ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Santazia

    ลำดับตอนที่ #5 : ฟรานกับดอปเปลแกงเกอร์อีกครั้ง

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ค. 54




                             วันประกาศผลสอบมาถึง ลุงจินและฟรานพยายามเบียดฝูงคนที่มายืนออดูประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านที่บอร์ดหน้าโรงเรียน คนที่สอบผ่านแสดงอาการดีใจต่างๆนาๆ บางคนกระโดดโลดเต้นโห่ร้องเสียงดัง บางคนถึงกับเป็นลมล้มพับหมดสติ บางคนน้ำตาไหลพรากอย่างหยุดไม่อยู่ และมีบางคนที่เป็นส่วนน้อยยืดอก หน้าเชิด ทำเหมือนกับว่าที่สอบได้เป็นเรื่องธรรมดาใครๆก็ทำได้แถมส่งสายตาดูถูกให้พวกที่ไม่ผ่านอีก!

                    ชิ! คิดว่าตัวเองเก่งมากหรือไง!

                    ฟรานมองกลุ่มคนส่วนน้อยที่ทำท่าทางแบบนั้นอย่างหมั่นไส้ไม่สบอารมณ์

                    คนที่ไม่ผ่านมีอาการไม่ต่างกัน ส่วนใหญ่คอตก หน้าเศร้า ร้องห่มร้องไห้ สีหน้าผิดหวัง บางคนผิดหวังเสียใจมากร้องไห้ถึงขั้นเป็นลมล้มพับ ฟรานใจตุ้มๆต่อมๆภาวนาให้ตัวเองสอบผ่าน ถ้าเกิดไม่ผ่านละก็...

                    ว้ากกกก! ไม่อยากจะคิด ต้องชวดเงินก้อนโต แถมต้องกลายสภาพไปเป็นขอทาน โอ้ววว! ไม่เอาน๊า!

                    ฟรานสติแตก คิดฟุ้งซ่านไปก่อนทั้งๆที่ยังไม่เห็นผลสอบ

                    ฟรานอาศัยความตัวบางสามารถแทรกผ่านฝูงชนเข้าถึงหน้าบอร์ดได้ เด็กหนุ่มไล่ดูรายชื่อผู้สอบผ่านทั้งหนึ่งร้อยชื่อ ทีละชื่ออย่างช้าๆ ผ่านไปสามสิบชื่อแล้วยังไม่เจอ!

                    ใจเย็นๆเดี๋ยวก็เจอ

                    เด็กหนุ่มปลอบใจตัวเองแล้วไล่สายตาหาต่อ

                    ผ่านไปห้าสิบชื่อแล้วก็ยัง...

                    ไม่เจอ!

                    เอาน่าเหลืออีกห้าสิบชื่อมันต้องอยู่ในนั้นแน่!

                    ฟรานปลอบใจตัวเองเป็นครั้งที่สอง สีหน้าเริ่มถอดสี

                    แปดสิบชื่อเข้าไปแล้วก็ยัง...

                    ไม่เจอ!

                    เอาน่าๆอีกยี่สิบชื่อมันต้องมีอยู่ในนั้นแน่

                    ฟรานปลอบใจตัวเองเป็นครั้งที่สาม หน้าค่อยๆซีดลงๆ เหงื่อเริ่มแตกพลั่ก

                    เด็กหนุ่มไล่นิ้วลงมาเรื่อยๆยิ่งใกล้ถึงรายชื่อสุดท้ายแต่ยังไม่พบชื่อของตัวเอง เขาทำหน้าอยากจะร้องไห้ ใจเต้นโครมคราม ลุ้นระทึกขอให้มีชื่อของตน เขาไล่นิ้วมาหยุดกึกที่รายชื่อสุดท้าย น้ำตาร่วงเผาะอย่างหยุดไม่ได้ มือที่ชี้อยู่นั้นสั่นเทา เขาปล่อยโฮออกมาอย่างกับเด็กๆ ฟรานวิ่งแทรกฝูงชนออกมาเขาไม่สนใจหรือแม่แต่จะหันไปมองว่าชนใครล้มไปบ้าง เด็กหนุ่มหลับหูหลับตาวิ่งกระโดดโผเข้ากอดลุงจิน ลุงจินหน้าเหวอตกใจที่เห็นฟรานวิ่งร้องไห้โฮเข้ามากอด

                    ลุงจินหน้าเศร้ารู้สึกผิดหวังเหมือนกันแต่จะทำไงได้ในเมื่อผลออกมาเป็นแบบนี้ ลุงจินลูบหัวหลานรักปลอบใจ ฟรานกอดลุงจินแน่นร้องไม่หยุด จนไหล่ลุงจินชื้นแฉะไปด้วยน้ำตา

                    “ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เจ้าทำดีที่สุดแล้ว ถึงแม้เราจะไม่ได้ภารกิจนี้ แต่ก็ยังมีภารกิจอื่นให้เราทำอีกถึงมันจะเงินดีไม่เท่าก็ตาม ”

                    ฟรานหยุดร้องไห้ จ้องลุงจินตาแป๋ว คิ้วมุ่นสงสัยไม่เข้าใจที่ลุงจินพูด

                    “ อ้าว? ทำไมเราจะไม่ได้ภารกิจนี้ล่ะครับ? ”

                    ลุงจินมองหน้าหลานรักงงๆ หรือว่าฟรานจะเสียใจมากเลยปิดกั้นตัวเองไม่รับรู้ความเป็นจริง

                    “ ก็หลานสอบไม่ผ่านไม่ใช่หรอ ”

                    “ ... ”

                    ฟรานยืนอึ้งไปสามวิ มองลุงจินตาปริบๆ

                    “ ข้าบอกตอนไหนว่าข้าไม่ผ่านอ่ะ ”

                    คราวนี้ลุงจินเป็นฝ่ายยืนอึ้ง มองหลานรักตาปริบๆ เกิดอาการงงๆสับสน

                    “ ก็เห็นเจ้าร้องไห้ฟูมฟายวิ่งเข้ามากอดลุง ลุงก็เลยคิดว่าเจ้าคงไม่ผ่าน ”

                    “ ... ”

                    ฟรานถอนหายใจ ก่อนจะยิ้มแป้นหน้าบาน ลุงจินยิ่งงงสับสนไปใหญ่ สรุปแล้วมันผ่านหรือไม่ผ่านเนี่ย

                    “ ข้าสอบผ่านเป็นคนสุดท้าย ฉิวเฉียดเลยล่ะครับ ”

                    จากสีหน้าลุงจินที่งงงวยสับสนแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างดีใจอย่างที่สุด เขาอุ้มฟรานเหวี่ยงหมุนเป็นวงกลมอยู่หลายรอบจนฟรานต้องบอกให้หยุด ไม่งั้นเขาคงถูกเหวี่ยงอย่างงั้นอีกหลายรอบจนอ้วกแตกแน่

                    “ ทำไมไม่รีบบอก ”

                    “ กะ..ก็ตอนนั้นข้าดีใจสุดๆเลยนี่ ไม่คิดว่าจะสอบผ่านได้ ทั้งๆที่ทำไม่ค่อยได้ทั้งสามส่วนเลย ”

                    “ แต่ก็ผ่านมาได้เป็นคนสุดท้ายอย่างฉิวเฉียด ฮ่าๆๆๆๆๆ ”

                    นั่นอ่ะดิ ลงทะเบียนสมัครสอบเป็นคนสุดท้าย ทดสอบเป็นคนสุดท้าย สุดท้ายก็สามารถสอบผ่านเข้ามาเป็นคนสุดท้าย เฮ้อ! ดูเหมือนว่าอะไรๆก็ต้องสุดท้ายตลอดเลยแฮะ ไหงเป็นงั้นไปได้ เฮ้อ! หวังว่านี่คงไม่ได้เป็นภารกิจสุดท้ายไปด้วยหรอกนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

               คิดไปนั่น เฮ้อ!    

              ฟรานสลัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออก เด็กหนุ่มหันไปถามลุงจิน

                    “ ลุงจินแล้วต้องทำยังไงต่อ ”

                    “ อืม ก็... ”

                    ยังไม่ทันที่ลุงจินจะตอบ มีทหารนายหนึ่งเดินเข้ามาทำความเคารพพวกเขา และพูดขึ้นว่า

                    “ ท่านหัวหน้าเชิญให้พวกท่านเข้าพบ ”

                    ลุงจินพยักหน้ารับรู้ ฟรานมองทหารคนนั้นงงๆ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ใคร? อะไร? พบเรื่องอะไร?

                    “ เชิญตามข้ามา ”

                    “ เอ่อ ”

                    ฟรานดึงลุงจินไว้อยากจะถามว่ามันเรื่องอะไร? เกิดอะไรขึ้น? แต่ลุงจินกลับบอกว่า

                    “ ตามมาเหอะน่าเดี๋ยวก็รู้ ข้าขี้เกียจอธิบายน่ะ ”

                    “ ... ”

                    ฟรานได้แต่ทำหน้าเซ็งเดินตามลุงจินไป

                    ทหารนายนั้นพาพวกเขาทั้งสองมายังห้องหนึ่งที่อยู่ในส่วนลึกของโรงเรียน แถวนี้ไม่มีใครเดินผ่านสักคนผิดกับโถงทางเดินก่อนหน้าที่พวกเขาเดินผ่านยังพอมีคนเดินผ่านไปผ่านมาบ้าง นายทหารคนนั้นเคาะประตู เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตให้เข้าไปได้ ทหารนายนั้นจึงเปิดประตูและผายมือเชิญให้ทั้งสองเข้าไป

                     ภายในห้องนั้นมีชายวัยกลางคนนั่งพิงเก้าอี้อยู่หลังโต๊ะทำงาน คนคนนั้นยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง เขาผายมือเชิญให้ทั้งสองนั่ง ดวงตาสีทองเบิกโตอย่างตะลึงเมื่อเห็นหน้าของฟรานชัดๆ เขาจ้องมองฟรานนานซะจนเด็กหนุ่มรู้สึกอึดอัด

                    มีอะไรผิดปกติที่หน้าข้าหรือไงนะ ถึงได้มองขนาดนั้น

                    ฟรานอยากจะถามออกไป แต่มันคงเป็นไปไม่ได้เพราะมันอาจเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก

                    “ เจ้า! หน้าเหมือนเจ้าชายมาก! เหมือนกันยังกับฝาแฝด!

                    “ ห๊ะ!

                    ลุงหลานอุทานพร้อมกัน ตกใจไม่น้อยที่ได้ยินเรื่องเหลือเชื่อแบบนั้น มันจะเป็นไปได้ยังไง ที่คนสองคนไม่ได้มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดแต่กลับมีหน้าตาเหมือนกันอย่างกับฝาแฝด

                    คนคนนั้นยื่นรูปเจ้าชายให้ดู ฟรานหน้าซีดเผือดรู้สึกเย็นวาบทั่วตัว มือไม้สั่น ดวงตาเบิกโตอย่างตื่นตะลึง

                    “ ดะ...ดอป ปะ...เปล ”

                    “ อะไรของเจ้า เป็นอะไร ”

                    ลุงจินมองฟรานตำหนิ น้ำเสียงกึ่งดุที่ทำกิริยาไม่สุภาพ

                    ฟรานสูดลมหายใจลึกสงบสติอารมณ์ ก่อนโพล่งออกมาเต็มเสียง

                    “ ดอปเปลแกงเกอร์!

                    “ อะไรนะ!

                    “ ดอปเปลที่ข้าเจอที่จู่ๆก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้ข้างโรงเรียน ที่เคยบอกลุงจินไง ”

                    “ ห๊ะ! เจ้าจำผิดหรือเปล่า? ”

                    “ ไม่ผิดแน่ ไม่มีทางจำผิดหรอกเห็นเต็มสองลูกตาในระยะประชิดแบบนั้น ”

                    ลุงจินมองรูปที่อยู่ในมือ นึกถึงลักษณะดอปเปลแกงเกอร์ที่ฟรานเคยเล่าให้ฟัง ลุงจินหน้าซีดเผือดตามฟรานไปอีกคน

                    หน้าตา สีผม ความยาวผม สีตา ตรงตามที่ฟรานเล่าหมดทุกอย่าง หรือว่า...เจ้าชายจะเป็นดอปเปลแกงเกอร์จริงๆ!

                    “ ใช่ไหมล่ะลุงจิน หมอนี่น่ะเป็นดอปเปลที่ข้าเคยเล่าให้ฟังจริงๆ ”

                    ปึง!

                    ลุงหลานสะดุ้งโหยง หน้าซีด ชายวัยกลางคนตบโต๊ะด้วยความไม่พอใจ เขาจ้องมองฟรานอย่างกล่าวโทษ

                    “ เจ้าเป็นแค่ไพร่! กล้าพูดดูหมิ่นเจ้าชายเชียวเรอะ คงอยากตายมากใช่ไหม!

                    คมดาบพาดอยู่บนคอฟรานอย่างรวดเร็วจนลุงหลานไม่ทันสังเกต เด็กหนุ่มรู้สึกถึงความเย็นของโลหะที่แทรกเข้ามาในเนื้อ ของเหลวสีแดงสดไหลออกมาเป็นสายเล็กๆย้อมคอเสื้อเป็นสีแดงฉาน! ความเจ็บแปลบแผ่ซ่านทั่วบริเวณลำคอ ฟรานยืนนิ่งไม่กล้าขยับ เด็กหนุ่มรู้สึกถึงจิตสังหารอันรุนแรงที่แผ่พุ่งมาที่เขา ฟรานรู้สึกถึงน้ำหนักดาบที่กดลงมาบนคอมากขึ้น มือกำแน่นอดกลั้นความเจ็บปวดที่เริ่มขยายวงกว้าง

                    “ ท่านหัวหน้าหน่วยองครักษ์! ข้าต้องขอโทษแทนหลานด้วย ฟรานยังเด็กอาจจะพูดอะไรออกไปโดยไม่ยั้งคิด ไม่ได้มีเจตนาอย่างที่ท่านว่า เจ้าหลานบ้านี่ทั้งซื่อทั้งบื้อคงไม่ได้ตั้งใจจริงๆ 

                    ชายวัยกลางคนจ้องมองฟรานแววตามาดร้าย เขาดึงดาบออกช้าๆ โลหะครูดกับเนื้อสร้างความลึกเพิ่มขึ้นให้กับบาดแผล ของเหลวสีแดงอุ่นๆไหลทะลักออกมาเป็นสายใหญ่! ฟรานกระตุกเฮือกความเจ็บเพิ่มขึ้นทวีคูณ เขากำหมัดแน่นอดกลั้นความเจ็บ ลุงจินได้แต่ยืนมองหน้าซีดไม่อาจทำอะไรได้

                    “ นี่เป็นแค่การสั่งสอน หากเจ้ายังกล้าแสดงกิริยาไม่เหมาะสมหรือดูหมิ่นเจ้าชายอีก จงระวังคอของเจ้าเอาไว้ให้ดี มันจะไม่ได้อยู่ในที่ที่ควรอยู่ ”

                    หัวหน้าหน่วยองครักษ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น แววตาดุดันน่ากลัว ลุงจินหน้าตื่นเข้ามาดูบาดแผลฟรานอย่างเป็นห่วง เด็กหนุ่มยืนแข็งทื่อ เย็นวาบไปทุกรูขุมขน เลือดยังคงไหลทะลักออกจากปากแผลย้อมคอเสื้อเป็นสีแดงฉานและซึมลงมาถึงบริเวณอก!  

                     ลุงจินใช้เวทรักษาจนปากแผลปิดสนิทแต่ก็ไม่ดีเท่านักเวท เพราะมันยังคงมีร่องรอยของบาดแผลเหลืออยู่

                    หัวหน้าหน่วยองครักษ์มองฟรานไม่พอใจพร้อมกับแผ่รังสีเยือกเย็นทำเอาบรรยากาศโดยรอบดูอึมครึม เด็กหนุ่มก้มหน้างุดนั่งตัวลีบไม่กล้าสบตา ถ้าเขาสามารถหายตัวไปจากตรงนั้นได้เขาคงรีบทำโดยไม่รอช้า หัวหน้าหน่วยองครักษ์ทำเสียงหึสีหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนจะเบือนหน้าไปทางลุงจินเพื่อเริ่มคุยเกี่ยวกับภารกิจ

                    “ ข้าตัดสินใจให้พวกเจ้ารับภารกิจนี้ ไม่ใช่เพราะว่าหลานเจ้าฝีมือดี ”

                    ก็แหงล่ะ ข้าสอบผ่านเข้ามาได้เป็นคนสุดท้ายนี่!

                    ฟรานประชดตัวเองในใจ เด็กหนุ่มยังคงก้มหน้าทำตัวให้ลีบที่สุด ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะล่องหนหายตัวไปซะเดี๋ยวนี้เลย เพราะมันรู้สึกอึดอัดเหมือนโดนจิตสังหารคอยคุกคามอยู่ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ตรงหน้าคนคนนี้ 

                    หัวหน้าหน่วยองครักษ์เหลือบมองฟรานแวบหนึ่งอย่างเหยียดหยัน ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงค่อนขอด

                    “ แต่เป็นเพราะเจ้าเด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงนี่ดันมีหน้าตาเหมือนเจ้าชาย ซึ่งมันจะเป็นผลดีต่อการทำภารกิจ ”

                    ใช่สิ! ข้ามันเป็นเด็กไม่ดี ไม่รู้จักหรอกว่าไอ้เจ้าที่ต่ำที่สูงมันเป็นยังไง เห๊อะ! ข้ามันพวกคนป่าไม่ใช่คนในวังอย่างเจ้านี่! ถึงจะได้รู้ว่าต้องทำตัวยังไงมันถึงจะเหมาะสม!

                    ฟรานเถียงในใจหน้าหงิกแต่ก็หงิกไม่มากเพราะเขาเองก็ผิดด้วยที่แสดงกิริยาไม่สุภาพแบบนั้น แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าต้องพูดยังไง ก็เขาไม่ใช่คนในรั้วในวังนี่!

                    “ ที่ว่ามันจะส่งผลดีนี่คือ...?

                    ลุงจินคิ้วมุ่น มันเกี่ยวข้องกับการทำภารกิจด้วยหรอ?

                    “ เป็นตัวล่อ เพื่อให้พวกมันคิดว่าเจ้าเด็กนี่คือเจ้าชายแล้วพุ่งความสนใจไปที่เจ้า ”

                    หัวหน้าหน่วยองครักษ์หันไปทางฟราน จ้องมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาอันคมกริบราวคมมีด

                    “ แต่ว่าฟรานผมยาวกว่า สีตาก็ไม่เหมือน แล้วพวกมือสังหารมันจะเชื่อหรอครับว่าฟรานคือเจ้าชาย ”

                    ลุงจินแย้ง ถึงแม้หน้าตาเหมือนกันแต่ก็มีอะไรหลายอย่างที่แตกต่างกัน อันที่จริงลุงจินอดห่วงฟรานไม่ได้ต่างหาก ฟรานมีดีแค่ฝีมือดาบนอกนั้นห่วยขั้นเทพ ถ้าเกิดพวกมันมีผู้ใช้เวทฟรานคงกลายเป็นหมูในอวยให้พวกมันเฉือดได้ง่ายๆ

                    “ พวกมันไม่สนใจรายละเอียดยิบย่อยขนาดนั้นหรอก ขอแค่ลักษณะตรงตามที่พวกมันได้ข้อมูลมา  ก็พอ ”

                    งานเข้า! สรุปจะให้ข้าเป็นองครักษ์หรือเป็นตัวล่อมาตายแทนกันแน่!

              ทำไมรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆเหมือนมันจะเป็นอย่างหลังอ่ะ!

                    ฟรานคิ้วมุ่น สีหน้ากังวลกับภารกิจที่มันยังไงๆอยู่

                    “ ชื่อฟรานสินะ ”

                    ฟรานสะดุ้งหลุดจากห้วงความคิด เงยหน้าขึ้นมองหัวหน้าหน่วยองครักษ์ที่กำลังจ้องมองเขาด้วยแววตาที่ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่

                    ฟรานไม่ชอบการถูกจ้องมองนานๆและยิ่งเป็นสายตาแบบนี้ด้วยเขายิ่งไม่ชอบใจเข้าไปใหญ่ เด็กหนุ่มหลุบตาต่ำพร้อมกับพยักหน้าตอบรับ

                    “ ภารกิจครั้งนี้คือการคุ้มครองเจ้าชายอย่างลับๆจากพวกมือสังหาร แล้วถ้าเกิดพวกคนร้ายเข้าใจผิดคิดว่าเจ้าเป็นเจ้าชายให้แสร้งทำเป็นว่าใช่ อย่าไปบอกให้พวกมันรู้ว่าเจ้าไม่ใช่เป็นอันขาด  

                    ฟรานคิ้วมุ่น ความสงสัยก่อตัวขึ้นในหัวสมอง

                    ทำไมต้องให้ข้าแสร้งยอมรับว่าเป็นเจ้าชายด้วย? หรือว่าเขาคิดจะใช้ข้าเป็นเหยื่อล่อและพุ่งเป้าสังหารมาที่ข้าแทน! แบบนี้ก็เท่ากับว่าข้าต้องคุ้มครองเจ้าชายไปด้วย ในขณะที่ข้าถูกพวกมันหมายหัวผิดตัวและต้องตกเป็นเป้าสังหารอย่างจำยอมเนี่ยนะ!

              ยังงี้ก็เท่ากับจะให้ข้ามาเป็นตัวตายแทนเรอะ!

                    ฟรานคิดฟุ้งซ่าน สีหน้าเครียดขึ้นมา เด็กหนุ่มขมวดคิ้วแน่น ถ้ามันสามารถผูกเป็นปมได้ มันคงถูกผูกเป็นปมไปหลายปมแล้วล่ะ!

                    “ ที่สำคัญ จะให้เจ้าชายรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาดเพราะเจ้าชายมีรับสั่งไม่ต้องการให้มีองครักษ์คอยติดตามพระองค์ ถ้าเจ้าชายเกิดระแคะระคายหรือรู้เข้าล่ะก็ พวกข้าได้เดือดร้อนแน่ที่ขัดรับสั่งเจ้าชาย รวมถึงพวกเจ้าเองก็ไม่รอดด้วยเช่นกัน  ”

                    หัวหน้าหน่วยองครักษ์หรี่ตาลงจ้องมองฟรานฉายแววโหดประมาณว่าข้าพูดจริงทำจริง! ฟรานรู้สึกเย็นวาบไปถึงกระดูก ถ้าเกิดความแตกภารกิจล้มเหลวล่ะก็ จะเกิดอะไรขึ้นบ้างเขาแทบไม่อยากจะคิดเลย!

                    “ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆในการเรียนทางหน่วยองครักษ์จะเป็นผู้ออกให้ทั้งหมด ”

                    “ ทั้งหมดนี่คือ...รวมค่าชุดเครื่องแบบ ค่าหนังสือ ค่าอาหาร ค่าเทอมอะไรพวกนี้ด้วยใช่ไหมครับ 

                    ลุงจินเป็นห่วงเรื่องเงิน ถ้าเกิดทางหน่วยองครักษ์ไม่ออกให้ทั้งหมดละก็ ก็ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาเป็นค่าใช้จ่ายพวกนี้ เพราะว่าลุงจินเอาเงินทั้งหมดที่มีมาจ่ายเป็นค่าใช้วงเวทเดินทาง ฉะนั้นตอนนี้พวกเขาเลยตกอยู่ในสภาวะถังแตกไม่มีเงินในกระเป๋าเลยสักแดงเดียว!

                    “ ใช่ ทั้งหมดทุกอย่าง ตลอดการทำภารกิจ ”

                    ลุงจินตาเป็นประกายถอนใจโล่งอก ขืนไม่จ่ายให้ทั้งหมดละก็...คงได้ตัดผมฟรานเอาไปขายแน่! ล้อเล่นน่ะ ใครจะไปทำแบบนั้น ขืนทำละก็มีหวังพวกพ่อค้าได้รู้ว่ายังมีออร์แลนไทล์ในดินแดนมนุษย์ พวกนั้นคงตามล่าฟรานแบบกัดไม่ปล่อย ยิ่งตอนนี้แม้แต่เส้นผมราคายังแพงยิ่งกว่าทองคำบริสุทธิ์ซะอีก!

                    “ ท่านหัวหน้าพอจะทราบไหมว่ามันเป็นพวกไหนและใครเป็นผู้บงการ ”

                    หัวหน้าหน่วยองครักษ์มองลุงจินนิ่งสีหน้าหนักใจ

                    “ ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นพวกไหน ตอนนี้กำลังสืบอยู่ เพราะว่าไม่รู้เนี่ยแหล่ะจึงจำเป็นต้องมีคนคุ้มกันเจ้าชายอย่างใกล้ชิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ”

                    หัวหน้าหน่วยองครักษ์หันไปทางฟราน และพูดขึ้นว่า

                    “ ข้าจัดให้เจ้าพักห้องเดียวกับเจ้าชาย อย่าให้เจ้าชายคลาดสายตาแม้เพียงวินาทีเดียว อย่าให้คนน่าสงสัยเข้าใกล้เจ้าชายได้เป็นอันขาด ถ้าเกิดมีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือเจอตัวคนร้ายให้รีบแจ้งข้าทันที ”

                    “ ครับ ”

                    ฟรานตอบรับแข็งขัน

                    นอนห้องเดียวกับเจ้าชายหรอ คนที่หน้าตาเหมือนกับข้า อืม...เจ้าชายเป็นคนแบบไหนกัน แล้วข้าจะตีสนิทกับเจ้าชายได้ไหมอ่ะ ถ้าเกิดเจ้าชายไม่ชอบขี้หน้าหรือเป็นพวกหยิ่งไม่ชอบคบค้าสมาคมกับพวกสามัญชนละก็ ข้าจะทำไงอ่ะ จะคุ้มกันไงล่ะเนี่ย! โว้ย! ยิ่งคิดยิ่งเครียด  

                    “ จงจำไว้อย่าให้เจ้าชายจับได้ว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าคงไม่อยากรู้หรอกว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง ”

                    หัวหน้าหน่วยองครักษ์พูดข่มขู่ฟราน แววตาที่จ้องมองเขาบ่งบอกว่าพูดจริงทำจริง ฟรานกลืนน้ำลายเอื๊อกขนลุกชันเย็นวาบไปถึงขั้วหัวใจ ถ้าเกิดเขาทำพลาดละก็...

                    โอ๊ย! ไม่อยากจะคิด

                    ฟรานคิดฟุ้งซ่านไปต่างๆนาๆ

                    “ มีอะไรสงสัยเกี่ยวกับภารกิจนี้ไหม ”

                    “ เอ่อ...ไม่มีครับ ”

                    “ ถ้างั้น เจ้าไปรับชุดเครื่องแบบที่โถงชั้นล่างข้าจะให้ทหารพาไปส่ง ”

                    หัวหน้าหน่วยองครักษ์หยิบถุงสีน้ำตาลขนาดย่อมเท่าลูกบอลขึ้นมาวางบนโต๊ะ ลุงหลานมองเจ้าถุงนั่นพร้อมกับมีเครื่องหมายคำถามบนหน้า

                    “ นี่เป็นเงินค่าจ้างล่วงหน้าส่วนแรก ”

                    หัวหน้าหน่วยองครักษ์เลื่อนถุงไปตรงหน้าลุงจิน ลุงหลานมองเจ้าถุงนั่นแววตาประกายโรจน์ ลุงจินเปิดถุงออก ในนั้นอัดแน่นไปด้วยเหรียญทองนับร้อยเหรียญ เหรียญทองเชียวนะ! หนึ่งเหรียญทองเท่ากับเหรียญเงินหนึ่งร้อยเหรียญ!

                    ระบบเงินที่ใช้ในโลกในทุกดินแดนนี้มีสามแบบคือ เหรียญทอง เหรียญเงินและเหรียญทองแดง เหรียญทองจะมีค่ามากที่สุด รองลงมาคือเหรียญเงิน และที่มีค่าน้อยที่สุดคือเหรียญทองแดง

                     หนึ่งเหรียญทองจะมีค่าเท่ากับห้าร้อยเหรียญเงิน และหนึ่งเหรียญเงินจะมีค่าเท่ากับหนึ่งพันเหรียญทองแดง ปกติราคาข้าวของตามท้องตลาดถูกสุดจะอยู่ในระดับเหรียญทองแดงไปจนถึงแพงสุดในระดับเหรียญเงิน จะไม่ค่อยพบเห็นหรือแทบไม่พบของที่มีราคาอยู่ในระดับเหรียญทอง ยกเว้นของชิ้นนั้นจะหามาได้ยากยิ่ง หรือมีอยู่เป็นจำนวนน้อย อย่างเช่น ออร์แลนไทล์ ที่ตอนนี้ราคาพุ่งสูงขึ้นจนแทบเรียกเป็นราคาไม่ได้!

                    กองเหรียญทองในถุงนั้นส่องประกายเรืองรอง ลุงหลานตาโตยิ่งกว่าไข่ห่านจ้องมองเหรียญทองตาแทบถลน ในที่สุดพวกเขาก็พ้นวิกฤตไม่ต้องเปลี่ยนสถานะจากนักดาบรับจ้างไปเป็นขอทานแล้ว! ฟรานน้ำตารื้นดีใจสุดขีด ในที่สุดเขาจะได้มีเสื้อผ้าดีๆใส่ไม่ต้องถูกมองว่าเป็นขอทาน ได้กินของดีๆไม่ต้องทนกินพืชผักในป่าอีก โอ้ว! หลุดพ้นจากชีวิตอัตคัดขัดสนสักที ไม่ได้จับเงินตัวเป็นๆแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ ยิ่งเป็นเหรียญทองด้วย! โอ้ว! เงินส่วนแรกยังได้ขนาดนี้ หากทำภารกิจสำเร็จจะได้มากขนาดไหนน๊า

                    ฟรานกำหมัดแน่น สีหน้ามุ่งมั่นแววตาแน่วแน่

                    ข้าจะตั้งใจทำภารกิจนี้แบบถวายหัวถวายชีวิตเพื่อเงินค่าจ้างส่วนที่สอง ข้าจะคุ้มกันเจ้าชายอย่างดีชนิดเกาะติดหนึบเหมือนปลิงแม้แต่แมลงหรือยุงสักตัวจะไม่มีวันเข้าใกล้เจ้าชายได้เด็ดขาด ฮ่าฮ่าฮ่า

                    “ เงินค่าจ้างส่วนแรกห้าร้อยเหรียญทอง ส่วนเงินค่าจ้างส่วนที่สองสองพันห้าร้อยเหรียญทองจะจ่ายให้เมื่อภารกิจเสร็จสิ้น ”

                    ลุงหลานช็อกตาค้างไปหลายวินาที เงินห้าร้อยเหรียญทองก็เท่ากับสองแสนห้าหมื่นเหรียญเงิน ก็เท่ากับ สะ...

                    สมองของทั้งคู่หยุดประมวณผลไปชั่วขณะ

                    ฟรานกลืนน้ำลายเอื๊อกยื่นมืออันสั่นเทาไปจับมือลุงจินที่สั่นหนักยิ่งกว่า มือของทั้งคู่เย็นเฉียบ ดวงตาทั้งสองคู่ค่อยๆหันมาประสานกัน และหันกลับไปมองผู้ว่าจ้างตรงหน้าด้วยดวงตาที่เบิกโตยิ่งกว่าไข่ห่าน!

                    ค่าจ้างส่วนแรกห้าร้อยเหรียญทองเท่ากับสองร้อยห้าสิบล้านเหรียญทองแดง!!!

                    ค่าจ้างส่วนที่สองสองพันห้าร้อยเหรียญทอง กะ...ก็เท่ากับ...!!!

                    หนึ่งล้านสองแสนห้าหมื่นเหรียญเงิน!!!

                    ทะ...เท่ากับ...!!!

                    หนึ่งพันสองร้อยห้าสิบล้านเหรียญทองแดง!!!

                    เงินค่าจ้ามหาศาลขนาดนี้ ทำให้พวกเขากลายเป็นเศรษฐีน้อยๆเพียงชั่วเวลาเดียว!

                    แน่นอน! เงินมากมายขนาดนี้ไม่มีใครพกติดตัวไปไหนต่อไหนหรอก ธนาคารแห่งสมาคมนักรับจ้างเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดและที่ที่ปลอดภัยที่สุดในการเก็บรักษาสมบัติอันล้ำค่าของเหล่านักรับจ้างที่ขึ้นทะเบียนกับทางสมาคม


                   
    แมวหรือหนูสักตัวไม่มีวันเข้าไปได้ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยมที่เป็นความลับสุดยอด ตั้งแต่เปิดทำการมาจนกระทั่งตอนนี้ยังไม่เคยมีคนร้ายคนไหนสามารถบุกเข้าไปยังห้องนิรภัยของธนาคารได้เลยสักคน

                    “ ในเมื่อพวกเจ้าไม่มีอะไรสงสัยเกี่ยวกับภารกิจนี้ ข้าขอให้เจ้าโชคดี ”

                    “ ขอบคุณครับ ”

                    ฟรานก้มหัวเล็กน้อย

                    หัวหน้าหน่วยองครักษ์เรียกทหารที่นำทางลุงหลานมาในตอนแรก สั่งให้พาทั้งสองคนไปยังห้องโถงชั้นล่างเพื่อไปรับชุดเครื่องแบบ

                    ลุงหลานค้อมศีรษะเล็กน้อยก่อนจะเดินตามทหารคนนั้นไป หัวหน้าหน่วยองครักษ์มองส่งทั้งสองจนพ้นสายตา

                    ภายในห้องโถงเต็มไปด้วยผู้ปกครองและเด็กนักเรียนที่มาซื้อเครื่องแบบ มีโต๊ะยาวสองตัวตั้งอยู่คนละฟาก โต๊ะที่อยู่ใกล้กับทางเข้ามีเจ้าหน้าที่สี่คน สองคนที่นั่งอยู่จะเป็นคนจดชื่อและขนาดตัวที่วัดได้ ส่วนอีกสองคนจะเป็นคนวัดขนาดตัว เนื่องด้วยมีเจ้าหน้าที่แค่สี่คนจึงทำให้มีคนรอคิวเป็นแถวยาว

                    โต๊ะอีกตัวที่อยู่คนละฟากเป็นที่รับชุดเครื่องแบบหลังจากวัดตัวเสร็จ ข้างหลังโต๊ะเต็มไปด้วยกองชุดเครื่องแบบที่ห่อใส่ถุงผ้าไว้เป็นอย่างดีและจัดเป็นตั้งๆไว้อย่างเป็นระเบียบ ที่โต๊ะนี้มีนักเรียนมารับอยู่ไม่มากเพราะส่วนใหญ่ไปรวมกันอยู่ที่โต๊ะวัดตัว

                    เกือบชั่วโมงกว่าฟรานจะได้วัดตัวเพราะเขามาถึงเป็นคนสุดท้าย! ก่อนหน้านั้นมีคนเข้าแถวรออยู่ก่อนแล้วประมาณห้าสิบกว่าคน!

                    พอวัดตัวเสร็จฟรานนำกระดาษที่จดขนาดตัวไปยื่นให้กับเจ้าหน้าที่อีกโต๊ะ เจ้าหน้าที่สาวที่รับกระดาษจากฟรานยิ้มให้เขาแล้วหันหลังส่งกระดาษให้กับเจ้าหน้าที่สาวอีกคนซึ่งเป็นคนจัดชุดเครื่องแบบ เธอหอบถุงผ้าขนาดย่อมมาวางที่โต๊ะหกถุง ห้าถุงเป็นถุงชุดเครื่องแบบ ส่วนอีกถุงเป็นถุงรองเท้า

                    ลุงหลานช่วยกันแกะดูถุงเช็คความเรียบร้อย ฟรานลองเอาเสื้อมาสวม เด็กหนุ่มใส่ได้พอดีแต่แขนยาวไปหน่อย  ส่วนกางเกง...

                    เอ๊ะ! ทำไมกางเกงไม่มีขาหรือจะเป็นแบบใหม่ อืม..ดูบานๆ คล้ายๆกับที่เจ้าหน้าที่หญิงสองคนนั้นใส่...

                    .....

                    กระโปรง? กระโปรงใช่ไหมอ่ะ

                    “ เอ่อ...ขอโทษนะครับ อันนี้เป็นกางเกงแบบใหม่หรอครับ ”

                    ถามไปทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่ามันคืออะไร แต่ก็อยากถามเพื่อยืนยันว่าไม่ได้เป็นอย่างที่ตนเองคิด

                    “ ไม่ใช่จ้ะ มันเป็นกระโปรงต่างหาก ตามกฎของโรงเรียนแล้วเด็กผู้หญิงต้องใส่กระโปรงจ้ะ ใส่กางเกงไม่ได้หรอก ”

                    เจ้าหน้าที่สาวที่จัดชุดเครื่องแบบยิ้มให้ฟรานอย่างเอ็นดู เธอคิดว่าเขาเป็นผู้หญิง!

                    “ เด็กผู้หญิงน่ารักๆอย่างเจ้าต้องใส่กระโปรงสิ แล้วต้องพูดค่ะไม่ใช่ครับ เจ้าเป็นผู้หญิงนะไม่ใช่ผู้ชาย เด็กน่ารักอย่างเจ้าถ้าเป็นทอมน่าเสียดายแย่ ”

                    เจ้าหน้าที่สาวอีกคน

                    “ ... ”

                    ฟรานอึ้งไปหลายวินาที ลุงจินหัวเราะก้ากน้ำตาเล็ดท้องแข็ง ฟรานหันขวับส่งสายตาค้อนวงเบ่อเริ่ม ทำหน้างอนแก้มป่องแบบเด็กๆ

                    “ ลุงจิน!

                    “ ทะ...โทษที ”

                    ลุงจินพูดไปหัวเราะไป เจ้าหน้าที่สาวมองลุงจินงงๆ ที่พวกเธอพูดไปมีอะไรผิดงั้นหรอ แล้วมันน่าขำตรงไหน แค่ชมว่าเด็กคนนั้นน่ารักเนี่ยนะ

                    ลุงจินยังคงหัวเราะไม่หยุด ฟรานรู้สึกทั้งอายทั้งเขิน เด็กหนุ่มกระทุ้งสีข้างลุงจินเหลือบมองอย่างเคืองๆ

                    “ ฮ่าๆๆๆ โทษที โทษที ”

                    ลุงจินขยี้หัวหลานรัก แล้วหันไปพูดกับเจ้าหน้าที่สาวทั้งสองที่ตอนนี้หน้าตาเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

                    “ เอ่อ...ถึงฟรานจะน่ารักเหมือนเด็กผู้หญิง แต่จริงๆแล้วฟรานน่ะเป็นเด็กผู้หญิง...เอ้ย!..เด็กผู้ชาย บางครั้งข้ายังเคยคิดว่าหลานข้าเป็นผู้หญิงเลย ไม่แปลกหรอกที่คนอื่นจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเด็กผู้หญิง ”

                    “ เป็นเด็กผู้ชายจริงๆหรอ ”

                    “ นั่นสิ เด็กผู้ชายอะไรจะน่ารักเหมือนเด็กผู้หญิงขนาดนี้ ”

                    เจ้าหน้าที่สาวทั้งสองคนทำหน้าไม่อยากเชื่อ แถมยังคิดว่าลุงจินอำพวกเธอเล่นแหงๆ

                    “ ไม่เชื่อสินะ เดี๋ยวพิสูจน์ให้ดู ”

                    หมับ!

                    “ ลุงจิ๊นนนนนน! ทำอะไรอ๊ะ!

                    มือทั้งสองข้างของลุงจินลูบขึ้นลูบลงที่หน้าอกฟราน เด็กหนุ่มร้องโวยวายอายหน้าแดงเป็นลูกตำลึง เจ้าหน้าที่สาวทั้งสองตาโตตกใจคาดไม่ถึงว่าลุงจินจะเล่นพิสูจน์ด้วยวิธีอะไรแบบนี้

                    “ แบนแต้ดเป็นไม้กระดานแบบนี้ คงไม่ใช่เด็กผู้หญิงแล้วล่ะ ”

                    เจ้าหน้าที่สาวสองคนดูท่าไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่ ลุงจินยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างนึกสนุก

                    “ ดูเหมือนพวกเจ้าจะยังไม่เชื่อ อืม...ถ้างั้นข้าจะถอดเสื้อหลานข้าเพื่อพิสูจน์ยืนยันไปเลยว่าเป็นเด็กผู้ชายจริงๆหึหึ ”

                    ฟรานสะดุ้งโหยงถอยหลังกรูด มือทั้งสองข้างกำเสื้อไว้แน่น หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ยอมให้ลุงจินถอดเสื้อเขาออกต่อหน้าสายตาประชาชีเด็ดขาด! แค่นี้เขาก็อายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว อายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี!


                   
    เจ้าหน้าที่สาวสองคนหน้าแดงระเรื่อ สีหน้าตกใจไม่น้อยที่ลุงจินคิดทำอะไรพิเรนทร์แบบนั้น พวกเธอรีบพูดขึ้นพร้อมกัน

                    “ มะ...ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราเชื่อแล้วว่าเด็กคนนี้เป็นผู้หญิง เอ้ย!...ผู้ชาย ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ”

                    “ งั้นเดี๋ยวข้าจะไปเอาชุดมาให้ใหม่ ”

                    เจ้าหน้าที่ที่เป็นคนจัดชุดเก็บรวบถุงผ้าทั้งหกถุงบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว แล้วไปหยิบถุงชุดเครื่องแบบที่เป็นของผู้ชายมาให้ใหม่หกถุง

                    ลุงจินทำหน้าผิดหวัง เสียดายแทนเจ้าหน้าที่สาวที่อดดูของดี

                    ฟรานมองหน้าลุงจินเหมือนเดาความคิดออก ฟรานส่งค้อนให้วงเบ่อเริ่ม หน้างอเคืองนิดๆ ที่คิดทำอะไรพิเรนทร์กับเขา

                    “ ขอโทษที ขอโทษที ลุงแค่ล้อเล่นน่ะ ไม่ทำจริงหรอก ”

                    ฟรานสะบัดหน้าไปอีกทางอย่างงอนๆ ไม่คุยด้วย ลุงจินได้แต่ยิ้มแห้งเกาหัว คิดหาวิธีง้อหลานชายสุดที่เลิฟ


                   
    จนกระทั่งกลับถึงที่พักฟรานก็ยังไม่หายงอน
    !

          ....................................................................................................................................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×