คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ผจญกองทัพโครงกระดูก
ตุ้บ!
เสียงของหนักๆหล่นกระแทกพื้นตามมาด้วยเสียงอะไรบางอย่างกำลังกลิ้งฝ่าพงหญ้า พร้อมกับเสียงร้องลั่นป่าของใครบางคน
“ แว้กกก!!! ”
“ โอ๊ย! ”
เลออนเนลยันตัวลุกนั่งมือกุมหัวที่ปูดเกือบจะเท่าลูกมะนาวน้อยๆ ดูเหมือนว่าตอนกลิ้งตกจากเนินเขาเมื่อกี้หัวคงกระแทกกับอะไรบางอย่าง
ทำไมพื้นมันนิ่มๆ
เด็กหนุ่มนั่งขย่มบนสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นพื้น มันนุ่มนิ่มน่านั่งจริงๆ
“ โอ๊ย! เจ้าบ้าเลิกขย่มได้แล้ว มันหนักนะเฟ้ย รีบๆลงไปจากตัวข้าสักที ”
“ เหวอ! ”
เลออนเนลดีดตัวกระโดดลุกพรวดตกใจ เพ่งฝ่าความมืดและหมอกที่ลงจัดไปยังสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นพื้น เจ้าสิ่งนั้นขยับลุกนั่งตัวงอ
“ เจ้าขี้เซา! ”
“ ข้าไม่ได้ชื่อขี้เซา! ”
ฟรานเอามือกุมท้อง หน้าบิดเบี้ยว เขาทั้งเจ็บทั้งจุกจากการถูกวงแหวนเวทเคลื่อนย้ายพามาปล่อยกลางอากาศที่ไหนสักแห่งในป่าหมอกสีเงินก่อนจะกลิ้งตกจากเนินเขาแล้วถูกเลออนเนลกลิ้งทับแถมยังถูกเจ้าเพื่อนสุดรักปานจะตีกันตายนั่งขย่มบนท้องซะเต็มแรงอย่างสนุกอีก
“ ขะ...ขอโทษ เป็นอะไรไหม ”
เลออนเนลหน้าสลด เข้าไปช่วยพยุงฟราน ตอนแรกฟรานก็โกรธอยู่หรอกแต่พอได้ยินคำขอโทษอย่างสำนึกผิด อารมณ์โกรธในตอนแรกก็มลายหายไปหมด
“ ดีขึ้นแล้ว ขอบใจนะ ”
“ มะ...ไม่เป็นไร ”
เลออนเนลถอนใจโล่งอก นึกว่าจะกลายเป็นฆาตกรฆ่าคนโดยไม่เจตนาซะแล้ว
“ ที่นี่ที่ไหน ทำไมหมอกเยอะขนาดนี้ แทบมองทางข้างหน้าไม่เห็น ”
ฟรานหันซ้ายหันขวา ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่หมอกกับหมอกและความมืด แหงนมองไปข้างบนก็มีแต่เงาทะมึนซึ่งน่าจะเป็นของต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอย่างแน่นขนัด แทบไม่มีช่องให้แสงจันทร์ส่องลงมาถึงยังพื้นเบื้องล่าง ทำให้ทัศนวิสัยการมองเห็นแทบจะเป็นศูนย์
“ ปะ...ป่าหมอกสีเงิน ”
เลออนเนลตอบเสียงสั่น เขยิบเข้าไปใกล้จนตัวติดฟราน มือทั้งสองข้างเกาะแขนฟรานแน่น เด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย หันไปมองโดยไม่พูดอะไร เขาเพ่งมองโดยรอบอย่างระวัง มือกุมดาบแน่นเตรียมพร้อมรับการจู่โจมที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด
“ เจ้ากลัวความมืดเหรอ? ”
“ ข้าไม่ได้กลัวสักหน่อย! ”
เลออนเนลเถียงกลับ แต่มือกลับยิ่งบีบแขนฟรานแน่น
“ งั้นเหรอ แล้วทำไมเจ้าเกาะแขนข้าซะแน่น ”
ฟรานเหล่มอง ภาพที่เห็นเป็นเงาดำๆแต่ก็ยังพอเห็นเป็นรูปร่างคน
“ ข้ากลัวว่าเจ้าจะพลัดหลงกับข้า เลยต้องจับเอาไว้ เจ้ามันเป็นประเภทหลงทางขั้นเซียนอยู่ด้วย ”
เลออนเนลยิ่งเบียดชิดติดฟรานมากขึ้นพอได้ยินเสียงอะไรดังแม้กระทั่งเสียงลมพัดใบไม้
“ เจ้ารู้ได้ไงว่าข้าเป็นพวกชอบหลงทาง! ”
ฟรานรู้สึกเคืองนิดๆ ที่ถูกกล่าวหาลอยๆโดยไม่มีหลักฐาน เอ่อ...ถึงจะเคยหลงทางบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่เลออนเนลพูดสักหน่อย ครั้งล่าสุดก็แค่พาเฟรริลหลงทาง เอ้ย...พาไปสำรวจทางเดินรอบโรงเรียนก่อนจะเข้าเรียนวิชาการต่อสู้เบื้องต้น
“ แว้กกก!!! สะ...เสียง มะ...มีอะไรอยู่ตรงนั้น! ”
เลออนเนลกระโดดหลบอยู่หลังฟราน เอาเขาเป็นที่กำบัง ฟรานชักดาบออกมาทันทีพร้อมกับเพ่งมองไปยังทิศทางที่เสียงนั้นดัง
“ เลออนเนลตั้งสติหน่อย ”
ฟรานเตือนเพื่อนที่เป็นคู่หูที่ไม่อยากจะเป็นคู่หูด้วยที่เอาแต่เกาะแขนทั้งสองข้างของเขาแน่น
“ ปล่อยแขนข้าสักที ข้าสู้ไม่ถนัด เจ้าก็ชักดาบออกมาเตรียมตัวได้แล้ว ”
เลออนเนลยังคงเกาะแขนเขาแน่น ศีรษะพิงกับแผ่นหลังบาง
“ หรือว่าเจ้ากลัว ”
โดนดูถูกขนาดนี้มีหรือที่ความกลัวจะเอาชนะความโกรธได้ เลออนเนลปล่อยแขนฟรานทันที ชักดาบออกมาตั้งท่าเตรียมพร้อมมายืนด้านข้างฟราน
“ ข้าไม่ได้กลัว! ”
เลออนเนลเถียงกลับเสียงเขียว
“ งั้นเหรอ ”
ฟรานลากเสียงยาวไม่คิดจะเชื่อ สายตายังคงสอดส่องโดยรอบ
“ เออดิ ”
เลออนเนลตอบกลับเสียงขุ่น พยายามจะขยับออกห่างจากฟรานอีกหน่อยแต่ขาดันไม่ยอมขยับ เขารู้สึกเจ็บใจนิดๆที่ความกลัวดันมีมากกว่าความหยิ่งในศักดิ์ศรี
ฟรานขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงต่อจึงนิ่งเงียบและเพ่งมองโดยรอบอย่างระวัง ก่อนจะถอนใจยาวอย่างโล่งอกแต่ก็ไม่ซะทีเดียว
“ ข้าคิดว่าคงเป็นแค่เสียงลม แต่ก็ไม่ควรประมาท ”
“ งั้นเหรอ ค่อยยังชั่ว นึกว่าจะเป็นสัตว์ร้ายซะอีก ”
เลออนเนลแทบเข่าอ่อน ถอนใจโล่งอก ถ้าต้องเจอกับสัตว์ร้ายจริงๆ เขาก็ไม่รู้ว่าจะสู้ได้หรือเปล่า เพราะสัตว์ทุกตัวที่อาศัยในป่าแห่งนี้ล้วนขึ้นชื่อว่าดุร้ายและอันตรายทั้งนั้น แม้แต่อาจารย์บางคนยังยอมรับเลยว่ารับมือยาก
“ บ้าชะมัด มืดก็มืด มองอะไรก็ไม่เห็น มีแต่หมอกเต็มไปหมด แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าตอนนี้อยู่ส่วนไหนของป่า ”
ฟรานบ่นพึมเพ่งมองไปข้างหน้าทั้งๆที่ทัศนวิสัยการมองเห็นเกือบจะเป็นศูนย์ พอเลออนเนลได้ยินแบบนั้นถึงกับใจห่อเหี่ยว เห็นเลขศูนย์ของการสอบครั้งแรกลอยมาแต่ไกล
โฮกกกก!!!
“ ว้ากกก!!! ”
ฟรานผลักเลออนเนลพ้นจากการถูกโจมตีของสัตว์ร้ายที่พุ่งเข้ามาโดยไม่รู้ตัว เลออนเนลล้มกลิ้งไปไกลจากสัตว์ร้าย มันจึงเบนความสนใจมาที่ฟรานซึ่งอยู่ใกล้กว่า ฟรานเพ่งมองเห็นเพียงลูกตาสีแดงฉานดุจเลือดอยู่บนเงาดำซึ่งน่าจะเป็นหัวยื่นออกมาจากเงาดำขนาดสูงใหญ่กว่าตัวฟราน มันส่งเสียงคำรามลั่นที่ทำให้เด็กหนุ่มเกือบปลิวกระเด็น สัตว์ร้ายพุ่งเข้าโจมตีฟรานอย่างรวดเร็วผิดกับขนาดตัวที่ใหญ่มโหฬาร ฟรานหลบเกือบไม่ทัน มันเร็วเกินกว่าที่เขาคาดคิด
สัตว์ร้ายมันหันกลับมากระโดดเข้าโจมตีฟรานด้วยความเร็วเหลือเชื่อยิ่งกว่าตอนแรก ฟรานเอี้ยวตัวหลบรอดพ้นจากคมเขี้ยวแหลมยาวหวุดหวิด มันไม่ปล่อยให้ฟรานมีโอกาสตั้งตัวกลับมาเป็นฝ่ายโจมตีมันได้ เด็กหนุ่มทำได้เพียงแค่หลบให้พ้นคมเขี้ยวมันซึ่งก็ยากเต็มกลืน
เจ้าบ้านั่น หายไปไหน
“ ว้ากกกก!!! ”
“ เลออนเนล! ”
หรือว่า...เจอสัตว์ร้ายอีกตัว!
ฟรานหยุดชะงักเผลอมองหาเลออนเนล ไม่ทันระวังตัวเปิดโอกาสให้สัตว์ร้ายจู่โจมเข้าถึงตัว เด็กหนุ่มถูกบางสิ่งคาดว่าน่าจะเป็นหางฟาดใส่จนลอยกระเด็น ร่างบางร่วงหล่นกระแทกพื้นและกลิ้งไถลไปอีกกว่าสิบเมตร พร้อมกับเสียงโลหะกระทบหินที่ดังห่างออกไปเกินกว่าที่เขาจะเอื้อมถึง
เด็กหนุ่มทั้งเจ็บและจุกจนแทบลุกไม่ขึ้น ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เขาควานหาดาบอย่างร้อนรน เงาดำมหึมาพุ่งเข้าใส่เขาอีกครั้ง อย่างรวดเร็ว ฟรานกระโดดหลบได้ทันเส้นยาแดงหวิดเกือบถูกกระทืบจมดิน
อาการปวดแปลบทำให้เขาเคลื่อนไหวช้าลง เงาดำหันมาโจมตีเขาด้วยความเร็วน่าทึ่งชนิดไม่ให้พักหายใจ ฟรานที่ไร้ซึ่งดาบคู่ใจจึงทำได้เพียงกระโดดหลบให้พ้นวิถีโจมตี ทว่าครั้งนี้ร่างบางกลับล้มลงมีอะไรบางอย่างพันขาไว้
แย่แล้ว!
เงาดำอยู่เหนือร่างฟรานเพียงแค่คืบ! เขาดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการ ทว่า...
ไม่ทันแล้ว! ตายแน่!!!
กี๊ซซซซซ!!!!
จู่ๆสัตว์ร้ายตัวนั้นที่กำลังจะพรากชีวิตฟรานกลับร้องโหยหวนและวิ่งหนีหายเข้าไปในความมืด ฟรานนั่งหน้าซีดตัวเย็นมองตาปริบๆมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
โฮๆ รอดแล้ว เกือบตายแน่ะ
แต่ว่า...มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมมันถึงหนีไปแถมยังร้องลั่นเหมือนถูกทำร้าย
ฟรานนิ่งคิดกับสิ่งที่คงไม่มีวันรู้คำตอบ ยิ่งคิดก็ยิ่งงงและยิ่งไม่เข้าใจ เด็กหนุ่มเลยเลิกคิดแล้วตั้งหน้าควานหาดาบท่ามกลางความมืดสนิทและหมอกหนาทึบ
อยู่ไหน มันน่าจะอยู่แถวนี้นี่?
อ๊ะ! เจอแล้ว
มือฟรานไปโดนใบดาบพอดีซึ่งมันนอนสงบนิ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ฟรานอยู่เพียงแค่เอื้อมมือ ทั้งๆที่ตอนแรก มันน่าจะกระเด็นไปไกล?
ฟรานเอาดาบใส่เข้าปลอก แต่แล้วกลับเบิกตาโตเหมือนนึกอะไรบางอย่างที่สำคัญออก
เลออนเนล! เจ้านั่นหายไปไหนแล้ว!
“ เลออนเนล อยู่ไหน ถ้ายังไม่ตายตอบด้วย ”
เสียงฟรานสะท้อนก้องท่ามกลางความมืด และกลับสู่ความเงียบสนิทอีกครั้ง
“ เลออนเนล ”
ฟรานตะโกนสุดเสียง แต่ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมามีเพียงความงียบสงัด เขาถอนใจยาว หันมองโดยรอบที่มีแต่ความมืดและหมอกหนาทึบ
คงยังไม่ถูกสัตว์ร้ายกินไปหรอกนะ
ฟรานเริ่มร้อนใจและเป็นห่วงถึงแม้จะไม่ค่อยถูกกันแต่ยังไงก็เป็นเพื่อนที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกันถึงสี่ปี
มืดขนาดนี้คงบอกไม่ได้ว่าเสียงร้องมาจากทิศทางไหน ฟรานหันซ้ายหันขวาลังเลไม่รู้จะเริ่มออกตามหาจากทางไหน แต่แล้วเขาก็นึกถึงสิ่งที่ลุงจินเคยสอน
“ ลุงจินบอกให้เดินตามดาวเหนือ ดาวเหนือขึ้นทิศเหนือ? แล้วดวงไหนมันดาวเหนือล่ะเนี่ย? แล้ว...ทิศเหนือมันอยู่ไหนอ่ะ โอ๊ย! ไม่รู้แล้วไปทางนี้ละกัน ”
ฟรานเดินดุ่ยๆหายเข้าไปในความมืด
เสียงแหวกพงหญ้าและเสียงของมีคมตัดผ่านหญ้าดังขึ้นเป็นระยะ ฟรานโผล่พ้นออกมาอย่างยากลำบาก ทั้งตัวเต็มไปด้วยเศษหญ้า ฟรานหันซ้ายหันขวาถอนใจหมดหวังที่จะหาตัวคู่หูจำเป็นเจอในสภาพที่มองอะไรแทบไม่เห็น
เจ้าบ้านั่นอยู่ไหนนะ
ถ้าไม่ติดว่าต้องออกไปให้ได้ทั้งคู่ ข้าไม่คิดตามหาเจ้าหรอก ไม่อยากเล๊ย เสียเวลาจริงๆ
ถึงปากจะบอกยังงั้นแต่การกระทำมันกลับบ่งบอกว่ากำลังตั้งหน้าตั้งตาค้นหาอย่างจริงจังแกมห่วงหน่อยๆ
ป่านี่มันอะไรกัน มีแต่หมอกกับหมอก หรือคงเพราะแบบนี้เลยได้ชื่อว่า ‘ ป่าหมอกสีเงิน ’
แล้วมัน...สีเงินตรงไหน?
ลมพัดมาสายหนึ่งแรงพอทำให้ไม้ใหญ่ไหวเอน เปิดช่องให้แสงจันทร์ส่องลงมาสู่พื้นเบื้องล่าง กระทบกับสายหมอกสะท้อนเป็นสีเงินยวง รับกับเส้นผมสีเงินประกายดุจแสงดาวที่พลิ้วไหวอ่อนโยนดั่งหยอกล้อเล่นกับสายลม ขับให้ร่างบางดูสว่างคล้าย แสงจันทร์บนท้องนภาที่ส่องแสงนำทางยามมืดมิด ช่างงดงามราวกับเทวดาบนสรวงสวรรค์ มันเป็นภาพชวนมองให้เคลิบเคลิ้มหลงใหลจนยากละสายตา
แบบนี้เองเหรอ แปลกดีแหะ
ฟรานมองดูภาพโดยรอบก่อนที่ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ความมืด
ผ้า?
ฟรานจับหัวที่มีแต่เส้นผม พลันใจหายวาบ
หายไปแล้ว! ตอนไหน?
เด็กหนุ่มครุ่นคิดนึกย้อนกลับไป ก่อนที่จะถูกเคลื่อนย้ายด้วยวงแหวนเวทเคลื่อนย้ายมันก็ยังอยู่ หรือว่า...
จะปลิวไปตอนกำลังเคลื่อนย้าย แต่..ไม่น่าจะเป็นไปได้
หรือว่า...ตอนที่ร่วงลงพื้นแล้วกลิ้งตกจากเนิน
โธ่ จะย้อนกลับไปหาก็ไม่รู้ว่ามาจากทางไหนอีก
เฮ้อ เซ็ง ขืนเป็นแบบนี้จะออกไปที่โล่งที่แสงจันทร์ส่องถึงก็ไม่ได้ หาทางออกไปจากที่นี่ก็ไม่ได้ แถมยังต้องตามหาเจ้าบ้านั่นอีก ถึงจะหาตัวหมอนั่นและทางออกเจอก็ยังออกไปจากที่นี่ไม่ได้จนกว่าจะเช้า แต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้เพราะเจ้าโหดคาลเรสเตอร์ดันตั้งเงื่อนไขให้กลับไปยังจุดนัดพบก่อนพระอาทิตย์ขึ้น
โอ๊ย! แล้วข้าจะทำไงเนี่ย
ฟรานบ่นพึมสติจะแตกคิดหาหนทางไม่ออก ถ้าเขาไม่ทำผ้าพันคอหายสถานการณ์คงไม่ลงเอยด้วยความยุ่งยากขนาดนี้
เฮ้อ ทำไมข้าต้องเกิดเป็นออร์แลนไทด์ด้วย
ไม่ดิ! ทำไมมนุษย์ต้องล่าออร์แลนไทด์ต่างหาก ถ้าไม่มีความคิดวิปริตจิตผิดปกติที่ชอบสะสมของแปลกหรือเอาไว้ดูเล่น ออร์แลนไทล์คงไม่ถูกล่า ข้าก็ไม่ต้องหลบซ่อนปกปิดตัวตนแบบนี้
ยิ่งคิดพาลให้ยิ่งเคือง ฟรานยังคงเดินต่อไปอย่างไร้จุดหมายด้วยอารมณ์สุดเซ็ง
เด็กหนุ่มชะงักฝีเท้า กวาดตามองโดยรอบอย่างระวัง มือกำด้ามดาบมั่น เมื่อได้ยินเสียงพุ่มไม้ไหวดังห่างไม่ไกล
“ ใครน่ะ! ”
เสียงพุ่มไม้ไหวพร้อมกับเสียงฝีเท้าเหมือนวิ่งดังเข้ามาใกล้ ฟรานชักดาบออกตั้งท่าพร้อมโจมตี
“ ข้าถามว่าใคร! ”
เกิดเสียงโลหะกระทบกันแทนคำตอบ ฟรานผลักดาบกลับไป ดีดตัวถอยห่างเพื่อตั้งหลัก ฝ่ายตรงข้ามพุ่งเข้าใส่ไม่รอช้าพร้อมกับเสียงของมีคมแหวกอากาศ ทั้งสองผลัดกันรุกผลัดกันรับปะทะกันฝีมือสูสี
คาลเรสเตอร์?
ฟรานเอี้ยวตัวหลบรู้สึกถึงไอเย็นของโลหะผ่านหน้าห่างเพียงคืบ ท่ามกลางความมืดมิดที่แทบมองอะไรไม่เห็น ทำให้การต่อสู้เป็นไปสุดยากลำบาก ไม่เห็นทั้งหน้าศัตรู อาวุธ และระยะการโจมตี ฟรานจึงได้แต่อาศัยสัญชาตญาณจับจิตสังหารของฝ่ายตรงข้ามที่แผ่ออกมากับเสียงการเคลื่อนไหว แล้วกะระยะและทิศทางที่อีกฝ่ายจะโจมตีเข้ามา
ไม่น่าจะเป็นไปได้ เจ้านั่นไม่ได้มีฝีมือดาบแค่นี้ ถ้าเป็นเจ้านั่นจริงข้าคงรับมือไม่ได้นานขนาดนี้ แต่คนคนนี้ฝีมือพอๆกับข้า หรือว่า...
โลหะกระทบกันอีกครั้งแรงพอทำให้เกิดประกายไฟแปลบปลาบสว่างพอที่จะทำให้เห็นเสี้ยวหน้าของอีกฝ่าย
เลออนเนล?
“ เลออนเนล! นั่นเจ้าใช่ไหม ”
ฟรานผลักกลับไปพร้อมดีดตัวถอยห่าง เสียงฝีเท้าของอีกฝ่ายหยุดชะงัก ฟรานตั้งท่าเตรียมโจมตีหากอีกฝ่ายไม่ใช่ตามที่เขาคิด
“ เจ้าขี้เซา นั่นเจ้าเหรอ? ”
เสียงอันคุ้นหูดังใกล้เข้ามา พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่หยุดลงหน้าฟราน เด็กหนุ่มลดดาบลง ก่อนจะตอบกลับด้วยเสียงเคืองๆ
“ ข้าไม่ได้ชื่อขี้เซา หัดเรียกชื่อคนอื่นให้มันถูกหน่อย ”
“ เจ้าจริงๆด้วย เจ้าหายไปไหนมาเจ้าบ้า ปล่อยให้ข้าสู้กับสัตว์ร้ายคนเดียว ”
ฟรานเม้มปากแน่นอดโมโหไม่ได้ที่ถูกต่อว่า ทั้งๆที่เขาเองก็เกือบตาย แถมยังรีบออกตามหากลัวว่าเลออนเนลจะตกอยู่ในอันตราย เสียแรงไม่น่าเป็นห่วงเจ้าเพื่อนบ้านี่เลย
“ ข้าก็สู้กับสัตว์ร้ายเกือบไม่รอดเหมือนกัน ”
“ งั้นเหรอ ”
เลออนเนลหัวเราะแห้งกลบเกลื่อนที่ดันบ่นฟรานเป็นชุด
ชิ เจ้าบ้านี่ น่าโมโหจริงๆ
“ เจ้าพอจะรู้ทางออกไปจากที่นี่ไหม ”
เลออนเนลถามฟรานพร้อมกับจับแขนเขาแน่น ฟรานคิ้วมุ่นเล็กน้อย รู้สึกถึงแรงบีบอันสั่นเทาที่ต้นแขนที่กดลงมามากขึ้น
หมอนี่กลัวความมืดจริงๆด้วย
“ ไม่รู้เหมือนกัน มืดซะขนาดนี้แถมหมอกยังหนาทึบอีก แทบจะมองไม่เห็นอะไรเลยด้วยซ้ำ ”
“ เจ้านี่ไม่มีประโยชน์เลย ”
“ อะไรน๊า! ”
ฟรานสวนกลับอย่างสุดเคือง
“ ว้ากกก!!! ”
“ เฮ้ย! จะ...เจ้าจะมากะ..กอด ข้า แน่นทำไม หายใจไม่ออกเฟ้ย! ”
อารมณ์กรุ่นๆเมื่อกี้พลันหายไปพร้อมกับเสียงร้องลั่นตกใจของเลออนเนล ฟรานพยายามแกะมือเลออนเนลที่กอดเขาแน่นอย่างกับตุ๊กแก
“ มะ...มีตัวอะไรจับขาข้าก็ไม่รู้ ”
เลออนเนลหลับตาปี๋ กอดฟรานแน่นตัวสั่นซบหน้ากับอกเขา ฟรานโน้มตัวลงเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาลเพ่งมองฝ่าความมืดไล่มองไปยังจุดเกิดเหตุที่ขาของเลออนเนล
มือ? ทำไมมันขาวซีดเรืองแสงแปลกๆ เหมือนโครงกระดูก?
“ แว้ก! มันโครงกระดูกจริงๆนี่หว่า! ”
ฟรานผงะถอยหลัง หน้าซีดเผือด เจ้าโครงกระดูกที่จับขาเลออนเนล เงยหัวกะโหลก ใช้เบ้าตาอันกลวงโบ๋ยังกะหลุมดำที่มีลูกไฟสีแดงลุกโชนจ้องมองพวกเขา มันเอียงคอ เอ่อ...หัวกะโหลกเล็กน้อย พร้อมกับแสยะยิ้มที่มีแต่กระดูกชวนขนลุกขนพองสยองขวัญ! สองคู่หูจ้องมองมันอย่างตื่นตระหนก
“ ว้ากกกก!!! ”
ฟรานและเลออนเนลแหกปากร้องลั่นวิ่งกระเจิงหนีป่าราบ เจ้าโครงกระดูกก็ไม่ยอมน้อยหน้าวิ่งมาราธอนตามไปติดๆ และยังมีโผล่ขึ้นมาจากดินอย่างกับดอกเห็ดนับสิบๆโครงวิ่งกรูไล่ตามทั้งสองคน
“ มันจะวิ่งตามมาทำม๊ายยย!!! ”
เลออนเนลวิ่งไปแหกปากร้องโวยวายลั่น กลัวจับจิตน้ำตาจะร่วง ลมจะจับอย่างกลัวสุดขีด ฟรานเองก็กลัวไม่แพ้กันหน้าซีดเผือด วิ่งหนีสุดชีวิตสุดฝีเท้าวิ่งเร็วแบบที่ไม่เคยทำได้มาก่อน
ทั้งคู่วิ่งหนีหน้าตั้งไม่ลืมหูลืมตาไม่สนด้วยซ้ำว่าวิ่งไปทิศไหน รวมทั้งบรรยากาศรอบตัวถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีเงินทำให้ไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้สะดวก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องทิศทางเลยเป็นไปได้ยากด้วยซ้ำที่จะบอกได้ว่าตอนนี้อยู่ทิศไหนหรืออยู่ส่วนไหนของป่า
ฟรานเพ่งมองหลังเลออนเนลที่วิ่งนำหน้าอยู่ไม่ไกล ถ้าคลาดสายตาแม้เพียงนิดเดียวอาจได้พลัดหลงกันกลางป่าหมอก การจะหาตัวเจอคงเป็นไปได้ยากท่ามกลางหมอกสีเงินที่ลงจัดจนหนาทึบ
“ ว้ากกก!!! ”
ร่างของเลออนเนลร่วงลงไปพร้อมกับเสียงร้องลั่นต่อหน้าต่อตาฟราน ฟรานที่อยู่ห่างจากเลออนเนลเกือบหนึ่งช่วงแขนกระโจนออกไปคว้าคอเสื้อเพื่อนได้ทัน ทว่าพื้นด้านล่างกลับไม่ใช่พื้นดินแต่เป็นอากาศล้วนๆ ยังดีที่มือขวาของฟรานจับขอบเหวไว้ได้ทันไม่งั้นได้ตายคู่ร่างเละอย่างน่าอนาถแหงๆ
เกือบไป ข้ายิ่งไม่อยากตายพร้อมกับคนที่เกลียดขี้หน้าอยู่ด้วย
ฟรานถอนใจเฮือกอย่างโล่งอกที่รอดตายหวุดหวิดแล้วหันไปแหวใส่เจ้าเพื่อนจอมซุ่มซ่ามที่เกือบพาตายหมู่อย่างอนาถที่ห้อยต่องแต่งแถมดิ้นไปดิ้นมา พาลทำเอามืออีกข้างของฟรานที่เกาะขอบหน้าผาสั่นระริกที่ต้องรับภาระแบกน้ำหนักถึงสองคน แถมไอ้เจ้าบ้านั่นยังดิ้นไปดิ้นมาอีก
“ เลออนเนล! เจ้าหยุดดิ้นซะที ข้าจะเกาะไม่ไหวอยู่แล้ว ”
“ หะ...หาย ใจ มะ...ไม่ ออก เสื้อ รัด...แค่กๆ ”
“ ห๊ะ! ”
ฟรานก้มลงมองหน้าตื่น คอเสื้อที่เขาจับมันร่นขึ้นจนรัดคอเลออนเนล ทำให้เขาหายใจไม่ออกและดิ้นไปดิ้นมาอย่างทรมาน
“ โทษที เจ้าจับมือข้าถึงไหมข้าจะได้ปล่อยคอเสื้อเจ้า ”
เลออนเนลไม่รอช้าเอื้อมมือทั้งสองข้างจับแขนฟรานแน่น ฟรานปล่อยคอเสื้อและจับแขนเลออนเนลไว้แน่นเช่นกัน
“ เจ้าใช้เวทลอยหรือเวทบินเป็นไหม ”
“ ไม่เป็นเฟ้ย ข้าเป็นนักดาบไม่ใช่นักเวท ”
เลออนเนลตะโกนกลับเสียงหลง
“ บ้าจริง ไม่มีประโยชน์เลยเจ้าน่ะ ”
“ ว่าไงน๊า! ”
เจ้าโครงกระดูกที่วิ่งไล่ทันพวกเขามาหยุดอยู่ตรงมือฟราน พร้อมกับกองทัพโครงกระดูกเกือบร้อย! มันฉีกยิ้ม เอ่อ...ฉีกกระดูกขากรรไกรทำท่าเหมือนแสยะยิ้ม ลูกไฟแดงเพลิงในเบ้าตากลวงโบ๋หรี่ลงพร้อมกับเงื้อดาบแทงมือฟราน
“ บ้าเอ๊ย! พวกมันจะเอาดาบแทงมือข้า เลออนเนลเกาะข้าแน่นๆ ”
“ ห๊ะ! ว้ากกก!!! ”
ฟรานปล่อยมือจากขอบหน้าผาเฉียดฉิวกับที่เจ้าโครงกระดูกแทงดาบลงมาแบบเส้นยาแดง ทั้งคู่ร่วงลงสู่หุบเหวลึกซึ่งถูกปกคลุมด้วยหมอกสีเงินหนาทึบจนไม่อาจมองเห็นที่สิ้นสุด เลออนเนลหลับตาปี๋แหกปากร้องลั่นเสียงหลง มือทั้งสองเกาะแขนฟรานแน่น ในใจได้แต่ร้องว่า ‘ตายแน่ๆ’ สลับกับ ‘ ข้าไม่อยากตาย ’
ฟรานกำแขนเลออนเนลแน่นชนิดที่ว่าตุ๊กแกเรียกพี่ มือขวาชักดาบออกมาแล้วปักเข้ากับหน้าผาสุดกำลัง ดาบครูดกับหน้าผาหินเป็นทางยาวเกิดประกายไฟแปลบปลาบ ความเร็วดิ่งพสุธาของสองคู่หูค่อยๆลดลงแต่ก็ยังอยู่ในอัตราที่เร็วอยู่ดี
“ ฮือๆ ข้ายังไม่อยากตาย ”
“ เออ ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน เกาะข้าแน่นๆ อย่าปล่อยมือเด็ดขาด ”
ความเร็วของทั้งสองค่อยๆลดลงจนในที่สุดหยุดสนิท ฟรานเพ่งมองลงไปข้างล่าง พวกเขาห้อยต่องแต่งอยู่เหนือชะง่อนหินที่ยื่นออกมาเกือบเมตร
“ เลออนเนล พวกเรารอดแล้ว ข้างล่างมีชะง่อนหิน เจ้าโดดลงไปก่อน ”
“ ไหนๆ ”
“ ข้างล่าง เฮ้ย! ลืมตาดิ ”
เลออนเนลค่อยๆลืมตาเหลือบมองลงไปข้างล่าง เขาหน้าซีดกอดแขนฟรานแน่นมือสั่น
“ แว้กกก!!! สูงชะมัด ไม่เอาอ่ะข้ากลัว ”
“ เจ้าบ้า! สูงไม่ถึงเมตร รีบๆโดดลงไปเลย มือข้าจะเกาะดาบไว้ไม่ไหวแล้ว ”
“ ไม่อ๊าว! ข้ากลัวความสูง! ”
“ สูงแค่นี้เนี่ยนะ ”
“ เออดิ ”
“ เฮ้อ โดดลงไปทั้งๆหลับตาเนี่ยแหล่ะ ”
“ ม่ายอ๊าว! ”
“ งั้นข้าเหวี่ยงเจ้าลงไปเอง ”
“ ม่ายนะ! แว้กกก! ”
ฟรานปล่อยมือเหวี่ยงแขนไปมาจนมือเลออนเนลเลื่อนหลุดมาจนถึงมือ เขาจับมือเลออนเนลไว้
“ แว้ก! เจ้าบ้าฟรานอย่าปล่อยมือนะ! ”
“ เจ้าบ้าเลออนเนลพื้นมันอยู่ห่างจากเจ้าไม่เท่าไหร่แล้ว ”
“ จริงเหรอ ”
“ เออ ”
“ ตะ...แต่มันก็เสียวอยู่ดี ”
“ งั้นเจ้าก็หลับตาไม่ต้องมองลงไปข้างล่าง ข้านับหนึ่งถึงสามแล้วปล่อยมือ ”
“ เดี๋ยว! ”
เลออนเนลร้องห้ามเสียงหลง แต่ฟรานไม่สนใจ เขาเริ่มนับ
“ หนึ่ง ”
“ เฮ้ย! ”
เลออนเนลหน้าซีด
“ สอง ”
“ ขอทำใจก่อน! ”
เหงื่อเริ่มผุดทั่วใบหน้า
“ สาม ”
เป็นไงเป็นกัน
เลออนเนลหลับตาปี๋ ทั้งสองปล่อยมือพร้อมกัน เลออนเนลลงสู่พื้นอย่างสวยงาม ในท่าเสียหลักหงายหลังล้มกลิ้งก้นกระแทกพื้น ส่วนฟรานเอาเท้ายันหน้าผาและดึงดาบออก ก่อนจะตีลังกาลงสู่พื้นยืนตัวตรงได้สวยงามสมบูรณ์แบบมากกว่าเลออนเนล
“ เจ้าบ้า ไหนบอกไม่สูงไง ”
เลออนเนลร้องโวยวายเสียงลั่น ท่าทางน่าจะเจ็บน่าดู
“ ก็ไม่สูงอ่ะดิ เจ้าลงไม่ดีเองต่างหาก ”
ฟรานเข้าไปช่วยพยุงเลออนเนลที่ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวเจ็บแปลบ เอามือคลำก้นป้อยๆอย่างน่าสงสาร
“ โอ๊ย! ข้อเท้าข้า ”
“ สงสัยจะแพลง ”
ฟรานจับข้อเท้าเลออนเนลอย่างเบามือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและสังเกตเห็นโพรงขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้าไม่ไกลนัก
“ มีถ้ำด้วยไปพักในนั้นก่อน ”
ฟรานพยุงเลออนเนลเดินไปช้าๆและระมัดระวังให้กระทบกระเทือนข้อเท้าที่แพลงให้น้อยที่สุด เลออนเนลกระเพลกไปอย่างยากลำบาก สีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บ มือกำไหล่ฟรานแน่น
“ มืดชะมัด มองอะไรแทบไม่เห็น ”
“ โอ๊ย! ”
เสียงเลออนเนลร้องลั่น ฟรานหยุดเดินแล้วรีบหันไปถามอย่างเป็นห่วง
“ เป็นอะไร เจ้าเจ็บตรงไหนอีกงั้นเหรอ ”
“ เจ้าบ้าเดินระวังหน่อยดิ ขาข้างที่แพลงมันไปกระแทก มันเจ็บนะเฟ้ย ”
เลออนเนลแหวใส่เสียงสั่น ดูท่าจะเจ็บเอามาก
“ โทษที โทษที มันมืดจนมองแทบไม่เห็น ข้าจะระวังให้มากกว่านี้ เจ้าไม่เป็นไรแล้วนะ ”
ฟรานหน้าซีด เอ่ยขอโทษเสียงอ่อย
“ อือ ”
ฟรานเอามือคลำไปในความมืด เท้ากวาดพื้นหาที่เรียบๆเพื่อให้เลออนเนลได้นั่งพัก
“ ตรงนี้น่าจะพอนั่งได้ ”
ฟรานค่อยๆประคองเลออนเนลให้นั่งลง ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองและของเลอเลออนเนลพันข้อเท้าข้างที่แพลงเพื่อล็อคข้อเท้าให้อยู่นิ่งๆและไม่ให้บวมมากขึ้นอย่างเบามือ
“ ข้อเท้าเจ้าบวมมาก ”
น้ำเสียงฟรานดูเป็นกังวลหลังจากตรวจดูโดยการคลำและปฐมพยาบาลขั้นต้นท่ามกลางความมืด
“ จะเป็นไรมากไหมอ่ะ ”
เลออนเนลจับแขนฟราน เขารู้สึกกลัวอยู่ไม่น้อย
“ ไม่น่าจะเป็นไรมาก แต่ก็ควรจะให้หมอตรวจโดยเร็วยิ่งดี ตอนนี้เจ้าไม่ควรขยับข้อเท้ามากไม่งั้นมันจะบวมมากขึ้น ”
“ มันไม่หักใช่ไหม ”
ฟรานขยับข้อเท้าเลออนเนลเบาๆ มีเสียงร้องโอ๊ยแผ่วเบาเหมือนรอดไรฟันออกมา
“ คิดว่าไม่ เจ้าปวดมากไหม ”
“ นิดหน่อย ”
เลออนเนลกำแขนฟรานแน่น กัดฟันพูด สีหน้าบิดเบี้ยว ฟรานวางข้อเท้าเลออนเนลอย่างเบามือ ก่อนจะนั่งลงข้างๆคู่หูจำเป็นหลังพิงผนังถ้ำ พลางเบือนหน้ามองออกไปนอกถ้ำ
สัตว์ร้ายตัวใหญ่ยักษ์นั่นมันอะไรกัน แถมยังมีโครงกระดูกพวกนั้นอีก ไหนบอกว่าจะไม่ส่งมาในที่ที่อันตราย นี่มันอันตรายถึงชีวิตชัดๆ
ชิ ฝีมือเจ้านั่นแน่ ถ้าต้องการจะฆ่าข้า ก็ส่งข้ามาคนเดียว ไม่เห็นต้องให้คนอื่นติดร่างแหไปด้วย
หรือว่า...กลัวจะไม่เนียน กลัวคนอื่นจะรู้ เฮอะ
ถึงแม้ฟรานจะไม่ค่อยถูกกับเลออนเนล แต่เขาก็ไม่ต้องการให้ใครมาเดือดร้อนเพราะเขา แถมในใจลึกๆก็ห่วงเพื่อนร่วมห้องคนนี้โดยไม่รู้ตัว
“ เราควรจะรีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ”
“ จะไปยังไง ข้างนอกก็มีกองทัพโครงกระดูกแถมยังมีสัตว์ร้ายอีก ”
ฟรานถอนใจยาว ศีรษะพิงกำแพง สายตาเหม่อมองไปไกล คิดหาหนทางรอดไม่ออก
บึ้ม!
เกิดเสียงคล้ายเสียงระเบิดพร้อมแสงสว่างวาบด้านนอกถ้ำ ฟรานลุกพรวดวิ่งออกไปดู ดวงไฟสีแดงดวงเล็กๆกำลังร่วงหล่นจากฟากฟ้า
พลุสัญญาณ!
ฟรานยืนมองนิ่งอึ้งจนกระทั่งท้องฟ้ากลับสู่ความมืดมิดอีกครา ในใจรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก
“ แว้กกก!!! ”
เสียงอันคุ้นเคยดังลั่นเข้ามาใกล้พร้อมกับร่างเงาดำกลิ้งไถลมาหยุดอยู่ข้างๆฟราน เด็กหนุ่มชักดาบออกมาตามสัญชาตญาณที่รับรู้ได้ถึงอันตราย
“ เลออนเนล นั่นเจ้าใช่ไหม ”
ฟรานถามยืนยันให้แน่ใจ พลางกวาดตามองเหมือนเหยื่อระวังศัตรู
“ เออ รีบหนีเร็ว! ”
ฟรานก้มลงพยุงเลออนเนลลุกขึ้นมาแต่สายตายังคงจับจ้องมองหาผู้มาเยือนอย่างประสงค์ร้าย
“ เกิดอะไรขึ้น ”
เกิดเสียงโลหะกระทบกันแทนคำตอบ ฟรานดึงเลออนเนลไปไว้ข้างหลังพ้นรัศมีคมดาบได้ทันก่อนที่มันจะผ่าร่างเลออนเนลออกเป็นสองซีก
ฟรานดันดาบฝ่ายตรงข้ามกลับไปพลันเบิกตาโตตื่นตะลึงกับสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า โครงกระดูกเรืองแสงสีขาวนวลนับสิบๆตัวกำลังย่างสามขุมเข้ามาหาพวกเขาอย่างช้าๆ และมีอีกหลายสิบตัวกระโดดลงมาจากหน้าผาตามลงมาติดๆ ดวงตาสีแดงเพลิงในเบ้าตากลวงโบ๋ของพวกมันลุกโชนอย่างน่าสะพรึงกลัว
ฟรานข่มความกลัวกำดาบแน่นก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีโครงกระดูกสามตัวที่วิ่งเข้ามา ทั้งสามถูกคมดาบสีเงินฟันจนชิ้นส่วนแตกกระจาย โครงกระดูกสี่ห้าตัวที่อยู่ถัดมาต่างพากันกรูเข้าใส่ฟราน การโจมตีของพวกมันยังช้ากว่าฟรานอยู่หลายก้าวทำให้เขาสามารถกำจัดพวกมันเหลือแต่ชิ้นส่วนกระดูกกองอยู่ที่พื้นในเวลาไม่นาน ทว่า ชิ้นส่วนกระดูกเหล่านั้นกลับวิ่งมาต่อติดกันเป็นโครงกระดูกเหมือนเดิมในเวลาอันรวดเร็ว!
เด็กหนุ่มถึงกับผงะตื่นตะลึงในความสามารถที่ฆ่าไม่ตายของพวกมัน โครงกระดูกพวกนั้นแสยะยิ้มอย่างน่าสยดสยองก่อนจะวิ่งกรูเข้าใส่พวกเขาโอบล้อมเอาไว้ทุกทิศทุกทาง ฟรานฉุดเลออนเนลที่นั่งจุมปุ้กลุกขึ้นและถอยไปจนสุดขอบผา พวกมันหยุดวิ่งแล้วค่อยๆย่างสามขุมบีบวงล้อมกรอบเข้ามาใกล้มากขึ้นอย่างช้าๆ เหมือนนักล่าที่กำลังเล่นกับเหยื่อที่ไม่มีทางหนีรอดอย่างสนุกสนานก่อนที่จะถูกกิน
จะตีฝ่าวงล้อมไปก็ไม่ได้ ฆ่าก็ไม่ตายอีก แถมพวกมันมีอาวุธครบมือกันทุกตัว ถ้างั้นก็เหลือทางเดียว.....
ฟรานเหลือบมองไปด้านหลังที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดและสายหมอกอันหนาทึบจนไม่อาจมองเห็นสิ่งใด
“ เลออนเนลกอดข้าแน่นๆ ”
“ อะไรนะ! ”
เลออนเนลร้องเสียงหลงสีหน้าตกใจแต่พอเหลือบไปเห็นฝูงโครงกระดูกที่กำลังใกล้เข้ามา มือทั้งสองรีบกอดฟรานแน่นจนตัวแนบชิดติดกันหน้าซบกับอกโดยไม่ต้องให้บอกย้ำ แขนเรียวบางของฟรานโอบรอบเอวเลออนเนลแน่น เขาสูดหายใจลึกก่อนกระโจนโดดลงจากหน้าผาทิ้งตัวลงสู่ความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด
โครงกระดูกพวกนั้นพากันวิ่งกรูและกระโดดตามลงไปติดๆ พร้อมกับคำรามบวกแสยะยิ้มสุดสยดสยอง
แย่แล้ว!
...........................................................................................................................
ความคิดเห็น