ตอนที่ 4 : Chapter 3 คิมชินโจผู้หายตัวไปจากทางลับ
Chapter 3 คิมชินโจผู้หายตัวไปจากทางลับ
คฤหาสน์ถ้ำปีศาจที่อยู่ต่อหน้าเยซอง ยังคงความหรูหราโอ่อ่าไม่เปลี่ยนแปลงจากรูปเก่าๆ ที่เยซองค้นเจอในหน้าหนังสือพิมพ์ จะแตกต่างก็ตรงที่ ไร่ส้มรอบคฤหาสน์ไม่ใช่สมบัติของคฤหาสน์อีกต่อไป กำแพงหนาทึบถูกสร้างเพื่อกั้นบริเวณคฤหาสน์ออกจากไร่ส้มโดยรอบ เรือนแถวยาวที่เคยเป็นที่พำนักของบรรดาภรรยาน้อยทั้งเจ็ดของชเวซึงฮวานถูกดัดแปลงเป็นห้องพักหรูหรา ซึ่งหนึ่งในนั้นถูกจัดให้เป็นห้องพักของเยซอง ลักษณะห้องเป็นแบบโบราณ นอกหน้าต่างมองเห็นภูเขาที่มีต้นไม้ร่มรื่น
เยซองบอกลาคยูฮยอนที่หน้าห้องพัก สักครู่หนึ่ง หญิงรับใช้วัยกลางคนก็เข้ามา แจ้งว่าคังอินขอพบเขาเวลาสี่โมงเย็น เยซองจึงตัดสินใจอาบน้ำให้สดชื่นเสียก่อน
โรงแรมนี้ถูกแบ่งเป็นสองส่วน คือส่วนห้องพักแบบตะวันตก กับส่วนที่พักแบบโบราณ ส่วนที่เยซองอยู่นี้มีลักษณะเป็นแบบเกาหลีโบราณ ที่นอนปูบนพื้นไม้ขัดมันวับ ใต้พื้นมีท่อน้ำร้อนไหลผ่านให้ความอบอุ่นได้ดีในฤดูหนาว ห้องของเขาจัดเป็นห้องชั้นหนึ่งมีห้องน้ำในตัว แต่เยซองหมายมั่นเอาไว้ว่าจะต้องหาโอกาสไปใช้ห้องอาบน้ำรวมให้จงได้ เพราะเคยได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาว่า คังอินตกแต่งห้องอาบน้ำรวมอย่างหรูหรา ไม่มีโรงแรมใดเทียบได้
เยซองเดินไปแง้มบานประตูเลื่อนที่เปิดออกสู่นอกชานเพื่อรับลมเย็นๆ จากสวน เขายืนสูดกลิ่นสดชื่นของต้นไม้ใบหญ้าครู่หนึ่งแล้วจึงกลับมาจัดการกับกระเป๋าเดินทาง เริ่มจากการล้วงเอารายละเอียดสั้นๆ เกี่ยวกับงานในครั้งนี้ออกมา มันเป็นข้อความที่คิมเรียวอุค เลขานุการของคิมคังอินส่งมาให้เขาทางอีเมล์ ซึ่งเยซองจัดการปรินท์เพื่อเก็บติดตัว ในกรณีที่ระบบอินเตอร์เน็ตขัดข้อง ซึ่งเยซองก็รู้ตัวว่าคิดถูกแล้วเมื่อมาถึงคฤหาสน์แล้วพบว่า ที่นี่ยังไม่มีระบบอินเตอร์เน็ต สัญญาณโทรศัพท์ก็ติดๆ ดับๆ
นักสืบร่างเล็กหยิบเอากระดาษใบสำคัญมาคลี่ออกอ่านอีกครั้ง เนื้อความในจดหมายบอกเขาว่า เร็วๆ นี้ มีแขกคนหนึ่งถือจดหมายแนะนำจากคิมคังอินเพื่อเข้าพักในห้องพักตะวันตก โดยที่ก่อนหน้านั้นสองชั่วโมง มีโทรศัพท์จากโซล อ้างตัวว่าเป็นคิมคังอิน โทรมาบอกทางคฤหาสน์ว่าอีกสักครู่จะมีแขกชื่อคิมชินโจเข้าพัก ขอให้รับรองให้ดีด้วย แม้โรงแรมจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ปาร์คจองซูก็อนุญาตให้แขกพักได้ตามสบายเนื่องจากเกรงใจคิมคังอิน แขกดังกล่าวลงชื่อในสมุดว่า คิมชินโจ
หลังจากพักหนึ่งคืน แขกดังกล่าวก็หายตัวไป โดยทิ้งสัมภาระคือกระเป๋าเดินทางเก่าๆ หนึ่งใบ ภายในมีเสื้อเชิ้ตขาวหนึ่งตัวกับกางเกงชั้นในผู้ชายสองสามตัว ไม่มีหลักฐานแสดงตัวตนอื่นหลงเหลือ
จุดที่น่าสงสัยที่สุดคือห้องนั้นถูกล็อกจากข้างใน กุญแจก็ยังวางอยู่ในห้องบนหิ้งเหนือเตาผิง ปาร์คจองซูผู้ถือกุญแจสำรองของทุกห้องก็ยืนกรานว่าตนเก็บกุญแจไว้กับตัวตลอดเวลา ไม่มีทางที่ผู้ใดจะเอาไปได้เด็ดขาด
หลังจากเกิดเรื่อง ปาร์คจองซูติดต่อคิมคังอินทันทีเพื่อแจ้งข่าว แต่สิ่งที่น่าตื่นตกใจยิ่งกว่าคือคิมคังอินปฏิเสธว่าตนไม่เคยเขียนจดหมายแนะนำให้ใครไปพักที่โรงแรมเลย ซึ่งเมื่อนำจดหมายแนะนำที่ถูกเขียนบนด้านหลังนามบัตรของคังอินมาตรวจสอบดูภายหลัง ก็พบบางจุดที่ลายมือในจดหมายนั้นไม่ตรงกับของคังอิน ซึ่งในเรื่องนี้ ปาร์คจองซูได้แสดงความเสียใจที่ทำงานสะเพร่า เพียงแค่โทรศัพท์เพื่อตรวจสอบกับคังอินก่อนให้แขกเข้าพัก เหตุการณ์ดังกล่าวคงไม่เกิดขึ้น
หลังจากนั้นไม่กี่วัน สิ่งที่น่าพรั่นพรึงยิ่งกว่าก็หลุดออกจากปากของเด็กรับใช้ชื่อ ลีซองมิน
ระหว่างที่ลีซองมินถูกจองซูสอบสวนอย่างหนักเกี่ยวกับรูปพรรณสัณฐานของแขกผู้น่าสงสัย เนื่องจากซองมินเป็นเด็กที่ถูกส่งไปดูแลคิมชินโจ แต่ในระหว่างสอบสวน ลีซองมินก็ปล่อยโฮ สะอึกสะอื้นเนื้อตัวสั่นเทา แล้วบอกจองซูว่า คิมชินโจไม่มีแขนข้างซ้าย เพราะระหว่างที่คุยกัน คิมชินโจขยับแขนขวาเพื่อยกชาขึ้นดื่มบ้าง ขยับผ้าปิดหน้าบ้าง แต่แขนเสื้อสีดำข้างซ้ายนั้นตกห้อย ไม่มีปลายนิ้วโผล่ออกมา ซ้ำยังแกว่งไปมาตามแรงลมเบาๆ ดูน่าสยดสยอง
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ปาร์คจองซูเล่าว่า ตัวเขาไม่ได้ลงมาต้อนรับแขกรายนี้ด้วยตนเอง เพราะขณะนั้นกำลังวุ่นวายอยู่กับการปรับปรุงสวนรอบอาคารตะวันตกอยู่ แต่จากปากคำของพนักงานต้อนรับและเด็กรับใช้หลายๆ คนก็พูดตรงกันว่า ไม่มีใครเห็นใบหน้าของคิมชินโจสักคน ทราบแต่เพียงว่าเขาเป็นชายร่างสูงใหญ่ ลำตัวหนาดูบึกบึน คะเนอายุไม่ได้ สวมหมวกหลุบหน้า คาดผ้าปิดปากสีดำสนิทตลอดเวลา สวมเสื้อนอกสีดำทับเสื้อสเวตเตอร์คอเต่าสีเทา และกางเกงขายาวสีดำ
เหตุที่ซองมินเพิ่งสารภาพเรื่องนี้กับจองซู เนื่องจากลีซองมินเพิ่งมาอยู่ใหม่ ยังไม่ทราบเรื่องชายแขนเดียวที่ป้วนเปี้ยนแถวคฤหาสน์มาก่อน จึงไม่ได้เอะใจ แม้จะแอบหวาดหวั่นกับแขกผู้ไม่มีแขนซ้ายอยู่ก็ตาม
จากนั้น คิมคังอินได้ตรวจสอบที่อยู่ของคิมชินโจที่ลงไว้ในสมุด ก็พบว่าเป็นที่อยู่ปลอม บ้านเลขที่นั้นไม่มีจริง และชื่อ คิมชินโจ ก็ไม่อยู่ในรายชื่อคนรู้จักของเขาเลย สรุปได้ว่าชายแขนเดียวลึกลับปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า และก็หายตัวไปในความว่างเปล่าเช่นเดียวกัน
เยซองพับจดหมายลงสอดไว้ในสมุดบันทึก ดวงตาเล็กเลื่อนลอยไปไกล และขณะแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำ เขาก็ยังครุ่นคิดถึงแขกปริศนาผู้นั้น
แทบไม่ต้องสงสัยแล้วว่า แขกลึกลับที่ใช้ชื่อคิมชินโจ ก็คือฮันกยอง อดีตคนสวนที่หายสาบสูญไปหลังก่อคดีฆาตกรรมเจ้าของบ้านคนเก่า แต่จุดประสงค์ที่เขาปรากฏตัวคืออะไรกันแน่ ชายแขนเดียวในชุดสีดำ ดูเป็นเครื่องหมายของลางร้ายที่น่าขยะแขยงบอกไม่ถูก
และคำถามสำคัญคือ ฮันกยองมีชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ในป่ามาถึงยี่สิบปีได้อย่างไร
ขณะจมดิ่งลงในห้วงความคิดของตน เยซองก็ถูกปลุกขึ้นมาด้วยเสียงดนตรีจากที่ไกลๆ เสียงนั้นฟังดูเศร้าสร้อย เป่าเป็นเพลงหนึ่งที่เยซองเคยรู้จัก
นักสืบร่างเล็กเงี่ยหูฟังอย่างสนใจ ดูเหมือนจะเป็นเสียงฟลุต มันลอยมาจากตึกใหญ่ที่เป็นที่ตั้งของห้องพักแบบตะวันตก แล้วเขาก็คิดออก เสียงนั้นกำลังเป่าเป็นเพลง Hungarian Pastorale Fantasy ของ Doppler
แล้วเยซองก็สงสัย ใครกันหนอเป็นผู้เป่าฟลุต มันลื่นไหลไม่มีติดขัด บ่งบอกว่าผู้เป่านั้นช่ำชองในการเป่าฟลุตเพียงใด เยซองนับนิ้วเพื่อไล่รายชื่อแขกในบ้านหลังนี้ที่น่าจะมีฝีมือในการเป่าฟลุตราวกับมืออาชีพ ไล่ตั้งแต่ชเวซีวอน แต่ก็ไม่เคยได้ยินว่าชเวซีวอนชอบเป่าฟลุต ยิ่งทายาทตระกูลผู้ดีเก่าอย่างชินดงฮี น้องชายของอดีตภรรยาของชเวดองวอน ก็เป็นไปได้น้อยกว่าซีวอนเสียอีกว่าชายร่างอ้วนผู้ละโมบนั้นจะสนใจในสิ่งละมุนละไมอย่างดนตรี ถ้าอย่างนั้นจะเป็นใครได้อีก เยซองก็ยังนึกไม่ออก
สักครู่เยซองก็ก้าวออกจากอ่าง เสียงฟลุตเงียบไปแล้ว แต่ขณะเขากำลังแปรงฟัน เสียงเพลงใหม่ก็ดังขึ้นอีก คราวนี้เล่นเพลงที่เขาไม่รู้จัก เยซองรีบเร่งแปรงฟันเนื่องจากใกล้เวลาสี่โมงเย็นแล้ว
สี่โมงเย็น เยซองก้าวเข้าอาคารตะวันตกอย่างร้อนใจ เขามาตรงเวลาเกินไปทั้งที่ตั้งใจจะมาก่อนเวลาสักเล็กน้อย เนื่องจากระยะทางที่เขากะตอนนั่งรถม้าคันหรูหราที่คยูฮยอนขับดูใกล้กว่าความเป็นจริงมาก เขาจึงกะเวลาผิดจนต้องกระหืดกระหอบมาพบผู้จ้างวานในสภาพนี้
หญิงรับใช้วัยกลางคนรออยู่แล้ว เธอเดินนำเขาไปที่ห้องหนึ่ง ซึ่งในอดีต ชเวซึงฮวานเคยใช้ต้อนรับแขก เมื่อก้าวเข้าไปเขาถึงกับชะงักตรึงอยู่กับที่เมื่อเสียงทรงอำนาจร้องทักมาจากด้านบน
“เข้ามาใกล้ๆ สิคุณเยซอง”
เสียงคังอินนั่นเอง เยซองมองหาต้นเสียง แล้วก็พบว่าคังอินกำลังนั่งวางท่าสง่าอยู่บนชั้นลอย มีลูกกรงกั้นระหว่างชั้นลอยกับชั้นล่างที่เขายืนอยู่นี้ ข้างๆ ตัวคังอินมีทั้งลีดงเฮภรรยารัก และปาร์คจองซูนั่งอยู่ขนาบซ้ายขวา เยซองโค้งศีรษะทักทายทั้งสาม คังอินหัวเราะอย่างมีเลศนัย ขณะที่จองซูอมยิ้มขัน มีเพียงลีดงเฮเท่านั้นที่ทำหน้านิ่งได้ราวกับรูปปั้นเทพีสักองค์หนึ่ง
“ผมตกใจหมดเลยครับคุณคังอิน” เยซองลงนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่ห้องชั้นล่างขณะแหงนหน้าคุยกับเจ้าบ้านทั้งสาม “สมัยก่อน เวลามีคนมาเยี่ยมชมบารมีท่านซึงฮวาน ก็คงถูกสั่งให้เข้ามาใกล้ๆ แบบนี้สินะครับ”
“ฮ่าๆ ถูกแล้วละคุณเยซอง เป็นไง ผมนั่งวางท่าอยู่บนนี้พอจะมีบารมีกับเขาบ้างไหม” คังอินยกมือลูบท้ายทอย ใบหน้าแดงก่ำแลดูเขินอายก่อนกล่าวต่อ
“ครั้งแรกที่ผมได้มาชมคฤหาสน์หลังนี้ ความคิดแรกของผมเลยคือ ชเวซึงฮวานท่าจะหวาดระแวงหนักกว่าที่ชาวบ้านร่ำลือกันเสียอีก ฮ่าๆๆ”
จองซูยกมือฟาดแขนหนาหนั่นของคังอิน แล้วค้อนด้วยจริตที่ดูไม่สมวัย “แหม คุณคังอินก็ ผมยังอยู่ตรงนี้ทั้งคนนะครับ”
คังอินไม่สนใจท่าทางนั้น เขาหันมาพูดต่ออย่างรื่นเริง “อย่างที่คุณเห็น บ้านหลังนี้มีอะไรที่เราคาดไม่ถึงกันอีกมาก เพราะทันทีที่สร้างคฤหาสน์เสร็จ คุณชเวซึงฮวานก็เผาแบบแปลนคฤหาสน์ทิ้ง แม้แต่คุณชเวดองวอนกับชเวซีวอน ทายาทแท้ๆ ของคุณซึงฮวานยังไม่รู้เส้นทางทั้งหมด คนเดียวที่กุมความลับทั้ไว้ไม่ยอมคายออกมาเสียทีก็คือคุณจองซูคนนี้ ผมจึงต้องเลี้ยงไว้ ให้ค่อยๆ คายความลับออกมาทีละเรื่อง”
ลีดงเฮมีสีหน้าเย็นชายิ่งขึ้น เยซองมองลีดงเฮผู้งดงามอย่างฉงนใจ ลีดงเฮในวัยสามสิบกว่ายังดูอ่อนเยาว์ราวกับอายุเพียงยี่สิบปลายๆ ท่าทางสง่าเยือกเย็นจนเย็นชา ร่างเล็กดูบอบบางเหมือนตุ๊กตากระเบื้องที่เพียงจับแรงๆ ก็แตกร้าวคามือได้ ยิ่งนั่งเคียงคู่อยู่กับคังอินที่ร่างใหญ่หนาดูบึกบึน แล้วยังมีท่าทางดิบเถื่อนติดตัวมาอย่างแก้ไม่หาย วันนี้คังอินยังแต่งกายไม่เรียบร้อยนัก เสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่ปลดกระดุมลงมาเกินควร เห็นหน้าอกหนาด้วยกล้ามเนื้อกับขนหน้าอกดกดำ เยซองยิ่งสงสัยว่าจะเป็นอย่างไรหากสองคนนี้อยู่ด้วยกันตามลำพัง แต่แล้วเขาก็ต้องรีบหยุดความคิดอกุศลเมื่อจองซูหัวเราะร่าเริง
“ความจริงแล้ว ผมขอให้คุณคังอินซื้อผมไว้พร้อมคฤหาสน์หลังนี้ต่างหากล่ะ คนแก่ไม่มีที่ไปแถมยังไร้ประโยชน์ ก็ต้องทำแบบนี้ละ” จองซูอธิบายด้วยเสียงสดใส ทั้งที่อยู่ในวัยเฉียดเจ็ดสิบ อดีตภรรยาน้อยของนักการเมืองผู้โด่งดังนี้ยังพูดจาคล่องแคล่ว นั่งหลังตรง ดวงตาสดใสเป็นประกายบอกความเฉลียวฉลาด ซึ่งพ่วงมาด้วยความเจ้าเล่ห์ลึกลับที่เป็นของแถมมากับวัยด้วย แม้จะนั่งประจันหน้ากันอย่างนี้ เยซองยังเดาไม่ถูกว่าจองซูกำลังรู้สึกอย่างไร หรือคิดอะไรอยู่กันแน่
“อ่า คุณรู้จักคุณลีดงเฮ ภรรยาของผมแล้วใช่ไหม” ลีดงเฮค้อมศีรษะทักทาย ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อเมื่อได้รับการแนะนำจากสามี
“ครับ เคยพบกันหนหนึ่งในงานเลี้ยง” เยซองหมายถึงตอนที่ลีดงเฮยังเป็นเลขานุการของคังอินอยู่ แต่เป็นช่วงที่เริ่มมีข่าวเสียหายกับคังอินแล้ว เขาจึงไม่กล้าพูดยาวกว่านี้ ซึ่งดงเฮเองก็มีท่าทีอับอายเช่นกัน
“ว่าแต่ คุณเดินทางมาสะดวกดีหรือ” คังอินเริ่มเอ่ยถามเมื่อสาวใช้วัยกลางคนนำชามาเสิร์ฟ
“สะดวกดีครับ นั่งรถไฟมาจากโซลแค่ชั่วโมงกว่าเท่านั้น มาถึงก็เจอคยูฮยอนกับรถม้าของเขามาคอยอยู่แล้ว”
“ฮ่าๆๆ รถม้านั่นเป็นอย่างไรบ้าง ผมซื้อต่อมาจากตระกูลขุนนางเชียวนะ ยังไม่เคยได้นั่งเลย” คังอินเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี
“โธ่ คุณคังอิน ผมเกร็งแทบตายตอนนั่งมาบนรถม้า คนที่สถานีรถไฟเอาแต่ซุบซิบกันอยู่นั่น เจ้าเด็กคยูฮยอนนั่นก็เหลือเกิน ไม่ได้รู้สึกรู้สมอะไรทั้งสิ้น” เยซองโอดครวญ
“อย่างนั้นเหรอ ผมว่าจะให้รถม้าเป็นกิมมิคพิเศษของโรงแรมเราเสียหน่อย สำหรับแขกวีไอพีไง ว่าจะเขียนคำโปรยลงในโฆษณาว่า รถม้าสุดหรู โบราณวัตถุจากสมัยราชวงศ์ พร้อมคนขับรูปงามดั่งเทพนิยาย พร้อมพาคุณเดินทางสู่สวนสวรรค์ เพียงสมัครสมาชิกโรงแรมในราคาพิเศษ”
จองซูหัวเราะหึหึ ตีแขนคังอินอีกเพียะหนึ่ง
“คุณคังอินก็พูดเป็นเล่นอยู่เรื่อย”
“อ้อ คุณคังอินให้เจ้าเด็กนั่นมาอยู่ด้วยเพราะอย่างนี้นี่เอง” เยซองเริ่มหัวเราะตาม
“ก็แหงสิ เจ้าเด็กลูกครึ่งนั่น เก็บไว้ทำงานก่อสร้างน่าเสียดายออก” คังอินหัวเราะร่วน แม้แต่จองซูยังยกมือปิดปากกลั้นหัวเราะ มีเพียงลีดงเฮเท่านั้นที่ยังปั้นหน้าเป็นรูปปั้นลึกลับอยู่
“เรามาคุยธุระกันดีกว่าคุณเยซอง” คังอินตัดบท เขาขยับกายนั่งตัวตรง “คุณคงทราบแล้วว่ามีแขกที่ใช้ชื่อ คิมชินโจ มาขอเข้าพักที่โรงแรมนี้แล้วหายตัวไป...”
“ครับ ผมได้รับรายละเอียดคร่าวๆ จากคุณเรียวอุคแล้ว”
“แล้วคุณรู้เรื่องคดีเมื่อยี่สิบปีก่อนหรือเปล่า”
“เอ่อ ผมเคยได้ยินมาบ้าง”
“เรื่องมันเกี่ยวพันกันอีรุงตุงนังเลยละ เรื่องมันเริ่มจาก เมื่อยี่สิบปีก่อนตอนเกิดเหตุ มีชายคนหนึ่งหายตัวไป”
“ทราบครับ คนนั้นชื่อฮันกยอง เห็นว่าเขาฆ่าตัวตายโดยกระโดดลงบ่อน้ำในถ้ำ แต่ไม่มีใครกล้าลงไปสำรวจก้นบ่อ”
“ปรากฏว่า เราเคยได้สำรวจถึงก้นบ่อแล้วละ แต่ไม่พบศพเลย เรื่องนี้ทำตอนคุณชเวซีวอนขึ้นเป็นเจ้าของบ้าน เรื่องนี้คุณดงเฮก็ทราบดีเพราะทำหลังจากเธอแต่งงานกับซีวอนแล้ว”
ลีดงเฮพยักหน้าแข็งๆ ใบหน้าเกร็งทื่อเช่นเคย
“คุณคิดว่าฮันกยองยังมีชีวิตอยู่แน่ๆ หรือครับ” เยซองถาม
“เรื่องนี้ผมไม่ขอฟันธง แต่ผมมีข้อมูลใหม่ที่เพิ่งเค้นจากคุณจองซูได้อีกเรื่อง” คังอินหยุดพูดเพื่อจิบชาร้อนหอมกรุ่น แล้วจึงพูดต่อ “ห้องที่คิมชินโจเข้าพักเป็นห้องแบบตะวันตกอยู่ชั้นสองชื่อห้องดาเลีย ในห้องนั้นมีเตาผิงใหญ่แต่ไม่ได้ใช้งานแล้ว หลังเตาผิงนั้นมีทางลับลงไปใต้ดิน”
เยซองขยับนั่งตัวตรง ขยับปากกาจดข้อมูลสำคัญลงในสมุดบันทึก
“แล้วทางลับนั้นออกไปที่ไหนครับ ใช่ถ้ำปีศาจหรือเปล่า” เยซองถามอย่างสนใจ
“ไม่ถึงถ้ำหรอก มันทะลุออกที่ศาลเจ้าหลังโรงแรมนี้เอง” คังอินว่าแล้วหัวเราะหึหึ “ผมลงไปสำรวจแล้วละ หยากไย่เต็มไปหมดจนแทบหายใจไม่ออก แต่ไม่พบทางแยกที่จะออกไปที่อื่นได้เลย”
“ถ้าฮันกยองยังอยู่ เขาควรจะมีอายุเท่าไหร่ครับ”
“สี่สิบปีได้” ผู้ตอบคือคังอินเช่นเคย จองซูกล่าวเสริมว่า “คุณเยซองครับ ตั้งแต่คุณซีวอนสั่งให้สำรวจบ่อน้ำแล้วไม่พบศพใคร ฮันกยองก็กลายเป็นฝันร้ายคอยหลอกหลอนคนในตระกูลชเว ทุกคนกลัวว่าฮันกยองจะกลับมาพร้อมดาบเปื้อนเลือดเพื่อล้างแค้น” จองซูพูดด้วยเจตนาที่เยซองเดาไม่ออก
“คนในตระกูลชเวคนไหนหรือเครับที่กลัวเรื่องนี้” เยซองถามอย่างสงสัย เพราะคนที่มีเรื่องมีราวกับฮันกยองในตอนนั้น ก็คงมีแค่ชเวดองวอน ซึ่งก็ได้เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ตอนนั้น
“ก็คุณซีวอนน่ะสิครับ” จองซูเอ่ยด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย “ที่คุณซีวอนสั่งให้ค้นในบ่อน้ำก็เพราะกลัวฮันกยองจนหัวหด พอได้รู้ว่าไม่มีศพ ถึงได้ทุกข์ร้อนจนกินไม่ได้นอนไม่หลับมาตลอด”
“เอ่อ คุณจองซูครับ แล้วทำไมคุณซีวอนต้องกลัวคุณฮันกยองขนาดนั้น”
“ไม่ทราบซิครับ” ถึงตอนนี้จองซูเลิกทำเสียงชั่วร้าย กลับตอบด้วยเสียงสดใสไร้เดียงสา
“แล้วคุณดงเฮทราบไหมครับว่าทำไม” เยซองหันไปถามดงเฮ ซึ่งสะดุ้งเล็กน้อยก่อนตอบ
“เอ่อ คงเพราะเขามีนิสัยขี้ระแวงมาตั้งแต่เกิดนะครับ” ดงเฮเอียงคอตอบอย่างไม่แน่ใจนัก เห็นดังนั้นคังอินจึงขยับเข้ามาปกป้องภรรยา
“ผมว่านะคุณเยซอง ไม่ว่าใคร ถ้าเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นในครอบครัว ก็คงไม่แปลกหรอกถ้าเรื่องนั้นจะกลายเป็นฝันร้ายให้หวาดผวาไปทั้งชีวิต”
“ก็อาจจะเป็นอย่างนั้นครับ” เยซองยอมรับคำ แต่ยังคงจดบันทึกข้อความบางอย่างลงสมุดเล่มเล็ก
“พูดถึงคุณดองวอนกับคุณฮีชอล ซึ่งจะพูดไปแล้วก็คือคุณพ่อแท้ๆ กับแม่เลี้ยงของคุณซีวอน วันมะรืนนี้ก็จะเป็นวันครบรอบวันตายของทั้งสองคนแล้ว ขณะเรากำลังคุยกันเรื่องจัดงานครบรอบวันตาย ก็กลับเกิดเรื่องประหลาดขึ้น คุณจองซูเลยกังวลเป็นพิเศษน่ะ”
ขณะนั้นเอง เยซองเห็นกิริยาประหลาดของดงเฮผู้นั่งนิ่งดุจรูปปั้นมาตลอด เสี้ยวหน้างดงามนั้นจ้องมองสามีอย่างหวาดกลัวชั่วขณะ ซึ่งภาพนั้นได้ติดตาเยซองไปอีกแสนนาน
หลังจากนั้นเกิดความเงียบน่าอึดอัดขึ้นในห้อง ไม่มีใครพูดคุยหรือแม้จะยกชาขึ้นดื่ม เยซองเหลือบดูนาฬิกาข้อมือ มันชี้บอกเวลาสี่โมงยี่สิบนาที
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นสองสามครั้งจากความเงียบสงบ เสียงนั้นค่อยๆ ใกล้เข้ามา ทุกคนในห้องพากันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ในที่สุดเสียงฝีเท้าก็หยุดลงตรงทางเดินหน้าห้อง
“คุณพ่อ!”
ประตูเปิดออก เป็นฮยอกแจในชุดกีฬาเรียบง่ายยืนเท้ากรอบประตูท่าทางตื่นตกใจ ใบหน้าเครียดเกร็งน่ากลัว
“ฮยอกแจ เป็นอะไรไป ทำไมร้องเสียงดังขนาดนี้” คังอินลุกจากเก้าอี้บนชั้นลอย ทำท่าจะถลาลงมาคว้าตัวลูกชายสู่อ้อมกอด
“คุณพ่อครับ มีคนตาย มีคนถูกฆ่าตาย รีบไปดูเถอะ!”
เสียงเก้าอี้ลั่นครืดคราด
“อะไรนะ!”
“ใครกัน”
“คุณลุงซีวอน คุณลุงซีวอนตายแล้วครับ”
คังอินรีบกระโจนพรวดพราดลงจากชั้นลอยทั้งยังแต่งกายไม่เรียบร้อย วินาทีนั้นเองดงเฮมองตามสามีอย่างสงสัยและหวาดระแวง ก่อนจะรีบร้อนวิ่งตามไป
สวัสดีหลังจากหายไปนาน หุหุ
ขอบคุณสำหรับทุกๆ คอมเม้นท์มากเลยค่ะ นักอ่านน่ารักมาก
ตอนนี้ ก็เฉลยปริศนา (เหรอ?) เพิ่มเติมละนะคะ
ตัวละครออกครบแล้ว (บางคนก็ออกแต่ชื่อ แต่จะได้เจอหน้าเร็วๆ นี้ละค่ะ)
เลยทำสรุปผังตัวละครมาให้ดูอีกทีนะ
เรื่องนี้ใช้ตัวละครเปลืองมากจริงๆ
กราบสวัสดี
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

57 ความคิดเห็น
-
#41 kob kerojang (จากตอนที่ 4)วันที่ 12 มกราคม 2560 / 09:33ศพแรกมาแร้ว ไม่นึกว่าจะเป็นซีวอนนะเนี่ยะ ใครฆ่า??#410
-
#8 pungsj13 (จากตอนที่ 4)วันที่ 17 เมษายน 2559 / 17:37ซีวอนตายอีกแล้ว#80