คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : คู่หูจำเป็น
หนึ่งเดือนผ่านไปการเรียนในวิชาต่างๆเริ่มหนักหน่วงขึ้น การบ้านก็พอกพูนขึ้นจนทำกันแทบไม่ทัน บางครั้งถึงขั้นอดหลับอดนอนเพื่อปั่นให้เสร็จทันส่ง นักเรียนทุกคนต่างโอดครวญเป็นเสียงเดียวถึงความหฤโหดของแต่ละวิชา บางคนถึงขนาดหมดเรี่ยวหมดแรงแทบล้มประดาตาย
วันนี้คงเป็นวันที่หนักที่สุดหรืออาจจะแย่ที่สุดของนักเรียนหอตะวันออกและหอตะวันตกผู้โชคร้ายที่จู่ๆก็ต้องสอบเก็บคะแนนครั้งแรกของการเปิดภาคเรียนแรกแบบไม่ทันตั้งตัวหรือแม้แต่จะเตรียมตัวเตรียมใจ มันคงจะไม่เครียดหรือรู้สึกกดดันจนเหมือนจะเป็นบ้าหากวิชาที่จะสอบนั้นไม่ใช่วิชาที่นักเรียนทุกคนในโรงเรียนต่างพากันเกลียคขี้หน้าและหวาดกลัวอาจารย์ผู้สอนมากที่สุด แถมยังขึ้นชื่อว่าโหดหินที่สุด ยากที่สุด ทำนักเรียนน้ำตาตกไม่ผ่านมาแล้วเกินครึ่งชั้นปีในทุกๆปี
ฟรานนั่งแหม่ะกับพื้นเอาหน้าฟุบโต๊ะทำท่าทางหมดอาลัยตายอยากเหมือนกำลังรอขึ้นแดนประหาร เลออนเนลก็มีอาการเช่นเดียวกัน เขานั่งนิ่งคอตกหน้าจ๋อยเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง ส่วนเซฮันริวยิ่งไม่ต้องพูดถึงไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก็ไม่สามารถทำให้หมอนั่นเปลี่ยนสีหน้าได้ เจ้าปีศาจจอมเย็นชานั่งอ่านหนังสือบนโซฟาที่อยู่มุมสุดของห้องนั่งเล่น ยังดีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามประตูไม่ได้อยู่ตรงกลางหรือใกล้ประตู ไม่งั้นคงไม่มีใครกล้าเดินผ่านหรือเฉียดเข้ามาในห้องนั่งเล่น แต่นั่นก็ทำให้ที่ตรงนั้นไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้เลยสักคนนอกจากเพื่อนร่วมห้องทั้งสาม บรรยากาศโดยรอบยังคงไว้ซึ่งความอึมครึมเหมือนเดิม
เจ้าบ้านี่จะไม่ทำให้บรรยากาศมันน่าอึดอัด วังเวง ชวนขนลุกสักวันจะได้ไหม ไม่มีใครกล้าเข้ามานั่งใกล้ๆ แถมยังถูกมองด้วยสายตาแปลกๆอีก
จริงๆเล๊ย เจ้าพวกนั้นก็น่าจะชินได้แล้ว ทีข้ายังชินเลย
ฟรานเหล่มองเซฮันริวและเพื่อนร่วมหอถอนใจยาว และหันไปเหลือบมองเฟรริลที่กำลังอ่านหนังสืออย่างมีความสุขดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรกับการสอบสุดหฤโหดที่จะมีขึ้นในตอนเย็น หลังจากวันนั้นเฟรริลไม่ได้พูดถึงสีตาของฟรานอีก แต่กลายเป็นว่าเฟรริลตามติดเขาทุกฝีก้าวแบบไม่ยอมให้คลาดสายตาเหมือนกลัวว่าเขาจะหายไป จะว่าไปมันก็ดีอยู่หรอกที่เฟรริลจะได้อยู่ในสายตาเขาตลอดเช่นกัน แต่มันก็น่าอึดอัดไปหน่อยขนาดอาบน้ำเฟรริลยังตามไปด้วย แม้แต่จะไปเข้าห้องน้ำดีนะที่ฟรานห้ามไว้ไม่งั้นคงได้ตามไปยืนเฝ้าหน้าห้องน้ำได้กลายเป็นที่โจษจันเอาไปเม้าส์กันเล่นสนุกอีก แค่นี้ก็ถูกพวกหออื่นเอาไปคุยกันสนุกปากว่าเขาเป็นแฟนกับเฟรริลกันหมดแล้ว เฟรริลดูไม่ทุกข์ร้อนเท่าไหร่ออกจะสนุกซะด้วยซ้ำ แต่ฟรานน่ะไม่ กว่าเขาจะแก้ความเข้าใจผิดนี้ได้ก็ปาไปตั้งเกือบครึ่งเดือน
แบบนี้มันก็ดีอยู่หรอก แต่มันก็แปลกๆ ที่เฟรริลจู่ๆก็มาทำตัวติดหนึบกับข้า
ฟรานถอนใจยาวอีกรอบ ถึงจะสงสัยไปก็เท่านั้นเพราะตัวเขาเองไม่กล้าถามอาจเป็นเพราะกลัวคำตอบที่จะได้รับ
“ จะถึงเวลาสอบแล้ว ไปกันเถอะ ”
เฟรริลดูนาฬิกาบนผนังขณะเอาหนังสือไปเก็บบนชั้น เสียงทอดถอนใจยาวสองเสียงดังขึ้นพร้อมกันสอดรับเป็นจังหวะเดียว ฟรานทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ไม่อยากไปสอบ ที่สำคัญไม่อยากเจอหน้าคนที่คิดจะฆ่าตัวเองโดยไม่มีเหตุผลบ่อยๆนักหรอก ถึงมันจะเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเจอหนึ่งวันในหนึ่งอาทิตย์ แต่วันนี้เล่นเจอตั้งแต่เช้าจรดเย็นอาจจะถึงมืดดึกดื่นเลยด้วยซ้ำ ยิ่งเป็นตอนกลางคืนยิ่งทำอะไรได้ง่ายไม่มีใครสังเกตเห็น หมอนั่นอาจลงมือสังหารเขาอีกเมื่อไหร่ก็ได้ จนถึงตอนนี้ฟรานยังไม่รู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมคาลเลสเตอร์ถึงคิดที่จะสังหารเขา อีกอย่างเขาก็ไม่มีเวลาไปสืบด้วยเหตุเพราะเฟรริลเล่นเกาะติดหนึบเขาเกือบจะตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงบวกกับภารกิจที่ต้องคอยคุ้มครองเฟรริล ฟรานทอดถอนใจทำหน้าสุดเซ็ง นั่งแบะไม่ยอมขยับ
เฟรริลเรียกพวกเขาอีกครั้ง ทั้งเลออนเนลและฟรานก็ยังไม่ยอมขยับจนกระทั่งเซฮันริวส่งสายตาเยียบเย็นพร้อมจิตสังหาร เท่านั้นแหล่ะเจ้าสองตัวรีบลุกขึ้นโดยฉับพลันพร้อมกับขนลุกเกรียวทั่วทั้งตัวก่อนจะรีบวิ่งแจ้นออกจากห้อง เซฮันริวเหยียดยิ้มเย็นอย่างพึงพอใจก่อนจะเดินตามไล่หลังเฟรริลที่วิ่งออกไปพร้อมกับเจ้าสองคนนั่นและร้องเรียกให้รอเขาด้วย
สถานที่ที่คาลเรสเตอร์นัดสอบคือบริเวณชายป่าด้านทิศตกตะวันตกของโรงเรียน นักเรียนหอตะวันออกและหอตะวันตกส่วนใหญ่มาถึงจนเกือบครบ ฟรานเดินรั้งท้ายเอาผ้าพันคอคลุมศีรษะและเก็บรวบผมไว้ใต้ผ้าจนมิด ก่อนจะออกจากตัวอาคารซึ่งบัดนี้บรรยากาศโดยรอบถูกความมืดโรยตัวเข้าปกคลุม ดวงจันทร์กลมโตลอยเด่นอยู่กลางนภาไร้ซึ่งเมฆหมอกมาบดบัง
“ ทำไมเจ้าต้องเอาผ้าคลุมหัว ”
ฟรานเดินมาด้านข้างเลออนเนลในสภาพคลุมหัวเหมือนไอ้โม่ง เลออนเนลชักสีหน้าสงสัยระคนแปลกใจอดถามไม่ได้ พาลทำให้เพื่อนอีกสองคนหันไปมองด้วยความสนใจ
“ ข้ากลัวน้ำค้างหยดลงบนหัวแล้วไม่สบาย ”
เอาผ้าคลุมหัวมันแปลกเรอะไง
ฟรานกระชับผ้าพันคอที่ทำท่าจะเผยอเมื่อถูกลมพัด พลางเหลือบมองระวังไม่ให้เส้นผมหลุดออกมานอกผ้าแล้วไปจ๊ะเอ๋กับแสงจันทร์จนเป็นเหตุทำให้ตัวตนที่แท้จริงของเขาถูกเปิดเผย
“ เจ้ามันขี้โรครึไง ”
เลออนเนลก็ยังไม่วายค่อนขอดฟรานต่อ คนถูกพูดถึงเหล่มองด้วยหางตา
“ ประมาณนั้น ”
ฟรานตอบตัดบทสั้นๆไม่อยากให้สาวความต่อจึงปล่อยเลยตามเลยให้คิดแบบนั้น เลออนเนลมองเขาสีหน้าบ่งบอกว่าประหลาดใจที่ฟรานกลับไม่ตอบโต้หรือทำหน้าไม่พอใจเวลาที่ถูกพูดแขวะ ถ้าเป็นปกติหมอนั่นจะสวนกลับทันควัน พอเป็นแบบนี้เลออนเนลไม่รู้จะแขวะยังไงต่อเลยเลิกสนใจ หันไปชวนเฟรริลคุยแทน
ทั้งสี่คนเดินมาสมทบกับพวกนักเรียนที่มายืนรออยู่ก่อนพอดีกับที่คาลเรสเตอร์มาถึง ฟรานจ้องเขม็งมือซ้ายกระชับดาบมั่นระวังตัวพร้อมรับการจู่โจมที่ไม่คาดฝันและอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เพราะทุกครั้งที่ผ่านมาฟรานมักจะถูกเรียกให้ไปเป็นคู่มือทำท่าการต่อสู้ให้นักเรียนในชั้นเรียนดูเป็นตัวอย่าง มันควรจะเป็นแค่การทำท่าทาง แต่กลับกลายเป็นการสู้จริงแถมเต็มกำลังจนเขาบาดเจ็บได้แผลมาทุกครั้ง แม้แต่ตอนซ้อมยังสามารถหาเรื่องมาเป็นคู่ซ้อมให้แถมยังลอบทำร้ายเขาจนทั่วตัวมีแต่รอยเขียวช้ำโดยที่ไม่มีใครเห็น การกระทำแบบนั้นถือว่าเจตนาจะทำร้ายกันชัดๆ แต่ทำไมถึงไม่มีใครผิดสังเกต กลับคิดไปว่าเขาทำอะไรให้คาลเรสเตอร์ไม่พอใจเลยถูกเพ่งเล็ง ที่หนักกว่านั้นคือดันมีคนอุตริคิดว่าเขาเป็นศิษย์สุดที่รักเลยถูกเรียกออกไปบ่อยๆ
“ เงียบ ”
เสียงคำรามทรงพลังดังสะท้อนก้องทั่วทั้งบริเวณ นักเรียนทุกคนหุบปากสนิทยืดตัวตรงหันไปทางคาลเรสเตอร์โดยอัตโนมัติ ดวงตาสีเขียวเข้มอันคมปลาบไล่มองแต่ละคนและมาหยุดที่ฟราน เขาหรี่ตาลงฉายแววเจตนาร้าย ฟรานสะดุ้งเฮือกแต่ก็มองกลับไปอย่างไม่เกรงกลัว
“ การสอบครั้งนี้ เป็นการสอบวัดกำลัง สติปัญญา และไหวพริบของพวกเจ้าในการเอาตัวรอดจากป่าหมอกสีเงิน ”
“ ป่าหมอกสีเงิน! ”
เสียงฮือฮาดังระงม บางคนมีสีหน้าแตกตื่น บางคนถึงกับหน้าซีด เด็กสาวบางคนหน้าตาบิดเบี้ยวเหมือนจะร้องไห้ ฟรานงงกับท่าทางของเพื่อนร่วมชั้นแค่ได้ยินคำว่า ‘ ป่าหมอกสีเงิน ’ มันสามารถทำให้ตื่นตระหนกได้ถึงขนาดนี้?
“ ป่าหมอกสีเงินมันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ? ”
เฟรริลกอดอกคิ้วมุ่นแววตาครุ่นคิด เขาถอนใจยาวก่อนจะหันมาตอบ
“ ไม่ใช่แค่น่ากลัวอย่างเดียวแต่ยังอันตรายมาก เป็นเขตหวงห้ามไม่อนุญาตให้นักเรียนเข้าไปโดยเด็ดขาด ในนั้นเต็มไปด้วยสัตว์ดุร้าย และสิ่งเร้นลับมากมายที่ไม่มีใครรู้ เคยมีเรื่องเล่าว่ามีนักเรียนปีหนึ่งคนนึงอยากลองดีแอบลอบเข้าไปในป่าหมอกสีเงินแล้วไม่ได้กลับออกมาอีก ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่มีคนได้ยินเสียงร้องอย่างโหยหวนสะท้อนก้องทั้งป่า พวกอาจารย์จัดทีมค้นหาอยู่หนึ่งอาทิตย์ไม่มีวี่แววว่าจะเจอแม้แต่เศษเสี้ยวของเสื้อผ้าจึงจำต้องถอดใจและยุติการค้นหา สุดท้ายเลยได้แต่สรุปว่าเด็กนักเรียนคนนั้นคงถูกสัตว์ร้ายกินไปแล้ว ”
ฟรานทำหน้าสยอง เริ่มกลัวขึ้นมา
“ เห? เจ้ากลัวเหรอ ”
เลออนเนลยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แขวะอีกรอบ ฟรานหันขวับ จ้องเลออนเนลเขม็ง แหวใส่อารมณ์กรุ่นๆ
“ ไม่ได้กลัวเฟ้ย ”
“ เงียบ! ”
เสียงนกกระจอกแตกรังเงียบสนิท สายตาอันคมกริบกวาดมองนักเรียนแต่ละคนที่พร้อมใจกันปิดปากสนิทก้มหน้าก้มตา บางคนพยายามทำตัวลีบเล็กหวังไม่เป็นจุดสนใจ ดูจากสีหน้าของคาลเลสเตอร์ตอนนี้บ่งบอกว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขากระแอมเสียงดังเหมือนเสียงคำรามหนึ่งทีพาลทำให้นักเรียนเกือบทั้งหมดสะดุ้งอย่างหวาดกลัวก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดุดันน่าเกรงขาม
“ การทดสอบนี้คะแนนเต็มร้อยคะแนน ใครทำไม่สำเร็จถือว่าไม่ผ่านและจะไม่ได้คะแนนแม้แต่คะแนนเดียว ”
โหดเกินไปแล้ว!
นักเรียนทุกคนพร้อมใจกันบ่นพึมในใจเป็นเสียงเดียว
“ จะแบ่งออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 2 คนโดยการจับฉลาก ใครจับได้หมายเลขเหมือนกับใครก็ต้องคู่กับคนนั้น ห้ามเปลี่ยนกับคนอื่นโดยเด็ดขาด เข้าใจไหม ”
“ ครับ/ค่ะ ”
นักเรียนทุกคนขานรับพร้อมกันเสียงดังฟังชัดผิดกับสีหน้าที่ดูหวาดกลัวจนเหมือนจะร้องไห้
“ การสอบครั้งนี้ง่ายๆไม่มีอะไรมาก ข้าจะส่งพวกเจ้าไปปล่อยไว้กลางป่า แต่จะไปโผล่ตรงไหนนั้นขึ้นกับดวงของพวกเจ้า แน่นอนว่าแต่ละกลุ่มจะโผล่ในที่ที่ไม่ซ้ำกัน จงหาทางออกจากป่าหมอกสีเงินและกลับมาที่จุดนี้ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น กลุ่มไหนกลับออกมาไม่ทันถือว่าไม่ผ่านและจะไม่มีการสอบแก้ตัว เข้าใจไหม ”
“ ครับ/ค่ะ ”
นักเรียนแต่ละคนหน้าถอดสี มีเสียงพึมพำดังขึ้นบ้างก็ว่า ‘ ตายแน่ๆ ’ ‘ ข้ายังไม่อยากตาย ’ ‘ ปีศาจชัดๆ ’ ‘ ที่นั่นเป็นเขตหวงห้ามไม่ให้นักเรียนเข้าไปนี่ ’ ‘ ที่อันตรายแบบนั้น ข้าไม่อยากเข้าไป ฮือๆ ’
แต่ถึงอย่างนั้นกลับไม่มีใครกล้าทักท้วงหรือแม้แต่จะสบตา
แค่หาทางออกจากป่า มันก็หมูสำหรับข้าสิ อิอิ
ฟรานแอบกระหยิ่มยิ้มย่องหัวเราะในใจ ป่าสำหรับเขาแล้วก็เหมือนสนามหลังบ้าน ฟรานใช้ชีวิตอยู่ในป่ากับลุงตั้งแต่แบเบาะ หลับตาเดินก็ยังสามารถหาทางออกได้สบายๆ เอ่อ...แต่ฟรานคงลืมไปว่าเขาน่ะเป็นประเภทหลงทางขั้นเซียน มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนออกไปทำภารกิจไล่จับนกหงส์หยกที่หลุดออกจากกรง ลุงจินให้ฟรานไปหาด้านทิศตะวันตกของป่า และกลับมาพบกันจุดเดิมก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ปรากฏว่าฟรานดันเดินไปทิศตะวันออกแล้วหลงทางอยู่ในป่าจนกระทั่งมืด จากภารกิจที่ต้องตามหานกหงษ์หยกกลายเป็นต้องตามหาหลานชายสุดที่เลิฟนักหลงทางอันดับหนึ่งแทน
อึก...ลืมไป ในนั้นยังมีสัตว์ดุร้ายอีกนี่หว่า แต่ถ้าเป็นแค่สัตว์ร้ายธรรมดาก็คงดีไป ถ้าขืนเป็นพวกแปลกพิสดารหรือร้ายกาจขนาดมังกร ข้าคง..... เอาเป็นว่าโกยแน่บหนีให้ทันเอาไว้ก่อน
ฟรานหน้าสลดที่เกือบลืมเรื่องสำคัญ
“ อาจารย์ครับ ป่าหมอกสีเงินได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ที่อันตรายมากและเป็นเขตหวงห้ามไม่ให้นักเรียนเข้าไปเด็ดขาด แล้วทำไมถึงจะทำการทดสอบพวกเราที่นั่นครับ ”
นักเรียนทุกคนหันไปมองเด็กหนุ่มผมทอง ดวงตาสีฟ้าใสของเขาฉายแววเด็ดเดี่ยว น้ำเสียงที่ถามออกไปมั่นคงชัดเจนไม่มีอาการหวาดกลัวแม้แต่น้อย
“ เจ้าชายเฟรริล ข้าได้รับอนุญาตจากท่านอาจารย์ใหญ่ให้ใช้ที่นั่นเป็นสถานที่สอบพวกเจ้าได้ และมีอาจารย์ท่านอื่นมาคอยดูแลพวกเจ้าซึ่งประจำอยู่ทั่วทั้งบริเวณที่ใช้เป็นสถานที่สอบ ข้าใช้แค่ส่วนหนึ่งของป่าไม่ได้ใช้ทั้งหมด ข้ารับรองได้ว่าที่ที่ข้าเลือกปลอดภัยจากพวกสัตว์ร้ายที่นักเรียนอย่างพวกเจ้าไม่มีทางต่อกรได้ ”
คาลเรสเตอร์หรี่ตาลง น้ำเสียงที่ใช้ทุ้มต่ำเยือกเย็นชวนให้น่ากลัว ดวงตาสองคู่สบประสานกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“ เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณครับ ”
เฟรริลโค้งศีรษะเล็กน้อย คาลเรสเตอร์ค้อมรับเช่นกัน และหันไปพูดกับนักเรียนด้วยเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้คนฟังถึงกับขวัญผวา
“ เข้าแถวจับฉลาก ”
นักเรียนหลายสิบชีวิตวิ่งกรูไปกระจุกต่อเป็นแถวยาวภายในชั่วอึดใจ การจับฉลากเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว บางคนออกอาการดีใจที่ได้คู่ที่อยู่หอเดียวกัน บางคนถึงกับหน้าม่อยที่ต้องจับคู่กับเพื่อนต่างหอ บางคนถึงขั้นเซ็งที่ดันได้คู่อริเป็นเพื่อนร่วมทีม
“ ฟราน เจ้าได้เบอร์อะไร ”
“ ข้าได้ยี่สิบ เจ้าล่ะ ”
เฟรริลคลี่กระดาษม้วนเล็กๆออกสีหน้าผิดหวังไม่น้อย น้ำเสียงเศร้านิดๆ
“ สิบสี่ ”
เด็กหนุ่มมองฟรานอย่างเสียดาย ดวงตาคู่นั้นยังเต็มไปด้วยความห่วงใยที่มีให้ฟรานเสมอ เฟรริลอยากไปกับฟรานทุกที่ไม่อยากให้เขาคลาดสายตา เขากลัวว่าถ้าปล่อยให้คลาดไปอาจจะไม่ได้เจอกันอีก หรืออาจเป็นเพราะกลัวการสูญเสียอีกครั้ง?
“ เจ้าได้สิบสี่เหรอ? ”
เด็กหนุ่มผมน้ำตาลเทาร่างสูงโปร่งที่อยู่หอเดียวกับพวกเขาเดินเข้ามาทักเมื่อเห็นหมายเลขในมือเฟรริล
“ เจ้าก็ได้สิบสี่เหรอ? ”
“ อื้อ ถูกต้องแว้วคร้าบ ”
“ เจ้าเรนโชคดีเป็นบ้าที่ได้เจ้าชายเป็นเพื่อนร่วมทีม ”
เด็กสาวเพื่อนร่วมหออดอิจฉาเด็กหนุ่มเล็กๆไม่ได้
“ อิจฉาใช่ไหมเล่า ฮ่าฮ่าฮ่า ”
เรนเอามือโอบไหล่เฟรริลยิ่งสร้างความอิจฉาให้เด็กสาวกลุ่มนั้นมากขึ้น เฟรริลยิ้มแห้งอย่างเคอะเขิน
“ เฟรริล ข้าไปหาคู่ของข้าก่อนนะ ”
“ เดี๋ยว! ฟราน ”
เฟรริลผละจากคนกลุ่มนั้นซึ่งเรนกำลังถูกกลุ่มเด็กสาวไล่ทุบตีด้วยความหมั่นไส้ วิ่งเข้าไปจับมือฟรานรั้งเขาไว้
“ ข้าจะไปกับเจ้า ”
“ อะ..อืม ”
ฟรานตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆเฟรริลพุ่งตัวเข้ามาหาเขาพร้อมกับใบหน้าและน้ำเสียงที่ดูตื่นๆ
“ คือ...เอ่อ...ข้าอยากคู่กับเจ้า ”
เฟรริลพูดซะเบาจนฟรานต้องเอียงหูฟัง เด็กหนุ่มเลิ่กคิ้ว ตาโต เหมือนเพิ่งนึกออกว่าลืมอะไรไป
แย่ล่ะ ข้าได้คนละเบอร์กับเฟรริล ก็ต้องแยกกับเฟรริล แล้ว...ข้าจะปกป้องเฟรริลได้ยังไง!
“ ก็ดีเหมือนกัน ข้าก็อยากจะคู่กับเจ้า ”
เฟรริลยิ้มดีใจกุมมือฟรานแน่น และยกขึ้นมาแนบกับแก้มขาวนวลท่าทางเหมือนเด็กๆ ฟรานลอบถอนใจอย่างโล่งอก การที่เฟรริลติดหนึบเขามันก็เป็นผลดีต่อภารกิจอยู่หรอกที่เฟรริลจะได้อยู่ในสายตาตลอดเวลา แต่...มันก็น่าสงสัยว่าทำไม?
“ งั้น...เจ้าก็ต้องแอบเปลี่ยนเบอร์กับคู่ข้า หรือไม่ข้าก็ต้องแอบเปลี่ยนเบอร์กับคู่เจ้า ”
“ นั่นสิ ”
เฟรริลคิดตาม ถ้าจะทำก็ต้องทำอย่างแนบเนียนไม่ให้อาจารย์จอมโหดจับได้
“ ไม่ได้! ”
ทั้งสองสะดุ้งโหยงหันกลับไปอย่างหวาดๆ คาลเรสเตอร์จ้องพวกเขาสีหน้าดุดันแววตาไม่พอใจ
“ ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าได้เบอร์อะไรให้คู่กับคนที่มีเลขเดียวกันห้ามเปลี่ยนกับคนอื่นโดยเด็ดขาด ”
คาลเลสเตอร์ย้ำคำสุดท้ายเสียงเหี้ยมชัดถ้อยชัดคำ
“ ขอโทษครับ ”
ฟรานและเฟรริลตอบเสียงอ่อย ฟรานก้มหน้างุดไม่กล้าสบตารู้ตัวว่าผิด ส่วนเฟรริลก้มหน้าเล็กน้อยยอมรับว่าผิดจริง
“ เจ้าชายกลับไปหาคู่ของท่าน ส่วนเจ้าก็ไปหาคู่ของเจ้าซะ ”
คาลเลสเตอร์พูดกับเฟรริลด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ยังคงไว้ซึ่งความดุดันน่าเกรงขาม ซึ่งต่างจากฟรานที่ใช้น้ำเสียงเหี้ยมเชิงข่มขู่ปนความโกรธขึงที่พยายามระงับไว้ยามเมื่อเจอศัตรูคู่อาฆาตที่ต้องกำจัดให้สิ้น
“ ครับ ”
ทั้งสองตอบรับก่อนที่เฟรริลจะแยกจากไปโดยดี แต่ไม่วายที่จะหันมามองอย่างเป็นห่วง เหมือนกลัวว่าฟรานจะหายไป
“ ไม่มีใครปกป้องเจ้าได้อีก เตรียมตัวตายซะ เจ้าตัวหายนะ ”
คาลเรสเตอร์เดินเข้าไปใกล้ กระซิบข้างหูฟรานเสียงเย็นเยียบ และบีบไหล่เขาอย่างแรงจนฟรานรู้สึกเจ็บสีหน้าบิดเบี้ยว เขาขบฟันแน่นไม่ยอมให้เสียงร้องหลุดรอดออกมา คาลเรสเตอร์มองด้วยสายตาอาฆาตก่อนจะผละจากไป ฟรานเซถลาแต่ยังพอทรงตัวได้ เขาแทบทรุดลงกับพื้นด้วยความเจ็บ มันเจ็บร้าวไปถึงกระดูก ตอนแรกเขาคิดว่ากระดูกคงหัก น้ำหนักที่บีบไหล่เขาเหมือนเอาหินก้อนโตๆมากดทับ
บ้าชะมัด ในป่ามืดๆแบบนี้ข้าก็ถูกเจ้านั่นโจมตีได้ง่ายน่ะสิ ใครจะยอมให้ฆ่ากันง่ายๆโดยไม่มีเหตุผลกัน
ชิ! แล้วข้าก็ไม่ได้เป็นตัวหายนะด้วย
ฟรานเม้มปากกำหมัดแน่นสะกดอารมณ์โกรธที่กำลังเดือดปุดๆ ทำไมเขาต้องถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวหายนะโดยไม่มีเหตุผล แล้วทำไมเขาต้องถูกฆ่าทั้งๆที่ไม่เคยไปสร้างความแค้นอะไรให้และไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แล้วทำไม?
หรือว่า...จะเกี่ยวกับอดีตของข้า?
จู่ๆฟรานก็นึกถึงเรื่องนั้น
มันไม่น่าจะเป็นไปได้ ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าเป็นลูกใคร หรือว่าหมอนั่นจะรู้ว่าข้าเป็นใคร?
ฟรานขบคิดสีหน้าเคร่งเครียดจมดิ่งอยู่ในความนึกคิด โดยลืมไปว่าเขาต้องไปหาเพื่อนร่วมกลุ่มที่จะมาเป็นคู่หูร่วมหัวจมท้ายไปกับการสอบสุดหฤโหด
หรือว่า...ข้าเป็นตัวหายนะจริงๆเลยถูกทิ้ง แล้วมันไปเกี่ยวกับเจ้ามนุษย์นั่นยังไง ก็ข้าเป็นออร์แลนไทด์ โอ๊ยย!!! ยิ่งคิดยิ่งมึน สับสนไปหมดแล้ว ไม่เห็นมันจะเกี่ยวกันสักนิด โอย ปวดหัว
ฟรานโวยวายในใจในเมื่อคิดอะไรไม่ออก ก็เลิกคิดมันไปดื้อๆ แล้วออกตามหาคนที่มีหมายเลขเดียวกับเขาต่อ
“ เจ้าบ้าขี้เซา ”
คนที่ไม่อยากเจอมากที่สุดดันโผล่มาตอนที่ฟรานอารมณ์กำลังกรุ่นๆ เขาหันขวับสวนกลับในทันที
“ ข้าชื่อฟราน ไม่ได้ชื่อขี้เซา เจ้าลิงบ้า ”
“ ใครเป็นเจ้าลิงบ้า ห๊ะ! ”
เลออนเนลเถียงกลับ
“ เจ้านั่นแหล่ะ ”
“ ข้าไม่ได้เป็น ”
“ เจ้านั่นแหล่ะ ”
ฟรานไม่ยอมแพ้เถียงเสียงดัง
“ จะเถียงกันอีกนานไหม ”
ทั้งสองสะดุ้งเฮือก เสียงเยียบเย็นอันคุ้นหูดังขึ้นข้างหลังพวกเขา ฟรานและเลออนเนลค่อยๆหันไปช้าๆ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใคร
“ ว่าไง ”
เพื่อนร่วมห้องจอมเย็นชาผู้มีเรือนผมสีดำสนิทเจ้าของดวงตาสีม่วงอมเงิน ยืนกอดอกจ้องพวกเขาเขม็ง พร้อมกับแผ่จิตสังหารพาลทำให้บรรยากาศรอบๆอึมครึมในฉับพลัน ฟรานและเลออนเนลกลืนน้ำลายเอื๊อก สั่นหัวดิก พลางกอดกันกลมตัวสั่นระริกด้วยความกลัว
“ มะ...ไม่แล้วคร้าบ ”
สองเด็กน้อยผู้ถูกคุณชายปีศาจขู่ร้องเสียงหลงประสานขึ้นพร้อมกัน
“ พวกเจ้าหาเพื่อนร่วมกลุ่มเจอแล้วเรอะ ถึงได้มายืนเถียงกันยิ่งกว่าเด็กแบบนี้ ”
“ เอ่อ...คือ... ”
“ ยัง ”
เซฮันริวตอบแทนน้ำเสียงชวนเขย่าประสาทพลางจ้องเขม็ง ทั้งสองพยักหน้าหงึกก้มหน้างุด
“ พวกเจ้าได้เลขอะไร ”
เด็กน้อยทั้งสองคลี่ม้วนกระดาษเล็กๆยื่นให้คุณชายจอมปีศาจดู พวกเขายังคงก้มหน้าไม่ยอมสบตาด้วย
ยี่สิบ
“ พวกเจ้าทั้งสองอยู่กลุ่มเดียวกัน แล้วทำไมถึงบอกว่ายังไม่เจอ ”
“ อะไรนะ! ”
เลออนเนลและฟรานดูกระดาษฉลากในมือ ทั้งสองตาโต รู้ถึงชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น พวกเขาถอนใจทำหน้าเซ็งสุดชีวิตที่ต้องอยู่กลุ่มเดียวกับคนที่ไม่ถูกชะตา
“ ทำไมเจ้าถึงได้เบอร์เดียวกับข้า ”
“ บ้ารึเปล่า ข้าจับก่อนเจ้า เจ้านั่นแหล่ะทำไมถึงได้เบอร์เดียวกับข้า ”
ฟรานเถียงกลับ เขาเองก็ไม่อยากอยู่กลุ่มเดียวกับคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้านักหรอก ตอนแรกอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว พอเป็นแบบนี้พาลทำให้หงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ถ้าจอมโหดคาลเรสเตอร์ไม่จับได้ซะก่อน ป่านนี้เขาคงได้อยู่กลุ่มเดียวกับเฟรริลสบายใจไปแล้ว
“ เจอคู่กันครบทุกคนแล้วใช่ไหม ”
“ ครับ/ค่ะ ”
ฟรานหน้าหงิกหัวเสียที่ต้องมาอยู่กลุ่มเดียวกับคนที่เขาไม่ชอบ เลออนเนลดูท่าทางออกอาการไม่ต่างกัน
“ พวกเจ้าจะได้พลุสัญญาณกลุ่มละหนึ่งแท่ง ใช้มันเมื่อเจออันตรายถึงชีวิตเท่านั้น อาจารย์ที่อยู่ใกล้ที่สุดจะเข้าไปช่วยพวกเจ้าทันที”
“ แต่ในกรณีนี้จะถือว่าพวกเจ้าไม่สามารถทำการสอบต่อได้ และจะถูกตัดสินให้ไม่ผ่านทันที ฉะนั้น จงใช้เมื่อจำเป็น เข้าใจไหม ”
“ ครับ/ค่ะ ”
นักเรียนแต่ละคนหน้าม่อย สีหน้าบิดเบี้ยวอยากจะร้องไห้
โหดเป็นบ้า ถ้าไม่ถึงตายห้ามใช้ พอใช้ก็จะไม่ผ่านทันที เท่ากับว่าต่อให้เจอกับอันตรายถึงชีวิตก็ห้ามใช้ ต้องหนีเอาตัวรอดให้ได้ลูกเดียว
นักเรียนทุกคนต่างบ่นระงม
“ อีกอย่าง กลุ่มไหนที่กลับออกมาแค่คนเดียว ถือว่าทั้งกลุ่มไม่ผ่าน ”
เสียงพึมพำดังขึ้นอีกระลอก ฟรานหน้าซีดดันได้คู่ที่ต่างก็เกลียดขี้หน้ากัน เรื่องที่จะร่วมมือฝ่าฟันการสอบสุดหฤโหดไปด้วยกันคงเป็นไปได้ยาก ทุกวันนี้ก็ปะทะคารมสามเวลาหลังอาหาร วันไหนที่เลออนเนลไม่ได้หาเรื่องฟรานวันนั้นคงนอนไม่หลับ ฟรานถอนใจยาวเซ็งสุดๆ มองเห็นทางข้างหน้ามีแต่ความมืดมนไร้ซึ่งแสงสว่าง
สอบครั้งแรกมีแววว่าจะไม่ผ่านซะแล้ว เฮ้อ
ฟรานคอตกยอมรับชะตากรรมที่กำลังจะมาเยือน พลางเหลือบมองเลออนเนลที่มีอาการไม่ต่างจากเขา
“ ขอให้โชคดี ”
สิ้นเสียงคาลเรสเตอร์พลันปรากฏวงแหวนเวทใต้ฝ่าเท้านักเรียนทุกกลุ่ม และ...
...........................................................................................................................................
ความคิดเห็น