คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [SP] Thank you that you were born (1)
ผม ยามาดะ เรียวสุเกะ อายุ 16 ปี ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองแตกต่างจากคนอื่น จนกระทั่งวันหนึ่งผมได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในค่ายจอร์นนี่ นั่นแหละ ผมจึงคิดว่าชีวิตของผมอาจเปลี่ยนไปก็ได้ แต่ผมก็ไม่คิด ว่าจะมีวันที่ชีวิตของผมมันแตกต่างกับคนอื่นโดยสิ้นเชิงขนาดนี้
ผมเป็นไอดอลครับ แม้ว่าผมจะไม่กล้าพูดได้เต็มปากว่าผมเป็นไอดอลมากที่สุดคนหนึ่ง แต่คนอื่นก็เรียกผมอย่างนั้น
ผมเป็นสมาชิกของวง เฮเซจัมพ์ พวกเรามีกันอยู่สิบคน พวกเราทุกคนต่างมีงานที่ต้องรับผิดชอบเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นงานละคร รายการทีวี หรือแม้แต่เรื่องเรียน ในจำนวนนั้น ผมเป็นคนที่ทำงานหนักที่สุดในสมาชิกทั้งสิบ ผมมีงานทุกรูปแบบให้ทำเกือบทุกวัน ทั้งงานละคร ถ่ายแบบ รายการทีวี ออกยูนิตพิเศษและอีกหลายๆอย่างมากมาย ผมไม่คิดว่าผมจะมาถึงจุดนี้ได้ และผมก็ไม่คิดหรอกว่า ที่ผมได้งานมากมายกว่าคนอื่นไม่ใช่เพราะ ความสามารถของผม ผมคิดว่า สมาชิกทุกคนมีความสามารถมากมายไม่ต่างกัน แต่เมื่อผมได้งานมา ผมก็ควรจะทำให้เต็มที่ โดยที่สมาชิกที่เหลือคอยเป็นกำลังใจให้ผม แต่ผมก็เคยคิดนะว่า แล้วผมทำไปเพื่อใครกัน
ทุกวัน พวกผมทุกคนจะต้องตื่นแต่เช้า เพื่อไปโรงเรียน หลังจากเลิกเรียนก็ต้องไปซ้อมคอนเสิร์ตหรือทำงานตามตารางที่จัดไว้ บางครั้งอาจถึงดึก โดยเฉพาะช่วงที่มีคอนเสิร์ตพวกผมจะยิ่งเหนื่อยเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า อีกแล้ว! และผมทำไปเพื่อใครกัน...
บางวันผมมีงานละคร ต้องตื่นตั้งแต่ยังไม่สว่างเพื่อมาถ่ายละครตามฉากและบทบาทที่ผมได้รับ บางครั้งอาจถ่ายทำกันทั้งวันตั้งแต่ ก่อนสว่างจนเกือบจะถึงเวลาสว่างของอีกวัน ผมพักผ่อนน้อย และต้องซ้อมอย่างเหน็ดเหนื่อย ทั้งต่อสู้ หรือ โดนทำร้าย ดีใจ ร้องไห้ โกรธ หรือมีความสุข ผมต้องทำสิ่งเหล่านี้ในเวลาสั้นๆที่แทบจะพร้อมกัน มันทั้งยากและเหนื่อยแทบขาดใจ แล้วผมทำไปเพื่อใครกัน
วันนี้ผมถ่ายละครเสร็จตอนเที่ยง ทำให้ผมไม่ได้ไปเรียนคาบเช้า และผมก็เหนื่อยเกินกว่าที่ร่างกายจะทนไหว จึงไม่สามารถเข้าเรียนคาบบ่ายได้ ผมเลยพาตัวเองกลับมาพักผ่อนรอให้สมาชิกที่อยู่วัยเรียนเหมือนผมเลิกเรียนที่ห้องซ้อมเต้น วันนี้พวกผมมีตารางซ้อมเต้นเพื่อขึ้นคอนเสิร์ตในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า ถึงสามทุ่มฮะ
ผมเปิดประตูเข้าไปอย่างอ่อนแรง และหันไปพบกับพี่ชายของวงทั้งห้านั่งคุยกันอยู่ โดยคนนึงเป็นทั้งพี่ชายและเพื่อนสนิทของผม
ไดจัง
“ไงยามะจัง ถ่ายละครพึ่งเสร็จหรอ” ไดจังลุกมาหาผมที่พึ่งเปิดประตูเข้ามา
“อื้อ เหนื่อยแทบแย่แน่ะ ไดจัง” ผมส่งยิ้มน้อยๆให้เขาและจัดแจงวางของ
“สีหน้านายไม่ค่อยดีเลยนะ” ยาบุคุงถามผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“จริงด้วย นายไปล้างหน้าล้างตาหน่อยไปจะได้สดชื่นขึ้น” ไดจังทำท่าจะพาผมออกไปห้องน้ำ แต่ผมห้ามไว้ และก็บอกว่าผมพึ่งแวะห้องน้ำเมื่อกี้ แต่จริงๆแล้วก็คือ ผมหมดแรงที่จะเดินไปห้องน้ำแล้วล่ะ
“แล้วนายกินข้าวรึยัง นี่ๆชั้นซื้อข้าวกล่องของโปรดนายมาด้วยนะ” ฮิคารุคุงเดินถือข้าวกล่องมาหาผม โดยมีอิโนะจังกับทาคาคิคุงก็เดินตามมาด้วย
“ขอบคุณนะ แต่ผมพึ่งกินมาน่ะ ไม่เป็นไรหรอก” ผมหาอะไรกินรองท้องก่อนเข้ามาแล้วล่ะ ผมก็อยากกินข้าวที่ฮิคารุคุงซื้อมานะ แต่ผมไม่มีแรงจะกินอะไรแล้ว
ผมส่งยิ้มน้อยๆให้ ทั้งสามคนที่ยืนล้อมผมอยู่และก็เหลือไปเห็นอิโนะจังกำลังเก็บของจัดที่นอน(บนโซฟา)ให้ผมอยู่ ส่วนทาคาคิคุงเดินไปหยิบผ้าห่ม ในห้องเก็บอุปกรณ์มาให้ผม มันเป็นของทาคาคิคุงฮะ เขาเอามาจากบ้านมาไว้ที่ห้องซ้อมเพราะว่าอากาศตอนดึกๆมันหนาว
“เอ้ายามะจัง นายมานอนซะนะ ” อิโนะจังเรียกผมให้ไปนอน ยาบุคุง ฮิคารุคุงและไดจังที่ยืนล้อมผมอยู่ก็พยักหน้าน้อยๆและค่อยๆพาผมไปนอน
ผมค่อยๆล้มตัวลงนอนโดยมีทาคาคิคุงห่มผ้าให้ผม หลังจากที่กล่าวขอบคุณพี่ๆ ผมก็ผล็อยหลับไปทันทีด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่ช่วงก่อนที่ผมจะหลับ แวบนึง ผมก็คิดขึ้นมา เหนื่อยจังเลย ทำไมผมต้องมาเหนื่อยขนาดนี้ด้วยนะ ผมทำเพื่อใครกันล่ะ
.
.
.
.
.
.
.
ผมค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ นี่ผมหลับไปนานแค่ไหนแล้วนะ รู้สึกดีขึ้นบ้างแล้วล่ะ แต่ก็ยังไม่ค่อยมีแรงอยู่ดี ผมค่อยๆดันตัวเองให้ลุกขึ้น และหันไปเห็น สมาชิกทุกคนมากันพร้อมหมดแล้ว ทุกคนอยู่ในชุดซ้อมเต้น แต่ดูเหมือนพวกเขาจะซ้อมกันไปแล้วรอบนึงล่ะมั้ง ท่าทางตอนนี้กำลังพักกันอยู่
จิเนนเห็นมาเห็นผมที่พึ่งตื่นจึงเดินเข้ามาทักทายและนั่งลงข้างหน้าผม
“ยามะจังตื่นแล้วหรอ เป็นยังไงบ้าง” เขายิ้มให้ผม มันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายนะ เขาน่ารักจริงๆ
ริวทาโร่ ยูโตะและเคย์โตะก็ลุกตามมาหาผม โดยที่พี่ๆทั้งห้ายังคงนั่งมองมากจากที่เดิมด้วยสายตาโล่งอก
“ยามะจัง วันนี้ยามะจังไม่ไปโรงเรียน ชั้นกับจิเนนเหง๊าเหงา” ยูโตะทำพูดติดตลกให้ผม ขำ
“อื้อ ชั้นก็เหงาเหมือนกัน ขอโทษนะ ชั้นไม่เป็นไรแล้วล่ะ” ผมตอบและส่งยิ้มน้อยๆไปให้พวกเขา
“ยามะจังแน่ใจนะ ว่านายไม่เป็นไรแล้วน่ะ นายยังดูสีหน้าไม่ค่อยดีอยู่เลย” เคย์โตะถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง ท่าทีและน้ำเสียงของเขาทำให้ผมเผลอยกมือขึ้นจับหน้าตัวเอง นี่สีหน้าผมแย่ขนาดนั้นเลยหรอ
“ยามะจัง อย่าฝืนนะ” ริวทาโร่แตะไหล่ผม ด้วยสีหน้ากังวลและเป็นห่วงมาก ผมไม่เคยเห็นริวทาโร่ทำสีหน้าแบบนั้นเลยตั้งแต่คบกันมา แสดงว่าคงผมดูแย่มากจริงๆ
ผมเงียบไม่พูดอะไรตอบ
“ยามะจังชั้นว่า นายกลับบ้านเหอะ” ยูโตะพูดกับผม
เอ๊ะ ไม่ได้หรอกชั้นต้องซ้อมนะ คอนเสิร์ตจะเริ่มอยู่แล้วเชียว
“อย่างที่ยูโตะว่าแหละ เรื่องซ้อมไม่เป็นไรหรอก นายต้องพักผ่อนมากๆนะ” ยาบุคุงลูบหัวผม ผมมัวแต่คิดถึงสีหน้าตัวเอง จนไม่ทันได้สังเกตว่า พวกพี่ๆก็เดินมาหาผมกันหมดแล้ว
“แต่ซ้อม
” ผมพูดเสียงอ่อย
“ยังไง พวกเราก็ซ้อมกันคล่องหมดแล้วนี่ ที่มาซ้อมกันวันนี้ก็เพื่อให้ไม่ลืมเท่านั้นแหละ ไม่เป็นไรหรอก” ฮิคารุคุงพูดกับผมยิ้มๆ หวังให้ผมคลายความกังวล
“ปะ งั้นเดี๋ยวชั้นไปส่งนะ” ไดจังยิ้มและยื่นมือมาให้ผม
สมาชิกทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
เห็นดังนั้นผมจึงยื่นมือไปหาไดจังแล้วค่อยๆดันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน
.
.
.
“ไม่เป็นไรหรอกไดจัง ชั้นกลับเองได้ บ้านชั้นมันไกลน่ะ นายซ้อมไปเหอะ” ผมยิ้มให้ไดจัง
“เอ๋ ไม่เป็นไรหรอก ชั้นเป็นห่วงนายนะ” ไดจังแย้ง แต่ผมก็ดึงดันไม่ยอมอยู่ดี เห็นดังนั้นเขาเลยยอมถอดใจ แต่ริวทาโร่เองก็เสนอตัวไปส่งผมเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่อยากให้เขาต้องหยุดซ้อมเพราะผม
“ไม่เป็นไรหรอก นี่แค่ หกโมงเอง สบายมาก” ผมพยายามยิ้มเพื่อให้ทุกคนคลายกังวล จนในที่สุด ทุกคนก็ยอมให้ผมกลับบ้านคนเดียว
ผมเก็บของเสร็จและเอ่ยลาทุกคน
“มีไรโทรมาเลยน้า!!!” ผมหันไปยิ้มให้ทุกคนและปิดประตู
ปึ้ง!
ผมออกเดินจากห้องซ้อมไปได้ซักพักก็นึกขึ้นมาได้ว่าลืมของ จึงตั้งท่าจะเดินกลับไปเอาที่ห้องซ้อม ตอนนั้นผมกำลังจะเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูอยู่แล้ว แต่ผมบังเอิญได้ยินเสียงสมาชิกคุยกันเรื่องผมลอดออกมาซะก่อน เลยหยุดชะงักไป
‘ชั้นเป็นห่วง ยามะจังจังเลย’ เสียงไดจังนี่
‘ชั้นก็เหมือนกัน ที่จริงวันนี้มีการบ้านนะ แต่ชั้นกับยูโตะคิดว่าไม่บอกดีกว่าน่ะ ไว้เดี๋ยวพวกเราช่วยกันทำให้ดีกว่า’ เสียงจิเนน
‘อืม ดีแล้วล่ะ ไว้เดี๋ยวพวกชั้นช่วยทำด้วยก็ได้’ เสียงยาบุคุงบ้าง โดยมีเสียงอิโนะจังเล็ดลอดขึ้นมาประปราย
‘ว่าแต่ ยามะจังสีหน้าแย่มากๆเลยนะ’ เสียงเคย์โตะเอ่ย อย่างทุกข์ร้อน
‘อืม จริงๆตอนที่ชั้นห่มผ้าให้เขา บังเอิญมือไปโดนแขนเขาน่ะ มันเย็นเชียบเชียวล่ะ’ เสียงทาคาคิคุงพูดขณะเล่าย้อนความ
‘ตอนที่ผมแตะไหล่เขา มันก็สั่นๆเหมือนกันนะ สั่นเหมือนคนออกกำลังกายมากๆโดยไม่ได้พักเลยน่ะ’ เสียงริวทาโร่ที่แฝงไปด้วยความเป็นห่วง อย่างที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน
‘นี่ พวกนายรู้มั๊ย ชั้นไปถามผู้จัดการมาน่ะ เขาว่ายามะจังได้นอนวันนึงไม่เกิน สามชั่วโมงเองนะ’ เสียงฮิคารุคุงพูดขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน
‘เฮ้ย! จริงอ่ะ’ ทุกคนพูดขึ้นพร้อมกัน
‘ใช่ เขาทำงานจนถึง ตีสองตีสามติดกันหลายวัน แถมยังต้องตื่นไปเรียนอีก คงมีวันนี้แหละมั้งที่เขาได้พักผ่อนจริงๆน่ะ แล้วก็ดูจากอาการแล้วก็ มันคงถึงขีดสุดแล้วล่ะ
’
ผมยืนนิ่งฟังสมาชิกพูดกันซักพักและตัดสินใจเดินกลับบ้าน โดยทิ้งของที่ลืมเอาไว้
นั่นสินะ ผมคงเหนื่อยมากจริงๆ จนถึงขีดสุดอย่างที่ฮิคารุคุงพูดจริงๆนั่นแหละ ที่จริงผมแทบไม่มีแรงเดินกลับเองหรอก เนื้อตัวผมเย็นเชียบและสั่นเหมือนเกร็งกล้ามเนื้อมานานอย่างที่เคย์โตะกับริวทาโร่พูดนั่นแหละ แต่แค่นี้
ผมก็ทำให้ทุกคนเป็นห่วงมากพอแล้ว ผมไม่อยากรบกวนพวกเขามากไปกว่านี้อีก
ผมเดินไปตามถนน รอบตัวผมมีแต่แสงสี บรรยากาศยามค่ำคืนช่างดูสวยและคึกคัก แตกต่างกับบรรยากาศตอนกลางวันอย่างสิ้นเชิง ผมแทบไม่ได้มาเดินเอ้อระเหยตอนเย็นแบบนี้นานแล้วล่ะ คงเป็นเพราะว่า ผมทำงานตลอดจนถึงดึก และก็กลับบ้านเลยโดยไม่แวะไปไหน วันนี้ผมเลยรู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง อันที่จริงแล้วนะ ที่ผมมาเดินเอ้อระเหยแบบนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะอยากปล่อยกายปล่อยใจพักผ่อนบ้าง อีกส่วนหนึ่งคือ ผมไม่มีแรงพอที่จะเดินซอยเท้าอย่างรวดเร็วกลับบ้านได้หรอก น่าแปลกนะ ทั้งๆที่ผมออกกำลังกายทุกวันแท้ๆ แต่สภาพผมตอนนี้ยิ่งกว่าคนธรรมดาที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายอีก นี่ผมทำร้ายตัวเองถึงขนาดนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่นะ แล้วผมทำไปเพื่อใครกันล่ะ
.
.
.
ผ่านไปซัก หนึ่งชั่วโมง ผมก็กลับมาถึงบ้าน ผมใช้เวลากลับบ้านมากกว่าปกติ ถึงหนึ่งเท่าตัว ปกติจากที่ทำงานถึงบ้านผมใช้เวลาอย่างมาก แค่สามสิบนาทีเท่านั้น แต่นี่ผมใช้เวลาถึง หนึ่งชั่วโมงเลยแน่ะ ครอบครัวผมตกใจเล็กน้อยกับสภาพผม แต่ก็เข้าใจจึงไม่ซักถามอะไรมากนัก ผมรวบรวมพละกำลังที่เหลืออยู่ทั้งหมด ในการพาตัวเองไปอาบน้ำ และพอดีแม่พึ่งต้มน้ำเสร็จผมเลย ถือโอกาสลงไปแช่ทันที เผื่อมันจะช่วยลดความเหนื่อยล้าทางกายของผมได้บ้าง
หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จและเดินออกมา ผมก็หันไปเห็นน้องสาวกับพี่สาวนั่งเปิดดูรายการเพลงที่ผมพึ่งไปอัดมาเมื่อวันก่อนอยู่ แหม พอเห็นตัวเองในทีวีแล้วรู้สึกแปลกๆจัง ดูไม่ค่อยเหมือนผมเลย แต่อีกมุมนึงมันก็คือตัวตนของผมจริงๆ นั่นแหละ อาจฟังดูงงๆนะ แต่ผมรู้สึกอย่างนั้น
น้องสาวเห็นผมเดินออกมาพอดีจึงเรียกผมไปดูด้วย
“โห พี่ทำไมตัวจริงกับในทีวีต่างกันจังเลยล่ะ ฮ่าๆ” น้องแซวผมอย่างร่าเริง ทำให้พี่สาวที่นั่งอยู่ข้างๆขำไปด้วย
“ทำไม พี่ก็เป็นอย่างงี้แหละ” ผมกะจะหันไปผลักหัวน้องตัวดี แต่ยังไม่ทันที่มือของผมจะแตะโดนตัวน้อง มันกลับร่วงลงดื้อๆซะนี่ เมื่อกี้ผมรู้สึกว่า เรี่ยวแรงมันหายไปซะเฉยๆเลยน่ะ
น้องกับพี่ผมเห็นเลยหยุดขำ ผมเองก็เช่นกัน ผมอึ้ง นี่ผมไม่มีแรงขนาดนี้เชียวหรอ ตอนนี้แค่ยกแขนยังยากเลย ผมเม้มริมฝีปากแน่นจนเกือบจะเป็นเส้นตรง
พี่สาวมองผมอย่างสงสาร จึงก็ดึงหัวผมลงมาซบที่ไหล่ น้องเองก็จับมือผมเอาไว้เช่นกัน
ผมนิ่งเงียบปล่อยให้พี่สาวและน้องสาวปลอบใจผมต่อไป มันทำให้ผมรู้สึกดีมากๆเลยล่ะ ผมรู้สึกผ่อนคลาย ผมนี่โชคดีจังที่มีคนคอยรักและเป็นห่วงผมขนาดนี้ ความรักของครอบครัว และสมาชิกที่มีต่อผม มันผลักดันให้ผมพยายามทำงานและอดทนมาได้ แต่ก็นั่นแหละ แล้วผมรับความรักนี้เพื่อบากบั่นทำงานออกมา เพื่อใครกันล่ะ
คืนนั้นผมนอนหลับสนิท ด้วยความเหนื่อยและอ่อนเพลียทั้งกายใจ ผมหวังให้วันรุ่งขึ้นเมื่อผมตื่นขึ้นมา ผมจะมีแรงเพื่อที่จะทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป และมันก็เป็นดังที่หวัง ผมตื่นมามีเรี่ยวแรงกลับมาเหมือนเดิม ก็แน่ล่ะ เมื่อคืนเป็นคืนแรกในรอบหลายวันมาอาทิตย์มานี้ที่ผมได้นอนเต็มอิ่มตั้งแต่สองทุ่ม ยันเจ็ดโมงเช้า และพร้อมที่จะลุยทำงานของตัวเองต่อไป แต่เพื่อใครนั้นผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้อีกเช่นกัน
วันนี้ผมมาโรงเรียนตามปกติ มีเพื่อนๆเดินมารุมล้อมผมด้วยความเป็นห่วง ผมหยุดเรียนไปกะทันหันโดยไม่บอกไม่กล่าวคงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะเป็นห่วง
จิเนน และ ยูโตะที่เดินเข้ามาในห้องหลังจากที่ผมมาถึงได้ซักพัก พอพวกเขาเห็นผมก็รีบวิ่งมาหาผมใหญ่เลย ผมเห็นดังนั้นจึงยิ้มทักทายอย่างร่าเริง เพราะผมรู้ว่าพวกเขาเป็นห่วงผมมาก
“ยามะจัง หายแล้วหรอ!” จิเนนถามผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“อื้อไม่เป็นไรแล้วล่ะ ขอบใจนะที่เป็นห่วง” ผมยิ้ม
“จริงหรอ ค่อยยังชั่วหน่อย เมื่อวานพวกเรานั่งรอโทรศัพท์จากนายตลอดเลยนะรู้ปล่าว กลัวนายจะไม่ถึงบ้านน่ะ แต่ก็ไม่กล้าโทรไปกลัวนายพักผ่อนอยู่” ยูโตะพูดออกมาด้วยสีหน้าน้อยใจเล็กน้อย แต่ที่จริงเขาแค่กังวลมากๆต่างหากล่ะ แล้วที่ไม่กล้าโทรไปเพราะคิดว่า เพื่อนรักจะคิดมากที่ทำให้คนอื่นเป็นห่วงตน
“อ๊ะ จริงสิขอโทษนะ พอดีถึงบ้านแล้วชั้นก็อาบน้ำ นอนเลยน่ะ ขอโทษจริงๆ” ผมยกมือขอโทษพวกเขา
ทั้งสองยิ้ม
“ไม่เป็นไรหรอก ยามะจังหายก็ดีแล้วล่ะ” จิเนนยิ้มและเดินมากอดแขนผม
“ใช่ แค่วันนี้ยามะจังหายดีแล้ว พวกเราก็ดีใจมากแล้วล่ะ” ยูโตะยิ้มแฉ่ง
ผมยิ้มตอบพวกเขา
ผมดีใจจังเลย ที่มีเพื่อน ครอบครัว และเหล่าคนสำคัญ(สมาชิก) คอยเป็นห่วงเป็นใยผม ผมจะพยายามไม่ทำให้พวกเขาไม่สบายใจอีก แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ว่าร่างกายผมมันจะทำได้อย่างที่บอกรึเปล่าน่ะ(ยิ้ม)
วันนี้ตอนเย็นมีคิวปิดกล้องละครที่ผมแสดงเลยทำให้ผมไม่ได้โผล่หน้าไปหาคนเหล่าคนสำคัญของผม เขาจะเป็นห่วงกันมั๊ยน้า แต่คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง จิเนนกับยูโตะก็เห็นแล้วว่าผมสบายดี คงไม่เป็นไรแล้วล่ะ เอาล่ะ มาทำเรื่องให้มันจบๆไปดีกว่า (ผมหมายถึงละครเรื่องนี้)
หลังจากวันนั้นอีกวัน ผมก็ได้รับของขวัญแสดงความยินดีที่ได้ปิดกล้องละคร หฤโหดที่ทำให้ผมแทบหมดพลังชีวิต อาจดูเว่อ แต่ดูท่าทางพวกเขาจะคิดแบบนั้นนะ (หัวเราะ) ผมเปิดของขวัญก็พบกับอาหารเสริมมากมายเต็มไปหมด (รู้สึกเขาจะรวมๆกันมาใส่กล่องเดียวนะ) มีเครื่องรางด้วยนะ ฮะๆ ผมล่ะเชื่อเขาเลย แต่ผมก็ดีใจจริงๆที่เขาเป็นห่วงสุขภาพผมขนาดนี้ ผมจึงรับปากว่าจะกินให้หมดแล้วก็จะพกเครื่องรางติดตัวด้วย ได้ข่าวว่าเครื่องรางนี้พวกเขาช่วยกันทำน่ะ ผมคิดว่า เครื่องรางนี้คงจะขลังน่าดูเลยล่ะ (หัวเราะ)
ช่วงก่อนขึ้นคอนเสิร์ตหนึ่งอาทิตย์ทุกคนจะค่อนข้างว่าง เพื่อที่จะได้มีเวลาเตรียมตัว ผมเองก็เช่นกัน ตอนนี้ผมมีงานเพียงอย่างเดียวคือซ้อมคอนเสิร์ต มันทำให้ผมสบายขึ้นเยอะจริงๆ ที่น่าตกใจคือมีรายงานมาว่า ละครที่ผมพึ่งปิดกล้องไปเมื่อวันก่อน ที่สมาชิกขนานนามว่า ละครหฤโหด มีเรตติ้งขึ้นสูงที่สุดในรอบปีเลยทีเดียว นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับผมมาก พวกเราจึงพากันไปกินเลี้ยงฉลองความสำเร็จให้ผม ที่ความพยายามและ พลังชีวิต (ทุกคนเขาว่างั้น) ของผมเกิดผลสำเร็จขึ้นมา วันนั้นผมสนุกสุดๆไปเลย ผมไม่ได้มากินเลี้ยงกับทุกคนมานานแค่ไหนแล้วนะ อา
คงตั้งแต่ช่วงที่ผมเกิดดังขึ้นมานั่นเอง
....Next....
ความคิดเห็น