คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 6 การโคจรมาพบกันระหว่างมนุษย์ทั้ง 4 คน (2)
(Yuto)
ถ้าถามว่าทำไมผมจะต้องมาปลุกเพื่อนเคย์โตะที่ไม่รู้จักด้วย..
เหตุผลเพราะอะไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน.. แต่อาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าอยากจะเป็นเพื่อนที่ดีบ้างก็ได้มั้ง เผื่อเคย์โตะมันจะมองเห็นความใจดีเล็กๆน้อยๆของผมและจะเปิดทางให้ผมกับเพื่อนสุดโมอึคนนั้น!! L (*O*) _l
พอคิดได้แบบนี้ก็รู้สึกว่าจิตใจพองโตซู่ซ่าเป็นกระซู่ล่าเมียทันที (>.<)
ก้อนผ้าห่มที่ขยุกขยุยอยู่ตรงหน้า ม้วนขดเป็นก้อนกลมๆ มองไม่เห็นแม้แต่วิญญาณของมนุษย์ด้วยซ้ำ ดูท่าทางจะนอนดิ้นน่าดู
ผมออกแรงกระตุกผ้านวมสองสามครั้ง
จึ้กๆๆ
“ฮึ่ย~”เสียงต่อต้านดังขึ้นอย่างหงุดหงิด พร้อมกับร่นตัวกระดึ้บถอยหนี เหมือนหนอนอ้วนพิการตัวถูกตัดขาดครึ่งยังไงยังงั้น
“เฮ้~ คุณเพื่อนเคย์โตะ ตื่นได้แล้ว.. เมื่อคืนนอนไม่พอหรือยังไงกัน?”ผมกระตุกผ้านวมออกอย่างจริงจัง ไม่รู้ทำไมตอนนี้ผมถึงมีความรู้สึกว่าอยากปลุกเพื่อนเคย์โตะที่ไม่รู้เป็นใครใจจะขาด
ถ้าเกิดเพื่อนเคย์โตะเป็นพวกนักเลง แล้วเกิดหงุดหงิดจิตงุ่นง่านกระโดดกัดหูผมขาดเหมือนไมค์ไทสันก็แย่น่ะสิ!O{}O!
พอคิดได้ผมก็กระเถิบตัวออกห่าง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผ้าห่มถูกดึงลงโดยเพื่อนของเคย์โตะ..
“เฮ้ย!!!!!”
ยามะจังนอนกลับหัวกลับหาง หัวมาอยู่ตรงเท้า เท้าไปวางอยู่ตรงหมอน หัวยุ่งฟูนอนตะแคงข้าง แก้มกลมๆแดงฝาดอย่างเป็นธรรมชาติ มือเล็กๆขยี้ตางุ้งงิ้ง
“ใครอ่ะ เสียงดัง..”เสียงทุ้มต่ำไม่เหมาะกับใบหน้าเปล่งออกมาจากคนตรงหน้าที่ผมไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอในที่แบบนี้
“ยะ..ยามะจัง!!”ผมโพล่งออกไปเสียงดัง หงายหลังตกจากเตียง
“ (=_=)??”ใบหน้าน่ารักที่ยังไม่ตื่นเต็มตาค่อยๆหันมามองทางผมอย่างเอื่อยๆ
“อะ..เอ้อ”ผมอ้าปากพะงาบๆ หน้าร้อนวูบเหมือนคลื่นความร้อนจากทะเลทรายซะฮาร่าพัดผ่านหน้าไป
“ ( ._.)” ยามะจังก้มลงมองผม
“ฉะ..”
“นาย..”มืออูมๆเล็กๆยกขึ้นมาขยี้ตาเบาๆ ตาอีกข้างสลึมสลือมองดูผมอย่างน่ารัก
“...”ผมยันตัวลุกขึ้นยืน ยามะจังยังคงมองหน้าผมอยู่
“เฮ้!! อย่าบอกนะว่า!”จู่ๆเพื่อนใหม่ตาแบ๊วของผมก็วิ่งเข้ามาหาผมกับยามะจังด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง
ผมมองหน้าเพื่อนใหม่ตาแบ๊วคนนั้นที่กำลังตกใจจนเกินเหตุอย่างงงวย
“คนที่นายพูดถึงคนนั้นคือ ไอ้เตี้ยนี่!?”เพื่อนใหม่ใช้คางพยักเพยิดไปยังร่างเล็กที่หายไปในกองผ้าห่มอีกครั้ง
“เฮ้ย! ไม่ใช่อย่างนั้นนะ!”สมองของผมพึ่งประมวลผลออกมาได้ ผมทำมือเป็นรูปกากบาทบุ้ยปากให้เพื่อนใหม่คนนี้หยุดพูด
“ใช่งั้นซิ?”แต่กลายเป็นว่าเพื่อนใหม่ยักคิ้วเหมือนเป็นต่อ
“อะไรใช่หรอ?”เคย์โตะโผล่เข้ามาในห้อง
“เอ่อ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ!!”
“หนวกหูโว้ยยยยยยยยยย!!!”เสียงคนที่ยังไม่ตื่นตะโกนเสียงดังลั่น ตามมาด้วยหนังสือเล่มหนาเควี้ยงมากระแทกหัวเพื่อนใหม่ตาแบ๊วของผมเต็มๆเปา
ปั่ก~~!!
“โอ๊ย!!!”
ชิ้งง ( O^O)!!!
เพื่อนใหม่ส่งสายตาเพชฌฆาตผ่านม่านตากลมดิกไปยังร่างบนเตียง
และเพียงเสี้ยววินาทีนั้น…
“ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!!!”เพื่อนใหม่พุ่งหลาวในท่ากระโดดน้ำลงสระไปที่เตียงของยามะจัง
ตุบ!
“...”ไม่มีเสียงจากคนใต้ผ้าห่มตอบกลับมา..
“ O{}O”ผม
“ =[]=;”เคย์โตะ
ผลั่ก!!
ร่างของเพื่อนใหม่ถูกถีบกระเด็นปลิวตกเตียงเหมือนถูกเฮอริเคนพัดไม่มีผิด
ระ..แรงควายมาก =[]=;;
“อะไรวะ!!? อยากตายหรือไง!!?”ยามะจังถกผ้าห่มขึ้นหัวยุ่งฟูท่าทางหัวเสียสุดๆ
“ก็แกโยนหนังสือใส่หัวชั้นทำไมเล่า! ห๊า!!”เพื่อนใหม่ตะโกนแข่งกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
ฟุ่บ~
ยามะจังดึงผ้าห่มออกจากตัว เดินโคลงเคลงผ่านร่างผมกับเคย์โตะไปหาเพื่อนใหม่ที่นั่งขาแบะเป็นปูถูกรถทับอยู่กับพื้น
“ส่งเสียงโวยวายอยู่ได้ น่ารำคาญ!!”
“ชั้นไม่ได้พูดคนเดียวนะเว้ย!! ไอ้หมอนั่นด้วยต่างหาก!!”จู่ๆเพื่อนใหม่ก็ทำเรื่องงามหน้า โดยการชี้นิ้วพิฆาตมาที่ผมและเคย์โตะ
“นายงั้นหรอ?”ยามะจังเดินตรงดิ่งมาหาผม เคย์โตะค่อยๆกระดึ้บถอยร่างออกห่างจากผมอย่างท่วงทัน
“เอ่อคือ..”
“ยูโตะใช่ไหม?”
จะ..จำชื่อผมได้แล้วหรอ O[]O!!! เอ๊ะ แต่นี่มันไม่ใช่เวลาที่จะมาดีใจนะ!
“อะ..อื้อ!” ผมกลั้นตดตอบ
“ไม่มีห้องอยู่หรือไงถึงต้องมาส่งเสียงดังห้องคนอื่นเค้าแบบนี้ พ่อแม่ไม่สั่งสอนหรือไงวะ!? ถ่อยเอ้ย!!!”
“เอะ..เอ๊ะ? ถะ..ถ่อย?”ผมเจอคำเดียวสมองก็เป็นอัมพาตไปเลย
“แล้วฉันจะบอกอะไรให้อย่างนะ เวลาที่มีคนมาทำให้ฉันตื่นเนี่ย! …มันทำให้หงุดหงิดโคตรๆเลยรู้มั๊ยวะ!!!”ยามะจังด่าไล่ต้อนผมจนผมล้มลงกับเตียง ใบหน้าเนียนใสอมชมพูขยับเข้ามาใกล้ใบหน้าผมมาก
“ถ้าอยากจะ...”
“ขอโทษ!!”ผมโพล่งแทรกเสียงยามะจังขึ้นมา
“ฮึ๊?”
“ฉะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ยามะจังตื่นนะ”
“ ‘ยามะจัง’?”ยามะจังทวนชื่อที่ผมใช้เรียกเค้าอีกรอบ
“อะ..อ่า..ขอโทษ”
“เราสนิทกันถึงขนาดที่นายจะเรียกแบบนั้นได้เลยหรอ?”
ฉึก!
“...”ผมตอบอะไรกลับไปไม่ถูกเลย ผมรู้สึกแย่โคตรๆจนแทบจะร้องไห้ออกมา
“ยูโตะ ไปกันเถอะ”เคย์โตะดึงผมออกจากวังวนแห่งความน่ากลัวของยามะจัง และออกจากห้องไป
(เคย์โตะ)
หลังจากลากยูโตะที่ก่อเรื่องขึ้นมาออกจากห้องของริวจังได้แล้ว ยูโตะก็เงียบไปถนัดตา แถมยังมีออร่าสีเทาแผ่กระจายอยู่รอบตัวอีกต่างหาก…
“เฮ้ย! เป็นไรวะ!”ผมตบบ่าเอ่ยถามมัน มันไม่หันมามองผมและไม่ยอมพูดอะไรออกมา
“เฮ้ย! นี่จริงจังนะเว้ย เป็นไรวะ?”
“เสียใจ..”
“ห๊ะ? เสียใจเพราะยามะจังพูดแบบนั้นกับนายอ่ะนะ?”
“อือ”ตอบเสียงเศร้าๆ
“แกก็ไม่ได้สนิทกับยามะจังนี่หว่า ปรกติก็ไม่เห็นแกจะแยแสกับคำพูดของใครอยู่แล้วไม่ใช่หรอ?”
“ก็ชั้นปิ๊งยามะจังนี่!”
“ปิ๊ง? ฮะ?”ผมเผลอหลุดหัวเราะออกมา
“มีอะไรน่าขำวะ!”
“ฉันไม่ได้ขำสักหน่อยนะ พอดีตะกี้อากาศมันเข้าผิดที่น่ะ..”ผมแถไปตามเรื่อง แล้วก็หัวเราะคำพูดของตัวเอง ยูโตะใช้สายตาตัดพ้อมองผม สายตาตัดพ้อแบบนี้เหมือนกับเวลาที่ผมบอกจะกลับบ้านไปหาเยี่ยมพ่อแม่ก่อนทิ้งให้มันอยู่หอคนเดียวโดยที่ไม่บอกมันก่อนเลย
“ฉันไม่ยอมง่ายๆหรอก..”
“แกว่าไงนะ?”
“คอยดูละกันเคย์โตะ!!”
“แล้วแกจะตะโกนใส่ฉันทำไมวะเนี่ย=[]=;;”
ผมมองแผ่นหลังของยูโตะเดินอย่างมุ่งมั่นกลับไปที่ห้องพัก ผมกับยูโตะเราสองคนเป็นเพื่อนกันมาได้เกือบ4ปีแล้ว ปีนี้ก็เข้าสู่ปีที่5แล้ว ผมยอมรับว่าผมสนิทกับยูโตะมาก มีปัญหาอะไรก็จะปรึกษากันตลอด อันที่จริง..ผมว่ายูโตะมันเป็นผู้ชายที่มีใบหน้าโดดเด่นมาก จริงๆแล้วเรียกว่า หล่อโดด จึงจะถูก ผมเคยพูดเรื่องนี้กับมันอยู่บ่อยๆ แต่มันก็ไม่ค่อยสนใจ และทำตัวบ้าๆบอๆไปวันๆ ผมว่านะถ้ายูโตะไปเรียนโรงเรียนสหะแล้วล่ะก็..จะต้องมีผู้หญิงมาสนใจมันเยอะแยะไปหมดแน่ๆเลย..
ไม่นาน ออดก็ดัง คงถึงเวลาซักทีที่ผมต้องเข้าเรียน อ๊ะ! จู่ๆ หนามของผมก็ชี้โด่เด่แทงชี้ฟ้า เรดาห์แหลมน้อยของผมทำงาน!
ริวจังนี่! *O*!!!
เบื้องหน้าระยะสิบเมตรของผมคือริวจังที่กำลังเดินหน้าบู้ไปทางห้องของเขาอยู่ สุภาพบุรุษไม่รอช้า รีบวิ่งไปทันที
ตึกๆ
“ริวจัง! กำลังจะเข้าเรียนหรอ!” ผมเรียกชื่อเขาและเว้นระยะห่าง ก่อนจะวิ่งเข้าไปหา
ริวจังยอมหยุดนิ่งรอผมแต่โดยดี
“^^”
“เป็นบ้าอะไรของนาย เรียกกันอย่างกับไม่ได้เจอกับ สิบปี กับ อีกสิบวัน - -” ริวจังทักผมครับ เอ่อ อันที่จริงมันก็ใช่ เราพึ่งเจอกันได้ไม่ถึงชั่วโมงเอง
“อ่อ เปล่า พอดีตกใจเห็นริวจังเดินมาพอดีน่ะ ^^ คาบแรกเรียนอะไรหรอ”
“แล้วนายจะรู้ไปทำไม จะไปนั่งเรียนแทนชั้นไง้”
“เอ่อ แค่อยากถามดู” อึ้งเลยสิครับ จะว่าไปยูโตะมันก็ชอบยามะจังไม่ไหมครับ ผมเองก็ชอบริวจัง และริวจังกับยามะจังก็อยู่ห้องเดียวกัน โอ้! โป๊ะเชะเลยครับ! แต่….นิสัยรับมือยากทั้งคู่ - -
ยามะจังปล่อยให้ยูโตะมันดูแลไปละกัน
แต่เดี๋ยวผมจะดัดนิสัย กับปากหวานๆของริวจังเอง หึหึ (<< ผมดูหัวเราะแปลกๆไหมครับ)
“เอ้อใช่ ไอ้แมลงตดเพื่อนนาย มันชอบไออ้วนนั่นจริงอ่ะ - -”
“หือ อ๋อ ยูโตะน่ะหรอ อื้อ ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น” เอ้อใช่ ริวจังรู้ด้วยหรอ แถมรู้ก่อนเราอีก O.o
“เหอะ แมลงตดนี่ตาต่ำจริงๆ แมลงก็เงี้ย - -” ริวจังบ่น อะไรครับเนี่ยผมไม่ค่อยเข้าใจเลย แต่ช่างเถอะครับ ผมเริ่มอยากเปลี่ยนเรื่องคุยแล้ว
“กลางวันนี้ไปกินข้าวด้วยกันนะ ^^” ผมเอ่ยปากชวน ผมรุกครับ!
“หา? ทำไมชั้นต้องไปกินข้าวกับเม่นหัวแหลมอย่างนายด้วยล่ะ”
ผมนิ่วหน้า
“ชั้นบอกว่าให้เรียกเคย์โตะไง” อะไรกันครับ ชื่อผมมันจำยากขนาดนั้นเชียว
“เออๆ เคย์โตะทำไมชั้นต้องไปกินข้าวกับนายด้วยล่ะ”
“ก็อยากคุยด้วย นะ ชั้นเลี้ยง ^^” ผมใช้วิธีล่อลวง? ทุกวิถีทาง และดูท่าทางก็จะได้ผลซะด้วย
“จริงอ่ะ *O*! ไม่โกหกนะ!” ตากลมๆเบิกกว้าง ปากเล็กๆยิ้มดีใจเหมือนเด็กๆ น่ารักจังครับ! ผมคิดถูกจริงๆที่พูดออกไปว่าจะเลี้ยง
“จริงสิ แต่ต้องสัญญานะ ว่าจะมากับชั้น ^^” ผมยื่นนิ้วก้อยไปให้ อันที่จริงผมก็คิดว่า คงโดนปัดมือใส่ แต่ที่ไหนได้...
…ริวจังดึงมือผมไป เกี่ยวก้อยสัญญายกขึ้นยกลงเหมือนเด็กสัญญากัน
“อื้อๆๆๆๆ เดี๋ยวตอนกลางวันเจอกันนะ บ๊ายบาย!!!” ริวจังที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนโบกมือบ๊ายบายผมเหมือนเป็นเด็กๆและก็วิ่งเข้าห้องไป ปล่อยผมให้ยืนเอ๋อเป็นเม่นขาดไอโอดีนอยู่ตรงระเบียงหน้าห้อง
.
.
.
ตึกตักๆ คนนี้แหละ ผมแน่ใจจริงๆ ผมเลือกไม่ผิดคนหรอก!!!
.
.
.
แต่แล้วก็ผิดคาดจนได้ พอมาถึงตอนกลางวัน ริวจังดันบอกว่า ผลัดไปวันพรุ่งนี้แทน (แต่ไม่ยกเลิก) เห็นว่า หงุดหงิดเพื่อนเลยจะไปเอาคืน อะไรกันครับ ทำไมนักเลงจัง - - อันที่จริงผมกำลังจะรีบไปห้ามก่อนเขาจะเดินกลับไป แต่ดันโดนชี้หน้ากลับมาซะงั้น (นิ้วเกือบทิ่มตาเม่นตี่ของผมเลยนะเนี่ย)
“พรุ่งนี้เตรียมตังไว้ให้ดีๆ แล้วก็อย่างมายุ่งเรื่องวันนี้ด้วย!”
ไม่นะ!!! ริวจังคนเมื่อกี้หายไปไหนแล้วครับ!!!
(Ryosuke)
“ให้ตายสิ! ตอนเช้าหงุดหงิดชะมัด” ผมบ่นขณะกำลังหยิบเฟร้นฟรายเข้าปาก โดยที่ด้านขวาของผมคือเคย์โตะ และฝั่งตรงข้ามก็คือไอ้หน้ายาว น่ารำคาญ สมญาณนามแมลงตด - - ซึ่งกำลังนั่งซดราเมนอยู่ แถมสายตามันยังจับจ้องมาที่ผมอีก ชักขนลุก - -
“ยูโตะ นายจะกินราเมนหรือจะกินยามะจังห๊ะ” เคย์โตะที่นั่งอยู่ข้างๆแซว ผมหันขวับไปจ้องหน้าเพื่อนชายตาเขียวปั๊ด!
เคย์โตะหงอยลงทันที…
“ยามะจัง เมื่อเช้าชั้นไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษนะ” ไอ้ยูโตะวางตะเกียบลงอย่างเรียบร้อย และมองหน้าผมด้วยสีหน้าจริงจัง ว่าแต่ว่า ไอนี่ บอกว่า อย่าเรียกยามะจังไงเล่า - -*!
“เออๆๆๆ รู้แล้วก็อย่าทำอีก แล้วชั้นบอกนายแล้วไง ว่าอย่ามาเรียกชั้นว่า ยามะจังน่ะ!!!”
.
.
แน่ะ ยัง ยังอีก - - มันยังมองหน้าผมต่อ
ฟิ้ววววว ววว ว ว
บรรยายกาศฟังดูกดดันเหมือนกำลังเตรียมตัวกันแข่งปล่อยบั้งไฟ
และจู่ๆ…ไอ้ยูโตะก็สติกลับด้านถามคำถามชวนปวดขี้ตาใส่ผม
“ยามะจังมีแฟนรึยังหรอ?”
O.O << ผม
OoO << เคย์โตะ
“อะ อะไรนะ!” ผมตีโต๊ะ เป็นเหตุให้เฟร้นฟรายหล่นลงพสุธาไปหนึ่งชิ้น!
“ยะ ยูโตะ ใจเย็นๆเว้ย” เคย์โตะปราม หืม ใจเย็นอะไร - -
ว่าแต่ มันทำเสียงจริงจังจนหน้าประหลาด…
“ยัง” ผมตอบเสียงแข็ง และก้มลงไปหยิบเฟร้นฟรายชิ้นนั้น ขึ้นมาจุ่มเป๊ปซี่ฆ่าเชื้อโรคและกินต่อ…
ยูโตะค่อยๆคลายยิ้มออก
“จริงหรอ”
งับๆๆ
“เออเด่ะ ฟังภาษาคนไม่ออกไง้” ผมตอบเซ็งๆ หืมม เฟร้นฟรายจิ้มเป๊ปซี่นี่รสชาติประหลาดดีแฮะ เอาไปทำขายจะได้ตังมาซื้อเค้กสตรอเบอรรี่มั๊ยเนี่ย~~
ขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ
“แล้ว ยามะจังชอบคนแบบไหนหรอ ^o^” หู้ยยย ถามไรนักหนา ว่าแต่ ยามะจังอีกแล้ว - -* ชักขี้เกียจขัดมันแล้วนะ
หน้าด้านจริงๆ!!!!
“แบบไหนก็ได้ที่ตรงกันข้ามกับนาย”
ปู้ด! คึกๆๆ เสียงเคย์โตะพ่นน้ำและกลั้นหัวเราะอยู่ข้างๆผม ปรากฏขึ้นพร้อมกับใบหน้าของยูโตะ ที่กำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ
“ทะ ทำไมล่ะ ยามะจัง” ยูโตะพูดเสียงอึ้งๆกับผม ไอ้นี่บ้าไปแล้ว ถามมาได้ น่ารำคาญตายชัก ให้คบกันมีหวังเป็นโรคชักกระตุกแหงๆ
“หัดดูสารรูปตัวเองซะมั่งเส่!”
ค่อกแค่กๆ!! คึกๆๆๆๆ เสียงเคย์โตะสำลักน้ำและกลั้นหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับใบหน้าของยูโตะที่ทำท่าดูเหมือนจะทึ่งอึ้งตะลึง
ผ่านไปช่วงเสี้ยววินาทีมด ไอ้ยูโตะก็โผล่งเสียงดังออกมา ทำเอาจานเฟร้นฟรายสั่น
“ชะ ชั้นยังหล่อไม่พออีกหรอ!!!” ไอ้บ้านั่นยกมือขึ้นแตะหน้าตัวเอง แถมยังยกกระจกบานเท่าตูดควายขึ้นมาส่องหน้า โห!! บ้านพ่อแกสะสมกระจกรึไงวะ!
แต่ก็นั่นแหละ ไอท่าทางสะดีดสะดิ้ง? ของมันทำให้เส้นเลือดผมกระตุก และกำลังจะลุกขึ้นเดินไปตบกระบาลมัน
แต่จังหวะนั้นน้ะเอง!
“กลิ่นสาบหมูเนี่ย จะทำให้ชั้นเป็นโรคภูมิแพ้ได้นะ…” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นข้างหลังผม ฝ่าตีนเริ่มคันยุกยิกอย่างไร้สาเหตุ ผมหันหน้าควับกลับไปด้วยความเร็วแสง
“นะ นาย ยูรินี่” เสียงเคย์โตะที่นั่งอยู่ข้างล่างบอกแทนคำตอบ
ยูริฉีกยิ้ม แล้วยกมือทักทายเคย์โตะ
“ไง ^^”
อะ อ๊ากกกกกกกกกกกกก มันโผล่มาแล้ว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! สาบหมูเรอะ! แกด่าชั้นหรอ ไอ้เตี้ย!!!!!!!!!!!!!!! ทั้งเสียง ทั้งท่าทาง และหน้าตาอียยียวนกวนส้นตรีนนั่น มันช่างเป็นอะไรที่ไม่มีวันลืมเลยจริงๆ!!!
คึ่กๆๆ
เสียงอะไรบางอย่างในตัวผมกำลังก่อขึ้นอย่างเงียบๆ?
ชั้นยังจำได้แม่น สิ่งที่นายพูดกับชั้นในห้องอาบน้ำเมื่อเย็นวานนี้…หึหึ มาให้เชือดถึงนี่ก็ต้องจัดไปแล้ว *O*!!!!
ผมทำหน้าเหี้ยม ยกมือขึ้นกอดอก และเดินไปประจันหน้ามัน
“นายกล้ามากเมื่อคืนนี้ ที่มาด่าชั้นว่า ตอแหล!!!!!!!” ผมกระแทกเสียงอย่างเร่าร้อน เล่นเอาโรงอาหารนรกแตกนี่เงียบเหมือนสุสานบ้านมัน
หึ... ยูริ ยิ้มที่มุมปาก
“จำได้ด้วยหรอ นึกว่าหมูจะโง่ซะอีก”
*O*!!!!!!!! บังอาจ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! หน็อยแน่!!! เอามั๊ยล่า มา! เข้ามาเล้ย!!! ไอท่าทีนิ่งๆอย่างนั้น คิดจะเล่นสงครามประสาทกับชั้นเรอะ เหอะ! มาเจอกับชั้นหน่อยเป็นไงเล่า!
“เหอะ อย่างนั้นเหรอ…พอดีว่าชั้นไม่ค่อยจะจำเรื่องไร้สาระซักเท่าไหร่หรอกนะ แต่พอดีคำว่าตอแหลมันแปะอยู่บนหน้านาย ชั้นก็เลยนึกออกก็เท่านั้นเอง”
“ว่าไงนะ!” ยูริเริ่มขึ้น เหอะ! แกคิดว่าแกเล่นกับใครห๊า!!!
“ยะ ยามะจัง พอเหอะน่า” ไอ้ยูโตะพึ่งได้สติและกำลังจะเรียกกำลังใจ? จากผม
ผมสะบัดแขน เป็นเชิงบอกให้มันหุบปากซะ
“จะมากไปแล้วนะ ไอ้อ้วน!!” ยูริ เงื้อมือขึ้นหมายจะฟาดหน้าผม ณ เวลานั้นเหมือนกับเสี้ยววินาทีประวัติศาสตร์ บรรยากาศในโรงอาหารค่อยๆสโลว์ช้าลงเหมือนเทปยืด
ท่วงท่า?ของแต่ละคนกระตุกเป็นฉากๆอย่างกับเทปเสีย
ด้วยความเร็วเท่ากับหอยทากวิ่งแข่ง อีกไม่ถึง สามสิบเซ็น มือของยูริก็จะกระแทกบนใบหน้าผม แต่แล้ว…
.
.
.
“เกะกะโว้ย! คนจะเดิน!”
ตึง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ประดุจเหมือนเสียงกะละมังนับร้อยกระแทกลงใส่หัวตัวประกอบในโรงอาหาร เมื่อหนุ่มน้อยหน้ามุ่ยเป็นตูดหมาเดินแทรกเข้ามากลางคัน….
=*=! << ตูดหมา
ไอ้หนูริว!!! ไอ้ตะไลนี่..
แม่ง ไร้มารยาทชะมัด!!
“เฮ้ยนาย/แก!!!” เป็นครั้งแรกที่ผมกับยูริใจตรงกัน หันขวับไปเรียกไอ้เด็กเวรที่ยังเดินไม่รู้เรื่องไปทางอื่น!
“ห๋า ( -_-)! ” ไอ้ริวหน้าหนูหันหน้ามาแบบกวนๆ
“แกนี่สงสัยจะไม่มีพ่อแม่มาสั่งสอนสินะ”ไอ้กวนตีนกดคำพูดต่ำๆสาดใส่ไอ้เด็กริวอย่างหมั่นไส้กับอาการอันแสนเย่อหยิ่งของคนตรงหน้า
“แกว่าไงนะ?..คนที่ควรจะต้องพูดคำคำนั้น...คือชั้นต่างหาก” ไอ้เด็กริวแค่นยิ้มอันสุดแสนคันฝ่าตีน
“หึ..”ผมหัวเราะขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทางของไอ้หนูริว..สันดานทุเรศๆแบบนี้ยังไงก็ไม่มีทางเลิกได้ง่ายๆเลยสินะ..
“มีอะไรน่าขำหรือไงวะ!?”ไอ้เด็กริวโวยขึ้นมาเสียงดัง
“ชั้นต่ำ..”
หวืด!
ไอ้เด็กริววิ่งตรงเข้ามาจะผลักผม แต่ด้วยความว่องไว ผมจึงสามารถหลบมันได้อย่างชิลๆ~
“ฮ่าๆๆ!!!!!”ไอ้กวนตีนตัวจิ๋วหัวเราะเสียงแหลมขึ้นมาเสียงดังสนั่น
ผลั่ก!
ไอ้เด็กริวพุ่งเข้าไปผลักไอ้เตี้ยกวนตีนหน้าสวย
ไอ้กวนตีนผลักกลับอย่างแรงจนไอ้ริวล้มหน้าคว่ำลงจูบพื้น ยูรินั่งยองๆลงมองร่างไอ้ริว มันกดเสียงต่ำแค่นพูดขึ้นมาว่า….
“เกรดคนต่ำๆอย่างแกน่ะ..มันไม่คู่ควรที่จะเป็นศัตรูกับชั้น..”
จู่ๆผมก็รู้สึกหมั่นไส้ไอ้กวนตีนนี่ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ชอบไอ้เด็กริว แต่รู้สึกเหมือนกับว่าคำพูดนั้นมันยูเทิร์นคัมแบคทูมีกลับมากระทบผมเต็มประตู (หลัง?)
“เฮอะ..คนอย่างแกคงไม่มีเกรดเลยสินะ” ผมหยั่งลงไป
“ว่าไงนะ?”ไอ้กวนตีนลุกขึ้นยืนมองผมด้วยสายตาเอาเรื่อง
“ดีแต่เห่าไปวันๆ..ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาไร้การศึกษาแบบนี้ มิน่าล่ะถึงได้ไม่มีใครคบ!”
“ไอ้เวร!!”
ผลั่ก!!!
ผมหลบหมัดไอ้กวนตีนนี่ได้ทันจึงโดนแค่เฉียดๆ สุดหล่ออย่างผมตรงเข้าไปผลักร่างเล็กนั้นกระแทกกับโต๊ะอาหาร
โครม!!!!
“อยากลองดีนักใช่ไหม!?”ผมง้างหมัดขึ้นสูง หวังจะชกใบหน้าเย่อหยิ่งอันสุดแสนกวนฝ่าอภิมหาส้นตีนนั่นสักเปรี้ยงให้สาแกตับ แต่กลับถูกไอ้เคย์โตะเพื่อนเก่าหน้าแก่จับล็อคตัวเอาไว้ซะก่อน
“เฮ้ย ยามะจัง! ใจเย็นก่อนสิ!” เคย์โตะถูลากถูกกังขา หิ้วปีกผมลอยหวือออกห่างจากรัศมีสนามมวย
“อย่าแส่!!! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะเว้ย!!!!!”ผมพยายามดิ้น ตอนแรกก็คิดว่าจะหลุดออกได้ง่ายๆ..แต่กลับยากกว่าที่คิดเอาไว้
ผัวะ!!!
จู่ๆไอ้เด็กริวก็พุ่งเข้าไปชกหน้าไอ้กวนตีนเสียเต็มอัตราแรงม้ากล้ามเนื้อแขน
“สวะอย่างแกต่างหาก!!”ไอ้เด็กริวตวาดขึ้นมาเสียงดังสนั่น จนผมรู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันเงียบวังเวงของโรงอาหารที่จะกลายเป็นป่าช้าวัดดงไปในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า...
ไอ้กวนตีนไม่ยอมพูดยอมจา สวนหมัดกลับ แต่ไอ้เด็กริวหลบได้ทันอย่างฉิวเฉียด หนูนาบ้านทุ่งพุ่งเข้าไปผลักร่างไอ้กวนตีน แต่ด้วยความที่มันเมาอากาศหรืออะไรสักอย่าง ส่งผลให้ยูริพุ่งหลาวเข้ามาหมายชกหน้าผมแทน!
ปั้ก!!!
ผมใช้เคย์โตะเป็นหลักยึดก่อนจะยกขาถีบไปที่กลางลำตัวของไอ้กวนตีนเต็มๆแรง !
ร่างเล็กเซล้มลงกลิ้งกับพื้น เสื้อนักเรียนเปื้อนมอมแมม ปากก่นด่าสบถถ้อยคำหยาบคาย แต่แขนเล็กๆนั่นกลับสั่นและไม่มีแรงยันตัวเองลุกขึ้นได้เหมือนครั้งก่อน
“มองอะไรวะ!!”ไอ้กวนตีนสะบัดเสียงใส่บรรดาญี่ปุ่นมุงที่พากันยืนจับกลุ่มดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเดือดดาล
ผมหันไปอีกทีก็เห็นยูโตะล็อคตัวไอ้เด็กริวลากไปที่อีกฝั่งของโรงอาหาร ห่างจากจุดที่ผมยืนไปพอสมควร
“ใจเย็นก่อนสิ!”เคย์โตะล็อตตัวผมแน่นกว่าเดิม
“หนวกหูน่า!”ผมพยายามสะบัดตัวออกจากการเกาะกุม ในใจก็พยายามข่มอารมณ์ที่กำลังจะระเบิดของตัวเองไม่ให้ปะทุออกมา..
“อย่ายุ่งได้มั้ยวะ!! ไอ้แมลงตด! ปล่อยสิวะ! ล็อคทำหอกอะไร!? พ่องเป็นยามหรือไงวะ!!”ไอ้เด็กริวหนักกว่าผม มันทั้งโวยวาย ทั้งขย่มตัวขึ้นลง จนผมรู้สึกสงสารไอ้คนที่ชื่อยูโตะขึ้นมา และในขณะเดียวกันก็เริ่มรู้สึกเห็นใจเคย์โตะขึ้นมานิดๆ
ตอนนั้น ยูริตั้งท่าพุ่งเข้ามาจะต่อยผมอีกครั้ง
“ทำไม!? แกจะต่อยชั้นเรอะ!? ต่อยเด่ะ! คิดว่าชั้นจะยอมง่ายๆงั้นหรอ มาเด้! มาเล้ย! มาหาพี่ม๊า!!”ผมเห็นใบหน้าอันกวนส้นตีนของไอ้หมอนี่แล้วอารมณ์มันก็กลับขึ้นมาปะทุขึ้นมาอีกครั้งได้อย่างเหลือเชื่อ
“ไอ้นรกเอ๊ย! อ๊ากก! เฮ้ย! แกเป็นใครวะ! ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้! ถ้าไม่ปล่อยล่ะก็ แกเจอดีแน่!!!”
“ใจเย็นก่อนสิครับ..อิอิ>.<”ผู้ชายหัวเกรียน คิ้วกันจนแทบจะเป็นสะพานโค้ง หูเจาะซะพรุนจนแทบไม่มีที่ให้กล้ามเนื้อได้ออกซิเจน ผิดระเบียบตั้งแต่หัวจรดฝ่าเท้า ท่าทางเถื่อน ดิบ โหด ด้านดาร์คแบบโคตรๆ เดินเข้ามาแบกตัวไอ้กวนตีนนั่นลอยหวือขึ้นกลางอากาศวางพาดไว้บนไหล่เหมือนกรรมกรแบกข้าวสาร และปลดปล่อยเสียงหัวเราะแอ๊บๆต่อท้ายอย่างไม่เข้ากับหน้าขั้นโคม่า
“อ๊ากกก!! ไอ้ควายเขมร! ปล่อยชั้นลงเดี๋ยวนี้นะ!! โว๊ยยยยยยยย>O<!!!”ไอ้กวนตีนแผดเสียงขึ้นมาอย่างที่สุดแห่งแรงอารมณ์
ผมมองไอ้กวนตีนถูกล็อคถอยออกไปเกือบกิโลฯนั้นอย่างสงสารกับชะตากรรมนิดๆ แต่ไอ้กวนตีนนี่ก็เงยหน้าขึ้นมองในท่าถูกแบกขึ้นบนบ่า และยก..
“ 凸 (-_-)”
“ฟัก ป้อเอ็งเด่ะ!!”ผมตะโกนกลับอย่างโกรธจัด อารมณ์เหมือนมีคนเอารองเท้าที่มีขี้หมามาตบหน้ายังไงยังงั้น
ผมไม่เคยรู้สึกเกลียดใครเท่าไอ้กวนตีนนี่มาก่อน..
มันใช่ไหม..จิเนนยูริ ปีศาจจิ๋วสินะ..
เดี๋ยวเราได้เจอกันแน่..!!!!!
(Yuya)
“เฮ้! ลูกพี่ วันนี้จะทานอะไรหรอครับ?”ลูกน้องนามว่าโกคิ เบ๊คนสนิทตรงเข้ามาถามผมที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารที่ไม่มีใครกล้ามานั่งด้วยเลยสักคน..
“เอาแบบเมื่อวาน..”ผมตอบส่งๆก่อนจะยกแขนขึ้นทั้งสองข้างให้พวกลิ่วล้อดึงเสื้อสูทออกให้
“นวดหน่อยดิ๊ เมื่อยฉิบหายเลย”ผมโยกคอไปมาอย่างเมื่อยล้า เมื่อเช้านี้กว่าจะข่มขู่ไอ้พวกเด็กเนิร์ดขอการบ้านมาลอกได้เล่นเอาต้องใช้กำลังไปพอสมควร
“คร๊าบ! ลูกพี่!”ลิ่วล้อต่างพุ่งเข้ามาบีบนวดตัวผม ราวกับผมเป็นมหาเศรษฐีนั่งอยู่บนแท่นเก้าอี้ล้อมรอบไปด้วยบริวารยังไงอย่างงั้น
อย่างว่าแหละนะ..ก็คนมัน Hot..
“ลูกพี่ครับ วันนี้ทรงผมลูกพี่ดูดีเป็นพิเศษเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นกระบังโต้คลื่นอันแสนทรงเสน่ห์ดึงดูดคุณนายวัยทองนั่น ก็สุดยอดไปเลยครับลูกพี่!!”ลิ่วล้อคนนึงหลับหูหลับตาชมผม แม้ประโยคจะชวนระแคะระคายรูหูไปสักหน่อย แต่ผมจะไม่ถือสามันหรอก เพราะผมน่ะโดนพูดแบบนี้มาบ่อยและ..โดยเฉพาะคำว่า หล่อ เท่ห์ ดูดี แบบพูดเรียงประโยคเป็นแพคเกตแบบนี้ผมก็ได้ยินบ่อยเสียจนรู้สึกเบื่อไปซะแล้ว..
ผลั่ก!
เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้น ผมมองไปที่ทางด้านหน้าที่เป็นช่วงตรงกลางของโรงอาหารพอดี ยูริกำลังผลักร่างของใครบางคนล้มลงกับพื้น ผมมองจากด้านหลังก็รู้ทันทีว่าเป็นยูริ
ก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีกล่ะสิ..
ถ้าสักวันนึงไม่ได้หาเรื่องใครมันจะเป็นสังคังหรือไง..ผมล่ะอยากรู้จริงๆ - - ให้ตายเถอะ ไอ้หมอนี่นี่มันร้ายกาจโคตรๆจริงๆ...
“ฮ่าๆๆ!”เสียงหัวเราะแหลมๆที่ผมได้ยินบ่อยจนชินดังขึ้นมาจนแสบแก้วหู ก่อนที่จะก้มลงพูดอะไรบางอย่างกับอริที่นอนทำท่าสวยงามอยู่บนพื้น ตามมาด้วยเสียงไอ้หนุ่มหน้าเหมือนผู้หญิง ผิวขาวตะโกนด่า จับใจความได้ว่า ‘มิน่าล่ะถึงได้ไม่มีคนคบ’
อืม..อันนี้ผมไม่เถียงนะ.. ถ้าคนอย่างหมอนี่มีคนเข้ามาคบด้วยล่ะก็ วันนั้นคงเป็นวันที่มนุษย์ทั้งโลกจะอพยพย้ายถิ่นไปอยู่ดาวดวงอื่น =__=;
“เฮ้ย เกิดไรขึ้นวะ?”ผมถามโกคิที่วิ่งมาจากตรงที่เกิดเหตุนั้นพอดี
“ไม่รู้ดิลูกพี่ ท่าทางอริลูกพี่เหมือนจะมีเรื่องกับไอ้เด็กหน้าจืด กับตุ๊ดคนนึงอ่ะ”
ผมชะโงกหน้าดูฝั่งตรงข้ามของยูริ แต่ไม่ทันไรก็ถูกผู้ชายตัวสูงกว่านิดหน่อย หน้าตาโมเอ้ๆสีผิวเหมือนลูกท้อผลักกระเด็นกระแทกโต๊ะในโรงอาหาร
“ลูกพี่..”
“ไร..”
“อยากลองดีนักใช่ไหม!?”เสียงสุดแมนดังออกมาจากชายโมเอ้คนนั้น..ที่กำลังจะชกหน้ายูริ
“ลูกพี่..”
“ไร..”
“ลูกพี่เป็นอะไรอ่ะ ทำไมต้องกระตุกตัวแบบนั้น”ไอ้โกคิทำหน้าสงสัยมองมาที่ผม
“กระตุกห่าไรวะ!?”
“ก็ตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว ลูกพี่กระตุกตัวเหมือนจะลุกขึ้นไปจากที่นั่งตลอดเลย”
จริงหรือ? ผมก็นั่งอยู่เฉยๆไม่ใช่รึไง!?
แต่ในจังหวะนั้นเอง เสียงอภิมหาดังลั่นก็ ดังขึ้นเสียก่อน...
ผัวะ!
“สวะอย่างแกต่างหาก!!”เสียงเข้มๆขู่คำรามดังขึ้นหลังจากเกิดอะไรบางอย่าง
ยูริถูกเด็กหน้าจืดชกหน้าเสียเต็มแรง แต่ไม่ทันไรไอ้ปีศาจจิ๋วก็สวนกลับไปในแทบจะทันที แถม แรงๆ เน้นๆ เนื้อๆด้วยอีกต่างหาก=_=; เห็นตัวเล็กแบบนั้นหมัดหนักเป็นบ้า! ผมเคยโดนจังๆอยู่ครั้งนึงตอนอยู่มอต้นที่โรงเรียนเก่า เล่นซะเห็นดาวลูกไก่เลย
หนุ่มฮอทอย่างผมรำลึกความหลังได้ไม่นาน ไอ้โกคิก็ดันตดออกมาซะก่อน กลิ่นเหมือนควายยัดแกงกระหรี่ตายมา 10 วันลอยโชยเข้ามาในจมูกผม
“อ้วกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!” เสียงผมและลูกน้องรอบๆข้างดังขึ้นมาพร้อมๆกัน ให้ตายสิ!!! ผมตัดหัวเกรียนๆแต่ไม่ลื่นของมันไปหนึ่งที
“กินห่าไรวะ! ทำเอาขี้มูกในจมูกชั้นกันกลิ่นแกไม่ไหวเลยเนี่ย!!!!!!!!!!!”
โกคิ ทำท่าจะร้องไห้ก้มหัววิงวอนผม
“ขอโทษครับพี่!!!!!!”
ผมสะบัดหน้าหนี หยิบหนังสือโป๊แถวนั้นมาโบกไล่มลพิษ
ควับ! ควับ!
กลิ่นเริ่มจางทำให้บรรยากาศรอบข้างผลันสดใส
โครม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงดังลั่นสนั่นอีกครั้งดังออกมาจากในโรงอาหารทำให้ผมนึกได้…
ผมมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ยูริโดนถีบจนล้มลงกับพื้น ถึงจะโดนซะขนาดนั้นก็ยังไม่วายแผ่แม่เบี้ยพ่นพิษด่ากราดใส่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นกันอย่างถ้วนหน้า
ผมโยนหนังสือโป๊ในมือทิ้ง แล้วนำมือมาบีบจมูกแทน
ตอนนี้ดูเหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามของยูริก็ถูกล็อคอยู่กันคนละฝั่ง...
ผมเหลือบมองยูริที่ยังยันตัวเองลุกขึ้นมาไม่ได้นั้นอย่างเวทนา ท่าทางไอ้ผู้ชายโมเอ้นั่นจะแรงช้างสารน่าดู ปรกติหมอนี่โดนหนักกว่านี้ไม่เห็นกระเทือน แต่นี่ดูจากรูปการแล้วน่าจะจุกไปถึงตับอ่อน=.= ไอ้โมเอ้นั่นคงจะเอาเรื่องน่าดูแฮะ..
“เฮ้ย! โกคิ”
“ครับ!O.O!” โกคิเงยหน้าขึ้นมาจากพื้นหญ้า
“จัดการเด้ะ”ผมพยักเพยิดไปทางยูริ แต่นิ้วมีเรียวหล่อ?ของผมยังคงบีบจมูกเอาไว้อยู่
“ครับลูกพี่!!”โกคิวิ่งตรงดิ่งไปที่ร่างของยูริและอุ้มร่างนั้นขึ้นมาเหมือนอุ้มตุ๊กตายัดนุ่น เสียงเล็กๆแหลมโหวกเหวกโวยวายด่าทอ แจกสัตว์เลื้อยคลานกระจายไปทั่วทั้งโรงอาหาร ในขณะที่ไอ้โมเอ้นั่นก็ไม่ยอมแพ้ด่ากราดเป็นทหารชายแดนเขมรกราดกระสุนใส่ชายแดนไทยยังไงยังงั้น
แต่ใน ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนดุเดือนนั้นเอง!!.
.
.
.
.
.
“ป้า! บะหมี่จาน ไม่แห้ง ไม่งอก ไม่ชี!..”เสียงครูโอโนะดังแทรกขึ้น พร้อมกับก้อนผมสีทองราวกับหมูหยองเข้ากันกับชุดวอร์มกีฬาของโรงเรียนสีน้ำเงินเข้มอย่างร้ายกาจ..
ทั่วทั้งโรงอาหาร ไม่เว้นแต่เหล่าบรรดาสัตว์เลื้อยคลานและกระสุนปืนที่ยูริ กับ เจ้าหนุ่มโมเอ้นั่นปล่อยออกมา ยังถึงกับเงียบและหันไปจ้องครูโอโนะด้วยเป็นสายตาเดียว
ชิ้งงงงงง งงงง!!
.
.
.
ปู้ด…ไอ้โกคิตดปุ๋งนึงอีกครั้ง ผมซึ่งอยู่ห่างไกลรับรู้ได้ถึงสัญชาตญาณ ดังขึ้นพร้อมกับเสียงออดโรงเรียนดัง
ติ๊งหน่อง ต๊องหนิ่ง ดิ่งดิงดิ๊งด่อง~~♪
เสียงออดหมดเวลาพักเที่ยงดังขึ้นมาทันทีหลังจากที่ครูโอโนะสั่งเมนูโปรดจบ..
ครูหัวหมูหยองเงยหน้าขึ้นดูนาฬิกา แล้วหันหน้ากลับลงมาทางเหล่าบรรดานักเรียน
“เฮ้ย! พวกแก! มัวโอ้เอ้อยู่ทำไม!? เข้าห้องเรียนเด้!”
ปังๆๆๆ!!!!
ไม้ไผ่อาวุธประจำกายกระแทกลงบนโต๊ะอาหารตรงข้ามผมเสียงดังสนั่น เด็กนักเรียนแตกฮือเป็นวงไผ่หนีหมาต๋า
“ว๊ากกกกกกกกก>O<!!”ยูริแหกปากเสียงดังสนั่น พร้อมกับสีหน้าพะอืดพะอมเพราะมือไม่สามารถยกขึ้นมาอุดจมูกได้
“ลูกพี่ เอาไงดีครับ” โกคิถาม บนบ่ามียูริดิ้นไป เป็นดักแด้เมาขี้หมาอยู่
“กองแม่งไว้ตรงนั้นแหละ!” ผมสั่ง ในขณะที่มือข้างที่ว่างถือหนังสือโป๊เล่มเดิมโบกไปมา
แอ๊ก!!!!!!!!!! ผลั่ก!!!!!
เสียงยูริโดนปล่อยลงพื้น พร้อมกับผมที่เดินจากโรงอาหารไปอย่างสุดเท่ห์เหนือใครเปรียบ…
โปรดติดตามตอนต่อไป.. กร๊ากกก
โซล :ดีใจจังมีคนทวงเยอะ?กรั่กๆๆ แต่งกันมันส์มากก หลังจากนี้จะ....ล่ะ?พอดีไปนั่งคิดกันมาแล้วไฟกำลังลุกโชน!!เลยคิดว่า คงจะยังไม่ดองแน่ๆ น้าา ToT คงไม่มีใครเชื่อเราอีกแล้ว เฮ้อ พูดงี้ทุกทีสุดท้ายก็ดอง - - คือ แง เราสองคนแปลทรานส์ แล้วก็ทำซับ ยันยัน ด้วยซึ่งหนักหนามากก =「」= เราต้องจัดการพวกนั้นได้ก่อนถึงจะมาแต่งแต่ละทีได้ ขอโทษด้วยน้า แงงงง อย่างอันนี้ก็ยังไม่ได้ทำยันยันเลย กร๊ากกก แต่มันยากและเครียดมากเลยหนีมาแต่งฟิคกัน ซึ่งฟิคเรื่องนี้เป็นทางออกที่ดีที่สุดเล้ยยยยย อิอิ ขอบคุณและก็ขอโทษทุกคนด้วยน้าา แต่ก็ยังติดตามและคอยทวง ซิกๆ จากนี้ไปจะพยายามจ๊าา! TOT
วีนัส : ตอนนี้เราสองคนก็วางแผนไว้กันเป็นตอนๆไว้แล้ว ก็คงจะทยอยลงมาเรื่อยๆ แต่ว่าคงไม่ได้แต่งแย่ใช่มั้ย ไม่ได้แต่งนานจริงๆT^T
ความคิดเห็น