ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    #you are my slave# >The LoveR<

    ลำดับตอนที่ #1 : จุดเริ่มต้น >start

    • อัปเดตล่าสุด 16 ส.ค. 49


    chapter1 : จุดเริ่มต้น  >start<

    By : *- Zephyrus -*~

     

    ใครว่าชีวิตเลือกได้  ฉันคนนึงหล่ะที่ขอเถียงขาดใจ เพราะชีวิตฉันขึ้นอยู่กับเขาเพียงผู้เดียว

    .............

    .......................

    .............................................

                13 กันยายน 2538

    "แม่จะพาหนูไปไหน" เสียงเล็กๆของเด็กหญิงผมเปียคนนั้นดังขึ้น ซักถามความสงสัยแก่ผู้เป็นมารดาด้วยความฉงน  ขณะถูกผู้เป็นแม่กึ่งลากกึ่งจูงมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์หลังงามเบื้องหน้าอย่างรีบเร่ง


    "รีบเดินเข้าเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทัน ไม่ต้องถามมาก"


    ผู้เป็นแม่ตอบ เด็กน้อยจึงได้แต่เดินเงียบๆต่อไป  สายตากลมโตจับจ้องบรรยากาศรอบตัวอย่างตื่นตาตื่นใจ เจ้าหนูไม่เคยเห็นสถานที่ไหนสวยงามเท่านี้มาก่อน ทางเดินลาดยาว ปูด้วยอิฐเป็นรูปต่างๆ สองข้างทางขนาบด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยหลากหลายชนิด ดอกไม้หลากสีสัน ถูกจัดแต่งให้เข้ากันอย่างสวยงาม และที่เด่นสุด ก็คงจะเป็นบ้านสีขาวหลังนั้น ไม่สิ แค่บ้านคงไม่พอ เพราะมันแทบจะเป็นพระราชวังเลยก็ว่าได้ บ้านทรงยุโรปสีขาวที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ดูโดดเด่นและทรงอำนาจในเวลาเดียวกัน
      สองแม่ลูกเดินมาหยุดหน้าประตูไม้บานใหญ่ ก่อนเจ้าตัวเล็กจะเอ่ยปากส่งเสียงเจื้อยแจ้วอีกครั้ง


    "แม่จ๊า บ้านใครจ๊ะ สวยจังเลย"  เด็กน้อยถามพลางหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า ระยะทางเกือบ500เมตรอาจดูไม่มาก แต่สำหรับเด็กตัวเล็กๆอย่างเธอถือเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว


    "ชอบก็ดีแล้ว ต่อไปจะได้ไม่มีปัญหา" ผู้เป็นมารดาตอบเสียงแผ่ว


    "เราเข้าไปได้มั้ยจ๊ะแม่" ถามด้วยสายตาเป็นประกาย


    "แน่นอนเราต้องเข้าไปสิ " ทันทีที่พูดจบประตูก็เปิดออกอย่างช้าๆ พร้อมกับที่หญิงสาวในชุดฟอร์มฟ้าขาว  ออกปากเรียกสองแม่ลูกให้รีบเข้าไป


    "มาเถอะ" ผุ้เป็นแม่พูดพลางกระชับมือเด็กน้อยแน่นขึ้น เหมือนจะปลอบโยน แต่เด็กน้อยผู้ยังไม่เข้าใจอะไรกลับนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ เจ้าหนูมองแม่อย่างไม่เข้าใจ   สองขาสั้นๆรีบเร่งจังหวะการเดินให้ก้าวทันและไม่สะดุดหกล้ม สาวเสื้อฟ้าพาทั้งสองมุ่งหน้าสู่ส่วนกลางของคฤหาสน์ อันเป็นห้องรับแขกของทีนี่


    "ถึงแล้ว" สาวเสื้อฟ้าพูดพลางผายมือให้สองแม่ลูกเข้าไป  ก่อนปลีกตัวหายลับไปอีกทางหนึ่ง


    "แม่จ๋า เรามาหาใครจ๊ะ" เสียงใสเงยหน้าถาม


    "........"


    "แม่ แม่ แม่จ๋า" เรียกอยู่นานจึงตัดสินใจเขย่า    

    ผู้เป็นแม่เหมือนถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์


    "ฮะ ห๊า ว่าไง  ว่าไงนะ"


    "หนูถามว่า มาหาใคร แล้วเราไม่เข้าไปเหรอจ๊ะ"


    "......."

     

    "ว่าไงจ๊ะแม่"

    ไม่มีเสียงตอบ ไม่มีคำพูดใดๆ และก่อนที่เด็กน้อยจะทันสังเกตเห็นว่าน้ำตาของผู้เป็นแม่กำลังไหลริน เจ้าหนูก็ถูกลากตัวเข้าไปในห้องซะก่อน

     

    "มากันจนได้ นั่งก่อนสิ" ชายชราผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นทันทีที่สองแม่ลูกเข้าไป เด็กน้อยเห็นแม่ยกมือขึ้นสวัสดีชายชราผู้นั้นด้วยท่าทางนอบน้อมจึงไหว้ตาม


    "โธเอ๊ย ไม่ต้องเกรงใจ นั่งกันก่อน ไม่ต้องทำเป็นว่าชั้นยิ่งใหญ่กว่าใครๆหรอกนะ" ชายชราพูดด้วยรอยยิ้ม แล้วบทสนทนาที่เด็กน้อยไม่เข้าใจก็ดำเนินต่อไปอย่างที่ไม่มีใครคิดจะอธิบาย


    "ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ตระกูลโยชิฮาระที่สูงส่งของท่านจะมาแปดเปื้อนเพราะเราไม่ได้"  


    "พูดอะไรอย่างนั้น มัลลิกา เจ้ายังถือเรื่องแบบนี้อยู่อีกรึ"


    "ไม่ถือไม่ได้เจ้าค่ะ โยชิฮาระของท่านมีพระคุณกับทิติณันท์ของดิชั้นยิ่งกว่าใดๆ ปี ในเมื่อทิติณันท์ได้เคยปฏิญาณเอาไว้ว่าจะภักดีแก่โยชิฮาระชั่วกาลนาน แม้เวลาจะล่วงเลยนับร้อยปี คำมั่นนั้นก็จะไม่เสื่อมคลาย เพราะทิติณันท์ยึดมั่นในความสัตย์"


    "แม้ชั้นจะยอมคืนอำนาจให้เธองั้นเหรอ" ถามยิ้มๆ ในตามีแววสงสัย


    "ใช่เจ้าค่ะ แม้ท่านจะยอมคืนอำนาจให้เรา ให้สิทธิ์เราเลือก ทิติณันท์ ก็ยังขออยู่รับใช้โยชิฮาระต่อไป เพราะชีวิตของทิติณันท์ทุกคนเป็นของโยชิฮาระ เพียงแค่ท่านเอ่ยปาก คนของทิติณันท์จะทำให้ท่านทุกอย่างเจ้าค่ะ"

    เงียบไปพักหนึ่ง ชายชรายกถ้วยชาขึ้นจิบพลางหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย ห่างออกไปเด็กน้อยและแม่ของเธอนั่งอยู่ บนพรมหน้าชุดโซฟาสีครีมสุดหรู  นางมัลลิกาผู้ซึ่งเป็นแม่ของเด็กน้อย ก้มหน้าลงอย่างนอบน้อม


    "ช่วยไม่ได้นะ ถึงชั้นจะพูดยังไงเธอก็คงไม่ยอม ชั้นหน้าจะรู้ตั้งแต่ได้รับจดหมายของเธอ มัลลิกา ไม่สิหน้าจะรู้ตั้งแต่สมัยที่เธอก็ถูกพามาที่นี่เช่นกัน" ชายชราผ่อนลมหายใจออกช้าๆ


    "มันทำให้ชั้นรู้ว่า เวลาล่วงเลยมาอีก 20 ปีแล้ว และชั้นก็แก่ลงเยอะเลยหล่ะ"


    "ไม่ได้เจ้าค่ะ ท่านยังคงดูสุขภาพดีเช่นเดิม" บอกตามความจริง


    "พูดโกหกกับคนแก่เป็นบาปนะมัลลิกา" ยิ้มอย่างอารมณ์ดี ก่อนลุกขึ้นยืน


    "ท่านยังคงดูหนุ่มและแข็งแรงจริงๆเจ้าค่ะ ทิติณันท์ไม่เคยโก .."


    "พอๆ ชั้นเชื่อแล้ว ถ้าเจ้าโกหกบรรพบุรุษของเจ้าคงลุกขึ้นมาฆ่าเจ้าซะเดี๋ยวนี้เลยมั้ง" พูดติดตลก ส่ายหน้าไปมาอย่างขบขัน


    นางมัลลิกาหัวเราะออกมาอย่างลืมตัว
    ก่อนกลับมาสำรวมกิริยาอีกครั้ง


    "ขออภัยเจ้าค่ะ"


    "ไม่เป็นไร ถือซะว่าชั้นไม่เห็นเถอะ อย่ายึดในกฎเกณฑ์เก่าๆมากเลย"

    นางมัลลิกายกนาฬิกาขึ้นดู เมื่อเห็นว่าเวลาล่วงเลยมามากแล้วนางจึงเอ่ยขึ้น


    "ถึงเวลาที่มัลลิกาต้องไปแล้วเจ้าค่ะ"


    "งั้นหรือ รีบจังนะ จะไม่อธิบายอะไรให้เจ้าหนูน้อยนั่นก่อนเหรอ ดูสิท่าทางสงสัยจะแย่"

    ชายชรามองดูเด็กน้อยอย่างเอ็นดู เหมือนรู้ตัว เจ้าหนูผมเปียรีบหลบหลังผู้เป็นมารดา แต่ทว่าหลบได้ไม่นานผู้เป็นแม่ก็ลุกขึ้นยืนอย่างกระทันหัน เด็กน้อยเซถลาไปตามแรง


    " มัลลิกาขอฝากฝังชีวิตเด็กคนนี้ไว้กับท่านเจ้าค่ะ คิดว่าท่านหน้าจะบอกให้เค้าเข้าใจได้" พูดจบนางก็เหวี่ยงตัวหลบเด็กน้อย รีบวิ่งออกไปจากห้อง ก่อนที่น้ำตาจะไหลริน


    "จำไว้นะนาน จงรักโยชิฮาระ เหมือนที่รักแม่"

    และนั่นคือคำสุดท้ายที่นางมัลลิกาได้เอ่ยกับบุตรสาว จงรักโยชิฮาระเหมือนที่รักแม่

    ........

    .....................

    .................................................


    .......................

    ..................................................

    ......................................................................

    ตึก ๆ ๆๆ ๆ ๆๆ  เสียงฝีเท้าของใครบางคนเร่งสปีดอย่างเต็มที่ ผ่านทางเดินลาดยาวของคฤหาสหลังใหญ่เบื้องหน้า 

    ตัวอักษรสีทองที่สลักลงบนหินสีดำมันวาวนั้น แปลให้เห็นเป็นข้อความว่า "ตระกูลโยชิฮาระ"

    เสียงฝีเท้าหยุดลง


    "แฮ่กๆ" ร่างบางหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า เมื่อพาร่างกายอันบอบบางของตัวเองมาถึงจุดหมาย  ด้วยระยะทางที่ไม่น้อยจากประตูหน้าถึงตัวบ้าน เหงื่อเม็ดเล็กๆจึงผุดขึ้นบนใบหน้าขาวสะอาดนั้น


    "อ้าวหนูนาน กลับมาทำไมคะ ไม่ไปเรียนเหรอ" เสียงป้าสมศรีหัวหน้าแม่บ้านประจำตระกูลที่เดินผ่านมาแถวนั้นถามขึ้นอย่างสงสัย ร่างบางเงยหน้าขึ้นดูพอเห็นว่าเป็นใครก็ยิ้มขึ้นมาทันที


    "ป้าสมศรี"


    "ค่าๆ มีอะไรคะ" ยิ้มเอ็นดู


    "หนูมาเอาหนังสือให้คุณยู ป้าขึ้นไปเอาให้หน่อยสิคะ เล่มสีเขียวค่ะ" 


    "อ๋อได้ค่ะ งั้นรอเดี๋ยวนะคะ เดี๋ยวป้าขึ้นไปหยิบมาให้" ตอบรับอย่างเต็มใจก่อนจะเดินหายเข้าไปในบ้าน
    ร่างบางพอป้าสมศรีไปได้ซักพักก็ล้มตัวลงนั่งตรงขอบบันไดทางเข้าบ้านซะอย่างนั้น ถอนหายใจเงียบๆ นาฬิกาข้อมือสีดำสนิทตัดกับผิวของคนใส่บอกเวลา 8.30 น. ซึ่งเลยเวลาเข้าเรียนแล้ว


    "วันแรกก็สายซะแล้วเรา" พึมพำกับตัวเองอย่างหน่ายๆ มองไปรอบตัว สภาพของบ้านหลังนี้ไม่ได้ต่างไปเลยซักนิดเดียว จากวันนั้นถึงวันนี้ ต้นไม้ต้นเดิม ดอกไม้ดอกเดิมที่เคยอยู่ตรงนั้น บัดนี้มันก็ยังอยู่ที่เดิม บ่อเลี้ยงปลาก็ยังมีปลาตัวเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยซักนิด อ้อ ไม่สิ สิ่งที่เปลี่ยน คือ บรรยากาศของบ้าน พอคุณปู่โยชิดะไม่อยู่อะไรๆก็ดูวุ่นวายไปหมด  เธอเองก็วุ่นวายไปด้วย คิดแล้วก็เศร้า น้ำใสๆเริ่มเอ่อล้นท่วมดวงตา


    "หนูนาน ได้แล้วค่ะ" เสียงป้าสมศรีปลุกให้ร่างบางตื่นจากภวังค์ความคิด นานรีบใช้หลังมือเช็ดหน้า ด้วยกลัวป้าสมศรีจะเห็นก่อนเอื้อมมือไปรับหนังสือว่าด้วยเรื่องการเคลื่อนที่ของสัตว์มีกระดูกสันหลังเล่มนั้นมาพลางขอบคุณยกใหญ่


    "คุณหนูยูเนี่ยจริงๆเลยนะคะ ชอบลืมอยู่เรื่อย เลยลำบากหนูนานอีก ที่จริงโทรมาบอกให้คนรถเอาไปให้ก็ได้"บ่นไปเรื่อยอย่างไม่ใส่ใจ


    "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูไปนะคะ สายมากแล้ว" นานตอบ เปิดกระเป๋ายัดหนังสือเล่มโตเข้าไป ก่อนเดินเรื่อยๆออกมาอย่างไม่เร่งรีบนัก ในเมื่อคาบเรียนแรกล่วงเลยมากว่าครึ่งแล้ว ก็ไม่คิดจะรีบเร่งอะไร ทั้งโรงเรียนยังอยู่ไม่ไกลจากบ้านซักเท่าไหร่ งั้นก็เดินไปเรื่อยๆ อย่างนี้แหละ ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง ยิ่งพอคิดว่าคนที่ใช้ให้กลับมาเอาหนังสือคงจะดีใจแค่ไหนที่เธอถูกทำโทษเพราะไปโรงเรียนสาย ก็ยิ่งเดินช้าลงไปอีก ไหนๆก็สายแล้วขอเดินเล่นกินลมชมวิวให้คุ้มหน่อยแล้วกัน  ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ทำไมชีวิตเธอต้องมาเจอกับปีศาจชั่วร้ายแบบหมอนั่นด้วยนะ แต่อากาศเช้าๆเนี่ยมันสดชื่นจริงๆนะเนี่ย (เช้าตรงไหนฟะ )

    ..................

    .............................

    "มาซักที กว่าจะเสด็จนะแม่คุณ" เสียงคุ้นหูดังกระทบโสตประสาทของร่างบาง ทันทีที่เดินมาถึงเขตรั้วโรงเรียน


    นานหันไปดูตามต้นเสียง ก็ได้พบกับร่างโดดเด่นของบุคคลที่เธอไม่อยากพบที่สุดในโลก เด็กหนุ่มหัวทอง ผิวขาวสะอาดอย่างผู้ดี โยชิฮาระ ยูตะ กำลังนั่งยองๆบนกำแพงโรงเรียนอย่างสบายอารมณ์ ในมือคีบบุหรี่ที่ใกล้จะหมดม้วนเต็มที


    "นายไม่ควรสูบบุหรี่นะยู" ร่างบางพูดลอยๆอย่างไม่ใส่ใจ


    พลุ่บ
    ~ ยูตะ ผู้สืบทอดสายเลือด ทายาทรุ่นปัจจุบันลำดับที่3 แห่งตระกูลโยชิฮาระ กระโดดลงจากกำแพงมายืนหน้าร่างบาง  ก่อนอัดควันบุหรี่เข้าปอดและพ่นออกมาใส่หน้าอย่างจงใจ


    "มีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับเรื่องของชั้นไม่ทราบ คุณ- คน- ใช้" เน้น 3 คำสุดท้ายอย่างจงใจ


    "ก็ไม่อยากจะยุ่งหรอกนะ ถ้าไม่ติดว่าชั้นมีหน้าที่ต้องดูแลนาย" สบตาคนตรงหน้าที่สูงกว่าเกือบฟุต


    "หน้าที่ของเธอ คือ ทำตามที่ชั้นสั่งนานะ" ยิ้มหยันๆ สบตาร่างบางกลับ


    "แล้วอีกอย่าง ชั้นดูแลตัวเองได้ ส่วนเธอดูแลตัวเองให้รอดก่อนแล้วกัน แล้วค่อยคิดมาเป็นห่วงคนอื่น" พูดจบก็กระโดดกลับขึ้นไปบนกำแพง ก่อนหันมาอีกครั้ง


    "อ่อ ลืมไป ชั้นไม่เอาหนังสือแล้วนะ พอดีนึกได้ว่าไม่มีเรียน แล้วก็โชคดีนะ" พรึ่บ คุณชายยูตะ ยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนกระโดดกลับลงไปฝั่งข้างในโรงเรียน และกว่าที่ร่างบางจะทันรู้ตัวว่า โชคดีนะ ของปีศาจชั่วร้ายตนนั้นคืออะไร ก็ตอนที่ลุงยามเดินมาลากตัวพาไปฝ่ายปกครองเพราะคิดว่าเธอกำลังหนีเรียน ที่น่าเจ็บใจกว่า คือ ลุงยามคิดว่าเธอสูบบุหรี่ เพราะ เจอก้นบุหรี่ที่ยูทิ้งไว้ โอ๊ยย อะไรมันจะซวยขนาดนี้เนี่ย 

    ...................

    ....................................................

    To be con

    chapter 2 : พันธะสัญญาสองตระกูล >Agreement of yoshihara<

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×