คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 12 เผชิญหน้ากับความจริงที่พึ่งรู้
หลังทานอาหารเย็นเป็นเวลาของ สามพี่น้องมานั่งประชุมกันอยู่ในห้องของพี่ใหญ่
“เอาล่ะ
” โซลลุกขึ้นยืน เป็นสัญญาณเชิงว่า จะเริ่มอธิบายแล้ว
เอื๊อก เสียงสองพี่น้องที่ยังคงนั่งอยู่บนเตียงกลืนน้ำลายลงคออย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นและกดดันเป็นที่สุด
“คือ ไงดีอ่ะ โซลเห็นออร่าแห่งความโชคร้ายออกมาจากตัวนานะอ่ะ” โซลทำหน้าปกติ แต่ความปกตินั้นก็บ่งบองถึงความจริงจังในสิ่งที่พูดออกไป
“จริงหรอ!” ไดกิ ทำตาโต ส่วนยามะจังนั้นก้มหน้านิ่ง เนื้อตัวสั่นเทิ้ม
“อืม ไม่ผิดแน่ แต่ร้ายยังไง อันนี้โซลก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ทั้งสามคน นิ่งเงียบ
ไดกิรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากคนที่นั่งข้างๆ จึงเอื้อมมือไปนำมือเล็กมากุมไว้ และถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ยามะจัง ไม่เป็นอะไรนะ” ไดกิก้มลงไปมองหน้าน้องชาย ที่บัดนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยหยดน้ำตา
“มะ ไม่เป็นไร” นานะเธอมาทำไม เธอต้องการอะไรจากชั้น! เธอแค้นอะไรชั้นนักเหรอ
นานะ
น้ำตาเม็ดโต ร่วงลงมาจากตาสวยครั้งแล้วครั้งเล่า จนคนนั่งข้างๆไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากคอยซับน้ำตาที่ร่วงลงมา
โซลยืนมองภาพนั้นนิ่ง ริมฝีปากเม้มหากันแน่น
“แต่ว่านะถ้าเราเข้มแข็ง และไม่ยอมแพ้ ไม่ว่านานะจะเป็นเจ้าแห่งความโชคร้ายหรืออะไรก็ตาม ก็ไม่มีวันที่จะมาทำให้เราสั่นคลอนได้หรอก” พี่ชายคนโตของบ้านพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ยามะจังหยุดร้องและเงยหน้าขึ้นมามองพี่ชาย
“นั่นสินะ อย่างที่พี่พูดนั่นแหละ อีกอย่างในเมื่อพรหมลิขิตกำหนดให้เรียวจังคู่กับยูโตะ ไม่ว่ายังไงมันก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้หรอกนะ” โซลก้มหน้าและยิ้ม นั่นสิ จะไปกังวลอะไรนักหนา ก็ในเมื่อคำตอบมันก็อยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ
หลังจากที่ฟังโซลพูดจบ สองมือเล็กยกขึ้นมาปาดน้ำตาจนเหือดแห้ง
“นั่นสินะ จะยอมนานะได้ยังไง ในเมื่อชั้นเองก็รักยูโตะมากไม่แพ้ใครนี่นา” ยามะจังยิ้มอย่างเข้มแข็งจนคนที่อยู่ด้วยกันรู้สึกอดตื้นตันไม่ได้
“ขอบคุณมากนะไดจัง โซลจัง ชั้นไม่เป็นไรแล้วล่ะ ชั้นมันผิดเองที่มัวแต่อ่อนแอ ยอมให้คนอื่นแย่งยูโตะไปต่อหน้าต่อตา ตอนนี้ชั้นคิดได้แล้ว ชั้นจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองและเผชิญหน้าสู้กับมัน”
สองพี่น้องยิ้ม
“งั้นเราต้องทำอะไรกันบ้างล่ะ” พี่ชายคนโตถาม
“นั่นสินะ ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันแหละ” ยามะจังตอบเสียงเศร้าๆ ที่จริงเขาก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าต้องทำอะไร
โซลเดินมานั่งลงข้างๆยามะจัง
“อันดับแรกเราต้องแจ้งความจำนงซะก่อน” โซลยิ้มอย่างพอใจ
.
.
.
.
.
“โซลจะไปซื้อรถหรอ” ผู้ชายเพียงสองคนในห้องพูดขึ้น แบบซื่อๆ
โครม!
“อู้ยยเจ็บ จะบ้าหรอ! ใครเขาหมายความว่ายังง๊านนนน”
“เอ๋?”
ที่โรงเรียน
“ยามะจังงง ไดกิคุงบอกชั้นแล้วนะ เอ่อ ยามะจังจะไปคุยกับยัยนั่นจริงๆน่ะหรอ” พูดจบชี่ก็ส่งสายตา รังเกียจมองไปที่นานะที่นั่งคุยกับยูโตะอยู่อีกมุมห้อง
ยามะจังหันมองตามไปด้วยสีหน้านิ่งๆ
“อืม”
“เราไปเป็นเพื่อนนะ ถ้ายัยนั่นทำอะไรยามะจังขึ้นมาล่ะ” เคย์โตะ เอ่ยด้วยความเป็นห่วง
“นั่นสิๆ ยิ่งดูแรดๆ อยู่เกิดมันตบยามะจังขึ้นมาทำไง” ชี่เบ้เสียงอย่างไม่พอใจ
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ขอบใจนะ” ยามะจังยิ้มให้กับเพื่อนทั้งสองที่หยิบยื่นความเป็นห่วงมาให้ แต่เขาจำเป็นต้องคุยกับนานะเพียงแค่สองคนเท่านั้น นี่จะเป็นการตัดสินใจครั้งแรก
พักกลางวัน
ยามะจังกับนานะออกมาคุยกันตามลำพังทางด้านหลังตึกเรียนที่ไม่ค่อยมีใครเดินไปถึง แม้ว่า ยามะจังจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่เพื่อนทั้งสองก็อดเป็นห่วงไม่ได้จึงแอบตามมาเงียบๆ ส่วนไดกิคุงเอง ต้องทำหน้าที่พายูโตะไปที่อื่น จึงไม่สามารถตามมาดูน้องชายได้
“เรียวสุเกะคุงมีเรื่องอะไรงั้นหรอ” นานะ ถามเสียงใส และส่งสายตาแบบเป็นมิตรสุดๆ
ยามะจังที่เอาแต่ก้มหน้านิ่ง เมื่อได้ยินเสียงนานะ ก็ค่อยๆรู้สึกตัว และเอื้อมมือไปจับด้ายแดงเตือนใจอีกครั้ง
“ธะ เธอมาทำไม” ยามะจังพูดเสียงเบา ขณะที่ยังก้มหน้าอยู่
“เอ๊ะ?”
ยามะจังเงยหน้าขึ้น และพูดด้วยเสียงที่ไม่เบาเมื่อครั้งก่อน
“เธอมาทำไม” ยามะจังสบตานานะนิ่ง
นานะตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางของคนด้านหน้าเปลี่ยนไป จากนั้นก็กลับไปจ้องลึกในดวงตาของอีกฝ่ายนิ่งเหมือนกัน
เกิดบรรยากาศตึงเครียด รอบๆข้างคนทั้งสอง
ด้านผู้สังเกตการณ์
“อ๊า เคย์โตะ นายดูนังนั่นเซ่! บังอาจมาจ้องยามะจังของชั้น!” ชี่เขย่าแขนเพื่อนชายรูปหล่อที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ใจเย็นชี่ คอยดูกันต่อไป”
และใครบางคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆพวกเขาในมุมมืดเพื่อจับตาดู คนสองคนที่ยืนจ้องหน้ากันอยู่เช่นกัน
“ว่าไงล่ะ” ยามะจังถามทวนอีกครั้ง เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมตอบคำถาม เขาเริ่มรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อนานะทำหน้าตาเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร
นานะยิ้มที่มุมปากนิดๆ
“ฮะๆ ไม่เอาน่า เรียวสุเกะคุง ชั้นก็มาหายูโตะไงล่ะ” นานะแสร้งทำหน้ายิ้มอีกครั้ง
“อิซึมิ นานะ” ยามะจังเอ่ยเสียงเครียด เหงื่อเม็ดเล็กๆเริ่มผุดขึ้นมาตามใบหน้าสวย
นานะ หุบยิ้ม และยิ้มขึ้นมาใหม่แต่ไม่ใช่รอยยิ้มแห่งความเป็นมิตร
“แล้วจะทำไมล่ะ
” นานะกระตุกคิ้วเป็นเชิงท้าทาย
“
ถ้านายดูออกขนาดนี้จะบอกให้ก็ได้ ชั้นจะมาแย่งยูโตะไปจากนายยังไงล่ะ”
นานะยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นคู่กรณีด้านหน้าชักสีหน้าเครียด
ด้านผู้สังเกตการณ์อีกครั้ง
“นะ นายได้ยินมั๊ยเคย์โตะ!!! ยะ ยัยนั่นบอกว่าจะมาแย่งยูโตะไปจากยามะจังน่ะ!!!” ชี่เริ่มออกแรงเขย่าเคย์โตะอีกครั้งด้วยพลังที่รุนแรงกว่าเดิม
ทำให้เคย์โตะสั่นเป็นเจ้าเข้ายังไงยังงั้น แต่สายตาก็ยังคงจับจ้องไปที่นานะ และเพื่อนชายหน้าสวยที่รักอยู่แม้ว่าโฟกัสจะสั่นไปบ้าง แต่เคย์โตะก็ยังคงจ้องต่อไป ด้วยความที่อยากจะพุ่งตัวเข้าไปกระชากยัยนานะ ออกไปไกลๆเพื่อนเขาจริงๆ แต่ว่ามันทำไม่ได้
“ว่าไงล่ะ เรียวสุเกะคุง แล้วนายจะทำยังไงล่ะ” นานะยกมือขึ้นมากอดอกแล้วมองด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
ยามะจังกัดฟันแน่น
เนื้อตัวเริ่มสั่นเทิ้ม มืออ่อนแอ ค่อยๆขยับไปจับด้ายเตือนใจ เพื่อหยุดตัวเองให้หายสั่น และในที่สุดก็หยุดสั่นจริงๆ
คนตัวเล็กหลับตาลงช้าๆ สูดหายใจลึก ก่อนจะลืมตาขึ้นและถามคำถาม
“ทำไมล่ะ ทำไมเธอต้องทำอย่างนี้ด้วย!”
“ทำไมน่ะหรอ เพราะ ชาติที่แล้วนายมาแย่งยูโตะไปจากชั้นน่ะสิ! ชาตินี้ชั้นถึงได้มาเอาคืนยังไงล่ะ!!!” นานะเบิกตาโต แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธแค้น
คนฟังแทบล้มทั้งยืน นี่มันอะไรกัน เขา เขาเคยไปแย่งยูโตะด้วยเหรอ! แถมยังเป็นเรื่องในชาติที่แล้ว ก่อนที่ตัวเขาคนนี้ ก่อนที่ยามาดะ เรียวสุเกะจะมีตัวตนขึ้นมาหรอ! นะ นี่มันอะไรกัน
เนื้อตัวกลับมาสั่นอีกครั้ง เมื่อรู้ถึงจุดประสงค์อันหน้าตกใจ ที่มีเขาเป็นต้นเหตุ ตอนแรกเขากะจะมาบอก ให้รู้ไว้ว่าเขาก็รักยูโตะและไม่ยอมเสียยูโตะให้นานะ แต่สถานการณ์มันเปลี่ยนไปทำให้เขาไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกไปได้เลย แต่ว่า
ยามะจัง ตั้งตัวอีกครั้ง
“แต่ชั้นก็รักยูโตะนะ!!! และก็จะไม่ยอมเสียเขาไปด้วย!!! แม้ว่าเค้าจะยังไม่รักชั้นแต่ชั้นก็
!”
“แล้วนายจะบอกว่า ความผิดที่นายทำกับชั้นไว้นั้น ให้ลืมมันไปด้วยเหตุผลที่ว่า นายรักยูโตะอย่างนั้นหรอ!!!”
“อึก!” ตะ แต่ว่านั่นมัน
“ไม่มีวันซะหรอก!” นานะเดินมาประชิดตัวยามะจัง มือสองข้างบีบไหล่เล็กแน่น จนคนโดนบีบถึงกับต้องลู่ไหล่ลงด้วยความเจ็บปวด
“ชั้นจะมาเอายูโตะของชั้นคืน แล้วมัน...ผิดตรงไหนอย่างนั้นหรือ” นานะแสยะยิ้ม
ยามะจังถึงกับ สั่นด้วยความกลัวและตกใจ เขาไม่รู้เรื่องเมื่อชาติก่อนหรอก แต่ ถ้าตัวเขาเคยทำไว้จริง งั้น ชั้นต้องจำใจยอมรับและชดใช้ให้กับนานะงั้นหรอ ไม่นะ! แต่ยูโตะเป็นคนรักตามพรหมลิขิตของชั้นนะ ชั้นจะเสียยูโตะไปไม่ได้! ตะแต่ว่า แล้วเราจะ ละทิ้งความผิดของเรางั้นหรอ
ร่างเล็กเหงื่อตก สายตาสั่นคลอด้วยความกลัวและสับสน ทำให้นานะที่กดไหล่ของเขาไว้อยู่นั้น รู้สึกสะใจเป็นที่สุดที่เห็นท่าทีตื่นกลัวของอีกฝ่าย จึงยิ่งบีบแรงขึ้นไปอีก
“นะ หนอยแน่!! ไม่ได้ยินเลย! แต่ว่า ตอนนี้ชั้นเห็นยัยนั่น บีบไหล่ยามะจังอยู่นะ!!!” ชี่หยุดเขย่าแขนเคย์โตะแล้ว ทำให้เคย์โตะมีสิทธิ์ออกเสียงทางคำพูดได้มากขึ้น
“ชิส์ นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย” ถ้าเราเข้าใกล้กว่านี้คงได้ยิน โถ่เว๊ย! จะต่อยผู้หญิงก็ไม่ได้! เคย์โตะกัดฟันแน่น เขาเริ่มจะทนเห็นเพื่อนของเขาตื่นกลัวไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
“ยามะจัง กำลังกลัวมากเลย” ชี่พูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
.
.
.
“ทนไม่ไหวแล้วชั้นจะออกไป!” ชี่ตัดสินใจและกำลังทำท่าจะเดินออกไป แต่เคย์โตะคว้าตัวเอาไว้ได้ก่อน
“ไม่ได้นะชี่! ใจเย็นๆ อีกอย่าง ยังไงนายก็เป็นผู้ชายนะ!” เคย์โตะเขย่าตัวชี่อย่างแรงให้เพื่อนมีสติ ทั้งๆที่ตัวเองก็แทบควบคุมตัวเองไม่ได้
“โอ๊ย แล้วจะให้ทำยังไงเล่า! ปล่อยไว้แบบนั้น ยามะจังเสียสติแน่! นายดูหน้ายามะจังสิ!” จริงอย่างชี่ว่า สีหน้ายามะจังตอนนี้ ดูหวาดกลัวและสับสนเป็นอย่างมาก
.
.
.
.
.
“งั้น ก็อย่าปล่อยสิ ยูริคุง” เสียงคุ้นหูดังออกมาจากมุมมืดใกล้ๆพวกเขา
“โซลจัง!” ชี่และเคย์โตะพูดออกมาพร้อมกันอย่างตกใจ
โซลเดินเข้าไปหาเป้าหมายโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
เมื่อถึงตัว ก็กระชากมือนานะออก และตรงเข้าไปประคองให้ยามะจังถอยห่างออกมา โซลหันไปมองชี่และเคย์โตะ เป็นเชิงเรียกให้ทั้งสองออกมารับตัวยามะจังไว้ ทั้งสองเข้าใจจึงวิ่งออกมาประคองเพื่อนขอ
โซลเมื่อเห็นคนสำคัญมีคนดูแลแล้ว ก็หันไปเผชิญหน้ากับตัวต้นเหตุอีกครั้ง และจ้องนานะที่กำลังส่งสายตาท้าทายนิ่ง
“เธอ
ทำอะไร” โซลถามด้วยสีหน้านิ่งเช่นเดียวกัน แม้ในใจจะปะทุด้วยความโกรธ แต่ก็พยายามยับยั้งเอาไว้
“ก็เห็นอยู่แล้วนี่ ชั้นก็แค่บอกว่าชั้นจะมาทำอะไรเท่านั้นแหละ” นานะยังคงตอบนิ่ง ด้วยสีหน้าของผู้เหนือกว่า
โซลเงียบ ก้มหน้านิ่งซักพัก
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มที่มุมปากอย่างผู้เหนือกว่าบ้าง ทำให้นานะเริ่มชักสีหน้า กังวลเล็กน้อย
“หรอ
อย่าคิดนะว่า เธอจะทำอะไรเรียวจังของชั้นได้น่ะ”
เพี๊ยะ!
โซลตบนานะแรงจนหน้าหัน และเร็วจนเกินกว่าที่นานะจะตั้งตัวทัน
นานะหันขวับมามองด้วยสีหน้าโกรธแค้นทันที
“ลองดูกันซักตั้งมั๊ยล่า” โซลยักคิ้วทีนึงอย่างผู้เหนือกว่า และเดินออกไป พร้อมกับ ชี่ เคย์โตะ และยามะจัง
ไม่วายชี่กับเคย์โตะ หันมาพูดอะไรบางอย่างกับนานะ ที่กำลังยกมือแตะแก้มตัวเองด้วยความเจ็บแค้นทั้งกายและใจ
“ฝากไว้ก่อนเถ้อะ คราวหน้าอย่ามาแตะตัวเพื่อนชั้นอีก!” ชี่ตะโกนใส่
“เธอทำอะไรไม่ได้หรอก ซักวันยูโตะต้องรู้แน่ๆ” เคย์โตะพูดเสียงเย็น และพากันเดินออกไป และทิ้งนานะไว้เบื้องหลัง
.
.
.
.
.
“เรียวจัง ไม่เป็นไรแล้วนะ” โซลนั่งลงข้างๆ
“ยามะจัง
หนอย นังนั่นบังอาจมากนะ! คราวหน้าชั้นจะตบไม่เลี้ยงเลย! ผู้หญิงแล้วทำไม ไม่สนหรอก โซลจังอ่ะ ครั้งเดียวมันยังน้อยไปนะ” ชี่ปากยื่นไม่พอใจ
“ยามะจังไม่เป็นไรนะ เจ็บรึเปล่า” เคย์โตะเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนแตกต่างกับเพื่อนตัวเล็กปากจัดอีกคน
ยามะจังยังคงตัวสั่นเล็กน้อย น้ำตาเอ่อล้นเต็มตา มือซ้ายกำด้ายแดงแน่น จนโซลสังเกตเห็นและจับมือนั้นไว้ด้วยความเป็นห่วง
ทั้งสี่เข้าสู่ความเงียบ
อยู่ๆยามะจังก็ค่อยๆเปิดปากเรียกชื่อเพื่อนที่นั่งข้างๆ
“โซลจัง เคย์โตะ ชี่” เสียงสั่นๆ เบาๆ หลุดออกมาจากปากคนเสียขวัญ
ทั้งสามคนเจ้าของชื่อ หันมามองตามเสียงเรียก
มือเล็กกำด้ายแดงแน่นขึ้นไปอีกจนข้อมือเริ่มขึ้นสีแดง
“ชั้นไม่ได้อ่อนแอ
แต่ก็ไม่ได้เข้มแข็ง”
คำพูดนี้หลุดออกมาพร้อมน้ำตาแห่งความอดทน ที่กลั้นเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่เผชิญหน้ากับนานะ
To be con
เรื่องราวชักไปกันใหญ่แล้ว หึหึ แต่ก็น่าติดตาม (มั้ง) >< เรื่องนี้ยิ่งแต่งยิ่งยากแฮะ เหอๆ แบบว่าโซล(ในเรื่อง) คงจะออกมาบ่อยเกินไปจริงๆ - -‘ จะพยายามเอาออกละกัน เพื่อความสบายใจของทุกคนเหอๆ
http://writer.dek-d.com/zaol-chan/writer/view.php?id=620276 รักวุ่นๆฉบับเด็กหอก็อัพแล้ว เย่
ความคิดเห็น