ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Attract Love รักร้ายอันตราย เจ้าชายปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #4 : Veyron!!

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 54



      
    ปึงปังๆ
     
        (-_-)..(-*-)
     
            โครม!!
     
         “โอ้ย เวรเอ๊ยย..ย..ย”
     
         (=[]=) 
     
                  สาบานได้ ถ้าป๊าไม่ได้สั่งให้ฉันคอยรับรองหมอนั้น ฉันนี่หล่ะจะเป็นคนฆ่าเขาเองกับมือ นายนั้นพังตู้เสื้อผ้าติดผนังของฉัน
     
                 ตึง!!
     
           “บัดซบ!!”
     
           “โว้ยย...หยุดซะที!!” ฉันตะโกนออกไปอย่างเหลืออด ให้ตายสิฉันจะฆ่าเค้า เอลดิสหันมามองฉันอย่างหงุดหงิด นายจะมาหงุดหงิดอาร้ายย ฉันเซ่ที่ต้องอารมณ์เสีย
     
           “จะตะโกนหาอะไร?”
     
           จึ๊ก! จะตะโกนหาอะไรงั้นเหรอ นายปีศาจนี้ถามฉันว่าจะตะโกนหาอะไรงั้นเหรอ...ฉันจำเป็นต้องรีบสงบสติของตัวเองอย่างเร็ว ก่อนที่จะพลั้งมือทำอะไรที่เลวร้ายลงไป ใจเย็นไว้ ซีริว....ซึง ซีริว ใจเย็นไว้
     
       “นาย ...จะอธิบายให้ฉันฟังได้รึยัง” ฉันพยายามถามเขาอย่างใจเย็น แล้วทำเป็นลืมตู้เสื้อผ้าไปซะ
     
        “ว่ามาสิ” นายนั้นพูด สีหน้าเริ่มคลายจากอาการหงุดหงิด
     
        “ดี งั้นคำถามแรก ป๊า ฉันรู้ไหมว่า นายเป็น เอิ่ม ปีศาจ”
     
        “รู้สิ ที่จริง อย่างที่เธอรู้ ครอบครัวเธอกับฉัน เป็นเพื่อนกัน”    นายเอลดิสตอบ พลางขยับตัวนั่งลงบนเตียง ของฉัน=_=
     
         “หมายความว่าไง?” ฉันถามแล้วนั่งลงตรงกันข้ามกับเขา เอลดิสนั้งหัวเตียงแต่ฉันนั่งปลายเตียงหน่ะ
     
        “เท่าที่ฉันรู้มา แม่เธอเป็นทายาทของเผ่านักล่าสมัยโบราณ แล้วดูเหมือนว่า ทวดของทวดของทวดของทวดของทวดของทวดของทวด.... แม่เธอหน่ะ จะทำสัญญากับทวดของทวดพ่อฉันไว้ เหมือนว่าทุกๆ ร้อยปีของโลกปีศาจราชาปีศาจซึ่งเมื่อ20ปีก่อน ก็คือแวนเฮลพ่อฉัน จะต้องขึ้นมาเจอกับทายาทนักล่าเพื่อต่อสัญญา อะไรประมานนั้น ซึ่งรุ่นต่อจากแม่เธอก็คือเธอ”
     
         “ แล้ว...หมายความว่านายเป็นราชาขึ้นมาพบฉันซึ่งเป็นทายาทหรอ แต่แวนเฮลเพิ่งมาพบกับแม่ฉันไม่ใช่หรอ?”
     
         “ป่าว ไม่ใช่ ที่จริงแล้วตอนนี้พี่ฉันปกครองอยู่ มาถึงรุ่นแม่เธอ แวนเฮลก็หง่อม ทำงานไม่ไหวแล้ว ถ้าจะให้พี่ฉันขึ้นมาเพื่อพบทายาทอีกที ก็คงอีก95 ปีโลกฉัน หรือ 475ปีโลกมนุษย์ หล่ะ”
     
        “แล้ว ตอนที่ปีศาจทุกคนมาที่นี้ จะมีร่างกายเหมือนมนุษย์แบบนี้ทุกคนเลยหรอ”
     
        “ที่จริงแล้ว ไม่...” เอลดิสทำท่าคล้ายจะพูดอะไรต่อ แต่ดูเหมือนเขากำลังตัดสินใจว่าจะพูดดีหรือป่าว ฉันจึงรอให้เขาตัดสินใจ อยู่เงียบๆ เวลาผ่านไปสักพักแล้วเอลดิสก็เริ่มเล่าต่อ
     
        “ตอนที่ฉันมาหาเธอเมื่อคืน นั้นไม่ใช่ร่างมนุษย์ เราสามารถตัดสินใจว่าจะใช้ร่างมนุษย์หรือไม่ เป็นการตัดสินใจที่สำคัญมาก ร่างนี้ก็มีแต่ปีศาจชั้นสูงเท่านั้นที่ใช้ได้  อย่างตอนที่แวนเฮลมาหาแม่เธอเมื่อ 20 ปีก่อน เขาใช้ร่างจิตมา แต่ว่าตอนนี้ แวนเฮล ก็เป็นเหมือนฉันนี้หล่ะ เป็นมนุษย์ธรรมดา มีความรู้สึก เจ็บได้ ป่วยได้ ตายได้”
     
        “อืม” ฉันครางตอบ
     
             จากนั้นเราก็ถกเถียงข้อสงสัยกันซักพัก เอลดิสถามฉันเรื่องตู้เสื้อผ้า ตอนแรกฉันกะจะว้ากเขาเรื่องนั้นซะหน่อย แต่ฉันกับต้องปล่อยก้ากแทน ฉันต้องใช้เวลาสักพักเพื่ออธิบายให้เขาเข้าใจว่ามันแค่คำไร้สาระเท่านั้นเอง ฉันถามเอลดิสเรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับโลกปีศาจ อีกนิดๆหน่อย ตามจริงฉันเริ่มสังเกตว่าส่วนใหญ่ฉันจะพาเขาคุยซะมากกว่า
     
         “แล้ว แสดงว่าตอนนี้ก็เหมือนกับว่า นายเป็นมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้นน่ะสิ”
     
        “อืม”
     
        “แล้วจากที่นายบอก ตอนนี้ก็เหมือนกับว่าเรานั่งอยู่ในสถานที่ใด สถานที่หนึ่งในโลกปีศาจแต่เราไม่เห็นเพราะอยู่กับคนละมิติ”
     
        “ใช่ โลกเราซ้อนทับกันอยู่ อาจจะเหลือบกันนิดหน่อย ความจริงฉันออกจะแปลกใจนิดๆ ที่รู้ว่าโลกปีศาจแทบจะทับเป็นอันเดียวกับกับโลกมนุษย์เลยด้วยซ้ำ แต่ว่าโลกของเทพกลับเหลือบห่างออกมากกว่า รู้ไหมมันสะท้อนถึงสันดารดิบของคนบนโลกว่าใกล้เคียงกับสิ่งที่เขาหวาดกลัว และรังเกียจแค่ไหน”
     
        “ =_= เหมือนว่านายจะด่าฉันทางอ้อมนะ ” แต่ ฉันว่าที่เอลดิสพูด คือความจริงเลยหล่ะ คนเรามักจะเกียจสิ่งที่เหมือนกับตัวตนของเค้า  “แล้วโลกปีศาจเป็นแบบไหน เหมือนกับสิ่งที่เราเรียกกันว่า นรกรึป่าว”
     
        “ไม่   นรก ก็แค่สถานที่ๆใช้ลงโทษคนผิดเท่านั้น โลกไหนๆก็มีนรกทั้งนั้น อย่างโลกเธอนรกก็คือ คุกไง” =’’= นรกมันหาง่ายขนาดนั้น?
     
     
        “แล้วเรื่อง สัญญา?”
     
        “เรื่องนี้มันยาวชิพ ไว้อธิบายคราวหลัง” เอลดิสพูด แล้วก้มมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง =_= ของแบรนด์ดังซะด้วย ไฮโซไร้ความพอดีจริงๆ
       
             ฉันหันไปมอง นาฬิกาที่หัวเตียง เฮ้ยย O_O จะเที่ยงแล้วนี่หว่า ถึงว่าหิวโคตรๆ ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่ตื่นมา
     
       “ไปกินมื้อเที่ยงกัน” เอลดิสบอกเสียงเรียบ
     
       “นายจะพาฉันไป ?”
     
        “ฉันชวน แต่พี่ฉันจะพาไปมั้ง” ฉันมีความรู้สึกว่าหมอนี้กวนตีนอีกแล้ว
     
          “นายมีรถหรอ”
          
       “ฉันคงไม่พาเธอ มุดดินไปหรอก” กวนทีน non-limit จริงๆ
     “ เออ =’’= ขอ10 นาที” ฉันบอกแล้วเดินไปห้องเสื้อผ้าเพื่อเปลี่ยนชุด เพราะปีศาจมันพังตู้เสื้อผ้าฉันไปแล้ว
     
     
    ~10 นาทีผ่านไป~
     
        ฉันออกจากลิฟต์ส่วนตัวพร้อมกับเอลดิส   เดินตรงไปที่โรงจอดรถข้างตึกท่ามกลางเสียงซอกแซกไร้สาระน่ารำคาญของเมทสาวทั้งหลาย ฉันรู้สึกว่า ไม่มีวันไหนที่ฉันต้องการออกจากบ้านให้เร็วที่สุด เหมือนวันนี้เลย
     
    “หล่อสุดๆ >///< อ่ะ” << ตัวประกอบ  
     
    “โอ้ยย ไม่ไหวๆ มองนานๆแล้วจะละลาย>///<”    =_= ก็ละลายซะทีเซ่ << ฉันเอง
     
    “เดินอยู่กับ คุณหนูเรา เหมือนเทพบุตรกับนางฟ้าเลย>_<”   ไหนอ่ะ (=_= )__( =_=)
     
    “คุณหนู สวยได้กว่านี้อีกไหม>O<”  
     
    “ดู สิๆ หน้าเย็นชาแบบนั้น มาดแมนสุดๆ”   =_= กวนตรีนสุดๆ นี่ไม่เถียง
     
    “กรี้ดด หล่อหยั่งกับไม่ใช่คนแหน่ะ”
     
    “ต้องเป็นเทพบุตรแน่ๆ งี้ ต้องจับไปขังกรง”   (=’’=)
     
    “หล่องี้ มันต้องถอน”  
     
        ซุบซิบๆ จอกแจ๊กๆ
     
           ในที่สุดฉันก็มาถึงโรงเก็บรถโดยสภาพจิตยังดีอยู่   เอลดิสเดิน ไปคุยอะไรไม่รู้กับเด็กชายดูแลรถ ฉันแอบเห็นเด็กนั้น หน้าแดงด้วย ตอนส่งกุญแจรถให้เขา =’’= เด็กนั้นเดินนำไปที่ประตูเหล็กกั้นห้องเก็บรถที่ 7 แล้วกดปุ่มเปิดประตู  เอลดิสเดินเข้าไปเอารถ  ฉันสำรวจโรงเก็บรถตัวเอง หลังจากที่ไม่ได้เข้ามานานเพราะต้องไปอยู่หอที่โรงเรียน =_= บ้านฉันอลังการไม่มีเบื่อเลยจริงๆ ฉันเชื่อว่าไม่มีบ้านไหนสร้างโรงเก็บรถขนาดเท่าสนามฟุตบอลเหมือนบ้านฉันแน่ๆ
     
       ~บรื้น บรื้น~  
              เสียงเครื่องยนต์ดังกระฮึ่มออกมาจากห้องเก็บดึงความสนใจฉันไปจนหมด  เสียงเครื่องแบบนี้ไม่ใช้รถธรรมดาแน่ๆ   ฉันหันไปด้วยความสนใจพร้อมๆกับตัวรถที่ค่อยๆออกมาให้ยลโฉม ล้อทั้งสี่เคลื่อนที่มาจอดเทียบข้างฉันอย่างนุ่มนวล 
     
    O_O!!
     
    “พระเจ้าช่วย  O[]O”
     
    “=_=”“นายมี Veyron!!”  >O< โอ้ย!!สะเทือนใจโว้ยยย
     
     
                      ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~




    ฉันยังไม่ได้บอกเธอหรอ บริษัทผลิตรถยนต์ก็เป็นหนึ่งในธุรกิจบ้านฉัน”  เอลดิสพูดเบื่อๆ บ้านนายอาชีพเร้าใจฉันมากกก  

            เอลดิสขับรถเข้าไปจอดภายในภัตตาคารอาหารฝรั่งเศสสุดหรู ฉันเข้าใจคำพูดของป๊าในทันทีทันใด  

     

    จะนั้งเป็นบ้าอีกนานมะ?”  ปากวอนหาเรื่องจริงๆ แต่ไม่เป็นไรเมื่อนายมี Veyron ฉันก็ไม่ถือ โฮะๆๆๆ >O<

         

    ขอเวลาฉันทำใจ แปปส์”  ฉันตอบไป พลางจนจำความอิ่มเอิบ ให้ตายสิ Y_Y ฉันไม่อยากจากรถคันนี้ไปแม้แต่เซ็นเดียว

     

    .......”  แล้วเอลดิสก็ยืนรอฉันซูดอากาศความสุดยอดภายในรถ จนฉันพอใจแล้วออกจากรถอย่างอาลัยอาวรณ์ เดี๋ยวกลับมานะที่รัก >__<

     

             เราเดินออกจากโรงจอด แล้วอ้อมไปเข้าภัตตาคารทางประตูหลัง เพราะความไม่อยากเด่นแต่ดูท่าเราจะคิดผิด รู้สึกว่ามันจะเด่นกว่าเดิมซะอีก

     

    O_O>>>พนักงานต้อนรับ

    O_O>>>บริกร

    O_O>>>แขกในร้าน

     =_=>>>ฉันเอง

        

           อะไรอีกหล่ะฉันทำอะไรผิด จ้องกันทำไมหรือว่าที่นี้ รึเขาห้ามเข้าทางนี้?

     

    เอิ่ม..P..Pour réserver une table? Sir?”

    (ได้จองโต๊ะไว้รึป่าวครับ คุณชาย)  บริกรชายคนหนึ่ง เพิ่งตื่นจากภวังค์ถามเสียงสั่นๆ  

     

    “Pas.Mais je suis sûr que vous nous trouver

    (ไม่ แต่ผมแน่ใจว่าคุณหาให้เราได้)   เอลดิสพูดเสียงเข้ม มือเรียวยื่นบัตรดำส่งให้พนักงาน บริกรคนนั้นวิ่งเข้าไปหลังร้านแล้วกลับออกมาพร้อมกับผู้จัดการร้าน วุ่นวายจริงวุ้ย -*-

     

    “O_O  A…Ainsi, s'il vous plaît

     (เชิญทางนี้เลยครับ)  ผู้จัดการร้านพูด พลางเดินนำเราไปที่โต๊ะกลางร้าน ที่คนพลุกพล่าน ฉันไม่ชอบที่แบบนั้นเลยอ่ะ และดูเหมือนเอลดิสก็คิดเหมือนกัน

     

    Je tiens personnellement à ce que Là-bas, s'il vous plaît ?

    ผมขอที่ส่วนตัว ตรงนั้น?เอลดิสชี้ไปที่ โต๊ะมุมหนึ่งที่เหลืออยู่

     

    Inviter ser.

    เชิญครับ

     

         แล้วเราก็ได้ที่นั่ง  ฉันเริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสัตว์สุดฮอตในสวนสัตว์ เพราะผู้คนเริ่มจ้องมองมาที่โต๊ะเรา รวมทั้งคนข้างนอกที่เริ่มมาเกาะกระจกร้านเพื่อมุงดู =_= กะอีแค่มากินข้าว มันจะมีปัญหาอะไรนักหนาวะ?  อ่อ ลืมไปฉันมากินข้าวกับไอ้หล่อเว่อร์ ในร้านสุดหรูในสภาพเสื้อยืด และกางเกงติดแบรนอีกตัว  เอลดิสเปิดดูเมนูปกไม้หรูมีสไตล์ ฉันเปิดดูบ้าง ต่อมาบริกรสาวสวยโคตรเอ็กซ์ ก็เดินเข้ามาหาเราอย่างมั่นใจ

     

    พร้อมที่จะสั่งอาหารหรือยังคะ? บริกรถามเสียงหวานหยาดเยิ้ม ดูเหมือนหล่อนจะพูดกับเอลดิสคนเดียว

    เธอพร้อมรึยัง? เอลดิสถามฉัน โดยไม่หันไปมองบริกร ยัยนั้นหน้าเจือนไปเลย

    ขอ foie gras caviar,gourmandise-saumon แล้วก็ Mille-feuille

    แล้วคุณหล่ะคะสาบานได้ ยัยนี่ไม่แม้แต่ปรายตามองฉันเลยซักนิด

    .............. เอลดิสไม่ตอบ แล้วเอาแต่จ้องหน้าฉัน ยัยเอ็กซ์ดูไม่พอใจเอามากๆที่โดนเมิน =’’=ว่าแต่ หน้าฉันมีอะไรผิดปกติฟะ? มีแต่คนจ้อง

    คุณคะ 

      ช่วยทำแค่หน้าที่ แล้วไปให้พ้นได้ไหม? รำคาญ

    O[]O!! <<< บริกร

    =_= << เอลดิส

    =’’=<< ฉันเอง

     

        หลังจากที่อึ้งไปซักพัก หล่อนก็เชิดเดินจากไป ฮ่าๆ เอลดิสนายแน่มากกกกก สะใจเป็นบ้า

     

    เฉียบขาด ฉันพูด

     

    หึหึเอลดิส ยิ้มมุมปาก ฮะๆ ดูดีขึ้นเป็นกอง

           สักพัก บริกรชายก็นำของที่สั่งไปมาเสริฟ ฉันลงมือสวาปามอย่างรวดเร็ว แต่เอลดิสทำเพียงแค่ยกชาขึ้นมาจิบ

    ไม่กินรึไง?  ฉันถามหลังจากที่จัดการกับฟอการ์จานเล็กกระจิ๋วเรียบร้อยแล้ว

    รีบกิน ฉันอึดอัด”  เค้าพูดสีหน้าหงุดหงิด ก็หน้าอยู่หรอก คนมามุ่งดู อย่างกับนายเป็นหมีแพนด้าเกิดใหม่นิ พ่อหลินปิง ;P

    ใครใช้ให้ ทำตัวเด่น  กินที่บ้านก็ได้หรอก” 
    " =_= ..." 

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×