คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : พวกเรา(จะ)ไปกินข้าวกัน 2 กับ สิ่งที่ผมพึ่งรู้
มาที่ผม ริวทาโร่อีกครั้งฮะ เอ๊ะ เมื่อกี้ทำไมกล้องไม่ตามมาถ่ายผมต่อล่ะ
(cameraman: อ๋อ เมื่อกี้ผมไปห้องน้ำน่ะครับ (ที่จริงไปหาเคย์โตะต่างหากอ้ะ) ) อ๋อ งั้นหรอครับ ช่างเหอะ ยังไงคนเราก็ต้องมีพักบ้างผมเข้าใจครับ
(cameraman: เอ่อ ครับ - -) แต่ผมเนี่ยสิ โดนยัยไรเตอร์ติงต๊องใช้งานไม่หยุดเลย แต่ช่างมันเหอะครับ (ไรเตอร์: อะไรยะ เมื่อกี้พี่กล้องเขาไม่อยู่ก็ให้พักแล้วไง - - ) แต่ช่างมันเถอะฮะ ผมเป็นไอดอล ผมมีชีวิตอยู่เพื่อแฟนๆอยู่แล้ว มาต่อกันดีกว่า
ร้านที่พวกเรามาครั้งนี้พูดตามตรงก็ค่อนค้างแพงอยู่เหมือนกันแถมพวกเรายังจองห้องส่วนตัวไว้อีก (มันเป็นห้องเดียวกันกับที่เรามาถ่ายโฟโต้บุ๊คกันฮะ ยาบุคุงเขาโทรมาจองระหว่างที่เราเดินทางกันอยู่) มันเลยแพงขึ้นไปใหญ่ ก็นะจะไม่จองก็คงไม่ไหวก็พวกผมเป็นไอดอลนี่ ยกกันมากินข้าวที่ร้านกันทั้งวงคงเด่นน่าดูเลยอีกอย่างพวกผมก็ทำงานมีเงินเดือนเป็นของตัวเองอยู่แล้วทุกคน แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก
หลังจากที่ผมเดินมาถึงห้อง ผมก็นั่งลงข้างๆ ยามะจังที่กำลังต่อสู้แย่งเมนูอาหารกันอย่างดุเดือดโดยมีฝ่ายตรงข้ามเป็น ฮิคารุคุงกับไดจัง
“เฮ้ย ชั้นหยิบก่อนนะเว่ย!”
“ชั้นก่อนต่างหากเล่า!”
“แต่เค้าหยิบมาให้ชั้นนะ!”
ผมล่ะไม่เข้าใจจริงๆเล้ย สิ่งที่ผมไม่เข้าใจมี 2 อย่างฮะ อย่างแรกคือ ทั้งๆที่เมนูก็มีตั้งหลายอันเหลือเฟือ ขนาดสมาชิกคนอื่นเลยหยิบกันไปคนละเล่มแล้วนะ ก็ยังเหลือพอสำหรับคนที่เหลืออีกต่างหาก พวกเค้าก็คงคิดแบบผมแหละว่าพวกเค้า สามคน (ยามะจัง ไดจัง ฮิคารุคุง) จะแย่งกันทำไม - -
อย่างที่สอง ผมไม่เข้าใจจริงๆ คือ ถ้าฮิคารุคุงคนเดียวยังพอว่า แต่นี่ยามะจังกับไดจังก็เอากับเค้าด้วย! ยามะจังน่ะนะ ถึงจะขี้เกียจ เอ๊ย ขี้เล่นบ้างแต่ก็ถือว่าเป็นคนจริงจังล่ะนะ ไม่นึกเลยว่าจะ เป็นพวกเดียวกับฮิคารุคุง เหอะๆ ส่วนไดจังคงติดนิสัย ตะกละมาจากยามะจังอย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะครับ ระหว่างที่ผมกำลังวุ่นอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่นั้น
ตุบ! “เอ้ออ จะได้กินซักทีน้า สั่งไรดี” ไอ้เม่นมันนั่งลงข้างๆผม โดยไม่สนใจว่าผมจะยินดีหรือไม่
“เฮ้ย ใครใช้ให้แกมานั่งข้างๆชั้นห๊ะ” ผมเลยด่ามันไปซะเลย ใครเค้าจะ จะ จะ อยากนั่งด้วยกันเล่า! ><
“นี่ แฮมทาโร่ กินไรกันดีล่ะ อะไรที่มันได้เร็วๆน่ะ ชั้นหิวแล้ว” มันทำเป็นไม่สนใจผมอีกแล้ว เชอะ อยากนั่งก็นั่งไป
“
.” ผมเลยไม่ตอบคำถามมัน นั่งเปิดเมนูคนเดียว
“นี่ แฮมทาโร่ ทำไมนายไม่ตอบคำถามชั้นล่ะ” มันหันหน้ามาพูดกับผม
“ที นายยังไม่ตอบคำถามชั้นเลย ทำไมชั้นต้องตอบคำถามนายด้วยล่ะ” นี่ผมกำลังงอนมันอยู่หรอ?
“แล้วนายถามชั้นว่าอะไรล่ะ” มันปิดเมนูแล้วหันหน้ามามองผมเต็มๆ แต่ผมก็ยังมองเมนูอยู่ไม่หันไปหามัน
“ชั้นถามว่า ทำไมนายมานั่งข้างๆชั้น” เอ๊ะ นี่ผมกำลังพูดอะไรออกไปเนี่ย ทำไมผมไม่พูดไปล่ะ ว่า ‘ใครใช้ให้แกมานั่งข้างชั้น!’ ล่ะ
.
..
..
..
..
“เพราะชั้นอยากนั่งข้างๆนายก็เท่านั้นแหละ” มันตอบเสียง อู้อี้
ผมรีบเงยหน้าขึ้นมาเลย แต่มันกลับหันหน้าหลบผม ทำไมล่ะ ทำไมมันถึงพูดอย่างนั้นล่ะ แล้วทำไมผมถึงดีใจขนาดนี้!!
“เฮ้ เคย์โตะ นายเป็นอะไรอ่ะ หน้าแดงเลย ” เสียงทาคาคิคุงที่นั่งด้านตรงข้ามมันก็พูดขึ้น เอ๊ะ! มันหน้าแดงงั้นหรอ
“ปะ ป่าว ชั้นไม่ได้เป็นอะไรหรอก คือ นั่งข้างหน้าหม้อ มันร้อนน่ะ” มันพูดตะกุกตะกักใหญ่เลย ทำไงดีล่ะ หรือว่ามันก็มีอาการแปลกๆเหมือนกันผมงั้นหรอ อ๊า ไม่หรอกมั้ง แต่ ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆอ้ะ
“จะลงมือปรุงแล้วนะคะ” เสียงคุณป้าบริการ พูดขึ้นทำให้ผมยกใจไปหาหม้อ (อาหารเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย) ผมแอบเหลือบไปมองมันและบังเอิญจริงๆ
-------ปิ๊ง!-------
เราสองคนดันสบตากันพอดี โอ๊ย ตกใจหมดเลย เขินอ้ะ!
จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงสังสรรค์ของพวกเรา hey !say!jump ทำเอาผมลืมเรื่องเคย์โตะไปชั่วขณะเลยล่ะ มันเองก็คงเหมือนกัน (มั้ง) มันเลยกลับมาเป็นปกติ เป็น ไอ้เม่น ตัวนึง - -
“แฮมทาโร่! ทำไมไม่กินผัก” มันเป็นแม่ผมรึไงนะ - -
“ก็ชั้นไม่ชอบกินผักนี่นา อยากกินก็เอาไปดิ” ผมเขี่ยไปให้มัน มันทำหน้าบึ้งใหญ่เลย
“ไม่ได้นะ นายจะไม่ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนรู้มั๊ย นี่ถ้านายไม่กินจะไม่โตนะ ไม่แข็งแรง ไม่ บลาๆ” โอ๊ย ผมอุตส่าห์หนีแม่ที่บ้านมาได้แล้วนะเนี่ย
“ฮ่าๆ เคย์โตะ นายเนี่ยเหมือนแม่ริวทาโร่เลยนะ” ยูโตะคุง คิดเหมือนผมเลย - -
“นั่นสิจะห่วงอะไรนักหนาก็ไม่รู้” อ๊า ชี่เอาอีกแล้วทำไมชอบพูดแบบนั้นอยู่เรื่อยเลย
แต่ผมก็แอบหวังว่ามันจะบอกว่า ‘ก็ห่วงน่ะสิ’ บ้างแต่แล้วมันก็พังทลายลง
“เอ๊า ถ้าหนูมันไม่โต ไม่แข็งแรงก็แย่สิ เดี๋ยวอีกหน่อยไม่แข็งแรงก็เป็นตัวถ่วง Jump หมดน่ะสิ” มันทำหน้าจริงจังเกินเหตุ หนอยยย แก๊!
“เฮ้ย มันจะมากไปแล้วนะเว่ย ใครเป็นตัวถ่วงกันวะ!” เส้นผมขาดผึงเลยทีเดียว
ไม่ทันที่ผมจะด่ามัน มันก็คีบผักชิ้นเบ้อเริ่มยัดปากผม แหวะ โคตรไม่อร่อยเลย
“กินเข้าไปอย่าบ่นน่า ถ้าไม่ใช่ตัวถ่วงก็กินๆเข้าไปซะ” ผมเถียงมันต่อไม่ได้เพราะผักล้นปากอยู่
“น่า น่า ริวทาโร่อย่าไปโกรธเลย เคย์โตะเขาเป็นห่วงนายนะ” ยามะจังพูดปลอบผมพลางช่วยเช็ดปากให้ผม ผมเลยต้องจำใจยอมรับสภาพฝืนกินผักให้หมด
“ขอบคุณนะยามะจัง” ผมรู้สึกดีทุกครั้งถ้าเป็นยามะจังพูด เค้าพูดอะไรผมก็เชื่อเขาทั้งนั้นแหละ ^^ (ไรเตอร์: แต่ก็ไม่น่าตะกละลดความน่าศรัทธาของตัวเองเล้ย - -)
ตอนนั้นผมสังเกตเห็นว่าหน้า เคย์โตะมันบึ้งลงเล็กน้อยล่ะ และก็เปลี่ยนไปเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
..ระหว่างทางเดินกลับ
.
“อ๊า อิ่มตื้อเลย อร่อยชะมัด” ฮิคารุคุงพูดพลางเดินเกาพุง
“ช่าย กลับบ้านไปรีบไปนอนดีกว่า” ไดจังเหมือนหมี(แพนด้า)เลย - - กินแล้วนอน
“พวกนายอ้ะ แย่งเนื้อชั้นไปตั้งหลายชิ้น เซ็งเลย” ยามะจังหันไปแขวะใส่ ทั้งสองคน โถ่ไม่นะ พี่ชายสุดหล่อของผมเข้าโหมดนี้อีกและ - -
“ครั้งหน้าชั้นไม่ยอมแพ้พวกนายหรอก” และเสียงกระซิบเบาๆ (แต่เต็มไปด้วยความหมาย) ของยาบุคุง
“เฮ้อออ” คงเป็นเสียงใครไม่ได้นอกจาก ทาคาคิคุง
“นี่ยูโตะ ชั้นว่าหม้อไฟก็ไม่เลวเหมือนกันแฮะ”
“เออ นั่นดิชั้นก็ว่างั้นแหละ ว่างๆนายไปกินที่บ้านชั้นมั๊ยล่ะ แม่ชั้นทำอร่อยเหมือนกันนา”
“จริงดิ ไปๆ โทรมาชวนด้วยล่ะ” อ้าว สองคนนี้เขาญาติดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย เออ จะว่าไปแล้วผมก็เห็นเขานั่งกินข้างๆกันนี่นา
“รสชาตินั้น
พึมพัมๆ” เอ๊ะ นี่ผมลืมใครไปรึเปล่า “อา รสชาติช่างเหมือนวันนั้นจริงๆ รสชาติจืดๆเค็มๆของน้ำซุป ที่พวกเราช่วยกันเคี่ยวด้วยความรู้สึกมากมาย” อ่านะ อิโนจังยังไม่เลิกอีกแฮะ - -
และแล้วก็เหลือผม กับ เคย์โตะเดินรั้งท้าย
.
--เงียบ---
..
เอ่อ อึดอัดอ้ะ ไม่รู้จะพูดอะไรดี ><
“นี่ แฮมทาโร่” ผมหันหน้าไปมองมัน แล้วขมวดคิ้ว
“มีอะไร” ผมทำเป็นตอบเสียงเย็นไป
มันหันมามองหน้าผมนิ่งซักพัก
“นี่นาย ไม่คิดจะพูดดีๆกับชั้นมั่งหรือไงนะ” น้ำเสียงมันแฝงความเศร้านิดๆออกมา ทำเอาผมงง
“เอ๊ะ?” ผมงง
“ชั้นล่ะ อิจฉาทุกครั้ง เวลาที่นายพูดดีๆ ทำดีๆ ให้กับคนอื่นน่ะ อย่างเมื่อกี้ที่นายปลอบทาคาคิคุง กับที่นายยอมเชื่อฟังคำพูดของยามะจังแต่โดยดีน่ะ มันทำให้ชั้นอดคิดบ้างไม่ได้ว่า นายจะทำดี พูดดีๆแบบนั้นกับชั้นบ้างไม่ได้หรือไงนะ”
.
..
มันพูดอะไรของมันน่ะ!
“ยิ่งเป็นตอนที่นายปลอบทาคาคิคุงน่ะ นายมองและก็ยิ้มให้เค้าอย่างอบอุ่น มันไม่เหมือนกันเลยนะ แฮมทาโร่ มันต่างกับสิ่งที่นายทำให้ชั้นมาก นายรู้มั๊ยชั้นเจ็บปวดมากเลยล่ะ แต่ชั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเวลานายด่าชั้น หรือ แกล้งชั้นมันทำให้ชั้นรู้สึกแย่หรอกนะ มันก็สนุกดีแหละ แต่ว่าชั้นอยากเห็น
อยากให้สายตาแบบนั้นของนายมองมาที่ชั้นคนนี้บ้าง
.”
ผมอึ้งไปเลยฮะ อึ้งกับทุกสิ่งทุกอย่างที่มันพูดออกมา ผมอายด้วย ผมเลยก้มหน้าหนีมัน นี่ตลอดมามันคิดอย่างนี้ตลอดเลยหรอ ผมไม่เคยรู้สึกตัวเลย เขินอ้ะ นี่ผมดีใจมากเลยนะที่มันมีความรู้สึกน้อยใจเหมือนกับผม
แต่ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี ว่ามันอยากจะพูดอะไรกันแน่ ต้องการจะบอกอะไรผมกันแน่นะ
แต่ เอ๊ะ นี่แสดงว่าที่ผมทำไม่ดีกับมัน ผมทำให้มันเจ็บปวดขนาดนั้นเลยหรอ ทำไงดีผมรู้สึกผิดมากๆเลย ไม่รู้จะขอโทษยังไงดี ผมเลยตัดสินใจจะพูดออกไป
“อ่ะ เอ่อ คือ ขอโท..” ผมกำลังจะพูดว่า ขอโทษ แต่
“ซักวัน ชั้นอยากได้
รอยยิ้มสำหรับชั้นคนเดียว จากนาย” คำพูดนี้ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมาหามัน มันยิ้มให้ผมอย่างใจดี แล้วก็อ่อนโยนที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นในชีวิตเลยล่ะ นอกจากรอยยิ้มของคุณพ่อ คุณแม่ที่ยิ้มให้ผมมาให้ผมแล้วนะ มีมันนี่แหละที่ยิ้มแบบนั้นให้ผมได้ ตอนนั้นเวลารอบๆตัวผมมันเหมือนจะหยุดไปชั่วขณะเลยล่ะ ถึงผมจะไม่ได้เข้าใจความหมายของมันทั้งหมด แต่ผมก็เข้าใจบางส่วนแหละ ว่ามันคงรู้สึกดีๆกับผมบ้างเหมือนกัน
“ฝันดีนะแฮมทาโร่น้อย” มันลูบหัวผมแล้ว เดินไปบอกลาเมมเบอร์คนอื่น
ทะ ทะ ทำไงดี ผมอาย แล้วก็เขินๆ เขินสุดๆไปเลย พอผมรู้สึกตัวก็ผมก็มีแต่เขิน อาย กับสิ่งที่ได้ยิน และ ได้เห็นมา ความรู้สึกนี้
มันเอ่อท่วมออกมาเรื่อยๆ มากขึ้นๆ จนผมแทบสำลัก มันคืออะไรกัน แล้วผมจะคิดไปเองรึเปล่านะ ที่ผมสัมผัสความรู้สึกที่เหมือนกับผมตอนนี้ได้จากคำพูดของเคย์โตะเมื่อกี้เหมือนกัน
.
..แต่คำพูดของเคย์โตะเมื่อกี้ทำให้ผมมีความสุขมากเลยล่ะ
.
To be con....
-----------------------------------------------------------
มาต่อแล้วน้า เฮ้อ ตอนนี้ค่อยเข้าเรื่องเข้าราวหน่อย รู้สึกที่แล้วๆมามันจะไม่ค่อยมีเนื้อซักเท่าไหร่ - - ฮ่าๆ
ขอบคุณสำหรับเม้นน้าาา แล้วมาเม้นให้เราบ่อยๆนะ อิอิ
ใครจะฝากฟิคก็มาเลยน้า จะเข้าไปอ่านและเม้นให้ทันทีจ้า
ความคิดเห็น