ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic HSJ] Love tasty in dormitory ~รักวุ่นๆฉบับเด็กหอ~

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 วันนรกกับโรงเรียนชายล้วน

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ค. 53




    (Ryosuke)



    “เฮ้ย
    ! เข้าเรียนเดี๋ยวนี้!




    ฟิ้ว ว ว
    ~!




            รองเท้าหนังเงาคู่งามกระเด็นลอยหวืดข้ามหัวผมไปกระแทกเข้ากับผู้ชายหัวทองคนหนึ่งที่นั่งซุกอยู่ใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ด้านหลังเสาวิทยุอย่างแม่นยำ



    “ทำไมวะ ไอ้แก่”เด็กหัวทองท่าทางโคตรเกเรลุกขึ้นยืนเขย่าขาปากเคี้ยวหมากฝรั่งดังจั้บๆ คุณครูหัวทองผิวสีแทน ดูอายุแล้วไม่น่าจะเกินสามสิบทำท่าจะวิ่งเข้าไปหาเด็กเกเรนั่น ยังไม่ทันจะก้าวขาเด็กเกเรนั่นก็แตกกระจายเป็นผึ้งแตกรังเกิดฝุ่นตลบอบอวลไปทั่วบริเวณที่ผมยืนอยู่ ดูเหมือนตรงด้านหน้าโรงเรียนจะเป็นสนามกีฬากลางแจ้งที่ทำจากดินลูกรัง วิ่งทีฝุ่นคลุ้งอย่างกับพายุทรายเข้า



    “สวัสดีครับ”ผมก้มหัวทักทายครูหัวทองที่กำลังโกรธจนแก้มพอง เขาหันมามองหน้าผมก่อนจะมองเลยไปยังพ่อแม่ผมที่ยืนเป็นแบคกราวน์อยู่ด้านหลัง



    “ที่นี่ไม่รับเด็กผู้หญิงนะ”



    หนอย..อยากลงนรกหรือลงโลงไอ้แก่นี่
    =_=* ผมล่ะเกลียดคำพูดนี้ที่สุด ถ่างตาดูสิวะ! ไอ้เวรตะไล!



    “ผมมาส่งลูกชายน่ะครับ
    !”พ่อผมตะโกนเสียงดังก่อนจะเดินอ้อมไปแบกกระเป๋าใบเท่าตูดช้างของผมลงมาจากท้ายรถ



    “อ่อ งั้นหรอ”ครูแก่หัวทองหันมามองไล่ตั้งแต่หน้าหยุดอยู่ที่กลางอกก่อนจะลากสายตาลงไปมองข้างล่างแล้วย้อนกลับขึ้นมามองหน้าผมใหม่อีกครั้ง



    “ที่ยื่นใบสมัครมาเมื่ออาทิตย์ก่อนใช่ไหม?”คุณครูท่าทางน่าเกรงขามหน้าผากกว้างเดินไพล่หลังเข้ามาในวงล้อม ดูจากรัศมีและท่าทางการเดินแล้ว น่าจะเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน



    “ค่ะ ยามะดะ  เรียวสุเกะที่ใช้คะแนนยื่นเข้าน่ะค่ะไอบะเซนเซ”แม่กอดไหล่ผมก่อนจะผลักให้ผมไปยืนก้มหัวทำความเคารพตามมารยาท



    “ครับ ทางเราจะดูแลลูกคุณเป็นอย่างดี รายละเอียดกฎของโรงเรียนคุณสองคนทราบแล้วใช่ไหมครับ?”พ่อแม่ผมพยักหน้าพร้อมกัน ก่อนที่จะคุยอะไรกันอีกเล็กน้อยถึงรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่ผมไม่ได้สนใจฟังสักเท่าไหร่




    ไม่นานนักแม่ผมก็โผเข้ากอดผมพร้อมน้ำตาที่ไหลทะลัก




    “เรียวสุเกะ อยู่ที่นี่เป็นเด็กดีนะลูก
    T^T มีอะไรโทรหาพ่อแม่ได้เสมอเลยนะ แต่ทางโรงเรียนให้ติดต่อที่บ้านได้เฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ ไม่เป็นไรแน่นะเรียวสุเกะ?”แม่กอดผมอีกครั้ง กอดแล้วกอดอีกพร่ำบอกเป็นห่วงแล้วเป็นห่วงอีก


    “รู้แล้วน่า”ผมดันแม่ออกห่าง



            ผมเข้าใจความรู้สึกแม่ดี การที่ผมตัดสินใจมาเรียนโรงเรียนประจำชายล้วนที่นี่มันอันตรายมาก กว่าผมจะขอร้องแม่ย้ายมาเรียนที่นี่ได้ใช้เวลาร่วมหลายเดือน



    “แม่ไปก่อนนะ
    T T”แม่เข้ามากอดผมหอมแก้มผมหลายครั้ง ในขณะที่พ่อผมยักคิ้วให้ทีหนึ่ง



    “บ๊ายบ่าย”ผมโบกมืออำลาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่พ่อจะวนรถขับออกไปจากโรงเรียน



             ผมไม่เคยอยู่ห่างพ่อแม่คนเดียวเวลานานๆแบบนี้มาก่อน การตัดสินใจของผมครั้งนี้ถือว่าเปลี่ยนชีวิตผมอย่างร้ายกาจ เพราะผมค่อนข้างจะติดแม่มากน่ะ
    -///-



    “โอ้โหว กระเป๋าหรือหินอุตกาบาตวะเนี่ย”ครูหัวทองลากกระเป๋าผมอย่างยากลำบาก ในขณะที่ครูไอบะเดินมาหาผม



    “เดี๋ยวโอโนะเซนเซจะพาเราไปแนะนำตึกในโรงเรียน เดี๋ยวครูจะเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บไว้ที่ห้อง อ่ะนี่กุญแจห้องนะ”ครูไอบะยื่นกุญแจใหม่เงาวั้บ ตรงกลางสลักไว้ว่า
    ‘177’ น่าจะเป็นหมายเลขห้อง



    “มานี่ไอ้หนู”โอโนะเซนเซกวักมือเรียกผม ในขณะที่ไอบะเซนเซแบกกระเป๋าอ้อมไปอีกด้านของตึกโรงเรียน




            ผมเดินเข้าไปหาโอโนะเซนเซ แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆเขาก็ถอดรองเท้าขึ้นมาขว้างไปที่เสาตึกต้นนึงดังปุ้ก นักเรียนชายที่ดูเหมือนจะแอบซุ่มดูอยู่ตรงนั้นแตกกระจายวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง โอโนะเซนเซเดินกลับไปใส่รองเท้าตัวเองตามเดิม ก่อนจะหันมาทำหน้าตายใส่ผม..

    “ตรงนั้นคือตึกเรียนของมัธยมต้น!!”   เขาตะโกนเสียงดังจนผมสะดุ้งเหวอ


    “ฝั่งขวาห้องอาบน้ำรวม! อ้อ! ที่นี่ไม่มีห้องอาบน้ำส่วนตัวนะ"



    “เอ๋
    !?” อย่าบอกนะว่าผมจะต้องอาบน้ำร่วมกับผู้ชายคนอื่น ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยอาบน้ำกับผู้ชายนอกจากพ่อเลยนะเว้ยเฮ้ย!

    “มีอะไร?”เขาหันมามองหน้าผม ผมส่ายหน้าดิก


    “อาคารเรียนมัธยมปลายคือตึกนี้ เธออยู่ห้อง 334 เดี๋ยวจะพาขึ้นไป”เขาพูดพร้อมกับเดินเลี้ยวซ้ายตรงดิ่งไปยังบันไดสุดทางเดิน

     

     

            เสียงผู้ชายโหวกเหวกตะโกนด่าทอถ้อยคำหยาบคายดังลั่นก้องไปทั่วทั้งทางเดิน ผมเดินผ่านห้องเรียนไปได้สามห้องแล้ว แต่ละห้องวุ่นวายมากๆเพราะอาจารย์ยังไม่ได้เข้าคาบโฮมรูม โต๊ะนักเรียนกระจัดกระจายไปทั่ว บางคนวิ่งไปรอบห้องพร้อมกับปาขนมใส่กัน


           ผมหยุดยืนรออยู่ริมประตูด้านนอกตามคำสั่งของโอโนะเซนเซที่จะเข้าไปคุมสถานการณ์ข้างในห้องเรียนก่อน เสียงหมัดแลกหมัดดังสนั่น เสียงโต๊ะล้มโครมพร้อมกับเสียงเชียร์ดังสนั่น



    ปังๆ
    !



    “นั่งที่ๆ
    !”โอโนะเซนเซตะโกนเสียงดังเหนือกว่านักเรียนทุกคน


    “อะไรวะ”เสียงบ่นดังงึมงัมแต่ก็เงียบเสียงลงแต่โดยดี ดูท่าทางนักเรียนส่วนใหญ่จะกลัวครูคนนี้ สงสัยคงดุน่าดู

    “อย่างที่บอกไปเมื่อวันก่อน จะมีเพื่อนย้ายมาเรียนที่นี่เพิ่มอีกหนึ่งคน”เสียงนักเรียนโห่ร้องดังขึ้น ก่อนที่จะมีผู้ชายหัวเกรียนคนหนึ่งโผล่หน้ามาทางประตูสบตาเข้ากับผมเต็มๆ



    ตุบ
    ~


    เขาล้มลงไปนอนกับพื้นก่อนจะวิ่งจู้ดกลับเข้าไปในห้อง


    “อ๊ากก
    ! น่ารักโคตรเลย!”ทันทีที่ชายหัวเกรียนพูดจบก็เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้นในห้องเรียน โอโนะเซนเซเรียกผมเข้าไปในห้องเรียน


              ผมก้าวเข้าไปในห้องเรียนสบตากับสายตาผู้ชายทุกคู่ที่เพ่งมองมาที่ผมเป็นจุดเดียว ทุกคนทำสายตาตกตะลึงเมื่อเห็นหน้าผม ในห้องเรียนนั้นจัดแบบเรียบๆหลังห้องแปะผลงานนักเรียนที่ตอนนี้ผลงานขาดเละเทะไปหมดแล้ว จากป้ายที่เขียนไว้ว่า
    ผลงานนักเรียน กลับถูกแต่งเติมเป็น ผลงานนักเลง


    “สวัสดีครับ”ผมก้มหัวทักทายทุกคนเล็กน้อย ในห้องเรียนเงียบสงัดเหมือนทุกคนพร้อมใจกันเงียบ


    “ยามะดะ  เรียวสุเกะ พึ่งย้ายมาใหม่ยังไงก็ช่วยดูแลเค้าด้วยนะ”โอโนะเซนเซตบไหล่ผมเสียแรงจนเซไปจนกับผู้ชายสวมแว่นไร้กรอบที่นั่งอยู่ด้านหน้าสุด


    “อ๊า”เขาร้องครางยิ้มจิตๆให้ผม


    “โต๊ะอยู่ตรงนี้ครับ เชิญเลยๆ ^^ ผู้ชายที่ดูใจดีแบบแปลกๆตบบนเก้าอี้ตัวหนึ่งด้านหน้าเขา"



             ผมวางกระเป๋าสะพายใบเล็กที่ผมพกติดตัวห้อยไว้ข้างโต๊ะ โอโนะเซนเซพูดเรื่องรายละเอียดที่ผมไม่ได้สนใจฟังเท่าไหร่..



           ดูจากรูปการณ์แล้ว นักเรียนห้องนี้ส่วนใหญ่ให้ความสนใจผมมากเป็นพิเศษ ก่อนอื่นผมต้องมองหาคนพอที่ผมจะเป็นเพื่อนได้


    “ยามะจัง? ใช่หรือเปล่า?”ผู้ชายหัวเม่นๆตัวสูงๆท่าทางการพูดดูนิ่มนวลเอ่ยทักทายผมด้วยชื่อที่เพื่อนโรงเรียนเก่าชอบเรียกผม

    “...”ผมนิ่งมองคนตรงหน้า..เหมือนเคยเห็นที่ไหน..



    “เคย์โตะ
    !



    “ไชโย
    ! ยามะจังจำฉันได้จริงๆด้วย!”เขาดึงผมเข้าไปกอดท่ามกลางเสียงฮือฮาของเพื่อนร่วมห้อง


    “ไม่ได้เจอนายตั้งแต่ประถมนายยังจำฉันได้อีกหรอเนี่ย”


    “จำได้สิ ก็ยามะจัง..”


    โครม
    !


              ประตูนักเรียนถูกถีบกระแทกติดกำแพงดังโครมใหญ่ เด็กนักเรียนที่ดูท่าทางจะเป็นรุ่นพี่สามคนยืนเรียงกันเป็นสามเหลี่ยมเบอมิวด้า



    “ไหนวะ เด็กใหม่?”รุ่นพี่หัวทองเดินเข้ามาในห้อง



    “นี่หรอ?”รุ่นพี่หัวทองก้มลงมองผมที่สูงเพียงแผ่นอก




    “น่ารักดีนี่”ฝ่ามือใหญ่ลูบหัวผมอย่างนิ่มนวลก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนไปทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น



    “ใครหรอ?”ผมหันไปถามเคย์โตะ



    “หัวโจกของโรงเรียนน่ะ ยามะจัง อย่าไปยุ่งเลยจะดีกว่านะ แต่ดูท่าทางเขาจะสนใจยามะจัง
    เคย์โตะตอบผมเบาๆ

           


            สมใจผม
    ? อีกแล้วหรอ! เป็นเพราะหน้าตาของผมอีกแล้วใช่มั๊ย ทำไมกันนะ แต่ผมตัดสินใจแล้วนี่นา ว่าจะยั่วแล้วก็เขี่ยทิ้งให้สะใจ แต่ว่า คนนั้นเป็นถึงหัวโจก อย่าไปยุ่งเลยดีกว่า ดูจากหน้าตาแล้วคงร้ายไม่เบานะนั่น (นึกถึงตอนที่โอโนะเซนเซปารองเท้าใส่)

     

    นี่ แล้วทำไมยามะจัง ถึงย้ายมาโรงเรียนนี้ล่ะเคย์โตะถามขัดความคิดผม



    อ๋อ ก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศน่ะผมยิ้มแห้งๆให้เพื่อนเก่า ใครจะไปบอกกันล่ะ ว่าย้ายมาประชดชีวิต ว่าแต่เราจะทำได้จริงๆน่ะหรอ ไอที่ยั่วผู้ชายแล้วก็เขี่ยทิ้งเนี่ย ก็เราชอบผู้หญิงนี่นา เอ หรือว่าจะเริ่มจากเคย์โตะ (เหลือบไปมองเมื่อชายสมัยประถม) ไม่ได้ๆ นั่นเพื่อนเรานะ แล้วเคย์โตะก็เป็นคนดี ไม่ได้หรอก


    เออ จริงสิยามะจัง ที่จริงชั้นมีเพื่อนสนิทอยู่คนนึงน่ะ ไว้จะแนะนำให้รู้จักนะ พอดีวันนี้หมอนั่นดันท้องเสียเลยไม่ได้มาเรียนน่ะ เคย์โตะพูดยิ้มๆจนตาหยี


    ห๊ะ อ่ะ อื้มผมยิ้มตอบ ให้ตายสิเกือบไปแล้ว จะว่าไปเคย์โตะหล่อขึ้นมากเลยนะเนี่ย

    "นี่ๆน้องสาว ย้ายมาจากไหนหรือจ๊ะเสียงเพื่อนร่วมห้องคนนึงทักผมมันเรียกผมว่า น้องสาว!



    ผมหันขวับทันที เหมือนของขึ้น เมื่อได้ยินคนเรียกผมว่า น้องสาว



    ห๊า ใครน้องสาวแกฟร๊ะผมหันหน้าไปมองอย่างเอาเรื่อง ให้ตายสิ อย่ามาเรียกผมอย่างงี้นะ มันขึ้น! แต่วันนี้เข้าวันแรกผมจะพยายามข่มใจไว้ละกัน


    ไอ้บ้านั่นชะงักเมื่อผมหันไป


    ห๊ะ ปะปล่าว อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิจ๊ะ เดี๋ยวไม่สวยนะแน่ะ ยังจะเล่นอีกเรอะ อ๊ากกก ของขึ้น!

    ในเมื่อความรู้สึกนึกคิด และความยับยั้งชั่งใจในตัวผมหมดลง ความโกรธเข้ามาแทนที่

    ปิ๊ง! ตาผมเบิกโพลง แสยะยิ้มร้ายก่อนจะลงมือ ไอ้ปากบอนที่มาเรียกผมว่าน้องสาว


    โครม

    แอ่กๆ เสียงไอ้บ้านั่นชักกระตุกแหละ เชอะ มาว่าผมเอง ผมออกจะแมนเต็มร้อยแถมหล่ออีกต่างหาก

     

     

    ยะ ยามะจัง เสียงเคย์โตะ นำสติผมกลับมาสู่ตัว

             

         
    ผมสะดุ้ง และหันไปมองรอบๆห้อง ที่ตอนนี้ทุกคนมองตาค้างมาที่ผมคนเดียว แถมเบื้องหน้ายังมีคนไม่สมประกอบนอนตายอยู่อีก



    อย่าบอกนะว่า ฝีมือโผมมมมมม



    อ๊ะ ปะ ปล่าววนะ เอ่อ คือ ขอโทษษผมเอ่ยคำขอโทษแล้วรีบแบกศพออกไปห้องพยาบาล

           


              ระหว่างทาง แย่แล้ว เรามัวแต่ลนลานแบกศพออกมา ทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่า ห้องพยาบาลไปทางไหน เฮ้ออ เรานี่แย่จริงๆเลยแฮะ อ๊ากก เคย์โตะก็ไม่เดินตามผมออกมาน้ะ ก็รู้ๆอยู่ว่าผมเข้ามาใหม่



    ขณะที่ผมกำลังหาทางไปห้องดับจิต เอ๊ย ห้องพยาบาลอยู่นั้นก็มีเสียงที่ผมรู้สึกคุ้น เรียกผมจากด้านหลัง



    นะ นายทำอะไรน่ะ


           

           ผมตกใจที่ใครมาเรียกผม ในขณะที่แบกศพอยู่ ห๊ะ ไม่ใช่ผมนะ ผมไม่ได้ฆ่าเค้า! ผมหันหลังกลับอย่างรวดเร็วเพื่อแก้ตัว เอ๊ย อธิบาย!!!!


    อ้าว ไอบะเซนเซ



    ไงผอ.ไอบะ ยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร



    จะไปไหนน่ะเรา แล้วนั่นแบกขยะมากหรอ ฮะๆผอ.ไอบะชี้นิ้วมาที่ศพที่ผมแบกอยู่ แล้วบอกว่าเป็นขยะ?



    ห๊ะ อ๋อ คือผมเผลอฆ่าเขา เอ๊ย ไม่ใช่นะครับผม ผม เอ่อ เค้า…” และผมก็เล่าเรื่องที่ผมของขึ้นที่ศพศพนี้สมัยมันยังมีชีวิตอยู่



    ฮ่าๆ เรานี่สุดยอดจริงๆ ยามาดะคุงใช่มั๊ย มาๆเดี๋ยวชั้นพาไปห้องเก็บศพ เอ๊ย ห้องพยาบาลผอ.ไอบะรับมุขผมและเดินนำผมไป ให้ตายสิ ผมว่าผอ.คนนี้ต๊องไม่เบานะ


           

           หลังจากที่ผมเดินเข้ามาถึงห้องพยาบาลก็จัดแจงทิ้งศพลงบนเตียง จากนั้นก็มอบหน้าที่ให้สับปะเร่อ เอ๊ย อาจารย์ห้องพยาบาลดูแลต่อ จากนั้นผมก็เดินกลับห้องโดยมี ผอ
    .ไอบะเดินไปส่ง



    เอ่อ ขอบคุณมากนะครับที่ เดินมาเป็นเพื่อนผมเอ่ยขอบคุณ ขณะที่เรากำลังเดินไปที่ห้องกัน



    อ๋อ ไม่เป็นไร ชั้นก็หาอะไรทำไปวันๆแหละ ฮ่าๆคนๆนี้เป็นผอ.จริงๆน่ะเหรอ แต่ช่างเหอะ ท่าทางเป็นดี ไม่มีมีพิษมีภัย (มั้ง)


    และก็ถึงหน้าห้อง



               ผมโค้งขอบคุณผอ
    .ไอบะ ก่อนที่เขาจะเดินจากไป ส่วนผมก็เดินเข้าไปในห้อง เอ๊ะ ไม่มีอาจารย์เข้าอีกหรอ วันๆเรียนกันบ้างรึเปล่าเนี่ย ทันทีที่ผมเข้ามาในห้อง ห้องทั้งห้องเงียบลง เหมือนกับตอนที่โอโนะเซนเซเข้ามาส่งผมเลย โดยมีเคย์โตะเดินออกมาหาผมที่หน้าห้อง



    อ๊ะ ยามะจัง กลับมาแล้วหรอ โทษนะ ที่ไม่ได้ตามไปน่ะ (ยามะจังน่ากลัว) เคย์โตะ เอ่ยขอโทษผม

    ไม่เป็นไรๆ แล้ว (ผมลดเสียงลง) ทำไมทุกคนต้องมองชั้นแบบนี้ด้วยอ่ะผมทำหน้าเครียด ให้ตายสิ ผมทำอะไรลงไปเนี่ย แล้วผมจะมีเพื่อนมั๊ยนะ



    พวกนั้นมันตกใจน่ะ ไม่คิดว่า เอ่อ ยามะจังตัวเล็กๆจะมีแรงขนาดนั้นน่ะเคย์โตะพยายามหลบตาผม ผมรู้นะ เขาจะเลี่ยงคำว่า เพราะผมหน้าหวานใช่มั๊ยล่ะ ช่างเหอะ ผมชินซะแล้ว (มั้ง)

    เงียบ



             บรรยากาศเงียบสนิทชนิดมดเดินสวนสนามคงได้ยินทุกคนนั้นมันทำให้ผมรู้สึกอึดอัดจนอยากตดดังๆออกมาสักป้าดให้ชักตาตั้งกันไปทั้งห้อง



    แต่ก็ทำได้เพียงโปรยยิ้มหวานแล้วนั่งประจำที่ตัวเองเท่านั้น..



    “เอ่อนี่เคย์โตะ”ผมหันไปเรียกเคย์โตะที่นั่งอยู่ถัดเยื้องไปนิดหน่อย



    เฮือก
    !


    เพื่อนร่วมห้องทุกคนสะดุ้งเฮือกพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย นี่มันวันเฮือกบูชาหรือยังไงกัน
    =_=’


    “หืม? มีอะไรหรอยามะจัง?”



    “วันนี้อาจารย์ไม่เข้าสอนหรอ?”


    “อ่อ..คาบนี้คาบเจ๊หลอดน่ะ สงสัยคงมัวแต่ดัดผมเลยมาเข้าสายล่ะมั้ง”


    เจ๊หลอด...คือใครวะ?



    “สวัสดีนักเรียนสุดหล่อทุกนาย
    ~”เสียงแหลมประดุจเปรตโหยหวนจากนรกดังขึ้นจากทางหน้าห้อง นักเรียนทุกคนวิ่งกรูเข้าที่นั่งของตัวเองเหมือนตุ๊กตุ่นวิ่งลงรู


           


               ผู้หญิงตรงหน้าถือไม้เรียวยาวเฟี้ยวเงาวั้บ ผมสีดำดกเหมือนขนกอริลล่าม้วนเป็นลอนเป็นหลอดๆจนเหมือนหลอดอย่างที่เคย์โตะว่าจริงๆ หล่อนโบ๊ะหน้าจนขาวจั๊วะเหมือนผีจีน ปากแดงฉานเหมือนไปดื่มเลือดหมา เปลือกตาทาสีดำติดขนตาเป็นแผงจนแทบจะวางปากกาบนนั้นได้โดยไม่ตก คิ้วที่กันซะจนงอเป็นสะพานโค้งไม่รับกับแก้มที่ตอบเหมือนซอมบี้



    สรุป..หล่อนเหมือนซากศพมากกว่ามนุษย์..




    ผมต้องสังเกตให้แน่ใจก่อนว่าตามตัวเธอมีหนอนชอนไชอยู่หรือเปล่า..

            


              หล่อนสแกนสายตาจิกมองไปทั่วทั้งห้องก่อนจะมาหยุดสายตาตรงแถวผม.. ผมหันไปมองด้านหลังเผื่อเจ๊แกไม่ได้มองผม..แต่เปล่าเลย..


    หล่อนเดินนวยนาดบิดก้นขึ้นลงเป็นจังหวะชะชะช่าในคราบชุดสีเขียวแสบตาเดินมายืนหน้าโต๊ะเรียนผม



    “อุ้ยตายแล้ว
    ! น่ารักเหมือนบาร์บี้เลย”

       

           หล่อนเป็นกระเทย=___= ผมเริ่มเข้าใจจุดประสงค์แล้วว่าทำไมเพื่อนร่วมห้องถึงพร้อมใจกันเงียบทันทีที่เจ๊แกเดินเข้ามาในห้อง

    หล่อนจับแก้มผมวนไปมา พูดให้ถูกคือหล่อนกำลังนวดแก้มผมต่างหาก




    “แหม่..ปรกตินี้เจ๊ไม่ชอบชะนีนะเนี่ย แต่ไม่เป็นไร หน้าตาดูไม่มีพิษภัย
    ^^”หล่อนยิ้มแสยะเหงือกแดงแปร้ดก่อนจะเดินบิดกลับไปที่หน้าห้องเรียน


      
          ชะนี..อีป้านี่หาว่าผมเป็นชะนี อ๊ากกกกก !!>O</ ให้ตายเถอะบั้ดท่อม!ผมล่ะอยากจะเอาไม้เสียบลูกชิ้นมาแทงตูดยัยป้าซอมบี้นี่สักหนึ่งยก!



    “เอาล่ะ วันนี้จะแจกหนังสือเรียนก่อน”หล่อนวางหนังสือเรียนแต่ละหัวโต๊ะของแถว แล้วทะยอยส่งมาโต๊ะหลังๆ



    ..วิชาเย็บผ้า..


    เย็บผ้านี่นะ



             บัดซบ
    ! ผมเกลียดมากเรื่องเย็บปักถักร้อยเวรตะไลนี่! อ๊ากก>O< นึกว่าหนีมาชายล้วนจะไม่มี แต่แม่งดันตามมาหลอกหลอนอีก นรกที่บ้านหินแตกจริงๆ!T^T


               

          ผมนั่งมองหนังสือเล่มหนาจนแทบจะฟาดคนสลบได้ราวกับจะจ้องมันให้ลุกเป็นไฟบรรลัยกัลป์ ไม่ต่างจากเพื่อนร่วมห้องที่นั่งทำหน้าเหี่ยวเหมือนถูกบังคับให้ไปข่มขืนกระเทยควายยังไงยังงั้น

            


           วิชาเวรตะไลนี่ผ่านไปโดยไม่มีการปฏิบัติจริงแต่อย่างใด.. แต่คราวต่อไปคงได้ปฏิบัติจริง เห็นยัยป้านี่บอกว่าคราวหน้าจะให้เย็บซิป
    -_-*

     

    ตอนนี้เป็นช่วงพักกลางวัน ผมแวะไปดูห้องพักของตัวเองเพราะยังไม่หิว

          


          ผมพึ่งค้นพบความจริงอีกอย่างหนึ่งว่า..พอถึงคาบพักกลางวันทีไร โรงอาหารจะกลายเป็นโรงนรกทันที เพราะนักเรียนชายจากทั่วทุกสารทิศพากันแห่เข้ามาในโรงอาหารเพื่อแย่งชิงร้านอาหารโปรด แล้วแต่ละคนจะกินเยอะมากๆ แถมมูมมามอีกต่างหาก นี่คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมกินข้าวกลางวันไม่ลง
    =__=




             ผมเดินข้ามสะพานเชื่อมตึกไปยังตึกฝั่งตรงข้ามตึกเรียน ซึ่งเป็นตึกห้องพัก ผมดูแผนผังตึกแล้ว ห้องที่ผมอยู่ชั้นรองจากชั้นบนสุด



    “ห้อง
    170 , 171...”ผมเดินไล่มองป้ายหมายเลขห้องไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอห้องของตัวเองในที่สุด..


    ห้อง
    177



    ผมมองประตูไม้แข็งแรงลวดลายลูกไม้นั่นอย่างช่างใจ ข้างในห้องมันจะนอนได้มั้ยน้า? ผมคิดไปต่างๆนาๆ



    กริ๊ก
    ! แอ้ด~



    ผมไขประตูห้องก่อนจะเปิดประตูออกช้าๆ..ปรากฎร่างใครคนหนึ่งนั่งอยู่ในห้องอยู่ก่อนแล้ว

            


           ในห้องนอนนั้นกว้างโอ่โถง มีเตียงขนาดคนเดียวนอนสองเตียงวางชิดกำแพงคนล่ะฝั่ง ตรงกลางมีโต๊ะไม้โต๊ะเล็กๆวางอยู่ ตู้เย็นตู้เล็กๆที่ใช้เฉพาะในโรงแรมวางอยู่บนชั้นไม้ที่ว่างเปล่า



    ผมพึ่งรู้นะเนี่ยว่าผมจะต้องแชร์ห้องอยู่กับเพื่อนอีกคน..




    ผมค่อยๆก้าวเดินเข้าไปในห้อง ดูเหมือนเพื่อนคนนั้นจะรู้แล้วว่ามีคนไขประตูเข้ามา..



    และทันทีที่หันมา..




    “ไอ้ริว
    !




    “ไอ้ก้อนกลม

          


            ต่างฝ่ายต่างถลึงตาใส่กันอย่างตกใจสุดขีดต่างคนต่างชี้นิ้วเข้าหากันประดุจสังเวียนศึกไม้กายสิทธิ์ในเรื่องแฮร์รี่พอตเตอร์ไม่มีผิด



    “ยังไม่ตายอีกหรอวะ
    !”ไอ้ริวตะโกนทักผมอย่างเจ็บแสบพร้อมกับสีหน้าที่เห็นแล้วรู้สึกคันตีนยุบยิบ




    “แล้วแกพึ่งตะกายมาจากนรกหรือไงวะ
    !”ผมเถียงกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง




    “นี่มันเรื่องวิปริตชัดๆทำไมฉันต้องเจอแกด้วยวะ


    To be con...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×