คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : - 0 - hana 하나 ..
S e h u n “ไม่มีเรา.. ใครจะดูแลเธอกับราซิล”
C h a n y e o l “ไม่ต้องพูด.. เราเข้าใจ”
Y i x i n g “ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านี้”
J o n g i n “ไม่มีอะไรมาทำร้ายเธอได้”
T a e y o n g “ไม่ต้องมาสอน”
T e n “ไม่บอกแล้วจะได้อะไร”
- 0 - hana 하나
“นี่ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามพี่ได้นะ” หญิงสาวกล่าวพูดกับชายหนุ่มรุ่นน้องที่กำลังนั่งอ่านหนังสือติวสอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่จนอดที่จะระบายรอยยิ้มออกมาไม่ได้
“ไม่เป็นไรครับพี่ผมเข้าใจแล้ว นี่ก็ดึกมากแล้วให้ผมไปส่งพี่ที่คอนโดมั้ยครับ” ชายหนุ่มระบายรอยยิ้มออกมาอ่อนๆก่อนที่จะถอดแว่นสายตาแล้วใช้มือนวดที่ขมับและเบ้าตาของตัวเอง
“นายรีบไปอาบน้ำนอนเถอะพรุ่งนี้ต้องสอบนี่ เดี๋ยวพี่นั่งรถเมล์กลับเองได้” หญิงสาวพูดก่อนที่จะหยิบหนังสือติวและดินสอจัดเก็บใส่กระเป๋านักศึกษาก่อนที่จะสะพายและเดินออกมาจากนอกห้อง และไม่ลืมที่จะทำความเคารพนายหญิงของบ้านนี้
“คุณแม่ค่ะ หนูกลับก่อนนะค่ะ” เสียงหวานใสเอ่ยขึ้นก่อนที่จะโค้งตัวทำความเคารพให้นายหญิงที่ใจดีของบ้านนี้
“อ้าวฮานาจะกลับบ้านแล้วเหรอลูก” นายหญิงของบ้านนี้หันหน้าออกมาจากหน้าจอแท็ปเล็ตเครื่องบางก่อนจะยิ้มให้หญิงสาวน่ารักคนนี้
“ค่ะ ลาก่อนนะค่ะคุณแม่” ยิ้มให้นายหญิงของบ้านน่ารักๆซักทีหนึ่งก่อนที่จะเดินไปหยิบรองเท้าที่ตั้งอยู่บนตู้ก่อนจะเดินออกจากนอกบ้านหลังใหญ่ที่ข้างหน้าเต็มไปด้วยสวนหญ้าและดอกไม้ที่กระทบแสงไฟสีส้มอ่อนๆจากเสาไฟที่ตั้งอยู่ไว้รอบๆ
ทันทีที่เดินออกมาข้างหน้าบ้านที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธ์ที่นายหญิงของบ้านหลังใหญ่นี้ชอบก็อดไม่ได้ที่จะต้องเผลอสูดดมอากาศที่มีกลิ่นหอมของธรรมชาติ
ตึก ตึก
“เฮ่! นี่นายจะตามออกมาทำไม ไปนอนได้แล้วน่า” ใช้มือผลักคนตัวสูงที่เดินขนาบมาด้านข้างให้ห่างออกไปก่อนจะเอ่ยคำถามที่คิดว่าต้องรู้คำตอบในใจอยู่แล้ว
“ผมจะไปส่งพี่ กลับคนเดียวมันอันตรายนะครับ ไหนจะราซิลที่รอให้พี่กลับคอนโดอยู่” พูดโดยไม่ได้มองหน้าคนข้างๆที่ตอนนี้กำลังอมยิ้มอยู่ ก่อนที่จะรีบวิ่งไปที่โรงจอดรถแล้วถอยรถเบนซ์สีขาวคันเล็กที่คนตัวเล็กเคยบอกว่าชอบนั่งคันนี้มากที่สุด
“นายกลับไปได้แล้วนะ พี่ขอบใจมากนะที่มาส่ง” พูดพร้อมโบกมือให้ชายหนุ่มรุ่นน้องที่กำลังนั่งมองหน้าเธออยู่ในรถได้กลับบ้านไปอาบน้ำพักผ่อนซักทีเพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว
“ฝากบอกราซิลให้ด้วยนะครับว่าคิดถึง” เมื่อมองหน้าใสๆของหนุ่มรุ่นน้องที่กำลังคลี่ยิ้มแล้วตานั้นก็เหมือนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวจึงทำให้อดหมั่นใส้ออกมาไม่ได้
“แหม่ฝากให้บอกคิดถึงราซิลทุกวันคิดอะไรอกุศลกับน้องพี่รึปล่าว” เมื่อได้แกล้งอีกคนที่กำลังยิ้มอยู่ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“ฝากบอกราซิลให้หน่อยนะครับว่า เท็นคิดถึง และไม่ได้คิดอะไรอกุศลกับน้องเลย แต่ว่า..
เรื่องอกุศลอ่ะผมคิดแต่กับคนพี่นะครับ J”
ให้ตายเถอะ!
“ฮานาวันนี้ไม่สบายรึปล่าว” เงยหน้ามองพี่ผู้ชายใจดีที่รีบเดินมาถามไถ่เรื่องสุขภาพและเหมืนจะเป็นคนๆเดียวที่เข้าใจเธอในทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องไหนๆก็รู้สึกว่าพี่เค้าพึ่งพาได้เสมอ
“ไม่หรอกค่ะ แค่เมื่อวานไปติวหนังสือให้เท็นจนดึกหน่อย” หลังตอบคำถามจบก็ฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะนักศึกษาที่สัมผัสได้ว่าเป็นที่นอนยามหลับได้พักพิงที่สบายดีมาก
“เท็นที่ฮานาไปทำงานพาร์ทไทม์ที่บ้านงั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ ที่มาถามนี่พี่อี้ชิงมีอะไรรึปล่าวค่ะ” คิดได้ว่าคงหลับไม่ลงแล้วเลยเงิยหน้ามามองพี่อี้ชิงที่กำลังนั่งยิ้มมุมปากอยู่ที่พื้น และเผลอที่จะอดมองไปที่ลักยิ้มที่มีเสน่ห์ทุกครั้งไม่ได้
“ถึงยังไงก็เรียนเสร็จแล้วไปหาไรกินกับพี่มั้ย คงอีกนานกว่าที่ราซิลจะเลิกเรียน” มองอีกคนที่ยกนาฬิกาข้อมือมาดูและชูให้เราดูด้วย เมื่อเห็นเวลาที่เหลืออีกตั้งนานกว่าที่ราซิลจะเลิกเรียนเลยได้แต่พยักหน้าตอบตกลงและรีบเก็บของเท่านั้น
“ฮานาช่วงนี้เราดูผอมไปนะ มีปัญหาอะไรมั้ย” พี่อี้ชิงเงยหน้าขึ้นมามอง และเพราะสายตาที่อบอุ่นนั่นทำให้เธอต้องรีบก้มหน้าและทำเป็นว่ากำลังตั้งใจทานไอศกรีมรสโปรดของตัวเองที่พี่อี้ชิงสั่งมาให้
“ฮานา..” พี่อี้ชิงเรียกชื่อของเธอด้วยเสียงที่เบาลงนั่นทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของสายตาอันอบอุ่นและปนความห่วงใยนั่นอย่างเลี่ยงไม่ได้
ทันทีที่สบตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นี้ที่มองมาก็ทำให้พูดปัญหานั้นออกมาไม่ได้ เพราะไม่อยากให้คนๆนี้ที่เป็นห่วงที่คอยช่วยเหลือเธอทุกๆเมื่อต้องมาเป็นห่วงเรื่องของทางบ้านเธอ ทั้งๆที่รู้ว่าถ้าบอกไปพี่เค้าอาจช่วยเหลือเราได้มาก
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่ช่วงนี้ราซิลดื้อนิดหน่อย” และจำเป็นที่จะต้องโกหกโยนความผิดให้น้องตัวเล็กที่ไม่อยู่ในที่นี้
“อ่า.. แย่จัง พี่อี้ชิงค่ะพ่อฮานาส่งข้อความว่าวันนี้พ่อมารับฮานาที่ข้างหน้าร้านแล้ว” พูดโดยไม่มองหน้าอีกคนและรีบเก็บของใส่กระเป๋า ก่อนจะลุกขึ้นยืดความสูงและล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าที่อยู่ด้านข้างของกระโปรง ก่อนจะยื่นเงินให้อีกคนที่นั่งมองอยู่
“นี่ค่ะ ฮานาเลี้ยงเอง” และจับมืออีกคนให้แบขึ้นมาก่อนจะวางเงินไว้บนฝ่ามืออันอบอุ่นนั่น
“พี่เป็นคนชวนเรามานะ เก็บไว้เถอะเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง” ชายหนุ่มพูดก่อนที่จะยัดเงินใส่ฝ่ามือที่บอบบางของอีกคน แล้วส่งรอยยิ้มที่มีลักยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ให้อีกคน ก่อนจะเอื้อมมือไปยีผมยาวสวยสีน้ำตาลเข้มของอีกคนเล่น
ร่างเล็กได้แต่พยักหน้าและยิ้มตอบกับชายหนุ่มรุ่นพี่ที่ใจดี ก่อนจะเดินไปฝลักประตูไม้บานใหญ่ของร้านอาหารนี้ที่พวกเรามานั่งด้วยกันประจำ แล้วใช้สองขาเรียวเล็กๆนี่รีบวิ่งไปตามทางสี่แยกใหญ่ที่กำลังติดไฟแดงในตอนนี้ และมองหารถที่มีไม่ต่ำกว่าสิบคันที่กำลังติดไฟแดงในตอนนี้ ก่อนที่สายตาจะเล็งมองไปเห็นรถหรูคันสีดำที่อยู่ไม่ไกลมากนัก
“คุณพ่อไปรับราซิลแล้วเหรอค่ะ” ทันทีที่เข้ามานั่งในรถก็อดที่จะถามหาถึงน้องสาวที่ตัวเองพึ่งโยนความผิดเมื่อกี้นี้ให้อย่างเป็นห่วงไม่ได้
“พ่อพาน้องกลับไปที่คอนโดแล้วหล่ะ” เมื่อได้ยินคำตอบที่ทำให้ความกังวลหายไปก็ได้แต่หลับตาคิดไปถึงปัญหาชีวิตในหลายๆเรื่อง
“ฮานา..” และทันทีที่ได้ยินพ่อของตัวเองพูดชื่อออกมาด้วยความเหนื่อยล้าก็อดที่จะเป็นห่วงท่านไม่ได้ เลยได้แต่หันไปมองใบหน้าของคนเป็นพ่อด้านข้างเท่านั้น
“พ่อขอโทษนะลูก พ่อคงต้องไปอยู่ที่จีนซักพัก แล้วพ่อก็คงต้องส่งให้ลูกและน้องไปอยู่ที่อื่นแทนคอนโดแล้ว” ทันทีที่ได้ยินพ่อพูดประโยคนี้ออกมาก็ได้แต่ถอนหายใจ และพยักหน้าให้คนเป็นพ่อได้รับรู้ว่าตนนั้นเข้าใจ
“ราซิลเร็วๆหน่อย” ต้องรีบเลื่อนมือไปกุมมือน้องสาวตัวเล็กที่ออดแอดเพราะกระเป๋าที่ถือนั้นมันหนัก ในใจก็อยากช่วยน้องนั้นถือเหลือเกินแต่เป็นเพราะตอนนี้ของสัมภาระที่ถืออยู่ของตัวเองมันก็มีมากไม่แพ้กัน
“ฮานาทำไมเราต้องมาอยู่ที่นี่กันด้วย” น้องตัวเล็กของเราได้แต่ทำหน้าเบะปากเหมือนคนจะร้องเพราะต้องเดินขึ้นบันไดมาหกชั้นแล้ว เพราะบ้านที่เราจะย้ายมาอยู่กันเป็นบ้านเล็กๆบนดาดฟ้าบนแมนชั้นสภาพดี
“อย่าร้องนะค่ะเด็กดี ที่เราต้องมาอยู่ที่นี่เพราะคุณพ่อมีเหตุจำเป็นที่จะต้องให้เรามาอยู่ที่นี่” หันไปยิ้มให้น้องตัวเล็กก่อนที่จะเดินมาหยุดอยู่ที่บ้านน่ารักๆบนดาดฟ้าอยู่หลังหนึ่ง
“บ้านสวยจังเลยฮานา”
“ก็ต้องสวยอยู่แล้วเพราะถ้าบ้านไม่สวยไม่น่าอยู่ ราซิลก็จะขี้บ่นแบบเมื่อกี้ไงค่ะ คุณพ่อคงรู้เลยต้องหาบ้านแบบนี้ให้เราอยู่ เพราะราซิลจะได้ไม่ขี้บ่น” แกล้งน้องสาวตัวเองไปซักทีนึงก่อนที่จะใช้กุญแจที่ติดอยู่กับตัวนั้นไขกุญแจเข้าไปในบ้านทันที
“ย๊า!! ราซิลไม่ได้ขี้บ่นนะ! ฮานาอ่ะขี้จุ๊!”
หลังจากที่ขนของมาไว้ในบ้าน ทำความสะอาด และตั้งของต่างๆเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็คงถึงเวลาที่ต้องพาราซิลไปอาบน้ำแล้ว ถึงม่าเจ้าตัวจะบ่นว่าที่นี่แคบไปหน่อยเพราะชินกับการที่อยู่ในคอนโดห้องกว้างๆ แต่ดูท่าเด็กน้อยคนนี้คงจะชอบที่นี่อยู่ไม่น้อย
“ราซิลไปอาบน้ำแล้วเข้านอนกันเถอะ” เรียกน้องสาวตัวเล็กที่กำลังนั่งบนพื้นแล้วมองดูโทรทัศน์จอเล็ก ที่ปกติป่านนี้ราซิลจะต้องนอนกินที่อยู่บนโซฟา และมองดูการ์ตูนเรื่องโปรดบนโทรทัศน์จอใหญ่แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้บ่นอะไรออกมาให้ได้ยิน
“อื้อ เรามาอาบน้ำพร้อมกันนะ” ยิ้มให้น้องสาวตัวเล็กที่กำลังวิ่งมากอดเอวและลูบหัวเบาๆของน้องสาวคนเดียวก่อนจะกดจูบลงไปบนกระหม่อมอย่างรักใคร่ก่อนที่จะเดินจูงมือไปอาบน้ำกัน
“ราซิล..” เอ่ยเรียกชื่อน้องเบาๆที่กำลังจะหลับเพราะเธอกำลังอ่านนิทานให้ฟังอยู่
“หือ.. ฮานามีอะไรเหรอ” จากที่ตาจะปิดอยู่แล้วแต่เมื่อได้ยินพี่สาวที่ตัวเองรักสุดหัวใจเรียกชื่อขึ้นมาจากที่ตากำลังจะปิดก็ฝืนที่จะมองหน้าใสๆของคนเป็นพี่ และรอฟังประโยคที่พี่จะพูดขึ้นมา
“สัญญากับพี่นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมา.. ให้ยึดมั่นว่าพ่อของพวกเรานั้นคือคนดี” เด็กน้อยที่แสนน่ารักได้แต่มองหน้าของพี่สาวที่ยิ้มอย่างเศร้าสร้อย ถึงจะเป็นเด็กตัวเล็กๆก็เถอะทำไมจะไม่รู้ว่าพี่สาวของตัวเองนั้นกำลังทุกหรือเศร้าใจเรื่องบางเรื่องอยู่
“อื้อ ราซิลสัญญา”
หลังจากเสร็จสิ้นคำสัญญาของสองเราเด็กน้อยได้แต่เอื้อมมือไปลูบแก้มใสของพี่สาวก่อนจะเข้าห้วงนิทราไปในที่สุด..
เมื่อมั่นใจว่าเด็กตัวน้อยหลับแล้วก็อดที่จะกดจูบลงไปบนกระหม่อมเล็กๆของราซิล ก่อนที่จะหยิบเสื้อกันหนาวสีที่ชอบ แล้วออกมานั่งบนตอไม้ที่ไว้สำหรับนั่งเล่นอยู่ข้างหน้าบ้าน ในวินาทีนี้มีเรื่องมากมายเหลือเกินที่ต้องคิด แต่ถึงจะคิดอะไรมากไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมาอยู่ดี
เงยหน้าขึ้นไปมองหมู่ดาวบนท้องฟ้า ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาน้อยๆเพราะไม่ได้เห็นเจ้าหมู่ดาวพวกนี้มานานมากแล้ว และเมื่อหันไปมองรอบๆบ้านก็พึ่งสังเกตุเห็นได้ว่าบนดาดฟ้านี้ไม่ได้มีหลังที่เธออาศัยอยู่แค่หลังเดียว แต่ยังไม่บ้านอีกหลังหนึ่งที่อยู่ข้างๆกัน ถึงแม้จะห่างไปสักระยะหนึ่ง
เอาไงดี.. จะเข้าไปทำความรู้จักดีมั้ย นี่ก็ยังไม่ได้ดึกมากซักหน่อย
เมื่อคิดได้อย่างนั้นก็รีบวิ่งไปหยิบนมรสกล้วยที่ราซิลชอบกินมากล่องนึง และขนมปังหนึ่งห่อก่อนจะรีบเดินมาหยุดที่หน้าบ้านสไตล์แบบเดียวกัน แล้วจัดการสูดลมหายใจลึกๆ แล้วหลับตาก่อนที่จะเอื้อมมือไปเคาะประตู
“โอ๊ย!!”
เมื่อเสียงที่ครจะได้ยินนั้นครจะเป็นเสียงเคาะประตูไม้ แต่ดันเป็นเสียงของผู้ชายตัวสูงที่ร้องโอดโอยขึ้นมาทำให้ต้องรีบลืมตาขึ้นมาทันที
“เฮ่ย! นายเป็นใคร!!?” ถามออกมาเสียงดังอย่างงงงวย
“มาทำร้ายเจ้าของบ้านแล้วยังจะมาถามอีกนะว่าเป็นใคร หึ!” ได้แต่ส่งแววตาหวาดหวั่นไปให้กับเจ้าของบ้านที่ตนเองเผลอไปทำร้ายเมื่อครู่
ร่างสูงก้มหน้าลงพร้อมใช้สองมือมานวดใบหน้าบริเวณที่มือเล็กๆนั่นเคาะเข้าไปเต็มแรงแทนที่จะเคาะลงไปบนบานไม้ของประตู ได้แต่คิดว่าอีกคนคงไม่ได้ตั้งใจแต่เพราะความหงุดหงิดเมื่อกี้มันทำให้อดที่จะเม้มปากเรียวเข้าหากันไม่ได้ ก่อนจะใช้สองมือคู่นี้เสยผมสีทองของตัวเองที่ตกหล่นออกมาขึ้นไปอย่างลวกๆ แล้วหันมามองหน้าอีกคนอย่างเอาเรื่อง
“เธอชื่ออะไร” เพียงแต่เมื่อได้เห็นแวววตาและใบหน้าที่หวาดหวั่นนั่นความคิดที่คิดว่าจะต่อว่าซักหน่อยดันหายไปจนปริทิ้งทันที
“จ.. โจว ฮานา”
“ชื่อน่ารักดีนะ” เงยหน้าขึ้นไปมองร่างสูงที่หันหน้าไปมองทางอื่นก่อนที่จะสัมผัสได้ว่าคนตรงหน้านี่ หล่อและดูดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่เรียวยาว และจมูกที่โด่งเป็นสัน นัยย์ตาที่สำผัสได้ถึงความมั่นอกมั่นใจในตัวเอง และที่สำคัญริมฝีปากบางที่เป็นสีแดงเข้มบ่งบอกได้ถึงสุขภาพที่ดี
“ละ แล้วนายชื่ออะไร” พยายามจะเรียกสติของตัวเองกลับมาก่อนที่มันจะตเลิดไปมากกว่านี้
“โอ เซฮุน” ตอบทั้งที่ในปากนั้นกำลังเคี้ยวหมากฝรั่งรสมินต์ที่สัมผัสได้
“ยินดีที่ได้รู้จักนะเซฮุน” พูดไปขณะที่กำลังมองหน้าของอีกคนที่ไม่ยอมหันหน้ามาสบตา
“เช่นกันฮานา” เซฮุนคงไม่สบายเพราะว่าแก้มของเขาจากที่เป็นสีขาวอมชมพูมันกลับแดงออกมานิดๆ..
ความคิดเห็น