คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
ช่วงพักกลางวันในโรงเรียนมัธยมปลาย ช่างเป็นช่วงเวลาที่คึกคักและสนุกสนานจริงๆ เสียงนักเรียนชายหญิงจับกลุ่มคุยกันทั้งใน และนอกห้อง เสียงเจี๊ยวจ๊าวที่ดังมาจากระเบียงทางเดิน เสียงหัวเราะที่ดังลั่นของเหล่านักเรียน ช่างเป็นเสียงที่ฟังแล้วรู้สึกได้ถึงความสงบสุขเสียจริง
ตื่นแต่เช้ามาโรงเรียน มาเจอเพื่อน ไม่ต้องมีเรื่องราวให้ต้องทุกข์และลำบาก มารวมตัวกันเพื่อจะเรียนรู้ถึงการเป็นผู้ใหญ่ แต่ใครจะคิด ว่ามีใครบางคนที่ต้องแบกรับเรื่องราวบางอย่างไว้ ราวกับตนเป็นผู้ใหญ่ก็ไม่ปาน หรือ อาจจะแบกรับไว้มากกว่าผู้ใหญ่ธรรมดาก็เป็นได้
“เรียวสุเกะ เย็นนี้ไปเที่ยวกัน!” ไดกิกอดคอเพื่อนรักจากด้านหลัง ด้วยน้ำเสียงน่าเริง
“วันนี้ชั้นจะไปซื้อของให้พ่อน่ะ” เรียวสุเกะที่ว่า ตอบเสียงนิ่งๆ ขณะที่เขากำลังอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่
“โห่ ก็ได้ เฮ้! นี่พวกนาย ใครจะไปเล่นเกมส์กับชั้นบ้าง!” ไดกิแสร้งทำเสียงเสียดาย เมื่อได้รับคำตอบ ก่อนจะหันไปชวนเพื่อนคนอื่นแทน
คนนั่งข้างหน้า มองตามแล้วส่ายหน้าน้อยๆ ชื่อของเขาคือ ยามาดะ เรียวสุเกะ อย่างที่บอก เขาเป็นเพื่อนรักของไดกิคนเมื่อกี้ ที่เขาตอบเสียงเรียบๆไม่ใช่ว่าเขารำคาญแต่มันเป็นแค่บุคลิกของเขาเท่านั้นเอง ซึ่งเพื่อนรักอย่างไดกิก็ชินชากับมันเสียแล้ว
เรียวสุเกะหันกลับมาที่ที่นั่งของตัวเองก่อนจะหยิบโทรศัพท์สีน้ำเงินเข้มออกมาจากกระเป๋า เพื่อเช็คอีเมล์ด่วนที่อาจส่งเข้ามา
…ไม่มีอีเมล์ใหม่ เขาปิดฝาพับโทรศัพท์ลงแล้วก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือการ์ตูนต่อ
อาริโอกะ ไดกิ หนุ่มน้อยแสนร่าเริงที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและความอบอุ่น มันทำให้เขาเป็นที่รักของเพื่อนทุกคนในห้อง และแน่นอนว่าเพื่อนสุดรักคงเป็นใครไม่ได้นอกจาก เรียวสุเกะ
ไดกิหันไปจับกลุ่มกับเพื่อนชายและคุยกันเสียงดังอย่างออกรส เกี่ยวกับเกมส์ชนิดใหม่ที่พึ่งเปิดตัวในเดือนนี้ ซึ่งมันคือเป้าหมายหลักของการแฮงค์ เอาท์กันหลังเลิกเรียน
ไดกิเหลือบไปมองเพื่อนรักที่กำลังนั่งเปิดโทรศัพท์อยู่ แล้วเก็บมันลงไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทำให้เขาโล่งใจ…
‘วันนี้ไม่มีงานสินะ’
….หลังเลิกเรียน
“แล้วเจอกันนะ เรียวสุเกะ” ไดกิโบกมือลาเพื่อนรักที่ทำท่ากำลังจะออกเดินไปในทิศทางตรงกันข้ามกับเขา
“อย่าเล่นเยอะจนไม่มีเงินกลับบ้านอีกนะ ไดกิ” เรียวสุเกะยิ้มอย่างรู้ทัน เคยมีครั้งหนึ่งที่เขาต้องทิ้งมื้อเย็นที่แสนมีค่า (สำหรับคนอย่างเขา) แล้วรีบวิ่งออกไปรับไดกิที่หน้าร้านเกมส์ เนื่องจากไดกิเล่นเกมส์เพลินจนไม่มีเงินกลับบ้าน
“จริงหรอวะ ไดกิ” หนึ่งในเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งถาม ทำเอาเพื่อนๆคนอื่นพากันหัวเราะ
“หนวกหูน่า! รู้แล้วๆ ชั้นไปล่ะ บาย” ไดกิอายหน้าแดง ทำไมเจ้านี่ต้องมาเผาเขาให้เพื่อนคนอื่นฟังด้วยนะ! ไหนว่าตกลงกันแล้วไงว่าจะไม่บอกใครน่ะ…เชอะ! ไปเล่นเกมส์ดีกว่า
“อย่าลืมซะล่ะ! คราวนี้ชั้นไม่ออกมารับแล้วนะ!” เรียวสุเกะหัวเราะชอบใจ ก่อนจะเผาเพื่อนทิ้งท้ายได้เจ็บแสบสุดๆแล้ววิ่งหนีไปทันที
“เฮ้ย!” ไดกิสะดุ้ง แต่กว่าจะรู้สึกตัว เพื่อนตัวแสบก็วิ่งหนีหายไปซะแล้ว…
ความเคียดแค้นของไดกิถูกกลบลงด้วยเสียงระเบิดหัวเราะของเพื่อนๆ…
ไดกิและเรียวสุเกะใช้ชีวิตได้สมกับคำว่านักเรียนมัธยมปลายจริงๆ แต่ใครจะรู้ล่ะ…ว่านักเรียนมัธยมปลายธรรมดาๆ อย่างสองคนนี้ จะไม่ทำธรรมดาอย่างที่คิด
“อาริโอกะ นายชนะอีกแล้วหรอเนี่ย!”
“แน่นอน! ฝันไปเหอะ ว่าจะชนะชั้นน่ะ” ไดกิพูดอย่างมั่นใจพลางเลียริมฝีปากล่าง ก่อนจะเพ่งสายตาไปที่หน้าจอเกมส์ใหม่ล่าสุดที่เป็นเป้าหมายของวันนี้อีกครั้ง แต่…
ติ๊ด ติ๊ด
เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น เขารีบทิ้งอาวุธ(สำหรับเล่นเกมส์)ในมือลงทันที เด็กหนุ่มล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าหยิบโทรศัพท์สีแดงเข้มที่กำลังกระพริบไฟปริบๆขึ้นมา
ตี๊ด
‘15.30 น. เจอกันที่ อิเคบุคุโระ ร้าน SaRA ตึก F ชั้น 3 โต๊ะ เบอร์ 12 ติดริมหน้าต่าง
ยาบุ’
ไดกิปิดฝาพับและเก็บมันลงที่เดิมก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วออกวิ่งทันที
“กลับก่อนนะ มีธุระ”
“อ้าวเฮ้ย เดี๋ยวสิ!” ไม่ทันที่คู่แข่งบนสมรภูมิรบเมื่อครู่จะทักท้วง ไดกิก็วิ่งหายไปกับคลื่นมนุษย์เสียแล้ว
“อะไรเนี่ย…”
ไดกิวิ่งฝ่าผู้คนไปเรื่อยๆ คลื่นมนุษย์หลั่งไหลเข้ามาในตรอกทำให้ยากแก่การวิ่งสวนขึ้นไป เด็กหนุ่มยกนาฬิกาขึ้นมาดู
ตอนนี้ 14.55 น. มีเวลาอีกประมาณ ครึ่งชั่วโมง ตอนนี้เราอยู่ชินจูกุ ถ้านั่งรถไฟไปลงที่สถานีอิเคบุคุโระ ต้องใช้เวลา 15 นาที จากสถานีไปที่ร้าน คงใช้เวลาราว 15 นาที แต่ตอนนี้นักเรียนเริ่มเลิกเรียนกันแล้ว อย่างนี้คงไม่ทันการแน่
สมองของเด็กหนุ่มคิดวิเคราะห์เส้นทางอย่างรวดเร็วและเป็นระบบอย่างน่าเหลือเชื่อ แม้ภายนอกจะดูเป็นเด็กยิ้มเก่ง ร่าเริง ธรรมดาคนหนึ่งที่ชอบเล่นเกมส์เป็นชีวิตจิตใจ แต่ตัวจริงแล้ว เขาคืออัจฉริยะในการวางแผนเลยทีเดียว!
“งั้นไปลงที่ เมจิโระ แล้ววิ่งตัดไปดีกว่า” หลังจากมันสมองอันชาญฉลาดประมวลผลเสร็จ เด็กหนุ่มเร่งฝีเท้าทันที มือขวากระชับกระเป๋าสะพายแน่น มือซ้ายล้วงไปหยิบบัตรรถไฟขึ้นมา แล้วมุ่งหน้าเข้าสู่สถานีที่กำลังถูกอัดแน่นด้วยผู้โดยสารที่กำลังเร่งรีบเช่นเดียวเขา….
“ผมขอสองกล่องนะครับ” อีกด้านหนึ่งที่ร้านขายข้าวกล่องชื่อดังไกลบ้าน ทั้งๆที่บ้านของเขาอยู่ที่มินามิ ชินจูกุแท้ๆ แต่กลับต้องมาซื้อข้าวกล่องไกลถึงอิเคบุคุโระ มันก็จะดูเวอร์ไปซักเล็กน้อย แต่นี่เป็นเพราะพ่อของเขาซึ่งป่วยอยู่อยากทานต่างหากล่ะ ไม่อย่างนั้นเขาไม่มีทางมาถึงที่นี่หรอก เรียวสุเกะกำลังจะยื่นมือออกไปจ่ายเงินกับพนักงานร้านที่กำลังหันหลังไปจัดข้าวกล่องให้เขาอยู่นั้น
เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็ดังขึ้นมาทำให้เขาต้องวางเงินลงไปบนถาดเงินแทน
ติ๊ด ติ๊ด
‘15.30 น. เจอกันที่ อิเคบุคุโระ ร้าน SaRA ตึก F ชั้น 3 โต๊ะ เบอร์ 12 ติดริมหน้าต่าง
ยาบุ’
“สองกล่อง ทั้งหมด 2150 เยนคะ…อ้าว!” เด็กหนุ่มดึงข้าวกล่องไปจากมือพนักงานร้านและวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เรียวสุเกะเก็บโทรศัพท์ และเร่งฝีเท้า ตอนนี้เวลา 14.55 น. มีเวลาอีกเหลือเฟือ นับว่าเป็นโชคดีที่เขามาอิเคบุคุโระวันนี้ แต่ถ้าไปได้เร็วก็ยิ่งดี เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องรีบไปถึงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ระหว่างทาง เต็มไปด้วยเหล่าบรรดานักเรียนที่กำลังเดินคุยกันอยู่เต็มถนน วันนี้เป็นวันพฤหัสบดี อันที่จริงโรงเรียนของเขาเลิกตอน บ่ายสามโมง แต่วันนี้โรงเรียนเลิกเร็วกว่าปกติเนื่องจากคณะครูทั้งโรงเรียนต้องไปประชุมกันในเวลา บ่ายสามโมงนี้ ทำให้พวกเขาได้เลิกเรียนเร็วกว่าปกตินั่นเอง
เด็กหนุ่มวิ่งซอกแซกไปตามถนนอย่างคล่องแคล่ว บางคนอาจคิดว่า เขาเป็นแค่ เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่นิ่งขรึม(มุมมองจากคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนในห้อง) ชอบอ่านการ์ตูน แต่จริงๆแล้วเขาเป็นคนที่มีทักษะในด้านกีฬาอย่างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว! อีกทั้งความเฉลียวฉลาด ความใจเย็น และการตัดสินใจที่เฉียบขาดของเขาก็เป็นจุดเด่นเฉพาะตัวที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเลียนแบบได้เช่นกัน
…ไม่นาน เขาก็มาถึง
“สวัสดี” เรียวสุเกะ พูดทักทายกับบุคคลทั้งสี่ที่นั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว และนั่งลง
“มาเร็วดีนี่นา”
หนึ่งในสี่คน พูดขึ้นมาพลางยกนาฬิกาขึ้นมาดู ตอนนี้ 15.10 น. พึ่งผ่านไปได้แค่ 15 นาทีเท่านั้น เรียวสุเกะก็มาถึงสถานที่นัดพบแล้ว
“พอดีมาธุระแถวนี้พอดีน่ะ”
เรียวสุเกะตอบก่อนจะเริ่มสังเกตได้ว่า คู่หูของตัวเองยังมาไม่ถึง
“ไดกิล่ะ” คนฝั่งตรงข้ามถาม
“ไม่รู้ ไม่ได้อยู่ด้วยกัน นึกว่าจะมาถึงแล้วซะอีก”
“ไดจังไม่เคยมาก่อนเวลา ก็รู้ๆกันอยู่” คนตัวเล็กที่สุดในกลุ่มพูด เขายกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม พลันเมินหน้าออกไปมองที่ตึกฝั่งตรงข้าม ซึ่งมันเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขามารวมตัวกันที่นี่ ในวันนี้
“มันได้รับเมล์รึเปล่าเหอะ” ถัดจากคนตัวเล็ก เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดพลางยกมือขึ้นเกาหัว ก่อนจะหาวออกมา ทั้งๆที่ยังกลางวันอยู่แท้ๆ
“หมอนั่นไม่ใช่นายนะ ทาคาคิ” คนที่นั่งริมหน้าต่างฝั่งตรงกันข้ามกับเขาพูดขึ้นอย่างหมั่นไส้
“ชั้นก็คิดเหมือนฮิคารุนะ คงกำลังมาแหละ”
“ยาบุ แม้แต่นายก็ว่าชั้นหรอ…” ทาคาคิพูดเสียงน้อยใจเพื่อนรัก
ยาบุ…คือคนที่ส่งเมล์ไปหาไดกิและเรียวสุเกะของเรานั่นเอง
โต๊ะนี้มีเด็กหนุ่มนั่งอยู่ด้วยกันทั้งหมด 5 คนรวมเรียวสุเกะแล้ว ส่วนที่ว่างด้านขวาของทาคาคิคงจะเป็นที่นั่งของใครไปไม่ได้นอกจากไดกิ
เด็กหนุ่มอย่างพวกเขามานั่งจับเจ่าทำอะไรกันอยู่ที่นี่นะ…
ขณะนี้เวลา 15.27 น.
ไดกิวิ่งหอบขึ้นมาจากชั้นล่าง และในที่สุดก็เดินมาถึงโต๊ะเบอร์ 12 โต๊ะนี้จนได้
“นายเกือบสายนะ ไดกิ”
คนด้านข้างเรียวสุเกะมองหน้าไดกินิ่ง และพยายามเก็บซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ เพราะสภาพของเพื่อนคนสุดท้ายที่ยืนอยู่ปลายโต๊ะนั้น มันช่างน่าขำเหลือเกิน
“รู้แล้วน่า ก็ทันไม่ใช่รึไง อีกตั้ง 3 นาที” ไดกิยกนิ้วให้ดูสามนิ้ว ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆทาคาคิ และถือวิสาสะ หยิบน้ำของเพื่อนด้านข้างมาดื่มจนหมดแก้ว
“เฮ้ย นั่นมันน้ำชั้นนะ!”
“แค่นี้ขอกินหน่อยไม่ได้รึไง” ไดกินิ่วหน้า ก่อนจะใช้หลอดเขี่ยน้ำแข็งในแก้วให้ลงไปในปาก
“ค่อยๆกินสิ” เรียวสุเกะมองหน้าอย่างเป็นห่วง กลัวเพื่อนจะโดนน้ำแข็งติดคอจนตายไปเสียก่อน
“เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อย”
ไดกิก็วางแก้ว และทิ้งตัวพิงกับเก้าอี้อย่างหมดแรง มือข้างหนึ่งยกขึ้นก่ายหน้าผาก
ตอนนี้เวลา 15.30 น. แล้ว พนักงานร้านเริ่มยกขนมเค้กและน้ำชาออกมาเสิร์ฟแขก เป็นบริการพิเศษทุกวันพฤหัสบดี ตอนเวลา บ่ายสามโมงครึ่ง และก็ถึงตามเวลาที่นัดกันไว้พอดีอีกด้วย สมาชิกก็อยู่กันพร้อมหน้าแล้ว คงสมควรแก่เวลาที่จะเริ่มเข้างานกันซักที
“งั้น…ชั้นจะอธิบายงานวันนี้แล้วล่ะนะ” ยาบุยกมือขึ้นมาประสานกันบนโต๊ะ บรรยากาศเวลาน้ำชายามบ่ายแปรเปลี่ยนเป็นความตึงเครียดทันที
ไดกิก็กลับมานั่งในท่าปกติแล้ว…
“พวกนายเห็นตึกนั่นมั๊ย” ยาบุหันหน้าไปมองที่ตึกฝั่งตรงข้าม
สมาชิกทั้งห้าหันมองตาม ถ้าจำไม่ผิดนี่คือตึกซันชายน์ซิตี้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านค้าและห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้นั่นเอง
“สี่โมงตรงวันนี้ คนทั้งตึกจะถูกจับเป็นตัวประกัน” ยาบุหันกลับมามองหน้าสมาชิกแล้วพูดเสียงเรียบ
“…” สมาชิกคนอื่นๆหันกลับเข้ามา ด้วยสีหน้านิ่งเฉย ไม่มีใครแสดงอาการตกใจใดๆออกมา
“สิ่งที่พวกนายต้องทำก็คือ…”
“หยุดพวกมันซะ” ฮิคารุพูดเสียงเย็น
ไดกิ เรียวสุเกะ ทาคาคิและคู่หู พยักหน้าช้าๆ แต่สีหน้าก็ยังคงปราศจากอาการตกใจ หรือ ความประหม่าใดๆทั้งสิ้น นั่นก็เพราะว่า…นี่ไม่ใช่ครั้งแรก
พวกเขาเป็นมืออาชีพนั่นเอง…
“แล้วทำไมเราถึงไม่เข้าไปหยุดมันตอนนี้ล่ะฮะ” จิเนน คู่หูตัวเล็กของทาคาคิถาม
“เพราะมันแฝงตัวเข้าไปแล้วน่ะสิ เราไม่รู้ว่ามันเป็นใคร จึงทำได้แค่รอให้พวกมันเผยตัวออกมาเองเท่านั้น” ยาบุตอบ
“พวกนายเข้าใจสถานการณ์ดีใช่มั๊ย ว่าที่นั่นเป็นตึกสูง ถึงจะไม่กว้างมาก แต่คนก็เยอะ”
ฮิคารุพูดแล้วหยิบกระดาษขึ้นมา มันคือแปลนของตึกหลังนั้น เขากางมันออกและอธิบายให้สมาชิกบนโต๊ะฟังอย่างละเอียด
“และสิ่งที่พวกนายต้องพึงระวังไว้ที่สุดก็คือ…”
“อย่าให้ใครบาดเจ็บ อันนี้ก็รู้ๆกันอยู่แล้วล่ะน่า ว่าแต่ทำไมข้อมูลถึงได้ช้าแบบนี้ ปล่อยจนพวกมันแฝงตัวเข้ามาได้ยังไงกัน” ไดกิถาม
“นั่นสิ ผมเห็นด้วยกับไดกินะ ทำไมถึงได้ช้าแบบนี้ล่ะ มันเสี่ยงนะ” เรียวสุเกะถามบ้าง จริงของเขา ทำไมถึงปล่อยจนคนร้ายเข้ามาในตึกได้ แถมยังต้องรอให้มันโผล่มาเองอีก มันไม่แย่ไปหน่อยเหรอ
“อันนี้ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน พึ่งได้รับคำสั่งมาตอนก่อนส่งอีเมล์หาพวกนายได้แค่ไม่ถึงห้านาทีเองนะ”
ฮิคารุแก้ต่าง แต่มันก็เป็นเรื่องจริง แม้แต่เขากับยาบุที่เป็นคนรับคำสั่งโดยตรงยังรู้สึกแปลกๆเลย แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก
“เอาเป็นว่า ยังไงมันก็ช่วยไม่ได้แล้ว มีแต่วิธีนี้เท่านั้น” ยาบุพูดขึ้นอีกครั้ง ทำให้ทั้งโต๊ะเข้าสู่ความเงียบ ในเมื่อมันย้อนกลับไปแก้ไขอีกไม่ได้ สิ่งที่ควรจะต้องทำที่สุดก็คือ ป้องกันไม่ให้สิ่งที่แก้ไขไม่ทันนี้ส่งผลไปยังอนาคต
ทุกคนพยักหน้า ตอนนี้ต่างคนต่างเริ่มเข้าโหมดทำงานแล้ว แต่แม้ว่าบรรยากาศจะตึงเครียดเพียงใด ใบหน้าของทุกคนก็ยังคงปราศจากความกังวลใดๆอยู่ดี และไม่นาน…
“เฮ้ออออ จะกลับไปทันแข่งเกมส์กับเจ้าพวกนั้นตอนหนึ่งทุ่มมั๊ยเนี่ย” จู่ๆไดกิก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พร้อมกับบิดขี้เกียจ เบียดเบียนทาคาคิที่นั่งอยู่ด้านข้าง
“มันโดนหน้าชั้นนะไดกิ” ทาคาคิบัดแขนของไดกิออกไปอย่างรำคาญ
“นิดหน่อยเอง จะขี้รำคาญอะไรนักหนา”
“วางข้าวกล่องทิ้งไว้ที่หน้าตึก จะมีคนขโมยไปมั๊ยเนี่ย” เรียวสุเกะพูดแล้วยกถุงข้าวกล่องขึ้นมาดู
“อันนี้หรอที่ว่ามาซื้อให้พ่อน่ะ”
“อืม มาซะไกล ถ้าหายไปคงเซ็งแย่” เรียวสุเกะทำหน้าเซ็ง
“ผมว่าไปเยี่ยมญาติที่โรงพยาบาลนะเนี่ย สงสัยต้องไปพรุ่งนี้ซะแล้ว” จิเนนพูด พลางเขี่ยน้ำแข็งในแก้วเล่น
…บรรยากาศเริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง ทำให้พี่ใหญ่อย่างยาบุ และฮิคารุยิ้มออก
“งั้นพวกชั้นกลับก่อนนะ มีเรื่องต้องเคลียร์ต่อน่ะ”
ยาบุลุกขึ้นยืนอย่างขอตัว ตามด้วยฮิคารุที่กำลังเตรียมสะพายกระเป๋าและลุกขึ้นยืนเหมือนกัน
“โชคดีนะ…”
ทั้งสองคนกล่าวคำอวยพร ก่อนจะค่อยๆเดินลงบันไดไป เหลือทิ้งไว้แต่เด็กหนุ่ม 4 คนนั่งจ้องหน้ากันต่อไป เพื่อรอเวลาตามคำสั่ง
ตอนนี้เป็นเวลา 15.45 น. แล้ว เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น แต่พวกเขาก็ยังคงไม่ออกอาการกังวลหรือตื่นเต้นเหมือนเดิม แต่ก็ไม่มีใครคุยกันเลย ต่างคนต่างนั่งเงียบ
….ในที่สุดไดกิก็เป็นคนทำลายความเงียบขึ้นมา
“ชั้นจะอธิบายแผนนะ”
อย่างนี้นี่เอง ที่ไดกิเงียบอยู่เป็นเพราะกำลังวางแผนการครั้งนี้อยู่สินะ! แล้วคนอื่นล่ะ…
“ว่ามาเลย”
ทั้ง 3 คน ตอบอย่างพร้อมเพรียงราวกับกำลังรอคอยเวลานี้อยู่ สรุปแล้วที่ทุกคนเงียบไป ก็เป็นเพราะ รอไดกิวางแผนอยู่นั่นเอง
“แผนง่ายๆ” ไดกิยิ้มสนุก สองมือยกขึ้นคร่อมแปลนของตึกที่ฮิคารุทิ้งไว้
ทาคาคิส่ายหน้าเอือมระอา
“ก็ง่ายทุกทีแหละ นายอ่ะ”
“ไดจังก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้วนี่นา” จิเนนเท้าคางกับโต๊ะ
“ว่ามาสิ ไดกิ”
มีเพียงเรียวสุเกะคนเดียวที่ยังคงทำหน้านิ่งอยู่ และกำลังเตรียมพร้อมที่จะตั้งใจฟังแผนของไดกิ และช่วยสังเคราะห์มันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นหน้าที่โดยปกติของเขาอยู่แล้ว และก็เป็นที่ยอมรับของทุกคน ว่าการตัดสินใจของเขาถือเป็นอันยุติ
“แผน A หน้าที่…ทาคาคิ กับ จิเนน เป็นคนดึงความสนใจ ชั้น กับ เรียวสุเกะ เป็นคนลงมือ”
“ก็อย่างนี้ทุกครั้งแหละ” ทาคาคิพูด
ไดกิยิ้มแล้วอธิบายต่อ
“ชั้นกับเรียวสุเกะ จะเข้าไปทางช่องระบายอากาศ และชั้นจะไปรออยู่ตรงจุดนี้” ไดกิวงปากกาชี้ตำแหน่ง
“ส่วนนายสองคน พอพวกมันคุมตัวประกันไว้ได้แล้ว ให้ล่อพวกมันมาหาชั้น จำไว้ว่าสำคัญที่สุดคือ ล่อพวกมันมาให้ได้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ไดกิยกตัวขึ้นเล็กน้อย มือนึงชี้พวกเขาสองคนอย่างต้องการจะย้ำหน้าที่ ทั้งสองคนพยักหน้า
“ส่วนนายเรียวสุเกะ”
ไดกิเปลี่ยนเป้าหมายไปที่เรียวสุเกะ ที่กำลังรอรับหน้าที่
“จัดการพวกที่เหลือ แล้วช่วยตัวประกัน”
เรียวสุเกะพยักหน้า เมื่อมอบหมายหน้าที่เสร็จ ไดกิก็ขยับไปนั่งในท่าเดิม
“แล้วแผน B ล่ะ” ทาคาคิถาม
ไดกิโยนปากกา
“เราสี่คนบุกไปซึ่งๆหน้าเลย”
แล้วก็ตอบแบบทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
…ให้มันได้อย่างนี้สิ!
เรียวสุเกะหลุดขำออกมาพร้อมกับจิเนน ส่วนทาคาคิได้แต่ทำท่ากุมหน้าผาก
“ตกลงตามนี้ มีใครจะถามอะไรมั๊ย” ไดกิหยิบปากกาขึ้นมาควงเล่น
จิเนนยกมือ
“นาย!” ไดกิชี้ ราวกับกำลังจะให้สิทธิถามคำถาม
“แผน C ควรจะมีมั๊ย”
“ควร” ไดกิพยักหน้า
“งั้นว่ามาซิ”
ทาคาคิถามต่อ แม้ว่าเขาจะคอยทำหน้าเซ็งหรือเอือมอยู่ตลอดเวลา แต่เขาก็เชื่อใจและไว้ใจในตัวไดกิมาก อีกทั้งเขายอมรับและเชื่อมั่นในความคิดของไดกิ ด้วยเหตุนี้ ทำให้เขาไม่กลัวที่จะต้องดำเนินตามแผนของไดกิแต่อย่างใด
“ชั้นเตรียมระเบิดเสียงไว้ 10 ลูก…” ไดกิเริ่มอธิบายอีกครั้ง
“และชั้นก็ฝากให้ฮิคารุ กับ ยาบุ ไปวางไว้ในตึกนั้นแล้ว มันจะทำงานทันทีที่ชั้นกดรีโมทคอนโทรล”
ไดกิหยิบรีโมทคอนโทรลขนาดพอดีมือขึ้นมา ตรงกลางมีปุ่มสีแดงปุ่มใหญ่คาดว่าจะเป็นปุ่มที่ทำให้ระเบิดทั้งสิบลูกทำงานขึ้นพร้อมกัน
“แต่แค่นั้นคงยังไม่พอ ด้วยความสมจริง ชั้นเลยฝากสองคนนั้นไปติดตั้ง เครื่องนี้ด้วย”
ไดกิหยิบอุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋านักเรียน ไม่น่าเชื่อว่ากระเป๋านักเรียนมัธยมปลายจะมีของแบบนี้อยู่! มันคือ สิ่งประดิษฐ์อะไรบางอย่าง มีลักษณะเป็นกล่องสีขาวเรียบๆ ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะมีอะไร แต่เมื่อไดกิพลิกอีกด้านให้ดู ภายในกล่องสีขาวนี้เต็มไปด้วยกลไกซับซ้อนมากมายอันแน่นอยู่ในกล่องใบนี้ แต่ในอีกแง่นึง มันก็ดูเหมือนจะไม่ซับซ้อนอะไรเลย แต่ถึงอย่างไร มันก็ไม่น่ามาอยู่ในกระเป๋าของเด็กมัธยมปลายอยู่ดี
“มันคืออะไรน่ะ” ใครบางคนบนโต๊ะถาม
“ชั้นไปเจอในห้องเก็บของที่ศูนย์น่ะ เห็นว่ามันยังใช้ได้อยู่ก็เลยหยิบมา มันก็คือ เครื่องดับสวิสต์ไฟไงล่ะ”
“เครื่องดับสวิสต์ไฟงั้นหรอ!”
“ชั้นไม่รู้นะว่าชื่อจริงๆมันคืออะไร ชั้นก็เรียกมันตามใจชอบแหละ”
ไดกิหมุนของในมือ
“แล้วก็ตามชื่อ ถ้าเอาเจ้านี่ไปครอบที่ตัวสวิสต์ไฟล่ะก็ แค่นี้เครื่องก็ถูกติดตั้งเสร็จแล้ว เป็นไง ง่ายดีใช่มั๊ยล่ะ”
ไดกิหงายเจ้าอุปกรณ์ที่ว่า โชว์กลไกซับซ้อนที่อยู่ภายในให้ดู
“และชั้นก็เอาไปดัดแปลงนิดหน่อย ทำให้มันใช้กับรีโมทอันนี้ได้ ถ้าชั้นกดระเบิด เจ้าเครื่องนี้ก็จะทำงาน และไฟก็จะดับลงพร้อมๆกับเสียงระเบิดไงล่ะ ทีนี้เป็นไง”
หลังจบการอธิบาย ทุกคนมีอาการและท่าทีที่ตกใจอย่างเห็นได้ชัด ซี่งทำให้ไดกิพอใจมาก
“เพราะงั้น อย่าลืมพกแว่นที่ใช้มองในความมืดได้ด้วยล่ะ อ๊ะ ใช่ๆ แน่นอนว่าชั้นฝากสองคนนั่นไปติดตั้งไว้เรียบร้อยแล้วนะ”
“นายทำชั้นทึ่งได้อีกแล้วนะ ไดกิ” ทาคาคิพูด
“นั่นสิฮะ แล้วไหนจะอุปกรณ์พวกนั้นอีก ระเบิดเสียงอะไรทำนองนี้พกมาได้ยังไงเนี่ย” จิเนนถามบ้าง จริงของเขาแม้ระเบิดเสียงจะมีขนาดไม่ใหญ่และหนักมากนะ แต่ระเบิดเสียงตั้งสิบลูก แถมมันยังไม่ใช่สิ่งของที่คนธรรมดาจะเดินพกมันไปมาด้วยอีก
“แหมก็…”
ยังไม่ทันที่ไดกิจะตอบ เรียวสุเกะก็ขัดขึ้นมาแทน
“ระเบิดน่ะ ไดกิพกไว้ตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะนายไม่ธรรมดา ชั้นพูดอย่างนี้ถูกรึเปล่า”
เรียวสุเกะยิ้ม มีรึที่เขาจะไม่รู้ ถึงเขาจะตกใจกับแผนการที่ดูเหมือนจะถูกวางแผนมาแล้วอย่างดีของไดกิก็ตาม แต่เรื่องอย่างนี้มันเดากันได้ ว่าไดกิทำได้อย่างไร
…ไดกิยิ้ม
“ว้า เซ็งเลย โดนนายรู้ทันอีกแล้ว”
ไดกิทำท่ายอมแพ้
“ส่วนเครื่องดับสวิสต์ไฟอะไรของนายน่ะ นายก็แค่พึ่งดัดแปลงมันเสร็จที่โรงเรียนใช่มั๊ยล่ะ”
“เอ๊!!!” ทาคาคิและจิเนนร้องออกมาพร้อมกัน
แปะๆ เสียงปรบมือของไดกิดังขึ้น
“เป็นการวิเคราะห์ที่ฉลาดมาก นายเห็นด้วยเหรอเนี่ย” ไดกิเกาหัว
“ทำไมชั้นจะไม่เห็น แต่นายก็เยี่ยมจริงๆนะ เวลาเพียงแค่นี้กลับเอาอุปกรณ์ที่มีอยู่ มาวางแผนที่สมบูรณ์แบบในเวลาสั้นๆได้ตอนที่ยาบุคุงกับฮิคารุคุงอธิบาย แถมยังลงมือซะเองเสร็จสรรพก่อนที่จะมาอธิบายให้พวกเราฟังซะอีก”
“นั่นสิ จริงด้วยนะ นายทำได้ยังไงกัน นับวันชั้นยิ่งทึ่งในตัวนายมากขึ้นนะไดกิ” ทาคาคิพูดอย่างชื่นชม
“ไม่หรอก ก็พอสองคนนั้นเล่าจบ ก็ยังไม่ได้คิดแผนอื่นหรอกนะ แต่พอคิดแค่ว่าในกระเป๋ามีอะไรอยู่ ชั้นก็ส่งของทั้งหมดให้สองคนนั้นไปเลยน่ะ”
“สุดยอดเลยฮะ! แต่ผมก็ไม่เห็นจริงๆนะ ว่าส่งของให้กันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตอนที่สองคนนั้นยืนตรงปลายโต๊ะแหละ ชั้นก็คิดขึ้นได้ ก็เลยยัดใส่กระเป๋าไปเลย ตอนที่พวกนายมัวแต่มองหน้ายาบุนั่นแหละ”
“นายว่าไง เรียวสุเกะ” ไดกิหันไปถามความเห็น และเป็นการตัดสินใจสุดท้าย
เรียวสุเกะนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจพูดผลการตัดสินใจของเขา
“…ดำเนินตามแผนทุกอย่าง ทำให้เกิดความผิดพลาดให้ได้น้อยที่สุด”
ทุกคนยิ้มรับและพยักหน้า เป็นอันเข้าใจว่า แผนนี้ได้รับการยืนยันแล้ว
“งั้นก็ตกลงตามนี้ แล้วแผน C คือ ถ้าไฟดับแล้วก็ลงมือสินะ เหลือเวลาอีกเจ็ดนาที เรารีบลงไปกันเถอะ” ทาคาคิมองนาฬิกา
“โอเค ทุกคนติดต่อกันทางหูฟัง ความว่องไวและความแม่นยำคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เมื่อแผนแรกล้มเหลวเราจะดำเนินตามแผนต่อไปทันที”
ไดกิย้ำอีกครั้ง ด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป ทั้ง 4 คนหยิบหูฟังและเครื่องส่งสัญญาณมาใส่ พร้อมเช็คระบบการส่งสัญญาณอีกครั้ง
“ถ้าแผนสำเร็จแล้ว เราจะไปรวมกันที่หลังตึก ภายใน 16.45 รักษาเวลาด้วยล่ะ” ทาคาคินัดแนะ
ทุกคนพยักหน้า
“เอาล่ะ ไปกันเลย”
.
.
.
***********************
ความคิดเห็น