คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : จุดเริ่มต้น >start
chapter1 : จุดเริ่มต้น >start<
By : *- Zephyrus -*~
ใครว่าชีวิตเลือกได้ ฉันคนนึงหล่ะที่ขอเถียงขาดใจ เพราะชีวิตฉันขึ้นอยู่กับเขาเพียงผู้เดียว
.............
.......................
.............................................
13 กันยายน 2538
"แม่จะพาหนูไปไหน" เสียงเล็กๆของเด็กหญิงผมเปียคนนั้นดังขึ้น ซักถามความสงสัยแก่ผู้เป็นมารดาด้วยความฉงน ขณะถูกผู้เป็นแม่กึ่งลากกึ่งจูงมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์หลังงามเบื้องหน้าอย่างรีบเร่ง
"รีบเดินเข้าเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทัน ไม่ต้องถามมาก"
ผู้เป็นแม่ตอบ เด็กน้อยจึงได้แต่เดินเงียบๆต่อไป สายตากลมโตจับจ้องบรรยากาศรอบตัวอย่างตื่นตาตื่นใจ เจ้าหนูไม่เคยเห็นสถานที่ไหนสวยงามเท่านี้มาก่อน ทางเดินลาดยาว ปูด้วยอิฐเป็นรูปต่างๆ สองข้างทางขนาบด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยหลากหลายชนิด ดอกไม้หลากสีสัน ถูกจัดแต่งให้เข้ากันอย่างสวยงาม และที่เด่นสุด ก็คงจะเป็นบ้านสีขาวหลังนั้น ไม่สิ แค่บ้านคงไม่พอ เพราะมันแทบจะเป็นพระราชวังเลยก็ว่าได้ บ้านทรงยุโรปสีขาวที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ดูโดดเด่นและทรงอำนาจในเวลาเดียวกัน สองแม่ลูกเดินมาหยุดหน้าประตูไม้บานใหญ่ ก่อนเจ้าตัวเล็กจะเอ่ยปากส่งเสียงเจื้อยแจ้วอีกครั้ง
"แม่จ๊า บ้านใครจ๊ะ สวยจังเลย" เด็กน้อยถามพลางหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า ระยะทางเกือบ500เมตรอาจดูไม่มาก แต่สำหรับเด็กตัวเล็กๆอย่างเธอถือเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว
"ชอบก็ดีแล้ว ต่อไปจะได้ไม่มีปัญหา" ผู้เป็นมารดาตอบเสียงแผ่ว
"เราเข้าไปได้มั้ยจ๊ะแม่" ถามด้วยสายตาเป็นประกาย
"แน่นอนเราต้องเข้าไปสิ " ทันทีที่พูดจบประตูก็เปิดออกอย่างช้าๆ พร้อมกับที่หญิงสาวในชุดฟอร์มฟ้าขาว ออกปากเรียกสองแม่ลูกให้รีบเข้าไป
"มาเถอะ" ผุ้เป็นแม่พูดพลางกระชับมือเด็กน้อยแน่นขึ้น เหมือนจะปลอบโยน แต่เด็กน้อยผู้ยังไม่เข้าใจอะไรกลับนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ เจ้าหนูมองแม่อย่างไม่เข้าใจ สองขาสั้นๆรีบเร่งจังหวะการเดินให้ก้าวทันและไม่สะดุดหกล้ม สาวเสื้อฟ้าพาทั้งสองมุ่งหน้าสู่ส่วนกลางของคฤหาสน์ อันเป็นห้องรับแขกของทีนี่
"ถึงแล้ว" สาวเสื้อฟ้าพูดพลางผายมือให้สองแม่ลูกเข้าไป ก่อนปลีกตัวหายลับไปอีกทางหนึ่ง
"แม่จ๋า เรามาหาใครจ๊ะ" เสียงใสเงยหน้าถาม
"........"
"แม่ แม่ แม่จ๋า" เรียกอยู่นานจึงตัดสินใจเขย่า
ผู้เป็นแม่เหมือนถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์
"ฮะ ห๊า ว่าไง ว่าไงนะ"
"หนูถามว่า มาหาใคร แล้วเราไม่เข้าไปเหรอจ๊ะ"
"......."
"ว่าไงจ๊ะแม่"
ไม่มีเสียงตอบ ไม่มีคำพูดใดๆ และก่อนที่เด็กน้อยจะทันสังเกตเห็นว่าน้ำตาของผู้เป็นแม่กำลังไหลริน เจ้าหนูก็ถูกลากตัวเข้าไปในห้องซะก่อน
"มากันจนได้ นั่งก่อนสิ" ชายชราผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นทันทีที่สองแม่ลูกเข้าไป เด็กน้อยเห็นแม่ยกมือขึ้นสวัสดีชายชราผู้นั้นด้วยท่าทางนอบน้อมจึงไหว้ตาม
"โธเอ๊ย ไม่ต้องเกรงใจ นั่งกันก่อน ไม่ต้องทำเป็นว่าชั้นยิ่งใหญ่กว่าใครๆหรอกนะ" ชายชราพูดด้วยรอยยิ้ม แล้วบทสนทนาที่เด็กน้อยไม่เข้าใจก็ดำเนินต่อไปอย่างที่ไม่มีใครคิดจะอธิบาย
"ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ตระกูลโยชิฮาระที่สูงส่งของท่านจะมาแปดเปื้อนเพราะเราไม่ได้"
"พูดอะไรอย่างนั้น มัลลิกา เจ้ายังถือเรื่องแบบนี้อยู่อีกรึ"
"ไม่ถือไม่ได้เจ้าค่ะ โยชิฮาระของท่านมีพระคุณกับทิติณันท์ของดิชั้นยิ่งกว่าใดๆ ปี ในเมื่อทิติณันท์ได้เคยปฏิญาณเอาไว้ว่าจะภักดีแก่โยชิฮาระชั่วกาลนาน แม้เวลาจะล่วงเลยนับร้อยปี คำมั่นนั้นก็จะไม่เสื่อมคลาย เพราะทิติณันท์ยึดมั่นในความสัตย์"
"แม้ชั้นจะยอมคืนอำนาจให้เธองั้นเหรอ" ถามยิ้มๆ ในตามีแววสงสัย
"ใช่เจ้าค่ะ แม้ท่านจะยอมคืนอำนาจให้เรา ให้สิทธิ์เราเลือก ทิติณันท์ ก็ยังขออยู่รับใช้โยชิฮาระต่อไป เพราะชีวิตของทิติณันท์ทุกคนเป็นของโยชิฮาระ เพียงแค่ท่านเอ่ยปาก คนของทิติณันท์จะทำให้ท่านทุกอย่างเจ้าค่ะ"
เงียบไปพักหนึ่ง ชายชรายกถ้วยชาขึ้นจิบพลางหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย ห่างออกไปเด็กน้อยและแม่ของเธอนั่งอยู่ บนพรมหน้าชุดโซฟาสีครีมสุดหรู นางมัลลิกาผู้ซึ่งเป็นแม่ของเด็กน้อย ก้มหน้าลงอย่างนอบน้อม
"ช่วยไม่ได้นะ ถึงชั้นจะพูดยังไงเธอก็คงไม่ยอม ชั้นหน้าจะรู้ตั้งแต่ได้รับจดหมายของเธอ มัลลิกา ไม่สิหน้าจะรู้ตั้งแต่สมัยที่เธอก็ถูกพามาที่นี่เช่นกัน" ชายชราผ่อนลมหายใจออกช้าๆ
"มันทำให้ชั้นรู้ว่า เวลาล่วงเลยมาอีก 20 ปีแล้ว และชั้นก็แก่ลงเยอะเลยหล่ะ"
"ไม่ได้เจ้าค่ะ ท่านยังคงดูสุขภาพดีเช่นเดิม" บอกตามความจริง
"พูดโกหกกับคนแก่เป็นบาปนะมัลลิกา" ยิ้มอย่างอารมณ์ดี ก่อนลุกขึ้นยืน
"ท่านยังคงดูหนุ่มและแข็งแรงจริงๆเจ้าค่ะ ทิติณันท์ไม่เคยโก .."
"พอๆ ชั้นเชื่อแล้ว ถ้าเจ้าโกหกบรรพบุรุษของเจ้าคงลุกขึ้นมาฆ่าเจ้าซะเดี๋ยวนี้เลยมั้ง" พูดติดตลก ส่ายหน้าไปมาอย่างขบขัน
นางมัลลิกาหัวเราะออกมาอย่างลืมตัว ก่อนกลับมาสำรวมกิริยาอีกครั้ง
"ขออภัยเจ้าค่ะ"
"ไม่เป็นไร ถือซะว่าชั้นไม่เห็นเถอะ อย่ายึดในกฎเกณฑ์เก่าๆมากเลย"
นางมัลลิกายกนาฬิกาขึ้นดู เมื่อเห็นว่าเวลาล่วงเลยมามากแล้วนางจึงเอ่ยขึ้น
"ถึงเวลาที่มัลลิกาต้องไปแล้วเจ้าค่ะ"
"งั้นหรือ รีบจังนะ จะไม่อธิบายอะไรให้เจ้าหนูน้อยนั่นก่อนเหรอ ดูสิท่าทางสงสัยจะแย่"
ชายชรามองดูเด็กน้อยอย่างเอ็นดู เหมือนรู้ตัว เจ้าหนูผมเปียรีบหลบหลังผู้เป็นมารดา แต่ทว่าหลบได้ไม่นานผู้เป็นแม่ก็ลุกขึ้นยืนอย่างกระทันหัน เด็กน้อยเซถลาไปตามแรง
" มัลลิกาขอฝากฝังชีวิตเด็กคนนี้ไว้กับท่านเจ้าค่ะ คิดว่าท่านหน้าจะบอกให้เค้าเข้าใจได้" พูดจบนางก็เหวี่ยงตัวหลบเด็กน้อย รีบวิ่งออกไปจากห้อง ก่อนที่น้ำตาจะไหลริน
"จำไว้นะนาน จงรักโยชิฮาระ เหมือนที่รักแม่"
และนั่นคือคำสุดท้ายที่นางมัลลิกาได้เอ่ยกับบุตรสาว จงรักโยชิฮาระเหมือนที่รักแม่
........
.....................
.................................................
.......................
..................................................
......................................................................
ตึก ๆ ๆๆ ๆ ๆๆ เสียงฝีเท้าของใครบางคนเร่งสปีดอย่างเต็มที่ ผ่านทางเดินลาดยาวของคฤหาสหลังใหญ่เบื้องหน้า
ตัวอักษรสีทองที่สลักลงบนหินสีดำมันวาวนั้น แปลให้เห็นเป็นข้อความว่า "ตระกูลโยชิฮาระ"
เสียงฝีเท้าหยุดลง
"แฮ่กๆ" ร่างบางหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า เมื่อพาร่างกายอันบอบบางของตัวเองมาถึงจุดหมาย ด้วยระยะทางที่ไม่น้อยจากประตูหน้าถึงตัวบ้าน เหงื่อเม็ดเล็กๆจึงผุดขึ้นบนใบหน้าขาวสะอาดนั้น
"อ้าวหนูนาน กลับมาทำไมคะ ไม่ไปเรียนเหรอ" เสียงป้าสมศรีหัวหน้าแม่บ้านประจำตระกูลที่เดินผ่านมาแถวนั้นถามขึ้นอย่างสงสัย ร่างบางเงยหน้าขึ้นดูพอเห็นว่าเป็นใครก็ยิ้มขึ้นมาทันที
"ป้าสมศรี"
"ค่าๆ มีอะไรคะ" ยิ้มเอ็นดู
"หนูมาเอาหนังสือให้คุณยู ป้าขึ้นไปเอาให้หน่อยสิคะ เล่มสีเขียวค่ะ"
"อ๋อได้ค่ะ งั้นรอเดี๋ยวนะคะ เดี๋ยวป้าขึ้นไปหยิบมาให้" ตอบรับอย่างเต็มใจก่อนจะเดินหายเข้าไปในบ้าน
ร่างบางพอป้าสมศรีไปได้ซักพักก็ล้มตัวลงนั่งตรงขอบบันไดทางเข้าบ้านซะอย่างนั้น ถอนหายใจเงียบๆ นาฬิกาข้อมือสีดำสนิทตัดกับผิวของคนใส่บอกเวลา 8.30 น. ซึ่งเลยเวลาเข้าเรียนแล้ว
"วันแรกก็สายซะแล้วเรา" พึมพำกับตัวเองอย่างหน่ายๆ มองไปรอบตัว สภาพของบ้านหลังนี้ไม่ได้ต่างไปเลยซักนิดเดียว จากวันนั้นถึงวันนี้ ต้นไม้ต้นเดิม ดอกไม้ดอกเดิมที่เคยอยู่ตรงนั้น บัดนี้มันก็ยังอยู่ที่เดิม บ่อเลี้ยงปลาก็ยังมีปลาตัวเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยซักนิด อ้อ ไม่สิ สิ่งที่เปลี่ยน คือ บรรยากาศของบ้าน พอคุณปู่โยชิดะไม่อยู่อะไรๆก็ดูวุ่นวายไปหมด เธอเองก็วุ่นวายไปด้วย คิดแล้วก็เศร้า น้ำใสๆเริ่มเอ่อล้นท่วมดวงตา
"หนูนาน ได้แล้วค่ะ" เสียงป้าสมศรีปลุกให้ร่างบางตื่นจากภวังค์ความคิด นานรีบใช้หลังมือเช็ดหน้า ด้วยกลัวป้าสมศรีจะเห็นก่อนเอื้อมมือไปรับหนังสือว่าด้วยเรื่องการเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลังเล่มนั้นมาพลางขอบคุณยกใหญ่
"คุณหนูยูเนี่ยจริงๆเลยนะคะ ชอบลืมอยู่เรื่อย เลยลำบากหนูนานอีก ที่จริงโทรมาบอกให้คนรถเอาไปให้ก็ได้"บ่นไปเรื่อยอย่างไม่ใส่ใจ
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูไปนะคะ สายมากแล้ว" นานตอบ เปิดกระเป๋ายัดหนังสือเล่มโตเข้าไป ก่อนเดินเรื่อยๆออกมาอย่างไม่เร่งรีบนัก ในเมื่อคาบเรียนแรกล่วงเลยมากว่าครึ่งแล้ว ก็ไม่คิดจะรีบเร่งอะไร ทั้งโรงเรียนยังอยู่ไม่ไกลจากบ้านซักเท่าไหร่ งั้นก็เดินไปเรื่อยๆ อย่างนี้แหละ ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง ยิ่งพอคิดว่าคนที่ใช้ให้กลับมาเอาหนังสือคงจะดีใจแค่ไหนที่เธอถูกทำโทษเพราะไปโรงเรียนสาย ก็ยิ่งเดินช้าลงไปอีก ไหนๆก็สายแล้วขอเดินเล่นกินลมชมวิวให้คุ้มหน่อยแล้วกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ทำไมชีวิตเธอต้องมาเจอกับปีศาจชั่วร้ายแบบหมอนั่นด้วยนะ แต่อากาศเช้าๆเนี่ยมันสดชื่นจริงๆนะเนี่ย (เช้าตรงไหนฟะ )
..................
.............................
"มาซักที กว่าจะเสด็จนะแม่คุณ" เสียงคุ้นหูดังกระทบโสตประสาทของร่างบาง ทันทีที่เดินมาถึงเขตรั้วโรงเรียน
นานหันไปดูตามต้นเสียง ก็ได้พบกับร่างโดดเด่นของบุคคลที่เธอไม่อยากพบที่สุดในโลก เด็กหนุ่มหัวทอง ผิวขาวสะอาดอย่างผู้ดี โยชิฮาระ ยูตะ กำลังนั่งยองๆบนกำแพงโรงเรียนอย่างสบายอารมณ์ ในมือคีบบุหรี่ที่ใกล้จะหมดม้วนเต็มที
"นายไม่ควรสูบบุหรี่นะยู" ร่างบางพูดลอยๆอย่างไม่ใส่ใจ
พลุ่บ ~ ยูตะ ผู้สืบทอดสายเลือด ทายาทรุ่นปัจจุบันลำดับที่3 แห่งตระกูลโยชิฮาระ กระโดดลงจากกำแพงมายืนหน้าร่างบาง ก่อนอัดควันบุหรี่เข้าปอดและพ่นออกมาใส่หน้าอย่างจงใจ
"มีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับเรื่องของชั้นไม่ทราบ คุณ- คน- ใช้" เน้น 3 คำสุดท้ายอย่างจงใจ
"ก็ไม่อยากจะยุ่งหรอกนะ ถ้าไม่ติดว่าชั้นมีหน้าที่ต้องดูแลนาย" สบตาคนตรงหน้าที่สูงกว่าเกือบฟุต
"หน้าที่ของเธอ คือ ทำตามที่ชั้นสั่งนานะ" ยิ้มหยันๆ สบตาร่างบางกลับ
"แล้วอีกอย่าง ชั้นดูแลตัวเองได้ ส่วนเธอดูแลตัวเองให้รอดก่อนแล้วกัน แล้วค่อยคิดมาเป็นห่วงคนอื่น" พูดจบก็กระโดดกลับขึ้นไปบนกำแพง ก่อนหันมาอีกครั้ง
"อ่อ ลืมไป ชั้นไม่เอาหนังสือแล้วนะ พอดีนึกได้ว่าไม่มีเรียน แล้วก็โชคดีนะ" พรึ่บ คุณชายยูตะ ยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนกระโดดกลับลงไปฝั่งข้างในโรงเรียน และกว่าที่ร่างบางจะทันรู้ตัวว่า โชคดีนะ ของปีศาจชั่วร้ายตนนั้นคืออะไร ก็ตอนที่ลุงยามเดินมาลากตัวพาไปฝ่ายปกครองเพราะคิดว่าเธอกำลังหนีเรียน ที่น่าเจ็บใจกว่า คือ ลุงยามคิดว่าเธอสูบบุหรี่ เพราะ เจอก้นบุหรี่ที่ยูทิ้งไว้ โอ๊ยย อะไรมันจะซวยขนาดนี้เนี่ย
...................
....................................................
To be con
chapter 2 : พันธะสัญญาสองตระกูล >Agreement of yoshihara<
ความคิดเห็น