็นชิ้นเป็นอันให้เห็นเป็นรูปธรรมสักที จนกระทั่งวันที่ผมได้เป็นสมาชิก
    JJ Express ผมก็เริ่มรู้สึกว่าผมจะต้องไม่หยุดความพยายามอยู่เพียงเท่านี้ เพื่อนๆจูเนียร์ต่างบอกว่าผมเป็นคนที่มีความมุมานะและมีความพยายามมาก แต่ผมกลับคิดว่าที่ผมทำแบบนั้นก็เพราะว่า ผมเป็นคนที่เรียนรู้อะไรได้ช้ากว่าคนอื่น ทำอะไรออกมาได้แย่กว่าคนอื่น ถึงได้พยายามทำอย่างเต็มที่ในสิ่งที่ตัวเองทำในทุกๆอย่างให้ดีที่สุดเท่าที่ความสามารถทั้งหมดที่มี ทั้งๆที่พยายามอย่างเต็มที่ก็ยังตามคนอื่นไม่ทัน ถ้าไม่พยายามก็คงจะต้องผิดหวังมากกว่านี้ ผมทำแบบนั้นไม่ใช่เพราะว่าต้องการคำชมจากใครว่าผมมีความอดทน ผมเป็นเด็กขยัน แต่ผมทำแบบนั้นมาตลอดก็เพราะว่าไม่อยากจะหยุดตัวเองอยู่เพียงเท่านี้ ชีวิตของผมจะต้องดีกว่าทุกๆวันนี้ พยายามแล้วก็ต้องพยายามให้มากยิ่งขึ้นอีก จนผมยึดมั่นกับคติตัวเองว่า ถ้าผมหยุดความมุมานะเมื่อไหร่ ผมคงจะต้องตามคนอื่นไม่ทันแน่ๆ ผมจะต้องก้าวถอยหลังลงคลองแน่ๆ เพราะผมคิดแบบนั้นมาตลอด ผมถึงได้พยายามทำทุกอย่างที่ผมได้ตัดสินใจเลือกให้ดีที่สุดเท่าที่จะทุ่มพลังกายพลังใจกับมันได้..

     
             
    กว่าผมจะมาถึงทุกๆวันนี้ได้ ผมถูกกดดันจากคนรอบข้าง ทั้งพวกทีมงานที่คอยเคี่ยวเข็ญดุด่า แต่ผมก็พยายามกัดฟันสู้มันมาจนได้ เพื่อนผมบางคนที่ทนกับความกดดันนี้ไม่ได้ก็ลาออกจากจอห์นนี่ไป ผมเองก็เคยคิดแบบนั้น และคิดมาตลอดเลย เพราะในตอนนั้นสิ่งที่ผมพยายามทำมันอย่างตั้งใจนั้น ความสำเร็จนั้นมันยังไม่มาถึงผมสักที แม้จะรู้ว่าเราไม่ควรคาดหวังในสิ่งเหล่านั้น และอาจจะไม่รู้ความสำเร็จในนั้นของเราจะมาถึงเมื่อไหร่ อาจจะสิบปี หรือยี่สิบปีข้างหน้าก็เป็นได้ อนาคตมันเป็นสิ่งไม่แน่นอน ผมพร่ำบอกกับตัวเองอยู่แบบนั้นเสมอๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่สามารถหยุดตั้งความหวังในสิ่งที่ผมทำเอาไว้ได้เลย เพราะผมทุ่มทุกอย่างที่มีในตัวผมเพื่อการเป็นไอดอลของจอห์นนี่จริงๆ..


    ผมอยากเป็นจริงๆ..


    ผมอยากเป็นอย่างรุ่นพี่โคอิจิที่ผมใฝ่ฝัน..


              แม้จะรู้ตัวมาตลอดว่าสิ่งที่ผมฝันอยู่นั้นมันอยู่ไกลเกินเอื้อม แต่ในชีวิตของมนุษย์น่ะควรจะมีเป้าหมายในการดำเนินชีวิตไม่ใช่หรอ? ยิ่งหวังสูงเท่าไหร่ก็จะยิ่งต้องใช้ความพยายามความมานะอดทนมากขึ้นเท่านั้น เพราะอย่างนั้นแล้ว ผมคิดมาตลอดเลยว่าถ้าสักวันหนึ่งความฝันในตอนเด็กของผมเป็นจริง ผมจะฝันในสิ่งที่สูงๆขึ้นไปอีก เพื่อที่จะพยายามทำในสิ่งที่ตัวเองทำทุ่มกับมันให้มากกว่านี้ ผมจะไม่ยอมหยุดง่ายๆอยู่เพียงเท่านี้ เพียงเพราะเหตุผลที่ว่าผมมาถึงจุดหมายปลายทางของความฝันนี้แล้วอย่างแน่นอน...


             วันที่ผมได้เป็นหนึ่งในสมาชิกวง
    Hey! Say! Jump ผมยังจำความรู้สึกในตอนนั้นได้เป็นอย่างดี ทั้งตื่นเต้น ทั้งประหม่า อารมณ์ทุกอย่างมันรวมกันไปหมดจนสั่นไปทั้งตัว ทุกๆคนที่ถูกเรียกชื่อมายืนรวมกันอยู่ตรงกลางฮอลล์แต่ละคนต่างประสานฝ่ามือกันแน่น เดินมองพื้น ยืนอยู่ใกล้เพื่อนสนิท บรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยความอึดอัดเจียนจะระเบิดเสียจริงๆ


    ยามะดะ เรียวสุเกะ..


            ครั้งแรกที่ผมได้ยินชื่อตัวเอง ผมยังปรบมือและมองรอบกายอยู่เลยว่า ใครชื่อยามะดะเรียวสุเกะกันนะ.. ทั้งๆที่นั่นคือชื่อของผมเองแท้ๆ ผมกลับทำอะไรบ้าๆชวนหมั่นไส้ออกไปแบบนั้น แต่ผมยอมรับจริงๆว่าตอนนั้นผมไม่รู้ตัวเลยจริงๆ ว่านั่นคือชื่อของผม หนึ่งในสมาชิก
    Hey! Say! JUMP วงเดบิวต์น้องใหม่ของค่ายจอห์นนี่สังกัดJstrom


    ผม..ได้เดบิวต์แล้วอย่างงั้นหรอ?


    ผม..จะได้ขึ้นเวทีใหญ่ๆแล้วอย่างนั้นหรอ?


    ผม..คู่ควรที่จะได้รับความรักจากแฟนๆแล้วอย่างนั้นหรอ?


    ผม..สมควรแล้วจริงๆหรอ?


             ทั้งๆที่มาถึงในจุดที่ตัวเองใฝ่ฝันจะมาอยู่ตลอด แต่พอก้าวมาถึงจุดๆนี้จริงๆแล้ว ผมกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่.. สิ่งที่ผมได้รับมานั้นมันเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่มาก..ไม่ใช่สิ..มันไม่ใช่หน้าที่ มันคืออีกหนึ่งในชีวิตของผม สิ่งที่ล้ำค่าอีกหนึ่งสิ่งในชีวิตของผม ที่ผมสามารถไขว่คว้ามันเอาไว้ได้ มันเป็นโชคที่คนนับพันต่างก็ใฝ่ฝันที่จะได้มันมา ผมเป็นหนึ่งในนั้นที่ไขว่คว้ามันเอาไว้และก้าวมาถึงจุดนี้ได้..


            พอมาถึงจุดๆนี้แล้ว สิ่งแรกที่ผมคิดถึงก็คือ..ผมจะต้องพยายามให้มากกว่านี้แล้ว ไม่ว่าสิ่งที่ทำมันจะพยายามแค่ไหนก็จะพยายามให้มากๆๆยิ่งขึ้นขึ้นไปอีก ไม่มีคำว่าเพียงพอแล้วสำหรับผม ทุกสิ่งทุกอย่างถ้าผมไม่ได้พยายามทำมันอย่างเต็มที่ ผมจะเสียใจกับสิ่งที่ได้ทำมาก เพราะอย่างน้อยถ้าเราได้พยายามทุ่มทำกับมันอย่างสุดตัว ถ้าผลของมันออกมาไม่ดี อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีที่อย่างน้อยผมก็ได้พยายามทำมันลงไปอย่างสุดความสามารถและสิ่งที่ผมพยายามทำนั้นถึงแม้จะออกมาไม่ดี แต่อย่างน้อยผมก็ไม่เสียใจที่ไม่ได้พยายามทำมันให้เต็มที่ในภายหลัง


    ไม่ใช่เพียงแค่คิดว่าและพูดว่าจะต้องพยายามทำมัน แต่ต้องทั้งคิดทั้งพูดและทั้งพยายามลงมือทำมันจริงๆ..


             หลังจากที่ผมรู้ว่าตัวเองได้เดบิวต์เป็นวง
    Hey! Say! Jump แม้ว่าผมจะเคยอยู่วงJJ Expressมาก่อน แต่ว่านั่นก็เป็นเพียงยูนิตชั่วคราวที่ตั้งขึ้นมาในช่วงเวลาสั้นๆ เพื่อนที่อยู่ร่วมกับผมในสมัยนั้น หลายคนก็ไม่ได้เดบิวต์ พอมองย้อนกลับไปเห็นเพื่อนๆของผมที่ไม่ได้เดบิวต์แบบผม ยังพยายามทำในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่อย่างเต็มที่แล้ว ผมก็คิดว่าเพื่อนๆเหล่านั้นสุดยอดจริงๆ เป็นผมผมจะทำได้แบบเขามั้ยนะ? ผมจะมีความอดทนมากถึงขนาดนั้นมั้ยที่จะพยายามทำความฝันของตัวเองที่เริ่มอยู่ไกลเกินเอื้อมให้เป็นจริงเข้าสักวัน แม้จะรู้ว่าหนทางข้างหน้ามันไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด..ผมนับถือคนเหล่านั้นจริงๆ ที่มุ่งหน้าไปสู่อนาคตข้างหน้าด้วยกำลังที่มีอยู่ของตัวเองด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ..


             ก่อนหน้านี้ผมก็ได้เดบิวต์เป็นฟอร์มวง
    Hey! Say! 7 แต่เพราะการเปลี่ยนแปลงสมาชิก มันทำให้ผมเริ่มรู้สึกไม่มั่นคงอีกครั้ง จนกระทั่งกลับมาฟอร์มเป็นวงใหญ่อย่างHey! Say! Jump ที่ประกอบไปด้วยคนสิบคน รวมผมที่เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งในวงก็แยกออกเป็นสองกลุ่มใหญ่คือ 7และ Best


             มีรุ่นพี่ที่มากประสบการณ์อย่างยาบุและฮิคารุอดีตสมาชิกวง
    yayayahที่มีชื่อเสียง ครั้งแรกที่yayayahถูกยุบและถูกแทนที่ด้วยHey! Say! Jump มันทำให้ผมได้ยินคำด่าทอจากเหล่าแฟนๆของyayayahมากมาย ช่วงเวลาอันแสนเจ็บปวดนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในจิตใจของผมอยู่เสมอมา.. และผมก็คิดว่าพี่ๆทั้งสองคนเองก็คงจะรู้สึกไม่ค่อยดีที่จะต้องมาเจอบรรยากาศใหม่ๆ กับคนใหม่ๆ ผมเข้าใจความรู้สึกเค้าทั้งสองคนดี การที่จะสนิทกับสมาชิกในวงได้อย่างสนิทใจนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต่างคนก็ต่างนิสัย เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแท้จริงแล้วคนคนนี้เป็นคนยังไง ถ้าเป็นเพื่อนกันธรรมดา เราก็สามารถเลือกที่จะคบได้ เลือกที่จะเลี่ยงไม่คุยได้ถ้าเราไม่ชอบคนคนนี้ แต่ในความเป็นจริง ในชีวิตการทำงานของไอดอลค่ายจอห์นนี่นั้น ถึงจะไม่ชอบหน้ากันก็ต้องทำงานด้วยกัน ต้องคุยกัน ต้องเจอหน้ากันตอนทำงานทุกครั้ง... การที่จะเลือกคุย หรือเลือกสนิทนั้นเป็นไปได้ยากมากๆ เผลอๆช่วงชีวิตของเราจะต้องเจอสมาชิกในวงมากกว่าสมาชิกครอบครัวเสียด้วยซ้ำ..เพราะในชีวิตการทำงานของไอดอลนั้น เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ทำงานคนเดียว พยายามคนเดียว การทำงานนั้นต้องอาศัยทีมเวิร์ค อาศัยความร่วมมือและความสัมพันธ์ที่ดีของสมาชิกในวง ถ้าหากไม่รักกันไม่สนิทกันไม่อยากคุยกันไม่ชอบขี้หน้ากัน ต่อให้ตัวเราเองพยายามมากแค่ไหน สิ่งที่เราทำมันก็จะไม่ปรากฎให้เห็นในลักษณะของทีมหรอก


             แต่ถึงอย่างนั้นแล้วมันก็เป็นโชคดีของผม ที่ได้เจอสมาชิกที่เคยร่วมงานสมัย
    jr.ถึงสามคน คือ ยูโตะ ยูริ และริวทาโร่ ถึงแม้จะเคยทำงานร่วมกับยูโตะสมัยเป็นจูเนียร์ แต่ผมก็เคารพเขาเสมอมา เขาเป็นรุ่นพี่ที่ผมนับถือ และมีอะไรหลายๆที่ผมไม่มีและใฝ่ฝันที่จะมี ผมคิดมาตลอดเลยว่า คนที่ได้รับความสำคัญและมีชื่อเสียงตั้งแต่เด็กๆจะมีนิสัยที่เย่อหยิ่ง และเข้าถึงยาก แต่คำๆนั้นใช้กับยูโตะไม่ได้เลย ผมยอมรับว่าผมเคยรู้สึกไม่ค่อยชอบยูโตะในตอนนั้น แต่พอยูโตะเข้ามาคุยกับผม เข้ามาทักทายผมอย่างเป็นกันเอง มันก็ทำให้ทัศนคติที่ผมมีต่อเขาเปลี่ยนแปลงไป เขาช่วยสอนผม และแนะนำผมไว้ในหลายๆเรื่องที่ผมไม่รู้ และคอยชี้แนะแนวทางให้อย่างเป็นกันเอง เขาไม่เคยดุไม่เคยด่าผมเหมือนคนอื่นๆ เขาจะสอนผมด้วยน้ำเสียงเหมือนเพื่อนสนิทกัน และเวลาที่ผมทำผิด เขาก็มักจะพูดกับผมด้วยรอยยิ้มเสมอว่า ช่วยไม่ได้นี่นา..ใครๆก็ผิดพลาดได้ทั้งนั้นเนอะ! ไม่เป็นไรๆ!’


    พอผมได้เป็นสมาชิกของHey!
    Say! Jump อยู่ในจุดที่สูงกว่าเด็กjr. มันทำให้ผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองจะต้องพยายามให้มากกว่านี้


              ‘ทำไมเรามันไม่ได้เรื่องขนาดนี้นะ!’ ผมบ่นถ้อยคำแบบนี้กับตัวเองอยู่หลายต่อหลายครั้ง รอบกายผมเต็มไปด้วยคนที่มีความสามารถและโดดเด่นในโลกของวงการบันเทิงมาก่อนทั้งนั้น พอยิ่งมองอย่างนั้นแล้ว ผมก็ยิ่งคิดว่ามาถึงตรงนี้แล้ว จะมีที่ให้เราได้ยืนมั้ยนะ?..จะมีที่สำหรับเรามั้ยนะ?...


             ความหวังของผมเริ่มกลับมาอีกครั้งตอนช่วงที่ได้กลับไปรับบทแสดงเป็นริวในเรื่องนักสืบ
    Q บทละครที่สร้างมาจากการ์ตูนชื่อดังมันเป็นละครเรื่องแรกที่ผมได้แสดงตอนอายุ13และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมคิดว่าทุกๆคนจะได้รับรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของผมได้บ้าง..


              จากที่เคยเดินออกจากบ้านไปฝึกซ้อม ก็เริ่มมีเพื่อนๆเข้ามาถาม เข้ามาคุยด้วย พ่อแม่ที่แสดงความรู้สึกลังเลมาตลอดกับเส้นทางที่ผมเลือก วันแรกที่ผมได้เดบิวต์เป็น
    hs7 ท่านทั้งสองก็พูดคำพูดนึงกับผมว่า..ท่านสนับสนุนผมมาตลอด แต่ท่านอยากให้ผมสามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวของผมเอง อยู่ได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุน ก็สามารถที่จะเข้มแข็งและทำความฝันให้เป็นจริงได้ ครั้งแรกที่ผมบอกกับเค้าทั้งสองว่าผมจะออกจากจอห์นนี่เพื่อกลับไปเรียนและมุ่งหน้าไปสู่สิ่งอื่นๆที่ในตอนนั้นผมคิดว่าคงจะดีกว่าสิ่งที่ผมทำอยู่อย่างแน่นอน แต่ท่านทั้งสองกลับบอกว่า ถ้าผมทำอะไรครึ่งๆกลางๆแบบนี้อีกล่ะก็ อย่ามาเรียกว่าพ่อแม่ให้ได้ยินอีกเป็นอันขาด มันทำให้ผมคิดได้ว่า ในเมื่อผมมั่นใจและพยายามอย่างหนักมาจนถึงขนาดนี้แล้ว ก็ต้องเผชิญหน้ากับมันให้ถึงที่สุดไปเลยสิ.. หลังจากที่ผมปรับความเข้าใจกับคุณพ่อคุณแม่ ยูโตะก็ให้กำลังใจผม คนอย่างเขา ที่เพียบพร้อมไปด้วยหน้าตาและความสามารถที่ล้นเหลือ เป็นที่สนใจและเด่นดังกว่าเด็กคนอื่นๆที่อายุเท่ากันนั้น เขากลับเชื่อมั่นในตัวของผมว่า ผมจะต้องโด่งดัง และเป็นไอดอลที่ยอดเยี่ยมได้อย่างแน่นอน..


             ไม่รู้อะไรที่ทำให้ยูโตะคิดแบบนั้น ขนาดตัวผมเองยังไม่กล้าแม้แต่จะคิดมันเลยด้วยซ้ำ แต่น่าแปลกที่คำพูดนั้นกลายเป็นแรงผลักดันให้ผมก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเองมากกว่าเดิม ผมจะไม่ทิ้งตัวตนที่แท้จริงของผม และในขณะเดียวกันผมก็จะก้าวไปสู่อนาคตข้างหน้าด้วยความพยายามในแบบของผม..


            มีช่วงนึงที่ผมจะได้ขึ้นโชว์ไลฟ์สดเพลง
    seishun amigo ร่วมกันเป็นคู่ดูโอ้กับยูโตะ ครั้งแรกที่ผมรู้ว่าผมจะได้เต้นเพลงที่ต้องร้องคู่กับยูโตะ มันทั้งประหม่า ทั้งหวาดกลัวสายตาแฟนๆ แต่ผมก็พยายามซ้อมอย่างหนักเพื่อการแสดงในช่วงนั้น ยูโตะยิ้มให้ผม และบอกผมว่า เขามองผมไม่ผิดจริงๆ..


            เมมเบอร์ทุกๆคน นับวันพวกเราก็จะสนิทกันมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ครั้งแรกที่ผมรู้ว่าจะต้องอยู่กับจั้มพ์นั้น สิ่งแรกที่ผมคิดเลยว่า มีตั้งสิบคน จะสนิทด้วยกันหมดทุกคนได้หรอ?..แต่สิ่งที่ผ่านมานั้นมันได้สอนให้ผมรู้ว่า ทุกๆคนสนิทกัน และรักกันมากขึ้นทุกๆคนจริงๆ แม้ว่าบางคนจะไม่ค่อยได้คุยกัน และบางคนก็มีเพื่อนสนิทจริงๆเป็นคนอื่น แต่เวลาที่ใครทุกข์ใจ เมมเบอร์ทุกๆคนก็จะเป็นกังวล และคอยให้กำลังใจอยู่เคียงข้างเสมอ.. ผมรักเมมเบอร์ทุกๆคนมากเลยนะ.. ที่ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้เป็นญาติหรือสมาชิกในครอบครัว แต่พวกเค้าก็ทำดีกับผมเป็นห่วงผม ดูแลผมดีมากขนาดนี้ มันทำให้ผมคิดว่าผมกับเมมเบอร์ทุกๆคนได้กลายเป็นสมาชิกในครอบครัวเดียวกันไปแล้วนะ.. ผมรู้สึกขอบคุณจริงๆ ที่ได้ร่วมทำงานกับเมมเบอร์ที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ความหลากหลายของแต่ละคนมันทำให้ผมรู้สึกว่าผมช่างโชคดีจริงๆ ที่ได้เป็นหนึ่งในสมาชิกวงที่เต็มไปด้วยพลังมากขนาดนี้.. จนถึงตอนนี้แล้วผมไม่เคยรู้สึกเสียใจหรือรู้สึกไม่ชอบสมาชิกในวงเลยแม้แต่สักนิดเดียวเลย แม้ว่าเราจะทะเลาะกันบ้าง ถึงขั้นลงไม้ลงมือกันอย่างรุนแรงบ้าง แต่เพราะว่าพวกเราทั้งหมดก็ยังเด็ก ยังต้องได้รับคำแนะนำ และพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีกมากมาย ยิ่งทะเลาะกันมันก็ทำให้สนิทกัน แต่ผมก็ไม่อยากให้ทะเลาะกันเท่าไหร่หรอกนะ.. ผมไม่ชอบเลย การทะเลาะกันมันทำให้รู้สึกแย่สุดๆไปเลย


             มีครั้งนึงที่ริวทาโร่กับยูโตะทะเลาะกันอย่างรุนแรง ถึงขั้นผลักกันจนยูโตะกระเด็นติดตู้  ริวทาโร่ล้มลงกับพื้น บรรยากาศตอนนั้นมันแย่เสียจนผมร้องไห้ออกมา รุ่นพี่ในวงต่างไม่มีใครห้ามสองคนนี้ทะเลาะกัน เพราะอยากให้เรียนรู้ในการทะเลาะกันครั้งนี้ด้วยตัวเอง จะได้จำกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปบ้าง ว่าสิ่งไหนควรทำสิ่งไหนไม่ควรทำ ตอนนั้นรุ่นพี่เบสเข้ามาปลอบผม และพาผมออกไปข้างนอก ผมไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น แต่ยูโตะกับริวทาโร่ก็กลับมาคุยกันเหมือนเดิม แถมยังสนิทและเข้าใจกันและกันมากกว่าเดิมอีกด้วยล่ะ..


    สิ่งที่ผมรู้สึกว่าตัวผมโชคดีน่ะมันไม่ได้มีแค่นี้หรอกนะ....


             ทุกครั้งที่ผมได้ขึ้นไปยืนอยู่บนเวที ยืนอยู่ในจุดที่สูงกว่าคนอื่นๆ มองเห็นแฟนๆทุกคนจากบนเวที ความรู้สึกมันเอ่อล้นจนเกินกว่าบรรยาย ทุกครั้งที่ผมร้องเพลง ทุกครั้งที่ได้ออกคอนเสิร์ต ทุกครั้งที่ผมทอดสายตามองไปที่แฟนๆที่ยืนบอกพัดโบกป้ายโยกโย้ไปมา มันจะทำให้ผมร้องไห้ได้ทุกครั้ง ความรู้สึกนั้นมันแล่นขึ้นมาจุกอก มันทั้งมีความสุข ทั้งปลาบปลื้มใจ จนเป็นอีกแรงผลักดันขับเคลื่อนให้ผมมีในทุกวันนี้ได้


             มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมยืนอยู่ด้านหน้าแฟนคลับ และกำลังร้องเพลง
    UMP ที่เป็นเพลงเดบิวต์ครั้งแรกของพวกเราhsj แฟนๆคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาว่า “Hey! Say! Jump arigatou!(ขอบคุณนะ!)” มันเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินแฟนๆพูดแบบนั้น ผมดีใจที่ผมได้ทำอะไรเพื่อทุกๆคนบ้าง ถึงแม้สิ่งที่ทำอยู่นี้มันจะเป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ แต่ผมก็อยากให้ทุกๆคนยิ้มได้ อยากทำให้ทุกๆคนหัวเราะ อยากทำให้ทุกๆคนรู้สึกว่าจั้มพ์ก็ต้องการคุณ เราเป็นของกันและกัน ใจของเราทุกคนรวมกันเป็นหนึ่ง แม้ว่าจะมีแฟนๆอยู่มากมาย แต่ผมกลับคิดว่า วงนักร้องก็มีอยู่เยอะแยะมากมาย การที่แฟนๆมาชมคอนเสิร์ตของจั้มพ์ การที่แฟนถือพัดคอยให้กำลังใจ และร้องอังกอร์เพลงของพวกเรานั้น มันทำให้ผมเชื่อว่า สิ่งที่ผมอยากถ่ายทอดทุกอย่างนั้นส่งไปถึงทุกๆคนอย่างแน่นอน ผมคิดว่าสมาชิกจั้มพ์ทุกๆคนก็คิดแบบนั้นอยู่เหมือนกัน.. ทุกครั้งที่ออกแสดง ทุกครั้งที่ได้ขึ้นเวที ผมเชื่อว่าเมมเบอร์ทุกคนทำทุกๆอย่างออกไปด้วยความรู้สึกขอบคุณในความรู้สึกของแฟนๆทุกๆคนที่คอยสนับสนุนให้พวกเรามีในวันนี้ได้..


            ทุกครั้งที่ผมรู้สึกทุกข์ทรมาน ทุกครั้งที่รู้สึกท้อแท้และหมดกำลังใจ เหนื่อยและอยากจะเลิกล้มในสิ่งที่ทำ พอเห็นใบหน้าของแฟนๆตรงหน้า ทุกๆคนมองมาทางผมที่อยู่บนเวที และตะโกนคำว่า “พยายามเข้า
    !” อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มันทำให้ผมคิดว่า ผมไม่ได้อยู่คนเดียว ผมยังมีเมมเบอร์ทุกคน ผมยังมีแฟนๆที่สนับสนุนผมอีกมากมาย ผมอยากจะตะโกนออกไปดังๆว่า “ขอบคุณ! ขอบคุณที่สนับสนุนพวกผม!! ผมรักพวกคุณ!!”มันไม่ใช่ความรู้สึกที่อยากจะพูดเพื่อเอาใจ แต่มันเป็นความรู้สึกจากใจของผมจริงๆ และมันก็เป็นเพียงแค่หนึ่งคำพูดจากความรู้สึกของผมนับล้านที่อยากจะถ่ายทอดไปถึงแฟนๆที่ยังยืนหยัดอยู่เคียงข้างผม บางครั้งที่ผมก็รู้สึกว่าสิ่งที่ผมพูดออกไปว่า ถ้าไม่มีแฟนๆที่ให้กำลังใจผมก็คงไม่มีวันนี้มันเป็นคำพูดที่ดูโอเว่อร์ และดูสร้างภาพ แต่ผมคิดแบบนั้นจริงๆ ความรู้สึกนี้มันพูดออกมายาก สิ่งที่ผมอยากพูดและเป็นคำที่จะสามารถถ่ายทอดความรู้สึกของผมออกมาได้ดีมากที่สุดก็คือคำว่า ขอบคุณและโค้งตัวก้มหัวให้ทุกๆคนที่รักและสนับสนุนผม ด้วยความรู้สึกจากก้นบึ้งลึกของหัวใจ


             เพราะแฟนๆทุกคนทำให้ผมรู้สึกว่า ถึงแม้ว่าสิ่งที่ผมทำมันจะเหนื่อยลำบากแค่ไหน แค่มีทุกๆคนอยู่เคียงข้างและมาก้าวเดินไปสู่อนาคตไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นอะไรบนโลกใบนี้ผมก็ไม่หวาดกลัวมันทั้งนั้น เพราะมีทุกๆคน ถึงได้มียามะดะเรียวสุเกะในทุกๆวันนี้ เพราะมีแฟนๆทุกคนมันทำให้ผมได้กลายเป็นยามะดะเรียวสุเกะที่เข้มแข็งได้ถึงเพียงนี้..


            แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกประทับใจที่สุดก็คือแฟนคลับต่างชาติ..ทั้งๆที่ผมไม่เคยไปหา ทั้งๆที่ผมไม่เคยไปแสดงคอนเสิร์ต ทั้งๆที่ผมเองก็ไม่เคยพูดภาษาของเค้า แต่คนเหล่านั้นก็รักจั้มพ์ และพยายามทำทุกอย่างเพื่อเป็นอีกเพียงหนึ่งเสียงที่จะสนับสนุนจั้มพ์เพื่อให้ก้าวไปสู่อนาคตที่ดีกว่าปัจจุบัน ทั้งๆที่ผมพูดภาษาญี่ปุ่น ทั้งๆที่มีความแตกต่างกันทางภาษาพวกเค้าก็ยังรักจั้มพ์ มันเรียกได้ว่าสิ่งมหัศจรรย์ได้มั้ยนะ?... ผมไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเลยจริงๆ..


            ผมเคยอ่านไปรษณียบัตรจากแฟนคลับคนหนึ่ง เธอเขียนข้อความทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษปนกับภาษาญี่ปุ่น เธอบอกกับผมว่าเธอเป็นชาวต่างชาติ เธอไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นดี ทั้งๆที่เธอไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น แต่เธอกลับรู้สึกว่าฟังเพลงของจั้มพ์แล้วมันทำให้รู้สึกมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับปัญหาที่เข้ามาในชีวิต ทุกครั้งที่เธอรู้สึกเสียใจและหมดกำลังใจ เธอจะฟังเพลงของจั้มพ์ และทุกๆครั้งที่ฟังก็จะได้รับกำลังใจกลับมาอยู่เสมอ แปลกนะทั้งๆที่ไม่เข้าใจภาษาแท้ๆ แต่ความรู้สึกที่ผมร้องเพลงออกไปส่งไปถึงความรู้สึกทุกๆคนได้ มันเรียกว่าปาฏิหาริย์ได้มั้ยนะ?... แบบนี้สินะที่เรียกว่า ภาษาไม่ได้เป็นตัวปิดกั้นเสมอไป ทุกๆคนจะเชื่อมจิตใจถึงกันเมื่อเราถ่ายทอดทุกอย่างผ่านทางบทเพลง.. ผมเชื่อแบบนั้นเสมอมา.. ว่าสิ่งที่ผมอยากจะสื่อถึงทุกๆคนสักวันหนึ่งทุกๆคนจะต้องรับรู้ได้ถึงความรู้สึกนี้อย่างแน่นอน..


              บางครั้งการทำงานของผมก็ทำเพื่อให้มีรายได้ ตรงนี้ผมยอมรับ และหลายๆคนที่ไม่ได้ทำงานด้านนี้ก็จะคิดว่าทำงานด้านนี้ได้รายได้ดี แต่พอผมได้มาทำงานด้านนี้จริงๆ ผมกลับไม่คิดแบบนั้นเลยสักนิด การที่เป็นไอดอลนั้น นอกจากที่จะเป็นคนเอนเตอร์เทรนสรรค์สร้างความสุขให้กับทุกๆแล้ว ยังเป็นจุดศูนย์รวมความรู้สึกของทุกๆคนอีกต่างหาก มีแฟนคนหนึ่งเคยเขียนมาบอกผมว่า ทุกครั้งที่เธอเห็นน้ำตาของผม มันทำให้เธออยากร้องไห้ตามไปด้วย ผมว่าเส้นกั้นระหว่างไอดอลกับแฟนๆนั้นมันบางมากเลยนะ ทุกๆคนจะต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน หากไม่มีใครสักฝ่ายอีกฝ่ายก็ไม่สามารถที่จะยืนหยัดอยู่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วสิ่งที่ทำอยู่นั้นมันยิ่งกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเคยทำมาในชีวิต ผมรู้สึกว่าชีวิตนี้ผมเกิดมาคุ้มค่าจริงๆ ผมได้ทำให้ทุกๆคนมีความหวัง และทำวันนี้ให้ดีที่สุด ผมทำให้ทุกๆคนมีกำลังใจได้ แม้จะเป็นเพียงเล็กๆน้อยๆแต่ผมก็ดีใจที่สิ่งที่ผมทำมันส่งผลกับคนหมู่มาก บางครั้งการที่จะไปพูดกับคนที่เราไม่รู้จักว่า
    ผมจะเป็นกำลังใจให้คุณ ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอนะมันเป็นคำพูดที่แม้จะฟังดูอบอุ่นก็จริง แต่ถ้าหากคนที่รับความรู้สึกนั้นไม่ได้สนใจเราจริงๆ ความรู้สึกนี้ก็คงส่งผ่านไปไม่ถึงเค้าหรอกว่ามั้ย? เพราะอย่างนั้นแล้ว ผมอยากบอกกับแฟนๆทุกคนจริงๆว่า สิ่งที่ผมพูดออกไปนั้น ผมไม่ได้โกหก ผมพูดทุกๆอย่างออกมาจากความรู้สึกจริงๆ...


    ในเวลาที่คุณมีความสุขไม่จำเป็นต้องมาหาพวกเราก็ได้..


             แต่ผมอยากให้ช่วงเวลาที่คุณรู้สึกไม่ดี ขอให้คุณคิดถึงพวกผม แม้เราจะไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน แต่ผมเชื่อว่าหัวใจของเราจะต้องเชื่อมถึงกันแน่นอน เพราะอย่างนั้นแล้ว...ยิ้มเข้านะ... ใบหน้าของคุณตอนที่ยิ้มน่ะสวยงามที่สุดเลยมั้ย แฟนๆของพวกเรา


            ไม่ต้องเสียใจ และกลัวว่าความรู้สึกนั้นจะไม่มาถึงผมหรอกนะ.. ความรู้นั้นมาถึงผมอย่างแน่นอน.. อย่ากลัวที่จะแสดงความรู้สึก อย่ากลัวที่จะต้องก้าวเดิน อย่ากลัวมันเลยนะ.. จงมีความกล้าและเชื่อมั่นในพลังของตัวเองแล้วมาทำทุกๆอย่างให้เต็มที่ที่สุดไปด้วยกันเถอะนะ..


    แต่ผมน่ะ..จะไม่แสดงด้านอ่อนแอให้แฟนได้เห็นบ่อยๆหรอกนะรู้มั้ย..


    เพราะผมน่ะ อยากสร้างความสุขให้แฟนๆอย่างเดียว ไม่อยากทำให้แฟนๆจะต้องเสียใจหรอกนะ..


               แต่ก็มีบางครั้งที่ผมเผลอร้องไห้ออกไปบ้าง ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะ ผมเป็นคนขี้แย..พวกคุณก็คงจะรู้ใช่ไหม? เพราะฉะนั้นแล้วอย่าดุผมนะเวลาที่ผมร้องไห้โยเยเป็นเด็กๆ ไม่เหลือคราบของความเป็นไอดอลเลยน่ะ..


              ทั้งๆที่ผมเองก็ไม่เคยรู้จักพวกคุณ แต่พวกคุณก็มาบอกว่ารักผม..และรู้นิสัยของผมดีทุกอย่าง.. ขอบคุณมากนะ.. ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยเจอคุณเป็นการส่วนตัวมาก่อน แต่ผมน่ะ...ดีใจมากเลยนะ ที่ได้เป็นคนที่คุณรัก เพราะการเป็นคนที่เป็นที่รักของใครๆที่เราไม่รู้จักนั้นน่ะ ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่วิเศษสุดๆไปเลยนะ..


             จากคนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างผม..หน้าตาธรรมดาๆ เต้นก็ยังทำได้ไม่ได้ดีนัก..แต่เพราะแฟนๆทุกๆคนทำให้ฝันของผมจริงๆ ผมไม่รู้สึกเสียใจจริงๆที่ได้พยายามอย่างเต็มที่ เพราะแค่คิดว่ามีคนอีกมากมายรอคอยผม และเป็นกำลังใจให้ผมอยู่นั้น มันก็มากพอที่จะทำให้ผมเชื่อมั่นในตัวเอง และเชื่อในพลังในตัวทุกๆคนของเหล่าเมมเบอร์และทำมันไปให้ถึงที่สุด เพื่ออนาคตข้างหน้าที่ดีจะต้องดีกว่าเมื่อวาน


          มีชีวิตอยู่เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า ผมจะพยายามมองทุกๆอย่างในแง่ดี พยายามรักษาร่างกายตัวเองให้แข็งแรง ไม่ใช่เพื่อตัวผมเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อทุกๆคนที่รอคอยผมอยู่เสมอมา..


    ไม่ต้องสัญญา ว่าจะไม่ลืมผม ยามะดะเรียวสุเกะ..


    ไม่ต้องสัญญา ว่าจะไม่ลืม
    Hey! Say! JUMP..


            เพียงแค่สิ่งที่ทุกๆคนทำอยู่ตอนนี้มันทำให้ผมดีใจมากแล้ว การที่ผูกมัดด้วยสัญญานั้น มันเป็นสิ่งที่ผมไม่ต้องการเลย ผมอยากจะสร้างรอยยิ้มให้ทุกๆคนได้แค่นี้ก็มากพอแล้วครับ..

     

    Tsurakukanashitokiwa.. kyouwonoekaowo.. Omoidashite aruiteikou mataauhimade (memories)
    (
    ในช่วงเวลาที่ร้องไห้และทุกข์ทรมาน ขอให้คุณนึกถึงรอยยิ้มในวันนี้..แล้วก็เดินต่อไป จนกว่าจะถึงวันที่เราจะได้พบกันอีก)


    ขอบคุณมากนะครับที่อยู่เคียงข้างผม..อยู่เคียงข้างจั้มพ์เสมอมา..


             ผมที่อยู่บนจุดจุดนี้ จุดที่เป็นจุดศูนย์รวมของสายตานับหมื่น จะพยายามก้าวไปสู่อนาคตข้างหน้าด้วยการพยายามทำทุกๆอย่างในวันนี้ด้วยความรู้สึกขอบคุณแบบนี้เสมอไปครับ..


    ผมจะเป็นไอดอลที่ดีให้ได้เลยล่ะ! เพราะฉะนั้นแล้ว ทุกๆคนจับตามองตัวผมในอนาคตเอาไว้ให้ดีๆน้า
    ~!


    วันเกิดของผมปีนี้ สิ่งที่ทำให้ผมดีใจมากที่สุดก็คือ..


    ได้เกิดมาเป็นไอดอลที่ทุกๆคนรัก..


           ขอบคุณนะครับ ที่เชื่อมันในตัวผม และมอบความรักที่ทรงพลังและล้ำค่าซะยิ่งกว่ายาขนานไหนๆ..ให้กับคนอย่างยามะดะเรียวสุเกะ..


    แฟนๆคือความทรงจำที่งดงามที่สุดของผมครับ..

     

    เพราะฉะนั้นแล้ว วันเกิดของผมปีนี้ คืออีกก้าวที่ผมจะก้าวไปด้วยกันกับคุณนะ.. เอ้า! มาร้องเพลงพร้อมกันเถอะ!


    Happy Birth day to you
    ~

     

    END....




     

    วีนัส : ไม่รู้ว่าทุกคนจะเข้าใจในสิ่งที่เราสื่อออกไปมั้ย แต่เราใช้เวลาแต่งเรื่องนี้ประมาณสามชั่วโมง กับโซลวางแผนกันขึ้นมา ลองทำดู ตอนแรกกะว่าจะไม่ทำแล้ว เพราะการที่สื่อออกมาเป็นคนคนนั้นพูดมันยากมากๆ ไม่รู้ว่าที่เขียนไปทุกๆคนจะรู้สึกประทับใจขึ้นมาบ้างหรือเปล่า >< แต่เพราะเราเองก็ไม่ได้แต่งฟิคมานาน ครั้งนี้ก็เลยลองแต่งฟิคอ้างอิงจากเรื่องจริงขึ้นมาดู จะมีคนอ่านมั้ยน้อT^T แต่พอเริ่มลงมือจริงๆทุกคำพูดมันก็ออกมาหมดเลยโดยที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองได้พิมพ์อะไรลงไปบ้าง กลับมาอ่านเองยังรู้สึกตกใจอยู่เหมือนกันเลยT^T ในส่วนที่โซลแต่งมันก็มาจากความรู้สึกของแฟนคลับ แต่เราพอแต่งเป็นตัวเรียวจัง มันค่อนข้างยากเลย ยังไงก็อ่านเพื่อความสนุกสนานน้า^^// ขอบคุณมากน้าที่อ่านกันจนจบ ยังไงก็แสดงความเห็นกันได้ตามสบายเลยนะจ้ะ เรื่องนี้ก็จะแฝงข้อคิดเอาไว้ให้ด้วยน้า>3<

    เราเองก็พยายามที่จะถ่ายทอดออกมาในการเขียนรักษาให้เป็นสไตล์ของเรียวจังให้มากที่สุด มันอาจจะมีข้อบกพร่องบ้าง แต่ก็อยากให้ทุกๆคนได้รู้สึกประทับใจขึ้นมาบ้าง (แม้จะสักนิดก็ดีนะT^T) วันเกิดเรียวจังปีนี้เรามาก้าวไปพร้อมๆกับเค้าแล้วก็จั้มพ์กันเถอะนะ^^

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×