ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Santazia

    ลำดับตอนที่ #2 : ดอปเปลแกงเกอร์

    • อัปเดตล่าสุด 18 มิ.ย. 54





                    “ ว้ากๆๆๆๆๆ ”

                 
                    
    วงเวทเดินทางปรากฏขึ้นตรงมุมตึกตึกหนึ่ง ร่างของคนสองคนค่อยๆปรากฏขึ้นจนแจ่มชัดพร้อมกับเสียงแหกปากร้องโวยวายแบบกลัวสุดขีด ฟรานคุกเข่ามือยันพื้นหน้าซีด มือข้างหนึ่งปิดปากสีหน้าพะอืดพะอม เขาพยายามกลั้นไม่ให้อาเจียนออกมา

                    “ ทำ...ไม...อุบ...ลุงไม่...อุบ...บอกข้าก่อน...อุบ...ว่าจะมาด้วยวิธีนี้! แหวะ ”

                    ฟรานโวยวายสุดเสียงพร้อมกับอาเจียนออกมา เขากลั้นไว้ไม่อยู่ อาการมึนหัวและปวดตุบๆเป็นผลข้างเคียงจากการเดินทางโดยใช้วงเวทเดินทาง ฟรานไม่ชอบวิธีนี้เอามากๆ เวลาที่วงเวทนี้ทำงานมันจะเกิดลมหมุนวนรอบตัวและพาตัวเราหมุนวนไปด้วย  มันทำให้ฟรานรู้สึกเวียนหัวลงท้ายด้วยอาการอาเจียนทุกครั้งที่มาถึงที่หมาย เขาจึงเกลียดการเดินทางโดยวิธีนี้ที่สุด เกลียดยิ่งกว่าตอนที่ต้องสู้กับมังกรซะอีก!

                    ลุงจินลูบหลังฟรานเบาๆ จนเมื่อฟรานหยุดอาเจียนลุงจินจึงยื่นน้ำให้ เขารับเอามากลั้วปากก่อนจะดื่มเข้าไปหลายอึก ฟรานรู้สึกโหวงเหวงในท้อง เป็นเพราะข้าวเช้าที่เพิ่งกินไปไม่กี่ชั่วโมง แน่นอนก็คงหนีไม่พ้นพืชผักในป่า มันออกมานอนกองอยู่ข้างนอกเต็มพื้น ฟรานนั่งหมดเรี่ยวแรงหน้าฟุบอยู่กับเข่า อาการพะอืดพะอมบวกกับเวียนหัวยังไม่หาย ลุงจินวิ่งไปซื้อยามาให้ ฟรานกินเข้าไปสักพัก พออาการดีขึ้นเริ่มมีแรง ฟรานหันไปมองลุงจินสีหน้าเขาบ่งบอกว่างอนสุดๆ เขาบ่นลุงจินน้ำเสียงเจือโมโหนิดๆ

                    “ ทำไมลุงจินไม่บอกก่อนว่าจะมาโดยใช้วิธีนี้!

                    ฟรานโวยวายหน้าเขายังคงซีดและดูอิดโรย

                    “ ถ้าข้าบอกเจ้าจะมาไหมล่ะ ”

                    “ ไม่!

                    โอย! คลื่นไส้ชะมัด!

                    ฟรานเริ่มอาเจียนอีกรอบ อาเจียนจนไม่มีอะไรจะออกมาแล้ว

                    “ ลุงขอโทษ แต่วิธีนี้มันเร็วที่สุดที่จะไปให้ทันภายในสองวัน ”

                    “ เฮ้อ! ขอครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายได้ไหมครับ ขืนเดินทางแบบนี้บ่อยๆ ข้าได้อายุสั้นแน่ ”

                    “ คงไม่บ่อยหรอก เหอๆ ”

                    “ หือ? ลุงจินเอาเงินที่ไหนมาเป็นค่าใช้วงเวทเดินทางอ่ะ มันแพงพอดูเลยไม่ใช่หรอ?

                    ถึงมันจะแพงน้อยกว่าค่าตั๋วเรือบินเวทก็เถอะ

                    “ตอนนี้เราอยู่ในภาวะเป๋าแฟ่บนี่!

                    “ เอ่อ...คือ... ”

                    “ คืออะไรครับ!

                    ฟรานจ้องหน้าลุงจินเขม็ง คาดคั้นเอาความจริงออกมา ลุงจินเบือนหน้าหลบสายตายิ้มแห้ง เกาหัวแกรกๆ พยายามนึกหาคำพูดดีๆที่เข้าท่าแบบมีเหตุผลมาอธิบายหลานรักจอมเคี่ยวงกเงิน ที่ฟรานมีนิสัยแบบนี้ ต้นเหตุมาจากลุงจินนั่นแหล่ะที่ใช้เงินไม่รู้จักคิด พอได้เงินมาก็เข้าร้านเหล้า พอเมาได้ที่หน่อยก็ทำเป็นใจใหญ่เลี้ยงคนทั้งร้าน แล้วแบบนี้จะไม่ให้เงินหมดได้ยังไง แถมภารกิจที่รับแต่ละอย่างได้เงินดีทั้งน้าน! ประชดนะเนี่ยประชด! ฟรานอดรนทนไม่ไหว ก่อนที่เขาจะกลายสภาพจากนักดาบรับจ้างกลายเป็นขอทาน เขาเลยต้องเข้าไปบริหารจัดการเงินในกระเป๋าซะเอง แต่ก่อนทำอาหารไม่เป็น ฟรานจึงเริ่มฝึกทำอาหาร วัตถุดิบน่ะหรอ ช่วงไหนที่เงินหมดก็เก็บพืชผักในป่าเอา จนบัดนี้ฝีมือการทำอาหารของฟรานพอกินได้ถึงจะไม่อร่อยก็เถอะ!

                    ลุงจินคงไม่อยากกินอาหารฝีมือฟรานอีกเลยยอมงดเหล้า ทำให้พอมีเงินเหลือเก็บบ้างแต่ก็คงไม่พอที่จะเอาไปซื้ออาหารดีๆ หรือเนื้อมากิน ยังคงต้องเก็บพืชผักตามป่ามากินต่อไป แต่คราวนี้ลุงจินเป็นคนทำอาหารเอง เพราะไม่อาจทนกินอาหารฝีมือฟรานได้อีกถึงแม้มันจะพอกินได้แต่มันก็ไม่อร่อยขั้นเทพพอๆกับวิชาเวทของฟรานเลย!

                    ลุงจินยังคงนิ่งเงียบ ฟรานส่งสายตาคาดคั้น ลุงจินคงทนหลานสุดที่รักแผ่รังสีกดดันไม่ไหวเลยยอมปริปากพูดเสียงอ่อย

                    “ เอ่อ...ลุงเอาเงินสำรองค่าเดินทางออกมาใช้ก่อนน่ะ ”

                    “ หมดเลยหรอ!

                    “ อือ ”

                    ฟรานตาโตอึ้งไปชั่วขณะ พอได้สติก็โวยวายลั่น

                    “ แต่นั่นเป็นเงินสำรองที่เอาไว้ใช้ในการทำภารกิจในครั้งต่อๆไปนะ! และเป็นเงินที่เอาไว้ใช้ตอนฉุกเฉินด้วย!

                    “ ก็นี่ไงเล่า ”

                    ลุงจินเถียงเสียงอ่อย ฟรานทำหน้าละเหี่ยใจ สงบสติอารมณ์ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ

                    “ แต่ไม่ได้ให้เอาไปใช้หมดนี่ครับ ”

                    “ เอาน่าๆ ถ้าได้ภารกิจนี้มาละก็ เสียเงินแค่นี้ก็ถือว่าคุ้ม

                    ตรงไหนกัน! นั่นเงินเก็บทั้งหมดที่มีเลยนะ!

                    เฮ้อ! ในเมื่อเป็นแบบนี้ คงต้องเดินหน้าลูกเดียว ต้องคว้าภารกิจนี้มาให้ได้! ไม่งั้นคงได้กลายเป็นขอทานจริงๆแน่ โฮๆ ลุงนะลุง!

                    ฟรานยืนหมดแรง หน้าที่ซีดอยู่แล้วยิ่งดูซีดจนน่ากลัว เพราะดันมาเจอเรื่องแบบนี้เข้าอีก ถ้าเกิดชวดภารกิจนี้ละก็จะเอาเงินที่ไหนเป็นค่าใช้จ่ายในการทำภารกิจครั้งต่อๆไปเล่า!  

                    “ เฮ้ย! แย่ล่ะ 11 โมงครึ่งแล้ว เร็วเข้าเหอะเดี๋ยวไปสมัครสอบไม่ทัน เขาเปิดรับสมัครแค่เที่ยงนี้เท่านั้น!

                    ลุงจินดึงฟรานออกวิ่งโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว ทำเอาฟรานเกือบล้ม ทั้งสองวิ่งหน้าตั้งไปยังโรงเรียนแซงเคอร์ที่อยู่นอกตัวเมืองที่พวกเขาโผล่ออกมาประมาณเกือบ 3 กิโล! โชคดีที่มีรถม้าผ่านมาและกำลังจะไปแซงเคอร์เลยรับพวกเขาไปด้วย 

                    ฟรานลงชื่อสมัครสอบได้ทันเป็นคนสุดท้ายก่อนที่เขาจะปิดรับสมัครพอดี ลุงหลานเลยพร้อมใจถอนหายใจอย่างโล่งอก

                    การทดสอบจะเริ่มเวลาบ่ายโมงตรง ลุงหลานจึงเดินเล่นดูบริเวณรอบๆโรงเรียน ด้านนอกโรงเรียนถูกปกคลุมไปด้วยป่าที่มี ต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นแน่นขนัด ด้านหลังติดเทือกเขาที่เรียงตัวซ้อนกันเป็นแนวยาว ยอดเขาถูกปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดทั้งปี

                    อาคารเรียนเป็นตึกสีขาวหลังคาแหลมสูงสีน้ำเงิน รูปทรงเป็นปราสาทโบราณ ห้อมล้อมไปด้วยแมกไม้สีเขียวขจี ดอกไม้ที่พากันเบ่งบานต่างส่งกลิ่นหอมอบอวน บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบจนชวนให้วังเวง

                    ฟรานมองดูโดยรอบอย่างสนใจ เขากำลังหาต้นไม้สูงเหมาะๆสักต้นเผื่อเอาไว้เวลาโดดเรียนจะได้แอบมางีบสักหน่อย ฟรานเดินไปเรื่อยๆจนมาสะดุดกับพุ่มไม้พุ่มหนึ่งที่กำลังสั่นไหวทั้งๆที่ไม่มีลมพัด เขาย่องเข้าไปใกล้พุ่มไม้นั้นอย่างช้าๆ

                    “ เฮ้ย!

                    ฟรานผงะล้มลงที่จู่ๆก็มีคนโผล่พรวดออกมาจากพุ่มไม้นั่น! ดวงตาน้ำตาลเบิกโตเมื่อเห็นหน้าคนๆนั้นอย่างชัดเจน ฟรานหน้าซีดตัวเย็นวาบ เขาตกอยู่ในอาการช็อก! ที่เห็นตัวเขาเองอีกคน!

                    ทำไมหมอนั่น หน้าถึงเหมือนข้า!หรือว่าจะเป็น...

                    ดอปเปลแกงเกอร์!

                    ถ้าเห็นตัวเองอีกคน ก็...ต้องตายน่ะสิ! ว้ากกกก! ไม่เอาน๊าข้ายังไม่อยากตาย!

                     ( ดอปเปลแกงเกอร์ เป็นคำที่ใช้เรียกกรณีที่มนุษย์คนหนึ่งได้ปรากฏตัวตนเพิ่มขึ้นมาจากเดิมอีกคนหนึ่งซึ่งจะมีลักษณะภายนอกเหมือนกันทุกประการ มีความเชื่อว่าถ้าพบเห็นดอปเปลแกงเกอร์ของตนจะนำมาซึ่งความตาย ) 

                    ฟรานขวัญเสียเหงื่อตกหน้าซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม เด็กหนุ่มผมทองคนที่ถูกฟรานกล่าวหาว่าเป็นดอปเปลแกงเกอร์ เขาเองก็ตกใจยืนอี้งอยู่นาน พอได้สติกลับมาเด็กหนุ่มคนนั้นหันซ้ายหันขวาและวิ่งอุ้มกระต่ายสีขาวจากไปอย่างรีบร้อน ฟรานนั่งทำตาปริบๆ พอรู้สึกตัวก็รีบเดินจ้ำอ้าวหาลุงจินที่ เดินหายไปไหนก็ไม่รู้ ฟรานรีบวิ่งไม่ดูทางเลยไปชนเข้ากับคนคนหนึ่งตรงหัวมุมตึก ฟรานล้มลงก้นกระแทกพื้น  คนที่ถูกชนติฟรานด้วยน้ำเสียงกึ่งเล่นกึ่งจริง

                    “ จะรีบวิ่งไปไหน! หัดดูทางซะมั่ง!

                    “ ขะ...ขอโทษ ครับ ”

                    ฟรานเอ่ยเสียงอ่อยหน้าจ๋อยรู้ตัวว่าผิดเต็มๆ เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองชายคนที่ถูกเขาวิ่งชน จากสีหน้าจ๋อยๆเปลี่ยนเป็นสีหน้าดีใจแบบสุดๆ

                    “ ละ...ลุงจิน!

                    “ ก็ข้านี่แหล่ะ แล้วเจ้าคิดว่าใคร ทีหน้าทีหลังหัดดูทางซะมั่ง ไม่ใช่วิ่งไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้ ”

                    ลุงจินเทศนาฟรานอีกยก แถมขยี้หัวหลานรักอย่างมั่นไส้ คราวนี้ฟรานไม่ปัดมือออกเหมือนอย่างเคยเพราะความสนใจทั้งหมดตอนนี้อยู่ที่เรื่องที่เขาเพิ่งเจอมา 

                    “ ลุงจินข้าเจอดอปเปลแกงเกอร์!

                    “ ดอปอะไรนะ?

                    ฟรานละล่ำละลักรีบพูดจนลุงจินแทบจับใจความไม่ได้

                    “ ดอปเปลแกงเกอร์!

                    คราวนี้ฟรานพูดชัดถ้อยชัดคำพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก ลุงจินมองหลานรักแววตาครุ่นคิด เขาลูบหัวฟรานเบาๆก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย

                    “ ดอปเปลที่ว่าคือตัวเราอีกคนที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนเราเป๊ะๆเลยใช่ไหม ”

                    “ ใช่!

                    “ ที่เขาลือกันว่าถ้าเจอดอปเปลของตนเองแล้วจะต้องตายใช่ไหม ”

                    “ ใช่ๆ! ข้ายังไม่อยากตายน๊าลุงจิน!

                    ฟรานเขย่าแขนลุงจินตัวสั่นเล็กน้อยด้วยความกลัว 

                    “ ใจเย็นๆ แล้วไปเจอไอ้เจ้าดอปเปลนี่ที่ไหน ”

                    “ พุ่มไม้ตรงนู้น ”

                    ฟรานชี้มือไปยังทิศที่เขาวิ่งจากมา ลุงจินมองตามเห็นเพียงพุ่มไม้เท่านั้น ไม่เห็นแม้แต่เงาใครสักคน ลุงจินมองหลานชายเป็นเชิงถามว่าเจ้าดอปเปลนั่นอยู่ไหน ส่งสายตาประมาณว่าฟรานตาฝาดหรือเปล่า ฟรานยืนยันหนักแน่นว่าเห็นจริงๆ

                    “ เจ้าเห็นหน้าเจ้าดอปเปลนั่นชัดแน่ใช่ไหม ”

                    “ ชัดเต็มสองลูกกะตาในระยะประชิดเลย ”

                    “ ลักษณะเจ้านั่นเป็นยังไง ”

                    “ ก็..หน้าตาเหมือนข้าเปี๊ยบ ผมสีทอง ”

                    “ ผมยาวเท่าเจ้าเลยไหม ”

                    ฟรานนึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ

                    “ ไม่นะ เจ้านั่นผมยาวประบ่า ”

                    “ แล้วสีตาล่ะ ”

                    ฟรานคิ้วมุ่น พยายามนึกหน้าตาของเจ้าดอปเปลแกงเกอร์นั่น

                    “ อืม...สีฟ้านะ เอ๊ะ?

                    “ แล้วเจ้าตาสีอะไร ”

                    ลุงจินยืนกอดอก จ้องมองหลานรัก สีหน้ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

                    “ เอ่อ...ชมพู ”

                    “ นั่นไม่ใช่ดอปเปลแล้วล่ะ คงเป็นแค่คนหน้าเหมือนละมั้ง หรือไม่ก็เพราะอาการเมาวงเวทเดินทางยังหลงเหลืออยู่เลยทำให้เจ้ามองผิดไป ”   ลุงจินสรุปน้ำเสียงจริงจัง

                    “ แต่ข้าเห็นจริงๆนะ ”

                    ฟรานเถียงยืนยันหนักแน่น  สิ่งที่เขาเห็นไม่ได้ตาฝาดแน่นอน อาการคลื่นไส้วิงเวียนก็หายดีแล้วด้วยเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเบลอหรือมองผิดไป ฟรานจะพูดยืนยันอีกรอบกลับถูกลุงจินยกมือเบรกไว้ขณะที่ลุงจินมองดูนาฬิกา

                    “ เลิกคิดไร้สาระสักทีน่า รีบไปได้แล้ว ใกล้ถึงเวลาเข้าสอบแล้วเดี๋ยวไปไม่ทัน ” 

                    ไม่ว่าจะพูดยังไงลุงจินไม่เชื่อฟรานอยู่ดี เขาจึงได้แต่เดินตามลุงจินคอตกแต่ก็ไม่วายที่จะหันกลับไปมองยังพุ่มไม้นั้นที่เขาเจอเด็กหนุ่มที่ฟรานกล่าวหาว่าเป็นดอปเปลแกงเกอร์ เผื่อว่าเขาจะปรากฏตัวออกมาให้เห็นอีกครั้งหนึ่ง

    ...............................................................................................................................................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×