ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สังคมสงเคราะห์ ธรรมศาสตร์ (Update สดๆ ร้อนๆ)

    ลำดับตอนที่ #2 : ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับคณะ

    • อัปเดตล่าสุด 3 ม.ค. 50


                  เอ???? จบม. 6 แล้วจะเรียนอะไรดีน้า จะเอนท์ติดที่ไหนเนี่ย คะแนนเราก็ไม่ค่อยจะดี กิจกรรมก็ชอบ ถ้าไปเรียนมหา'ลัยแล้วจะมีเวลาทำกิจกรรมรึป่าว อยากไปค่ายบำเพ็ญประโยชน์จัง เรียนจบแล้วจะมีงานทำมั้ย ฯลฯ นี่คงเป็นหลายคำถามที่น้องๆต้องการคำตอบที่ลงตัวที่สุด คงจะยากถ้าน้องๆอยากได้คณะในฝันที่มีครบทุกองค์ประกอบข้างต้น แต่พี่ก็มีคณะนึงมาแนะนำให้น้องๆได้รู้จักกันนะครับ นั่นก็คือ "คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์" หลายคนอาจจะไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำว่ามีคณะนี้อยู่ด้วย แต่หลายคนอาจจะรู้จักกันเป็นอย่างดี และต้องการที่จะมาเรียนคณะนี้

                   ขึ้นต้นชื่อคณะว่า "คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์" แล้ว น้องๆคงคิดว่าอาชีพจบไปคงไม่พ้นพวกนักสังคมสงเคราะห์แหงมๆ ซึ่งถ้าน้องได้ศึกษาเกี่ยวกับรายละเอียดของวิชาเรียน และการประกอบอาชีพเมื่อเรียนจบแล้วคงเป็นคนละเรื่องกับที่น้องๆคิดอยู่เป็นแน่ ทีนี้เรามาดูชื่ออย่างเป็นทางการของคณะกันดีกว่านะครับ


    คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์
    หลักสูตรสังคมสงเคราะห์ศาสตรบัณฑิต (สส.บ.)

    ชื่อหลักสูตร หลักสูตรสังคมสงเคราะห์ศาสตรบัณฑิต(Bachelor of Social Work Program-B.S.W.)
    จุดมุ่งหมาย เพื่อผลิตบัณฑิตให้มีความรู้ ทัศนคติ ทักษะของวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ในการเสริมสร้าง และพัฒนาศักยภาพของคน ชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิต ระบบสวัสดิการ และการพัฒนาสังคม รวมทั้งสามารถทำงานร่วมกับนักวิชาการและนักวิชาชีพอื่นได้อย่างเหมาะสม

                   คำถามแรก คงไม่พ้นว่า จะเข้าเรียนคณะนี้ได้อย่างไรกัน ใช่มั้ยล่ะครับ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์นั้นแต่แรกเริ่มเดิมทีเป็นคณะที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับ 5 ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอีกมหาวิทยาลัยหนึ่งก็คือ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ส่วนมหาวิทยาลัยอื่นๆนั้นก็เริ่มเปิดแล้วเหมือนกัน แต่เป็นเพียงแค่ภาควิชาของคณะสังคมศาสตร์เท่านั้น ต่างกับที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กับมหาวิทยาลัยหัวเฉียวฯตั้งเป็นคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์เลย ทีนี้พี่ขอกล่าวถึงแต่หลักสูตรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นะครับ หวังว่าน้องๆคงไม่ว่ากัน การเข้าเรียนมีอยู่ 2 วิธีนะครับ วิธีแรกก็คือ การสอบตรง ส่วนอีกวิธีหนึ่ง ก็คือ การสอบแอ๊ดมิสชั่นนะครับ (เด๋วพี่ขอแยกเนื้อหาส่วนนี้ไปยังลิงค์อีกหน้านึงนะครับ น้องๆ จะได้อ่านกันแบบสะดวก แล้วก็สบายลูกกะตา อิอิ)


                   อาวละ ทีนี้ก็มาถึงคำถามต่อไปซะที น้องๆหลายคนคงจะสงสัยว่าการเรียนการสอนของคณะนี้เป็นยังไง จุดมุ่งหมายของวิชาชีพนี้ ก็คือ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดี และพัฒนาสังคมให้มีความเข็มแข็ง ดังนั้น วิชาในคณะจึงเป็นการประยุกต์รวมทุกศาสตร์ที่ก่อให้เกิดผลตามจุดมุ่งหมายดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นความรู้ทางด้านการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ กฎหมาย จิตวิทยา สังคมวิทยา มานุษยวิทยา ฯลฯ อีกทั้งเน้นการปฏิบัติซะมาก เพื่อเป็นการเพิ่มพูนทักษะในการปฏิบัติงานนั่นเอง (น้องๆ จะได้ประโยชน์จากการฝึกทักษะตรงส่วนไปใช้จริงในการปฏิบัติทั้งในวิชาชีพนี้และวิชาชีพอื่น หรือแม้แต่การนำไปใช้ในชีวิตประจำวันก็ยังได้) การเรียนก็เน้นการทำงานกลุ่มซะส่วนใหญ่ วิชาคณะเมื่อเทียบกับคณะอื่นก็ถือว่าไม่ยากมาก ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะได้เกรดดีๆกันทั้งน้าน อาจารย์ในคณะก็ใจดี มักจะช่วยคะแนนให้พวกพี่ผ่าน F มาได้เสมอ เหอๆๆ -_-"

                   ส่วนเรื่องการฝึกงานปกติแล้วคณะอื่นๆโดยทั่วไปจะฝึกงานกันแค่ 6 หน่วยกิตหรือฝึกงานตอนช่วงซัมเมอร์ปี 3 เท่านั้น แต่คณะนี้มีการฝึกงานถึง 15 หน่วยกิต ซึ่งก็คือ มีการดูงาน และฝึกงาน ระหว่างภาคเรียน ฝึกงานซัมเมอร์ปี 2 และปี 3  แล้วเราก็สามารถฝึกงานที่ไหนก็ได้แล้วแต่เราจะเลือก ซึ่งทางคณะจะมีสถานที่มาให้น้องๆเลือกกันอีกทีนึง

                   โดยฝึกงานครั้งที่ 1 (ซัมเมอร์ปี2) 1 จะเป็นการฝึกกับหน่วยงาน หรือองค์กรทางด้านสังคมสงเคราะห์ที่มีทั้งของภาครัฐและเอกชน แต่จะจำกัดอยู่ที่เขตกรุงเทพฯ แล้วก็ปริมณฑลเท่านั้นนะครับ ส่วนการฝึกงานครั้งที่ 2 (ซัมเมอร์ปี3) จะเป็นการฝึกกับชุมชน ทั้งชุมชนในกรุงเทพฯ และชุมชนในต่างจังหวัดที่อยู่ห่างไกลกันออกไป

                   ถ้าใครชอบเที่ยว อยากเห็น อยากทำอะไรแปลกๆใหม่ๆละก็ สามารถเลือกสถานที่การฝึกงานไปยังที่ไกลๆได้เช่น ฝึกงานกับชาวเขา ขึ้นดอย ล่องเหนือ ลงใต้ ตามแต่ใจน้องจะปรารถนา ส่วนถ้าใครไม่อยากไปไหนก็สามารถทำเรื่องฝึกงานแถวละแวกบ้านก็ได้ อันนี้ก็ไม่ว่ากันนะครับ

                   คำถามยอดฮิตสำหรับเด็กกิจกรรมตัวยง " ถ้าหนู/ผม/เดี๊ยน/อิฉัน ได้ใช้ชีวิตในรั้วมหา'ลัยแล้วจะมีเวลาทำกิจกรรมมั้ย มันจะเบียดบังเวลาเรียนรึป่าว" ก็ขอตอบเลยนะครับว่า มีเวลาทำแน่นอนครับ เนื่องจากคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์นั้นเรียนไม่หนักเมื่อเทียบกับคณะอื่นๆ เพราะจำนวนหน่วยกิตที่บังคับเรียนน้อยกว่า อีกทั้งวิชาเรียนก็ไม่ยากมาก น้องๆจึงมีเวลาทำกิจกรรมอย่างเหลือเฟือ จนน้องๆคณะอื่นอาจจะคิดว่าเด็กคณะนี้ไม่เป็นอันเรียนกันเหรอ มัวแต่ทำกิจกรรมกันอยู่ได้ และคณะนี้ก็มักจะมีการจัดค่ายไปกันเองค่อนข้างบ่อย เมื่อเทียบกับคณะอื่นแล้ว (เห็นมั้ย!!!ดีล่ะสิ) หรือถ้าใครเบื่อกิจกรรมคณะแล้วก็สามารถไปร่วมแจมกับกิจกรรมของคณะหรือชมรมอื่นได้อีก เพราะ ธรรมศาสตร์ให้เสรีภาพแก่คุณอย่างเต็มที่ในทุกเรื่อง ขอให้แค่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็เป็นพอ ~.~"

                   คำถามต่อไปคงเป็นคำถามสุดฮิตที่ใครๆทุกคนคงนึกอยู่ในใจ ว่า ถ้าจบไปแล้วจะมีงานทำมั้ย อันนี้ก็คงต้องขอคอนเฟิร์มนะครับว่า จบไปแล้วมีงานทำแน่นอน ไม่เล็กน้อยถึงปานกลาง แต่มากถึงมากที่สุด เพราะ จะว่ากันตามตรงแล้วบุคลากรที่มีความรู้ทางด้านสังคมสงเคราะห์ในเมืองไทยยังมีอยู่น้อย ทำให้เกิดการขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ พูดง่ายๆ ก็คือ อาชีพนักสังคมสงเคราะห์ถือเป็นอาชีพที่ขาดแคลน ตลาดมีความต้องการสูง จบไปแล้วน้องๆอาจจะไปเป็นนักสังคมสงเคราะห์ก็ได้ แล้วถ้าไม่อยากเป็นนักสังคมสงเคราะห์ล่ะ จะได้มั้ย?

                   คำตอบก็คือ ได้ครับ เนื่องจากนักศึกษาที่จบจากคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์นั้นมีเพียงแค่ 20% เท่านั้นที่ทำงานด้านสังคมสงเคราะห์ แล้วอีก 80% ที่เหลือล่ะ หายไปไหนหมด พวกเขาไม่ได้หายไปไหนกันหรอกครับ เนื่องจากการเรียนการสอนของคณะเอื้อต่อการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้นก็หมายความว่าน้องๆสามารถนำสิ่งที่เรียนไปประยุกต์ใช้กับอาชีพอะไรก็ได้ที่น้องๆอยากจะทำ เช่น บางคนจบไปก็ทำงานตามบริษัทเอกชน ฝ่ายบุคคล บางบริษัทเค้าจะระบุมาว่าต้องการผู้ที่จบจากคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์มาทำงานโดยตรง บางครั้งเงินเดือนอาจจะเริ่มค่อนข้างสูง (ซักหมื่นอัพ) หรือทำงานตามมูลนิธิเอกชนต่างๆก็ได้ เงินดีแต่งานเหนื่อยนะขอบอก บางคนจบไปก็ไปเป็นแอร์โฮสเทรส บางคนจบไปก็ประกอบธุรกิจส่วนตัว บางคนจบไปก็เป็นอาจารย์ บางคนจบไปทำงานธนาคาร ฯลฯ เห็นมั้ยละครับว่า เรียนสังคมสงเคราะห์แล้วไม่จำเป็นที่จะต้องไปเป็นนักสังคมสงเคราะห์ก็ได้ แต่ถ้าน้องๆคนไหนมีอุดมการณ์แรงกล้า อยากจะทำงานเพื่อส่วนรวมจริงๆก็ได้ครับ 

                   เวอร์รึป่าว มันมีด้วยเหรอ เรียนจบไปแล้วจะทำอาชีพอะไรก็ได้น่ะ ไม่เวอร์หรอกครับเพราะมันคือเรื่องจริง(ไม่อิงนิยาย) เพราะ สังคมสงเคราะห์ถือเป็นพื้นฐานของงานบริการทุกประเภท การเรียนการสอนของคณะเราหลักๆแล้วก็คือ สอนการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข เข้าใจคนอื่นๆ และเรียนรู้ถึงการวางตัวในสังคมอย่างเหมาะสม สอนวิธีการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข

                   เข้าใจและสามารถปรับตัวกับผู้อื่นในสังคมได้ (ขนาดเราทำงานกับคนที่ถือว่าเป็นปัญหาสังคมได้ แล้วทำไม๊เราจะทำงานกับคนปกติของสังคมไม่ได้ล่ะ ว่ามะ?) ถ้าจะว่ากันตามตรงแล้ว คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์นั้นเป็นคณะที่นักศึกษาเรียนจบแล้วมีงานทำเป็นคณะอันดับ 2-3 ของมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว (รองลงมาจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี กับคณะเศรษฐศาสตร์ แล้วก็พยาบาล)

                   แต่ถ้าเราจะดูวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาที่เรียนแล้ว เราสามารถจำแนกวิชาโทภายในคณะออกได้เป็น 4 สาขาวิชานะครับ ดังนี้
    1.
    การพัฒนาชุมชน  (Minor Program in Community Development)
    2.
    การบริหารงานกระบวนการยุติธรรม (Minor Program in Criminal Justice Administration)
    3.
    สังคมสงเคราะห์ทางการแพทย์ (Minor Program in Medical Social Work)
    4.
    พัฒนาเด็ก เยาวชน และครอบครัว (Minor Program in Child, Youth and Family Development)

                        (น้องสามารถอ่านรายละเอียดได้จากลิงค์ที่ทำเพิ่มได้นะคร๊าบบบบบ ว่าแต่ละสาขาวิชามันเป็นยังไง)

                   เห็นมั้ยล่ะครับ ว่าคณะสังคมสงเคราะห์นั้นถึงแม้จะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพในสายงานก็ยัง ค่อนข้างกว้างอยู่ดี เพราะเราจะสามารถแยกออกอาชีพโดยรวมออกได้เป็น 4 ประเภท แล้วแต่ละประเภทก็ยังสามารถแยกย่อยลงไปอีกได้มากมาย ท้ายสุดก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละบุคคลว่าอยากจะทำงานแบบไหน แต่ถ้าใครคิดอยากจะทำงานที่ต่างประเทศก็ถือว่าเป็นความคิดที่ไม่เลวนะครับ เพราะ ในต่างประเทศคณะนี้ถือเป็นคณะที่บูมอย่างมากถ้าเทียบกับในเมืองไทย แน่นอน เงินก็ดีด้วยเช่นกันครับ


                   ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญมากๆ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์นั้นมีลักษณะเฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์อยู่อย่างหนึ่ง เมื่อใครดูแล้วก็ต้องรู้ว่าเป็นคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์แน่นอน นั่นก็คือ "งิ้วสังคมสงเคราะห์" นั่นเอง งิ้วสังคมสงเคราะห์นั้นแตกต่างจากงิ้วที่เห็นตามงานทั่วไป งิ้วของคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์มีอีกชื่อหนึ่งว่า "งิ้วล้อการเมือง" ซึ่งเนื้อหาที่นำเสนอนั้นก็จะเป็นการสะท้อนถึงสภาพสังคม เสียดสีทางการเมือง การล้อคณะผู้บริหารของประเทศ ซึ่งการแสดงดังกล่าวต่างก็เป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้ชมจำนวนมาก และทีมงานงิ้วนั้นก็จะเปิดรับแต่เฉพาะคนในคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์เท่านั้น ถือว่าเป็นสิทธิพิเศษอีกอย่างหนึ่งเลยทีเดียว ที่นักศึกษาคณะนี้พึงได้รับ และขอย้ำอีกครั้งว่า งิ้วสังคมสงเคราะห์นั้นแตกต่างกับงิ้วทั่วไปเอามากๆ และสนุกสนานมากทีเดียว ไม่แพ้การแสดงอื่นใดเลย

                        (สำหรับหัวข้อนี้ ก็จะทำการเพิ่มเติมเนื้อหาเข้าไปเหมือนกันนะครับ สำหรับน้องผู้สนใจ ^^)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×