ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF. HKS'] Bear' Coffee

    ลำดับตอนที่ #1 : [SF. HKS'] Bear' Coffee | Part I

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ค. 56


    -Bear’ Coffee-

    Part I
     

    “ แกงส้ม เก็บเงินโต๊ะสามทีสิ ”

    “ ครับพี่ ”

    ผมยิ้มรับในขณะที่กำลังม่วนอยู่กับแก้วกาแฟในอ่างล้าง ก่อนจะหันไปหยิบผ้าสีขาวผืนเล็กมาซับมือให้แห้งพอหมาด แล้วเดินออกจากหลังร้านไปหยิบบิลที่เคาน์เตอร์ เดินตรงไปยังโต๊ะสามที่มีลูกค้าสาวสวยสองคนกำลังนั่งหัวเราะคิกคักกันอย่างสนุกสนาน อาจจะเพราะตอนนี้ร้านกำลังจะปิด และเธอสองคนเองก็เป็นลูกค้ารายสุดท้ายของร้านแล้ว ไม่แปลกที่พวกเธอจะคุยกันเสียงดังโดยไม่แคร์ว่าจะไปรบกวนใครหรือไม่

    “ ทั้งหมดสองร้อยสามสิบห้าบาทครับ ^^

    “ เอาไปสามร้อยถ้วนเลยค่ะ ไม่ต้องทอนนะ ถูกใจพนักงานเก็บเงินที่นี่น่ะ ไม่ทราบว่ามีแฟนหรือยังคะ ? ”

    เอิ่ม...เล่นแซวกันโพล่งๆแบบนี้ทำเอาผมถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียวเชียวล่ะ แถมพอหันไปขอความช่วยเหลือจากพี่ๆที่ยืนกันอยู่ตรงเคาน์เตอร์ ทุกคนก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่ก็ยิ้มกริ่มรู้ๆกันอยู่หรอกนั่นน่ะ...เอาล่ะสิ ถึงผมจะเคยเจอสาวแซวมานักต่อนักก็เถอะ แต่ทุกครั้งผมก็ได้แต่อึ้งตลอดเลยสิ มันอึนไม่รู้จะพูดอะไรอ่ะ...ก็มันยังไม่ชินสักทีนี่นา

    “ เอ่อ...คือ ”

    “ ฮ่ะๆ ล้อเล่นน่ะค่ะ ”

    ผมหัวเราะแห้งๆพลางเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์ของร้าน แอบเขม่นใส่พวกพี่ๆที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์เบาๆว่าไม่ช่วยกันเลย ก่อนจะหันหลังกลับเอาตังค์ทอนไปให้คุณลูกค้าสาวสวยสองคนนั้น

    “ เจ้าของร้านไม่อยู่หรอคะ? ”

    “ เอ่อ...ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับ ว่าเขาจะมาไหม ”

    “ ว้า~ แย่จัง อุตส่าห์มารอตั้งนาน เนอะแก ”

    “ นั่นสิ ไม่เป็นไรหรอก วันหลังค่อยมาก็ได้ กลับกันเถอะ ”

    “ ขอบคุณที่มาอุดหนุนนะครับ ”

    ผมโค้งนิดๆทั้งเดินไปเปิดประตูให้สาวเจ้าทั้งสอง ก่อนจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย รู้สึกเพลียกับการทำงานวันนี้ และแถมยังเพลียกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้อีกด้วย

    ก็รู้อยู่หรอกนะ ว่ามากินเพราะเจ้าของร้าน...ก็ฝ่ายนั้นน่ะ เล่นหยอดลูกค้าสาวๆไว้ซะเยอะเลยนี่นา

    ก็ไม่แปลกหรอก ที่จะมีลูกค้าประจำที่ติดใจทั้งรสชาติของกาแฟและรสหวานจากคำพูดของเจ้าของร้าน ที่เล่นเอาสาวน้อยสาวใหญ่สาวแท้และสาวเทียมต่างก็ถามหากันไม่ขาดสาย จะว่าในทุกๆวันผมและคนอื่นๆเองนอกจากจะรับจ้างเป็นพนักงานของร้านนี้แล้ว ยังต้องรับจ้างตอบคำถามที่ถามว่าเจ้าของร้านไปไหน เจ้าของร้านไปไหน อยู่ทุกวี่ทุกวัน...เฮ้อ เพิ่มภาระที่ตัวเองก่อไว้แล้วก็ไม่ยอมมาร้านในช่วงที่ร้านเปิดอีกเลย ร้านปิดไร้ลูกค้าทีไรเป็นอันได้เห็นคุณเจ้าของร้านโผล่หัวออกมาได้ทุกทีสิน่า...หรือจะพูดอีกแง่ก็คือ เขาต้องการจะหลบหน้าลูกค้าสาวๆที่ตัวเองเคยไปหยอดเอาไว้นั่นแหละ

    “ เฮลโหล~ ” เห็นไหมล่ะ..คิดยังไม่ทันขาดคำ สองคนนั้นออกไปยังไม่ถึงหนึ่งนาที คุณเจ้าของร้านตัวดีก็โผล่หัวออกมาเลย

    “ ไง เดี๋ยวนี้ชอบมาตอนร้านปิดจังเลยนะ ”

    “ ก็ผมเบื่อนี่นา มาตอนร้านเปิดทีไรล่ะวุ่นวายตลอด ”

    “ ก็เล่นม่อไว้ซะเยอะเลยนี่ครับ ทำตัวเองน้า ”

    “ แหม มันเป็นวิธีการเรียกลูกค้าอย่างหนึ่งนะพี่ เห็นไหมล่ะว่าร้านเรามีลูกค้าเข้าไม่ขาดเลยน่ะฮ่าๆ ”

    “ ยังจะมาตลกอีก รู้ไหมว่าแกงมันตอบคำถามซ้ำซากไปกี่รอบในขณะที่แกไม่อยู่น่ะหะ!?

    “ เอ๋? จริงดิ ”

    ในขณะที่ผมกำลังเก็บโต๊ะอยู่เงียบๆ พี่นิที่ประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์ก็พูดชื่อผมทำให้ผมต้องเหลือบหันไปมองนิดๆ พลันสายตาก็ไปสบกับคุณเจ้าของร้านเข้า ก่อนที่ผมจะหันหน้าหนีและทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร เดินผ่านอีกฝ่ายไปหลังร้านเพื่อเอาถ้วยแก้วไปทำความสะอาด

    “ แกงมันเป็นอะไร ”

    “ ไม่รู้มัน มันคงเหนื่อยๆละมั้ง? ก็ลองเข้าไปคุยกับมันดูสิ ”

    “ งั้นพวกพี่กลับก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน ”

    “ เคฮะ ”

    พี่นิ พี่มอสและพี่ตูน หนึ่งหญิงสองชายที่เป็นพนักงานร้านนี้และอายุอานามก็ยี่สิบปลายๆแล้ว เดินหายเข้าไปเอากระเป๋าที่อยู่ในห้องพักสำหรับพนักงาน ก่อนจะเดินออกมาโบกไม้โบกมือลากลับ...พี่นิ พี่มอส พี่ตูนน่ะ ทุกคนล้วนเป็นคนสนิทของเจ้าของร้านครับ เคยได้ยินเจ้าของร้านพูดอยู่ครั้งหนึ่งสมัยที่ผมมาทำงานใหม่ๆ ว่าพนักงานที่ร้านเป็นรุ่นพี่ที่รู้จักกับเขาทั้งหมด เหตุผลที่เลือกเอาคนรู้จักมาทำงานที่ร้านก็เพราะรู้จักนิสัยใจคอกันมาก่อน แต่ละคนก็รู้จักมาเกือบสิบปี จึงไม่ต้องมาคอยระแวดระวังว่าจะไว้ใจได้หรือเปล่า เคยมีประวัติมาก่อนไหม และอีกเหตุผลก็คือเขาไม่อยากให้ทุกคนคิดว่าเขาเป็นเจ้าของร้านและอีกฝ่ายเป็นเพียงลูกจ้าง แต่อยากจะสนิทสนมและให้คิดว่าทุกคนยังเป็นพี่เป็นน้อง แม้ว่าเขาจะมีฐานะและเป็นถึงเจ้าของร้าน แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองดูสูงค่าไปมากกว่าพวกพี่ๆเขาเลย

    เพราะทุกคนต่างจบมาจากสถาบันเดียวกันทั้งสิ้น

    รวมทั้งผมเองก็เช่นเดียวกัน...

    พี่นิ พี่มอส พี่ตูนน่ะ ผมไม่ทันเจอพวกพี่เขาหรอก เพราะผมเข้ามาตอนที่พวกพี่แกจบออกไปแล้ว...แต่คนที่ผมทันเจอเขาตอนที่ผมเข้าไปเป็นเฟรชชี่ปีหนึ่งใหม่ๆน่ะ ก็คือเจ้าของร้านคนนี้ และตอนนั้นเขาเองก็อยู่ปีสาม...และครั้งแรกที่เราเจอกัน ก็ตอนที่พี่เขามารับน้องเฟรชชี่อย่างผม ช่วงเวลานั้นน่ะ ผมยังจำได้ไม่มีวันลืมเลยล่ะ

    “ แกง เป็นอะไรหรือเปล่า? ”

    “ เปล่า เพลียๆน่ะครับ ”

    “ หิวไหม? กินอะไรหรือยัง? เดี๋ยวพี่พาไปกินเอาป่ะ? ”

    “ ไม่เป็นไรครับ พอดีผมไม่มีเงิน ”

    “ โธ่ ดูพูดเข้าสิ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง ไปเหอะน่า นะ ”

    “ ไม่เป็นไรครับ ”

    “ ปฏิเสธตลอดเลยนะ แต่ก็ไม่เคยชนะพี่สักครั้งหรอก ^^

    หน้าคมยิ้มหวานดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับสิ่งที่ตัวเองพูดสักเท่าไร ผมก้มหน้าล้างต่อไปอย่างไม่นึกสนใจ และก็รู้อยู่เต็มอกว่าทุกครั้งที่เขาชวนไป ถึงผมจะปฎิเสธให้ตายยังไงเขาก็ต้องลากผมขึ้นรถเขาไปอยู่ดี

    และทุกๆครั้ง...แม้ว่าผมอยากจะสะบัดมือออกจากมือเขาไปสักเท่าไร ผมก็ทำไม่ได้เลยสักครั้งเดียว

    หัวใจที่พยายามห้ามปรามไม่ให้มันสั่น ลามไปจนมือที่ถูกกุมไว้อย่างไม่ได้ตั้งใจของอีกฝ่าย...เขาจะเคยรู้สึกบ้างไหมว่ามันสั่นแรงเพียงใดในทุกครั้งที่ถูกฝ่ามือใหญ่ของเขาสัมผัส...เคยรู้สึกบ้างไหมว่าคนที่เดินตามเขาไปกำลังรู้สึกอย่างไร เมื่ออยู่ๆเขาก็ดึงมือและจูงผมไปขึ้นรถของเขา

    มันไม่ใช่เพียงแค่ครั้งหรือสองครั้ง...แต่มันทุกครั้งที่เราออกไปกินข้าวกันสองคน

    แล้วยังจะให้ผมตอบตกลงไปกับเขาน่ะหรอ? ยังจะให้ผมไปกับเขาทั้งๆที่ผมอยากจะหยุดความรู้สึกที่มีต่อเขาน่ะหรอ?

    ความรู้สึกที่ผมเองก็รู้อยู่เต็มอก และมันก็ไม่ใช่เพียงอารมณ์ชั่ววูบหรือหวั่นไหวเพียงชั่วคราวอย่างแน่นอน

    เพราะความรู้สึกนี้ที่เกาะกินใจผมมาตลอด แม้ว่าจะผ่านมานานหลายปี...มีช่วงที่เราห่างหายจากกันไป จนมาเจอกันอีกครั้ง...ตลอดเวลานั้น ผมไม่เคยหยุดความรู้สึกนี้ได้เลย

    ความรู้สึกนี้ที่เรียกว่า ความรัก

    ...ผมรัก

     

    “ พี่ฮั่น ”

     

    ผมรักพี่ฮั่น...ลึกจนสุดหัวใจ มันกัดกินใจ...จนยากเกินจะถอนตัว

     

    “ หืม? ”

    “ จะเลี้ยงจริงหรอ? ”

    “ แน่นอนสิ ทุกครั้งพี่ก็เป็นคนเลี้ยงตลอดไม่ใช่หรือไง ”

    “ ฟังดูเหมือนผมเห็นแก่ตัวยังไงไม่รู้แฮะ ”

    “ ฮ่าๆ คิดมากน่า พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อยนะ ”

    “ ก็มันจริงนี่ พี่น่ะเลี้ยงผมทุกครั้งเลย แถมแต่ละครั้งยังไปกินของแพงๆอีก ผมเกรงใจพี่ฮั่นนะ ”

    “ ฮ่ะๆ ไม่เป็นไรหรอกน่า แพงนิดแพงหน่อยเอง พี่ยอมจ่ายเพื่อแกงนะ ^^

    ผมเงยหน้าสบกับดวงตาคู่คมที่จ้องมองมา รอยยิ้มทะเล้นบนใบหน้าดูไม่จริงจังกับสิ่งที่ตัวเองพูดออกมาสักเท่าไร ทำเอาผมถึงกับเงียบไปในทันที...ที่พูดออกมาน่ะ ไม่รู้ตัวเลยสินะ...ไม่รู้เลยว่ามันทำให้ผมหวั่นไหวแค่ไหน ทั้งที่มองผมเป็นเพียงรุ่นน้องคนหนึ่งแท้ๆ...จริงสินะ ที่พี่ฮั่นพูดมันก็ไม่ผิด ผมเองที่ผิด...ผิดที่คิดไปเอง หวั่นไหวไปเอง

    “ วันนี้กินอะไรดีน้า~ ”

    “ อยากกินหอยทอด ”

    “ หา? (= =)

    “ ผมอยากกินหอยทอด ”

    “ อ่า...เอิ่ม หอยทอดหรอ? เอ่อ (- -*) ”

    “ ใช่ เดินไปไม่ถึงร้อยเมตร ใกล้ๆนี้เอง...ไม่รู้ล่ะ ยังไงพี่ฮั่นก็ต้องไปกินกับผม แล้วผมก็จะเลี้ยงพี่ฮั่นด้วย ”

    “ แต่พี่ว่า...ไปกินร้านเดิมดีกว่าไหม เดี๋ยวพี่จ่ายเองน่า อย่าเกรงใจไปหน่อยเลย ”

    “ ผมเบื่อร้านนั้นแล้วล่ะ ”

    อีกฝ่ายแน่นิ่งไป ได้แต่ยืนเกาแก้มและทำใจอยู่พักหนึ่ง ผมแอบยิ้มน้อยๆสนุกที่ได้แกล้งเขาเล่น...จริงๆแล้วพี่ฮั่นไม่ใช่คนหัวสูงอะไรหรอกนะครับ สมัยเรียนมหาลัยก็ไปไหนไปกันอยู่หรอกฮะ ส้มตำข้างทางก็ยังไปนั่งกินมาแล้ว...ไม่รู้ทำไมพอกลับมาเจอกันอีกถึงได้เปลี่ยนไป ชอบพาผมไปกินร้านหรูๆของแพงๆจัง ทั้งที่ผมก็ร้องท้วงตลอดนะว่ากินข้างทางก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินกับอาหารแพงๆที่กินคำเดียวก็หมดแล้วนั่นหรอก

    “ โอเคๆ ยอมแพ้แล้วก็ได้คร้าบบบบ~ (/=o=)/~ หอยทอดก็หอยทอดดดดด~ ”

    ผมหัวเราะ เมื่อร่างสูงทำท่าชูมือขึ้นยอมจำนนแต่โดยดี และเมื่อเห็นว่าผมยิ้มออก ใบหน้าคมก็ยิ้มแป้นพลางเดินเข้ามาใกล้

    “ หิวแล้วนะ เมื่อไรจะเสร็จอ่า (-3-) ”

    “ ก็ใกล้แล้วนี่ไง รอเดี๋ยวสิครับ ”

    “ งั้นพี่ช่วยนะ ”

    ยังไม่ทันที่ผมจะได้ร้องห้าม มือใหญ่ก็ถกแขนเสื้อเชิ้ตของตัวเองขึ้นแล้วจุ่มมือลงมาในอ่างล้างจาน...เอ่อ คือแบบ อ่างก็เล็กอ่ะนะ แล้วก็ยังจะมายืนเบียดๆอีก...อ่า (= =) ผมว่าผมทำคนเดียวเสร็จไวกว่านะ

    “ พี่ฮั่น! ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวผมทำเอง ”

    “ เถอะน่า นะ...จะได้เสร็จไวๆไง ^^

    ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ อีกฝ่ายเลยปฎิบัติการ ช่วยผมล้างถ้วยจานที่เหลือ...แต่เอิ่ม ดูพี่ฮั่นแกจะเล่นมากกว่าจะช่วยผมนะ เพราะเขาล้างไปหัวเราะไปอย่างสนุกสนาน...เฮ้อ ลูกคนรวยนี่เนอะ คำว่าล้างจานคืออะไรคงไม่รู้จัก...ทำไม่เป็นแท้ๆก็ยังจะ...

    “ เฮ้ยพี่ฮั่น! อันนั้นมันยังไม่ได้ถูเลยนะเฟ้ย! เอาไปล้างน้ำอย่างเดียวแล้วมันจะสะอาดยังไงเล่า!

    “ อ้าว (= =) พี่ไม่รู้ง่ะ ”

    “ หยุดเลย เดี๋ยวผมทำเอง ”

    “ แต่พี่อยากช่วยนี่นา T^T

    “ ก็บอกว่าเดี๋ยวทำเองไง ”

    “ ก็จะช่วยง่า T^T น้า~ ”

    “ เดี๋ยวทำเอง!!

    “ แกงส้มมมมมม~ ”

     

    หมับ!

     

    “ ก็พี่อยากช่วยนี่นา นะ ”

    เสียงแผ่วที่กระซิบเบาๆอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากใบหูและมือใหญ่ที่จุ่มลงไปในอ่างน้ำล้างจานเพื่อจับมือผมไว้นั้น ทำเอาผมถึงกับชะงักกึกทันที

    ฝ่ามืออุ่นภายใต้น้ำเย็นที่ส่งผ่านความร้อนมายังหลังมือของผมนั้น นอกจากจะทำให้ผมใจเต้นแรงจนหายใจติดขัดแล้ว ยังมีเสียงอ้อนน้อยๆที่กระซิบแผ่วๆ ทำให้ผมไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองหน้าเขา...อึก! ให้ตายเหอะ แค่อยู่ใกล้กันผมก็รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้าแล้ว แล้วนี่ยังจะทำแบบนี้อีก...อย่าทำให้ผมหวั่นไหวไปมากกว่านี้จะได้ไหมนะ!?

    “ ปล่อย ผมจะทำเอง พี่ฮั่นไปนั่งรอเหอะ ”

    “ โธ่~ แกงอ่า ”

    ผมเงียบและใช้ศอกดันเขาให้ห่างตัว อีกฝ่ายยังคงทำทีเล่นทีจริงแกล้งงอนเดินออกไปหน้าร้าน โดยไม่รู้เลยสักนิดว่าสิ่งที่เขาทำ มันส่งผลกระทบต่อผมมากเพียงใด

    ก็แค่หยอกผมเล่น...สิ่งที่พี่ฮั่นทำ...ก็แค่หยอกผมเหมือนที่ทำกับผู้หญิงหลายๆคน

    คนอย่างพี่ฮั่นน่ะไม่เคยจริงจัง...เขาก็แค่แกล้งรุ่นน้องอย่างผมเล่นเท่านั้น

    จะมาคิดอะไรกับผู้ชายอย่างผมแบบนั้นมัน...ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก

     

    ไม่มีทาง...

     

    ......

     

    “ หอยทอดอร่อยดีนะ ฮ่ะๆ ”

    “ อร่อยกว่าของแพงๆที่พี่ฮั่นพาผมไปกินซะอีก ”

    “ (-3-) ไม่ชอบหรอ? งั้นวันหลังพี่ไม่พาไปกินร้านนั้นแล้วก็ได้ ”

    “ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบครับ แต่ผมเกรงใจต่างหาก ”

    “ ก็พี่บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร เพื่อแกงน่ะแค่นี้เล็กน้อยนะ ”

    อีกแล้วหรอ...เพื่อแกง เพื่อแกง...เพื่อผม...คำพูดที่ไม่ได้พูดออกมาจากใจ อย่าพูดมันออกมาจะได้ไหมนะ หรือแม้แต่การกระทำที่กำลังทำอยู่ทุกวันนี้...ไม่ได้คิดอะไรกับผม อย่าทำมันจะได้ไหมนะ

    ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ผมได้กลับมาเจอกับพี่ฮั่น ได้เข้ามาทำงานในร้านกาแฟของเขา ไม่บ่อยนักที่เขาจะแวะมาดูร้าน แต่ช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่วันนั้นที่เราออกไปกินข้าวหลังจากที่ผมเลิกงาน พี่ฮั่นก็แวะมาร้านบ่อยขึ้น ถึงส่วนใหญ่จะแค่แวะมาดูร้านเฉยๆก็เถอะ แต่ก็มีหลายครั้งที่เขาชวนผมออกไปกินข้าว...และไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่ความสัมพันธ์ของเรา มันมากขึ้นกว่าตอนเจอกันเมื่อสามเดือนก่อนเสียอีก

    แล้วอย่างนี้...จะไม่ให้ผมคิดเข้าข้างตัวเองได้ยังไง

    “ พี่ฮั่น ผม...ถามอะไรหน่อยสิ ”

    “ หืม? ว่า? ”

    “ พี่น่ะ มีแฟนหรือยัง? ”

    “ เห? ถามแบบนี้อย่างกับจะจีบเลยนะเนี่ย~ ฮ่าๆๆ ”

    “ จะ..จีบบ้าอะไรล่ะ ผมเป็นผู้ชายนะ แล้วพี่ก็ผู้ชาย มันจะ... ”

    “ จะอะไร? ”

    “ จะ...จะไปรักกันได้ยังไงล่ะ แถมพี่กับผมเองก็ชอบผู้หญิงกันทั้งคู่ ”

    “ อืม ก็จริงน่ะนะ ”

    “ รู้แล้วก็ตอบคำถามมาดิ ”

    “ อ่า~ ก็มีคุยๆอยู่น่ะ อาจจะพัฒนากลายเป็นแฟนในอีกไม่ช้า ”

    อึก...จริงสินะ ทั้งที่ก็น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว แล้วยังจะถามตอกย้ำความรู้สึกของตัวเองไปทำไม...จะถามทำไม ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าผู้ชายดูดีทุกอย่างอย่างพี่ฮั่นน่ะ...ต้องมีคนที่หมายปองอยู่แล้วไม่ใช่หรอ?

    ก็รู้อยู่แล้ว แล้วยังจะไปถามเขาทำไมนะ...ผมนี่มันปัญญาอ่อนชะมัด

    “ พรุ่งนี้ไปกินอะไรกันดี ”

    “ พรุ่งนี้? จะมาที่ร้านอีกหรอ ”

    “ อืม ”

    “ เดี๋ยวนี้มาดูร้านบ่อยจังนะครับ ไหนจะเหนื่อยจากทำงานที่บริษัทอีก พักผ่อนอยู่ที่บ้านก็ได้นี่ ที่ร้านไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกครับ ”

    “ ใครว่าพี่ไปดูร้านล่ะ ”

    “ เอะ?......อ๋อ มาแอบดูสาวๆพวกนั้นใช่ไหมล่ะ ^^

    “ ใช่ซะที่ไหนล่ะ มาแอบดูพนักงานที่ร้านต่างหาก ”

    ผมเงียบ แอบใจสั่นเล็กๆ...ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองหรอกนะ แต่มันก็อดคิดไม่ได้...ว่าอาจจะมีสักครั้ง ที่พี่ฮั่นมาที่ร้านเพื่อตั้งใจมาหาผมโดยเฉพาะ...มันจะมีสักครั้งไหมนะ แค่สักครั้งหนึ่ง...เสี้ยวความคิดของพี่ฮั่นก็ยังดี

    “ ห่วงอีกแล้วนะครับ ไม่ต้องห่วงหรอก มีพี่นิอยู่ทั้งคน พี่มอสกับพี่ตูนเองก็... ”

    “ ก็คงจะเป็นอย่างนั้นแหละ ”

    อีกฝ่ายพูดตัดบทด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่พอใจ ก่อนที่เขาจะเงียบไปจนผมรู้สึกเจ็บที่ใจแปลบๆ...นี่ผมพูดอะไรผิดไปหรือไงนะ ทำไมถึงทำท่าไม่พอใจแบบนั้น ผมพูดอะไรผิดตรงไหนกัน ไม่เห็นจะเข้าใจเลย

    “ ขอบคุณที่มาส่งครับ...เอ่อ พรุ่งนี้หลังเลิกงานผมมีธุระ คงไปกินข้าวกับพี่ฮั่นไม่ได้นะ ”

    “ อ่า...อืม ไม่เป็นไร แล้วเจอกันนะ ”

    “ ครับ สวัสดีครับ ”

    ผมยกมือไหว้อีกฝ่ายแล้วหันหลังเดินจากมา เสียงรถของพี่ฮั่นค่อยๆเบาลงเรื่อยๆจนเงียบหายไป ผมยืนนิ่งถอดหายใจเฮือกใหญ่...รู้แก่ใจดีว่าที่บอกไปน่ะโกหกทั้งเพ ธุระอะไรนั่นผมไม่มีหรอก...แต่ที่ต้องทำแบบนี้ ก็เพราะไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองไปมากกว่านี้อีกแล้ว ไม่อยากโดนเขาปั่นหัวเล่นไปมากกว่านี้อีกแล้ว...พี่ฮั่นไม่เคยรู้เลยสักนิด ว่าผมทรมานใจแค่ไหนที่ต้องเจ็บเวลาที่เห็นผู้หญิงหลายต่อหลายคนมารอเขาที่ร้าน...ผมทรมานใจแค่ไหน ที่เอาแต่หวั่นไหวไม่จบไม่สิ้น ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่มีทางหันมาชอบผมอย่างแน่นอน

    นอกจากจะต้องทำแบบนี้...ค่อยๆออกไปจากชีวิตของพี่ฮั่นเงียบๆ ค่อยๆลบเขาออกไปจากหัวใจ...ทำใจให้ได้เสียตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่มันจะสายเกินแก้ไปมากกว่านี้...และก่อนที่ พี่ฮั่น...จะเปิดตัวว่าที่แฟนคนนั้นให้ทุกคนได้รู้

    ผมน่ะ...ไม่อยากเจ็บเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×