คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 10 ความลับของไดจัง
ตอนนี้เป็นเวลา สามโมงเย็น ตามท้องถนนมีเด็กนักเรียนเริ่มออกมาเดินกันประปรายบ้างแล้ว ร้านค้าที่เคยเงียบเหงามาตลอดทั้งวันเริ่มมีสีสันขึ้น ทุกๆอย่างดำเนินผ่านไปอย่างเป็นปกติ แต่กลับมีเด็กหนุ่มคนนึงกำลังวิ่งฝ่าความปกติเหล่านั้น ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และร้อนรน เพื่อมุ่งหน้าไปหาใครบางคน เพื่อค้นหาคำตอบ และความสบายใจให้แก่ตนเอง
ณ ร้านหมอดู คิดดีทำดี เป็นศรีแก่ตน
ตึงๆๆๆๆ เด็กหนุ่มเคาะประตู เมื่อหันไปเห็นป้ายร้านที่ติดอยู่ที่หน้าประตู ‘ร้านเปิด 4 โมง’
แอ๊ดดดด เสียงเปิดประตูดังขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปถึง 10 นาที
“ขอโทษนะคะ ร้านยังไม่เปิด” หญิงสาวอายุราวต้นยี่สิบเปิดประตูออกมา
“เอ่อ คือผมมีธุระกับ คุณอาริโอกะน่ะครับ” เด็กหนุ่มตอบจุดประสงค์ ว่าเขาไม่ได้มาในฐานะลูกค้า
หญิงสาวเลิ่กคิ้วสูง
“นัดไว้รึเปล่าคะ” หล่อนถาม
“คือ ผมเป็นพี่ชายเธอน่ะครับ ชื่อ อาริโอกะ ไดกิ” ไดกิยิ้ม
หญิงสาวเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยเชิญ เขาเข้าไปในร้าน
“อ๋อค่ะ คุณอาริโอกะอยู่ข้างในห้องน่ะค่ะ เชิญ”
ไดกิโค้งขอบคุณหญิงสาว ก่อนที่เธอจะเดินจากไป สีหน้าเขากลับมาเคร่งเครียดอีกครั้ง พร้อมมุ่งหน้าสู่ห้องที่ว่า
ปัง!
“โซล!!!” ไดกิ เปล่งวาจา
เด็กผู้หญิงคนหนึ่งหันหน้ามามองเขาอย่างตกใจ (นึกว่ามีลูกค้า) เธอยังสวมชุดนักเรียนอยู่ ซึ่งจริงๆควรเป็นชุดหมอดู
“พี่! มาได้ไงอ่ะ”
“วิ่งมาน่ะสิ ถามได้” ไดกิค่อยมีสีหน้าโล่งอก เมื่อพบน้องสาว และเดินลงไปนั่งลงที่โซฟาสีแดงเลือดหมูตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ในห้อง
“วันนี้เลิกเร็วหรอพี่ แล้วทำไมต้องรีบขนาดนั้นล่ะ” โซลขมวดคิ้ว ก่อนที่จะเดินไปหยิบน้ำมาให้พี่ชาย
จริงๆแล้ว ไดกิมีน้องสาวอีกคน ชื่อ โซล (<<คุ้นๆ) แต่ว่า โซลพึ่งกลับมาจากการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศไทยมา และก็ยังไม่ยอมกลับบ้านเลยไปอยู่กับป้าและทำงานพิเศษเป็นหมอดูอยู่ที่นี่ทุกวันจันทร์และวันพุธ ทุกคนในบ้าน รวมทั้งไดกิก็รู้ เพียงแต่ยามะจังยังไม่รู้เท่านั้นเอง ว่าโซลกลับมาแล้ว
“อืม บ่ายไม่มีเรียนน่ะ ขอบใจนะ” ไดกิรับน้ำจากน้องสาว และกระดกน้ำลงรวดเดียว
“เฮ้อออ ค่อยยังชั่วหน่อย”
“แล้วมีไรอ่ะ พี่ ถึงได้รีบมาหาหนูน่ะ”
“ก็เรื่องยามะจังน่ะสิ” ไดกิกลับมามีสีหน้าเคร่งเครียดอีกครั้ง
“เรียวจัง? เรียวจังทำไมหรอ” โซลถาม
“ก็เรื่องมันมีอยู่ว่า
.” และไดกิก็เล่าเรื่องในวันนี้ทั้งหมดที่ตนไปได้ยินมาให้โซลฟัง อันที่จริงเขามาปรึกษากับโซลเรื่องยามะจังตลอด เพราะนอกจากตนแล้ว โซลเป็นอีกคนที่ยามะจังเล่าเรื่องยูโตะให้ฟัง (ทางโทรศัพท์) และก็บังเอิญวันนั้นเคย์โตะพายูโตะเข้ามาที่นี่ เลยทำให้โซลได้เห็นหน้ายูโตะ
หลังจากที่ไดกิเล่าจบ เขาก็พูดต่อออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง
“เพราะงั้นพี่เลยไม่รู้จะทำยังไงดี ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครนะ เขามาทำไมต้องการอะไร”
.
.
.
.
.
“ ก็คนรักของยูโตะน่ะมันเป็น
!”
ไดกิพูดค้างไว้เท่านั้น
พร้อมกับทำท่าเก็บความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้
โซลเข้าใจความรู้สึกของพี่ชาย จึงนั่งนิ่งเงียบ ที่จริงเธอเองก็กังวลไม่แพ้ไดกิ เพราะเธอเองก็รักยามะจังไม่ต่างกับพี่ชายเลย
“นี่ พี่
” โซลพูดขึ้น
ไดกิเงยหน้าขึ้นมามองน้องสาว
“จำที่หนูบอกได้รึเปล่า ว่าพรหมลิขิตกำลังทดสอบยูโตะอยู่น่ะ”
“อืม จำได้”
“บางทีนะ ผู้หญิงคนนั้นอาจเป็นบททดสอบก็ได้” โซลนิ่งทำท่าพึงพอใจกับความคิดตัวเองสุดๆ
“งั้นหรอ แล้วเค้าจะทดสอบอะไรล่ะ เดี๋ยว! แสดงว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่สินะ” ไดกิเริ่มยิ้มออก
“หึหึ พี่ มันก็ต้องทดสอบเรื่องความรักน่ะซี่! อีกอย่างผู้หญิงคนนั้นก็ไม่น่าจะใช่ ก็ตัวจริงมันคือคนนั้นนี่นา เราก็รู้ๆกันอยู่” โซลยิ้มให้พี่ชาย
“ตะ แต่ว่าเค้ารู้เรื่องที่ยูโตะฝันนะโซล! รู้หมดเลย รู้ทุกอย่างเหมือนที่พวกเรารู้น่ะ” ไดกิฉายแววกังวลอีกครั้ง
“ก็อย่างที่บอก พรหมลิขิตอ่ะ พรหมลิขิต เข้าใจป้ะ มันคงจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เค้ารู้ได้น่า ไม่ต้องห่วง ยังไง โซลก็เห็นชัดๆอยู่แล้วว่า พรหมลิขิตของสองคนนั้นน่ะ มันเป็นยังไง เพราะงั้นปล่อยให้มันเป็นไป แล้วเราก็มาคอยช่วยเหลือเรียวจังต่อไปเหมือนเดิมดีกว่า” โซลหมายถึง ตอนที่เธอมองเห็นพรหมลิขิตของยูโตะ
“แน่ใจนะ” ไดกิมองตาน้องสาวที่ดูจะมั่นใจสุดๆ ปริบๆ
“ชัวร์พี่ โซลซะอย่าง ฮ่าๆๆๆ”
“ฮ่าๆๆ งั้นโอเคๆๆ” ไดกิยิ้มแล้วลูบหัวน้องสาวอย่างเอ็นดู
“แต่พี่ก็อดกังวลไม่ได้สิน้า ว่ามันจะเกิดอะไรไม่ดีๆ ผู้หญิงคนนั้นเขาจะประสงค์ร้ายหรือปล่าว”
โซลเงียบ ทำท่าคิดแล้วลุกเดินไปที่โต๊ะทำงาน และหยุดยืนนิ่ง
.
.
.
.
.
.
.
“อืมมม พี่ หนูชักอยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นแล้วสิ” โซลพูดโดยที่ตัวเองยืนหันหลังให้พี่ชายอยู่
“เอ๊ะ” ไดกิหันไปมองน้องสาวตรงโต๊ะ
โซลหันหลังกลับ พร้อมพูดออกมาด้วยเสียงร่าเริง
.
.
.
“หนูจะกลับบ้าน”
“ห๊า
”
ย้อนกลับไปยัง ตอนก่อนเลิกเรียนของ ยามะจัง เคย์โตะ ชี่ ยูโตะและนานะ
“งั้นชั้นกลับก่อนนะ” ยามะจังบอกลาเพื่อนๆ พลางเหลือบไปมองยูโตะกับนานะที่เดินเคียงคู่กันมาตลอดทาง
น้ำตาเริ่มวนกลับมาที่ดวงตาอีกครั้ง ยามะจังรีบยกมือขึ้นห้ามไว้ เพราะกลัวว่ายูโตะจะเห็น
เคย์โตะและชี่เห็นท่าทางของเพื่อนจึงเดินเข้าไปจับมือ และลูบหัว เพื่อนเจ้าน้ำตา อย่างปลอบโยน
“ยามะจัง อย่าไปสนใจเลยนะ เดี๋ยวพวกเราจะคอยช่วยเอง” ชี่ปลอบ
“ใช่ๆๆ อย่าไปมองเลย เห็นแล้วเซ็งเอาเปล่าๆ นะ!” เคย์โตะส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้
ยามะจังค่อยๆยิ้มออกมา เมื่อได้รับความอ่อนโยนและกำลังใจจากเพื่อนทั้งสอง
“อื้อ ขอบใจนายสองคนมากนะ ถ้าไม่มีพวกนาย ไม่รู้ป่านนี้ชั้นจะกระเจิงไปไหนแล้ว”
“ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นา ใช่มั๊ยเคย์โตะ” ชี่ยิ้มกว้าง
“ใช่แล้ว เพราะงั้น กลับบ้านดีๆนะ อย่าคิดอะไรไม่ดีๆล่ะ โทรหาพวกชั้นสองคนได้เลย ok?” เคย์โตะยิ้มจนตาหยี จนรู้สึกกลัวว่าจะเดินกลับบ้านไม่ได้ (กลัวมองไม่เห็นทาง)
“อื้อๆๆๆๆ ขอบใจมากๆ งั้นมีอะไรจะโทรไปนะ ไปล่ะ บ๊ายบาย” ยามะจังยิ้มพร้อมโบกมือบ๊ายบายเพื่อน โดยที่ก่อน หันหลังเดินไปตามทางกลับบ้าน ก็ยังไม่วายหันไปเห็นยูโตะกับนานะที่ยืนจู๋จี๋กันไม่สนใจใครอยู่
เขาเม้มริมฝีปากแน่น พยายามสะกดกลั้นความรู้สึกของตัวเอง ก่อนที่จะเดินจากไป
ชี่กับเคย์โตะยืนส่งเพื่อนจน เดินลับสายตาไป และก็หันกลับไปมอง เพื่อนอีกสองคน ที่คนนึงไม่อยากจะเรียกว่าเพื่อนเลยด้วยซ้ำ
“มันน่านักนะ!” เคย์โตะสบถ อย่างมีโทสะ
ชี่เข้าใจเคย์โตะจึงไม่ได้ห้ามอะไร เพราะเขาเองก็อยากจะเดินไปตบหน้า ยัยผู้หญิงคนนี้เหมือนกัน ทำไมถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้นะ แค่เจอนานะไม่กี่ชั่วโมง ก็ลืมเพื่อน ลืมอะไรหมดแล้ว นี่ยูโตะบ้าไปแล้วหรือไง! ชี่ คิดพร้อมกับเดินเข้าไปหาคนทั้งสอง
เคย์โตะเห็นดังนั้นจึงเดินตามไปด้วย
“อ้าวชี่ แล้วยามะจังล่ะ” ยูโตะถาม ตาแป๋ว เหมือนไม่รู้อะไรเลย
“กลับไปแล้ว! ไม่เห็นรึไงที่พวกชั้นยืนส่งยามะจังอยู่น่ะ!” ชี่ขึ้นเสียงอย่างมีอารมณ์ หนอย ยังจะมีหน้ามาสงสัยอีกนะ
“ทะ ทำไมต้องขึ้นเสียงล่ะชี่ คือ ขอโทษชั้นไม่ทันเห็นน่ะ พอดีเมื่อกี้ชั้นคุยกับนานะอยู่”
ผึง!
“ห๊า! อะไรนะ คุยกับนานะอยู่ เลยไม่สนใจว่าเพื่อนจะอยู่หรือจะไปเนี่ยนะ!” สติชี่ขาดผึง ตอนแรกเขาคิดว่า ยูโตะคงจะขอโทษอย่างสำนึกผิดเหมือนอย่างเคยแต่ครั้งนี้ไม่ใช่ แถมยังมาบอกอีกว่าคุยกับยัยนี่อยู่ เลยไม่สนใจยามะจัง!
“เดี๋ยวก่อนสิ ยูริคุงพูดกันดีๆก็ได้นี่นา ยูโตะไม่ผิดซักหน่อย” นานะพูดขึ้น
“เธอน่ะเงียบไปเลย!” ชี่หันไปมองนานะด้วยสายตาที่บ่งบอกได้ถึงอารมณ์ที่ถึงขีดสุด
“พอๆชี่ ไปกันเถอะ” เคย์โตะเห็นท่าไม่ดีจึงจะพาชี่ออกไป ทั้งๆที่เมื่อกี้เขารู้สึกร้อนรุ่มอยู่แท้ๆ แต่กลับเย็นลงได้เพราะเพื่อนตัวเล็ก ระบายออกไปแทนเขาหมดแล้วนี่เอง
.
.
.
.
.
ยูโตะ ยืนมองเพื่อนทั้งสองอย่าง งงๆ นี่เค้าทำอะไรผิด ทำไมสองคนนั้นถึงต้องโกรธเขาขนาดนี้ด้วยล่ะ จริงอยู่ที่เขาผิด มัวแต่คุยกับนานะ แต่ทำไมต้องโกรธขนาดนี้ด้วย ไม่เข้าใจเลย แถมยังไปขึ้นเสียงกับนานะอีก
“อ๊ะ นานะ ขอโทษนะที่เพื่อนชั้นขึ้นเสียงกับเธอน่ะ” ยูโตะหันไปขอโทษนานะที่ยืนอยู่ข้างๆเขา
“อืม ไม่เป็นไรหรอกยูโตะ เขาอาจจะกำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่ก็ได้”
“เข้าใจอะไรผิด? หมายถึงอะไรหรอ” ยูโตะสงสัย
“ก็ เข้าใจผิดคิดว่า ชั้นจะมาแย่งยูโตะไปจากพวกเค้ามั้ง เค้าเลยหงุดหงิด และก็ตะหวาดใส่ชั้นน่ะ” นานะทำหน้าเศร้า
“อย่างงั้นหรอ อืม แต่ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวพวกเค้าก็เข้าใจเองแหละ นะ” ยูโตะส่งยิ้มอบอุ่นไปให้นานะ
“จ้ะ!”
ณ บ้านไดจังและยามะจัง + โซล (<< อินี่มาไงเนี่ย)
“กลับมาแล้วครับ” ยามะจังพูดเสียงเบาๆหลังจากเข้ามาบ้าน ยังไม่ทันที่จะปิดประตู
“ฮัลโหล! เรียวจังงง คิดถึงจังเลย” โซลกระโจนออกมาจากห้องนั่งเล่น จนยามะจังตกใจร้องเสียงหลง
“เหวอออออ”
โครม! สรุป ล้มทั้งคู่ - -
ไดกิวิ่งออกมาดูเหตุการณ์จากในห้องนั่งเล่น
“เฮ้ย เป็นไรกันรึเปล่า”
“ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไรหรอก เอ้าเรียวจังลุกสิ ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ” โซลยิ้มอย่างร่าเริง โซลลุกขึ้นและส่งมือไปให้คนข้างหน้าที่ยังลุกไม่ขึ้นอยู่ (อ้วน)
หลังจากที่ยามะจังเริ่มตั้งตัวได้
“ห๊า นึกว่าใคร โซลจังเองหรออ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย! รู้มั๊ยชั้นคิดถึงมากๆเลยย!” ยามะจังกระโดดอย่างดีใจ พร้อมกับดึงโซลเข้าไปกอด โซลเองก็ยิ้มแก้มปริและกอดตอบเช่นกัน
“อื้อๆๆ โซลก็คิดถึงเรียวจังมากๆๆเหมือนกัน โซลกลับมานานแล้วล่ะ แต่โซลไม่ได้กลับมาที่บ้านน่ะ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก” ทั้งสองค่อยๆผละออกจากกัน ช้าๆและพากันเดินคุยเข้าไปในบ้าน โดย มีพี่ชายที่แสนดีคอยทำหน้าที่ปิดประตูให้
.
.
.
“อ๋อ มันเป็นอย่างงี้นี่เอง” ยามะจังทำหน้า อ๋อ หลังจากที่ฟังโซลเล่าเรื่องของตัวเองจบ ทั้งเรื่องที่เป็นหมอดูและก็เรื่องที่ไปอาศัยอยู่กับป้า
“อื้อ แต่เดี๋ยวโซลจะกลับมาอยู่บ้านแล้วล่ะ เราจะได้อยู่ด้วยกันไง” โซลทำท่ากรี๊ดกร๊าด
“จริงหรอ! จริงๆนะ ชั้นดีใจจังเลย” ยามะยิ้มอย่างดีใจ เพราะทั้งสองสนิทกันมากๆ แถมยังไม่ได้เจอกันมาอีกเลยตั้งปีกว่า
.
.
.
.
.
“นี่เรียวจัง โซลอยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นอ่ะ” อยู่ๆโซลก็พูดขึ้นมา ทำให้ยามะจังรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
“ซะ โซลจังรู้เรื่องด้วยหรอ” ยามะจังทำตาโต ไดกิที่นั่งอยู่ข้างๆเลยอธิบาย ว่า ตนนั้นคอยปรึษาเรื่องนี้กับโซลมาตลอด และก่อนหน้าที่จะมาถึงบ้าน ตัวเองก็ได้เล่าเรื่องของวันนี้ให้โซลฟังแล้วด้วย
“งะ งั้นหรอไดจัง อ๊ะ ว่าแต่ทำไมไดจังรู้ล่ะ” ยามะจังตกใจอีกครั้ง
“โทษทีชั้นไปแอบฟัง พวกนายคุยกันมาน่ะ พอดีรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ แล้วเห็นยูยะบอกว่า วันนี้มีเด็กใหม่ย้ายเข้ามาห้องยามะจังน่ะ เลยไปดูซักหน่อย” ไดจังอธิบายอีกรอบ
ยามะจังฟังจบก็นั่งก้มหน้านิ่ง เรื่องที่ไดกิพูดมันทำให้เขานึกถึง ยูโตะกับนานะขึ้นมาทันที เมื่อเขานึกถึงเรื่องนี้ทีไรน้ำตามันพาลจะไหลออกมาทุกที ไดกิเห็นดังนั้น จึงรีบเอ่ยคำขอโทษ
“อ๊ะ ยามะจังขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกไดจัง” ยามะจังเงยหน้าขึ้นมายิ้มน้อยๆ เพื่อไม่ให้พี่ชายต้องเป็นกังวล
โซลที่นั่งมองข้างๆ รู้สึกเศร้าแทนขึ้นมาทันที รู้สึกสงสารญาติและเพื่อนสนิทคนนี้เป็นอย่างมาก
เธอนิ่งคิดอยู่ซักพัก
ชั้นจะต้องช่วยเรียวจังให้ได้ เอาล่ะ ทุ่มสุดตัวล่ะงานนี้ หึหึ
“โอ้ว ไหนขอไปดูหน้ายัยนั่นหน่อยเห๊ออออ” โซลพูดขึ้นเสียงดังลั่น เหมือนกำลังจะปลุกใจตัวเอง ก็เลยทำให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆใจหาย ใจคว่ำไปด้วย
“โซล! อย่าพูดเสียงดังซี่ พี่ตกใจนะ” ไดกิเอามือขึ้นมาแนบหน้าอก เพราะเมื่อกี้เขาตกใจจริงๆนะ - -
“อ๊ะ ขอโทษพี่ หนูแค่เรียกพลังอยู่น่ะ ฮ่าๆๆๆ” โซลหัวเราะอย่างเปี่ยมไปด้วยพลัง (อะไร?)
ยามะจังเผลอยิ้มออกมา เมื่อเห็นโซลทำท่าทางตลกๆ
โซลที่เมื่อหันไปเห็นยามะจังยิ้ม ก็อดดีใจไม่ได้ เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อย
โซลคิด
“นี่เรียวจัง” โซลหันไปพูดกับยามะจังด้วยสายตาที่จริงจังสุดๆ
ยามะจังค่อยๆหันหน้ามาตามเสียงเรียก
“อย่าอ่อนแอนะ เข้มแข็งเข้าไว้ โซลกับพี่ไดกิ จะคอยอยู่ข้างๆเรียวจังตลอดไปนะ” โซลยิ้ม
“เข้าใจแล้ว” ยามะจังยิ้มกว้าง
ไดกิและโซลยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ พวกเขาสองคนเชื่อว่า จากนี้ขอแค่ยามะจังมีกำลังใจอย่างนี้ต่อไป จะต้องมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“เอ้อใช่ นี่เรียวจังขอมือขวาหน่อย” โซลพูด
“ห๊ะ มีอะไรหรอ” ยามะจังพูดอย่าง งงๆแต่ก็ยอมยื่นมือขวาออกไปให้ โซลรับมือเล็กมา พร้อมกับหันไปหยิบเส้นด้ายสีแดงเล็กๆจากกระเป๋าตัวเองมาผูกที่ข้อมือของยามะจัง และใช้นิ้วตัวเองวาดอะไรบางอย่างลงไปที่หลังมือ
“ถึงโซลจะทำงานพิเศษเป็นหมอดูธรรมดาๆคนนึง แต่โซลก็มีเวทมนต์นะ” โซลยิ้มให้กับยามะจังอย่างอ่อนโยน แต่มือก็ยังคงวาดอะไรอยู่บนมือของอีกฝ่าย ไดกิรู้สึกสนใจ จึงชะโงกหน้าเข้ามาดูใกล้ๆ
“เมื่อไหร่ที่เรียวจังรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอ ก็ขอให้กลับมามองด้ายแดงเส้นนี้ มันจะทำให้เรียวจังเข้มแข็งขึ้น
นะ” พูดจบพร้อมกับที่ตนวาดเสร็จจากนั้นก็ค่อยๆปล่อยมือยามะจังลง
ยามะจังลูบที่ข้อมือขวาตัวเองอย่างทะนุถนอม
“อื้อ ชั้นจะไม่ลืมและจะรักษาอย่างดีเลย” และส่งยิ้มไปให้โซลที่ยิ้มตอบเขาเช่นกัน
“เข้าท่านะ น้องพี่” ไดกิเอื้อมมือไปลูบหัวโซล
“ว่าแต่ เมื่อกี้วาดอะไรลงไปอ่ะ” ไดกิยังคงถามต่อด้วยความสงสัย
“ก็บอกแล้วไงพี่ ว่ามันเป็นเวทมนต์น่ะ อิอิ”
To be con
มันมาแล้ว หมั่นไส้มั๊ยย! คุ้นๆกับตัวละครตัวนี้มั๊ย ฮ่าๆๆ เอาเป็นว่า แบบนี้แหละ ฮ่าๆๆๆ ยังไงตัวละครนี้ก็คงจะมีความสำคัญเหมือนกัน (มั้ง) อิอิ เพราะฉะนั้นฝากด้วยจ้า แล้วก็นะ เพราะว่าฟิคเรื่องนี้โซลเป็นคนแต่งยังไงล่ะ วะฮ่าฮ่าๆ (หมายถึงอะไร) ว่าแต่เรื่องชักไปใหญ่ เริ่มออกแนวแฟนตาซีแล้ว ฮ่าๆ แต่ไม่ต้องห่วงมันไม่ขนาดน้านนน แค่นิดๆหน่อยๆ พอให้มีรสชาติ อิอิ
ปล. ข่าวใหญ่ โซลจะเปิดบทความใหม่ไว้ลง SF โดยเฉพาะฝากเข้าไปอ่านด้วยนะจ๊ะ และเรื่องแรกที่จะลงคือ วันที่ 9 นี้จ้าา (เป็นวันที่ฤกษ์ดีที่สุดในโลกหล้านภาลัย)
ความคิดเห็น