คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ลำดับตอนที่ 1
ตอนที่ 1
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นดึงความสนใจของหญิงสาวจากงานตรงหน้า ทำให้หญิงสาวต้องละจากงานเพื่อมาดูโทรศัพท์ว่าใครเป็นคนโทรมา พอเห็นชื่อที่หน้าจอโทรศัพท์ก็รู้ว่าต้องมีเรื่องร้อนใจมาอีกแน่
แพรพรรณคือชื่อที่หน้าจอเป็นที่สาวของหญิงสาวที่นามว่าแพรวาและสามารถทำให้เรื่องอะไรก็ตามที่เป็นเรื่องเล็กพี่สาวของเธอก็สามารถทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้นี้คือคำนิยามของพี่สาวที่แสนดีและน่ารักของเธอ
“ฮัลโหล....ว่าอย่างไรค่ะพี่พรรณ” หญิงสาวรับโทรศัพท์หลังจากมองที่หน้าจอมือถือที่แล้วรู้ว่าเป็นใคร
“แพรเธอต้องช่วยพี่นะ” เสียงร้อนรนของหญิงสาวดังมาพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้
“ใจเย็น ๆ ค่ะที่พรรณจะให้น้องช่วยอะไรค่ะ” หญิงสาวถามกับไป
“พ่อตากรนะซิ แอบมารับตากรที่โรงเรียน”
“ก็ไม่เห็นแปลกนี่ค่ะพ่อมารับลูกนะ”
“เธอก็รู้แพรพี่ไม่อยากให้คุณใหญ่มายุ่งกับลูกพี่...เดี๋ยวก็ติดนิสัยแย่ ๆ จากเขามาใช้”
“พี่พรรณค่ะอย่างไรเขาก็พ่อลูกกันนะค่ะ”
“พี่ไม่สนใจ
แพรเธอไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ พี่จะไปรับลูก” แพรแอบถอนหายใจ
“แต่พี่พรรณค่ะ”
“เธอไม่ต้องพูดอะไรทั้งนี้ล่ะ ...มาขับรถให้พี่หน่อย”
“ค่ะพี่พรรณเดี๋ยว แพรไปรับนะค่ะ” แพรจบการสนทนาแล้วรีบเก็บกระเป๋าเพื่อไปรับพี่สาวเพราะรู้นิสัยพี่สาวพี่ไม่รับออกจากที่ทำงานมีหวังโทรมาตามทุก 5 นาทีเป็นแน่
แพรวาหันกับมาก็ต้องประสานสายตา อยากรู้อยากเห็นของเพื่อนสาวที่เป็นทั้งเพื่อนและหุ้นส่วนของห้องเสื้อที่ทั้งสองลงขันทำกันมาตั้งแต่ช่วยกันออกแบบ ตัดเย็บและขายจนตอนนี้ถ้าเอ่ยชื่อ “P & T ดีไซน์”
เป็นที่รู้จักของสังคมโฮโซพอสมควรอาจจะด้วยบารมีของแพรพรรณก็ได้เพราะแพรพรรณเป็นอดีตสะใภ้ใหญ่ของตระกูลกิจเจริญไพศาลที่เป็นที่รู้จักในแวดวงสังคมโฮโซแถมตระกูลกิจเจริญไพศาลยังขึ้นอันดับมหาเศรษฐีต้น ๆ ในเมืองไทยด้วย
“ว่าไงจ๊ะ...แพรวาสุดสวยคราวนี้พี่พรรณมีเรื่องอะไรอีกล่ะ” ลูกตาลถามเพื่อนสาวหลังจากที่แพรวาวางโทรศัพท์
“เรื่องน้องกร...แพรไปก่อนนะแล้วจะกับมาเล่าให้ฟังแล้วกัน” พูดเสร็จก็รีบคว้ากระเป๋าออกไปเพราะกลัวเสียเวลา
ระหว่างขับรถแพรนึกถึงครอบครัวของ พี่พรรณที่การแต่งงานต้องล้มไม่เป็นท่าของพี่สาวเพราะความเจ้าชู้ของพี่เขย เธอไม่ค่อยจะรู้เรื่องเกี่ยวกับครอบครัวของพี่เขยมากนัก รู้แต่ว่าครอบครัวของพี่เขยเป็นครอบครัวของนักธุรกิจที่ทำธุรกิจหลายอย่างมาก
มีหุ้นส่วนในธุรกิจมากมายและรวยติดอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย แพรพรรณและแพรวาเป็นพี่น้องที่อายุห่างกันพอสมควร แพรพรรณอายุ 10 ขวบในขณะที่แพรวาเป็นเพิ่งเกิดด้วยอายุที่ห่างกัน แพรพรรณจึงเหมือนเป็นแม่คนที่สองของแพรวาก็ว่าได้
เพราะเมื่อแม่คลอดเธอออกมานั้นอายุมาแล้วร่างกายจึงไม่แข็งแรงพอแพรวาอายุได้ 2 ขวบแม่ก็เสียชีวิตแพรพรรณจึงรับหน้าที่ดูแลน้อง หลังจากนั้นไม่นาน พ่อก็แต่งงานกับแม่หม้ายลูกติด แพรพรรณและแพรวาจึงถูกละเลย
ทั้งสองคนจึงเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างเงียบๆ มีหน้าทีทำอะไรก็ทำกันไป แต่อยู่ในบ้านเดียวกันก็ต้องมีเรื่องให้ต้องทะเลาะกับลูกติดของแม่เลี้ยงอยู่ตลอดเวลา แพรพรรณกับแพรวาเพิ่งจะมาแยกกันก็ตอนที่แพรพรรณต้องเข้ามาเรียนที่กรุงเทพ
แพรพรรณเรียนไปด้วยทำงานงานส่งตัวเองและน้องเรียนหนังสือ แพรวาจึงรักพี่สาวตัวเองมากแต่ตอนที่แพรพรรณแต่งงานนั้น แพรวายังเรียนไม่จบ พี่สาวจึงเพียงแค่โทรมาบอกทางบ้านว่าจะแต่งงาน ส่วนพ่อก็ทิฐิถือว่าลูกไม่เชิญแค่โทรมาบอกล่าวเฉย ๆ
จึงมิได้ไปร่วมงานจึงทำให้เธอไม่ได้ไปร่วมงานด้วย อีกทั้งเมียใหม่ของพ่อก็ชังยุแยงจึงทำให้รอยร้าวระหว่างพ่อลูกยิ่งขยายใหญ่ขึ้นนานวันเข้าจึงมิสามารถต่อกันได้ติด เมื่อแพรวาเรียนจบโดยการส่งเสียของพี่สาว แพรพรรณจึงไปรับมาอยู่ด้วยและซื้อบ้านเดี่ยวหลังเล็กๆ
ให้เธออยู่สัปดาห์หนึ่งจะมาสักสามวันกลัวน้องสาวจะเหงาแต่ก็ไม่เคยพาเธอไปที่บ้านของพี่เขย ให้เหตุผลว่าไม่อยากให้เธอไปยุ่งกับครอบครัวของนั้น เธอจึงไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับครอบครัวพี่เขยมากนัก ชีวิตคู่ของพี่สาวเธอถือว่าสั้นมากไม่ถึง 2 ปีด้วยซ้ำไป
ถึงตอนแพรพรรณเลิกกัน แพรวาจึงรู้แค่ว่าพี่สาวกับพี่เขยมิสามารถไปด้วยกันได้ จึงตกลงหย่ากันแถมตอนที่เลิกแพรพรรณยังไม่ยอมบอกว่าตัวเองท้องเพราะกลัวว่าทางฝ่ายสามีจะไม่ยอมให้หย่า เมื่อหย่าแล้วพอฝ่ายนั้นรู้เรื่องก็ปล่อยให้เลยตามเลยโดยไม่สนใจว่าลูกจะเป็นอย่างไร
ตอนนี้เด็กชายสิทธิกรอายุ 4 ขวบแล้วทางฝ่ายปู่จะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้งไม่บ่อยนักแต่พ่อของน้องกรไม่เคยมาเลยพอกับมาโสดอีกครั้งก็ยิ่งทำตัวเพล์บอยมากขึ้นตามที่เธอได้ข่าวมา แพรวากดแตรรถเพื่อเรียกพี่สาวไม่ถึง 5 นาที
แพรพรรณก็เปิดประตูรั่วบ้านออกมาแล้วรีบขึ้นรถเพื่อจะไปโดยเร็ว
“ทำไม่ช้านักละแพร” แพรพรรณต่อว่าทันที เมื่อเข้ามานั่งในรถเสร็จ
“โธ่...พี่พรรณ ...แพรก็เร่งเต็มที่แล้วนะ” แพรวา โอดครวญทันทีเหมือนกัน
“ขับเร็วหน่อยแล้วกัน” แพรพรรณนั่งหน้าตูมหันหน้าออกไปนอกรถ ยุติการสนทนาทันที
รถขับเข้ามาในซอยของบ้านกิจเจริญไพศาล
“ไม่เห็นมีบ้านคนเลยพี่พรรณ”
“ตั้งแต่ปากซอยเข้ามาเป็นที่ดินของบ้านคุณใหญ่ทั้งนั้น...ตัวบ้านอยู่ข้างหน้านี่ล่ะ”
“โอ้โฮ้...” ทั้งที่รู้มาบ้างแพรวายังอดตกใจไม่ได้กับความหรูหราและใหญ่โตของบ้านกิจเจริญไพศาล
“รวยไปก็เท่านั้นละนะถ้าสันดานมันเลวเงินทองมันไม่ช่วยอะไรหรอกฉันจะบอกให้” แพรพรรณกล่าวด้วยเสียงที่ขมขื่น แพรวาได้แต่หันมามองหน้าพี่สาวของตัวเองอย่างเห็นใจเพราะที่พี่พรรณต้องเลิกกับสามีก็เพราะความเจ้าชู้ไม่เลือกหน้าของสามี
แพรพรรณอาจจะรู้มาบ้างว่าสามีเจ้าชู้แต่ที่รับไม่ได้ก็คือจับได้ว่าสามีพาคนใช้มานอนในห้องนอนบนเตียงของตัวเองจึงทำให้ความอดทนสิ้นสุดลงจึงต้องหย่ากันในที่สุดแต่แพรพรรณก็ได้เงินมาก้อนใหญ่จากการหย่ากันครั้งนี้
แถมทางบ้านกิจเจริญไพศาลยังส่งเสียเงินรายเดือนให้เป็นค่าใช้จ่ายหลานชายคนเดียวของตระกูลอีกด้วยเพราะฉะนั้นถึงแพรพรรณจะไม่ทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็สามารถอยู่ได้อย่างสบาย ๆ โดยไม่เดือดร้อน
“พี่พรรณค่ะแพรว่าอย่างไรเขาก็พ่อลูกกันเราคงจะห้ามไม่ให้เขามาพบกันไม่ได้หรอกค่ะ”
“พี่ไม่ได้ห้ามแต่น่าจะบอกกันบ้างซิว่าจะมารับไม่ใช่ทำแบบนี้...พี่ใจหายหมด”
“นั้นไง...บ้านหลังสุดท้ายนั้นล่ะ” แพรพรรณพูดไม่เกินจริงเลย สำหรับบ้านของอดีตพี่เขยหลังใหญ่จนไม่น่าจะเรียกว่าบ้าน ต้องเรียกว่าคฤหาสน์ ถึงจะเหมาะกว่า
แพรวาบีบแตรรถก็มีคนมาเปิดประตูออกมามองพอเห็นหน้าแพรพรรณก็รีบเปิดประตูให้เข้ามาทันที
“คุณใหญ่อยู่มั้ย” แพรพรรณถาม
“อยู่ครับวันนี้อยู่กับครบเลย...เชิญคุณพรรณครับ”
“ขอบใจ” แพรพรรณกล่าว แล้วหันมาสบสายตากับน้องสาว
“มีอะไรยายแพรไม่ต้องกลัวน่า”
“ไปกันเถอะ” แพรพรรณช่วยพร้อมกับเปิดประตูก้าวออกไปก่อน แพรวาเดินตามพร้อมคิดในใจถ้าได้เล่นซ่อนหาสงสัยหากันตายเลยบ้านหลังนี้ เมื่อก้าวเข้ามาในห้องรับแขกสิ่งแรกที่แพรวาสัมผัสได้คือความเงียบสงบจนเกินไปของห้องรับแขก
ทั้งที่จริงแล้วมีบุคคลทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักนั่งกันอยู่ในห้องรับแขกเต็มไปหมด
“คุณแม่
น้าแพร” สิทธิกรเหลือบมาเห็นแม่และน้าสาวจึงตะโกนเรียกพร้อมทั้งวิ่งเข้ามาหา
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ” แพรพรรณยกมือไหว้ประมุขของบ้านที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงกลางห้อง แพรวายกมือไหว้โดยอัตโนมัติ
“นั่งลงซิแม่พรรณ....ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” แพรพรรณทรุดตัวลงนั่งพร้อมแพรวา
“พรรณไม่ค่อยว่างนะค่ะ ที่มานี้ก็จะมารับตากรกลับบ้านเห็นว่ามานานแล้ว” แพรพรรณกล่าวตอบด้วยเสียงที่เย็น
“ถ้าคุณพ่อคิดถึงหลานน่าจะโทรบอกพรรณนะค่ะ...พรรณจะพาหลานมากราบ พรรณตกใจมากเลยที่ไปรับลูกที่โรงเรียนแล้วครูบอกว่ามีคนมารับกลับไปแล้วนี่พรรณก็ต่อว่าทางโรงเรียนนะค่ะที่ปล่อยเด็กมาง่ายๆ แบบนี้”
“นี่ ๆ มันจะมากไปแล้วนะ พรรณ ผมเป็นพ่อไปรับลูก ไม่ใช่คนอื่น” สุรศักดิ์ หรืออดีตสามีของแพรพรรณขัดขึ้นมาก่อนที่แพรพรรณจะกล่าวจบ
“ฉันไม่ได้พูดกับคุณน่ะ...คุณใหญ่” แพรพรรณกล่าวตอบไปด้วยเสียงที่แข็งพอกัน
“เอาล่ะพอทั้ง 2 คน
พ่อผิดเองที่ให้ตาใหญ่ไปรับหลานโดยไม่โทรบอกเธอ” นายสุรชัยประมุขของบ้าน กิจเจริญไพศาลกล่าวห้ามก่อนที่จะเถียงกันไปใหญ่โตมากกว่านี้
“แม่พรรณก็อย่าโมโหใช้แต่อารมณ์ให้มากนักเลยพ่อขอร้อง”
“นั่นซิ...เรื่องแค่นี้ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้” เสียงมาจากผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างประมุขของบ้านเป็นคนพูดออกมา แพรพรรณเปรยตามอง
“ค่ะพรรณชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่แค่ไปรับลูกแล้วครูบอกว่ามีคนมารับไปแล้วแค่นั้นเองไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยค่ะ”
“พี่พรรณค่ะพอเถอะค่ะ” แพรพรรณหันมามองน้องสาวแล้วจึงกล่าวแนะนำ
“อ้อ...พรรณลืมแนะนำนี่ยายแพรน้องของพรรณค่ะ แพรกราบคุณพ่อก่อนนะจ๊ะ”
“แล้วนี่คุณใหญ่, คุณเล็ก , คุณนิด , คุณน้อย “ แพรวายกมือไหว้ตามลำดับที่พี่สาวแนะนำ
“อ้อเนี่ยหรือจ๊ะน้องสาวเคยได้ยินแต่ซื่อเพิ่งเจอตัวจริงน่าตาน่ารักนะคุณพรรณ” คุณนิดกล่าวพร้อมเสียงหัวเราะแหลมที่ฟังดูไม่ค่อยเข้าหูสักเท่าใดนัก
“ค่ะเพราะอย่างนี่ล่ะค่ะพรรณเลยกลัวไม่ค่อยอยากจะพามาที่นี้ไงค่ะ...น้องสาวพรรณยิ่งอ่อนต่อโลกอยู่ด้วย”
“พูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไรพรรณ” สุรศักดิ์พูดขึ้นมาด้วยเสียงที่โมโห
“แล้วแต่จะคิดแล้วกันนะค่ะ”
“ยิ่งแก่ยิ่งพูดไม่รู้เรื่องนะเธอน่ะ” เสียงคุณใหญ่อย่างไม่เกรงใจใคร
“พอกันทีทั้งสองคน” เสียงประมุขของบ้านดังขัดขึ้นมาก่อนที่เรื่องราวจะลุกลามไปใหญ่โต แพรวารีบจับมือพี่สาวอย่างเตือนสติไว้ก่อน ที่เรื่องราวจะบานปลายมากไปกว่านี้ เธอมาบ้านนี่ครั้งแรกแล้วยังเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก
พลันหญิงสาวก็รู้สึกมีสายตาของใครคนหนึ่งกำลังมองเธออยู่หันหลังกลับไปมอง จึงประสานกับสายตาคู่หนึ่งซึ่งมองมาที่เธอนี้ขนาดยังเห็นไม่ค่อยชัดเธอยังทำรู้สึกเอาเธอหนาว ๆ ร้อนๆ กับสายตาคู่นั้น เสียงคุณสุรชัยเรียกสติของหญิงสาวกับมา
“มาแล้วหรือตารอง” เสียงประมุขของบ้านกล่าวทัก
“สวัสดีค่ะคุณรอง
แพรนี่คุณรอง” แพรวายกมือไหว้โดยไม่กล้าประสานสายตาด้วยคนอะไรก็ไม่รู้ทำไม่ตาถึงดุอย่างนี้นะ ทำเอาเราหายใจไม่ทั่วท้องเลย ชายหนุ่มที่มาใหม่ยกมือขึ้นรับไหว้สายตาไม่ได้หันมองไปทางอื่นเลย
นอกจากหน้ารูปไข่ตากลมโตปลายจมูกงอนงามรับกับปากรูปกระจับของหญิงสาวแล้ว เขาบอกกับตัวเองได้เลยว่าทรงผมยาวสลวยเป็นมันเงางามรับกับรูปหน้าสวยมันชั่งดึงดูดสายตาเขานัก สาว ๆ ในวงสังคมต่างรู้กันดีว่าถ้าอยากให้เป็นที่สะดุดสายตาของนายสุรสีห์
กิจเจริญไพศาลแล้วละก็ผมต้องดำยาวสลวยจะเรียกร้องความสนใจจากเขาได้ชะงักนัก
“เอาล่ะไหน ๆ ก็มากันพร้อมแล้ว แม่พรรณหนูด้วยอยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนน่ะ” โดยไม่ฟังคำตอบประมุขของบ้านหันไปพยักหน้ากับคุณน้อยแล้วเข็นเก้าอี้นำไปก่อน โดยไม่สนใจใครในห้องอีกทุกคนในห้องเดินตามกันออกไป
“ไปๆ ทานข้าวกันตารองทำงานมาเหนื่อย ๆ “ คุณนิดเดินตามไป โดยไม่หันไปมองสองสาวที่อยู่ในห้องเลย
“เชิญเลยครับ คุณพรรณ คุณแพร “ คุณเล็กเป็นคนสุดท้ายที่อยู่ในห้องจึงรับหน้าที่เชิญสองสาวตามเข้าไปในห้องอาหาร
เมื่อเดินเข้าไปถึงทุกคนนั่งกันเรียบร้อยหมดแล้วคุณเล็กรับหน้าที่เลื่อนเก้าอี้ให้สาว ๆ ทุกคนนั่งทานข้าวกันเงียบ ๆ ชวนให้น่าอึดอัดนักในความรู้สึกของแพรวา
“น้องสาวทำการงานอะไรล่ะแม่พรรณ” คุณสุรชัยเอ่ยปากถามทำลายความเงียบภายในห้องอาหาร
“น้องสาวพรรณเป็นเจ้าของห้องเสื้อนะค่ะ” แพรพรรณกล่าวยังไม่ทันจบก็มีเสียงหัวเราะแหลมขัดขึ้นมาก่อน
“รับจ้างตัดเสื้อ” สุชาดาพูดแทรกขึ้นมา แพรวาเหลือบตาขึ้นมาจึงได้ทันได้เห็นรอยยิ้มที่มุมปากของของชายหนุ่ม ถึงแม้จะแค่นิดเดียวแต่เธอก็สาบานได้ว่าได้เห็นชายหนุ่มยิ้มแน่นอน สร้างความโมโหให้กับเธอเป็นอย่างมากถึงเธอจะเป็นแค่เจ้าของห้องเสื้อ
แต่ก็ใช่ว่าใครจะมีสิทธิ์มาหัวเราะเยาะเธอกันนะ เธอจึงตอบกลับไปว่า
“ค่ะรับจ้างตัดเสื้อ ถ้าคุณนิดอยากจะลองตัดเสื้อกับแพรก็เชิญน่ะค่ะร้านของแพรยินดีต้อนรับ” หญิงสาวกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“คุณนิดคงจะหาไม่ยากหรอกค่ะก็ร้านของแพรเขาค่อนข้างจะมีชื่อเสียง ก็ร้าน “P & T ดีไซน์” น่ะค่ะคิดว่าคุณนิดคงเคยได้ยินชื่อมาบ้างน่ะค่ะ” แพรพรรณกล่าวพร้อมเสียงหัวเราะ แพรวารู้สึกได้ทันทีว่าตอนที่พี่สาวอยู่ที่นี้คงอยู่แบบต้องใช้ความพยายามอดทนอดกลั้น
ต่อสิ่งรอบข้างอย่างมากมายเพียงใด ฟังดูก็รู้ว่าสำหรับคุณนิดแล้วพี่สาวเธอไม่เป็นที่ต้อนรับของที่นี้เท่าใดนัก ในที่สุดเวลาแห่งความอึดอัดของแพรวาก็จบลงเสียที่ เมื่อได้เวลากลับแพรพรรณจึงให้ลูกชายไปลาคุณปู่
“กรกลับก่อนน่ะครับคุณปู่” สิทธิกรกล่าวลาพร้อมยกมือไหว้ลาทุกคน
“แล้วมาเยี่ยมปู่อีกน่ะตากร” คุณสุรชัยคว้าหลานเข้ามากอดด้วยความคิดถึง
“ต้องถามคุณแม่กับน้าแพรก่อนครับ” สิทธิกรกล่าวยอย่างไร้เดียงสา
“แล้วพรรณจะพามาน่ะค่ะคุณพ่อ
กราบคุณปู่ก่อนน้องกร” แพรพรรณหันไปพูดกับลูกชาย
“พรรณกลับน่ะค่ะคุณพ่อ...สวัสดีค่ะ” พรรณยกมือไหว้พร้อมแพรวาแล้วหันหลังกลับ
ถึงแม้แพรวาจะไม่ได้หันไปมองก็รู้สึกได้ว่าทุกคนยังคงมองมาที่พวกเธอทั้ง 3 คนตอนเดินมาที่รถ
“ตารอง...ตามพ่อเข้ามาที่ห้องทำงานด้วยนะ” คุณสุรชัยกล่าวเมื่อเห็นท้ายรถของอดีตลูกสะใภ้พ้นบริเวณบ้านไปแล้ว
“ครับ...คุณพ่อ” ชายหนุ่มเดินตามหลังประมุขของบ้านกิจเจริญไพศาลเข้าไป
“เป็นอย่างไรบ้าง” หลังจากปิดประตูลงเรียบร้อยแล้วคุณสุรชัยหันมาถามลูกชายคนรองของตระกูล
“งานวันนี้ไม่มีปัญหาครับ
”
“พ่อไม่ได้ถามถึงงาน...พ่อถามถึงยายหนูแพรวา” คุณสุรชัยขัดขึ้นมาก่อนที่ลูกชายจะกล่าวจบ
“ว่าไงน่ะครับ” ชายหนุ่มหันถามกลับด้วยความแปลกใจ
“ก็พ่อเห็นแกมองยายหนูนั้น...อย่ามาปฏิเสธ พ่อเห็นสายตาแกอย่านึกว่าคนแก่รู้ไม่ทันไอ้เสือ” เมื่อคุณสุรชัยกล่าวจบเรียกรอยยิ้มบนหน้าของชายหนุ่มทันที
“โธ่....คุณพ่อครับไม่มีอะไร” ลูกชายโอดครวญ น้อยคนนักที่จะได้ยินน้ำเสียงอย่างนี้ของลูกชายคนรองของบ้านกิจเจริญไพศาล
“ฉันคงเชื่อถ้าฉันไม่ใช่พ่อแก” ผู้อาบน้ำร้อนมาก่อนดักคอ
“เอาเป็นว่าผมรู้สึกสะดุดตากับเขาก็เท่านั้น”
“อย่าริไปรังแกเด็กเขาละ” กล่าวจบก็ตามด้วยเสียงหัวเราะอย่างคนรู้เท่าทันกัน
“โธ่...คุณพ่อ” ผู้สูงวัยกว่าหัวเราะในลำคออย่างรู้ทัน
“เอาเป็นว่าถ้ามีอะไรแล้วผมจะบอกคุณพ่อน่ะครับ”.... “แล้วเรื่องที่พ่อให้ไปสืบเป็นอย่างไรบ้าง” ผู้สูงวัยเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีหลังจากลูกชายที่รู้ว่าคงไม่ได้ความจริงจากผูกชายเป็นแน่ คุณรองของตระกูลกิจเจริญไพศาลถอนใจด้วยความนักใจ
“ผมกำลังสืบอยู่ครับ”
“ดีพ่ออยากรู้โดยเร็วที่สุด...เอาล่ะแกไปพักผ่อนเถอะ” เมื่อลูกชายเดินออกจากห้องไปนายสุรชัยได้แต่ถอนใจอย่างหนักใจมาก ตั้งแต่ภรรยาเสียนายสุรชัยก็เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านไม่ค่อยออกไปงานเลี้ยงเหมือนแต่ก่อนแถมยังปล่อยงานที่บริษัทให้ลูกๆ ดูแล
อาจจะเป็นความผิดของเขาเองก็ได้เมื่อนึกย้อนไปเขาคงไม่ยอมให้ลูกชายกับผู้หญิงที่เขารักมากที่สุดต้องมารับภาระของตระกูลแบบนี้ น้อยคนนักที่จะรู้ว่านายสุรสีห์เป็นลูกคนละแม่กับพี่น้องคนอื่นเพราะด้วยอายุที่ไล่กันมา แม่ของสุรสีห์เป็นเลขานุการของเขาตอนที่เขายัง
ดำรงตำแหน่งเป็นประธานอยู่แม่ของสุรสีห์เป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเขาระหว่างที่อยู่ด้วยกันความมาแตกก็ตอนเธอที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งเสียชีวิตไปเขาจึงรับสุรสีห์มาเลี้ยงที่บ้าน ตอนนั้นสุรสีห์อายุได้ 5 ขวบแล้ว ดีแต่ว่าภรรยาของเขาไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น
ให้ความเอ็นดูสุรสีห์ดีเหมือนลูกคนหนึ่งจึงให้ทุกคนในบ้านเรียกสุรสีห์ว่าคุณรอง เขาจึงแพ้น้ำใจของภรรยาเพราะตั้งแต่คลอดลูกคนที่ 4 ภรรยาก็เจ็บป่วยมาเรื่อยด้วยโรคหัวใจ และเสียชีวิตในที่สุด เขาเหมือนคนมีกรรมที่มีเงินตั้งมากมายแต่ไม่สามารถซื้อชีวิตของภรรยาคนใด
ได้เลย หลังจากนั้นเขาก็ไม่คิดที่จะแต่งงานใหม่ ในชีวิตเขาถือว่าพอแล้วที่มีภรรยาที่ดีที่สุด 2 คนนี้ จะมีก็แต่ลูก ๆ เท่านั้นเพราะสุรศักดิ์หรือใหญ่และสุชาดาหรือนิดดูไม่ค่อยจะยอมรับสุรสีห์เท่าไดนัก แต่ก็จนปัญญาเพราะตัวเองเรื่องบริหารงานนั้นสู้น้องไม่ได้เพราะลูกชายคนโตแม้
อายุ 36 ปีแต่ก็ยังไม่มีความรับผิดชอบ ส่วนสุทธิชัยหรือเล็กแล้วก็ตามแต่ก็ยังเอาแต่เที่ยวสนุกสนานไปวัน ๆ ลูกสาว 2 คน ของบ้าน ยายนิดถึงจะแต่งงานไปแล้วก็ยังคงอาศัยอยู่ในบ้านและเอาสามีเข้ามาทำงานที่บริษัทด้วย นายกิจจาลูกเขยนั่นฐานะทางบ้านแค่พอมีพอกิน
พอมาแต่งงานกับคุณนิดจึงเหมือนหนูตกถังข้าวสาร นายสุรชัยไม่เคยห้ามปรามลูกว่าจะรักใครชอบใครถือว่าคนเราจะดีไม่ดีไม่ได้อยู่ที่บ้านร่ำรวยหรือเปล่า เพราะถือว่าตนก็ไม่ได้รวยมาแต่กำเนิดก่อร่างสร้างตัวมาด้วยธุรกิจเล็ก ๆ มาก่อนที่จะร่ำรวยขนาดนี้
ลูกสาวสุทธิดาคนเล็กนั้นเป็นคนขี้โรคร่างกายไม่แข็งแรงมากนักจึงไม่ได้ออกไปทำงานที่บริษัทจึงทำหน้าที่ดูแลบ้านและพ่อซึ่งแก่แล้ว การที่นายสุรชัยโอนงานทุก อย่างมาให้สุรสีห์เป็นผู้รับผิดชอบและตัดสินใจนั้นสร้างความไม่พอใจให้กับลูก ๆ คนอื่นพอสมควร แต่ก็ไม่กล้าที่จะโวยวายอะไร
มากนักเพราะนายสุรชัยเป็นคนตัดสินใจ นายสุรชัยถอนหายใจไม่รู้ว่าเขาจะได้อยู่ดูโลกอีกนานแค่ไหน
หลังจากออกจากห้องของนายสุรชัยแล้วจึงเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง ห้องนอนของเขาแยกอยู่อีกฟากหนึ่งของบ้านไม่ปะปนกับพี่น้องคนอื่นเพราะเขาต้องการความสงบเมื่อเวลากลับมาถึงบ้านบางครั้งเขาต้องเอางานกลับมาทำจึงแยกส่วนออกมาเพื่อไม่ให้ใครรบกวน
โดยส่วนตัวเขาก็กลับบ้านไม่บ่อยนักบางทีเขาก็นอนที่คอนโดที่ใกล้ที่ทำงานเพื่อสะดวกกับการทำงานเพราะบางครั้งเข้าต้องไปงานเลี้ยงจึงไม่อยากรบกวนคนใช้ที่ต้องมาคอยเปิดประตูรับซึ่งไม่ค่อยเป็นเวลาจึงนอนพักที่คอนโดจะได้สะดวก
พอเข้ามาในห้องก็พบนายวิทที่ยืนผสมเครื่องดื่มมาให้อย่างรู้ใจเจ้านาย เขาชอบดื่มก่อนนอนเพราะอยากจะหลับให้สนิทหลังจากที่ต้องเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เขาออกมานั่งเล่นที่นอกชาน วิทนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้ สุรสีห์รับมาดื่ม
“ขอบใจมากวิท
”
“จะรับอะไรเพิ่มอีกไหมครับเจ้านาย” ถึงแม้สุรสีห์จะให้ความเป็นกันเองกับเขา แต่วิทไม่เคยทำตัวเสมอนายเลย
“ไม่แล้ว...นายจะไปพักผ่อนก็ได้นะ” สุรสีห์เอ่ยปากอนุญาตให้ไปพัก
“ครับ”
“อ้อวิทเดี๋ยว” แต่ก่อนที่วิทจะเดินออกมา สุรสีห์เรียกไว้
“ครับเจ้านายมีอะไรจะใช้ผม” วิทหันมาถาม
“ช่วยสืบประวัติของน้องคุณพรรณให้หน่อยนะ”
“คุณแพรวาหรือครับ” วิทถามเพื่อความมั่นใจ
“ใช่...ฉันต้องการรู้โดยเร็วที่สุดนะ”
“ครับผม”
“ขอบใจ...นายไปพักเถอะ” หลังจากวิทออกไปแล้ว เขามานั่งขำกับการกระทำของตัวเองนี่เขาเป็นอะไรไป อายุก็เลยวัยรุ่นใจร้อนมาตั้งหลายปีแล้วยังจะมาทำอะไรเป็นเด็ก ๆ แบบนี้อีก ต้องโทษผู้หญิงคนนั้นถึงจะถูกตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาในบ้านแล้ว
ได้สบตากันแวบแรกเขาก็รู้สึกถึงแรงเต้นของหัวใจที่เต้นผิดปรกติไป อาจจะเป็นลักษณะที่เห็นแวบแรกทำให้เขานึกถึงแม่ของเขาในความทรงจำที่เขาไม่เคยลืม แม่เป็นผู้หญิงที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจเมื่อตอนเล็ก ๆ เมื่อเขาโดนเพื่อนแกล้งร้องไห้วิ่งมาหาแม่ แม่เพียงแค่เป่าเบา ๆ
บริเวณแผลแล้วยิ้มให้เขาก็จะรู้สึกหายเจ็บแล้ว แพรวาทำให้คิดแม่เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขา อาการแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อนเลยไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นผู้หญิงสวย จะว่าเขาไม่ได้ยุ่งกับผู้หญิงนานแล้วก็ไม่ใช่เพราะเขาไม่เคยขาดแคลนผู้หญิงมาก่อนเลย
ไม่ว่าจะเป็นรูปสมบัติหรือทรัพย์สมบัติของเขาล้วนแต่เป็นดึงดูดให้พวกผู้หญิงวิ่งมาเสนอตัวให้เขากันทั้งนั้น จะว่าแพรวาไม่ใช่ผู้หญิงสวยเพราะสวยกว่านี้เขาก็เคยเจอมาแล้ว อะไรทำให้เขาติดใจในตัวผู้หญิงคนนี้นักหนา มาลองดูกันซิว่าระหว่างเรามันคืออะไรกันแน่แพรวา
หลังจากกลับจากบ้านกิจเจริญไพศาลแล้ว แพรวามิอาจข่มตาให้หลับลงได้ทำอย่างไรก็ไม่อาจลืมสายตาของเขาคนนั้น เหตุการณ์อย่างนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับหญิงสาวมาก่อน หลับตาลงคราใดก็มองเห็นแต่ดวงตาคู่นั้น ดวงตาที่ดำสนิทเหมือนทะเลยามค่ำคืน
ไม่อาจคาดเดาได้เลยจะเกิดอะไรขึ้นภายใต้ความมืดมิดนั้น ระหว่างที่ทานมื้อค่ำถึงแม้เธอจะไม่ได้ยินคำพูดสักประโยคจากริมฝีปากคู่นั้นแต่เขาก็ทำเธอรู้ว่าไม่ใช่เขาไม่คิด ทุกบทสนทนาบนโต๊ะอาหารนั้นมิได้รอดพ้นจากโสตประสาทของเขา
เขาได้ยินทุกคำพูดแต่เขาก็ไม่ได้ออกความคิดเห็นทุกอย่างดูเป็นปริศนาสำหรับเธอเหลือเกิน นี่หรือคือผู้ชายที่กุมอำนาจทุกอย่างของตระกูลกิจเจริญไพศาลอย่างแท้จริงเพราะเท่าที่ฟังพี่พรรณพูดนั้นว่าคุณใหญ่นั้นไม่ได้เป็นทายาทที่สืบทอดกิจการของตระกูลกิจเจริญไพศาลเพราะความใจร้อน
เหลาะแหละไม่เป็นโล้เป็นพาย เจ้าชู้จนทำให้เสียงานหลายครั้ง ส่วนคุณเล็กก็เจ้าสำราญ เอาแต่กินกับเที่ยวไม่สนใจงาน ส่วนคุณนิดก็แต่งงานแล้วให้สามีมาทำงานกับครอบครัวสามีคุณนิดชื่อกิจจา ฟังเสียงพี่พรรณเห็นว่าไม่ค่อยได้ความสักเท่าไร ทุกอย่างต้องให้เมียตัดสินใจ
คุณน้อยเป็นแม่บ้านดูแลทุกอย่างในบ้านและดูแลคุณสุรชัยจึงทำให้ภาระทุกอย่างตกอยู่ที่สุรสีห์บุตรชายคนรองเป็นผู้ดูแลและตัดสินใจทุกอย่างในบ้าน เพราะอย่างนี้หรือเปล่านะจึงทำให้คุณสุรสีห์เป็นคนเงียบขรึมและวางตัวเป็นผู้ใหญ่จนทำให้ใครในบ้านเกรงใจทุกคน
หญิงสาวนอนคิดไปเรื่อยเปื่อยจนเข้าสู่ห้วงนิทราและหลับไปในที่สุด
ตอนที่ 2
เช้าวันอาทิตย์อาจเป็นวันหยุดของคนทั่วไป แต่มิใช่สำหรับแพรวาเพราะหลานชายตัวดีไม่ยอมอยู่บ้านเด็ดขาดถ้าวันไหนที่เธออยู่บ้านหลานชายตัวดีเป็นต้องเรียกร้องให้พาไปเที่ยวที่นั้นที่นี้ เช้าวันนี้ก็เหมือนกันในขณะที่แพรวายังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงก็ต้องตกใจ
ตื่นเพราะเสียงร้องเรียกของหลานชายพร้อมทั้งเคาะประตูอยู่หน้าห้อง
“น้าแพรครับ...น้าแพร”
“ครับน้องกร” แพรวาขานรับทั้งที่ตายังปิดอยู่
“เปิดประตูให้น้องกรหน่อยครับ”
“ครับรอเดี๋ยวครับ” แพรวาเดินไปเปิดประตูแล้วกลับมาล้มตัวลงนอนที่เตียงต่อ
“น้าแพรตื่นเถอะครับวันนี้วันอาทิตย์นะครับ”
“ก็วันอาทิตย์ซิครับ...น้าแพรถึงยังไม่อยากตื่น” แพรวากล่าวเสียงงัวเงีย
“ตื่นเถอะครับ...น้าแพรพาน้องกรไปเที่ยวนะครับ...นะครับน้าแพร” สิทธิกรก้มลงจูบไปทั่วไปหน้าของน้าสาวอย่างเอาใจ
“ครับ” แพรวาหัวเราะ
“ครับก็ตื่นซิครับน้าแพร...ตื่นๆๆๆ”
“ครับน้องกรไปอาบน้ำแล้วทานข้าวให้เรียบร้อยก่อนน้าแพรถึงจะพาไป”
“ครับผม” สิ้นเสียงน้องกรก็รีบวิ่งออกจากห้องเพื่อไปอาบน้ำ แพรวาลุกจากที่นอนมาทั้งที่ยังไม่อยากจะตื่นเลย แต่ก็อดที่จะตามใจหลานชายไม่ได้ จึงรีบลุกขึ้นไปเพราะถ้ายังไม่ลุกละก็หลานชายต้องมาปลุกอีกแน่
“จะไปไหนกันจ๊ะน้าหลาน”
“พาน้องกรไปดูหนังค่ะพี่พรรณ
ไปด้วยกันมั้ยค่ะ” แพรวาเอ่ยชวนพี่สาว
“ไม่ไปหรอกจ๊ะไปกันเถอะ”
“งั้นแพรไปนะคะ” แพรพรรณพยักหน้ารับรู้ แพรวามองหลานชายอย่างขำ ๆ ที่เด็กชายไม่ยอมหยุดพูดตั้งแต่ขึ้นรถมาแล้ว มองดูสองข้างทางซักนั้นซักนี้ตลอดเวลาทำให้เธอไม่ได้สังเกตเลยว่ามีรถคันหนึ่งขับตามมาข้างหลัง
“วิทรอพี่รองอยู่หรือจ๊ะ” สุทธิดาถามเมื่อเห็นวิทนั่งอยู่คนเดียวที่สวนหน้าบ้าน
“ครับคุณน้อย” วิทตอบอย่างนอบน้อม และทำท่าเหมือนอึดอัดที่จะคุยกับเธอ
“จะไปไหนกันจ๊ะ...เดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะ”
“เจ้านายจะไปตีกอล์ฟครับ...คุณน้อยมีอะไรให้ผมรับใช้หรือเปล่า” วิทถามพร้อมหลบสายตาของหญิงสาวที่มองมาอย่างตัดพ้อ
“ทำไมน้อยต้องมีเรื่องให้รับใช้หรือวิทถึงจะคุยกับน้อยได้” หญิงสาวพูดอย่างน้อยใจ
“มิใช่ครับคุณน้อยอย่าเพิ่งเข้าใจผิด”
“แล้วจะให้น้อยเข้าใจว่าอย่างไรจะให้เข้าใจว่าวิทหลบหน้าน้อยหรือว่ารังเกียจน้อยเสียจนไม่อยากคุยด้วย” สุทธิดากล่าวอย่างน้อยใจ
“โธ่คุณน้อยครับมันไม่ใช่อย่างงั้นนะครับ”
“งั้นวิทบอกมาซิว่าจะให้น้อยเข้าใจว่าอย่างไร”
“ผม...” วิทก้มหน้าลงอย่างอึดอัดไม่รู้จะบอกกับหญิงสาวอย่างไรดี
“คุยอะไรกันสองคน” ก่อนที่จะคุยกันรู้เรื่อง สุรสีห์เดินลงมาเสียก่อน
“เปล่าค่ะ...พี่รองจะออกไปข้างนอกหรือค่ะ” สุทธิดาพยายามบังคับเสียงมิให้สั่นทั้งที่มันยากเต็มที
“จ๊ะ...น้อยมีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ...พี่รองจะกลับมาทานข้าวเย็นที่บ้านหรือเปล่าค่ะ”
“ทำไมจะมีอาหารอะไรพิเศษทำให้พี่ทานหรือจ๊ะ” สุรสีห์ถามน้องสาวอย่างอารมณ์ดีแสร้งทำเป็นไม่เห็นอาการของน้องสาวกับคนสนิท
“พี่รองอยากทานอะไรล่ะค่ะ...น้อยจะได้ทำให้ทาน”
“ว่าไงวิทอยากกินอะไรจะได้ให้น้อยทำให้กิน” วิทก้มหน้าไม่ตอบคำถาม สุรสีห์ยิ้มกับท่าทางของทั้งสองคน
“น้อยทำอะไรก็ได้จ๊ะ พี่กับวิทกินได้หมดแล้วเจอกันตอนเย็น...พี่ไปก่อนนะ” สุรสีห์กล่าวจบเอื้อมมือไปลูบศีรษะน้องสาวอย่างเอ็นดูและเดินจากไป สุทธิดามองตามหลังสองหนุ่มที่เดินจากไปเธอจะทำอย่างไรดี จะมีสักวันหนึ่งไหมที่เธอกล้าพอที่จะทำตามหัวใจตัวเอง
เธอควรทำอย่างไรดี
“วิทเรื่องบางเรื่องเราฝืนมันไม่ได้หรอกนะ” สุรสีห์ทำลายความเงียบภายในรถหลังจากขับออกจากบ้านมา
“เจ้านายพูดเรื่องอะไรครับผมไม่เข้าใจ” วิทถามพร้อมเหลือบตามองกระจกหลัง
“ฉันไม่ได้รังเกียจนาย...นายก็อย่าคิดอะไรให้มากนักเลย”
“ผม...” สุรสีห์โบกมือให้วิทหยุดพูด
“แทนที่นายจะหนีหัวใจตัวเองทำไมนายไม่พยายามทำอะไรสักอย่างหนึ่ง”
“เออ....ผม” วิทถึงกับพูดไม่ออกหลบตาเจ้านายที่มองสบมา
“เราคบกันมานานทำไมฉันจะไม่รู้ว่านายรู้สึกอย่างไงกับน้องฉัน
ฉันสงสารน้อย”
“ผมมันไม่คู่ควรหรอกครับ”
“นายก็เป็นเสียอย่างนี้คิดเองเออเอง
ไม่คิดจะถามสักคำหรือไงว่าคนอื่นเขาคิดอย่างไร” สุรสีห์ตั้งคำถามกับคนสนิท
“ผมไม่อยากดึงคุณน้อยลงมา...” วิทบอกความในใจของตัวเอง
“ฉันว่านายลองคุยกันเองดีกว่า...แต่ฉันอยากให้นายรู้เอาไว้ฉันเคารพการตัดสินใจทั้งของนายและน้อยไม่ว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไรเข้าใจมั้ย”
“ครับผม...ขอบคุณเจ้านายครับ” สุรสีห์พยักหน้ารับพรางมองออกไปนอกหน้าต่างจึงไปสะดุดตากับหญิงสาวที่นั่งอยู่รถขันข้างๆ
“วิทขับรถตามรถคุณแพรไปซิ” วิทคิดในใจนึกว่าเขาจะเห็นคนเดียว
“เจ้านายไม่ไปตีกอล์ฟแล้วหรือครับ” วิทถามอย่างแปลกใจเมื่อได้รับคำสั่งให้ตามรถคันข้างหน้าไป ถึงแม้จะรู้ว่าเจ้านายสนใจเจ้าของรถคันข้างหน้าเป็นพิเศษก็ตาม แต่เขาไม่เคยเห็นเจ้านายทำอะไรออกนอกลู่นอกทางอย่างนี้มาก่อน
“ฮือ...ไม่ไปแล้ว”
“แล้วจะ....” วิทยังถามไม่ทันจบ สุรสีห์ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน
“ขับตามไปเรื่อย ๆ แล้วกันไม่ต้องถาม” สุรสีห์กล่าวก่อนที่วิทจะพูดจบประโยคเพื่อนเป็นการตัดความ เพราะมิฉะนั้นวิทต้องรู้แน่ว่าเขาคิดอะไรอยู่ รถคันข้างหน้าเลียวเข้าไปยังห้างดังแห่งหนึ่ง วิทเข้าไปจอดรถอยู่ใกล้ ๆ กับคันที่หญิงสาวจอดอยู่
เขาทั้งคู่ต่างยิ้มไปกับภาพตรงหน้าที่เห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินจูงมือเด็กชายที่ตัวกลมน่ารัก
“ไป...วิทตามไปกันดีกว่า”
“ครับเจ้านาย” ชายหนุ่มเดินตามหญิงสาวไปโดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังโดนตามอยู่
แพรวาตกใจมากเมื่อรู้สึกว่ามีคนมาเดินชิดอยู่ข้างหลัง จึงหันกลับไปมอง
“คุณรอง” ชายหนุ่มยืนยิ้มกับหญิงสาวที่หันหน้ามามองพวกเขาด้วยความตกใจ
“สวัสดีแพรวา” แพรวารีบยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่มหลังจากหายตกใจ
“สวัสดีค่ะ...กรสวัสดีอารองก่อนครับ” แพรวาหันมาบอกหลานชาย
“สวัสดีครับอารอง”
“สวัสดีครับคนเก่ง...มาซื้ออะไรกันหรือแพรวา” แพรวายังไม่ทันได้ตอบหลานชายตัวดีรีบตอบเสียก่อน
“มาดูหนังครับไม่ได้มาซื้อของ” กรรีบบอกเพราะกลัวว่าจะอดดูหนัง จนผู้ใหญ่ทั้งสามคนอดที่จะยิ้มไม่ได้
“แล้วกรอยากดูเรื่องอะไรครับ...บอกอารองหน่อยซิ” สุรสีห์ถามหลานชายอย่างอ่อนโยน
“กรอยากดูเรื่อง....นี้ครับ” เรื่องที่กรอยากดูเป็นหนังการ์ตูนของเด็กเรื่องหนึ่งที่ตอนนี้กำลังฮิตมาก
“อารองดูด้วยคนได้มั้ยครับ”
“ต้องถามน้าแพรครับ
น้าแพรครับอารองดูได้หรือเปล่าครับ”
“คุณรองจะดูหนังกับพวกเราหรือค่ะ” ชายหนุ่มพยักหน้าแทนคำตอบให้เธอ
“ทำไมผมดูไม่ได้หรือไง” สุรสีห์ย้อนถามเมื่อเห็นสีหน้าอึดอัดของหญิงสาวตรงหน้า
“เปล่าค่ะ...แพรไม่นึกว่า...” แพรว่าไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเอาเองตามประสาคนเอาแต่ใจ
“วิทนายไปซื้อตั๋วนะ 4 ใบ”
“4 ใบหรือครับ” วิทถามอย่างงง ๆ อย่าบอกนะว่าเขาต้องดูด้วย
“ใช่...ก็นายด้วยไง” สุรสีห์ตอบข้อสงสัยเมื่อเห็นวิทมองหน้า
“ผมหรือครับ” วิทชี้ไปที่ตัวเอง
“ใช่...ทำไมมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าครับ...ดูก็ดู” วิทเดินจากไปพร้อมเกาศีรษะด้วยความงงผู้ชายอายุ 36 อย่างเขาสองคนเนี่ยนะเข้าโรงหนังดูการ์ตูน แค่นึกวิทก็ขำแล้ว ระหว่างที่นั่งดีหนังกันนั้นถ้าถามแพรวาว่าดูหนังรู้เรื่องหรือเปล่า
เธอบอกได้เลยว่าไม่รู้เรื่องเลยเพราะเธอรู้สึกได้ตลอดเวลาว่าสายตาของชายหนุ่มไม่ได้อยู่ที่จอภาพยนต์เลย มันวนเวียนอยู่ที่เธอตลอดเวลา คนที่มีความสุขกับการดูหนังที่สุดคงจะเป็นหลานชายตัวดีของเธอกับคุณวิทที่หนังฉายได้ไม่นานก็หลับเสียแล้วเวลาผ่านเลยไปจนหนังจบ
“น้าแพรครับกินไอติมกันนะครับ” สิทธิกรร้องขออีก
“ไม่เอาครับกรกลับบ้านเถอะนะ” แพรวาไม่อยากตามใจหลานมาก
“แต่กรอยากกินนี้” เด็กชายยังโอดครวญ พร้อมทั้งเขย่าแขนเธออย่างออดอ้อนเมื่อแพรวามองเฉย ๆ จึงหันไปมองอาหนุ่มแทน
“งั้นไปกินกับอารองนะครับ”
“ไปครับไป...กรจะไปกับอารอง” สิทธิกรยิ้มอย่างชอบใจที่หาคนตามใจได้แล้ว
“แพรจะไปกับเราหรือเปล่าครับ” สุรสีห์หันมาถามยิ้ม ๆ
“คุณรองค่ะดิฉันว่า...” แพรวาพยายามคัดค้านแต่สองหนุ่มต่างวัยไม่สนใจเดินนำไปก่อนแล้ว
“ไปกันเถอะครับ” หลังจากนั้นคนที่มีความสุขที่สุดคงจะเป็นด.ช.กร เพราะได้ทุกอย่างที่อยากได้
“คุณรองไม่น่าจะตามใจหลานมากเลยนะค่ะ...ดิฉันกลัวว่าหลานจะได้ใจ”
“ผมไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับหลานมากนัก...อะไรที่ผมให้ได้ผมก็ให้แล้วนี้แค่กินไอศกรีมเองไม่เป็นไรหรอกน่า”
ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับเดินนำหน้าวิทออกไป แพรวาอดที่จะส่ายหน้าอย่างอ่อนใจกับพวกเขาไม่ได้
“แพรกลับก่อนนะค่ะ...กรขอบคุณอารองก่อนค่ะ”
“ขอบคุณมากครับอากร”
“แล้วพบกันใหม่นะครับ” แพรวายิ้มรับคำแล้วจึงพาหลานชายขึ้นรถแยกจากมา ชายหนุ่มยืนมองจนรถของหญิงสาวลับสายตา
“ไปไหนกันต่อดีครับเจ้านาย” วิทถามเพราะไม่เห็นจ้านายไม่มีที่ท่าว่าจะกลับเลย
“ไป...บ้าน” วิทพยักหน้ารับพร้อมเดินตรงไปที่รถไม่ค่อยบ่อยหนักหรอกที่เจ้านายเขาทำอะไรไม่มีเหตุผลแบบนี้
เมื่อรถจอดเรียบร้อยแล้วทั้งสองหนุ่มจึงเห็นสุทธิดาเดินออกมารับ
“พี่รองไปตีกอล์ฟทำไมกลับเร็วจังค่ะ...” น้อยถามหลังจากเป็นสองหนุ่มกลับบ้านเร็วกว่าปรกติ
“ไปไม่ถึงสนามกอล์ฟหรอกน้อย” สุรสีห์ตอบน้องสาวอย่างอารมณ์ดี
“อ้าว...แล้วไปไหนกันมาค่ะ” สุทธิดาถามอย่างแปลกใจ
“ไปดูหนังกันมานะน้อย”
“ค่ะ...ไปดูหนังหรือค่ะ” สุทธิดาอุทานอย่างขำ ๆ
“ทำไมล่ะพี่กับวิทไปดูหนังกันไม่ได้หรือไง” สุรสีห์ถามอดที่จะขำกับอาการของน้องสาวไม่ไหว
“ดูได้ค่ะไม่ใช่ดูไม่ได้
แต่น้อยแปลกใจน่ะค่ะพี่รองมีเวลาไปดูหนังกับเขาด้วยหรือค่ะ”
“อ้าวทำไมล่ะ”
“ก็เห็นพี่รองงานยุ่งจะตายไป...ลำพังจะเจอหน้ากันยังยากเลยค่ะ”
“จริงซินะ...วิทล่าสุดที่เราไปดูหนังกันเมื่อไร” สุรสีห์หันมถามคนสนิท
“จำไม่ได้แล้วครับเจ้านาย”
“แล้วนี้ไปทำไมไม่เห็นชวนน้อยเลยล่ะค่ะ” สุทธิดาต่อว่าไม่จริงจังนัก
“อ้าวไม่รู้ว่าเราอยากดูหนังด้วย”
“ถ้าพี่รองชวนน้อยก็ไปละค่ะ” ปากเธอพูดกับพี่ชายแต่สายตาของเธอไม่ได้มองไปที่อื่นเลยนอกจากหน้าวิท
“สนุกมั้ยจ๊ะวิท” สุรสีห์หันมามองลูกน้องที่เอาแต่ยืนก้มหน้าไม่ยอมตอบคำถามของน้องสาวเขา
“สนุกครับ”
“แล้วนี้ทานอะไรกันมาหรือยัง” สุทธิดาเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นวิทไม่อยากจะคุยกับเธอ
“ยังจ๊ะ...กะว่าจะมากินอาหารฝีมือน้อยเนี่ยล่ะ”
“แล้ววิทจะกลับไปทานที่ห้องหรือเปล่า”
“วิทนายทานกับฉันเลยก็ได้” สุรสีห์ตอบเมื่อเห็นวิทเงียบ
“งั้นน้อยทานด้วยคนได้มั้ยค่ะ” วิทเหลือบตามองจึงสบตากับหญิงสาวโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ตามใจซิจ๊ะ...”
“ผมไม่รบกวนหรอกครับ...ผมทานในครัวได้”
“ทำไมรังเกียจน้อยหรือค่ะไม่ทานด้วยกัน” หญิงสาวถามอย่างน้อยใจ
“เปล่าครับคุณน้อย...อย่าเข้าใจผิด” วิทรีบปฏิเสธพัลวันกลัวหญิงสาวเข้าใจผิด
“แล้วทำไม” สุทธิดาถามอย่างน้อยใจ วิทเลือกที่จะไม่ตอบคำถามเอาแต่ก้มหน้าหลบสายตาหญิงสาว
“ไม่ต้องเถียงกันทานด้วยกันนี้ล่ะ
น้อยไปจัดอาหารเถอะแล้วคุณพ่อทานหรือยัง”
“ทานเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ค่ะ...งั้นรอเดี๋ยวน่ะค่ะน้อยจะไปดูในครัวว่าวันนี้ทำอะไรบ้าง” กล่าวจบหญิงสาวก็เดินจากไป สุรสีห์มองการกระทำของทั้งสองอย่างจนใจไม่รู้จะช่วยอย่างไร
“ทำอะไรน้อย” สุชาดาถามเมื่อเห็นน้องสาวสาระวนอยู่หน้าเตาไมโครเวฟ
“อุ่นอาหารให้พี่รองกับวิทค่ะ” สุทธิดาหันยิ้มและตอบคำถาม
“ทำไมน้อยต้องทำให้ด้วยล่ะ” สุชาดาถามอย่างไม่ค่อยพอใจนักที่น้องสาวเอาอกเอาใจพี่คนรอง
“พอดีอาหารมันเย็นหมดแล้วค่ะน้อยเลยอุ่นให้พี่รองค่ะ”
“มันไม่ใช่เรื่องเลยนะน้อยที่เธอต้องมาทำอะไรแบบนี้” สุทธิดายิ้มอธิบายกับอย่างใจเย็น เธอมิอยากให้พี่สาวอารมณ์เสีย
“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะพี่นิด”
“เธอนี่นะ” สุชาดามองน้องสาวอย่างขัดใจ
“อย่างไรเราก็พี่น้องกันไม่เห็นเป็นอะไรเลยที่น้อยจะทำอะไรให้พี่รองบ้าง”
“จ๊ะแม่คนดีเธอคิดไปคนเดียวเถอะนะ”
“โธ่พี่นิดค่ะ” สุทธิดาได้แต่มองและลอบหายใจอยากจะให้พี่สาวลดทิฐิลงมาบ้างยถึงอย่างไรก็พี่น้องกันทั้งนั้น
“ไม่ต้องมาพูดฉันไม่ใช่คนช่างเอาอกเอาใจอย่างเธอ” น้อยอมยิ้มไม่ตอบคำถามของพี่สาวเพราะรู้ดีว่าถึงพูดอะไรตอนนี้ก็ไม่เข้าหูทั้งนั้น จึงเลือกที่จะไม่พูดดีกว่า นิดมองดูน้องสาวอย่างไม่พอใจที่ไปเที่ยวทำอะไรต่อมิอะไรให้กับผู้ชายสองคนนั้นจึงสะบัดหน้าเดินนี้ออกจากครัว
“เป็นอะไรไปคุณนิด” กิจจาถามภรรยาที่เห็นเดินหน้ามุ่ยเข้ามาในห้อง
“น้อยนะซิคุณกิจ” สุชาดาโวยวายใส่สามี
“ทำไมคุณน้อยทำอะไร” กิจจาถามอย่างเอาใจผับหนังสือเก็บ รู้ดีว่าเวลาอ่านหนังสืออย่างสงบ ๆ หมดลงแล้ว
“ทำเป็นเอาใจพี่รอง” สุชาดาตอบเสียงห้วนทิ้งตัวลงนั่งหน้างอที่เตียง
“เอาใจอะไรล่ะคุณ” กิจจาถามอย่างใจเย็น
“ทำอาหารให้พี่รองกินนะซิ”
“โธ่เรื่องแค่นี้เองน่าคุณ”
“มันอดหมั่นไส้ไม่ได้นี่น่า” กิจจาส่ายศีรษะอย่างขำ ๆ ในตัวภรรยาเพราะเขาไม่เคยเห็นใครทำอะไรถูกใจเธอเลยสักคน กระทั่งเขาเองก็เหมือนกัน ตั้งแต่คบกันจนแต่งงานมาก็ไม่เคยทำอะไรถูกใจเธอเลย จนเขาทำใจได้แล้วแต่งงานกับผู้หญิงที่รวยกว่าก็อย่างนี้ถ้า
เขาย้อนเวลากับไปได้เขาคงจะคิดตรองดูมั้ยว่าจะแต่งงานกับสุชาดาหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ฐานะทางบ้านกำลังลำบากเขาคงไม่แต่งงานกันผู้หญิงที่เอาแต่ใจตัวเองอย่างสุชาดาแน่นอนถ้าเกิดถ้าภรรยาเขาอ่อนโยนได้ครึ่งหนึ่งของคุณน้อยเขาคงไม่ทุกข์ใจแบบนี้ ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างปลง ๆ
กับอนาคตของตัวเอง
“นี่คุณกิจ
คุณกิจใจลอยไปถึงไปถึงไหนแล้ว”
“อะไรอีกละคุณ”
“ก็เรื่องพี่รองไง” สุชาดาพูดอย่างอารมณ์เสียกับความไม่เอาใจใส่กับอะไรเลยของสามี
“คุณน่าจะทำงานให้เก่งกว่านี้นะ...” สุชาดาหันมาโวยวายใส่สามี
“อ้าว...ทำไมมาว่ากันแบบนี้ล่ะ” ว่าแล้วสุดท้ายก็ต้องมาลงที่เราอีกจนได้
“ก็คุณมันไม่ได้เรื่อง...คุณพ่อถึงไม่กล้าให้คุณรับผิดชอบอะไรเลย”
“นี่ผมว่าคุณอย่ามาพาลกับผมดีกว่า...ผมอยู่ของผมดี ๆ แล้ว” กล่าวจบกิจจาก็เดินหนีออกจากห้อง
“อ้าวจะไปไหน...กลับมาพูดกันก่อนซิคุณกิจ ๆ ตาบ้าเอ่ย ไม่เคยทำอะไรได้อย่างใจเลยสักนิดเดียว” นิดถอนหายใจอย่างโมโหในตัวสามี
“หนีอะไรมาครับพี่กิจ” สุทธิชัยถามอย่างอารมณ์ดี รองเป็นแบบนี้สงสัยโดนพี่สาวเขาชวนทะเลาะมาแน่เลย
“คุณเล็ก...ไม่ได้หนีหรอกครับว่าจะมาหาอะไรดื่มหน่อยไม่ออกไปไหนหรือครับ” กิจจาคุยกับน้องเมียอย่างอารมณ์ดี
“เบื่อ ๆ นะครับ....มาครับมาดื่มด้วยกัน” สุทธิชัยลงมือผสมเหล้าให้อย่างเอาใจ
“เบื่อหรือครับโธ่คนโสดเบื่อก็ออกไปเที่ยวข้างนอกซิครับ” กิจจาแนะนำ
“ไม่เอาหรอกครับอยากกินเหล้าเงียบ ๆ มากกว่า” เป็นที่รู้กันว่าในครอบครัวสุทธิชัยไม่ค่อยชอบออกไปสังสรรค์นอกบ้าน
“แม้เป็นผมหน่อยไม่ได้จะออกไปเที่ยวให้สนุกเชียว” กิจจาบ่นต่อ
“แล้วทำไมไม่ไปบ้างล่ะครับ” สุทธิชัยแนะนำพี่เขย
“โธ่คุณเล็กพูดเหมือนไม่รู้จักคุณนิด...เธอจะได้ตามไปแหกอกผมปะไร” กิจจากล่าวจบพร้อมกับเสียวหัวเราะที่ดังประสานกับไปกับสุทธิชัยด้วย
“พี่นิดก็เป็นแบบนี้ละครับโวยวายแต่จริง ๆ แล้วแกก็ไม่มีอะไร” สุทธิชัยปลอบใจพี่เขยไม่อยากให้คิดมาก
“ครับผมทราบ”
“งั้นพี่กิจกินเหล้ากับผมดีกว่าครับกินด้วยกันจะได้สนุก...เดี๋ยวให้เด็กหากับแกล้มมาเพิ่ม”
“เอาซิครับวันนี้กินให้เมาไปเลย”
“ดื่มกันดีกว่าครับ...แด่ความเบื่อ” สองหนุ่มชนแก้วกัน
“ครับแด่ความเบื่อ...”
“แล้วนี่คุณใหญ่ไปไหนล่ะครับ” กิจจาถามอย่างสงสัยเพราะไม่เห็นมาหลายวันแล้ว
“คงจะไปเที่ยวตามประสาหนุ่มโสดนะครับ...”
“เป็นคุณใหญ่ก็ดีนะครับ”
“ทำไมล่ะครับ”
“ก็ได้ทำอะไรอย่างที่อยากทำไงครับ”
“แล้วพี่กิจล่ะครับมีอะไรที่อยากทำแล้วไม่ได้ทำหรือครับ” กิจจาเหยียดยิ้มเลือกที่จะไม่ตอบคำตามของคุณเล็ก
“ผมว่าเราดื่มกันดีกว่า” สองหนุ่มนั่งชนแก้วกันอย่างครึมอกครึมใจ ตกดึกเมื่อดื่มเสร็จกลับเข้ามาที่ห้องกิจจานั่งที่เตียงมองเมียตัวเองที่พอกหน้าด้วยครีมอะไรสักอย่าง เขาไม่เข้าใจผู้หญิงเลยแทนที่จะนอนหลับให้สบายกลับต้องพอกนั้นพอกนี้ก่อนบางครั้งมองแล้ว
ทำให้เสียอารมณ์พิลึก กิจจาส่ายหน้าอย่างปลง ๆ กับตัวเองดีนะที่เขากับสุชาดายังไม่มีลูกด้วยกันไม่งั้นไม่รู้จะเป็นยังใครจะไปรู้ว่าแต่งงานกับลูกเจ้านายแล้วจะเป็นอย่างนี้ บางคนว่าเขาโชคดีกลายเป็นหนูตกถังข้าวสารแต่ใครจะมารู้บางว่าแค่ต้องการความสบายและก้าวหน้าใน
อาชีพการงานทำให้เขามาเจอจุดตันของชีวิตแบบนี้ต้องมาทนรองรับอารมณ์ผู้หญิงที่เอาแต่ใจอย่างสุชาดา อยู่กับคนที่เขาไม่ได้รัก แล้วพอเจอผู้หญิงที่รักเขากลับไม่สามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้เลย ถ้าเพียงแต่เขาไม่มาหลงรักคุณน้อยที่เป็นน้องเมียตัวเองเขาคงไม่ต้องมานั่งทรมานหัวใจ
แบบนี้ แต่ก่อนคิดว่าเรื่องความรักเป็นเรื่องไร้สาระแต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ไม่ใช่เลย ยิ่งได้เห็นได้รู้จักได้ใกล้ชิดยิ่งทรมานหัวใจมองไม่เห็นทางออกของตัวเองเลยว่าเขาควรจะทำอย่างไรดี กิจจาถอนหายใจอย่างแรงไม่รู้จะหาทางออกให้ตัวเองอย่างไรดี
ตอนที่ 3
“ยายแพรเป็นอะไรหรือเปล่าตื่นสายเชียว” แพรพรรณถามอย่างแปลกใจเพราะน้องสาวไม่เคยตื่นสาย
“เปล่าค่ะเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ”
“กินอาหารเช้าก่อนซิ”
“ค่ะ” แพรวาเดินตามพี่สาวเขาไปที่โต๊ะอาหาร
“น้าแพรตื่นสาย...” สิทธิกรทักน้าสาวอย่างล้อ
“จ้าน้าแพรตื่นสายแล้วเราล่ะ...รีบกินเร็วเดี๋ยวไปโรงเรียนไม่ทันนะ
พี่พรรณให้แพรไปส่งให้มั้ยค่ะ”
“ไม่ต้องหรอกจ๊ะแพรไปทำงานเถอะ...พี่ไปส่งเองอิ่มหรือยังลูกจะได้ไปกัน”
“อิ่มแล้วครับ...น้าแพรสวัสดีครับ” สิทธิกรกล่าวพร้อมกับจูบลาน้าสาวที่แก้มซึ้งตอนนี้เปื้อนน้ำลายของเจ้าตัวดีไปหมด
“นายตัวดีแก้มน้าเปื้อนหมดแล้ว” หลานชายหัวเราะอย่างชอบใจที่แกล้งน้าสาวได้
แพรวาบิดขี้เกียจและปิดปากที่กำลังหาวของตัวเองเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ดึกมากแล้ว เพราะผู้ชายคนนั้นคนเดียวทำให้นอนไม่หลับทั้งคืน แถมรถก็ติดประเทศไทยไม่ว่าจะสร้างถนนกี่เส้นทางก็ไม่เคยเพียงพอกับรถยนต์เลยสักที
แพรวามองรถคันด้านข้างที่ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังแต่งหน้าแต่งตาอยู่ในระหว่างที่รถติด ดีนะที่เธอไม่ต้องแต่งอะไรมากมายนักแค่ผัดแป้งทาลิปสติกนิดหน่อยก็พอแล้ว ถ้าเธอต้องแต่งหน้าเต็มยศก็คงต้องอาศัยช่วงเวลารถติดอย่างผู้หญิงคนนี้แน่เลย
อาจจะเป็นเพราะสัญชาตญาณหรือเปล่าที่ทำให้เธอรู้สึกว่ามีคนกำลังจ้องมองเธออยู่ พอหันไปมองก็ต้องตกใจเพราะสายตาของคนที่ทำให้เธอนอนไม่หลับเมื่อคืนนี้กำลังจับจ้องมาที่เธอ แถมพอเห็นเธอมองก็ส่งยิ้มมาให้อีก
เสียงบีบแตรของรถคันข้างหลังปลุกเธอจากมนต์สะกดของงสายตาคู่นั้น แพรวาจึงรีบออกรถทั้งที่ยังมีอาการมึนงงกับสายตาคู่นั้น ชายหนุ่มอดที่จะยิ้มไม่ได้กับท่าที่หญิงสาวบิดขี้เกียจและปิดปากหาวที่ดูเป็นธรรมชาติที่เขาไม่ค่อยจะได้พบท่าทีแบบนี้กับผู้หญิงคนไหน
ผู้หญิงที่แวดล้อมเขานั้นต้องปรุงแต่งทุกอย่างเป็นอย่างดี
แล้วไม่ว่าจะเป็นหน้าตาการแต่งตัว หรือแม้แต่บุคลิกท่าทางที่แต่งให้ดูดีและสวยหรูเหมือนใส่หน้ากากเข้าหากันตลอดเวลา ไม่มีใครเหมือนสาวน้อยคนนั้นไม่มีจริง ๆ
“จะตามมั้ยครับเจ้านาย” วิทถามอย่างล้อเลียนเมื่อเห็นสายตาของเจ้านายที่มองไปยังรถคันที่กำลังเคลื่อนตัวออกไป
“ถ้าไม่มีประชุมช่วงเช้าก็ไม่แน่...ไปหาร้านเสื้อของคุณแพรวาให้ทีว่าอยู่ในบริเวณไหน”
“หาทำไมครับเจ้านาย”
“ทำไมต้องถามให้ไปหาก็ไปหาเถอะน่า”
“ครับผม” วิทรับคำสั่งพร้อมกับนั่งอมยิ้มกับอาการของเจ้านายหนุ่มในขณะนี้ ถ้าจะเป็นเอามากตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาเจ้านายเขาไม่เคยมีอาการอย่างนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย ทั้งทีนายของเขานั้นไม่เคยขาดผู้หญิงเลยก็ว่าได้
ด้วยทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติเจ้านายเขามีพร้อมหมดแถมเพิ่งจะได้รับตำแหน่งนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงแห่งปีอีกด้วย จึงไม่แปลกเลยที่จะมีผู้หญิงมายมายเข้ามาในชีวิตของเจ้านาย แต่ใครก็ไม่เหมือนกับสาวน้อยในตาบ้องแบ๊วคนนี้ที่ท่าจะมาแรงกว่าคนอื่นเพราะเจ้านาย
ลงทุนให้สืบหาที่ทำงานเองเลย ก็คงต้องดูกันต่อไปว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร
“อาหารเช้าจ๊ะลูกตาล” พูดพร้อมทั้งวางปาท่องโก๋และน้ำเต้าหู้ลงที่โต๊ะ
“อาหารเช้าตอนสิบโมงสายไปหรือเปล่าจ๊ะคุณนาย”
“จะกินหรือเปล่าล่ะ”
“กินจ๊ะกิน...ทำไมวันนี้มาช้าจังเลย”
“นอนดึกนะ”
“เป็นไงบ้างเรื่องหลานชาย...ไม่เห็นเล่าให้ฟังเลย” ลูกตาลถามก่อนที่แพรวาจะทันได้นั่งลงบนเก้าอี้
“ไม่มีอะไร...แค่พี่พรรณเขาให้ช่วยไปรับนายกรที่บ้านปู่เข้านะ” แพรวากล่าวพร้อมได้หยิบงานขึ้นมาทำเป็นการหยุดการสนทนา ลูกตาลเห็นดังนั้นจึงลุกขึ้นหยิบน้ำเต้าหู้ไปเทใส่แก้วให้เพื่อนและของตัวเองก่อนที่จะลงมือทำงานกันต่อไป
บ่ายโมงกว่า ๆ มีเสียงคนเปิดประตูเข้ามาที่ร้านพร้อมเด็กภายในร้านออกไปต้อนรับลูกค้า
“สวัสดีค่ะ...เชิญเลือกชมก่อนได้เลยค่ะ” เสียงเด็กในร้านปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดี
“ทำไมพาซินดี้มาร้านนี้ละค่ะ” เสียงพูดมาจากหญิงสาวร่างโปร่งบางสูงเกินมาตรฐานหญิงไทยผิวขาวใบหน้าได้รูปสวยมองดูก็รู้ว่าต้องเป็นเลือดผสม เสื้อผ้าที่ใส่ดูลงตัวเหมาะสมกับเจ้าของเรือนร่างด้วยกางเกงขาสั้นสีขาวตามสมัยนิยมโชว์เรียวขางามพร้อมด้วยเสื้อเปิดไหล่
ข้างหนึ่งโชว์ความนวลเนียนของหัวไหล่มนสีชมพูเข้มชวนให้น่าสัมผัส ยิ่งส่งให้ผู้หญิงคนนี้ดูเซ็กซี่มากขึ้นไปอีก
“เหมือนนางแบบเลยนะแพร” ลูกตาลวิจารณ์โดยมิได้หันมามองหน้าเพื่อนสาวที่กำลังตกตะลึงมองบุรุษที่มากับหญิงสาว คนที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ เธอไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาและยิ่งมาประสานสายตากันแบบนี้อีกยิ่งทำให้เธอหวั่นไหว
“คุณรองค่ะ” เสียงของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มหันไปมอง และจุดยิ้มที่มุมปาก
“อะไรน่ะครับ...” ชายหนุ่มถามทั้งที่หันกลับมามองที่แพรวาอีครั้ง
“ก็ซินดี้ถามว่าทำไมพา...ซินดี้มาที่ร้านนี้ล่ะค่ะ” หญิงสาวกล่าวพร้อมกวาดตามองไปทั่วอย่างสำรวจภายในร้าน
“คุณอยากซื้อเสื้อผ้าผมก็พามาร้านที่ผมรู้จัก” ชายหนุ่มกล่าวด้วยเสียงที่ราบเรียบ
“ซินดี้ขอเวลาเดินดูหน่อยน่ะค่ะ”
“ตามสบายครับผมมีเวลาทั้งวัน...สำหรับคุณ” ซินดี้ยิ้มหวานปลื้มกลับคำพูดของชายหนุ่ม เอื้อมไปไล้แก้มของชายหนุ่มเบาๆ
“คุณรองน่ารักจัง”
“จะรับชาหรือกาแฟดีค่ะ” เด็กในร้านถามอย่างรู้หน้าที่
“ไม่ดีกว่าช่วยเชิญเจ้าของร้านมาพบผมด้วย”
“เอ่อ....สักครู่น่ะค่ะ” เด็กในร้านรับคำแล้วรับเดินมาหาหญิงสาวทันที
“พี่แพรค่ะคุณผู้ชายที่มาต้องการพบเจ้าของร้านค่ะ” เด็กในร้านเดินเข้ามาบอก
“เธอไปหาเขาหน่อยนะลูกตาล” แพรวาเกี่ยงให้เพื่อนสาวออกไป
“ฉันเหรอ” ลูกตาลชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“เธอนั้นล่ะไป...ไปซิ” แพรวาไล่ส่งเมื่อเห็นเพื่อนยังทำท่างง ๆ
“สวัสดีค่ะ...มีอะไรให้รับใช้ค่ะ” ลูกตาลยิ้มหวานเมื่อเห็นสายตาของชายหนุ่มมองตรงมาที่เธออย่างสงสัย
“ขอโทษครับคุณแพรวาไม่อยู่หรือครับ” สุรสีห์ถามยิ้ม ๆ
“ต้องการพบแพรหรือค่ะ”
“ครับ”
“รอสักครู่น่ะค่ะ” ลูกตาลรีบเดินกลับไปทันที
“ยายแพรเขาต้องการพบเธอแม่ตัวดีออกไปเดี๋ยวนี้เลย” แพรวาพยายามบิดมือออกจากมือลูกตาลเรื่องอะไรจะมาบังคับเธอ
“ก็เขาต้องการพบเจ้าของร้านไม่ใช่หรือเธอก็เจ้าของร้านเหมือนกัน”
“ไม่ ๆ.....เธออย่ามามั่วเขาต้องการพบเธอไม่ใช่ฉันไปซิเขาระบุชื่อเลยน่ะ”
“ช่วยหน่อยไม่ได้หรือไงนะ”
“เธอกำลังทำตัวมีพิรุธนะยัยแพร ...มีอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรสักหน่อย...ฉันออกไปเองก็ได้” หญิงสาวสูดหายใจเข้าไปลึกๆ และผ่อนหายใจออกมายาวๆ รวบรวมความกล้าและออกก้าวเดินออกไปทันที “สวัสดีค่ะ” หญิงสาวกล่าวพร้อมทั้งยกมือขึ้นไหว้ ชายหนุ่มรับไหว้ด้วยใบหน้าที่ยิ้ม ๆ
“สบายดีหรือ”
“ค่ะ” แพรวาตอบแต่ไม่ยอมสบตาเขา
“แค่นี้” สุรสีห์ถามมองผู้หญิงตรงหน้าที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมสบตาเขา
“ค่ะ” ชายหนุ่มอดยิ้มไม่ได้กับคำตอบของเธอ ก่อนที่หญิงสาวจะทันรู้ตัวก็ต้องตกใจมากเมื่อชายหนุ่มเอื้อมมือมาคว้ามือหญิงสาวและบังคับให้หญิงสาวก้าวเดินออกตามแรงฉุดของตัวเอง เปิดประตูออกไปด้านหลังของร้านเสื้อผ้าโดยไม่สนใจสายตาของคนภายในร้าน
ที่มองตามด้วยความตกใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มทำ
“คุณรองทำอะไรค่ะเนี่ย...ปล่อยมือดิฉันนะ” แพรวาพยายามบิดมือออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่ม
“แพร”
“ค่ะ” แพรวามองหน้าเขาอย่างสงสัย
“เรียกตัวเองว่าแพร...อย่าใช้คำว่าดิฉัน ไม่น่ารักเลยรู้มั้ย”
“คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งน่ะค่ะ...แล้วก็ไม่มีทำแบบนี้ด้วยปล่อยมือดิฉันเดี๋ยวนี้นะคนมองกันใหญ่แล้ว” หญิงสาวร้องบอกพร้อมพยายามบิดมือออกจากการเกาะกุของชายหนุ่มแต่ดูเหมือนยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งเพิ่มแรงกระชับมากขึ้น โดยไม่สนใจอาการดิ้นรนของหญิงสาวแม้แต่น้อย
“ถ้ายังเรียกตัวเองว่าดิฉันอีก...อย่าหาว่าผมไม่เตือนน่ะ” สุรสีห์กล่าวอย่างคาดโทษ
“คุณจะทำอะไร...ดิ...” เสียงพูดของเธอหายเงียบไปพร้อมกับริมฝีปากของชายหนุ่มที่ทาบปิดที่ริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา แพรวาทำอะไรไม่ถูกหัวใจเต้นเหมือนกับจะหลุดออกมาจากอกรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วร่าง เวลาผ่านไปนานขนาดไหนหญิงสาวมิอาจรู้ได้
ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกอย่างหักห้ามใจแค่นี้เขาก็ทำเธอตกใจจะแย่แล้ว เขาก็อดที่จะยิ้มกับปฎิกิริยาของหญิงสาวไม่ได้ ยืนหลับตาหน้าตาแดงก่ำไปถึงส่วนของลำคอ นี้ขนาดเขาเพียงแค่เอาริมฝีปากแตะลงไปเฉย ๆ นะแล้วถ้าเขาทำมากกว่านี้ล่ะ แค่คิดก็อดที่จะยิ้มไม่ได้
“ทำไมคุณทำอย่างนี้” หญิงสาวจำเสียงของตัวเองแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ
“อย่าถามเหตุผล...เลยนะ”
“ปล่อยดิ...เอ่อแพรก่อนได้ไหมค่ะ” หญิงสาวเอามือผลักอกพยายามชายหนุ่มพยายามบิดตัวเพื่อที่จะให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา กล่าวด้วยใบหน้าที่แดงก่ำชายหนุ่มแอบยิ้มกลับท่าทางของเธอ
“ทำไม”
“แพรกลัว” ทุกคำพูดของหญิงสาวเรียกรอยยิ้มจากชายหนุ่มได้มากขึ้น ก่อนที่หญิงสาวจะรู้ตัวชายหนุ่มยกมือขึ้นไปลูบปลอยผมที่ตกลงมาปิดหน้าผากมนสวยได้รูปอย่างเผลอตัว
“ไม่เห็นต้องกลัวอะไรผมเลย...ผมไม่มีวันทำร้ายคุณหรอกนะ”
“แต่ที่ทำเมื่อกี่ มันไม่ดีเลยน่ะค่ะ
คุณกับแพรแล้วยัง...”
“อย่าพูดถึงคนอื่นในระหว่างที่เราอยู่ด้วยกัน” ชายหนุ่มชิงพูดก่อนที่หญิงสาวจะพูดจบ
“แล้วทำไมคุณทำอย่างนี้กับแพร”
“อย่าถามผม ลองถามตัวเองว่าตั้งแต่เมื่อวานที่เราเจอกันมันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้างหรือเปล่า”
“แพรไม่รู้......ปล่อยแพรก่อนน่ะค่ะแค่นี้แพรก็ไม่รู้ว่าจะตอบคนอื่นว่าอย่างไรแล้ว”
“โอเค...วันนี้แค่นี้ก็ได้แต่ระหว่างเรามันไม่จบแค่นี้หรอกนะสำหรับผม ๆ รู้ว่าผมต้องการอะไรและกำลังทำอะไรอยู่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพราะอารมณ์แพรรู้ไว้ด้วย” พูดแล้วชายหนุ่มก็เดินจูงมือหญิงสาวกลับไปบีบกระชับมือบางถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้หญิงสาวรับรู้
เมื่อก้าวเข้ามาในร้านแพรวาสัมผัสได้ถึงความผิดปรกติที่เกิดขึ้น ทุกสายตาหยุดมองสองหนุ่มสาวทันที
“ไปไหนมาค่ะคุณรอง” ซินดี้ถามด้วยน้ำเสียงห้วยไม่พอใจอย่างมาก เมื่อถามหาชายหนุ่มแล้วไม่มีใครรู้สักคนว่าหายไปไหนแล้วนี้หมายความว่าอย่างไรที่กลับมาพร้อมกลับยัยช่างเสื้อ
“ผมมีธุระนิดหน่อย ...เลือกเสื้อผ้าได้หรือยัง”
“คุณยังไม่บอกซินดี้เลยว่าไปไหนมา”
“ผมมีธุระพูดกับคุณแพรนิดหน่อย...ไหนล่ะเสื้อผ้าที่คุณเลือกไว้” ชายหนุ่มถามพร้อมกับหยิบกระเป๋าเพื่อชำระเงิน เมื่อเห็นเด็กในร้านหิ้วถุงกระดาษหลายใบออกมาให้
“เท่าไรครับ”
“2 ชุด”
“สองหมื่นบาทค่ะ” แพรชิงพูดก่อนที่เด็กในร้านจะพูดจบ ทุกคนในร้านอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“สองหมื่นบาท...เธอจะบ้าหรือเปล่านี่มันไม่ใช่เสื้อแบรนด์นะจ๊ะแบบก็งั้นๆ ทำไมมันแพงจัง” เสียงซินดี้ร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ
“เอาน่าซินดี้ผมเต็มใจจ่ายให้คุณ” ชายหนุ่มกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับจ่ายเงินโดยไม่ซักถามอะไรอีก
“คุณรองค่ะเดี๋ยวค่ะ..ซินดี้ไม่เอาแล้วนะเอาคืนเขาไปค่ะ”
“ไม่เอาน่าซินดี้ผมบอกแล้วไงว่าเต็มใจซื้อให้”
“แต่คุณรองค่ะมัน...”
“กลับกันดีกว่า...ไปครับ”
“คุณรองค่ะ...ซินดี้ว่า...” ก่อนที่เธอจะพูดจบชายหนุ่มรีบตัดทบด้วยการชวนกลับ
“ไปเถอะครับ
แล้วพบกันน่ะครับ” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมทิ้งสายตาคาดโทษไว้ให้หญิงสาวร้อนๆ หนาวๆ แทน
“ยัยแพรเธอจะบ้าหรือไง 2 สองหมื่นบาท....ฉันจะเป็นลม” ลูกตาลโวยเพื่อนเสียงดังลั่น
“คุณแพรราคาชุดที่เขาเอาไปนะ...มันแค่สามพันแปดเองน่ะค่ะ” เด็กในร้านบอกด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ
“เอาน่านานๆ จะมีมหาเศรษฐีหลงมาที...พวกเธอรู้ไหมว่าผู้ชายคนนั้น นามสกุกิจเจริญไพศาลนะเงินแค่นี้ขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วงหรอกน่า ไม่เห็นต้องตกใจเลย”
“ก็นั่นล่ะ...เธอเล่นฟันราคาขนาดนั้นแล้วเขาจะมาซื้ออีกมั้ยเนีย”
“ไม่ดีหรือเดือนนี้จะได้มีกำไรเยอะ ๆ ”
“มันเยอะไปหรือเปล่ายะหล่อน”
“ช่างมันเถอะน่า ไม่เป็นไรหรอก” กล่าวจบหญิงสาวก็หันกลับไปทำงานต่อเป็นการตัดบทสนทนาทันที ทั้งที่หัวใจยังเต้นแรงอยู่ไม่เข้าใจตัวเองและไม่เข้าใจในการกระทำของเขาว่าทำไมถึงทำแบบนี้
“เฮ้ๆๆๆ...น้าแพรกลับมาแล้ว” สิทธิกรโผเขากอดน้าสาวทันทีที่หญิงสาวก้าวลงจากรถ
“ตากรนี้น่าจะเกิดเป็นลูกแกเสียให้รู้แล้วรู้รอด” แพรพรรณกล่าวหลังจากเห็นอาการกอดรัดฟัดเหวี่ยงของสองน้าหลาน
“โธ่ก็คนเขารักกันเนอะกรเนอะ...”
“ใช่ครับ”
“น้องกรน้าแพรจะอุ้มเราไม่ไหวแล้วนะนายหมูอ้วน” กล่าวพร้อมกับอุ้มหลานชายขึ้นมา
“ก็เธอนั้นล่ะยายแพรตามใจนายกรไม่เข้าเรื่อง”
“แม่นะชอบว่าน้าแพรอยู่เรื่อยเลย” สิทธิกรค้อนแม่ของตัวเองที่กล้ามาว่าน้าสาวสุดที่รัก
“จ้าไม่ว่าแล้วจ้า...” แพรพรรณกล่าวพลางมองค้อนพ่อลูกชายตัวดี
“น้าแพรมีขนมมาฝากกรหรือเปล่าครับ”
“นี่ไงขนมเค้กจากร้านโปรดของกรเห็นไหม” แพรวาโชว์ถึงขนมเค้กร้านโปรดของหลานชายให้ดู
“เย้ๆ ...น้าแพรน่ารักที่สุดเลย” สิทธิกรจูบแก้มซ้ายขวาของน้าสาวจนแก้มเธอเปื้อนน้ำลายนายตัวดีไปหมด
“พอแล้วจ้า...ไปกินขนมกันดีกว่า”
“ตามใจกันเข้าไปนะยายแพร” แพรพรรณมองตามอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
“โธ่ก็หลานคนเดียวนี่น่าพี่พรรณ”
“แล้วนี้กินข้าวมาหรือยัง” แพรพรรณถามน้องสาว
“ยังค่ะ”
“ไปๆ อาบน้ำจะได้มากินข้าวพร้อมกัน”
“งั้นแพรไปอาบน้ำก่อนน่ะค่ะ”
“ไปเถอะก่อนที่ตากรจะกินเค้กแทนข้าว” แพรวาจึงเดินขึ้นชั้นบนเพื่อจะไปอาบน้ำ เธออดนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้มิได้ไม่เข้าใจการกระทำของชายหนุ่ม ว่าเพราะอะไรเขาจึงทำแบบนี้ ทั้งที่ตัวเองก็มีแฟนอยู่แล้วยังจะมาทำลุ่มลามกับธออีก
ตัวเราเองก็เหมือนกันทำไมไม่ปฏิเสธเขานะไปปล่อยให้เขาจูบเอาแบบนั้นได้อย่างไร โธ่เอ๊ยยายแพรอายจริงๆ ถ้าเกิดเจอเขาอีกจะทำหน้าอย่างไรยังไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน แพรวาอาบน้ำเสร็จก้าวลงมาจากชั้นบนก็ได้ยินเสียงโวยวายของแพรพรรณที่กำลังคุยโทรศัพท์กับ
ใครบางคนด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะดีนัก
“ฉันไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นมันเรื่องของคุณช่วยไม่ได้ ฉันเบื่อจะพูดกับคุณแล้วนะคุณใหญ่”
“นั้นมันเรื่องของคุณฉันไม่ให้ลูกฉันไปอยู่ที่บ้านหลังนั้น...ฉันจะพาตากรไปเยี่ยมคุณพ่อเอง”
“จะมาเมื่อไรฉันจะไปรับ”
“คุณไม่ต้องมารับ...ถ้าจะไปฉันจะพาไปเองแล้วกัน
แค่นี้นะ” แพรพรรณวางโทรศัพท์พร้อมกับหันมาเห็นน้องสาวเดินลงมาจากชั้นบนพอดี
“อ้าวยายแพรมากินข้าวกันดีกว่า”
“มีอะไรหรือเปล่าค่ะพี่พรรณ” แพรวาถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรพ่อตากรมาพูดเรื่องอยากจะเอาตากรไปเลี้ยงเพื่อเอาใจคุณพ่อเขานะแต่ก่อนไม่เห็นมาดูดำดูดีแล้วตอนนี้จะ มาเอาอะไรกับฉัน” แพรพรรณกล่าวพร้อมถอนหายใจด้วยความหนักใจ
“พี่เบื่อมากเลยนะแพรพี่ไม่รู้จะทำอย่างไรดีแพรเธอต้องช่วยพี่นะ”
“เอาน่าพี่พรรณถ้าเราไม่ให้เขาคงไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ”
“เธอยังไม่รู้จักคนบ้านนี้...ลองต้องการอะไรแล้วล่ะก็เขาทำทุกวิถีทางให้ได้มาเลยล่ะ”
“ทุกคนเลยหรือค่ะ” แพรวาถามนึกถึงใครคนหนึ่งที่เอาแต่ใจตัวเองสุด ๆ
“ทำไมมีอะไรหรือเปล่า” แพรพรรรณถามอย่างสงสัย
“เปล่าค่ะ...แพรแค่ถามเฉยๆ”
“คงจะมีแต่คุณเล็กกับคุณน้อยนั่นล่ะนิสัยดีหน่อยไม่ร้ายเหมือนคนอื่น”
“แล้วคุณรองล่ะค่ะ” แพรวาเรียบ ๆ เคียง ๆ ถาม
“คุณรองน่ะไม่มีใครเดาใจเขาได้หรอกว่าเป็นอย่างไร...อ่านยากจะตาย ตอนพี่อยู่ที่นั้นก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไร” แพรพรรณกล่าวจบก็ถอนหายใจอย่างหนักใจ
“แต่ทุกคนในบ้านก็เกรงใจเขาขนาดว่าคุณรองเป็นลูกคนละแม่นะ ตัวคุณใหญ่เองก็เถอะถ้าคุณรองเอาจริงยังไม่จะกล้ากับน้องเลย”
“ลูกคนละแม่หรือค่ะ”
“ใช่คุณพ่อมีภรรยา 2 คน คุณแม่ใหญ่มีลูก 4 คน คุณรองนี่ก็เพราะแม่เสียหรอกถึงยอมมาอยู่บ้านของคุณพ่อ แต่เขาก็ว่ากันว่าคุณแม่ใหญ่ท่านก็เมตตาคุณรองมากนะรักอย่างกับลูกในไส้”
“มิน่าล่ะแพรถึงว่าเขาดูไม่เหมือนพี่น้องคนอื่น”
“กิจเจริญไพศาลที่เจริญขึ้นก็คุณรองบริหารหรอกนะ” แพรพรรณยังคงเล่าต่อ
“ทำไมล่ะค่ะ” แพรวาถามอย่างสงสัย
“คุณรองบริหารงานเก่งนะ...ถ้าให้คุณใหญ่บริหารละก็เจ๊งแน่”
“โธ่ไปว่าเขาพี่พรรณ..ไปค่ะทานข้าวกันเถอะอย่าคิดมากเลยนะ” แพรวาตัดบทเพราะไม่อยากให้พี่สาวคิดมาก เมื่อทานข้าวเสร็จแพรพรรณจึงบอกน้องสาวว่า
“อาทิตย์นี้แพรไปบ้านนั้นเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ” แพรพรรณเอ่ยชวนน้องสาวเพราะเธอไม่อยากไปคนเดียว
“ไปทำไมค่ะพี่พรรณ...” แพรวาถามเพราะเธอรู้ดีว่าปรกติพี่สาวเธอถ้าไม่จำเป็นจะไม่ไปบ้านนั้นเด็ดขาด
“คุณพ่ออยากเจอหน้าหลานนะถึงลูกชายท่านจะเลวนะแต่คุณพ่อก็เมตตาพี่มาก
ไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ”
“แพรไม่อยากไปเลยค่ะพี่พรรณ” แพรวาโอดครวญ
“ไม่รู้ล่ะเธอต้องไปเป็นเพื่อนพี่” แพรพรรณกล่าวจบก็ลุกเดินจากไปเพราะไม่อยากฟังคำปฏิเสธของน้องสาว ปล่อยให้แพรวานั่งถอนหายใจอย่างลำบากใจอยู่คนเดียว
“ฉันเบื่อนังบ้านี้จริงๆ ทำไมถึงเป็นคนพูดจาไม่รู้เรื่องอย่างนี่ก็มิรู้” คุณใหญ่บ่นอดีตภรรยาอย่างหัวเสีย
“เอาเถอะครับพี่ใหญ่ค่อยพูดค่อยจากันโตๆ กันแล้วเห็นแก่เด็กบ้าง”
“นายเล็กแกก็รู้จักพี่สะใภ้แกดีว่าเป็นคนอย่างไร ดื้อแค่ไหน คุณพ่อก็อะไรไม่รู้อยากจะมาเลี้ยงหลานตอนนี้”
“คนแก่นะครับคงอยากให้ลูกหลานอยู่ใกล้...อีกอย่างนายกรก็เป็นเด็กน่ารักคุณปู่เห็นก็ยิ่งหลงไปกันใหญ่”
“แล้วนี้ฉันยังไม่รู้จะจัดการกับแม่มันอย่างไรเลยนะ”
“นี่ถ้าไม่มีพี่พรรณสักคนปัญหาคงหมดไปนะครับพี่ใหญ่”
“นั่นซิ” คุณใหญ่รับคำน้องชายด้วยสีหน้าคิดหนัก
“คิดดูนะครับพี่ใหญ่ถ้าเกิดพี่ใหญ่พูดกับพี่พรรณรู้เรื่องแล้วได้น้องกรมาให้คุณพ่อดูแลคุณพ่อคงจะดีใจมากไม่แน่นะครับถ้าได้น้องกรมาให้คุณพ่อๆ คุณพ่ออาจจะปลื้มพี่ใหญ่มากกว่านี้ก็ได้”
“ก็จริงของนาย...เฮ้ยเลิกพูดถึงผู้หญิงน่าเบื่อ...เซ็งโว้ย”
“ทุกคนหรือเปล่าพี่ใหญ่” พูดพร้อมกับหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี
“ไอ้บ้าเป็นคน ๆ ซิว่ะ”
“ผมก็ว่างั้นล่ะ...” แล้วทั้งสองหนุ่มก็หัวเราะกันอย่างถูกอกถูกใจ
“แกว่าน้องเมียฉันน่ารักมั้ยว่ะ” สุรศักดิ์ถามน้องชายใบหน้ายิ้มกริ่ม
“ทำไมครับ...ถูกใจหรือครับ” สุทธิชัยถามพี่ชายเพราะรู้ดีว่าพี่ชายของตัวนิสัยเป็นอย่างไร
“ออกจะสวยหวานปานนั้น” สุรศักดิ์ทำหน้าเคลิ้มฝัน
“นี้มันเข้าตำราพี่เขยกับน้องเมียหรือเปล่าครับเนี่ย” น้องชายแซว
“ถ้าฉันได้เจอก่อนที่จะเจอยายพรรณละก็...ฮือ...” สุรศักดิ์กล่าวอย่างมาดหมาย
“โธ่พี่ใหญ่ครับ”
“ก็มันถูกใจนี้หว่า” สุรศักดิ์กล่าวพร้อมกับหัวเราะอย่างถูกอกถูกใจ
“หัวเราะอะไรกันค่ะสองหนุ่ม” คุณน้อยน้องสาวคนเล็กของบ้านถามพร้อมวางเครื่องดื่มที่ถือมาให้กับพี่ ๆ ทั้งสอง
“อย่างน้องน้อยเนี่ยไงพี่ใหญ่...ใครได้ไปรับรองไม่เบื่อ”
“นินทาผู้หญิงกันอีกแล้วล่ะซิ” ก่อนที่จะได้รับคำตอบก็ได้ยินเสียงรถของพี่ชายคนรอง
“พี่รองคงกลับมาแล้ว” คุณน้อยเดินออกไปรับที่ชายคนรองของบ้านที่ทุกคนต่างรู้ดีว่าทำงานเหนื่อยที่สุดในบ้าน
“เหนื่อยไหมค่ะพี่รอง”
“ไม่หรอก...ขอน้ำเย็นพี่แก้วหนึ่งน่ะน้อย จะเอาอะไรด้วยไหมวิท”
“ไม่ครับขอบคุณ” วิทตอบไม่ยอมมองหน้าหญิงสาว
“เอาไปให้พี่ที่ห้องทำงานน่ะน้อย...ไปวิท” วิทยาหันไปก้มศีรษะให้ผู้ที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกทั้งสองคน
“ค่ะเดี๋ยวน้องเอาไปให้” คุณน้อยกล่าวจบพร้อมกับเดินนำออกไปก่อน
“ดูมันทำจะทักพวกเราสักนิดก็ไม่มี” สุรสศักดิ์กล่าวอย่างหัวเสีย
“เอาเถอะครับพี่ใหญ่
พี่รองเขาคงเหนื่อยนะครับ” สุทธิชัยพยายามไกล่เกลี่ย
“โธ่มันจะเหนื่อยอะไรหนักหนา...คุณพ่อก็ลำเอียงอะไร ๆ กันให้มันทำหมดเห็นฉันเป็นอะไรทั้งที่มันเป็นแค่ลูกเมียน้อย”
“เอาน่าพี่ใหญ่เราอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้วล่ะครับ” สุทธิชัยพยามยามกล่าวปลอบใจพี่ชายไม่ให้คิดมาก
“แกไม่โกรธมั่งหรือเล็กที่คุณพ่อทำแบบนี้ยกย่องลูกเมียน้อยมากกว่าพวกเรา”
“แล้วจะให้ผมทำอย่างไรมันเป็นการตัดสินใจของคุณพ่อ”
“โว้ยเบื่อ...แกไปกินเหล้ากับฉันดีกว่า” สุรศักดิ์หมดอารมณ์กินเหล้าจึงชวนน้องชายไปเที่ยวด้วย
“เชิญเถอะครับขี้เกียจไป”
“ตามใจ...ไปล่ะ” กล่าวจบคุณใหญ่ก็ก้าวเดินออกไปทันทีอย่างหัวเสีย เล็กมองตามพี่ชายคนโตอย่างเบื่อหน่ายก็เป็นแบบนี้มีหรือที่พ่อจะไว้วางใจให้ทำอะไรที่ให้ทำงานในบริษัทก็ไม่ค่อยจะมีความรับผิดชอบเท่าไร แล้วจะมาหวังให้พ่อมอบหมายงานใหญ่ ๆ
ให้เขามองไม่เห็นทางเลยด้วยซ้ำไป
ตอนที่ 4
“เรื่องที่ให้ไปสืบมาเป็นไงบ้างวิท” ชายหนุ่มกล่าวหลังจากที่น้องสาวเปิดประตูออกไปแล้ว
“ไม่สู้ดีนักครับนาย” วิทกล่าวอย่างหนักใจ
“ทำไม”
“ส่อเค้าว่าจะเป็นเรื่องจริงครับ...ขอแค่เอกสารยื่นยันอีกนิดหน่อยแล้วผมรีบจัดการโดยด่วน” สุรสีห์พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ดี...ฉันต้องการรู้โดยเร็วที่สุดแล้วอย่าลืมให้คนของเราติดตามอย่างใกล้ชิดด้วยนะ”
“ครับผม” วิทรับคำ
“นายว่าเธอเป็นอย่างไรบางวิท” สุรสีห์ถามขึ้นลอย ๆ
“ใครครับ” วิทถามอย่างงงตามอารมณ์ของเจ้านายไม่ค่อยทัน
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้ ...ฉันรู้ว่านายอยู่แถวนั้น”
“อ้อ”
“อ้อ...อะไรของนายวะวิท” สุรสีห์ขมวดหัวคิ้ว
“ครับ”
“ครับอะไร” สุรสีห์ถามอย่างโมโหกับอาการกวน...ของคนสนิท
“ก็คนที่สามารถทำให้เจ้านายยิ้มได้คงไม่ธรรมดาครับ” คำตอบของคนสนิทเรียกรอยยิ้มให้กับชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี
“ขอบใจมากวิท...ไปพักผ่อนได้แล้ว”
“ครับผม” เมื่อได้ยินเสียงประตูปิดรอยยิ้มจากริมฝีปากชายหนุ่มเริ่มจางหายไปเหลือเพียงเสียงถอนหายใจด้วยความหนักใจกับเรื่องที่ได้รับรู้มา ไม่อยากจะคิดถ้าพ่อรู้เข้าจะเสียใจสักเพียงไหนกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวที่ท่านรัก
หลังจากแยกกับเจ้านาย วิทกลับมายังห้องพักของตัวเอง วิทพักอยู่เรือนหลังเล็กแยกส่วนมาจากบ้านเจ้านาย พ่อของเขาเคยเป็นคนขับรถให้คุณสุรชัยหลังจากพ่อตายคุณสุรชัยส่งเสียเขาเรียน วิทกับสุรสีห์อายุเท่ากันจึงเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กและอาจจะเพราะคุณใหญ่
กับคุณรองชอบต่อยตีกันเป็นประจำคุณรองเลยหันมาเล่นกับเขาแทนหลีกเลียงที่จะเล่นกับพี่น้องคนอื่น สุรสีห์ไม่ใช่คนถือตัวไม่เคยคิดว่าเขาเป็นแค่ลูกคนขับรถ ให้ความสนิทสนมดุจเขาเป็นเพื่อนคนหนึ่งจึงทำให้วิทนับถือสุรสีห์มาก พวกเรามาแยกกันก็ตอนจบปริญญาตรี
คุณสุรสีห์ต้องไปเรียนต่างประเทศตามความต้องการของคุณสุรชัย ช่วงเวลานั้นเขาเข้าทำงานที่บริษัทคอยรับใช้คุณสุรชัยและได้ใกล้ชิดกับคุณน้อยมากขึ้น คุณน้อยคงเป็นอีกคนหนึ่งที่เห็นเขาเป็นเพื่อนไม่เคยแสดงกิริยารังเกียจที่เขาเป็นแค่ลูกคนขับรถให้ความสนิทสนมจนเกิด
บางสิ่งบางอย่างขึ้นในหัวใจเขา แต่เขาก็ได้แต่บอกกับตัวเองว่าให้เจียมเนื้อเจียมตัวว่ามันคนละชั้นกันและไม่มีทางเป็นได้ เขาจึงพยามยามที่จะหลีกเลี่ยงการพบปะกันระหว่างเขากับคุณน้อยเพื่อไม่ให้ตัวเองถลำลึกไปมากกว่านี้
เมื่อเรียนจบกลับมาและเริ่มทำงานเขาจึงได้มาช่วยงานและด้วยความสนิทสนมกัน จึงทำให้พวกเขาเข้ากันได้ดีจนบางครั้งเขาโดนคุณใหญ่ว่าให้ว่าเขาเป็นพวกชอบประจบสอพอ แต่วิทก็ไม่สนใจ วิทถือว่าเขาต้องตามหน้าที่
ที่ได้รับมอบหมายจากคุณสุรชัยและสุรสีห์เท่านั้นคนอื่นในบ้านเขาแทบไม่ใส่ใจเลยว่าใครจะว่าอะไรเขา การกระทำวันนี้ของเจ้านายก็สร้างความแปลกใจให้วิท พอสมควรเพระตั้งแต่รู้จักกันมาแต่เด็ก เจ้านายไม่เคยแสดงออกกับใครเหมือนที่แสดงกับสาวน้อยคนนี้
ไม่ใช่ว่าเจ้านายเขาจะไม่เคยคบใคร ในชีวิตของเจ้านายแถมจะไม่เคยขาดผู้หญิงเลยก็ว่าได้ด้วยความพร้อมทั้งฐานะ หน้าตา มีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้าใส่นายสุรสีห์ของบ้านกิจเจริญไพศาลกันทั้งนั้น แต่เจ้านายก็ไม่เคยให้ความสนิทสนมกับใครมากเป็นพิเศษ
แม้แต่คุณซินดี้ที่เช้าถึงเย็นถึงเจ้านายก็ยังรักษาระดับความเป็นเพื่อนเท่ากับผู้หญิงอื่นทุกคนที่คุณรองคบด้วย จะมีก็แต่สาวน้อยคนนี้เท่านั้นที่เจ้านายค่อนข้างจะให้ความเอ็นดู เป็นพิเศษกว่าคนอื่น ชักน่าสนุกขึ้นมาแล้วซิ เขาจะคอยจับตาดูว่าระหว่างเจ้านายเจ้าอารมณ์ของเขา
กับสาวน้อยคนนั้นใครจะเป็นฝ่ายชนะกันแน่
“สวัสดีครับคุณใหญ่” คุณใหญ่รับไหว้ด้วยมือข้างเดียวเพราะอีกข้างหนึ่งโอบหญิงสาวที่เรียกมานั่งดื่มด้วย
“สวัสดีเสี่ย”
“คุณใหญ่ให้เกียรติมาเที่ยวถึงนี้” ชายวัยกลางคนนามว่าปกรณ์ยกมือขึ้นไหว้แล้วลงนั่งที่โซฟาด้านตรงข้าม
“จะมาถามนะว่ามีปัญหาอะไรมั้ย”
“ไม่มีปัญหาครับทุกอย่างเรียบร้อยดี...คุณใหญ่มาก็ดีแล้วเดี๋ยวผมจ่ายค่าเช่าโกดังให้ครับ” ชายวัยกลางคนกล่าวพร้อมกับเสียงหัวเราะลงคอแบบถูกอกถูกใจ
“ไม่ต้องรีบร้อนก็ได้เรามันคนกันเอง”
“ไม่เป็นไร...คุณใหญ่ต้องการอะไรเพิ่มก็เชิญเลยน่ะครับไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบใจมากเสี่ย”
“ครับตามสบายเลยครับคุณใหญ่
บริการคุณใหญ่ดีๆ น่ะ” คุณใหญ่หันไปสนใจสาวน้อยในอ้อมกอดทันที เมื่อหมดธุระที่จะคุยกับนายปกรณ์แล้ว นายปกรณ์หันไปมองคนสนิทที่ยืนอยู่ด้วยข้างหลังพยักหน้าเรียกแล้วเดินออกไปจากห้องนั้นทันที
หลังจากที่เห็นว่าคุณใหญ่หันไปสนใจสาวน้อยในอ้อมกอดแล้ว
“มันเก็กน่าดูน่ะครับนาย” ชิดคนสนิทของนายปกรณ์กล่าวหลังจากเดินออกมาพ้นบริเวณนั้นแล้ว
“ชั่งหัวมันเถอะคนรวยก็อย่างนี้ล่ะ...แกอย่าไปสนใจเลยแล้วงานที่ให้ไปทำล่ะ”
“เรียบร้อยครับนาย โกดังที่เช่านั้นทำเลดีไม่ค่อยเป็นที่สนใจของตำรวจเท่าไรแล้วยิ่งเป็นของกิจเจริญไพศ่าลและละก็ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงใครอยากจะยุ่งกับคนตะกูลนี้กัน”
“ฮ้าๆๆๆๆ... ดี ๆ มาก” นายปกรณ์หัวเราะอย่างถูกอกถูกใจ
“นี่ถ้ามันรู้ว่าเราเอาโกดังไปทำอะไรมันคงหัวเราะไม่ออกนะครับ”
“คนอย่างมันจะสนใจอะไรดีแต่พล่านเงินไปวัน ๆ แต่แกระวังหน่อยแล้วกันไอ้สุรสีห์หูตามันยังกับสับปะรดไหนจะคนสนิทมันอีกฉันไม่อยากให้เสียงานตอนนี้”
“ครับผมเจ้านาย
ผมจะระวังครับ”
“แล้วนี้ไอ้จักรมันไปไหน...ฉันไม่เห็นหน้ามันเลย”
“ผมให้ดูความเรียบร้อยที่โกดังครับ”
“ดูมันหน่อยนะชิด...อย่าให้มีปัญหานะ”
“ไอ้จักรมันไว้ไจได้นายไม่ต้องห่วง” ชิดออกรับแทนลูกน้องที่ตนเอาเข้ามาฝากทำงานกับเสี่ย เขากับมันเจอกันเพราะกินเหล้าแล้วมีเรื่องลูกน้องก็โดนซัดเสียหมอบดีว่าไอ้จักรมันเข้ามาช่วยไม่งั้นเขาก็คงแย่เหมือนกัน
“เออแกพูดแบบนี้ฉันก็เบาใจ...แกไปพักผ่อนได้แล้วเหนื่อยมามากแล้วนี้”
“ครับผม” เมื่อคนสนิทเดินออกจากห้องไป นายปกรณ์ยังยิ้มด้วยใบหน้าที่อิ่มเอิบใจเมื่อนั่งคำนวณตัวเลขของเงินที่จะวิ่งมาเข้ากระเป๋าโดยไม่ต้องลงแรงอะไรมากมาย แถมไม่ต้องกลัวจะมีปัญหาเพราะมีคนในตระกูลกิจเจริญไพศาลมาเกี่ยวด้วยแบบนี้
“อ้าวรองมาแล้วเหรอ” ประมุขบ้านกิจเจริญไพศาลทัก
“คุณพ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ” สุรสีห์ถามหลังจากที่กลับจากทำงานแล้วเด็กรับให้บอกว่านายสุรชัยต้องการพบ
“เรื่องตากรนั้นล่ะ...พ่ออยากให้หลานมาอยู่ด้วย”
“คงต้องคุยกับคุณพรรณอีกทีครับแต่ท่าทางจะยากอยู่นะครับ” ชายหนุ่มกล่าวหลังจากที่ทราบว่าหลานชายนั้นอยู่กับแม่มาตั้งแต่ต้น ทางกิจเจริญไพศาลไม่ได้เลี้ยงดูถึงแม้พ่อของเขาจะส่งเงินลี้ยงดูแต่ละเดือนให้ตามความถนัดที่คิดว่าปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้
ด้วยเงินจนลืมนึกถึงความเป็นจริงว่าเงินไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างเสมอไป หลานชายเขาเป็นคนย่อมต้องการความรักการดูแลเอาใจใส่
“นั่นล่ะพ่อถึงอยากปรึกษาเราไงว่าจะพูดอย่างไรกันดี” สุรสีห์ไม่อยากจะเข้าข้างใครเพราะตอนที่ทั้งคู่แต่งงานกันเขายังอยู่ต่างประเทศอยู่พอกลับมาก็ทั้งคู่ก็เลิกกันแล้วโดยส่วนตัวเขาไม่ค่อยได้รู้จักกับพี่สะใภ้เท่าไรนัก แล้วทั้งคู่ยังใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันในระยะสั้นมาก
ตอนเลิกกันฝ่ายหญิงก็ไม่ยอมบอกว่ามีท้องเพราะกลัวทางนี้จะไม่ยอมให้หย่าง่าย ๆ แต่ก็อย่างว่าสำหรับเขาค่อนข้างจะเห็นใจฝ่ายหญิงเสียมากกว่าที่ต้องมาทนกับพี่ชายของเขาที่ไม่มีความรับผิดชอบเอาเสียเลย
“จะเอายังดี...รอง” แต่ก่อนที่สุรสีห์จะให้พูดอะไรต่อจากนั้นสุทธิชัยก็เข้ามาพอดี
“คุยอะไรกันครับผมคุยด้วยคนได้มั้ยครับ” สุทธิชัยถามเมื่อเข้ามานั่งข้างสุรสชัย
“ได้ซินายเล็ก
ไม่มีความลับอะไรหรอก” สุรชัยกล่าวกับลูกชายคนเล็กของตัวเอง
“คุยอะไรกันครับ”
“เรื่องของกรนะ...พ่ออยากให้หลานมาอยู่ด้วย”
“ผมว่าคงยากครับพ่อ...ดูท่าทางพี่พรรณแล้ว” สุทธิชัยยักไหล่
“นั้นล่ะพ่อถึงได้อยากปรึกษาพวกเราไงล่ะ” สุรชัยมองหน้าลูกชายสองคนของเรา
“พ่อกลุ้มใจกับใหญ่เหลือเกิน...” นายสุรชัยถอนหายใจอย่างหนักใจกับลูกชายคนโตที่ไม่เป็นโล่เป็นพายเลย
“พรุ่งนี้รองกับเล็กมีธุระอะไรหรือเปล่า...ถ้าไม่มีอยู่บ้านนะพ่อให้พรรณพากรมาหา”
“ผมไม่มีธุระอะไรหรอกครับ...พี่รองล่ะมีหรือเปล่า” สุรสีห์ส่ายศีรษะก้มหน้าลงไม่สบสายตากับพ่อของเขาที่จับตามองเขาอยู่
“ดี...แล้วกินข้าวกันมาหรือยัง”
“ยังครับ...ว่าจะมาทานเป็นเพื่อนคุณพ่อ” สุทธิชัยกล่าวอย่างเอาใจ
“ไป ๆ ทานข้าวกัน” สุรชัยโอบบ่าลูกชายคนเล็กเดินนำออกไปก่อน
“น้องกรเร็ว ๆ ครับเดียวคุณปู่รอนานนะ” แพรพรรณตะโกนเรียกลูกชายเมื่อเห็นแต่งตัวไม่เสร็จสักที
“เสร็จแล้วครับคุณแม่...น้าแพรเสร็จหรือยังครับ” สิทธิกรตะโกนเรียกน้าสาวลั่นบ้าน
“น้าแพรเสร็จตั้งนานแล้วนายลูกหมู” แพรวาบอกเมื่อหลานชายเดินลงมาสมทบที่ห้องรับแขก
“ว่ากรอีกแล้วนะน้าแพรนะ” สิทธิกรบ่นพึมพลำ มองไม่เห็นกระเป๋าของน้าสาวจึงถาม
“น้าแพรเตรียมชุดว่ายน้ำไปหรือเปล่าครับ”
“เปล่า...ทำไมกรจะว่ายน้ำหรือครับ” แพรวาถามหลานชายเพราะรู้ดีว่าหลานชายชอบว่ายน้ำเป็นชีวิตจิตใจ
“ครับน้าแพรไปว่ายน้ำด้วยกันนะ”
“ไม่เอาหรอก...กรอยากว่ายก็ว่ายไปคนเดียวซิ” แพรวารีบปฏิเสธใครจะกล้าไปว่ายน้ำในบ้านผู้ชายตาใบมีดโกนคมกริบคนนั้น
“ไม่เอาจะให้น้าแพรว่ายด้วยนี่นา”
“พอ ๆ ทั้งคู่เลยไปกรขึ้นรถ...” แพรพรรณตัดบทก่อนที่ทั้งคู่จะทะเลาะกันมากไปกว่านี้ แพรวาใจไม่ค่อยดียิ่งใกล้จะถึงบ้านกิจเจริญไพศาลเท่าใดก็ยิ่งหายใจไม่ทั่วท้อง พอเลียวรถเข้ามาในบ้านจึงเห็นประมุขของบ้านออกมารอรับหลานชายอยู่ที่หน้าบ้าน
“มาลูกมาให้ปู่กอดให้หายคิดถึงหน่อย” คุณสุรชัยกอดหลานชายด้วยความคิดถึง
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ....คุณน้อย” แพรวายกไหว้ตามพี่สาว
“คุณพ่อตื่นเต้นใหญ่เลยค่ะ...ไม่ยอมทานข้าวด้วยนะค่ะจะรอทานพร้อมหลานชาย” สุทธิดากล่าวยิ้ม
“ไป ๆ เข้าบ้านกันแม่พรรณ...หนูด้วยเข้าบ้านกัน” ทั้งหมดเดินเข้าบ้านกัน
เมื่อรับประทานอาหารเช้าเสร็จน้องกรรบเล้าจะเล่นน้ำให้ได้ คุณสุรชัยจึงตามใจเดินมานั่งเล่นกันที่ริมสระน้ำขนาดใหญ่ของบ้าน ส่วนนี้ของบ้านแทบจะไม่ได้ใช้งานเลยก็ว่าได้เหมือนมีไว้ประดับบารมีเฉย ๆ เพราะนาน ๆ ครั้งจึงจะมีคนใช้สระน้ำทีส่วนมากคนที่จะใช้คือลูกชาย
คนรองแต่เดี๋ยวนี้พองานเยอะจึงไม่ได้ใช้งานเท่าไรนัก
“น้าแพรว่ายน้ำกับกรหน่อยซิ...กรไม่มีเพื่อนว่ายน้ำด้วย...นะน้าแพรนะ” สิทธิกรกวักมือเรียกน้าสาว
“น้าแพรไม่ได้เตรียมชุดว่ายน้ำมานี้จ๊ะ...ว่ายเป็นเพื่อนกรไม่ได้หรอกนะ” แพรวาบอกวักน้ำสาดไปที่หลานชายที่ว่ายน้ำหนีเธอ
“ถ้าไม่ถือเอาของน้อยก็ได้ค่ะคุณแพร” สุทธิดาเอ่ยปากเพราะเห็นหลานชายเล่นน้ำอยู่คนเดียว
“ไม่รบกวนหรอกค่ะ” แพรวากล่าวอย่างเกรงใจ
“รบกวนอะไรกันค่ะมาเถอะค่ะ...กรจะได้มีเพื่อนเล่นน้ำจะได้อยู่กันนาน ๆ มาค่ะน้อยว่ายเป็นเพื่อนด้วยก็ได้” แพรวาปฏิเสธไม่ได้จึงจำใจลุกตามแรงฉุดของคุณน้อยไปเปลี่ยนชุดว่ายน้ำ
“เป็นไงบ้างแม่พรรณอยู่กันได้นะ” สุรชัยถามอย่างปราณีเขายอมรับว่ารู้สึกผิดกับลูกสะใภ้ตอนอยู่ที่นี้เขาไม่ได้ดูแลหญิงสาวให้ดี
“พรรณสบายดีค่ะคุณพ่อ...คุณพ่อพรรณขอร้องให้พรรณเลี้ยงน้องกรต่อไปเถอะค่ะพรรณสัญญาว่าจะพากรมาเยี่ยมคุณพ่อบ่อยๆ “ แพรพรรณกล่าวเสียงสั้น
“แม่พรรณ”
“คุณพ่อค่ะกรเป็นดวงใจของพรรณขอความเมตตาจากคุณพ่อ...พรรณไหว้ละค่ะ” นายสุรชัยถอนใจอย่างหนักใจ
“แม่พรรณพ่อแก่มากแล้วนะพ่ออยากให้หลานมาอยู่ใกล้ ๆ ”
“เอาอย่างนี้มั้ยค่ะพรรณจะพากรมานอนค้างกับคุณพ่อบ้าง...แต่จะให้มาอยู่เลยพรรณคงยอมไม่ได้หรอกค่ะ”
“ถ้าแม่พรรณสัญญากับพ่อว่าจะพา...กรมานอนกับพ่อบ่อย ๆ ก็ได้” แพรพรรณยกมือไหว้ขอบคุณ แต่ก่อนที่จะคุยอะไรกันต่อพอดีเห็นคุณรองและคุณเล็กเดินมาพอดี
“อ้าวอยู่บ้านกันทั้งคู่เลยเหรอ” สุรชัยทักทายลูกชายสองคนที่เดินเข้ามาในบริเวณสระน้ำ
“ครับคุณพ่อสวัสดีครับพี่พรรณ”
“สวัสดีค่ะ
ไม่ออกไปไหนกันหรือค่ะ” แพรพรรณถามสองหนุ่มเพราะน้อยครั้งที่จะเห็นทั้งสองอยู่บ้านตั้งแต่ตอนยังอยู่กับสุรศักดิ์
“เบื่อนะครับพี่พรรณ...พี่รองล่ะ”
“ผมจะไปช่วงเย็นครับ...มาคนเดียวหรือครับคุณพรรณ” สุรสีห์ถามหลังจากพยายามมองหาหญิงสาวอีกคนหนึ่ง
“มากับกรและก็แพรค่ะนี้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจะลงเล่นน้ำกันนะค่ะ
นั้นไงค่ะมาพอดีเลย” ชายหนุ่มทั้งคู่หันไปมองจึงสบสายตาของหญิงสาวที่มองมาพอดี
“อ้าวพี่รองอยู่บ้านหรือค่ะ...น้อยคิดว่าไปตีกอล์ฟเสียอีก” ชายหนุ่มยิ้มทักน้องสาว แต่ตาไม่ได้มองไปทางอื่นเลยนอกจากวงหน้าของหญิงสาวที่ตอนนี้อยู่ในชุดที่ชวนให้หัวใจหวิว ๆ ชุดว่ายน้ำที่หญิงสาวใสนั้นดูเหมือนจะเรียบร้อยถ้าเกิดไม่เว้าโคน
ขาเสียสูงแล้วข้างหลังเว้าลึกเกือบถึงสะโพก ทำให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งที่ลงตัวที่สุดในสายตาของเขา แพรวายกมือไหว้ชายหนุ่มโดยที่ไม่กล้าจะสบตาก็ดูสายตาที่ชายหนุ่มใช้มองเธอซิ ตอนนี้เธอรู้สึกว่าแขนขาเธอเกะกะไปหมดไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนถูก
“สวัสดีครับคุณแพร” เสียงของคุณเล็กเรียกสติของหญิงสาวกับมา
“สวัสดีค่ะคุณเล็ก”
“น้าแพรลงมาซิครับเร็ว”
“จ๊ะลงแล้วจ๊ะ...ไปค่ะคุณน้อย” หญิงสาวรีบชวนกันลงสระเพราะอายสายตาของชายหนุ่มที่มองมา
“พี่รองพี่เล็กเล่นน้ำด้วยกันไหมค่ะ”
“ไม่จ๊ะ...น้อยกับคุณแพรเชิญตามสบายครับ...” แพรวาคิดว่าคงจะสนุกกว่านี้แน่ถ้าไม่มีสายตาของใครบางคนมองอยู่ตลอดเวลาที่ลงเล่นน้ำกับหลานชาย
“ว่ายน้ำแข่งกันนะน้าแพร...แต่น้าแพรต้องต่อให้กรนะ” สิทธิกรร้องท้าน้าสาว
“เรื่องอะไรนายตัวดีถ้าต่อให้แล้วจะเรียกว่าแข่งหรือจ๊ะ”
“ก็น้าแพรโตกว่ากรตั้งเยอะนี้น่า” สิทธิกรต่อรองอย่างเจ้าเล่ห์
“เอาซิจ๊ะ...อาน้อยจะเป็นกรรมการให้” อาสาวบอกหลานชายอย่างเอาใจ
“ถ้ากรชนะน้าแพรกับอาน้อยต้องเลี้ยงไอศกรีมกรนะ”
“แล้วถ้าน้าแพรชนะล่ะ...กรจะให้อะไรน้าแพร”
“ถ้าน้าแพรชนะ...คืนนี้กรจะไปนอนให้น้าแพรกอดทั้งคืนเลย” คำตอบของหลานชายเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ใหญ่ที่ได้ยินการสนทนาของสองน้าหลาน พอเริ่มการแข่งขันปรากฏว่าแพรวาแกล้งแพ้
“ไชโยได้กินไอศกรีมแล้ว...เย้เย้” ความสดใสร่าเริงของหลานชายทำให้บ้านกิจเจริญไพศาลกับมามีขีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง
“ขึ้นเถอะครับแดดเริ่มแรงแล้ว” แพรวาบอกกับหลานชายหลังจากเล่นน้ำกันเกือบสองชั่วโมง
“มาครับผมช่วย” สุทธิชัยยื่นมือมาช่วยรับกรขึ้นจากสระน้ำพร้อมกับช่วยพยุงหญิงสาว พอขึ้นจากสระได้แพรวาจึงดึงแขนออกอย่างสุภาพ
“ขอบคุณค่ะคุณเล็ก” กล่าวพร้อมกับแอบมองชายหนุ่มอีกคนหนึ่งซึ่งตอนนี้หาสนใจเธอไม่ เพราะกำลังคุยกับคุณสุรชัยอย่างออกรส เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จจึงออกมาเห็นหลานชายหลับอยู่บนโซฟาด้วยความอ่อนเพลีย
“ดูหลานชายเธอซิยายแพร” แพรวาอดที่จะยิ้มกับความน่ารักของหลานชายไม่ได้
“จะกลับบ้านกี่โมงค่ะพี่พรรณ” แพรวาถามพี่สาวเพราะนี้ก็บ่ายแก่แล้ว
“รอให้กรตื่นก่อนนะค่อยกลับ”
“งั้นแพรไปเดินเล่นในสวนหน้าบ้านนะค่ะ”
“ไปเถอะ” แพรวาเดินเล่นมาเรื่อย ๆ จนเห็นศาลาที่ริมบึงจึงเดินไปนั่งเล่นที่ศาลา มีบึงบัวขุดขึ้นเองภายในบ้านแถมมีต้นไม้ร่มรื่นทำให้มุมนี้น่านั่งเล่นขึ้นมาก
“เหนื่อยมั้ย” แพรวาตกใจหันมาเห็นคุณรองยื่นอยู่ใกล้ ๆ
“ว่าไงเหนื่อยมั้ย”
“เหนื่อยอะไรค่ะ” แพรวาไม่กล้าสบสายตาของชายหนุ่มที่มองมา
“ก็ที่เล่นน้ำกับน้องกร”
“ไม่หรอกค่ะแพรชินแล้ว...คุณรองเดินมาทางไหนค่ะทำไมแพรไม่” แพรวาถามเมื่อตอนที่เดินมาเธอไม่เห็นเขา
“ผมนั่งอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้วแต่แพรคงไม่ได้สังเกต...มุมนี้เป็นมุมโปรดของผมเลยนะ” สุรสีห์ตอบข้อสงสัยของหญิงสาว
“ค่ะ...ลมพัดเย็นสบายมากเลย”
“ผมไม่อนุญาตให้ใส่ที่อื่นนะ” ชายหนุ่มพูดไปอีกเรื่องหนึ่งคนแพรวาตามไม่ทัน
“อะไรค่ะ” แพรวาถามอย่างงง บอกตามตรงว่าเธอตามเขาไม่ค่อยจะทัน
“ก็ชุดว่ายน้ำไงต่อไปนี้ห้ามไปใส่เด็ดขาด
ถ้าไม่มีผมอยู่ด้วย”
“เรื่องอะไรค่ะ” แพรวาคิดในใจก็มันเรื่องของเธอทำไมต้องขออนุญาตเขาด้วย
“อย่ามาดื้อกับผมนะแพรผมไม่อนุญาตก็คือไม่อนุญาต” สุรสีห์กล่าวอย่างคนเอาแต่ใจและไม่ชอบให้ใครมาขัดใจด้วย
“ก็มันเรื่องอะไรล่ะค่ะมาห้ามแพรไม่ไห้ใส่ชุดว่ายน้ำ
แพรไม่ใช่คุณซินดี้นะค่ะเรื่องอะไรต้องห้าม”
“เกี่ยวอะไรกับซินดี้ล่ะ”
“ก็คุณซินดี้เป็นแฟนคุณไม่ใช่หรือค่ะ” แพรวาตอบและหันหลังให้ไม่อยากให้เขาเห็นว่าเธอลุ้นคำตอบขนาดไหน
“ผมกับซินดี้เป็นแค่เพื่อนกันนะ”
“แพรไม่ได้ถามเสียหน่อย” แพรวาลอบยิ้มเมื่อชายหนุ่มปฎิเสธความสัมพันธ์กับนางแบบสาว
“เอาเป็นว่าผมเต็มจะบอกคุณแล้วกัน
แล้วเรื่องนั้นว่าอย่างไร” สุรสีห์แตะบ่าหญิงสาวบังคับให้เธอหันมาหาเขา หญิงสาวยังคงก้มหน้าหลบสายตาของชายหนุ่ม สุรสีห์เชยปลายคางของหญิงสาวขึ้นช้าจนสายตาสบสายตากัน
“คุณรองจะห้ามแพร...ใส่เลยหรือค่ะ” แพรวาถาม
“ไม่ได้ห้ามไม่ให้ใส่...จะใส่ก็ได้แต่ต้องมีผมอยู่ด้วยเข้าใจไหม” แพรวามองหน้าคนพูดแต่ไม่ยอมตอบรับใด ๆ ทั้งสิน
“ว่าไงล่ะ” แพรวาไม่ยอมตอบคำถาม สุรสีห์เอื้อมมือไปลูบผมที่ตกลงมาปิดหน้าตาของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน
“แล้วเรื่องอะไรที่แพรต้องรับปากด้วยล่ะค่ะ” สุรสีห์จับมือของหญิงสาวขึ้นมาจูบที่ใจกลางฝ่ามือ จับมือของเธอแนบกับแก้มของเขา แพรวาพยายามที่จะดึงมือออกจากการจับกุมของชายหนุ่ม
“ปล่อยค่ะเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“รับปากผมก่อนซิ” สุรสีห์ยังคงรอคำตอบ
“จะให้รับปากว่าอะไรล่ะค่ะ” แพรวาถามอย่างลืมตัวจะไม่ลืมได้ยังไงในเมื่อจิตใจเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย
“รีบปากว่าจะไม่ใส่ชุดว่ายน้ำโดยที่ไม่มีผมอยู่ด้วย
รับปากผมนะคนดี” สุรสีห์มองหน้าหญิงสาวอย่างหลงใหลแพรวาเหมือนโดนมนต์สะกดไปชั่วขณะ
“ค่ะ
”
“ค่ะว่าอย่างไร”
“แพรจะไม่ใส่ชุดว่ายน้ำ” แพรวารับปากอย่างขัดใจคนอะไรเอาแต่ใจซะมัดเลย
“ใส่ได้แต่ต้องต่อหน้าผมเท่านั้น
” ก่อนที่ทั้งคู่จะได้คุยกันต่อก็ได้ยินเสียงเรียกภายในบ้าน ทั้งสองจึงเดินกลับเข้าไปในบ้าน เมื่อกลับมาบ้านแพรวาอดที่จะรู้สึกวาบหวามหัวใจไม่ได้กับท่าทีของชายหนุ่ม หรือเราจะคิดมากไปเขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรกับเรา
คงเห็นเราเป็นเด็กที่หรอกง่าย ๆ หรือเปล่านะ แพรวานอนคิดจนหลับไปด้วยหัวใจสับสน
สองหนุ่มสาวไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่ทั้งสองปฎิบัติต่อกันนั้นมีสายตาอีกคู่มองด้วยความสนใจใคร่อยากรู้ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองว่าเป็นอย่างไรกันแน่ ประมุขของบ้านกิจเจริญไพศาลมองสองหนุ่มสาวอย่างพอใจนานแล้วนะที่เขาไม่ได้เห็นลูกชายคนนี้ทำอะไรอย่างนี้
เพราะเป็นที่รู้กันว่าสุรสีห์เป็นคนเก็บความรู้สึกมากขนาดไหน ทั้งในบ้านและที่ทำงานไม่มีใครเคยรู้ใจลูกชายคนนี้ของเขา กระทั้งตัวเขาเองก็ตามไม่เคยเดาได้เลยว่าลูกคนนี้คิดอะไรอยู่ในใจกันแน่ บรรดากรรมการของบริษัททั้งหลายก็มีมาพูดเข้าหูเข้าบ้างเหมือนกัน
เกี่ยวกับลูกชายคนนี้ว่าเดาความรู้สึกอย่างเหลือเกิน แต่ทุกคนก็ยอมรับความสามารถของสุรสีห์กันทุกคน ลูกชายเขาคน นี้ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังและยังพิสูจน์ความสามารถจนเป็นที่ยอมรับของทุกคน สงสัยเขาต้องให้ยายหนูแพรวามาที่นี้บ่อย ๆ เสียแล้วซิ นายสุรชัยคิดอย่างพอใจ
ตอนที่ 5
“นายว่าอย่างไรนะเล็ก...นายรองกับน้องของพรรณ”
“ครับพี่ใหญ่ผมว่าพี่รองแปลก ๆ “
“แปลกอย่างไร” ใหญ่ถามน้องชายด้วยความสงสัย เพราะเป็นที่รู้กันว่านายรองไม่เคยให้ความสนใจกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย ผู้หญิงทุกคนที่ก้าวเข้ามาในชีวิตก็เหมือนเพื่อนกันไปหมดไม่ได้ให้ความสนใจใครเป็นพิเศษ แต่ที่นายเล็กเล่าให้ฟังนี้ทำให้เขาอดที่จะสงสัยไม่ได้
ว่าน้องชายอีกคนให้ความสนใจกับผู้หญิงที่ชื่อแพรวาเป็นพิเศษ
“จริงนะครับพี่ใหญ่...ผมไม่เคยเห็นพี่รองมองใครแบบนี้มาก่อนเลย” สุทธิชัยเล่าให้ฟังเมื่อเห็นอาการแปลกๆ ของพี่คนรอง
“ชักน่าสนใจแล้วซิ...ผู้หญิงคนนี้” สุรศักดิ์ลูบปลายคางหลี่ตาลงอย่างเจ้าเล่ห์
“พี่ใหญ่หมายความว่าอย่างไรครับ” สุทธิชัยถามอย่างสงสัย
“ก็ถ้าทำให้นายรองสนใจได้...นับว่าเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจมากเชียวล่ะ”
“อย่าบอกนะครับว่าพี่ใหญ่จะจีบเธอด้วยอีกคน”
“ทำไมล่ะ...ถ้าฉันจะจีบนะ”
“พี่พรรณได้เอาตายปะไร”
“ฉันไม่สนหรอกนะว่าใครจะคิดอย่างไร
ถ้าฉันต้องการฉันต้องได้” สุรศักดิ์กล่าวอย่างไม่แคร์
“ระวังนะครับพี่ใหญ่” สุทธิชัยมองเห็นเค้าความยุ่งยากที่จะตามมา หากพี่ชายคนโตคิดจะทำแบบนั้นจริง ๆ
“ระวังอะไรว่ะนายเล็ก”
“ก็ปัญหาที่จะตามมาไงครับ...แค่นี้บ้านเราก็มีปัญหาพอแล้ว”
“ฉันไม่สนหรอกนะใครจะคิดอย่างไร” กล่าวจบสุรศักดิ์กระดกเหล้าขึ้นดื่มหมดแก้ว แล้วยื่นให้น้องชายผสมให้ใหม่
“ผมแค่ไม่อยากให้บ้านเรามีปัญหามากไปกว่านี้นะครับพี่ใหญ่
ถ้าเกิดพี่รองชอบเธอขึ้นมาจริง ๆ “
“ของพันธ์นี้มันใครดีใครได้”
“ผมก็แค่เตือนนะครับ” สุทธิชัยกล่าวพร้อมยื่นแก้วเหล้าที่ผสมเสร็จให้พี่ชาย
“เอาน่าแกอย่าคิดมากนักเลยนายเล็ก” สุรศักดิ์กล่าวอย่างมาดมั่น อันที่จริงเขาก็สนใจในตัวหญิงสาวอยู่แต่ติดตรงที่ว่าท่าทางแพรพรรณจะหวงน้องสาวพอดู เขาถึงไม่อยากจะมีปัญหาแต่ถ้าเกิดนายรองสนใจเขาก็อยากจะลองดูสักตั้งเพื่อความสะใจที่เอาชนะนายรองได้
เสียงโทรศัพท์มือถือของแพรวาดังขึ้นในขณะที่กำลังขับรถกลับจากการไปซื้อวัสดุที่ต้องนำมาตกแต่งเสื้อผ้า
“แพรซื้อของเสร็จหรือยังแล้วอยู่ไหนเนี่ย” แพรวารับยังไม่ทันจะกล่าวอะไร ลูกตาลก็ชิงถามเสียก่อน
“ซื้อของเสร็จแล้วกำลังจะถึงที่ร้านแล้วล่ะ
มีอะไรหรือเปล่า” แพรวาถามเพื่อนอย่างสงสัย
“เออดี...รีบมานะเร็ว ๆ ด้วย”
“เดี๋ยวซิ...มีอะไรหรือเปล่า”
“รีบมาเถอะน่า” ลูกตาลวางสายไปทามกลางความแปลกใจของแพรวา ยิ่งวันยิ่งแปลกนะเพื่อนคนนี้ แพรวานึกถึงเพื่อนอย่างขำ ๆ
“ว่าไงย่ะ...ให้ฉันรีบมาไหนมีอะไรไม่ทราบ” ลูกตาลพยักเพยิกหน้าให้หันไปมองทางด้านหลัง แพรวาจึงหันกลับไปมองแล้วก็ต้องตกใจ กลัวคนอื่นจะได้ยินเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นแรงมาก
“คุณรอง”
“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มก้มศีรษะให้อย่างล้อเลียนกับอาการของหญิงสาว
“สวัสดีค่ะคุณรองไปไหนมาค่ะ”
“มาหาข้าวกลางวันกินไม่ทราบว่าที่นี้พอจะมีอะไรให้ผมกับคนของผมกินบ้างหรือเปล่า” แพรวาหันไปมองทางด้านหลังชายหนุ่มจึงเจอผู้ชายคนหนึ่งซิ่งนั่งทำหน้าไม่ยินดียินร้ายกับอะไรทั้งนั้น หญิงสาวมองนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเอง บ่ายสองโมง
“บ่ายสองแส้วคุณรองยังไม่ได้ทานอะไรอีกหรือค่ะ” ชายหนุ่มส่ายหน้าแทนคำตอบที่หญิงสาวถาม
“จะทานอะไรล่ะค่ะ”
“คุณจะไปทานกับผมข้างนอกหรือจะกินที่นี้ก็แล้วแต่คุณ” ชายหนุ่มกล่าวพลางยักไหล่
หญิงสาวทำหน้าไม่ถูกเพราะระหว่างที่คุยกันนั้นชายหนุ่มไม่ได้หันหน้าไปทางอื่นเลยนอกจากมองหญิงสาวอย่างเดียว แพรวาหันไปมองเพื่อนสาวที่หันมองคนโน้นที คนนี้ที
“เธอกินอะไรหรือยังลูกตาล” “กิน...โอ๊ย...ยังจ๊ะ” ลูกตาลร้องพร้อมกับเอามือลูบแขนของตัวเองที่โดนแพรวาหยิก
“ดีงั้นเดี๋ยวกินด้วยกันนะ” ลูกตาลอยากจะแกล้งเพื่อนเหมือนกันแต่เมื่อหันไปเห็นสายตาของเพื่อนสาวจึงปฏิเสธไม่ออกจึงจำใจต้องตอบรับถ้ายังไม่อยากตาย
“จ๊ะกินก็กิน”
“งั้นทานที่นี้ก็แล้วกันน่ะค่ะ...กินอาการพื้น ๆ ได้มั้ยค่ะ” หญิงสาวถามพร้อมกับทำหน้าเจ้าเล่ห์
“ได้ผมทานได้ทุกอย่างอยู่แล้ว” หญิงสาวจึงหันไปเรียกเด็กในร้านให้ออกไปซื้ออาหารตามที่หญิงสาวจดให้ เด็กสาวทำหน้าแปลกใจกับรายการอาหารที่หญิงสาวจดให้
“ซื้อตามนี้เลยหรือค่ะคุณแพร” เด็กสาวทำหน้าสยอง
“ตามนี้ล่ะ ...กลับมาเร็ว ๆ ด้วยนะ”
“ค่ะ” เมื่อเด็กในร้านเดินออกไปซื้อของแล้วจึงหันกลับมามองชายหนุ่มที่นั่งเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ในร้าน
“คุณรองมานานแล้วหรือค่ะ”
“ซักพักแล้ว แพรล่ะไปซื้ออะไรมา” ชายหนุ่มถามพร้อมกับก้าวเดินมาหาหญิงสาวเอื้อมมือไปจับมือหญิงสาวจูงให้มานั่งด้วยกันที่โซฟาที่เขานั่งอยู่เพราะ แพรวาไม่มีทีท่าว่าจะลงมานั่งคุยกับเขา ลูกตาลแปลกใจกับความสนิทสนมของเพื่อนสาวกับชายหนุ่มตรงหน้า
พรางนึกในใจทำไมเพื่อนไม่เคยเล่าอะไรเกี่ยวกับชายหนุ่มให้ฟังเลย เดี๋ยวเถอะถ้ากลับไปกันหมดแล้วจะจับเพื่อนมาซักฟอกเสียให้ขาวสะอาดเลย
“ซื้อของที่จะทำเสื้อให้ลูกค้าน่ะค่ะ” แพรวากล่าวพร้อมกับพยายามบิดมือออกจากมือชายหนุ่ม หันไปมองเพื่อนสาวที่มองตาโต อ้าปากค้างกับการกระทำของชายหนุ่ม นายวิทพยายามกลั้นยิ้มอย่างลำบากหลังจากเห็นการกระทำของเจ้านายตนเอง
น้อยคนนักที่จะเห็นเจ้านายเขาทำอะไรแบบนี้
“ต้องไปซื้อเองเลยหรือ”
“ค่ะ
ช่วยปล่อยมือก่อนได้มั้ยค่ะ”
“ถ้าปล่อยแล้วแน่ใจนะว่าจะไม่หนี”
“ดิ...แพรไม่ได้จะหนีแต่ต้องทำงานน่ะค่ะ” แพรวาเกือบหลุดปากพูดดิฉันออกไปดีว่าหันไปเห็นสายตามาดหมายของชายหนุ่มเสียก่อน
“กินข้าวด้วยกันก่อนแล้วค่อยทำงาน”
“เรื่องอะไรมาบังคับ
แล้วแพรก็อายคนด้วยนะ”
“ไม่เห็นต้องอายเลยนี่ก็วิทคนของผม...แล้วก็คุณลูกตาลเพื่อนคุณ...มีแต่คนกันเองทั้งนั้นเลย” คำพูดที่แสดงความสนิทสนมของชายหนุ่มสร้างความแปลกใจให้กับหญิงสาวเป็นอันมาก แต่ก่อนที่จะเกิดส่งความย่อยในร้าน เด็กที่ให้ไดซื้อของก็กลับมาเสียก่อน
“ปล่อยมือค่ะแพรจะไปจัดอาหารให้” นั่นล่ะชายหนุ่มจึงยอมปล่อยมือ แพรวาจึงก้าวเดินออกจากตรงนั้นทันที
“อะไรเนี่ยยายแพร เธออย่าบอกนะว่าจะให้เขากินของพวกนี้” ลูกตาลเห็นของที่เด็กซื้อแล้วตกใจ
“ทำไมก็ฉันถามแล้ว...เขาบอกกินได้ทุกอย่างหรือเธอไม่ได้ยิน” แพรวาทำหน้าใสซื่อ
“ทุกอย่างน่ะมันรวมของพวกนี้ด้วยเหรอ”
“เอาล่ะเสร็จแล้ว...ฉันไปตามพวกเขาก่อนนะ” กล่าวจบหญิงสาวเดินออกไป
“เชิญทานข้าวค่ะคุณรอง...คุณวิท” สองหนุ่มลุกขึ้นยืนเดินตามหญิงสาวไปทันที แต่เมื่อสองหนุ่มเดินเข้ามาเจอกับอาหารตรงหน้าถึงกับอึง วิทยาถึงกับเกือบหลุดปากหัวเราะออกมาด้วยความขบขันเมื่อหันไปเห็นหน้าเจ้านาย
ก็จะไม่ให้เขาหัวเราะได้อย่างไรในเมื่ออาหารตรงหน้าคือ ข้าวเหนียว ไก่ย่าง ส้มตำ น้ำตก ซุบหน่อไม้ ลาบก้อย แทบทุกอย่างดูก็รู้ว่าคงจะเผ็ดมาก มองจากสีสันแล้วสงสารกระเพาะ
“ทานได้มั้ยค่ะ”
“ได้” เมื่อได้ฟังคำตอบ หญิงสาวลอบยิ้มในหน้า
“เอาล่ะค่ะลงมือทานกันเลย” ลูกตาลทำหน้าที่แจกจานและซ้อน มองหน้าชายหนุ่มแล้วอดสยองแทนไม่ได้ คุณรองกินส้มตำคำแรกก็รู้สึกลิ้นชาดิก ต้องรีบคว้าน้ำมาดื่มแทบไม่ทัน หันมามองหญิงสาวที่นั่งยิ้มในหน้านั่งกินเฉยเหมือนไม่เผ็ด
ทำให้เขาอยากเอาชนะโดยการหันไปตักน้ำตกหมูขิ้นมากิน พยายามจะไม่หยิบน้ำกินนายวิทนั่งกินไปยิ้มไปกับการกระทำของทั้งสองคน ส่วนลูกตาลไม่สามารถทานอะไรได้มากนอกจากมองคนนั้นทีคนนี้ที
“ไหวมั้ยค่ะคุณรอง “ ลูกตาลถามพลางหยิบกระดาษทิชชูให้ชายหนุ่มซับเหงื่อที่ไหลเต็มหน้าผากของชายหนุ่ม
“ขอโทษครับ” ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นเมื่อเริ่มรู้สึกว่าทนไม่ไหวแล้วรีบเดินไปที่ห้องน้ำทันที
“แพรทำไงดี”
“ทำอะไรล่ะ” แพรวาถามงง ลูกตาลอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้
“สงสารเขานะดูซิหน้าแดงไปหมดแล้ว”
“แค่เผ็ดนะไม่ตายหรอกลูกตาล”
“ไม่ตายแต่มันทรมานนะยายแพร”
“คุณวิทไม่ลุกไปดูหน่อยหรือค่ะ” เมื่อเห็นว่าเพื่อนเธอคงไม่ช่วยนะลูกตาลจึงหันไปหาชายหนุ่มอีกคน
“คงไม่เป็นอะไรมั่งครับ” นายวิทพูดพร้อมกับนั่งกินต่อโดยไม่สนใจเจ้านายอีก แพรวานั่งกินโดยไม่สนใจ เมื่อชายหนุ่มกลับมาอีกครั้งหญิงสาวอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ จะไม่ให้หัวเราะได้อย่างไรคุณรองต้องปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตจนลงมาเห็นแผลงอกกว้าง
เหงื่อยังผุดเต็มหน้าผาก หน้าและริมฝีปากแดงจัด คุณรองมองหญิงสาวตัวแสบตรงหน้ายังคาดโทษ
“อิ่มหรือยังวิท...นายกินดูน่าอร่อยนะ” สุรสีห์ถามคนสนิททที่เขาเห็นปันข้าวเหนียวจิ้มอย่างเอร็ดอร่อย
“ก็อร่อยจริง ๆ นะครับเจ้านาย” วิทยาพูดอย่างทองไม่รู้ร้อน
“อร่อยมากมั้ยครับแพร” สุรสีห์หันมาถามคนที่เขารู้ดีว่าจงใจแกล้งเขา
“อร่อยค่ะ
คุณเป็นไงบ้างค่ะหน้าแดงหมดเลย” แพรวาหันโบกมือเมื่อเห็นเหงื่อเต็มหน้าชายหนุ่มพัดให้อย่างเอาใจ
“ไม่เป็นอะไร...ผมขอน้ำเย็นอีกแก้วได้ไหม”
“ได้ซิค่ะ” แพรวาหันไปหยิบแก้วน้ำให้ ใบหน้ายังเปื้อนรอยยิ้มที่สามารถแกล้งชายหนุ่มได้ แต่หญิงสาวคงลืมนึกไปว่าคนที่ตัวเองกำลังเล่นด้วยนั้น ไม่ใช่คนที่สาวน้อยอ่อนประสบการณ์อย่างเธอจะเล่นด้วยได้
ชายหนุ่มมองมือหญิงสาวที่ถือแก้วน้ำอยู่โดยไม่รับแก้วน้ำชายหนุ่มเอื้อมมือไปวางบนมือหญิงสาว เธอเลยต้องจำใจป้อนน้ำให้ชายหนุ่มไปโดยปริยาย แพรวาหน้าคว่ำที่โดยชายหนุ่มเอาคืนเพราะถึงแม้จะดื่มน้ำแล้วก็ยังไม่ปล่อยมือหญิงสาวยังคงจับมืออยู่อย่างนั้น
“ปล่อยมือได้แล้วค่ะ”
“ผมยังไม่หายเผ็ดเลยนะ” พูดแล้วก็ยกแก้วขึ้นจิบอีก
“คุณรองก็รับแก้วน้ำไปทานเองซิค่ะ” ชายหนุ่มทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ยังคงวางมือทับมือแพรวาไว้ไม่ยอมปล่อย
“แพรต้องรับผิดชอบซิที่ทำให้ผมกินของเผ็ด ๆ อย่างนี้”
“แพรถามแล้วนะค่ะว่ากินได้มั้ยคุณบอกกินได้ทุกอย่างนี้” ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวตรงหน้าด้วยใบหน้าที่อมยิ้ม
“วิทรออยู่นี้นะ...เดี๋ยวฉันมา” กล่าวจบก็เดินจูงมือหญิงสาวให้เดินก้าวตามตนเองมาที่หลังร้านซึ่งเป็นห้องพักผ่อน แพรวาอายจนหน้าแดงไปถึงใบหูกับสายตาของทุกคนในร้านที่มองยังตนด้วยใบหน้าที่แอบอมยิ้มกันทุกคนรวมทั้งลูกตาลและวิทด้วย
“จะทำอะไรค่ะเนี่ย” เมื่อประตูปิดลงหญิงสาวถามทันที ชายหนุ่มหันมามองหญิงสาวด้วยสายตาเอ็นดูที่เห็นใบหน้าหญิงสาวแดงไปหมดแถมยังเอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมสบตากับเขาอีก ชายหนุ่มยกมือขึ้นเชยปลายคางกึ่งบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นมองตาเขา
“อายอะไร”
“ก็แพร”
“ก็แพรอะไร...ไหนมองหน้าผมซิอย่าเอาแต่ก้มหน้าอย่างนี้” สุรสีห์เชยปลายคางบังคับให้ แพรวาเงยหน้าขึ้นสบตา สุรสีห์ยกมือขึ้นไปเสยผมที่ลงมาปรกหน้าไล้แก้มเรื่อยลงมาที่ริมฝีปากบางของหญิงสาวแตะปลายนิ้วเบาที่ริมฝีปากเธอ ชายหนุ่มก็ก้มหน้าลงมาหา
แพรวารีบยกมือขึ้นกันไว้ก่อนที่ริมฝีปากจะสัมผัสกัน
“อย่าค่ะ” แพรวาประสานสายตากับเขาแต่สุดท้ายต้องหลบ เธอได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ
“ทำไม่ล่ะ...”
“คุณรองหายเผ็ดแล้วหรือค่ะ” แพรวาพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของเขา
“หายแล้ว”
“แต่แพรยังไม่หาย”
“เดี๋ยวผมช่วย” แพรวาทำตาโต
“ไม่ต้องค่ะ” คุณรองยกมือของแพรวาขึ้นจูบแทน
“คุณทำอะไรกับผมสาวน้อย” ชายหนุ่มถามอย่างไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงมีอิทธิพลกับเขาขนาดนี้
“แพร”
“จุ๊ๆ...ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” ชายหนุ่มกดศีรษะของหญิงสาวให้มาพิงกับอกของตัวเอง
“อย่าถามอะไรเลยนะผมยังไม่อยากพูดอะไรตอนนี้” กล่าวพร้อมกับกอดหญิงสาวแน่นขึ้น
“ปล่อยแพรเถอะค่ะ...ทำแบบนี้ไม่ดีน่ะค่ะ” แพรวาเงยหน้าสบตาชายหนุ่มอย่างขอความเห็นใจ
“เย็นนี้คุณว่างมั้ย” หญิงสาวส่ายหน้าปฎิเสธทั้งที่ยังไม่รู้ว่าชายหนุ่มถามทำไม
“ส่ายหน้าทั้งที่ยังไม่รู้ว่าผมถามทำไม...ใจร้ายไปหรือเปล่า” คุณรองถามด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ตอนนี้เขาไม่อยากหาเหตุผลอะไรทั้งนั้นเกี่ยวกับเรื่องของผู้หญิงคนนี้รู้แต่ว่าตอนนี้อยากอยู่ใกล้ อยากแกล้ง อยากตอแย อยากเห็นใบหน้าสวยๆ
นี้เปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะความอายด้วยฝีมือเขา
“แต่งตัวให้สวยผมจะมารับไปทานข้าวฟังเพลง”
“แพรไม่ไปน่ะค่ะ
ที่จริงดิฉันไม่ควรให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยซ้ำ” หญิงสาวก้มหน้ากล่าวด้วยเสียงที่สั่นเครือ
“คุณไม่ได้ทำอะไรผิดนี่”
“นี้ยังไม่ผิดหรือค่ะ
ที่ปล่อยให้คุณรองกอดจูบเหมือนผู้หญิงใจง่ายอย่างนี้”
“อย่าพูดแบบนี้อีกเป็นอันขาดน่ะ ถ้าไม่อยากถูกผมทำโทษอีกล่ะก็เราไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย...” คุณรองเช็ดน้ำตาให้หญิงสาวอย่างอ่อนโยน
“อย่าร้องไห้อีกรู้มั้ย...ดูซิตาช้ำไปหมดแล้วไม่สวยเลย ผมอยากให้แพรเชื่อใจผมว่าสิ่งที่เกิดขึ้นผมไม่ได้ทำไปด้วยอารมณ์และผมจะจัดการทุกอย่างเอง ไหนเงยหน้ามองผมซิ” แพรวาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มผ่านม่านน้ำตาที่เออล้นเต็มสองดวงตา
“แพรเชื่อใจผมมั้ย”
“แพรไม่รู้”
“ผมอยากให้แพรเชื่อใจผม...ทุกอย่างที่เกิดขึ้นผมไม่ได้ทำเล่น ๆ ผมจะจัดการทุกอย่างเอง”
“แพรไม่รู้อะไรทั้งนั้นแล้วแพรก็ไม่เข้าในสิ่งที่คุณรองกำลังทำอยู่
คุณรองอาจจะเห็นแพรเป็นของเล่น”
“แพร...หยุดพูดดูถูกตัวเองได้แล้วนะ” แพรวาปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ไม่รู้วาที่ร้องไห้เพราะโดนเขารังแกหรือตกเสียงของชายหนุ่มที่ห้วนขึ้น
“ผมไม่เคยเห็นแพรเป็นของเล่นหรืออะไรทั้งนั้น
ผมอยากให้แพรเชื่อใจไว้ใจผมแล้วผมว่าผมจะจัดการทุกอย่างได้...ว่าไง”
“ค่ะ” ชายหนุ่มยิ้มกับคำตอบที่ได้รีบ
“เด็กดี” ชายหนุ่มกล่าวจบจึงก้มหน้าจูบหน้าผากมนเป็นรางวัล
“เย็นนี้ผมจะมารับไปทานข้าวแต่งตัวรอผมนะ” แพรวาพยักหน้า หมดกำลังใจจะปฏิเสธตอนนี้เธอคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้นมันมึนงงไปหมดแล้ว
“ผมไปล่ะ...ตอนเย็นเจอกันผมจะไปรับที่บ้าน” กล่าวจบก็จูงมือหญิงสาวออกมานอกห้อง จึงมาเจอกับสายตาอยากรู้อยากเห็นของบรรดาเด็กในร้านที่มองมาอย่างสงสัย
“ไปวิทกลับกันได้แล้ว” คุณรองหันมามองหญิงสาวอีกครั้ง
“ผมกลับก่อนนะ...ตอนเย็นเจอกัน” แพรวาไม่ตอบรับแถมไม่สบสายตาด้วยอีกต่างหาก
“ทำไมทำหน้าอย่างงั้น” สุรสีห์ถามพรางเอื้อมมือมาไล้แก้มของหญิงสาวเบาๆ ไม่สนใจอาการตาค้างของเด็กภายในร้านที่มองอย่างตกใจกับการกระทำของชายหนุ่ม
“แพรว่า...”
“ผมต้องการคำว่า ...ค่ะ...คำเดียว” กล่าวด้วยเสียงที่บังคับ แพรวามองหน้าชายหนุ่มพลางคิดถ้าไม่ตอบตกลงงานนี้ไม่จบง่าย ๆ แน่ รับๆ ไปแล้วกัน
“ค่ะ” เมื่อได้คำตอบที่พอใจแล้วคุณรองจึงกลับไป แพรวารอจนคุณรองก้าวออกจากร้านไปแล้ว จึงหันกลับมาเจอสายตาของคนในร้านที่มองมาอย่างสงสัยในพฤติกรรมของเจ้านายสาวกับหนุ่มหล่อมาดเนียบอย่างคุณสุรสีห์ กิจเจริญไพศาลคนนั้น
“มองอะไรกันจ๊ะทำไมไม่ทำงาน”
“นี่เธอไม่ต้องมาเฉไฉเลยนะบอกมาเสียดีๆ ว่ามันเรื่องอะไรกันแน่”
“ฉันเองก็ไม่รู้”
“ไม่รู้...ไม่รู้ได้ไงล่ะ”
“อย่าเพิ่งถามฉันตอนนี้เลยนะลูกตาล...ฉันยังไม่พร้อมจะเล่าออะไรทั้งนั้น ไว้ฉันพร้อมเมื่อไรฉันจะเล่าให้เธอฟังเป็นคนแรกแต่ตอนนี้ฉันขอร้องอย่าเพิ่งถามอะไรฉันะเลยนะ” แพรวากล่าวจบก็เดินเลียงเข้าไปที่ห้องพักที่มีเพื่อไว้เวลางานมาก
จะได้นอนพักที่ห้องเสื้อเลยไม่ต้องกลับบ้าน แพรวาไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเหมือนกันแล้วจะให้บอกกับคนอื่นอย่างไร ว่าทำไมเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นได้ ถ้าคนอื่นรู้จะคิดอย่างไรที่ปล่อยให้ผู้ชายที่เพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้งทั้งกอดทั้งจูบ
แล้วตัวเขาเองคิดอย่างไรกับเราจะคิดว่าเราเป็นคนใจง่ายหรือเป็นของเล่นถึงได้ทำกับเราอย่างนี้ แล้วเราเองก็เหมือนกันทำไมใจต้องสั่นทุกครั้งที่คิดถึงเขา ทำไมถึงยอมให้เขาทำแบบนี้กับเรา แพรวาคิดพลางถอนใจอย่างหนักใจ
ตอนที่ 6
“อารมณ์ดีเกินไปหรือเปล่าครับเจ้านาย” วิทถามเพราะเจ้านายเอาแต่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างรถแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่สร้างความหมั่นไส้ให้กับวิทเป็นอย่างมาก
“ทำไม” สุรสีห์ถามทั้งที่ไม่ได้หันมามองหน้า
“ก็ตั้งแต่ออกมาจากร้านเสื้อเจ้านายยังไม่หุบยิ้มเลยนะครับ”
“เรื่องของฉัน”
“ครับผมเรื่องของเจ้านาย...แต่คิดไปก็น่าสงสารสาวน้อยคนนั้นนะครับ”
“สงสารทำไม” สุรสีห์ถามอย่างสงสัย โดยปรกติแล้วเขาจะไม่คุยเรื่องผู้หญิงกับวิทและตัววิทเองก็ไม่เคยถามเขาเช่นกัน
“โธ่...จะไม่ให้สงสารหรือครับอายุแค่นั้นจะมาทันอะไรกับเจ้านาย” วิทยังแซวไม่เลิกเขารู้ดีว่าตอนนี้เจ้านายอารมณ์ดีมาก
“ฉันเป็นอย่างไรบอกมาซิ”
“ก็รอบจัดไงครับ”
“บ้ารอบจัดอะไรกัน” สุรสีห์หันมามองก็สบตากับวิทที่มองทางกระจกมองหลังยิ้ม ๆ
“ก็อย่างที่เจ้านายทำไงครับ”
“ฉันไปทำอะไรเขา...แกพูดให้ดี ๆ หน่อย” สุรสีห์ย้อนถามคนสนิท
“แม้....ไอ้อย่างที่ทำเนี่ยนะครับคงไม่ต้องให้บอกกันมั่ง”
“วิท...ฉันก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรนะ” สุรสีห์บอกหันหน้าออกไปมองนอกรถ
“ไม่ต้องอธิบายก็ได้ครับ...ผมคิดว่าผมเข้าใจ”
“เข้าใจว่าไง...ไหนบอกฉันซิ”
“ก็เข้าใจว่า...งานนี้เจ้านายเสียคนแน่ซิครับ” กล่าวจบวิทก็หัวเราะในลำคออย่างชอบใจ
“ไอ้บ้า...นึกว่าจะมีความคิดดีๆ” ชายหนุ่มหันไปเล่นงานลูกน้องคนสนิทที่เอาแต่หัวเราะอย่างชอบอกขอบใจ นึกถึงใบหน้าของสาวน้อยที่เพิ่งจากมาเมื่อครู่ ป่านนี้หน้าจะหายแดงหรือยังก็ไม่รู้ คิดไปยิ่งทำให้อดที่จะยิ้มไม่ได้แต่พอหันไปเห็นหน้าวิท
ซึ่งมองมายังเขาก็ต้องขึงตาดุใส่กับสีหน้ายิ้ม ๆ ของอีกฝ่าย
“บ้าจริงติดต่อไม่ได้อีกแล้ว...ไปไหนของเขานะ” นางแบบสาวกล่าวอย่างอารมณ์เสีย
“โทรหาใครที่รัก”
“หุบปากไปเลย” หญิงสาวหันมาตะคอกใส่ชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียง เปลือยกายตลอดร่างโดยไม่สนใจจะหาอะไรปิดให้พ้นจากสายตาหญิงสาว
“อารมณ์เสียอะไร...มานี่ดีกว่า” ชายหนุ่มกวักมือเรียกหญิงสาวที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ตรงหน้า นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งคู่เที่ยวดื่มและจบบนเตียงนอนของคอนโดหญิงสาว
“ฉันไม่มีอารมณ์นะ...อย่ามาวุ่นวาย” คำตอบของหญิงสาวเรียกเสียงหัวเราะให้ชายหนุ่มอย่างมาก
“ไม่เอาน่าซินดี้...คุณก็รู้ว่าผมช่วยคุณได้” หญิงสาวมองค้อนแต่ยอมเดินมาที่เตียงแต่โดยดี
“ไหนบอกหน่อยซิโทรหาใคร” กล่าวพร้อมกับใช้แขนลูบไล้ จูบหัวไหล่ของหญิงสาวอย่างเอาใจ
“ก็คุณรองนะซิไม่รู้ไปไหน...โทรติดต่อไม่ได้เลย”
“ใจร้ายไปหรือเปล่าอยู่กับผมทั้งคนยังพูดถึงผู้ชายอื่นแบบนนี้” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเริ่มปลดเสื้อคลุมที่ซินดี้ใส่อยู่เพราะรู้ดีกว่าภายใต้เสื้อคุมนั้นไม่มีอะไรติดกายหญิงสาวอยู่เลย
“รู้ไว้หน่อยนะ...นั่นนะตัวจริงของฉัน”
“แล้วคุณล่ะตัวจริงของเขาหรือเปล่า” แววตาของซินดี้มองอย่างเอาเรื่องกับคำพูดของชายหนุ่ม
“หุบปากไปเลยถ้าไม่คิดจะช่วยกัน” ซินดี้กล่าวอย่างอารมณ์เสียพร้อมทั้งพยายามเบี่ยงตัวออกจากคู่นอน
“ไม่เอาน่า” ซินดี้พูดทั้งที่ลมหายใจเริ่มติดขัด
“อย่าอารมณ์เสียเลยถ้าเป็นตัวจริงของเขาไม่ได้มาเป็นตัวจริงของผมดีกว่า” ชายหนุ่มพูดพร้อมทั้งพรมจูบไปทั่วไหล่เนียน
“อย่ามาพูดดีเลยทำยังกับคุณมีฉันคนเดียวงั้นล่ะ”
“ฮึฮึ...เอาเป็นว่าตอนนี้เลิกพูดถึงคนอื่นดีกว่านะ พูดแต่เรื่องของเราดีกว่า” ชายหนุ่มหยุดการสนทนาเมื่อมีอะไรที่น่าสนใจกว่าการคุยกัน
“ไม่เอาน่า...” เสียงของหญิงสาวเริ่มสั่นอย่างไม่อาจระงับอารมณ์ที่ชายหนุ่มเป็นคนปลุกมันขึ้นมาอย่างรู้ใจ
“ทำไมล่ะ...คุณก็น่าจะรู้ว่าสำหรับเราแล้วแค่ครั้งเดียวมันไม่พอหรอกน่า”
“ตาบ้าพูดออกมาได้” หญิงสาวหัวเราะคิก ๆ กับคำพูดของชายหนุ่มคู่ขาที่รู้ใจกันเป็นอย่างดี
“ก็มันจริงนี่น่า” กล่าวจบชายหนุ่มก้มหน้าลงมาแนบริมฝีปากกับปากหญิงสาวเพื่อยุติการสนทนา อย่างรู้ใจว่าต้องทำอย่างไรกับอารมณ์ของหญิงสาวตอนนี้
“วิทวันนี้พี่รองไม่กลับมาด้วยหรือจ๊ะ” เสียงของคุณน้อยเรียกความสนใจจากวิทให้หันไปมอง
“ครับ”
“ต้องให้ถามต่อไปหรือเปล่าว่าไปไหน” คุณน้อยกล่าวอย่างล้อเลียนนายวิทเพราะความเป็นคนพูดน้อยของนายวิทและถ้ายิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับพี่ชายคนรองด้วยแล้วยิ่งไม่พูดใหญ่ นายวิทก้มหน้าลงอย่างสำรวม
“เจ้านายมีนัดทานข้าวเย็นครับ”
“แล้ววิทไม่ต้องไปด้วยหรือ...เห็นทุกทีตามติดกันเป็นเงา” สุทธิดาถามเพราะโดยปรกติแล้วเมื่อเจอสุรสีห์ที่ไหนก็ต้องเห็นวิทที่นั้น
“ไม่ต้องครับเจ้านายจะขับรถไปเอง”
“ไปกินกับสาวที่ไหนหรือเปล่าจ๊ะ...ลืมไปยังไงน้อยก็คงไม่ได้คำตอบอยู่แล้วไม่น่าถามเลยนะ” วิทยังคงก้มหน้าไม่ตอบคำถามของหญิงสาว
“แล้ววิทกินข้าวหรือยัง” สุทธิดาถามอย่างอาทร มองหน้าผู้ชายตรงหน้าที่ตัวเองมีใจให้แต่ดูเหมือนเขาจะไม่เคยรับรู้เลย ไม่ใช่ว่าไม่มีเคยมีใครเข้ามาจีบ แต่คนที่เธอต้องการความรักกับมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น
“ยังครับผม”
“ดีเลยวันนี้น้อยทำแกงเทโพกำลังสงสัยอยู่ว่าต้องเหลือเยอะแน่เลยเพราะพี่รองไม่อยู่เดี๋ยวน้อยเอาไปให้ที่บ้านนะจ๊ะ”
“ไม่ต้องหรอกครับผมไปทานในครัวก็ได้คุณน้อยจะได้ไม่ต้องลำบาก”
“ไม่ลำบากเลยจะแต่มีข้อแม้ว่า วิทต้องทานเยอะ ๆ นะ”
“ครับผม” เมื่อได้ยินคำตอบ สุทธิดาจึงเดินจากไปปล่อยให้วิทจมอยู่กับความคิดตัวเองคนเดียว ถ้าใครมาเห็นแววตาของวิทที่มองไปยังคุณน้อยคนจะด่าว่าเขาไม่เจียมตัว ที่บังอาจไปหลงรักลูกสาวของนายจ้าง
ทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่ความฝันจะเป็นความจริง แต่ก็ยังไม่อาจห้ามหัวใจของตัวเองได้ที่จะไม่ให้ไปรัก นอกจากคุณรองก็มีคุณน้อยเนี่ยล่ะที่ดีกับเขาไม่เห็นเป็นแค่ลูกคนขับรถ ปฏิบัติกับเขาราวกับเป็นญาติคนหนึ่งไม่รังเกียจ
แต่ก็นั้นล่ะเขาก็ได้แต่เจียมตัวเจียมใจไม่อาจเอื้อมไปคว้าดอกฟ้าอย่างคุณน้อยให้ต่ำลงมาเกลือกกลั้วกับเขาหรอก
ร้านที่ชายหนุ่มพามากันแพรวายอมรับกับตัวเองว่าบรรยากาศดีมาก ลำพังตัวเองถ้าจะมากินคงไม่มากินร้านอาหารแบบนี้หรอกถ้าทางจะแพงน่าดูเลย
“ทานอะไรดี” สุรสีห์ยื่นเมนูให้ แต่แพรวาส่ายศีรษะ
“แล้วแต่คุณรองเถอะค่ะแพรอะไรก็ได้” สุรศีห์หันไปสั่งอาหารกับบริกรที่มายืนรอรับออเดอร์อยู่
“เป็นอะไรไม่เห็นยิ้มเลยตั้งแต่ออกมาจากร้านแล้ว”
“เปล่าค่ะ”
“เปล่าค่ะ...คนไทยจริงนะถามอะไรก็เปล่าค่ะ” ทั้งสองต้องหยุดการสนทนาเพราะพนักงานมาเสิร์ฟอาหาร
“ทานอาหารกันเถอะ” แพรวานั่งทานอาหารสลับกับมองหน้าชายหนุ่มอดที่จะยิ้มไม่ได้ ชายหนุ่มกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
“คุณรองหิวมากหรือค่ะ” สุรสีห์เหลือบตาขึ้นมา ยังจะมาถามอีกเมื่อกลางวันเพราะใครละที่ทำให้เขากินไม่อิ่ม
“หิวซิ...ผมยังไม่ได้กินเมื่อตอนกลางวันก็ทานได้นิดเดียวเอง” หญิงสาวยิ้มกับคำตอบที่ได้รับ
“แล้วคุณล่ะไม่หิวเหรอไง...ไม่เห็นค่อยทานเลย” แพรวาส่ายหน้าแทนคำตอบ และก้มหน้ารับประทานอาหารเงียบ
“คุณรองทานอาหารไม่ค่อยเป็นเวลาอย่างนี้บ่อยหรือค่ะ” แพรวาถาม
“ก็แล้วแต่งานนะ”
“งานเยอะมากหรือค่ะ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ
“คุณรองต้องทานอาหารให้เป็นเวลาน่ะค่ะ”
“แพรห่วงผมหรือครับ” แพรวาไม่ตอบคำถาม ก้มหน้ารับประทานอาหารต่อ จึงไม่เห็นรอยยิ้มที่ริมฝีปากของชายหนุ่ม
“ขอบคุณมากนะ...รู้สึกดีจังที่มีคนมาคอยห่วงใย” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับมองหน้าหญิงสาว
“อะไรค่ะ”
“ไม่มีอะไร...ทานต่อเถอะ” กล่าวจบสุรสีห์ตักอาหารใส่จานให้หญิงสาวอย่างเอาใจ
“เราจะไปไหนกันค่ะ” แพรวาถามหลังจากที่เห็นว่ารถออกนอกเส้นทางกลับบ้าน
“ไปฟังเพลงกันนะ”
“ไม่ค่ะ...ดึกแล้วแพรอยากกลับบ้าน”
“ผมจะพากลับก่อนแน่และขอรับรองรถผมไม่กลายเป็นฟักททองตอนเที่ยงคืนแน่” สุรสีห์กล่าวอย่าง เลียน ทำไมเอาแต่ใจตัวเองขนาดนี้นะแพรวาคิดในใจเพราะหลังจากกินข้าวเสร็จ ชายหนุ่มก็ขับรถพาไปฟังเพลงดังที่บอกไว้ โดยไม่ฟังคำทัดทานของ
หญิงสาว ผับที่ชายหนุ่มพามาคงเป็นผับที่เขมาเที่ยวประจำเพราะท่าทางบริกรที่เข้ามาให้การตอนรับจะรู้จักกันดีพอสมควรพอเห็นชายหนุ่มจึงพาเดินไปที่นั่งที่ค่อนข้างสงบดูไม่วุ่นวายกับแขกคนอื่น ระหว่างเดินสุรสีห์เอามือแตะที่เอวไม่ยอมปล่อยขนาดนั่งแล้วก็ยังเอามือวางไว้ที่เดิม
จนหญิงสาวต้องเบียงตัวหลบเพื่อจะได้นั่งสะดวกขึ้น
“ชอบมั้ย” แพรวาหันไปตามเสียงแล้วต้องตกใจเพราะคุณรองก้มหน้ามาพูดใกล้จนปลายจมูกแทบจะชนกัน แพรวาก้มหน้าหลบ
“คุณรองถอยไปหน่อยได้มั้ยค่ะ...แพรอึดอัด”
“อะไรน่ะ...ผมไม่ได้ยินเลย” ชายหนุ่มก้มหน้าเอาหูมาแนบใกล้กับริมฝีปากแพรวา
“โธ่...ถ้ายังไม่เลิกแกล้งแพรจะกลับน่ะค่ะ” หญิงสาวกล่าวเสียงแข็งนั่นล่ะชายหนุ่มจึงยอมขยับตัวถอยห่างออกมาหน่อย แต่สีหน้ายังยิ้มกริ่มที่ได้แกล้งหญิงสาวได้
“ว่าไงผมถามว่าชอบมั้ย” ชายหนุ่มถามซ้ำ
“ค่ะบรรยากาศดี” หญิงสาวตอบ
“ผมดีใจที่แพรชอบผมจะได้พามาบ่อย”
“แพรไม่ได้บอกว่าชอบเสียหน่อย...แค่บอกว่าดีเฉย ๆ”
“ก็ถ้าไม่ชอบผมพาคุณไปร้านอื่นก็ได้...ไปลุกขึ้น” ชายหนุ่มขยับลุกขึ้นพร้อมกับฉุดมือหญิงสาวให้ลุกตาม
“เดี๋ยวค่ะคุณรองนี่..ปล่อยมือแพรก่อน”
“ก็ถ้าคุณไม่ชอบเราไปร้านอื่นกัน”
“ใจเย็นซิค่ะแพรยังไม่ได้ว่าอะไรเลย” หญิงสาวจับมือชายหนุ่มและฉุดให้นั่งลงเพราะเห็นสายตาแขกโต๊ะอื่นเริ่มมองมาทางนี้กันแล้ว สงสัยเธอต้องทำตัวให้ชินกับนิสัยเอาแต่ใจเของเขา
“นั่งลงก่อนซิค่ะ
นะคะ” แพรวากล่าวเสียงหวานเพื่อจะให้ชายหนุ่มนั่งลง และก็ได้ผลจริง ๆ ชายหนุ่มยอมลงนั่งแต่โดยดีติดที่สีหน้ายังบึงตึงอยู่
“แพรชอบ...พอใจหรือยังค่ะ” คำตอบที่ได้คือความเงียบ แพรวามองยิ้ม ๆ ใครจะคิดว่าผู้ชายตัวโตๆ อย่างเขาจะขี้ใจน้อยอย่างนี้
“คุณรองค่ะสั่งเครื่องดื่มเถอะค่ะ” แพรวามองใบหน้าที่ติดจะบึงตึงและยังไม่ยอมสั่งอะไรบริกรอยู่ดี แพรวาสูดหายใจลึกๆ เรียกกำลังใจให้ตัวเองเอื้อมมือไปจับใบหน้าของชายหนุ่มให้หันกลับมาทางธอ
“สั่งเครื่องดื่มเถอะค่ะแพรคอแห้งจังเลย” ชายหนุ่มอดที่จะยิ้มไม่ได้กับท่าทีช่างอ้อนของหญิงสาวที่เขารู้ดีว่าต้องรวบรวมกำลังใจอย่างมากที่จะทำอย่างนี้ได้
“ขอบรั่นดี...แพรจะดื่มอะไร”
“อะไรก็ได้ค่ะ...คุณรองสั่งแล้วกัน”
“งั้นดื่มพั้นช์แล้วกันนะ...ไม่ใช่เหล้าเป็นน้ำผลไม้รับรองไม่เมา” สุรสีห์รีบบอกเมื่อเห็นสายตาหญิงสาวที่มองมา
“ค่ะ”
“คุณรอง” เสียงเรียกด้วยความตกใจทำเอาแพรวาและสุรสีห์ต้องหันมามองด้วยสีหน้าต่างกัน แพรวานั่นตกใจเหมือนกันไปพบกับซินดี้แต่เขาหน้าเรียบเฉยไม่เหมือนเมื่อครู่ที่อยู่กับเธอ
“สวัสดีซินดี้มาฟังเพลงหรือครับ”
“แล้วคุณรองล่ะค่ะมาฟังเพลงกับใคร” ชายหนุ่ม แต่ก็ผายมือแนะนำ
“แพรวานี่ซินดี้เพื่อนผม เคยเจอกันแล้วนี่ครับ”
“เธอ...ยายช่างเสื้อนี่น่า
ทำไมถึงมาด้วยกันได้”
“ผมไปรับคุณแพรมาทานข้าว
ซินดี้ล่ะมากับเพื่อนหรือครับ...เชิญตามสบายนะครับไม่ต้องเกรงใจ”
“ซินดี้จะนั่งด้วยค่ะ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ แต่ก็ขยับตัวไปนั่งติดแพรวามากยิ่งขึ้น จนแพรวาต้องขยับเพื่อจะได้นั่งสบายขึ้นแต่ชายหนุ่มก็ขยับตามจนแพรวาขยับหนีไม่ได้อีกแล้ว ซินดี้มองด้วยความโมโหที่เห็นการกระทำของคนทั้งคู่
จึงนั่งลงอย่างกระแทกกระทั้นบอกถึงความไม่พอใจอย่างยิ่งกับสิ่งที่เห็น ชายหนุ่มหาสนใจไม่ยังคงทำตัวปรกติฟังเพลงแถมยังเอามือมา
วางบนพนักโซฟาจึงดูเหมือนว่านั่งโอบแพรวาอยู่ โดยไม่สนใจเลยว่าการกระทำดังกล่าวสร้างความอึดอัดใจให้กับแพรวาและสร้างความไม่พอใจให้กับซินดี้มากขนาดไหน
“วันนี้คุณรองงานยุ่งมากหรือค่ะ”
“ครับ...ค่อนข้างยุ่งนิดหน่อย”
“แล้วทำไมถึงมากินข้าวกับยัยช่างเสื้อได้ค่ะ” แพรวาฟังก็รู้ว่าซินดี้พยายามจะกดเธอให้ดูคนละชั้นกับตัวเอง แพรวากลั้นใจฟังคำตอบของคุณรองว่าจะตอบอย่างไร
“ผมไปรับคุณแพรวามากินข้าวเองครับ” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับวางมือของตัวเองมาบนมือของแพรวา พอดีบริกรนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟพอดีทุกคนจึงหยุดการสนทนา
“จะดื่มอะไรดี ซินดี้”
“บรั่นดีเหมือนคุณรองแล้วกันค่ะ” ชายหนุ่มหันไปสั่งกับบริกร
“คุณรองไม่เห็นบอกซืนดี้เลยว่ารู้จักกับยัย...คุณแพรวามาก่อน” ชายหนุ่มหันไปยิ้มกับแพรวาจงใจไม่ตอบคำถามของซินดี้เพราะไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องตอบคำถามเพราะเธอไม่ได้สำคัญสำหรับเขาที่ต้องมานั่งอธิบายว่าเขาจะทำไม่ทำอะไร
“คุณรองกลับกันเถอะค่ะ พรุ่งนี้แพรต้องทำงานแต่เช้าไม่อยากกลับดึกมากนัก” แพรวากล่าวเพื่อหนีจากความอึดอันที่กำลังเผชิญอยู่และเห็นว่าดึกพอสมควรแล้ว
“เดี๋ยวซินี้กี่โมงเอง” ชายหนุ่มถามพร้อมกับดูนาฬิกาที่ข้อมือ
“ไม่เคยเที่ยวดึกหรือไงถึงต้องรีบกลับ” ซินดี้ถามอย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มทำเหมือนไม่มีเธอนั่งอยู่ตรงนี้
“พรุ่งนี้ต้องทำงานค่ะ...อยากกลับไปพักผ่อนค่ะ”
“โอเค...กลับก็กลับ...ซินดี้ผมจะกลับแล้วคุณจะกลับยังไง” สุรสีห์หันไปถาม
“ซินดี้เอารถมาค่ะ”
“โอเคงั้นเรากลับกันก่อน” สุรสีห์ลุกขึ้นแตะข้อศอกของแพรวา
“เดี๋ยวค่ะคุณรอง
พรุ่งนี้ทานช้าวกับซินดี้น่ะค่ะ”
“แล้วพรุ่งนี้ค่อยคุยกันอีกที” ชายหนุ่มเดินกลับโดยไม่สนใจหญิงสาวอีก แพรวาเดินนำมาที่รถโดยไม่พูดไม่จา
“เป็นอะไรไปไม่พูดไม่จาเลย...หึงหรือ” สุรสีห์ทำลายความเงียบภายในรถเพราะตั้งแต่นั่งรถกลับแพรวาไม่ยอมพูดอะไรเลย
“หึง...หึงอะไรค่ะ” แพรวาทำเป็นไม่เข้าใจคำถาม
“ก็หึงผมกับซินดี้ไง”
“หึงทำไม่ค่ะ” แพรวาถามอย่างไม่สบอารมณ์
“อ้าวนึกว่าหึงเห็นเงียบ” สุรสีห์ถามอย่างอารมณ์ดี
“เราไม่ได้เป็นอะไรกันทำไมฉันต้องหึงคุณด้วยไม่ทราบค่ะ”
“ซินดี้เป็นแค่เพือน” สุรสีห์วางมือทับมือแพรวา แพรวาพยายามที่จะดึงมือกลับแต่เขาก็เพิ่มแรงกดลงไปที่มือกระชับแน่นขึ้นไปอีก
“คุณรองไม่จำเป็นต้องบอกแพรหรอกค่ะ”
“ต้องบอกซิไม่บอกได้ไง...แล้วที่บอกเราไม่ได้เป็นอะไรกันพูดผิดพูดใหม่ได้นะ...ให้โอกาสอีกครั้งหนึ่ง”
“แพรพูดไม่ผิดหรอกค่ะ” แพรวายังยื่นยันคำตอบเดิม
“ผิดซิ...อย่าพูดว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันผมไม่ชอบ”
“คุณรองค่ะเราเพิ่งจะรู้จักกันนะแล้ว
” สุรสีห์ยกมือของหญิงสาวขึ้นแตะที่ริมฝีปาก
“ถ้าพูดไม่เข้าหูอีกผมจะจูบแล้วนะ” แพรวาหน้าแดงไปหมด เมื่อฟังคำพูดของสุรสีห์
“ขับรถถนัดหรือค่ะจับมือไว้แบบเนี่ย” แพรวาเปลี่ยนเรื่องพูดทันที เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มดูจะไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น
“ผมจะไม่ปล่อยมือคุณจนกว่าจะถึงบ้าน” กล่าวจบภายในรถเงียบได้ยินแต่เสียงลมหายใจของทั้งสองคน
“ขอบคุณน่ะค่ะ...ที่มาส่ง” แพรวาเอื้อมมือไปจะเปิดประตูรถ แต่สุรสีห์งจับมือไว้ก่อนพร้อมกับจุมพิตใจกลางฝ่ามือของหญิงสาว
“หลับฝันดีน่ะ” แพรวาก้าวออกมาจากรถด้วยหัวใจที่สับสนยิ่งนัก ตกลงนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ทุกอย่างมันเร็วไปหรือเปล่ากับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาทุกอย่างมันดูรวดเร็วและกะทันหันไปหมดจนเธอปรับตัวปรับใจไม่ทัน
แพรวาคิดอย่างหนักใจวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรตัวเธอมองไม่แห็นเลย
หลังจากเมื่อคืนที่แยกกับสุรสีห์ ซินดี้นอนไม่หลับเลยทั้งคืนอดที่จะแปลกใจและยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าเพราะอะไรทำไมสุรสีห์ไปสนิทชิดเชื้อกับยายช่างตัดเสื้อตั้งแต่เมื่อไรทำไมถึงไปนั่งกินข้าวด้วยกันได้ เธอนึกแล้วไม่ผิดว่ามันต้องอะไรมากกว่าที่เขาบอกเธอแน่
นับตั้งแต่วันที่เขาพาเธอไปเดินซื้อเสื้อผ้าที่ร้านนั้นแล้วเธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้กับเธอได้ใคร ๆ ก็รู้ว่าสุรสีห์กับเธอควงกันอยู่แล้วทำไมถึงได้ไปสนใจยายช่างเสื้อหน้าจืดนั้นได้เธอไม่เข้าใจเลยจริง ๆ แล้วนี้เธอจะทำอย่างไร
เธอไม่มีวันยอมเสียเขาให้ใครไปเด็ดขาดเป็นไงเป็นกันซิ สุรสีห์ต้องเป็นของเธอคนเดียวเท่านั้น ต้องไปพูดกับยัยช่างเสื้อหน้าจืดให้รู้เรื่องคิดได้ดังนั้นเธอจึงรีบอาบน้ำและแต่งตัวออกจากห้องทันที
ตอนที่ 7
“อร่อยไหมจ๊ะ...ดินเนอร์สุดหรู” ลูกตาลถามพร้อมทั้งเอามือทาบแก้มทำท่าชวนฝันมองเธอหูตาแวววาว
“อย่ามาทำเป็นเงียบน่ะย่ะ...บอกมาเสียดี ๆ ว่าเมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้าง” เมื่อเห็นเพื่อนสาวยังเงียบไม่ตอบคำถามจังหันมาคาดคั่น
“นี่ฉันไปกินข้าวนะไม่ได้ไปอย่างทำอย่างอื่นมันจะมีอะไรนอกจากอาหารอร่อย บรรยากาศดี ก็แค่นั้น”
“ก็แค่นั้น...พูดได้อย่างไรก็แค่นั้น” ลูกตาลโวยวาย
“เธอจะให้ฉันพูดอะไรล่ะไหนบอกซิ”
“แม้บรรยากาศดี ๆ อาหารอร่อย จบแค่นี้ ไม่มีอะไรต่อหรือไง” ลูกตาลถามพร้อมกับยืนหน้าเข้ามาใกล้ ๆ จนแพรวาผลักหน้าของเพื่อนสาวออกไป
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นทำงานกันได้แล้ว
ทุกคนด้วยนะทำงาน” ทุกคนในร้านเลยสลายตัวไปตาม ๆ กันเมื่อเห็นสายตาที่เจ้านายสาวกวาดตามองทุกคนในห้องนั้น
“อย่านึกว่าจะปิดฉันได้นะย่ะยายแพร” ลูกตาลชี้หน้าอย่างคาดโทษเพื่อนสาวที่ไม่ยอมเล่าอะไรให้ฟังเลย แพรวาทำเป็นไม่ได้ยินกับคำพูดของเพื่อนสาวก้มหน้าก้มตาทำงานไม่สนใจ ทั้งที่ไม่รู้เลยว่างานตรงหน้านั้นคืออะไรเพราะจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย
ก่อนเที่ยงเล็กน้อยทางร้านก็ได้ต้อนรับลูกค้าที่เธอไม่อยากจะเจอเลยแถมเด็กในร้านก็ออกไปทานข้าวกันหมดแล้วด้วย ภายในร้านจึงเหลือเธอกับเพื่อนสาวเพียงแค่สองคน แพรวาจึงต้องออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง
“สวัสดีค่ะคุณซินดี้”
“ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอเป็นการส่วนตัว” กล่าวจบเธอจึงเปรยตาหันไปมองลูกตาลที่ทำตัวไม่รู้ไม่ชี้นั่งไม่สนใจเธออยู่ข้าง ๆ แพรวา
“ตาลเธอออกไปทานข้าวก่อนก็ได้”
“ไม่ฉันจะไปพร้อมเธอ...คุณซินดี้มีอะไรก็พูดมาเลยพวกเราไม่มีความรับต่อกันอยู่แล้วค่ะ” ลูกตาลตอบออกไปอย่างมั่นไส้กับท่าทางของนางแบบสาว
“ก็ได้...ฉันมาคุยกับเธอเรื่องคุณรอง
เธอคงเห็นว่าฉันกับคุณรองเราสองคนกำลังคบกันอยู่ เธอคงไม่อยากทำตัวเป็นมือที่สามของใครหรอกนะ”
“อ้าวทำไมพูดยังงี้ล่ะค่ะ” ลูกตาลถามอย่างฉุน ๆ
“ฉันหวังดีไม่อยากให้เธอมาเสียใจภายหลังก็เลยมาเตือนเอาไว้”
“ขอบคุณค่ะคุณซินดี้ที่อุตสาห์มาเตือนด้วยตัวเอง” แพรวากล่าวอย่างเรียบเฉยไม่แสดงท่าทีอะไร จนซินดี้อดที่จะแปลกใจไม่ได้ที่เธอต้องการมันไม่ใช่แบบนี้นะ
“ถ้าเธอเข้าใจอะไรง่าย ๆ อย่างนี้ฉันก็เบาใจ”
“แล้วที่คุณซินดี้มาพูดแบบนี้ไม่ทราบว่าคุณรองรู้หรือเปล่า” ลูกตาลถามหลังจากที่เห็นว่าเพื่อนเธอนั่งเฉยไม่ตอบโต้อะไรเลย จนเธอเองอดไม่ได้
“ทำไม” ซินดี้ถามอย่างโมโห
“ดิฉันกลัวว่าถ้าคุณรองไม่รู้จะกลายเป็นว่าคุณซินดี้พูดเองเออเองโดยที่เจ้าตัวเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยถ้ามารู้ที่หลังว่าคุณซินดี้มาพูดกับเพื่อนดิฉันแบบนี้จะพาลโดนว่าเอานะค่ะ” ลูกตาลโวยวายแทนเพื่อน
“คุณรองไม่มีทางว่าฉันยู่แล้ว” ซินดี้บอกอย่างมั่นใจ
“หรือค่ะ...ก็ดีค่ะเพราะว่าถ้าคุณรองมาเราจะได้บอกว่าคุณซินดี้มาพูดแบบนี้” ลูกตาลลอยหน้าลอยตาพูด
“เธอคิดว่าคุณรองจะมาหาพวกเธออีกหรือไง”
“เท่าที่ฉันเห็นนะคุณรองเธอมาหาเพื่อนดิฉันเองเพื่อนฉันไม่เคยดิ้นรนไปหาคุณรองน่ะค่ะ”
“แก ๆ แกกล้าดีอย่างไรมาพูดกับฉันแบบนี้” ซินดี้ชี้หน้าพวกเธอยื่นเต้นเล่า ๆ ลูกตาลเห็นจึงยิ่งชอบใจพูดจายั่วแหย่
“แล้วคุณล่ะกล้าดียังไงมาว่าเพื่อนฉันแบบนี้”
“พอเถอะลูกตาลพอได้แล้ว...คุณกลับไปก่อนดีกว่าค่ะคุณซินดี้” แพรวารีบตัดบทเพราะท่าทางเรื่องจะเริ่มบานปลายไปใหญ่โต
“ฉันไปก็ได้...แต่ฉันถือว่าฉันเตือนเธอแล้วนะ” กล่าวจบซินดี้ก็สะบัดหน้าออกจากร้าน
“เธอไปยอมทำไม...แพรนะแพร” ลูกตาลเขย่าแขนเพื่อนอย่างโมโห
“แล้วเธอจะให้ฉันพูดอะไร...ฉันไม่มีอะไรจะพูด”
“แต่เธอไม่น่าปล่อยให้ยายบ้านั้นมาว่าเธอแบบนี้” ลูกตาลกล่าวอย่างโมโหแทนเพื่อน
“ชั่งเขาเถอะ”
“ชั่งได้ยังไงถือดีอะไรมาด่าเธอทั้งทีเธออยู่ของเธอเฉย ๆ แท้ ๆ เลย”
“พอเถอะฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น” กล่าวจบแพรวาก็เดินเข้าไปข้างหลังร้าน ทิ้งให้ลูกตาลโมโหอยู่คนเดียวด้านนอก เสียงโทรศัพท์มือถือของแพรวาดังขึ้นในขณะที่เธอเดินมาหลังร้านเพื่อสงบสติอารมณ์ มองที่โทรศัพท์ถอนหายใจแรง ๆ ก่อนที่จะรับ
“สวัสดีค่ะ” แพรวามองค้อนเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอโทรศัพท์
“สวัสดีแพรวา...ทำอะไรอยู่” เสียงสุรสีห์ถามขึ้น
“ทำงาน...ค่ะ” แพรวาตอบเสียงแข็ง
“เที่ยงนี้เจอกันนะ”
“อย่าเลยค่ะเที่ยงนี้แพรไม่ว่างเลย” แพรวาพยายาบังคับเสียงไม่ให้ห้วนจนเกินไป
“’งานยุ่งมากเหรอ”
“ค่ะ...”
“อย่าทำงานจนลืมทานข้าวนะ”
“ค่ะ
คุณรองด้วยนะค่ะอย่าทำงานจนลืมทานข้าว”
“ผมถึงอยากจะไปทานกับแพรไงล่ะ” สุรสีห์ทำเสียงอ้อน
“อย่าเลยค่ะ...เดี๋ยวแพรหาทานแถวร้านแล้วจะรีบทำงานต่อ”
“แล้วผมไปทานด้วยไม่ได้หรือไง” แพรวาเงียบไม่ตอบคำถามของชายหนุ่ม เพราะรู้ว่าน้ำเสียงอย่างนี้ถึงพูดไปก็คงไม่ยอมฟัง
“เป็นอะไรหรือเปล่า” สุรสีห์เริ่มจับเค้าความผิดปรกติได้
“เปล่าค่ะ...แพรไม่เป็นอะไรยังดีอยู่”
“ขอซื้อได้มั้ยคำว่าเปล่าค่ะเนี่ย” สุรสีห์พยามแหย่
“แพรปวดหัวนิดหน่อยค่ะ”
“ทานยาหรือยัง...ผมเป็นห่วงนะ” แพรวาอดรู้สึกดีใจไม่ได้ที่ชายหนุ่มถามอย่างห่วงใย
“ค่ะเดี๋ยวแพรจะทาน”
“โอเควางสายแล้วไปหายาทานนะ”
“ค่ะ” แพรวาตัดสายลงแต่ยังคงนั่งเหม่ออยู่ที่เดิมคิดถึงเรื่องที่ซินดี้มาบอกกับเธอวันนี้จริงที่สุรสีห์เห็นเธอเป็นแค่ลองเล่นของเขา จริงหรือที่เขาไม่ได้คิดจะจริงใจกับเราเลย คิดแล้วอดที่จะสังเวชตัวเองไม่ได้ เขาเป็นใครแล้วเราเป็นใคร
ทำไมเรากล้าไปคิดว่าเขาจะสนใจเราจริงจัง ลูกตาลแอบมองเพื่อนและถอนหายใจอย่างหนักใจแทนเพื่อน เกิดมาสวยใช่ว่าจะดี
“ยายแพรเอยจะมีความรักกับเขาสักทีก็ดันมาเจอตอ” ลูกตาลคิดอย่างสงสารเพื่อนแต่ไม่รู้จะช่วยเพื่อนรักอย่างไรดี เวลาผ่านเลยไปใจใกล้เวลาเที่ยง จึงเห็นสุรสีห์เปิดประตูร้านเข้ามา
“แพรอยู่มั้ยครับ”
“คุณรอง...อยู่ด้านหลังค่ะตาลไปตามให้มั้ยค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับผมไปเอง” กล่าวจบชายหนุ่มจึงเดินไปทางหลังร้าน เมื่อเปิดประตูเข้าไปจึงมองเป็นหญิงสาวนั่งหันด้านข้างให้
“ลูกตาลฉันไม่ไปกินข้าวนะยังไม่หิวเลย”
“ไหนบอกว่าไม่ว่างตอนเที่ยงไง” แพรวาสะดุ้งสุดตัวตกใจเพราะมัวแต่ใจลอย
“คุณรอง”
“ทำไมไม่ทานข้าวล่ะครับ” ชายหนุ่มถามพร้อมกับเดินมานั่งข้าง ๆ แพรวา เธอขยับตัวหนีสุรสีห์มองอย่างแปลกใจ
“แพรไม่ค่อยหิวเลยค่ะ”
“ทำไมหน้าดูเซียว ๆ ” ชายหนุ่มมองหน้าเธออย่างค้นหา แพรวาจึงรีบบอก
“แพรปวดหัวค่ะ”
“ทานยาหรือยัง...ยังใช่มั้ย” ชายหนุ่มให้หลังมือแตะไปที่หน้าผากหญิงสาวอย่างห่วงใย
“เมื่อคืนตอนผมมาส่งแล้วนอนเลยหรือเปล่า” หญิงสาวส่ายหน้า
“ทำไมล่ะ...เนี่ยล่ะถึงไปปวดหัวไง
เดี๋ยวผมหายาให้ทานนะ” ชายหนุ่มกำลังจะลุกขึ้นไปแต่แพรวาจับมือไว้ก่อน
“ไม่ไปไรค่ะ...แพรจัดการเองได้”
“เดี๋ยวแพรก็ไม่กินอีก...ผมไปเอาให้ดีกว่านะ” กล่าวจบชายหนุ่มจึงเดินออกไป หายไปสักพักสุรสีห์ก็เดินกลับมาพร้อมกับอาหาร
“ทานข้าวสักคำ ก่อนแล้วค่อยทานยา” แพรวามองชายหนุ่มอย่างสงสัย
“มีอะไรหรือเปล่าทำไมมองหน้าผมอย่างนี้”
“คุณรองค่ะ...ทำไมคุณรองมาทำดีกับแพรแบบนี้”
“ที่คุณเป็นแบบนี้เพราะคำพูดของซินดี้หรือครับ”
“คุณรองรู้ได้อย่างไรค่ะ
ลูกตาลใช่มั้ยค่ะ” แพรวาอดที่จะฉุนแม่เพื่อนตัวดีของเธอไม่ได้
“แพรอย่าไปว่าคุณตาลเลยนะ...เธอหวังดีกับเราถึงได้เล่าให้ผมฟังลำพังแพรคงไม่ยอมบอกผมหรอกใช่มั้ย” แพรวาก้มหน้าลงไม่ยอมสบสายตาของชายหนุ่มที่มองมา สุรสีห์เชยปลายคางให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้น
“ผมอยากให้แพรเชื่อใจผมมากกว่านี้เราลองศึกษากันและกันไม่ใช่ไปฟังคนอื่นพูดแล้วเก็บเรื่องไร้สาระแบบนี้มานั่งคิดจนตัวเองไม่สบายใจ...ผมจริงใจกับแพรมากนะ” แพรวาไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้อีกได้แล้วจึงปล่อยให้ไหลรินเต็มสองแก้มเธอไม่เข้าใจตัวเองเลย
ทำเรื่องที่เกี่ยวกับผู้ชายคนนี้เธอถึงได้อ่อนแอขนาดนี้นะ ชายหนุ่มกอดแพรวาไว้ในอ้อมอกกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น ปล่อยให้หญิงสาวร้องไห้กับอกตัวเองจนรู้สึกได้ถึงน้ำตาที่ไหลเปียกเสื้อด้านหน้าไปหมด รอจนหญิงสาวร้องไห้จนสาแก่ใจตัวเองแล้ว
จึงเชยปลายคางหญิงสาวให้เงยขึ้นและเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน
“ที่หลังมีเรื่องอะไรสัญญาได้มั้ยว่าจะถามผม...อย่าปล่อยให้เรื่องแบบนี้มารกใจ” แพรวาพยักหน้ารับ
“เด็กดี” ชายหนุ่มกล่าวจบจึงก้มลงจูบแก้มหญิงสาวอย่างแรง ตามอารมณ์ที่อัดแน่นอยู่ข้างในแถมยังจูบละทั่วใบหน้าของหญิงสาวไปหมดจนเธอต้องยกมือขึ้นปิดปากชายหนุ่มเมื่อไม่เห็นทีท่าว่าชายหนุ่มจะหยุดจูบ
“พอแล้วค่ะ
คุณรอง” สุรสีห์มองหญิงสาวตรงหน้าที่ตอนนี้อายจนหน้าแดงเพราะฝีมือมองเขา
“แพรวาจำไว้นะคราวหน้าถ้าแพรไปฟังคำพูดไร้สาระของซินดี้อีก...ผมก็จะลงโทษแพรแบบนี้อีก”
“ค่ะ”
“งั้นทานข้าวนะแล้วกินยาแก้ปวดหัวซะ...จะได้หาย”
“ขอบคุณคุณรองมากนะค่ะ” แพรวาทานซุปแต่โดยดี สุรสีห์ปัดผมที่หล่นลงมาที่หน้าผากของแพรวาไปเหน็บใบหูให้อย่างอ่อนโยน
“คุณรองล่ะค่ะทานอะไรมาหรือยัง
ทานกับแพรมั้ยค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงผมหรอกน่า...ผมดูแลตัวเองได้” รอจนหญิงสาวทานหมดและกินยาตามที่ตัวเองต้องการแล้วจึงส่งยาให้หญิงสาวทาน เมื่อดูแพรวาทานยาแล้วสุรสีห์ยกนาฬิกาขึ้นดูแล้วถอนใจ
“ผมกลับก่อนนะบ่าย ๆ ผมมีประชุม...ผมห่วงแพรจังเลย”
“แพรไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ...แพรไปส่งคุณรองที่รถค่ะ” สองหนุ่มสาวเดินจับมือกันออกมา
“คุณรองจะกลับแล้วหรือค่ะ” ลูกตาลถามหลังจากเห็นเงียบหายอยู่ทางหลังร้าน
“ครับคุณตาล...ฝากดูแลแพรด้วยนะครับ”
“ค่ะตาลรับฝาก...จะดูแลอย่างดีเลยค่ะ”
“ยัยตาล” หญิงสาวอายกับสายตาของคนในร้านที่มองดูพวกเธอยิ้ม
“ไปค่ะ” สุรสีห์จึงก้าวนำไปยังรถที่จอดอยู่ เห็นนายวิทยืนรออยู่แล้ว
“ผมกลับก่อนนะแล้วผมจะโทรหา”
“ค่ะ” แพรวารอจนรถแล่นจากไปจึงเดินกลับเข้ามาในร้าน
“ว่าไงจ๊ะหน้าตาผิดกับเมื่อเช้าอย่างกับคนละคนเลยนะยายแพร”
“เธอไม่ต้องมาล้อฉันเลยนะยายตาล”
“ไม่ล้อก็ได้ดีกันก็ดีแล้ว...ฉันเอาใจช่วยให้เธอนะแพร”
“ขอบใจจ๊ะลูกตาล”
ตอนที่สุรสีห์ก้าวออกจากร้านเสื้อของแพรวาเขาไม่รู้ตัวว่าตกเป็นเป้าสายตาของสุรศักดิ์ ที่บังเอิญขับรถผ่านและจำได้ว่ารถที่จอดอยู่หน้าร้านนั้นเป็นรถของสุรสีห์ จึงรอจนชายหนุ่มออกรถไปแล้วจึงเดินก้าวเข้าไปในร้าน
“สวัสดีแพรวา” แพรวาหันกลับมาตามเสียงเรียกจึงทำหน้าแปลกใจ
“สวัสดีค่ะคุณใหญ่
ไปไหนมาค่ะ”
“พอดีผ่านมาแถวนี้เลยแวะเข้ามาทัก
ร้านใหญ่ดีนี่”
“ขอบคุณค่ะ” สุรศักดิ์เดินดูรอบๆ ร้านแล้วจึงหันมามองแพรวาด้วยสายตากรุมกริ่ม
“ฉันคอแห้งจังขอดื่มน้ำสักแก้วได้ไหม”
“ค่ะ...เดี๋ยวให้เด็กจัดมาให้เชิญคุณใหญ่นั่งก่อนค่ะ” แพรวาหันไปสั่งเด็กในร้านให้หาน้ำมารับแขก เมื่อสั่งเด็กแล้วแพรวาจึงหันกับมาคุยกับสุรศักดิ์
“เป็นไงไปได้ดีมั้ย”
“ค่ะก็ดีค่ะพออยู่ได้” แพรวารู้สึกอึดอันกับการมองของสุรศักดิ์มาก
“เธอเก่งนะอายุยังน้อย...ยังทำร้านได้ขนาดนี้”
“ไม่ใช่ดิฉันคนเดียวหลอกค่ะทำกับเพื่อนช่วย ๆ กัน”
“ฮืม...” สุรศักดิ์รับน้ำมาดื่มโดยสายตาไม่ได้คาดจากดวงหน้าของหญิงสาวตรงหน้าเลย
“เอ้าล่ะฉันรู้จักร้านเธอแล้วไว้วันหลังฉันจะแวะมาทักทายใหม่แล้วกัน”
“ค่ะ” ครอยหลังคุณใหญ่แพรวาถอนหายใจด้วยความหนักใจ
“ใครนะแพร” ลูกตาลถามหลังจากเห็นผู้ชายคนนั้นเดินออกจากร้านไป
“อดีตพี่เขยฉันไงล่ะ”
“เนี่ยหรือท่าทางเจ้าชู้หน้าดูเลยนะ”
“พี่พรรณถึงได้ทนไม่ไหวไงล่ะ”
“แล้วนี้คุณรองรู้หรือเปล่าเนี่ยว่าคุณใหญ่เขาทำท่าเจ้าชู้กับเธอแบบนี้”
“ไม่มีอะไรหรอกน่าลูกตาลเธออย่าคิดมากเลยนะนั้นพ่อของน้องกร”
“ถ้าเขาคิดยังงั้นฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกกลัวแต่ว่าเขาจะไม่คิดกับเธอแค่น้าของลูกนะซิ” แพรวาสบตากับลูกตาลที่มองมาอย่างสงสัยแพรวายักไหล่หมดความสนใจและลงมือทำงานต่อ
ตอนที่ 8
หลังจากออกจากร้านของแพรวาแล้ว นายสุรศักดิ์เดินกับมานั่งที่รถแอบมองหญิงสาวที่เดินอยู่ในร้านอย่างเพลินตา ยิ่งมองก็ยิ่งเห็นความสวยของหญิงสาว มิน่าล่ะไอ้รองมันถึงได้ติดใจนักหนางานนี้ซักสนุกแล้วซิ เขาจะลองดูสักตั้งดูซิว่าไอ้รองมันจะจริงจังขนาดไหน
คนอย่างเขาถ้าอยากจะได้ใครแล้วล่ะก็เขาจะทำทุกวิถีทางให้ได้มาโดยไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น มาดูกันซิว่าระหว่างเขากับไอ้รองใครมันจะได้แพรวาไปครอง สุรศักดิ์คิดอย่างกระหยิมในใจแต่เขาคงลืมคิดไปว่าคนที่เขาจะเล่นด้วยนั้นก็ไม่เคยแพ้ใครมาก่อนเช่นเดียวกัน
“พี่ใหญ่ทำไมวันนี้อารมณ์ดีจัง”
“ไม่มีอะไรหรอกเล็กนายกินเหล้าเป็นเพี่อนพี่หน่อยซิ”
“ได้ครับเดี๋ยวผมให้เด็กจัดให้” เล็กเดินออกไปบอกให้เด็กจังเหล้าพร้อมกับแกล้มให้แล้วจึงเดินกลับมา
“พี่ใหญ่ไปไหนมาครับผมเห็นคนที่บริษัทเข้าหากันให้ทั่วไปหมด” สุทธิชัยเรียบๆ เคียง ๆ ถาม
“ไปหาอะไรสวย ๆ งามๆ ดู”
“ไปติดสาวที่ไหนอีกล่ะครับ” สุทธิชัยถามอย่างรู้ใจถ้าพี่ชายเขามีอาการแบบนี้แสดงความเจอคนถูกใจอีกแน่ๆ
“แกนี้เป็นน้องที่รู้ใจฉันจริง ๆ “ ก่อนที่จะพูดคุยอะไรกันต่อก็พอดีสาวใช้เดินเอาเหล้ามาวางเล็กจึงจัดการผสมแล้วให้อย่างรู้ใจพี่ชาย
“ชนแก้วกันหน่อย”
“ครึมอกครึมใจกันจริงนะสองหนุ่ม” สองหนุ่มหันไปมองจึงสุชาดาดินเข้ามา
“อ้าวพี่นิดไปซื้ออะไรมาครับ”
“ฉันก็ไปช็อบตามประสาฉันนั้นล่ะ...แล้วนี้อะไรกินเหล้ากันแต่วันเลยหรือไง”
“แกอย่าพูดมากหน่อยเลยยายนิด” สุรศักดิ์รีบชิงพูดเพราะรู้ดีว่าน้องสาวคนนี้ของเขาบ่นเก่งแค่ไหน
“ก็เพราะพี่ใหญ่เป็นแบบนี้นะซิคุณพ่อถึงไว้ใจให้ไอ้รองมันทำทุกอย่าง”
“แกนี้ปากเสียจริง ๆ” สุรศักดิ์ต่อว่าน้องสาว ถึงจะเป็นเรื่องจริงแต่ใครบ้างชอบให้คนอื่นมาพูดเรื่องตัวเองแบบนี้
“นิดเตือนด้วยความหวังดีอย่างไรนิดก็ไม่เห็นใครดีไปกว่าพี่น้องหรอกนะ”
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันกับเล็กก็แล้วกันแกไม่ต้องห่วง....เอาเวลาไปใส่ใจผัวแกเถอะ”
“พี่ใหญ่นี้ยังไงเกี่ยวอะไรกับคุณกิจจาเขา” สุชาดาเริ่มโวยเมื่อโดนพี่ชายว่ากระทบถึงสามีของตนถึงเขาจะไม่ได้ความแต่เธอก็รับไม่ได้ถ้าใครจะมาว่าเขา
“เอาล่ะครับผมคิดว่าพี่ใหญ่คงรับมือได้
พี่นิดไม่ต้องกังวลหรอกครับเชื่อผมเถอะ” สุทธิชัยกล่าวอย่างตัดความรำคาญเพราะรู้นิสัยพี่สาวตัวเองดีท่าจะไม่จบง่ายๆ และเขาก็ไม่อยากให้ทั้งสองคนเถียงกันมากไปกว่านี้
“นิดไปดีกว่าไม่อยากพูดอะไรกับพี่ใหญ่แล้ว”
“ไปเสียได้ก็ดี...ผู้หญิงนี้น่ารำคาญจริง” สุรศักดิ์บ่นไล่หลัง
“แล้วคนที่พี่ใหญ่ไปหาเมื่อตอนบ่ายละครับน่ารำคาญอย่างนี้หรือเปล่า” สุทธิชัยเปลี่ยนเรื่องพูด
“เฮ้ยคนนี้ยกเว้นโว้ย”
“ผมชักอยากจะเห็นแล้วซิ”
“แกก็รู้จักนายเล็ก”
“ใครครับ” สุทธิชัยอย่างสงสัยเมื่อเห็นอาการของพี่ชายต้องมีอะไรแน่ ๆ
“แพรวาไงล่ะ”
“อะไรนะครับ”
“ฉันว่าผู้หญิงที่ฉันไปหา...คือแพรวา...ทำไมแกทำหน้ายังงั้นว่ะ” สุรศักดิ์ถามหลังจากที่น้องชายทำหน้างง
“สงสัยว่าพี่ใหญ่กำลังทำอะไรกันแน่”
“ฉันก็แค่อยากรู้ว่าร้านเขาอยู่ที่ไหน...ก็เลยลองไปดู” สุรศักดิ์กล่าวอย่างอารมณ์ดี
“ผมว่ามันไม่แค่นั้นนะซิ”
“ถ้าฉันจะบอกแกว่าฉันชักสนใจเด็กคนนั้นล่ะ”
“พี่ใหญ่ก็รู้ว่าพี่รองเขาสนใจอยู่”
“ฉันไม่สนหรอกนะของแบบนี้มันใครดีใครได้โว้ย” เล็กฟังอย่างสนใจแล้วเริ่มมองเห็นปัญหาของความขัดแย่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกข้อหนึ่งของบ้านกิจเจริญไพศาล
“น้าแพรครับ...น้าแพร” สิทธิกรร้องเรียกน้าสาว
“ครับน้องกร”
“เปิดประตูหน่อยครับ” แพรวางัวเงียเดินมาเปิดประตู แล้วเดินไปล้มตัวลงนอนที่เตียงต่อ เมื่อคืนกว่าเธอจะได้นอนก็ใกล้จะสว่างแล้วเพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ร้าน
“น้าแพรครับ” พ่อหลานชายตัวดีมาล้มตัวลงนอนทับบนตัวแพรวา
“ว่าไงครับน้องกร” แพรวาหลับตาถามหลานชัย
“วันนี้วันอะไรครับ”
“วันอาทิตย์ไงครับ” แพรวาเริ่มรู้ชะตากรรมของตัวเองแล้ว ลองหลานเธอถามแบบนี้แสดงว่าเวลานอนของเธอหมดลงแล้ว
“จะไปเที่ยวไหนกันดีครับ”
“กรจะไปไหนละครับ” แพรวาลืมตาคว้าหลานชายมากอด
“กรอยากไปกินไอติม ไปเล่นของเล่น”
“ครับไปก็ไปครับ”
“น้าแพรก็ตื่นซิครับ” ไม่พูดเปล่ายังดึงมือน้าสาวให้ลุกจากที่นอนเพื่อไปอาบน้ำ แพรพรรณนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เห็นสอง
น้าหลานเดินลงมาจากชั้นบนแต่งตัวพร้อมจะออกจากบ้าน
“จะไปไหนกันอีกล่ะจ๊ะ”
“ไปเที่ยวค่ะพี่พรรณไปกับพวกเราไหมค่ะ”
“ตากรเรานะน้าแพรทำงานเหนื่อย ๆ วันหยุดแทนที่จะได้พักผ่อนกับต้องพาเราไปเที่ยว” แพรพรรณบ่นลูกชาย
“อย่าไปว่าหลานเลยค่ะ...แพรเต็มใจพาไป” แพรวารีบบอกกลัวพี่สาวจะหันไปดุหลานชายอีก
“จ้าไปกันเถอะจ๊ะ...ว่าไม่ได้เลยหลานชายยอดรักเนี่ย...พี่อยู่บ้านดีกว่า”
“ไปกร...เราไปกันเถอะ” ระหว่างทางที่ขับรถมาแพรวาไม่มีโอกาสได้มองข้างทางเลยเพราะต้องคอยตอบคำถามของน้องกรตลอดเวลา กรเป็นเด็กฉลาดและขอบซักถาม เห็นอะไรก็ถามไปหมด
“เย้ ๆ นั้นอารองนี้ครับ”
“คุณรองมาได้ไงค่ะเนี่ย” แพรวาทักทายชายหนุ่มเสร็จก็หันไปยิ้มกับนายวิทซึ่งเดินตามมาข้างหลัง
“ผมเห็นคุณเลียวรถเข้ามาก็เลยตามมา”
“สวัสดีครับอารอง” สุรสีห์ทรุดตัวลงนั่งพูดอะไรบ้างอย่างเบาที่ข้างหูสิทธิกร ๆ หัวเราะชอบใจ แพรวามองสองอาหลานทักทายกันอย่างสนุกสนามไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่กุมธุรกิจเป็นพันล้านจะทำอะไรอ่อนโยนแบบนี้เป็น
“สวัสดีครับ”
“มาเที่ยวกันสองคนอีกแล้ว...ทำไมไม่โทรชวนผมด้วย” ชายหนุ่มได้ทีรีบต่อว่าใหญ่
“แพรคิดว่าคุณรองงานยุ่ง”
“วันนี้วันหยุดนะผมก็ต้องพักผ่อนบ้าง” แพรวายิ้มรับกับคำพูดของชายหนุ่ม
“ไว้คราวหน้าคุณต้องโทรชวนผมนะรู้มั้ย”
“ค่ะ
ไว้คราวหน้าแพรจะชวนนะค่ะ” ถ้ามีคราวหน้านะแพรวาคิดในใจ
“เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมเน้าเซียว ๆ “ สุรสีห์ทักเมื่อเห็นหน้าตาอิดโรยของอีกฝ่าย
“ไม่มีอะไรค่ะแค่นอนไม่หลับเฉยๆ” แพรวายกมือลูบแก้มตัวเอง สุรสีห์ยืนมือไปวางทับมือหญิงสาวที่กุมแก้มและดึงมือมากุมไว้
“แล้วจะไปไหนกันต่อ”
“คงจะเดินซื้อของแล้วทานข้าวเที่ยงกันค่ะ” แพรวามองที่มือของเขา สุรสีห์กระชับมือแน่นขึ้น
“ผมไปด้วยคนนะ” แพรวามองหน้าอย่าแปลกใจ
“ผมจะกินไอติมนะน้าแพร “
“ครับรู้แล้วครับ” แพรวายิ้มกับคำพูดของหลานชายรองไม่ให้กินซิงานนี้ไม่โยเยแน่ ๆ เลย
“คุณรองทานไอศกรีมกันก่อนนะค่ะอะไร”
“ได้...เราทานไอศกรีมครั้งสุดท้ายเมื่อไรนะวิท” สุรสีห์หันมาถามลูกน้องคู่ใจ
“จำไม่ได้แล้วครับ” วิทตอบก็จำไม่ได้จริง ๆ นี้น่าอย่าว่าแต่ไอศกรีมเลยเดินห้างถ้าไม่ใช่เพราะหญิงสาวคนนี้มีหรือเจ้านายเข้าจะเข้ามาเดินเล่นให้เวลาหมดไปอย่างเปล่าประโยชน์แบบนี้
“งั้นเราไปทานกันเถอะค่ะ”
“คุณพรรณไม่มาด้วยหรือ” สุรสีห์ถามถึงพี่สะใภ้
“พี่พรรณอยู่บ้านค่ะ...วันอาทิตย์เป็นแพรอาสาที่ต้องดูเจ้าตัวยุ่งนี้”
“กรเปล่ายุ่งน่ะฮะกรแค่อยากมาเที่ยวเฉย ๆ ไม่ได้ยุ่งสักหน่อย”
“จ๊ะพ่อตัวดีไม่ยุ่งก็ไม่ยุ่ง” แพรวาเอื้อมมือไปเช็ดมุมปากของน้องกรที่กินแล้วเลอะ
“กรกินดี ๆ แล้วนะแต่ มันเลอะเอง” สิทธิกรรีบบอกก่อนที่จะโดนวา
“น้าแพรยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”
“งั้นน้าแพรก็ป้อนน้องกรหน่อยซิครับ” สิทธิกรรีบอ้อนน้าสาว
“เรื่อง อะไรถ้าน้องกรกินช้า ๆ ก็จะไม่เลอะแบบนี้นะ” น้องกรทำหน้ายุ่งกับน้าสาวของตัวเองแล้วทานอาหารต่อ ผู้ใหญ่มองหน้ากันยิ้มๆกับความเจ้าเล่ห์ของหลานชาย
“อิ่มหรือยังจ๊ะกร” เมื่อโอศกรีมหมดไปสองถ้วยแล้ว แพรวาจึงหันมาถามหลานชาย
“อิ่มแล้วครับน้าแพร”
“เราไปกันเถอะค่ะ” ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินตามสองน้าหลาน ไปอดที่จะแปลกใจไม่ได้ทั้งที่วันนี้เขาจะตีกอล์ฟกับวิทแต่พอเห็นรถของหญิงสาวก็จำได้จึงสั่งให้วิทขับรถตามทันที
“แพรจะซื้อของคุณรองจะกลับเลยหรือเปล่าค่ะ”
“ผมไปด้วย”
“กรอยากไปเล่นของเล่นนะน้าแพร” สิทธิกรเขย่ามือน้าสาวแพรวาหันมาทำตาดุใส่
“สัญญาว่าถ้าได้กินไอศกรีมแล้วจะไม่ยุ่งไงค่ะ” กรก้มหน้างุดที่โดนแพรวาดุ
“ไม่เอาน่าแพร...กรอยากเล่นอะไรครับ” สุรสีห์ถามหลานอย่างอ่อนโยน
“เครื่องเล่นชั้นบนครับ” กรเงยหน้าขึ้นมายิ้มทันที
“ไปกับอาวิทได้มั้ยครับ”
“ได้ครับกรไปได้ครับ...กรสัญญาว่าจะไม่ดื้อกับอาวิทครับ”
“วิทนายพาไปหน่อยนะ”
“คุณรองค่ะอย่าตามใจแบบนี้ซิค่ะ...” แพรวาเอยห้ามอย่างอ่อนใจ เธอไม่ค่อยชอบใจนักเพราะโดยปรกติหลานชายจะเป็นคนพูดจารู้เรื่องนี้คงเห็นว่ามีอามาด้วยจึงร้องจะเอานั้นเอานี้
“ไม่เป็นไรนะแพร...ถ้าซื้อของเสร็จแล้วเดี๋ยวเราคอยมารับเขากลับ”
“ไม่รู้คุณวิทจะรับมือกับความเจ้าเล่ห์ของกรได้หรือเปล่า”
“โธ่ไปห่วงอะไรกับนายวิทเขาถนัดอยู่แล้วเรื่องรับมือเด็กๆ” กล่าวจบสุรสีห์ก็จูงมือหญิงสาวมาอีกทางเพื่อไปเลือกซื้อของ
“คุณจะซื้ออะไรครับ”
“แพรจะเข้าซุปเปอร์ค่ะ” แพรวาเลือกซื้อของใช้จำเป็นในบ้านหยิบใส่รถเข็นที่ชายหนุ่มเดินเข็นตามมาข้างหลัง ดูเหมือนคู่สามีภรรยามาเดินซื้อของด้วยกันยังไงยังงั้นเลย
“เมื่อยหรือยังค่ะคุณรอง” แพรวาหันมายิ้มให้
“ผมว่านะผู้หญิงกับการช๊อปนี้คู่กันจริงๆนะ” ชายหนุ่มตอบไปอีกทาง
“ห้ามบ่นค่ะ”
“ผมไม่ได้บ่น...ผมว่าเราเหมือนเป็นคู่แต่งงานใหม่ๆ เลยนะ” แพรวาหันมามองหน้าจึงสบสายตาหวานๆ ของเขาที่มองอยู่ก่อนแล้ว
“ขี้ตู่” เมื่อซื้อของเสร็จแล้วชายหนุ่มจึงหยิบบัตรเครดิตจ่ายชำระสินค้าให้แพรวา
“คุณรองไม่ต้องค่ะ”
“ผมจ่ายให้
นี้มันหน้าที่หัวหน้าครอบครัวนะ” แคชเชียร์มองสองหนุ่มสาวแล้วแอบยิ้ม แพรวาอายหน้าแดงจึงหยิกไปที่แขนเขา
“ขอบคุณน่ะค่ะคุณรอง” ชายหนุ่มหยิบของที่หญิงสาวซื้อทั้งหมดมาถือไว้แล้วจับมือให้เธอเดินตาม
“วิทนายอยู่ไหนแล้ว
มาเจอกันที่....”
“เรารออยู่ตรงนี้ล่ะเดี๋ยววิทก็มาแล้ว” ไม่ถึงสิบนาทีจึงเห็นวิทเดินอุ้มน้องกรมา
“อ้าวกรเป็นอะไรค่ะ”
“หลับนะครับ”
“ตายจริงคุณวิทหนักแย่เลย” แพรวาบ่นหลานชาย
“ไม่เป็นอะไรครับ” ยังพูดไม่ทันขาดคำกรก็ตื่นขึ้นทำหน้างง
“ว่าไงคนเก่งถึงกับหลับเลยหรือไง” แพรวาลูบศีรษะหลานชาย สุรสีห์ขมวดหัวคิ้วมองอย่างไม่ชอบใจจนวิทลอบยิ้ม
“น้าแพรกรง่วงนอนครับ” เด็กชายพูดอย่างงัวเงีย
“งั้นคงต้องกลับกันแล้วล่ะค่ะ” แพรวามองตาหลานชายแล้วขำ
“ไปครับผมไปส่งที่รถ” สุรสีห์แตะมือไปที่แผ่นหลังหญิงสาวให้เดินนำหน้าไป เมื่อสองหนุ่มมาส่งที่รถแล้ว
“ขอบคุณมากค่ะคุณรองคุณวิท” แพรวาเปิดประตูด้านหน้าปรับเบาะรถลงเพื่อให้หลานชายนอนได้สบายขึ้น วิทเดินเลี่ยงเอาของไปใส่ท้ายรถของหญิงสาว
“ไม่เป็นไรครับ” ชายหนุ่มท้าวแขนกับขอบประตูรถ
“ไว้มากันใหม่นะครับอารอง...วันนี้กรสนุกมาเลย” สิทธิกรกล่าวจบก็ล้มตัวลงนอน
“เราสนุกคนเดียวนะซิ...นายกร” แพรวาว่าหลานชายตัวดี ที่ยิ้มแก้มแทบปริเพราะคุณอาตามใจเหลือเกิน กินโอศกรีม เล่นของเล่นแถมด้วยรถบังคับอีกหนึ่งคัน ไม่รบให้พามาอีกซิน่าแปลก
“คุณรองกลับบ้านเลยหรือเปล่าค่ะ”
“ผมต้องไปธุระต่ออีก”
“ตายจริงพวกเราเลยทำให้คุณรองเสียเวลาทั้งวันเลย”
“ไม่มีใครสั่งให้ผมทำอะไรได้หรอกนะถ้าผมไม่เต็มใจ” เมื่อส่งสองน้าหลานขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มหันมาก็พบกับรอยยิ้มของนายวิที่ยืนเอามือไขว้หลังมองไปทางนั้นทางนี้แต่ใบหน้าเปื้อนยิ้ม สุรสีห์ถามขึ้นด้วยความหมั่นไส้
“อะไรของนายวะวิท”
“เปล่าครับเจ้านาย”
“เปล่าๆ ก็ไปกันเสียทีหรือนายจะยืนยิ้มอยู่ตรงนี้ ทั้งวันหรือไง” สุรสีห์ก้าวเดินออกไปก่อน
เมื่อแยกจากชายหนุ่มแล้วแพรวาหันมามองหลานชายตัวดีที่ตอนนี้นอนหลับเพราะความอ่อนเพลีย แพรวาหยิบเสื้อคลุมของตัวเองที่ติดไว้ในรถประจำมาห่มให้หลานชายกลัวว่าแอร์จะเย็นเกินไปสำหรับหลาย ลูบศีรษะของอย่างเอ็ดดูอดที่จะนึกถึงอาของเด็กชายไม่ได้
แค่นึกถึงเธอก็อดที่จะยิ้มกับเหตุการณ์วันนี้ไม่ได้ ถ้ามีใครรู้นายสุรสีห์ กิจเจริญไพศาลที่เวลาเป็นเงินเป็นทองหาเวลาว่างแทบไม่ได้กับมาเข้าโรงหนังดูหนังการ์ตูนที่เหมาะสำหรับเด็กๆ คงจะเป็นข่าวคึกโครมแน่
เมื่อกลับมาถึงบ้านหลานชายตัวดียังไม่หยุดพูดถึงอารองว่าใจดียังงันใจดีอย่างนี้จนแพรวาอดที่จะขำไม่ได้
“น้าแพรรู้แล้วว่าอารองใจดี...แต่ตอนนี้น้าแพรว่ากรรีบไปอาบน้ำก่อนดีกว่านะจ๊ะ” สองน้าหลานเดินเข้ามาในบ้านแล้วจึงได้ยินเสียงคนเถียงกันดังลั่นบ้านไปหมด แพรวารีบวิ่งมาดูกลัวจะเกิดเรื่องกับพี่สาว
“พี่แพรค่ะ” เมื่อแพรวาเข้ามาในบ้านเห็นนายสุรศักดิ์ ยืนจ้องหน้ากับแพรพรรณ จึงยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะคุณใหญ่”
“ไปไหนกันมาน้าหลาน” สุรศักดิ์ทักพร้อมกับจะลูบหัวลูกชายแต่สิทธิกรเบี่ยงตัวล่ะอยู่ด้านหลังน้าสาว
“พากรไปเที่ยวมานะค่ะ”
“สนุกมั้ยลูก” สุรศักดิ์ถามลูกชาย
“สนุกครับ” สิธิกรตอบเสร็จก็หลบตาพ่อที่ตัวเองไม่ค่อยได้เจอหน้ากันนัก
“ผมผ่านมาทางนี้เลยแวะมาเยี่ยมลูกนะครับ
ถ้ารู้ว่าแพรจะพากรไปเที่ยวผมจะได้มารับ” สุรศักดิ์กลุมกลิ่มกับแพรวา
“ฉันคงไม่รบกวนคุณใหญ่หรอกค่ะ”
“รบกวนอะไรกันทำยังกับคนอื่นคนไกลยังงั้นล่ะ”
“ก็คนอื่นจริง ๆ “ แพรพรรณกล่าวเสียงห้วนด้วยความไม่พอใจเพราะรู้จักนิสัยสามีเก่าดีแค่อ้าปากเธอก็เห็นลิ้นไก่แล้ว ที่เขามาไม่ใช่เพราะคิดถึงลูกแต่เป็นเพราะน้องสาวของเธอ นี้อย่างไรล่ะคือเหตุผลที่เธอไม่เคยพาน้องสาวไปที่บ้านนั้น
“ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วคุณใหญ่กลับเถอะค่ะอย่าหาว่าฉันไล่เลยนะ” แพรพรรณไล่อย่างไม่ไว้หน้า
“ทำไมฉันยังคุยกับลูกได้ไม่กี่คำเอง”
“จะมาคิดถึงลูกอะไรเอาป่านนี้ค่ะ...มันไม่สายไปหน่อยหรือไง” แพรพรรณถามอย่างสะกดอารมณ์เต็มที
“เธอจะหาเรื่องกันหรือไง” สุรสักดิ์ถามออกไปอย่างโมโหลืมตัวว่าไม่ได้อยู่กันตามลำพัง
“แป๋วพากรขึ้นไปอาบน้ำไป” แพรวารีบให้พี่เลี้ยงหลานชายพอออกไปเพราะไม่อยากหลานมาเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันแบบนี้ แล้วจึงหันมาพูดกับพี่สาว
“พี่พรรณพอเถอะค่ะ”
“แพรเธอก็ดูซิ...มาคิดถึงอะไรตอนนี้คิดถึงลูกหรือคิดถึงอะไรกันแน่”
“เธอนี้มันหาเรื่องเก่งจริง ๆ นะพรรณ”
“ใช่ซิฉันมันไม่ได้เรื่องถึงได้หลงผิดมาเจอคนอย่างคุณไงคุณใหญ่”
“พอเถอะค่ะ...คุณใหญ่วันนี้กลับไปก่อนนะค่ะแล้วค่อยมาเยี่ยมใหม่วันหลัง” แพรวาหันมาพูดกับสุรศักดิ์ก่อนที่เรื่องจะลุกลามใหญ่โต
“ผมกลับก่อนก็ได้นี้น้องแพรขอนะไม่งั้นผมไปกลับหรอก...อยากคุยกับลูกนาน ๆ พี่คิดถึงเขามาก”
“ทุเรศ” แพรแพรรณกล่าวอย่างอดไม่ได้ ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเธอไปหลงคารมคนแบบนี้ได้อย่างไร
“พี่พรรณ” แพรวาร้องอย่างตกใจ
“เธอนี่มัน” สุรศักดิ์ร้องอย่างโมโห ถ้าไม่ติดว่ากลัวเสียภาพพจน์ต่อหน้าน้องเมียเขาคงตบคว่ำไปแล้ว
“ทำไมฉันทำไม...” แพรพรรณตะคอกเสียงถามอย่างไม่ยอมแพ้ แพรวาเห็นท่าไม่ดีจึงจับแขนพี่สาวไว้อย่างเตือนสติแล้วหันไปพูดกับอดีตพี่เขยอย่างข้อร้อง
“กลับเถอะค่ะคุณใหญ่”
“งั้นผมกลับก่อนนะ”
“ค่ะ...สวัสดีค่ะ” แพรวาตัดบทเปิดประตูและเดินนำออกมาส่งสุรศักดิ์ที่รถ
“น้องแพรต้องเข้าใจพี่นะ...พี่ไม่ได้จะมาหาเรื่องอะไรพรรณเลยพี่แค่คิดถึงลูกเท่านั้นเอง”
“ค่ะ...คุณใหญ่ไว้พี่พรรณอารมณ์ดีกว่านี้แล้วค่อยมาคุยกันใหม่นะค่ะ”
“ก็คงต้องเป็นอย่างงั้น...อ้อแล้วพี่ขอร้องนะเรียกพี่ว่าพี่ใหญ่ได้มั้ยเรียกคุณใหญ่แล้วมันอย่างไรไม่รู้”
“อย่าเพิ่งเลยค่ะ...ดิฉันกับคุณใหญ่ก็ไม่ได้สนิทกันมาก”
“โธ่น้องแพร”
“วันนี้คุณใหญ่กับไปก่อนเถอะค่ะ”
“แล้วเจอกันกันน้องแพร” แพรวาได้แต่ยิ้มไม่กล้ากล่าวอะไรออกไป พอเดินกลับมาเจอพี่สาวนั่งกุมขมับอยู่
“พี่พรรณค่ะ
เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เป็นอะไร...เธอระวังตัวนะ”
“เรื่องอะไรค่ะ”
“ฉันว่าคุณใหญ่เขามาหาแกไม่ได้มาหาลูกหรอกพี่รู้จักเขาดี”
“คงไม่มีอะไรมั่งค่ะ” แพรวากล่าวอย่างไม่แน่ใจ
“แกไม่รู้จักเขาดีเท่าฉันหรอกนะฉันเห็นสายตาที่เขามองแกฉันไม่สบายใจเลย”
“เขาจะคิดอะไรก็เรื่องของเขาแต่แพรได้คิดอะไรกับเขานี้ค่ะ...พี่พรรณสบายใจเถอะค่ะอย่าคิดมากเลยนะ” แพรวาปลอบใจพี่สาว
“ดีแล้วล่ะพี่จะได้เบาใจเสียทีแพรพี่ห่วงเธอกับกรมากนะถ้าพี่เป็นอะไรไปพี่ฝากลูกด้วย”
“พี่พรรณทำไมพูดจาแบบนี้ค่ะไม่เป็นมงคลเลย”
“ไม่รู้ซินะพี่...” แพรวากอดบ่าพี่สาวเอียงศีรษะไปซบกับศีระษของแพรพรรณ เธอชอบทำแบบนี้เวลาที่จะอ้อน
“ไม่เอาพี่พรรณอย่าพูดแบบนี้อีกแพรไม่ฟังแล้ว พี่พรรณทานข้าวหรือยังค่ะ” แพรพรรณส่ายหน้า
“ฉันกินอะไรไม่ลงหรอก”
“งั้นขึ้นไปพักผ่อนข้างบนเถอะค่ะเดี๋ยวแพรหานมอุ่น ๆ ให้ทาน”
“พี่ขอบใจแพรมากนะถ้าไม่มีแพรพี่กับเขาคงยังทะเลาะกันต่ออีกแน่เลย”
“มาขอบคุณอะไรกันค่ะแพรไม่ได้ทำอะไรเลยพี่พรรณขึ้นไปพักเถอะค่ะ” แพรพรรณลุกขึ้นเดินขึ้นไปชั้นบน แพรวามองตามหลังพี่สาวอย่างหนักใจ ตั้งแต่ไปที่บ้านกิจเจริญไพศาลในวันนั้น ชีวิตของเธอก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปแทบจะหาความสงบไม่ได้เลย
ตอนที่ 9
บรรยากาศภายในห้องประชุมเต็มไปด้วยความอึดอัด เมื่อประธานในที่ประชุมมีใบหน้าที่เรียบเฉยจนไม่มีใครสามารถเดาอารมณ์ได้สร้างความกดดันให้กับผู้ร่วมประชุมเป็นอย่างยิ่ง เมื่อฟังคำสรุปผลของการดำเนินงานของเดือนที่ผ่านมา
คุณสุรสีห์ กิจเจริญไพศาลนั้นเป็นที่รู้กันดีว่าเมื่อเป็นเวลางาน งานคืองานสุรสีห์จะจริงจังกับงานมากเมื่อจะทำอะไรต้องทำให้ได้ และส่วนมากความคิดของเขาก็มักจะถูกเสมอจนเป็นที่ยอมรับของผู้ถือหุ้นรายอื่นและได้ความไว้วางใจเป็นมือขวาของท่านประธานสุรชัย
สามารถตัดสินใจแทนได้ทุกอย่าง จึงต่างยอมรับในฝีมือการทำงานและการตัดสินของสุรสีห์ และทุกคนต่างรู้กันว่าสุรสีห์น่าเป็นผู้สืบทอดกิจการทุกอย่างของตระกูล กิจเจริญไฟศาลต่อจากคุณสุรชัย ผิดกับนายสุรศักที่เป็นลูกชายคนโตแท้ ๆ แต่กับทำแต่เรื่องและมีปัญหามา
ให้แก้ไขแต่ผู้ถือหุ้นทุกคนถือว่าตราบใดที่สุรสีห์ยังแก้ไขปัญหาได้และยังได้เงินปันผลเต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนเดิมพวกเขาจึงไม่สนใจอะไรอีก ทั้งที่ทุกคนรู้ว่าโรงแรมที่นายสุรศักดิ์ดูแลนั้นรายได้ไม่ได้มากรายได้ส่วนใหญ่มาจากกิจการที่สุรสีห์ดูแลเสียส่วนใหญ่มากกว่า
แม้ในตอนนี้ที่ทำให้มีปัญหาในที่ประชุมก็ไม่พ้นปัญหาของโรงแรมที่สุรศักดิ์ดูแลอยู่ ที่ยอดตัวเลขในบัญชีหายไปมากโขอยู่ และผู้ถือหุ้นรายหนึ่งมีข้อมูลมายืนยันว่ามีการกินนอกกินในกันเกิดขึ้น
“แล้วคุณรองจะตัดสินใจว่าอย่างไรครับ” นายปยุค หุ้นส่วนคนหนึ่งถามขึ้น
“ผมว่าปล่อยเอาไม่ได้แล้วนะต้องจัดการให้เด็ดขาดลงไป”
“นั่นซิผมก็มาต้องจัดการปล่อยเอาไว้มีแต่เสียกับเสีย” หุ้นส่วนคนอื่นต่างแย่งกันเสนอความคิดเห็น
“เดี๋ยวครับโรงแรมนี้ผมดูแลอยู่...ให้ผมเป็นคนจัดการเองดีกว่า...ขอเวลาผมหน่อย” สุรศักดิ์ถามขัดขึ้นเมื่อเห็นทุกคนไม่ถามทั้งที่ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นคือโรงแรมที่ตนเองดูแลอยู่
“คุณใหญ่ไม่ใช่พวกเราไม่ให้คุณใหญ่จัดการแต่ตอนนี้ปัญหามันบานปลายและพวกเราให้โอกาสคุณใหญ่จัดการแล้วแต่คุณใหญ่ไม่สามารถจัดการอะไรได้เลย”
“เอาคุณลุงทำไมพูดอย่างงี้ล่ะครับ...ผมก็กำลังทำอยู่ แต่งานผมมันมากผมต้องขอเวลาหน่อย”
“เวลา...เวลาสำหรับทำให้เจ๊งหรือครับ”
“อ้าว...ทำไมคุณลุงพูดอย่างนี้”
“รองลุงว่าคุณต้องจัดการอะไรสักอย่างแล้วล่ะครับ” นายอดุลย์หุ้นส่วนคนหนึ่งกล่าวขัดขึ้นก่อนที่เรื่องจะลุกลามบานปลายมากไปกว่านี้ เขาพอใจการทำงานของสุรสีห์เสมอมาตัวเขาเองก็อยากดูเหมือนกันว่างานนี้สุรสีห์จะตัดสินใจอย่างไร
“ลุงเห็นด้วยนะ” นายปยุดกล่าว
“พูดอย่างนี้เท่ากับกล่าวหาว่าผมทุจริตนะซิ” สุรศักดิ์กล่าวอย่างโมโห
“ลุงไม่ได้พูดนะคุณใหญ่...คุณพูดเอง”
“เอาล่ะครับผมรับปากว่าจะจัดการเรื่องนี้เอง” สุรสีห์กล่าวตัดบทก่อนที่เรื่องราวจะรุกรามใหญ่โตมากไปกว่านี้
“ในเมื่อรองรับปากพวกลุงก็เบาใจ” ผู้ถือหุ้นทุกคนลอบมองหน้ากันด้วยสีหน้าโล่งอกที่สุรสีห์รับปากว่าจะจัดการเอง
“ครับ” สุรสีห์รับปากผู้ถือหุ้น ทำให้ทุกคนพอใจจึงพร้อมใจกันปิดประชุม เมื่อได้คำตอบที่ตัวเองต้องการแล้ว
เมื่อทุกคนออกจากห้อง กันหมดแล้วคงเหลือเพียง สุรศักดิ์ สุรสีห์และวิทเท่านั้น
“พี่ไม่ได้โกงนะรองนายอย่าไปฟังพวกลุงแก่ๆ นั้นพูดเลย”
“ผมอยากได้เรื่องจริงมากว่าครับพี่ใหญ่
ตอนนี้ก็ไม่มีใครแล้ว”
“พี่ก็พูดเรื่องจริงทั้งหมดแล้วนะรอง” สุรสีห์มองหน้าพี่ขชยตัวเองโดยไม่พูดอะไร แต่กับสร้างความอึดอัดให้กับสุรศักดิ์เป็นอย่างยิ่งเพราะเป็นที่รู้กันว่าสุรสีห์นั้นสายตาอย่างกับเหยี่ยวขนาดไหน ยิ่งตอนมีเรื่องให้ไม่สบอารมณ์อย่างนี้ด้วยแล้วละก็ พ่อยังเกรงใจเลย
“เอาล่ะ ๆ เอาเป็นว่าพี่จะหาเงินมาใช้ให้ครบตามที่จำนวนเงินมันหายไปจากบัญชีก็แล้วกันนะ”
“สิบล้านนะพี่ใหญ่ไม่ใช่แสนสองแสน พี่ใหญ่เอาเงินไปทำอะไรหมดผมอยากรู้”
“พี่ก็เอาไปลงทุนกับเพื่อนแต่มันเจ๊ง...พี่สัญญาว่าจะหาเงินมาใช้ให้ครบก็แล้วกัน”
“ผมให้เวลาแค่หนึ่งอาทิตย์นะพี่ใหญ่”
“หนึ่งอาทิตย์...จะบ้าหรือเปล่ารอง
เงินตั้งสิบล้าน”
“หนึ่งอาทิตย์พี่ใหญ่...ถ้าพี่ใหญ่หาเงินมามาปิดบัญชีไม่ได้ผมคงจะให้พี่รับผิดชอบโรงแรมนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว” กล่าวจบก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องโดยไม่ใส่ใจสุรศักดิ์จะมีปฏิกิริยาย่างไรกับคำพูดของตัวเอง
“คุณรองจะรับกาแฟมั้ยครับ” ชายหนุ่มส่ายหน้าทั้งที่ยังหลับตาอยู่กับพนักเก้าอี้ เขารู้สึกหนักใจเหลือเกินกับปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่ใหญ่ทำปัญหาแบบนี้ แต่เขาเห็นว่าทุกครั้งพี่ใหญ่สามารถแก้ปัญหาได้เองเขาจึงไม่อยากจะเข้าไปวุ่นวายอะไรมากนัก
เพราะถือว่าตรงนั้นเป็นความรับผิดชอบของพี่ใหญ่อยู่แล้ว แต่ครั้งนี้จำนวนเงินมันมากเสียจนไม่อาจจะทำเป็นนิ่งเฉยได้และหุ้นส่วนคนอื่นก็รู้กันหมดจึงไม่มีใครยอม เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายผวังของชายหนุ่ม
“ว่าไง” ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่าย จนชายหนุ่มแปลกใจทั้งที่สายโทรศัพท์ไม่ได้หลุดแต่อีกฝ่ายกับเงียบไม่ยอมพูด
“นั้นใคร”
“เอ้อคือ ...คุณรองหรือค่ะ” เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงหวานๆ ของอีกฝ่ายจึงจำได้ทันที
“สวัสดีแพรวา...โทรมามีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะแพรไม่ได้โทร
” แพรวาปฎิเสธเป็นพัลวัน
“คุณวิทต่างหากที่โทรมาแล้วให้แพรรอสาย” หญิงสาวกล่าวอย่างแปลกใจ
“อ้อเหรอ” เห็นทีเขาต้องหาของสมนาคุณให้วิทหน่อยแล้ว
“มีอะไรหรือเปล่าค่ะ” แพรวาถามเพราะได้ยินเสียงถอนหายใจดังเข้ามาในโทรศัพท์
“ไม่มีอะไร” ชายหนุ่มปฏิเสธ
“แล้วทำไมคุณวิทถึง...”
“เขารู้ใจ...ผมกำลังคิดถึงคุณ” ถึงไม่เห็นหน้าเขาก็เดาได้ว่าป่านนี้อีกฝ่ายคงจะหน้าแดงก่ำอยู่
“ค่ะ...อะไรน่ะค่ะ”
“ผมคิดถึงคุณ” แพรวารู้สึกถึงแรงเต้นของหัวใจเมื่อได้ฟังคำตอบของชายหนุ่ม แต่ไม่วายสงสัย
“วันนี้คุณรองแปลกจังเลยค่ะ”
“แปลกอย่างไรจ๊ะ”
“เสียงคุณรองฟังไม่ดีเลย” สุรสีห์อดที่จะยิ้มไม่ได้กับความชังสังเกตุของหญิงสาวที่ถามเหมือนกับรู้ว่าเขามีเรื่องไม่สบายใจอยู่
“ไม่ดียังไงจ๊ะไหนลองบอกผมซิ”
“ไม่ทราบซิค่ะ...แพรแค่รู้สึก”
“ไม่มีอะไรจริง ๆ ทานข้าวเที่ยงหรือยัง” ชายหนุ่มบอกปักรีบเปลี่ยนเรื่องกลัวหญิงสาวจะซักถามมากไปกว่านี้ เขาไม่อยากให้เธอเป็นกังวลไปกับเขาด้วย
“ทานแล้วค่ะ... คุณรองละค่ะทานหรือยัง”
“ยังเลยเพิ่งจะประชุมเสร็จ...หิวมากเลย” สุรสีห์ได้ทีทำเสียงอ้อน
“ตายจริงนี้จะบ่ายสามโมงแล้วนะค่ะ”
“เดี๋ยววิทคงจะจัดให้”
“ทานข้าวผิดเวลาบ่อย ๆ ไม่ดีน่ะค่ะ” ชายหนุ่มอดยิ้มไม่ได้กับน้ำเสียงที่แสดงความห่วงใยของหญิงสาว
“ขอบคุณที่เป็นห่วง...เย็นนี้ว่างมั้ยไปทานข้าวกันนะ”
“เย็นนี้ไม่ได้หรอกค่ะ...ช่วงนี้งานเยอะมาก”
“งานเยอะแล้วไม่ต้องทานข้าวหรือไง” สุรสีห์ทำเสียงรวน
“ทานซิค่ะ...แต่ทานกันที่ร้านนะค่ะ” แพรวาชี้แจงอย่างใจเย็น ไม่อยากจะถือสากับอาการเอาแต่ใจของอีกฝ่าย
“แล้วจะอยู่ที่ร้านถึงกี่โมง”
“วันนี้คงนอนค้างที่ร้านค่ะว่าจะทำงานกันดึกหน่อยเลยไม่อยากขับรถกับบ้าน”
“งั้นตอนเย็นผมไปทานข้าวเย็นที่ร้านด้วยคนได้หรือเปล่า” แพรวาเงียบไปอึกใจหนึ่ง ยังไม่ทันที่จะตอบออกใจคนใจร้อนก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน
“ว่าไง...ไปกินด้วยได้หรือเปล่า...ถ้าไม่ได้ก็บอกจะได้ไม่ไป” ชายหนุ่มถามเสียงห้วนด้วยความไม่พอใจ
“ได้ซิค่ะทำไมจะไม่ได้...คุณรองอย่างเพิ่มโมโหซิค่ะ”
“โอเคเย็นนี้เจอกันนะ”
“ค่ะ แต่บอกก่อนนะค่ะว่าอาหารที่พวกแพรทานกันก็อาหารธรรมดาๆ”
“ผมกินได้ทั้งนั้น...แต่อาหารรสจัดอย่างวันนั้นไม่เอานะครับ” แพรวาอดที่จะยิ้มกับคำพูดของเขาไม่ได้
“ค่ะ ตอนเย็นเจอกันนะค่ะ” รอยยิ้มยังไม่จางหายไปจากใบหน้าจองชายหนุ่มแม้ว่าจะวางสายไปแล้วก็ตาม เป็นเพราะอะไรกันนะแค่ได้ยินเสียงของหญิงสาวที่แสดงความห่วงใยต่อเขา ก็รู้สึกได้ว่ามีกำลังใจที่จะแก้ไขอุปสรรคต่างๆ ที่รายล้อมรอบตัวเขาอยู่ขณะนี้
จนได้ยินเสียงเปิดประตูจึงเงยหน้ามองเห็นนายวิทเดินเข้ามาในห้อง
“ขอบใจมากนะวิท” นายวิทก้มศีรษะรับคำอดรู้สึกไม่ได้ว่าตัดสินใจไม่ผิดที่โทรไปหาคุณแพรวา เพราะหลังจากเห็นอาการของเจ้านายก็รู้ว่าตอนนี้เจ้านายเครียดมากขนาดไหน เห็นแบบนี้แล้วก็คงต้องยอมรับว่าหญิงสาวนามว่าแพรวามีอิทธิพลกับเจ้านายเข้าจริง ๆ
“ว่าไงจ๊ะใครโทรมา” ลูกตาลทำเสียงล้อ ๆ
“ต้องรู้ทุกเรื่องหรือจ๊ะ”
“เรื่องคนอื่นฉันไม่สนใจแต่เรื่องเธอฉันสนใจทุกเรื่อง” แพรวาส่ายหน้ากับคำตอบของเพื่อนสาว
“คุณรอง...บอกว่าตอนเย็นจะมากินข้าวด้วย”
“ตายแล้วยายแพรไหนบอกไม่มีอะไร”
“ก็ไม่มีอะไรจริง ๆ นี้น่า”
“เนี่ยนะไม่มีอะไรของเธอ...เช้าถึงเย็นถึงอย่างนี้นะไม่มีอะไรยายแพรเอ่ยไปหรอกเด็กเถอะไป” แพรวามองค้อนเพื่อนสาวก็ตัวเธอเองยังไม่รู้เลยว่าเขากับเธอเป็นอะไรกันแล้วจะให้ตอบว่าอย่างไร
“พูดมากนัก...เนี่ยกินเข้าไปซะจะได้เลิกพูดเสียที” แพรวาเอาขนมยัดปากเพื่อนสาวที่ล้อเลียนตัวเอง
“แล้วหล่อนทำไมหน้าแดงขนาดนั้นจ๊ะ...ถ้าไม่มีอะไรจริง แล้วนี้จะเป็นอย่างไรน่าถ้าคุณรองเขารู้ว่าพี่ชายเขามาตีท้ายครัว”
“เธอคิดอะไรบ้า ๆ แบบนี้ลูกตาลคุณใหญ่เขาไม่คิดอะไรกับฉันแบบนั้นหรอกน่า”
“แพรฉันว่าเธอคิดหน่อยก็ดีนะเพราะท่าทางคุณใหญ่เขาออกจะเปิดเผยเสียขนาดนั้น”
“ช่างเขาถ้าเขาจะคิดอะไรฉันห้ามเขาไม่ได้แต่ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขานี้น่า”
“แล้วกับคุณรองล่ะเธอคิดหรือเปล่า”
“ยัยลูกตาลเน่ายังไม่เลิกพูดอีกล่ะก็...โดนดีแน่” ลูกตาลยังไม่หยุดล้อเพื่อนสาว แพรวาคว้ากระดาษมาขยำในมือเตรียมจะคว้างใส่เพื่อนแต่ลูกตาลรู้แกล้วจึงชิงหนีไปก่อน พนักงานในร้านต่างหัวเราะกับการทะเลาะกันของหญิงสาวทั้งคู่
เพราะตั้งแต่เปิดร้านมานี้เป็นภาพที่ทุกคนเห็นจนชินตาเรื่องพูดคุยทะเลาะยั่วแหย่ของสองสาวแต่ถ้าเกิดเป็นเวลางานแล้วละก็เจ้านายสาวทั้งสองคนของพวกเธอจะจริงจังและลุยงานกันเต็มที่
“ฮัลโหลคุณปกรณ์อยู่หรือเปล่า”
“สักครู่ครับ” จักรคนสนิทของเสี่ยยื่นโทรศัพท์ไปให้เสี่ยที่นั่งรออย่างใจเย็นรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรสุรศักดิ์ก็ต้องโทรมา
“สวัสดีครับคุณสุรศักดิ์หรือครับ
อะไรให้ผมรับใช้ครับ”
“คุณปกรณ์ผมต้องการเงินสักสิบล้านบาทคุณพอจะช่วยผมได้หรือเปล่า” เสี่ยปกรณ์เหยียดริมฝีปากอย่างดูถูก
“สิบล้าน...คุณใหญ่ไม่ใช่เงินน้อย ๆ นะครับ”
“ผมจำเป็นต้องใช้เงิน...คุณพอจะช่วยได้หรือเปล่า”
“เอาอย่างนี้นะครับผมช่วยคุณใหญ่แต่คุณใหญ่ก็ต้องช่วยผมด้วยนะครับ”
“จะให้ผมช่วยอะไรคุณไหนบอกมาซิ...ถ้าผมช่วยได้ผมจะช่วย”
“ผมอยากเพิ่มที่เก็บของและจะขอใช้โกดังของคุณใหญ่เป็นที่เก็บของถาวรของผม...ไม่ใช่แค่ฝากแต่เป็นที่เก็บประจำเลยนะครับ”
“อะไรนะ” สุรศักดิ์ไม่อยากจะเสี่ยงด้วยเท่าไรกลัวไอ้รองรู้เรื่อง แต่ตอนนี้ทางเลือกของเขาเหลือน้องลงทุกที
“ก็อย่างที่ผมบอก”
“แต่มันเสี่ยงเกินไปนะ
ถ้าไอ้รองมันรู้ว่าผมเอาโกดังของบริษัทมาเก็บของพวกนี้
”
“เอาน่าเงินที่คุณจะเอาไม่ใช่น้อย ๆ ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ หรอกครับ” เสี่ยปกรณ์หัวเราะชอบใจ
“ผมว่ามัน...”
“คุณใหญ่ครับคิดดูให้ดีนะผมขอแค่ที่เก็บของ
ไม่มีอะไรมากมายเลยแลกกับเงินสิบล้านบาท”
“ผมไม่ต้องรับผิดชอบอะไรใช่ไหมถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น” สุรศักดิ์ถามเพื่อความแน่ใจ
“มันจะมีปัญหาอะไรละครับคุณใหญ่ของทุกอย่างมันก็ของผมทั้งนั้นถ้ามีปัญหาผมรับผิดชอบเองครับ”
“ถ้าอย่างงั้นก็ตกลง”
“ต้องอย่างนี้ซิครับคุณใหญ่
ผมจะจัดการโอนเงินไปให้คุณใหญ่” หลังจากวางสายนายปกรณ์ยิ้มอย่างพอใจ
“ไอ้โง่” ปกรณ์หันไปมองคนสนิทที่ยืนเตรียมรับคำสั่ง
“คืนนี้แกไปจัดการขนย้ายของทั้งหมดออกจากที่ซ่อนเอาไปไว้โกดังของไอ้สุรศักดิ์ให้หมด” จักรมองหน้านายอย่างแปลกใจ
“ไงแปลกใจมากหรือไงจักร”
“ครับ”
“เงินมันไม่เข้าใครออกใครหรอกนะพี่น้องยังฆ่ากันตายได้เลยจริงมั้ย” กล่าวจบพลางหัวเราะอย่างขบขัน
“ผมจะรีบขนย้ายของโดยเร็วที่สุดครับนาย”
“ดีมาก ...ตรงนั้นตำรวจมันเริ่มได้กลิ่นแล้วด้วย”
“ครับผม” จักรรีบออกจากห้องไปทำตามคำสั่งเจ้านาย
เมื่อเวลาทุ่มตรงสุรสีห์ก็มาถึงร้านพอดี แต่เขากลับไม่เห็นคนที่รบกวนการทำงานของเขาตลอดนับตั้งแต่คุยโทรศัพท์กันเสร็จเขาก็ไม่มีสมาธิทำงานเอาเสียเลย
“ขอโทษครับพอดีมาค่ำไปหน่อย...”
“ไม่ค่ำหรอกค่ะเราทานอาหารเย็นกันทุ่มกว่าอยู่แล้ว...แล้วคนที่คุณรองกำลังมองหาอยู่ ๆ ในครัวค่ะ” ลูกตาลบอกอย่างรู้ใจ
“ขอบคุณครับ” สุรสีห์เดินเข้าไปหลังร้านบริเวณที่หญิงสาวอยู่ทันที พอเข้าไปก็เจอกับภาพที่แพรวากำลังจัดโต๊ะอาหารอย่างขะมักเขม้นจนไม่รู้ตัวเลย
“อุ๊ย...” แพรวาตกใจมากเมื่อรู้สึกว่าโดนสัมผัสแผ่วเบาบริเวณต้นคอและโอบกอดจากด้านหลัง
“คุณรองตกใจหมดเลยค่ะ”
“โอ้ๆ ขวัญมานะ...” สุรสีห์โยนตัวเธอไปมาเหมือนปลอบเด็กเล็กๆ แพรวาพยายามปลดแขนของชายหนุ่มออกแต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จจนเธอตีไปที่มือของเขาแรงๆและพูดเสียงเขียว
“คุณรองนี้...ปล่อยค่ะเดี๋ยวใครมาเห็นเข้าน่าเกลียดตายเลย”
“ไม่มีใครเข้ามาหรอกน่า” แพรวาพยายามดันตัวออกห่างจากชายหนุ่ม
“ไม่ได้ค่ะ...ปล่อยเดี๋ยวนี้” พอได้ยินดังนั้นสุรสีห์จึงจำใจปล่อย
“มีอะไรทานบ้าง” สุรสีห์มองอาหารตรงหน้า แล้วมองหน้าหญิงสาว
”ทานได้มั้ยค่ะ”
“ทานได้ตอนนี้ก็อยากกินเข้าไปทั้งตัวอยู่แล้ว...คุณนะไม่ใช่อาหาร”
“เผี้ยะ” เมื่อได้ฟังคำตอบแพรวาเลยซัดเข้าให้ที่แขนของชายหนุ่มแรงด้วยความอายผสมหมั่นไส้
“โอ๊ยเจ็บนะ...เรื่องอะไรมาทำร้ายผม”
“สำหรับคนเกเรแค่นี้น้อยไปค่ะ...นั่งเลยค่ะเดี๋ยวแพรไปตามลูกตาลก่อน” เมื่อมากันครบจึงรับประทานพร้อมกับบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน บรรยากาศแบบนี้สุรสีห์มักจะไม่ค่อยได้เจอที่บ้านเท่าใดนัก
อาจจะเป็นเพราะว่าที่บ้านไม่ค่อยจะทานอาหารกันพร้อมหน้า แต่ถึงจะพร้อมก็ใช่ว่าจะกินข้าวอร่อยนัก
“ลูกตาลกินของหวานมั้ยจ๊ะ”
“ฉันไม่กินหรอก...แค่เห็นก็หวานจนเลี่ยนแล้ว”
“เธอนี้”
“ไม่ขัดคอแล้ว...ตามสบายนะค่ะคุณรอง”
“เธอนี้จริง ๆ เลย” แพรวาเขินจนหน้าแดงไปหมดเมื่อโดยเพื่อนล้อ
“ฉันไปทำงานก่อนเธอคุยกับคุณรองไปก่อนแล้วกันนะไม่ต้องห่วงงาน” ลูกตาลหลบไปอย่างรู้หน้าที
“จะรับชาหรือกาแฟมั้ยค่ะ” แพรวาหันมาถามเมื่อลูกตาลเดินออกจากห้องไปแล้ว
“ไม่ดีกว่า...ผมอยากคุยกับคุณมากกว่า”
“มีอะไรหรือเปล่าค่ะ” แพรวาถามเมื่อเห็นสีหน้าชายหนุ่มต่างจากเมื่อครู่
“เปล่าไม่มีอะไรแค่อยากอยู่กับคุณสองคน” เมื่อฟังคำตอบแพรวาหน้าแดงไปถึงใบหูเธอไม่อยากจะนับแล้วว่าหน้าแดงไปกี่ครั้งเมื่ออยู่ต่อหน้าชายหนุ่ม
“แพรกับคุณลูกตาลรู้จักกันมานานแล้วเหรอ”
“ค่ะ...รู้จักกันเกือบจะสิบปีแล้วมั้ง”
“คุณตาลเป็นคนน่ารักน่ะ”
“ทะเล้นนะซิไม่ว่า”
“แล้วช่วงนี้งานเยอะมากหรือไง...เห็นแต่ละคนวุ่นวายไปหมด”
“ค่ะพอดีจะมีงานเดินแฟชั่นการกุศล...ร้านของแพรก็เอาเสื้อผ้าไปร่วมงานเดินโชว์ด้วยก็เลยวุ่นวายนิดหน่อย”
“แล้วนี่จะได้นอนกันกี่โมง”
“เหลือเก็บงานนิดหน่อยค่ะแพรทำกับลูกตาลสองคนเดียวก็เสร็จ”
“ทำไมไม่ใช้เด็กล่ะ...ผมเห็นปล่อยให้เด็กกลับบ้านแต่เจ้าของต้องทำเอง”
“เหลือเก็บรายละเอียดนิดหน่อยน่ะค่ะ...แพรไม่อยากให้ของมีตำหนิก็เลยตรวจเช็คกันเอง”
“คนเก่ง” กล่าวจบชายหนุ่มจึงเดินมานั่งที่โซฟา
“เป็นอะไรไปค่ะ...” แพรวาถามเพราะเห็นคุณรองนั่งขมวดหัวคิ้ว
“ขอโทษนะผมปวดหัวมากเลย...ขอผมนอนหน่อยนะ” สุรสีห์ล้มตัวนอนเหยียดยาวลงกับโซฟา
“ทานยามั้ยค่ะเดี๋ยวแพรไปเอาให้” ชายหนุ่มพยักหน้าทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“ทานยาค่ะ” แพรวาส่งยากับแก้วน้ำให้สุรสีห์
“ขอบคุณมาก” เมื่อแพรวาเดินเอายาไปเก็บแล้วกลับมา ปรากฏว่าสุรสีห์หลับไปแล้ว
“คุณรองค่ะ...คุณรอง” แพรวาส่ายหน้าอย่างเอ็นดูเหมือนเด็ก ๆ เลยกินอิ่มก็นอนหลับ ทั้งที่คุยกันยังไม่จบเลยด้วยซ้ำ แพรวาเดินไปหยิบผ้าห่มมาห่มให้เพราะกลัวอากาศจะเย็นไป แล้วเดินออกไปทำงานต่อ
“อ้าวคุณรองล่ะ”
“บ่นว่าปวดหัวพอกินยาเสร็จก็หลับไปเลย”
“แพรคุณรองเขาแสดงออกชัดเจนมากเลยนะว่าสนใจเธอ...แล้วเธอล่ะ”
“ฉันไม่รู้นะลูกตาล...บางครั้งฉันอยากให้เป็นแค่ความฝันมากกว่า “
“ฉันไม่เห็นว่ามันจะเป็นไรเลยคุณรองรักเธอ เธอรักคุณรองทุกอย่างก็จบ”
“ถ้ามันง่ายอย่างงั้นก็ดีนะซิ...แต่นี้ฉันกลัวว่ามันจะไม่ง่าย”
“ตายยายแพรยอมรับแล้วใช่มั้ยล่ะว่ารักคุณรอง”
“บ้าจริงยายตาลนี้” แพรวาเขินหน้าแดงเมื่อรู้ว่าเสียรู้ยายเพื่อนตัวดีเสียแล้ว
“ทำงานไปเลยนะ...ว่างมากหรือไง”
“ไม่ว่างหรอกจ๊ะแต่ความอยากรู้มันมีมากกว่า”
“ไม่บอกฉันไม่บอกอะไรทั้งนั้น...ฉันจะทำงาน”
“ฮิฮิ...อย่ามากลบเกลื่อนเลย” แพรวาหันหลังให้เพื่อเป็นการจบการสนทนา แพรวานั่งทำงานจนลืมสนใจเวลามองนาฬิกาอีกทีปรากฏว่าเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว
“ลูกตาลจะเที่ยงคืนเธอใกล้เสร็จหรือยังเอาไว้ทำต่อพรุ่งนี้ก็ได้ไปนอนก่อนเถอะ”
“ของฉันเหลือสอยชายกระโปรงอีกนิดหน่อยทำให้เสร็จเลยดีกว่า...เธอไม่ไปดูคุณรองเหรอ”
“กำลังจะไปดูอยู่เหมือนกัน” กล่าวจบแพรวาก็ลุกเดินเข้าไปในห้องที่สุรสีห์นอนอยู่
ตอนที่ 10
แพรวาเปิดประตูแผ่วเบาค่อยๆ โผล่หน้าเข้ามาดูเห็นชายหนุ่มนอนหลับสนิทไม่มีทีท่าว่าจะตื่น พอดีมีโทรศัพท์มือถือของเขาดังเข้ามาแต่ท่าทางชายหนุ่มจะหลับเพราะฤทธิ์ยาจึงหลับสนิทไม่มีทีท่าว่าจะตื่นมารับ
เธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองเห็นเป็นชื่อวิทขึ้นที่หน้าจอจึงตัดสินใจรับโทรศัพท์แทน
“ฮัลโหล...”
“เอ้อ
คุณแพรหรือครับ” วิทถามเพื่อความแน่ใจ
“ค่ะ”
“เจ้านายอยู่หรือเปล่าครับ”
“อยู่ค่ะแต่หลับน่ะค่ะ...เห็นบ่นว่าปวดหัวดิฉันให้ทานยาเลยหลับไป”
“สงสัยจะเหนื่อยมาก”
“มีอะไรหรือเปล่าค่ะ” แพรวาถามอย่างเป็นกังวลเพราะเธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
“นิดหน่อยครับ”
“ไม่รู้เจ้านายจะให้ผมไปรับหรือเปล่าก็ไม่ทราบ”
“มารับซิค่ะ...ไปนอนบ้านจะได้สบายนี่ก็ดึกแล้ว” แพรวารีบบอกเรื่องอะไรจะให้มาหลับอยู่ที่นี้กันเล่าเจ้านายลูกน้องคู่นี้คิดอะไรแปลกๆ
“ครับงั้นเดี๋ยวผมไปรับ
สวัสดีครับ”
“ค่ะสวัสดีค่ะ” แพรวาเดินไปทรุดตัวลงนั่งขยับผ้าห่มที่เลื่อนหลุดจากตัวมาห่มให้ ขณะที่กำลังจะปล่อยมือสุรสีห์วางมือลงบนมือหญิงสาว
“อุ๊ย” แพรวาร้องอย่างตกใจคนอะไรเจ้าเล่ห์นัก
“คุณรองตื่นแล้วหรือค่ะ”
“ยัง...ยังไม่ตื่น” สุรสีห์จับมือของเธอไปแนบที่แก้มตัวเองโดยไม่ลืมตาขึ้นมามองเธอด้วยซ้ำ
“อย่ามาเกเรค่ะ...ไม่ใช่น้องกรสักหน่อยลุกขึ้นเถอะค่ะเดี๋ยวคุณวิทมารับ” สุรสีห์ลืมตามองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเอื้อมมือไปลูบแก้มหญิงสาวอย่างเผลอ ๆ
“หายปวดหัวหรือยังค่ะ” สุรสีห์ส่ายหน้า
“แพรใจร้ายให้นายวิทมารับผมทำไม”
“โธ่...แพรสงสารคุณมานอนทรมานอยู่อย่างนี้ทำไมกลับไปนอนสบาย ๆ ที่บ้านดีกว่าน่ะค่ะ” สุรสีห์ค่อยๆโน้มศีรษะหญิงสาวลงมาหาแพรวาพยายามจะขืนไว้แต่สุดท้ายก็ไม่อาจต้านทานได้ ปล่อยเลยตามเลยจนริมฝีปากสัมผัสกัน
แพรวาร้อนผ่าวไปทั่วร่างสมองมึนงงสามารถคิดอะไรได้รู้แต่เวลานี้มีแต่เขาและเธอกันเวลาผ่านไปนานแค่ไหนต่างฝ่ายต่างไม่สนใจ เพราะทั้งสองคนต่างฟังเสียงหัวใจของตัวเองว่าต้องการอะไร ชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกอย่างตัดใจแต่ยังคงกอดแพรวาไว้แนบอก
“แพรมีความสุขเหมือนผมไหม” แพรวาเอาแต่ก้มหน้าแนบกับอกของชายหนุ่มไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำ
“ผมไม่อยากกลับบ้านเลย”
“ไม่ได้ค่ะ...ต้องกลับ” แพรวาเงยหน้าขึ้นทันทีและก็รู้ว่าเสียรู้อีกแล้วเพราะแก้มทั้งสองข้างของตัวเองโดนรังแกอีกครั้ง
“พอเถอะค่ะ” หญิงสาวผละออกจากชายหนุ่มทันที เมื่อได้ยินเสียพูดคุยของวิทกับลูกตาล
“ตื่นหรือยังครับเจ้านาย” พอวิทเห็นสายตาของเจ้านายก็ต้องรอบยิ้มเพราะท่าทางเจ้านายคงไม่อยากจะให้เขาเข้ามาสักเท่าไร
“ทำไมนายมาเร็วนักวะ”
“อ้าวผมรีบมากลัวเจ้านายต้องรอนาน” นายวิทส่ายหัวอย่างระอาปนขำกับอารมณ์ของเจ้านาย
“แส่นะซิไม่ว่า” สุรสีห์บ่นเบาๆ
“ความผิดผม” วิทชี้นิ้วเข้าหาตัว
“กลับเถอะค่ะคุณรอง” แพรวาไม่พูดเปล่ายังจับแขนชายหนุ่มให้ลุกขึ้นด้วย แต่สุรสีห์มิได้ให้ความร่วมมือกับเธอลย พยายามจะขืนตัวเองเอาไว้
“กลับบ้านน่ะค่ะ” แพรวามองอย่างอ่อนใจดื้อยิ่งกว่าหลานเธอตอนไม่สบายอีกนะนี้คนอะไร
“แล้วแพรทำงานเสร็จหรือยัง” สุรสีห์เปลี่ยนเรื่องคุยทวงเวลาให้ได้อยู่ที่นี้นานๆ
“เสร็จแล้วค่ะ...กำลังจะขึ้นนอนเหมือนกัน”
“ถ้าจะให้ผมกลับ...เดินไปส่งผมที่รถหน่อยนะ” วิทกับลูกตาลต่างต้องกลั้นยิ้มกับอาการอ้อนของผู้ชายตัวโต ๆ ตรงหน้า ลูกตาลสะกิดชวนวิทออกมาข้างนอกไม่อยากอยู่เป็นกอขอคอใคร วิทจึงเดินตามออกมา
“คุณรองเกเร” แพรวาต่อว่าทั้งที่หน้าแดงกับการกระทำของชายหนุ่มแต่ก็พยักหน้า ยอมเดินตามออกมาส่งชายหนุ่มถึงที่รถไม่อยากงั้นคืนนี้เธอกับลูกตาลคงไม่ได้นอนกันทั้งคืนเพราะคนเจ้าปัญหาคนนี้เป็นแน่
“ผมไปก่อนนะ หลับฝันดีนะ”
“คุณรองก็เหมือนกันน่ะค่ะ...คุณวิทขับรถดี ๆ น่ะค่ะ”
“ครับผม”
“แพรกลับเข้าร้านไปได้แล้วล่ะ” สุรสีห์ยืนส่งจนเห็นว่าหญิงสาวเข้าไปในร้านแล้วจึงเดินขึ้นรถ
“ไปกลับบ้าน
”
“ท่าทางเจ้านายจะนอนฝันดีนะครับคืนนี้”
“นายไม่ต้องพูดมากเลยวิทขับรถไปเงียบ ๆ” วิทส่ายหน้ากับอาการของเจ้านายสงสัยงานนี้จะเอาจริง เพราะหลังจากขับรถออกมาจากร้านแล้วเจ้านายเอาแต่มองไปนอกรถกอดอกอมยิ้มท่าทางเป็นเอามาก
จนเขาไม่กล้าที่จะเอาเรื่องไม่ดีมาเล่าให้เจ้านายฟังอยากให้เจ้านายเก็บเวลาแห่งความสุขเมื่อได้อยู่กับคุณแพรนาน ๆ ตามที่เจ้านายปรารถนาเพราะอย่างไรเสียพรุ่งนี้เจ้านายก็ต้องรับรู้เรื่องที่ไม่อยากรู้อีกมากมาย
ใครว่าเกิดเป็นนายสุรสีห์ดีมีแต่คนอิจฉาเพราะความพรั่งพร้อมไปเสียทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สมบัติหรือ รูปสมบัติแต่ใครจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วเจ้านายเขาจะต้องรับผิดชอบอะไรไว้บนบ่าทั้งสองข้างบ้าง ถ้าเขาเลือกได้เขา
ก็ขอเลือกเป็นนายวิทคนรับใช้คนขับรถ เลขาหรืออะไรก็ได้แต่ไม่ขอเป็นนายสุรสีห์ กิจเจริญไพศาลเด็ดขาด
“เห็นมั้ยรองฉันมีเงินมาให้ใช้นายแล้วนะ”
“ไม่ได้ใช้ให้ผมครับคุณใหญ่...ใช้ให้กับผู้ถือหุ้นทุกคนต่างหาก”
“นั้นล่ะ...เห็นฝีมือฉันหรือยังล่ะฉันบอกจะหามาใช้ให้ฉันก็ต้องหามาใช้ให้จนได้”
“นายแจ้งให้บรรดาลุง ๆ ทั้งหลายรู้ด้วยก็แล้วกันนะว่าฉันเอาเงินมาใช้ให้แล้วจะได้ไม่ต้องมาว่าฉันอีก”
“คุณใหญ่คิดว่าปัญหามันอยู่ที่เรื่องเงินหรือครับ”
“อะไรอีกล่ะ” สุรศักดิ์อย่างอารมณ์เสีย
“ปัญหาคือ...มันไม่น่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับโรงแรมที่คุณใหญ่ดูแลอยู่”
“ฉันก็แก้ปัญหาให้แล้วไง” สุรศักดิ์โวยวายเสียงดัง
“ตอนนี้สิ่งที่พวกผู้ถือหุ้นคนอื่นต้องการคือปลดคุณใหญ่ออกจากการดูแลเรื่องโรงแรม” สุรสีห์กล่าวอย่างใจเย็น
“บ้า ๆ ที่สุด...ทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้นะ” สุรศักดิ์มองหน้าชายหนุ่มอย่างโกรธเกี้ยว
“แกเป็นคนตัดสินใจใช่มั้ย...แกจงใจแกล้งฉันไอ้รอง”
“ผมเปล่า”
“แกไม่ต้องแก้ตัวเลย...ไอ้ลูกเมียน้อยแกมันคนขี้อิจฉา...แกอิจฉาฉันใช่มั้ย”
“โอ๊ย...” สิ้นเสียงพูดของคุณใหญ่ สุรสีห์ต่อยเข้าที่ปากครี่งจมูกครึ่งจนล้มไปนอนอยู่กับพื้นทันทีนายวิทรีบเข้ามาห้ามทันที
“พอครับคุณรอง
พอแล้ว” วิทรีบวิ่งมาดึงตัวเจ้านายเอาไว้
“แก
” สุรศักดิ์จะกระโจนเข้าใส่ วิทจึงรีบห้ามไว้
“ผมว่าคุณใหญ่คิดก่อนพูดดีกว่าถ้าไม่อยากโดนอย่างเมื่อกี้อีก” เสียงนายวิทเตือนคุณใหญ่ก่อนที่คุณใหญ่จะพูดจบ
“พวกแกจะรุมฉันเหรอ” สุรศักดิ์ชี้หน้าพวกเขา
“ไม่มีใครทำอย่างงั้นหรอกครับ...วันนี้คุณใหญ่กับไปก่อนดีกว่า” วิทรีบไล่อีกฝ่ายไปเขารู้ดีว่าเจ้านายโมโหมาก
“เรื่องนี้ไม่จบแค่นี้แน่ไอ้รองแกยังต้องเจอกับฉันอีกแน่” เมื่อคุณใหญ่ก้าวออกจากห้องไป วิทจึงปล่อยตัวเจ้านาย สุรสีห์สอดมือทั้งสองข้างไว้ในกระเป๋ากางเกงหันหลังให้คนสนิทพยายามระงับอารมณ์ของตัวเองเต็มที
“หายเครียดหรือยังครับเจ้านาย”
“ฉันไม่ได้เครียด
ที่มาของเงินของคุณใหญ่ล่ะ” สุรสีห์ถามสิ่งที่เขาสงสัยเพราะเขารู้ดีกว่าต้องมีคนให้ยื่มมาแน่ ๆ
“นายปกรณ์ครับ”
“อะไรนะ” สุรสีห์ร้องเสียงดังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่เขาจะไปยุ่งกับไอ้เสี่ยบ้านี้ได้
“มีเงินโอนจากบัญชีนายปกรณ์เข้าบัญชีคุณใหญ่เมื่อวานช่วงบ่ายครับ”
“นายไปสืบดูว่าคุณใหญ่กับนายปกรณ์ทำอะไรกันอยู่
เร็วที่สุดนะวิท”
“ครับเจ้านาย”
“ดี
บอกคุณจริยาด้วยวันนี้ฉันไม่รับแขก”
“ครับผม” กล่าวจบนายวิทเดินออกมาหาเลขาหน้าห้องเจ้านาย
“เกิดอะไรขึ้นค่ะคุณวิท...ดิฉันเห็นคุณสุรศักดิ์เดินออกไปหน้าเครียดเชียว”
“ไม่มีอะไรครับคุณจริยา...เจ้านายไม่รับแขกและไม่รับโทรศัพท์ด้วยน่ะครับ”
“ค่ะ...แต่เมื่อกี้คุณซินดี้เพิ่งจะโทรมาค่ะบอกว่าจะมาหา”
“ผมว่าอย่าเสี่ยงกับอารมณ์เจ้านายตอนนี้ดีกว่าครับ”
“ค่ะ” จริยารับคำอย่างหน้าเจื่อน ๆ ใคร ๆ ในบริษัทก็รู้ว่าคุณวิทเป็นคนที่รู้ใจเจ้านายที่สุด ลองบอกว่าไม่คือไม่ จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
“คุณพ่อผมไม่ยอมน่ะครับ...ดูมันทำกับผมซิไอ้รองมันต่อยผม” สุรศักดิ์กลับบ้านมาฟ้องพ่อเขาที่โดนสุรสีห์ต่อย
“แล้วมีเรื่องอะไรกันล่ะ” สุรชัยกล่าวอย่างใจเย็น เขาไม่ค่อยเชื่อที่ลูกชายคนโตพูดสักเท่าไร
“ถึงจะมีเรื่องอะไรก็แล้วแต่ก็ไม่น่าจะลงไม้ลงมือกันนะค่ะคุณพ่อ...โต ๆ กันแล้วด้วย” สุชาดาพูดเข้าข้างพี่ชายคนโตถึงเขาจะไม่ได้เรื่องแต่ก็สายเลือดเดียวกันกับเธออย่างไรเธอก็ต้องเข้าข้างไว้ก่อน
“โตๆ กันแล้วไม่น่าทำแบบนี้” สุชาดาบ่นต่อพร้อมกับทำแผลให้กับสุรศักดิ์ที่ร้องโอดครวญดูเจ็บเกินจริง
“เดี๋ยวรองมาค่อยคุยกัน” สุรชัยบอกปัด
“คุณพ่อต้องจัดการให้ผมด้วยผมไม่ยอม
ให้ไอ้ลูกเมียน้อยมันมาต่อยผมฟรี ๆ หรอก”
”หยุดนะตาใหญ่...ทำไมแกพูดแบบนี้”
“ก็มันจริงนี้ครับ...คุณพ่อลำเอียงอะไร ๆ ก็ให้มันคนเดียว” เมื่อฟังคำพูดของลูกชายคนโตของเขาแล้ว สุรชัยถึงกับพูดไม่ออกเจ็บที่บริเวณหน้าอกด้านซ้ายพยายามหายใจเข้าลึก ๆ
“คุณพ่อเป็นอะไรไปค่ะ” สุทธิดารีบเข้าไปดูแลสุรชัย
“ไม่เป็นอะไรลูกพ่อแค่เหนื่อยนะ”
“ไม่รู้ล่ะคุณพ่อเรียกมันมาด่าเดี๋ยวนี้เลย” สุรศักดิ์มิได้สนใจอาการของพ่อสักนิด สุรชัยมองลูกชายด้วยความช่ำใจ
“ฉันบอกให้หยุดไงเล่า”
“ผมไม่หยุด...ผมเบื่อความลำเอียงของคุณพ่อได้ยินมั้ยครับผมเบื่อ” สุรศักดิ์ยังโวยวายไม่เลิก
“โอ๊ย” ประมุขของบ้านกิจเจริญไพศาลทรุดตัวลงอย่างเจ็บปวด
“คุณพ่อค่ะ...ตามหมอเร็วค่ะพี่ใหญ่พี่นิด
“ รีบหยิบโทรศัพท์ตามแพทย์ประจำตัวของนายสุรชัยทันที นายสุรศักดิ์งงจนทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่นึกว่าประมุขของบ้านจะมีอาการแบบนี้
รู้มาบ้างว่าพ่อมีอาการของโรคหัวใจแต่ไม่คิดว่ามันจะหนักหนาสาหัสเพราะไม่เคยเอาใจใส่เลยไม่เคยเห็นอาการ
“พี่นิดค่ะโทรบอกพี่รองด้วยค่ะ”
“ไปบอกมันทำไม...มันทำให้คุณพ่อเป็นแบบนี้น่ะน้อย”
“โธ่ที่ใหญ่ค่ะพอเถอะค่ะ
” สุรศักดิ์หุนหันออกไปอย่างอารมณ์เสียโดยไม่สนใจอาการของพ่อเลยว่าจะเป็นอย่างไร
“พี่ใหญ่ค่ะ...พี่ใหญ่” เสียงสุทธิดาร้องเรียกตามด้วยความตกใจเมื่อเห็นพี่ชายคนโตเดินออกไปโดยไม่สนใจคุณพ่อ
“ดูพี่ใหญ่ทำซิ...ทำเรื่องไว้แล้วเดินไปเฉยเลย” สุชาดาบ่นด้วยความอ่อนใจกับความเห็นแก่ตัวของพี่ชายคนโต
“พี่นิดค่ะดูอาการของคุณพ่อก่อนดีกว่า” น้อยกล่าวอย่างหนักใจเพราะรู้นิสัยพี่ชายคนโตดีว่าคงจะไม่ยอมให้เรื่องนี้จบง่าย ๆ หลังจากนั้นไม่นานหมอประจำตัวนายสุรชัยก็มาถึง
“เป็นอย่างไรบ้างค่ะคุณหมอ” น้อยรีบถามเมื่อเห็นคุณหมอเดินออกมาจากห้อง
“ปลอดภัยแล้วครับ...ช่วงนี้คงต้องดูแลใกล้ชิดอย่าให้มีเรื่องกระทบกระเทือนอีกจะดีกว่า”
“ขอบคุณคุณหมอมากค่ะ” เมื่อส่งคุณหมอเสร็จ รถของสุรสีห์ก็เล่นเข้ามาพอดี
“คุณพ่อเป็นอย่างไงบ้างน้อย”
“ปลอดภัยแล้วค่ะ...พี่รองไม่ต้องห่วง” สุรสีห์ถอนหายใจอย่างโล่งอก มองไปที่เตียงที่ประมุขของบ้านนอนหลับอยู่ น้อยมองหน้าอย่างสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นหรือค่ะพี่รอง...”
“ไม่มีอะไรน้อย...น้อยเชื่อใจพี่มั้ย” สุรสีห์มองหน้าน้องสาว สุทธิดาจับมือพี่ชายมาบีบให้กำลังใจ
“น้อยเชื่อพี่รองค่ะ...ว่าสิ่งที่พี่รองทำต้องเป็นสิ่งที่ถูก”
“ขอบใจมากนะน้อย...พี่ขอบใจมากฝากดูแลคุณพ่อด้วย” กล่าวจบสุรสีห์เดินออกจากห้องไป
“น้อยคงไม่ได้คำตอบจากวิทใช่มั้ย” วิทยืนก้มหน้าเพื่อหลีกเลียงที่จะตอบคำถาม
“น้อยไม่ถามให้วิทลำบากใจแล้วล่ะ...ฝากดูแลพี่รองด้วยนะ”
“ครับผม” เมื่อรับคำเสร็จจึงเดินตามเจ้านายออกไป
วิทเดินตามออกมาจึงเห็นเจ้านายเขายืนอยู่ริมสระน้ำ จึงไม่เข้าไปรบกวน พอดีสุรสีห์หันมาเห็นพอดี
“วิทไปข้างนอกกัน”
“ครับผม
เจ้านายอยากไปไหนครับ”
“ครับรถไปเรื่อย ๆ แล้วกันนะ” หลังจากมานั่งในรถแล้วสุรสีห์นั่งหลับตาอย่างเหนื่อยอ่อน เขารู้สึกเหนื่อยเหลือเกินกับปัญหาต่าง ๆ ที่ทับถมกันเข้ามาตอนนี้ เคยมีคำพูดที่ว่ายิ่งสูงยิ่งหนาวถ้าไม่เคยคงไม่เข้าใจความหมายของคำ ๆนี้นัก
เมื่อเขาลืมตาขึ้นจึงเห็นเส้นทางที่คอนข้างจะคุ้นตา
“วิทแกพาฉันมา...”
“ก็เจ้านายอยากมาที่ ๆ ทำให้สบายใจไม่ใช่หรือครับ” วิทพูดยิ้ม ๆ
“แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากให้แพรเห็นฉันในสภาพนี้” แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะบอกให้ออกรถไปจากบริเวณดังกล่าว ปรากฏว่าแพรเดินออกมาจากร้านและมองเห็นรถพอดีจึงเดินเข้ามาหา ชายหนุ่มจึงก้าวลงจากรถไปยืนรอเมื่อแพรวาเดินเข้ามาใกล้จึงส่งมือให้เธอจับ
“คุณรอง” แพรวาวางมือไปบนมือฝ่ามือหนาของเขา ชายหนุ่มบีบกระฉับมือของหญิงสาวแน่นจนหญิงสาวแปลกใจ
“มีอะไรหรือเปล่าค่ะ”
“ว่างมั้ย”
“ทำไมค่ะ” แพรวาเอียงคอมองหน้าชายหนุ่มวันนี้เขาดูแปลก ๆ อย่างไรไม่รู้
“ไปเป็นเพื่อนผมหน่อยได้มั้ย” แพรวามองหน้าชายหนุ่มอย่างงง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นเขาถึงมีอาการแบบนี้ ตั้งแต่รู้จักกันมาชายหนุ่มไม่เคยมีอาการอย่างนี้ให้เห็นเลย
“จะไปไหนค่ะ” สุรสีห์ส่ายหน้าไม่ยอมตอบ
“เดี๋ยวแพรเข้าไปบอกลูกตาลก่อนน่ะค่ะ” ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้เชื่อใจเขาไม่ว่าเขาจะพาไปไหนเธอก็พร้อมจะไปกับทุกที
“ผมไปด้วย” ชายหนุ่มเดินจูงมือแพรวาเข้ามาในร้าน
“คุณลูกตาลผมขอตัวแพรไปกับผมสักครู่นะครับ”
“เชิญเถอะค่ะ...เอาไปตลอดชีวิตเลยก็ได้ไม่ต้องเกรงใจ” ลูกตาลตอบอย่างทะเล้น
“ลูกตาลเธอนี่” แพรวาหันมามองค้อนเพื่อนสาวที่รู้สึกจะเข้ากับชายหนุ่มได้ดีทุกเรื่อง
“ไปเถอะจ๊ะไม่ต้องห่วงงานนะ
ฉันดูแลเองจ๊ะ”
“งั้นฉันไปก่อนนะ” ลูกตาลโบกมือให้พร้อมกับอมยิ้มอย่างขำๆ กับท่าทางของเพื่อนสาวนี้ขนาดบอกไม่มีอะไรนะ
“เราจะไปไหนกันค่ะ...คุณรอง” แพรวาถามอย่างสงสัย ชายหนุ่มมองหน้าเธอยิ้ม ๆ แล้วหันไปบอกวิท
“ไปบ้านสวนนะวิท”
“ครับผม” ชายหนุ่มเลื่อนมือไปกดปุ่มกระจกปิดระหว่างตอนหน้าของคนขับกับที่ตอนหลังของรถ
“ชอบจัง”
“ค่ะ” แพรวาทำหน้างงกับคำพูดของชายหนุ่ม
“ที่แพรพูดว่าเราไง...ผมชอบจัง”
“โธ่คุณรอง...ยังจะพูดเล่นที่นี้บอกแพรได้หรือยังว่าเราจะไปไหนกัน”
“ผมอยากหาที่เงียบ ๆ อยู่กับแพรสองคน” เมื่อได้ฟังคำตอบดวงหน้าของแพรวาร้อนผ่าวไปหมดหลบสายตาของเขาที่มองมา
“ดูซิหน้าแดงไปหมด” สุรสีห์เกลี่ยปลายนิ้วไปตามแก้มเนียนใสของเธอที่ไร้ซึ่งเครื่องสำอางค์
“คุณรองไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องนะค่ะ” แพรวาทาบมือของตนเองลงบนมือของเขา
“เปล่า...ผมไม่ได้เปลี่ยนเรื่อง”
“แพรว่าวันนี้คุณรองดูแปลก ๆ “
“ไม่มีอะไรหรอก...ผมแค่รู้สึกเหนื่อย ๆ นะ” แพรวาเอื้อมมือไปเปิดตู้เย็นอเนกประสงค์ภายในรถเจอผ้าเย็นจึงหยิบขึ้นมาเช็ดหน้าให้ชายหนุ่มอย่างเบามือ กลิ่นหอมของผ้าเย็นหรือเพราะมือนุ่ม ๆ ของแพรวาที่สัมผัสหน้าเขาก็ไม่รู้ถึงทำให้เขารู้สึกดีขึ้นขนาดนี้
ชายหนุ่มจับมือหญิงสาวไว้
“ขอบคุณมากน่ะแพร...”
“ขอบคุณแพรเรื่องอะไรค่ะ...แพรไม่ได้ทำอะไรให้คุณรองเลย”
“ขอบคุณที่แพร...อยู่ตรงนี้” ก่อนที่หญิงสาวจะรู้ตัว สุรสีห์เอนตัวลงนอนทอดยาวไปกับที่นั่งเอาศีรษะพาดมาที่ตักของหญิงสาว
“ผมเหนื่อยจังเลย”
“ถ้าเหนื่อยก็หลับตาน่ะค่ะ...เดี๋ยวถ้าถึงแล้วแพรจะปลุก” ชายหนุ่มหลับตาลงอย่างว่าง่ายจะด้วยความอ่อนเพลียหรือเพราะอะไรก็แล้วแต่เขาก็ไม่สมารถหาคำตอบได้ในเวลานี้เพราะเมื่อสิ้นเสียงของแพรวาก็ดูเหมือนชายหนุ่มจะหลับลงทันที
แพรวายกมือขึ้นรูปผมที่ตกลงมาปรกมาชายหนุ่มอย่าเบามือเพราะกลัวว่าจะไปเป็นการรบกวน รถแล่นออกมาทางนอกเมืองเรื่อยๆ จากที่จราจรติดขัดก็เริ่มบางตาขึ้นเรื่อยๆ แพรวาเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกทีรถก็จอดสนิทแถมไม่เห็นคุณรองแล้วจึงเปิดประตู
รถเดินตามลงมาจึงเห็นคุณรองกับวิทคุยกันอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่งซึ่งน่าอยู่มากที่เดียวที่ระเบียงบ้านมีเก้าอี้ไม้ที่ทั้งสองนั่งคุยกันอยู่
“ตื่นแล้วเหรอผมกำลังจะลงไปปลุกเจ้าหญิงนิทรานึกอยู่ว่าต้องจุมพิตหรือเปล่าถึงจะยอมตื่น” คุณรองร้องทักหลังจากเห็นเธอ
“คุณรองนี้”
“ผมล้อเล่นนะ”
“ที่นี้ที่ไหนค่ะคุณรอง” แพรวาหมุนกายมองไปรอบ ๆ บ้านที่มีต้นไม้เต็มไปหมดมีกลิ่นดอกไม้หอมอ่อนอบอวนไปทั่ว
“บ้านสวนของแม่ผม...” สุรสีห์เดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆ
“ผมขอตัวก่อนน่ะครับเจ้านาย” วิทเอ่ยขอตัวอย่ารู้หน้าที
“ไปเถอะ” เมื่อสุรสีห์อนุญาตวิทจึงหันมาค้อมศีรษะให้เธอก่อนที่จะเดินจากไป
“บ้านคุณรองหรือค่ะ”
“ใช่นี้เป็นบ้านผม...บ้านของผมจริง ๆ บ้านที่แม่ของผมทิ้งไว้ไห้ผมก่อนที่ท่านจะจากผมไป”
“น่าอยู่มากเลยค่ะ” สุรสีห์ยิ้มเมื่อได้ฟังคำตอบของเธอ
“ผมดีใจที่คุณพูดคิดแบบนี้
คุณหิวหรือยังครับ”
“ยังค่ะ...แล้วถ้าแพรหิวจะมีอะไรให้แพรกินล่ะค่ะ...ไม่เห็นมีอะไรให้กินเลย”
“มาซิผมจะทำให้คุณกินเอง”
“อะไรน่ะค่ะ...คุณจะทำหรือค่ะ”
“อย่าดูถูกฝีมือผมน่ะจะบอกให้” ชายหนุ่มเดินจูงมือแพรวาลอดใต้ถุนบ้านเพื่อเดินไปที่โรงครัวที่ยังให้เตาฟืนอยู่เลย
“ลุงสุขมีของสดอะไรบ้าง”
“หลายอย่างครับคุณ
ผมซื้อทิ้งไว้ เผื่อวันไหนคุณๆ จะมากัน” ลุงสุขบอก
“ขอบใจมาก...อ้อนี้ลุงสุขคุณแพรวา” ลุงสุขยกมือขึ้นไหว้หญิงสาว
“ไม่ต้องไหว้หรอกค่ะ...ลุงสุขเดี๋ยวแพรอายุสั้นกันพอดี”
“ไม่เป็นไรครับ...ก็คุณผู้หญิงเป็นเพื่อนกับคุณรองก็ต้องเป็นนายผมอีกคน” ลุงสุขพูดซื่อ ๆ
“ปล่อยลุงสุขแกเถอะ...แกมีเหตุผลร้อยแปดคุณถียงแกไม่ได้หรอกลุงสุขไปเถอะ” สองหนุ่มสาวสบตากันยิ้ม สุรสีห์จูงมือหญิงสาวเดินนำออกไป ลุงสุขมองตามหลังสองหนุ่มสาวยิ้ม ๆ เขาไม่เคยเห็นเจ้านายของเขายิ้มสดใสแบบนี้มาก่อนเลยนับแต่นายผู้หญิงของเขาเสียไป
ความคิดเห็น