ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Santazia

    ลำดับตอนที่ #1 : เด็กชายผู้มีดวงตาสีชมพู

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ค. 54




                 ต้นฤดูใบไม้ผลิสายลมอ่อนพัดพาลมหนาวที่ยังหลงเหลืออยู่กระจายไปทั่วทุกแดน ถึงแม้พระอาทิตย์จะส่องแสงเจิดจ้า แต่อากาศกลับเย็นสบายจนน่านอนกลางวันสักงีบ บวกกับเสียงนกร้องยิ่งขับกล่อมชวนให้เคลิ้มหลับใหลจนไม่อยากตื่นไปถึงเย็น

                    เด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนต้นไม้ก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบวันที่อากาศกำลังสบายแบบนี้  เขามักมางีบหลับกลางวันบนต้นไม้เป็นประจำหลังข้าวเที่ยง ก่อนจะไปฝึกซ้อมดาบต่อในช่วงบ่ายกับลุงของเขา

                    วิชาดาบป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบมากที่สุดแต่ก็ชอบรองลงมาจากลุงจิน ผู้ซึ่งเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่ยังแบเบาะ ลุงจินรักและเอ็นดูเขาเหมือนกับเป็นลูกแท้ๆ ตัวเขาเองก็รักและเคารพลุงจินเหมือนพ่อแท้ๆเช่นกัน พ่อแม่ที่แท้จริงเป็นใครนั้นลุงจินไม่เคยบอกเขาเรื่องนี้ และตัวเขาเองไม่คิดที่จะถามเช่นกัน ในเมื่อตอนนี้เขาอยู่กับลุงจินก็มีความสุขดีอยู่แล้ว เรื่องอื่นก็คงไม่จำเป็น(มั้ง!) ไม่แน่สักวันเขาคงจะถามแต่ไม่ใช่ตอนนี้หรอก!

                    นอกจากวิชาดาบที่เขาชื่นชอบและถนัดมากที่สุดแล้ว ก็คงไม่มีเรื่องไหนที่เขาถนัดอีก ทำอาหารไม่เป็น หลงทิศหลงทางประจำ ซื่อๆจนเกือบจะซื่อบื้อด้วยซ้ำ ยิ่งเรื่องเวทมนตร์ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไม่เอาอ่าวเลย ไม่สิ! ต้องเรียกว่า ห่วยขั้นเทพ ถึงจะถูก! ไม่ว่าจะพยายามเรียนแค่ไหนก็ทำได้แค่เสกลูกไฟได้เท่าหัวแม่มือ อ้อ! แต่มีเวทบทหนึ่งที่ถูกลุงจินเคี่ยวเข็ญไม่ว่ายังไงก็ต้องใช้ให้ได้ เขาฝึกเวทบทนี้เกือบสิบปีกว่าจะใช้ได้และคงสภาพเอาไว้ได้นาน เด็กหนุ่มตั้งชื่อเล่นมันว่า เวททรมานทรกรรม ( เพราะถูกบังคับให้เรียนให้สำเร็จ ) ซึ่งชื่อจริงๆของเวทบทนี้คือ เวทแปลงกาย

                    เขาใช้เวลาสิบปีในการเรียนเวทบทนี้เพียงเพื่อเปลี่ยนสีตาเท่านั้น! ซึ่งนั่นก็ถือว่าเยี่ยมยอดแล้วสำหรับคนที่ไม่ถนัดเวทอย่างเขา เขาใช้เวทบทนี้  เพื่อปกปิดสีตาที่แท้จริงจากคนภายนอก เพราะมันคือจุดเด่นที่จะยืนยันตัวตนที่แท้จริงของเขา ดวงตาสีชมพูสดใส งดงามดั่งอัญมณีน้ำงาม ลักษณะเฉพาะของชนเผ่าออร์แลนไทล์ ซึ่งมันก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ชนเผ่าออร์แลนไทล์ถูกมนุษย์ล่าจับตัวเอาไปขายเป็นของดูเล่นให้กับพวกเศรษฐีที่ชอบสะสมของแปลก


                    ดวงตาที่งดงามและสีที่ไม่เหมือนมนุษย์คงไม่ใช่เหตุผลเดียวที่พวกนั้นจะเสี่ยงชีวิตเข้าไปล่าออร์แลนไทล์ใจกลางป่าลึก ยังมีรูปลักษณ์อื่นที่เป็นสาเหตุให้พวกนักล่ายอมเสี่ยงถึงขั้นเอาชีวิตไปทิ้งหากโชคร้ายเจอเข้ากับออร์แลนไทล์ที่ไม่ได้อยู่เพียงลำพัง! หากสู้กันตัวต่อตัวรับรองว่าชาวออร์แลนไทล์เป็นฝ่ายชนะแน่! เพราะพวกเขามีพลังเวทที่แข็งแกร่งไม่เป็นรองใคร ฝีมือการใช้อาวุธก็ยอดเยี่ยมพอตัว แต่ถ้าหากโดนรุมก็ไม่แน่ว่าชาวออร์แลนไทล์จะเป็นฝ่ายได้ชัย!

                    เส้นผมสีทองเหลือบเงินที่อ่อนนุ่มดุจใยไหม ผิวที่ขาวราวหิมะ รูปร่างสูงเพรียวบาง ใบหน้าอันงดงามดั่งภาพวาดจนแยกไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชาย และอีกหนึ่งลักษณะเด่นที่ทำให้พวกออร์แลนไทล์มีค่าตัวสูงมาก มากซะจนทำให้กลายเป็นเศรษฐีเพียงชั่วข้ามคืนได้เลย  มันคือ เส้นผม! ยามเมื่อเส้นผมสีทองต้องแสงจันทรา เส้นผมสีทองเหลือบเงินจักแปรเปลี่ยนเป็นสีเงินดั่งแสงดาวกระจ่างฟ้า!

                    เหล่านี้คือลักษณะเด่นที่พวกเศรษฐีชอบสะสมของแปลกต่างหมายปองและจับจ้องเพื่อให้ได้มาครอบครองเป็นของตน ไม่ว่าต้องเสียเงินทองมากมายสักเพียงใด หรือต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม

                    นอกจากความงดงามแปลกตาที่ไม่เหมือนสิ่งมีชีวิตไหนบนโลกใบนี้แล้ว ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พวกเศรษฐีพวกนี้ต่างขวนขวายเพื่อให้ได้ครอบครองชาวออร์แลนไทล์สักคนหนึ่ง มันคือเวทรักษา!

                    ชนเผ่าออร์แลนไทล์มีความชำนาญทางด้านเวทรักษาเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าโรคภัยจะร้ายแรงแค่ไหนหรือบาดแผลจะสาหัสสักเพียงใด พวกเขาสามารถรักษาให้หายเป็นปกติเหมือนไม่เคยเป็นโรคหรือได้รับบาดเจ็บมาก่อน

                    นอกจากนี้ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับเลือดของชนเผ่าออร์แลนไทล์ว่ามันเป็นยาอายุวัฒนะ หากได้ดื่มเพียงอึกเดียวอายุจะยืนขึ้นอีกสิบปี ซึ่งมันจริงแท้แค่ไหนนั้นตอนนี้ยังคงไม่มีใครได้เคยลอง!

                    ปัจจุบันไม่พบแม้แต่เงาของชาวออร์แลนไทล์ให้เห็นในป่าอีกต่อไป ( ถึงแม้ปกติเปอร์เซ็นต์จะพบชาวออร์แลนไทล์เดินเล่นอยู่ตามป่าเขาจะน้อยก็เถอะ ) หรือแม้แต่ในตลาดกลางค้าทาสก็เช่นกัน แต่ความต้องการชาวออร์แลนไทล์ไว้เลี้ยงดูเล่นของพวกเศรษฐีว่างงานจัดกลับไม่ลดลงแม้แต่น้อย เลยยิ่งทำให้ราคาค่าตัวชาวออร์แลนไทล์พุ่งสูงขึ้นกว่าเมื่อก่อนในจำนวนตัวเลขที่น่าตกใจ! ถึงขนาดมีกินมีใช้ไปตลอดทั้งชาติแบบไม่อดตาย!


                    นอกจากเลี้ยงไว้ดูเล่นและเพื่อจุดประสงค์อื่นแล้ว ชาวออร์แลนไทล์ยังเป็นสิ่งบ่งบอกฐานะของคนที่ได้ครอบครองพวกเขาด้วย ว่าไม่ได้เป็นแค่เศรษฐีธรรมดาแต่เป็นถึงมหาเศรษฐีหรือไม่ก็อภิมหาเศรษฐี เนื่องด้วยราคาที่แพง แพงแบบชนิดที่ว่าเศรษฐีธรรมดาที่ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังแบบมีกินมีใช้ไปทั้งชาติก็ไม่หมดไม่อาจซื้อได้


                    ด้วยเหตุนี้ทำให้ชาวออร์แลนไทล์ลดจำนวนลงเป็นจำนวนมากจนเกือบสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ และหายสาบสูญไปเมื่อยี่สิบปีก่อน ไม่มีใครรู้สาเหตุที่แท้จริงว่าพวกเขาหายไปไหน มีแต่เพียงเสียงเล่าลือ บ้างก็ลือว่าพวกเขาถูกพวกมนุษย์ล่าจับเอาไปขายจนสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ บ้างก็เล่าว่าพวกเขาอพยพย้ายถิ่นไปยังดินแดนที่พวกมนุษย์ไม่มีวันย่างกรายเข้าไปถึง ดินแดนที่เป็นของชาวออร์แลนไทล์อย่างแท้จริง

                    “ ฟราน!

                    “ ว้ากกก!

                    เสียงของหนักๆหล่นกระแทกกิ่งไม้ ตามด้วยเสียงกิ่งไม้หักไม่ขาดสาย และ

                    ตุ้บ!

                    เสียงของหนักๆกระแทกพื้นดังขนาดที่ว่าทำเอานกที่เกาะต้นไม้ใกล้ๆแถวนั้นบินกระเจิดกระเจิงด้วยความตกใจ

                    โอย เจ็บๆๆๆๆๆ

                    ฟราน เด็กหนุ่มที่เพิ่งหล่นจากต้นไม้นั่งชันเข่ามือลูบหลังน้ำตาเล็ด ความเจ็บปวดแผ่ซ่านทั่วทุกรูขุมขนบนร่าง

                    “ เป็นอะไรมากไหม?

                    ลุงจินถามอาการหลานชายอย่างห่วงใย แต่ใบหน้ากลับอมยิ้มพยายามกลั้นหัวเราะ

                     “ พื้นน่ะ ”

                    ฟรานค้อนให้ลุงจินวงเบ้อเริ่ม ทำหน้างอนแก้มป่องอย่างกับเด็กๆ

                    “ โหย ไม่ห่วงหลานชายสุดที่เลิฟเลยนะคร้าบ เจ็บก้นระบมจนลุกไม่ขึ้นแล้วเนี่ย ”

                    ฟรานร้องอุทธรณ์อย่างเง้างอน ลุงจินมองสำรวจทั่วตัวหลานชายทำสีหน้าเหมือนเป็นห่วงแต่กลับอมยิ้มที่มุมปาก  เขาอดขำไม่ได้กับอาการงอนแบบเด็กๆของหลานชายทั้งๆที่อายุปาเข้าไปตั้ง 17 ปีแล้ว ลุงจินขยี้ศีรษะฟรานอย่างเอ็นดูก่อนจะส่งมือให้ฟรานจับและช่วยพยุงเขาลุกขึ้นมา

                    “ ห่วงก็ห่วงอยู่หรอก แต่ตกจากที่สูงไม่กี่เมตรแถมมีกิ่งไม้รองรับมาตลอดทาง เสียงตกกระแทกพื้นก็ไม่ได้ดังสักเท่าไหร่ เจ้าน่ะถึกออกจะตาย คงไม่น่าเจ็บมากหรอก พอนึกถึงท่าที่เจ้าตกลงมามันก็อดขำไม่ได้ ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นท่าตกต้นไม้ที่พิสดารน่าดู ฮ่าฮ่าฮ่า 

                    ลุงจินหัวเราะเสียงดังจนท้องแข็ง ฝ่ามือหนาใหญ่และแข็งกร้านขยี้ศีรษะฟรานอย่างเอ็นดูจนฟรานหน้าเกือบทิ่ม

                    ฟรานปัดมือลุงจินออก ส่งค้อนให้ลุงจินอีกวง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ

                    “ โห ลุงจินไม่ห่วงข้าจริงด้วยอ่ะ งอนแล้ว ”

                    ลุงจินเข้าล็อคคอฟราน ขยี้หัวเขาอย่างเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเจือเสียงหัวเราะ

                    “ ลุงล้อเล่นน่ะ แค่นี้ทำงอนเป็นเด็กไปได้ ฮ่าฮ่าฮ่า ”

                    ฟรานส่งค้อนให้อีกวง เขาเลิ่กคิ้วเหมือนนึกขึ้นได้ว่าลุงจินมาตามหาเขาด้วยเรื่องอะไรหรือว่า...

                    “ ถึงเวลาฝึกแล้วเหรอครับ ถึงมาเรียกข้าเนี่ย ”

                    ฟรานปัดเศษใบไม้ เศษดินที่ติดตามตัวและหัวออก อาการเจ็บแปลบที่ก้นเริ่มปวดระบมเป็นระยะ

                    “ ก็ไม่เชิง แต่มันมีภารกิจด่วนเข้ามาเลยต้องยกเลิกการฝึกช่วงบ่ายไปก่อน ”

                    “ ภารกิจอะไรครับ ”  

                    นานๆทีจะมีภารกิจระดับด่วนเข้ามาฟรานจึงสนใจเป็นพิเศษ

                    “ ภารกิจคุ้มครองเจ้าชายน่ะ ”

                    “ เจ้าชาย? นี่มันภารกิจระดับบิ๊กเลยไม่ใช่เหรอครับ ”

                    ฟรานแววตาเป็นประกาย ยิ้มดีใจอย่างที่สุด ภารกิจคุ้มครองคนระดับสำคัญจะได้ค่าว่าจ้างค่อนข้างสูง ยิ่งคนที่คุ้มครองมีตำแหน่งสูงหรือมีความสำคัญต่ออาณาจักรนั้นๆเท่าไหร่ ค่าว่าจ้างก็จะยิ่งสูงตามไปด้วย และแน่นอนความเสี่ยงถึงชีวิตย่อมตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่มันก็คุ้มค่าหากทำภารกิจสำเร็จ ค่าตอบแทนจำนวนมหาศาลและชื่อเสียงที่จะตามมา ไม่ว่านักรับจ้างคนไหนก็คงจะรีบตะครุบภารกิจแบบนี้เอาไว้ในมือให้ได้

                    “ ใช่ แต่กว่าจะรับภารกิจนี้ได้ต้องผ่านการทดสอบซะก่อน ”

                    “ อ้าว? ต้องทดสอบด้วยเหรอ ไม่ใช่ว่าลุงจินรับภารกิจนี้มาแล้วเหรอ ”

                    “ มันก็ไม่เชิงหรอก จะว่าไงดีล่ะ คือ...เจ้าของภารกิจนี้เขารับสมัครคนเพื่อทำภารกิจคุ้มครองเจ้าชายโดยมีเงื่อนไขว่าคนที่จะสามารถทำภารกิจนี้ได้จะต้องสามารถสอบเข้าโรงเรียนแซงเคอร์ให้ได้ซะก่อน ”

                   

                    “ ให้สอบเข้าแซงเคอร์เนี่ยนะ! โรงเรียนนั่นมีแต่พวกหัวกะทิทั้งนั้น ไอ้คนอย่างข้าที่วิชาเวทห่วยขั้นเทพแบบนี้ไม่มีทางเป็นไปได้เลยครับ เดี๋ยว! แล้วมันเกี่ยวอะไรกะการคุ้มครองเจ้าชายด้วยอ่ะ ”

                    ฟรานคิ้วมุ่นเข้าหากัน เขาไม่เข้าใจทำไมต้องตั้งเงื่อนไขแบบนั้นแล้วมันเกี่ยวอะไรกับการคุ้มครองเจ้าชาย

                    “ อ้าว? ลุงยังไม่ได้บอกหรอว่าเจ้าชายจะเข้าเรียนที่นั่น ”

                    “ ยังครับ! ลุงจินแค่บอกว่าเป็นภารกิจคุ้มครองเจ้าชาย กับเงื่อนไขบ้าๆที่ต้องสอบเข้าแซงเคอร์ให้ได้ถึงจะสามารถรับภารกิจนี้ได้ ”

                    ฟรานถอนหายใจเฮือกให้กับความขี้หลงขี้ลืมของลุงจิน ลุงจินยิ้มแห้งเกาหัวแก้ขัดเขิน ถึงแม้ลุงจินจะเป็นนักดาบรับจ้างฝีมือฉกาจหาตัวจับยาก แต่เรื่องขี้หลงขี้ลืมนี่ต้องยกนิ้วให้เลย ลุงจินกระแอมหนึ่งทีวางมาดใหม่ก่อนจะเล่ารายละเอียดต่อทำสีหน้าจริงจัง

                    “ ภารกิจนี้เป็นภารกิจคุ้มครองเจ้าชายขณะที่พระองค์กำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนแซงเคอร์ ”

                    “ เดี๋ยว! ก่อนหน้านี้ลุงบอกว่าเจ้าชายจะเข้าเรียนที่นั่น ก็แสดงว่าตอนนี้เจ้าชายยังไม่ได้เข้าเรียนแต่กำลังจะสอบเข้าใช่ไหม ”

                    “ ใช่ ”

                    “ แล้วทำไมถึงบอกว่าเป็นภารกิจคุ้มครองเจ้าชายขณะที่พระองค์กำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนล่ะ ก็ในเมื่อเจ้าชายยังไม่ได้สอบเข้าเลยแล้วรู้ได้ยังไงว่าเจ้าชายจะสอบติดน่ะ ”

                    “ เจ้าชายอัจฉริยะขนาดนั้นไม่ติดก็เวอร์ละ ”

                    “ เก่งขนาดนั้นเลยหรอ ”

                    “ ใช่ ”

                    “ ... ”

                    “ ทางฝ่ายหน่วยองครักษ์สืบรู้มาว่ามีคนคิดลอบปลงพระชนม์เจ้าชาย การจะส่งองครักษ์เข้าไปคุ้มกันเจ้าชายในโรงเรียนมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่เจ้าชายกลับปฏิเสธเพราะไม่อยากให้มันดูเอิกเกริกและไม่อยากทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน เจ้าชายอยากใช้ชีวิตในโรงเรียนแบบเด็กสามัญทั่วไป หัวหน้าหน่วยองครักษ์เลยคิดใช้วิธีให้ปลอมตัวเข้าไปคุ้มครองเจ้าชายอย่างลับๆ แต่ว่าเจ้าชายดันจำหน้าทหารองรักษ์ได้ทุกคนและที่สำคัญพวกเขาอายุเกินเกณฑ์ที่จะเข้าโรงเรียนแล้วด้วย ขืนปลอมตัวเข้าไปมีหวังเจ้าชายจับได้พอดี 

                    “ ก็เลยเปิดรับสมัครคนมารับทำภารกิจนี้แทน แน่นอนว่าคนคนนั้นจะต้องมีอายุพอๆกับเจ้าชาย และต้องสอบเข้าโรงเรียนแซงเคอร์ให้ได้ด้วย ถ้าทำได้ก็รับภารกิจนี้ไป เงื่อนไขง่ายๆแค่นี้เอง ”

              

                    “ ลุงคงไม่คิดสอบเข้าแซงเคอร์เองใช่ไหมครับ ถึงจะคิดยังงั้นแต่ลุงจินก็สอบไม่ได้อยู่ดีเพราะอายุเกินแล้ว เอ... ”

                    ลุงจินมองหลานชายสุดที่รักแววตาเป็นประกายแบบแอบแฝงความคาดหวังอะไรบางอย่าง ทำเอาฟรานขนลุก ไม่อยากจะคาดเดาความคิดของลุงจินเล๊ย ทุกครั้งที่ลุงทำสายตาแบบนี้งานมักเข้าฟรานเสมอ และงานแต่ละอย่างก็แทบจะเกินขีดความสามารถเขาซะทุกครั้ง งานนี้ก็คงเหมือนกัน หนีไม่พ้นอีกแล้วหรอเนี่ยเฮ้อ!

                    “ ลุงจินจะให้ผมสอบเข้าแซงเคอร์ใช่ไหมครับ ”

                    ฟรานถามทั้งๆที่คาดเดาคำตอบได้อยู่แล้วว่าลุงจินจะตอบว่ายังไง

                    “ ถูกต้องแล้วคร้าบ ลุงก็อยากจะเข้าสอบอยู่เหมือนกันล่ะน๊า แต่อายุมันดันเกินนี่สิ  

                    เกินมากด้วย

                    “ แต่ว่า...หลานน่ะ ”

                    ลุงจินลากเสียงยาวจับไหล่ทั้งสองข้างของฟรานแน่น ทำสีหน้าจริงจัง ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาสีชมพูของฟราน ฟรานกลืนน้ำลายเอื๊อกเหมือนรู้ชะตากรรมของตน ฟรานเบือนหน้าหลบสายตาที่จ้องมองของลุงจิน แต่ลุงจินดันจับหน้าเขาหันกลับมา พร้อมกับยิ้มหวานตาหยีให้เขา ฟรานได้แต่ยิ้มแห้งทำหน้าละเหี่ยถอนใจเฮือกยอมรับชะตากรรมอันมืดมนของตน

                    “ ปีนี้ฟรานก็อายุ 17 แล้วใช่ไหม ”

                    “ ครับ ”

                    เริ่มแล้วไง

                    “ มันก็ถึงวัยที่ต้องเข้าเรียนแล้วสินะ ”

                    “ เหรอครับ ”

                    งานเข้าข้าแน่ๆ

                    “ เจ้าก็พยายามสอบเข้าให้ได้ละกันถือซะว่าทำภารกิจไปด้วยเรียนไปด้วยในตัวเลย..ละกันนะ ”

                    ลุงจินตบไหล่เบาๆฝากความหวังเต็มที่ มั่นใจเต็มเปี่ยมว่าหลานสุดที่รักจะคว้าภารกิจนี้ไว้ในกำมือได้ แถมยังได้เรียนในโรงเรียนระดับชั้นแนวหน้าของโลกแบบฟรีไม่เสียตังค์สักกะแดงอีกต่างหากเพราะเจ้าของภารกิจนี้จะออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ฟรานหัวเราะหึหึ ไม่รู้จะทำหน้ายังไงได้แต่กระตุกยิ้มจำยอมรับชะตากรรมอันหฤโหดเบื้องหน้า

                    “ แซงเคอร์สอบเข้าไม่ยากหรอกง่ายจะตายไป สู้ๆนะหลานรัก ”

                    ลุงจินยิ้มกว้างตบไหล่ฟรานให้กำลังใจหลานสุดที่รัก ฟรานทำสีหน้าประมาณว่ามันง่ายตรงไหนเนี่ย แซงเคอร์ไม่ได้สอบเข้าง่ายๆ มีแต่พวกระดับหัวกะทิมาสอบทั้งนั้น เห็นทีภารกิจนี้อาจชวดแหะ

                    โอ้วววว เงินก้อนโตกำลังบินจากไป!!!

                    ฟรานคอตก มันไม่มีทางเป็นไปได้ที่เขาจะสอบเข้าแซงเคอร์ได้สักกะติ๊ด คนที่วิชาเวทห่วยบรมอย่างเขามีดีแค่ฝีมือดาบธรรมดา แล้วจะเอาความสามารถไหนไปสู้กะเขา ยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นแต่อนาคตที่มืดมน เงินก้อนโตกำลังจะบินจากเขาไปแล้วจริงๆ โฮๆๆๆ

                    “ หลานรัก ถ้าเจ้าคว้าภารกิจนี้มาได้ มันหมายถึงเงินก้อนโตกำลังรอเราอยู่เลยนะ ทีนี้พวกเราจะได้หลุดพ้นจากชีวิตอันอัตคัตนี่สักที ”

                    เพราะใครกันล่ะ! รับแต่ละภารกิจทีไม่ตามหาของหาย ก็คนหายหรือไม่ก็สัตว์เลี้ยงหาย เงินดีทั้งนั้น!

    เฮ้อ! นานๆทีถึงจะมีงานที่มันเข้าท่าหน่อย ล่าสุดเมื่อ 3 เดือนก่อนไปเป็นคนคุ้มกันให้กับกองคาราวานได้เงินดีอยู่แต่มันก็อยุ่ได้ไม่ถึงเดือน!

                    “ ได้กินอาหารดีๆไม่ต้องกินแต่ผักกับผลไม้ในป่าอีก ”

                    กินแต่ผักกับผลไม้ในป่ามานานจนชินละ นานน๊านนานทีถึงจะมีเนื้อตกถึงท้องบ้าง

                    “ ได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ ไม่ต้องทนใส่เสื้อผ้ามอซอแบบนี้อีกแล้วนา "

                    จะว่าไปเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ตอนนี้ก็เก่าซะจนเอาไปทำเป็นผ้าขี้ริ้วได้เลย แถมถูกคนรอบข้างมองเหยียดอีกต่างหาก เมื่อเดือนก่อนนั่งรอลุงจินอยู่ข้างทางมีคนโยนเหรียญมาให้ เจ้านั่นคิดว่าเขาเป็นขอทานรึไงนะ แค่ใส่เสื้อผ้าเก่าแค่นี้ หน้าตาข้าเหมือนขอทานตรงไหนกัน หน้าตาออกจะดูดีแถมเท่ห์ขนาดนี้ เจ้านั่นมีตาแต่ไร้แววจริงๆ ดันมองแต่เสื้อผ้า ไม่ยอมดูหน้าตาซะก่อน  ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นเว้ย! ถ้าข้ามีเงินสักก้อนจะแต่งตัวให้ดูดีเป็นเทพบุตรให้สาวๆหันมามองเป็นตาเดียวไปเลยคอยดูสิ!  เงินหรอ? จะว่าไปภารกิจตรงหน้ามันก็เงินก้อนโตซะด้วย!

                    “ ค่าตอบแทนมหาศาลขนาดนี้ ไม่มีมากันบ่อยๆนา ”

                    “ ... ”

                    “ พวกเรา ลุงหลานจะได้หลุดพ้นชีวิตขัดสนนี่สักที ”

                    ลุงจินทำสายตาวิบวับเว้าวอน กุมมือฟรานทำหน้าวิงวอนแบบสุดๆ ฟรานถอนใจเฮือกไม่ค่อยอยากจะรับปากเท่าไหร่ แต่ค่าตอบแทนที่จะได้นี่สิ มันช่างเย้ายวนเหลือเกิน มันจะทำให้ชีวิตพวกเขาสบายไปอีกหลายเดือน ฟรานพยักหน้าตกปากรับคำแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก

                    “ ก็ได้ครับ ข้าจะทำงานนี้ ”

                    “ เยี่ยม! ดีมากหลานรัก ลุงรักเจ้าที่สุดเลย ฮ่าฮ่าฮ่า ”

                    “ ว้ากกก! ปล่อยข้าน๊า ข้าไม่ใช่เด็กๆแล้วน๊า ”

                    ลุงจินกอดฟรานแน่น แถมยังหอมหลานรักอีกหลายฟอด ตบท้ายด้วยการขยี้หัวฟรานอย่างมั่นไส้แบบเอ็นดู

                    “ ข้าต้องทำงานนี้คนเดียวใช่ไหมอ่ะ ”

                    ฟรานจัดแต่งผมให้เป็นทรงหลังจากโดนลุงสุดที่รักขยี้ซะจนกลายเป็นรังนกกระจอกดีๆนี่เอง

                    “ ใช่ ”

                    “ งานนี้เป็นงานแรกที่ข้าต้องโชว์เดี่ยวเลยอ่ะ แล้วข้าจะทำได้ไหมเนี่ย ”

                    ฟรานไม่มั่นใจเพราะทุกครั้งที่ผ่านมาเขาจะเป็นแค่ลูกมือคอยช่วยลุงอยู่ตลอด ไม่เคยฉายเดี่ยวแบบนี้

                    “ มั่นใจหน่อย เจ้าต้องทำได้แน่เชื่อลุงสิ นึกเข้าไว้ เงินๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เป้าหมายของเราคือเงินค่าจ้างในครั้งนี้ ถ้าเรามีเป้าหมายแล้วล่ะก็ไม่ว่าเรื่องอะไรย่อมต้องทำได้สำเร็จแน่นอน ฮ่าฮ่าฮ่า ”

                    เกี่ยวกันไหมล่ะนั่น เฮ้อ!

                    “ แล้วกำหนดสอบวันไหนอ่ะ ”

                    “ มะรืนนี้ ”

                    “ ห๊ะ! มะรืนนี้ แซงเคอร์อยู่ถัดจากนี่ไปอีกสามเมืองใช้เวลาสามวันกว่าจะไปถึง แล้วเราจะไปทันเหรอคร้าบ ”

                    “ ทันสิ ก็ที่ข้ามาเรียกเจ้าก็จะให้ไปเตรียมตัวเก็บข้าวของเตรียมออกเดินทางเย็นนี้ไงเล่า 

                    “ เย็นนี้! ต่อให้เดินทางเย็นนี้กว่าจะถึงก็อีกสามวัน มันก็ไม่ทันอยู่ดี ”

                    “ เอาน่า ไปถึงทันแน่ ข้ามีวิธีก็แล้วกัน ”

                    ฟรานทำหน้าไม่อยากเชื่อ มองลุงจินสงสัยสุดๆ ต่อให้ใช้ม้าฝีเท้าเร็วขนาดไหนหรือเดินทางทั้งวันทั้งคืนแบบไม่หยุดพักมันก็ไม่ทันอยู่ดีเพราะอย่างเร็วสุดก็ใช้เวลาถึงสองวันเต็มกว่าจะไปถึง แล้วลุงจินจะใช้วิธีไหนกันแน่ ฟรานพยามยามถามอยู่หลายรอบ ลุงจินกลับอุบเงียบบอกว่าเดี๋ยวไม่ตื่นเต้นให้ไปลุ้นเองเมื่อไปถึงที่ เชอะ! ไม่บอกก็ไม่อยากรู้หรอก! แต่ถึงจะคิดยังงั้นฟรานก็พยายามหลอกถามอยู่หลายครั้งลุงจินก็ไม่เผลอหลุดบอกออกมาสักที ลุงจินนี่ปากแข็งสุดๆ!

                    “ ฟรานก่อนออกเดินทาง อย่าลืมใช้เวทเปลี่ยนสีตาให้เรียบร้อยซะล่ะ ” 

                    “ อ่อ ครับ ”

                    เวลาที่ฟรานหลับเขาจะคลายเวทเปลี่ยนสีตาออก เมื่อกี้ที่เขาถูกปลุกและไม่ได้เปลี่ยนสีตาเพราะรู้ว่าเป็นลุงจิน

                    “ จะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าเจ้าเป็นออร์แลนไทล์ ไม่งั้นเจ้าได้ถูกตามล่าไปชั่วชีวิตแน่ เจ้าพวกพ่อค้าพวกนั้นคงไม่คิดปล่อยให้ขุมสมบัติมหาศาลอย่างเจ้าหลุดรอดไปได้ ช่วง 20 ปีที่ผ่านมาไม่พบแม้แต่เงาออร์แลนไทล์เลยสักคน ยิ่งทำให้ราคาออร์แลนไทล์พุ่งสูงขึ้นจนไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นราคาได้ ”

                    “ ครับ ”

                    ฟรานรู้เรื่องนี้ดีอยู่แก่ใจ ถึงไม่บอกเขาก็ระวังตัวสุดๆอยู่แล้ว เพราะยังไม่อยากกลายเป็นของดูเล่นอยู่ในกรงของพวกเศรษฐีโรคจิตหรอก!

    ................................................................................................................................................................................................................












    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×