ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC GOT7] Impassible #MarkJin (End)

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 8 : From beginning until now

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ย. 59


    8

    From beginning until now



              When you're in love it has a strange affect on everything you do.

     

     




     

    #Impassible_mn

     






    17.00น.

     


    วันเวลามักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ โดยเฉพาะช่วงเวลาแห่งความสุขที่มักจะล่วงเลยผ่านเร็วกว่าเวลาปกติราวกับการละลายของน้ำแข็งที่ตั้งอยู่กลางทะเลทราย  แต่ทุกอย่างก็ล้วนเป็นสิ่งที่เราอนุมานและคิดกันไปเองทั้งนั้น  เพราะแท้จริงแล้วเวลามันก็ยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างแข็งขันด้วยการเคลื่อนที่ไปอย่างเชื่องช้าเฉกเช่นเดิม......เชื่องช้าแต่รวดเร็วในความรู้สึกของคนๆหนึ่ง ที่มันเป็นเช่นนี้เนื่องจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของเขา.....ช่วงเวลาแห่งความสุขเล็กๆของผู้ชายที่ชื่อปาร์คจินยอง

     

    ความสุขเล็กๆจากการมองเห็นคนๆหนึ่งยอมรับความช่วยเหลือจากเขา ถึงแม้จินยองจะค่อนข้างมั่นใจว่าที่มาร์ครับความช่วยเหลือจากรุ่นน้องสองคนนั้นเป็นเพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง  แต่ใครจะไปสนล่ะ.....ในเมื่อปลายทางก็คือการที่เขาไม่ต้องทนเห็นอีกฝ่ายลำบากจากการเดิน.....ไม่ต้องทนเห็นอีกฝ่ายต้องเจ็บจากการช่วยเหลือเขา

     


    และเวลาก็ล่วงเลยผ่านไปโดยที่จินยองยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะซื้อของขวัญวันเกิดอะไรให้กับคนที่เกิดวันที่ 4 กันยายนดี    เขาแค่อยากให้มันพิเศษกว่าทุกๆปี  เพราะว่ามันคงจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะมอบให้ก่อนที่จะต้องจากกัน...


    .....พูดถึงเรื่องการจากลา...หลายวันมาแล้วที่เขาคิดแต่ก็ยังสรุปให้กับตัวเองไม่ได้ว่าแบบไหนมันจะเจ็บกว่ากัน


    ระหว่างการที่เราเลือกที่จะเดินจากคนที่เรารัก


    หรือการถูกคนที่เรารักเดินจากเราไป


     

    .....แต่จะแบบไหนก็ตามจินยองก็แน่ใจว่าในเรื่องนี้คนที่จะต้องเจ็บก็คือเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น.....

     

     

    ...คนไม่รักจะมาเจ็บอะไรด้วยล่ะจริงมั้ย?

     

     

     

    “เฮ้ จินยองทางนี้”    เสียงห้าวที่คุ้นเคยดึงสติของเขาให้กลับมาอยู่กับการก้าวเดิน ก่อนจะเหลือบไปเห็นใบหน้าของพี่รหัสที่โผล่พ้นแนวพุ่มไม้หน้าคณะ ขายาวๆจึงก้าวไปหาเจ้าของเสียงที่เรียกโดยทันที

     

    “ครับพี่บี มีอะไรรึเปล่าครับ?”      ยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นว่าพี่รหัสใจดีไม่ได้อยู่ ณ ที่นั้นเพียงคนเดียว  ยังมีคนหน้าทะเล้นอย่างพี่แจ็คสัน และคนที่ใบหน้าเฉยชาอยู่เป็นนิตย์อย่างพี่มาร์คนั่งอยู่ด้วย

     

    “หวัดดี ไอ้น้อง”    คำทักทายอย่างเป็นกันเองดังมาจากคนที่นั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามและแน่นอนว่าต้องเป็นพี่แจ็คสัน  เขาจึงก้มหัวให้อีกฝ่ายนิดๆอย่างมีมารยาท ส่วนอีกคนที่นั่งข้างกันไม่แม้แต่แสดงท่าทีรับรู้ว่าเขายังมีตัวตน  ยังคงก้มหน้าและสนใจแต่โทรศัพท์ในมือตัวเอง

     

    “จะชวนไปงานวันเกิดน่ะ เสาร์หน้าว่างรึเปล่า?”

     

    “วันเกิด!!?”    จินยองโพล่งถามออกไปเสียงดัง จะไม่ให้เขาตกใจได้อย่างไรก็วันเสาร์หน้ามันคือวันที่ 4 วันเกิดของพี่มาร์คหนิ  ปกติเขาไม่เคยได้รับการชวนซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะความสัมพันธ์อันน่าอึดอัดระหว่างเขากับเจ้าของวันเกิดหรือเพราะเจ้าของวันเกิดไม่อนุญาตกันแน่  แล้วทำไมครั้งนี้ถึงได้....

     


                    “ใช่   ได้ยินไม่ผิดหรอก....ไปด้วยกันมั้ยล่ะ จัดที่ห้องของไอ้มาร์คมัน มันขาเจ็บไม่อยากให้ไปไหนไกล”   

     


                    คำตอบและคำชวนของพี่รหัสทำให้จินยองอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองปฏิกิริยาของเจ้าของวันเกิดตัวจริงแล้วก็ยิ่งต้องประหลาดใจเป็นครั้งที่สอง  เมื่อมาร์คเอ่ยขึ้นเรียบๆ ขณะที่ยังเลื่อนหน้าจอมือถือไปมาว่า

     


                    “จะชวนเพื่อนนายไปด้วยก็ได้นะ ฉันอนุญาต”

     

     

                    พี่มาร์คอนุญาตให้เขาไปงานวันเกิด...นี่เขาไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม?

     

     

    วินาทีนั้นจินยองคิดว่าเขาได้สัมผัสถึงความสุขเล็กๆอีกเรื่องหนึ่งแล้วล่ะ   และคงเป็นเพราะความสุขทำให้ตอบรับอย่างตะกุกตะกักด้วยความยินดีไปว่า

     

                    “ค ครับ  ผมจะไปครับ”

     

    อาการดีใจที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทำให้ไม่ทันสังเกตว่าคนที่ทำท่าว่าสนใจอุปกรณ์สื่อสารในมือนั้นแท้จริงแล้วกำลังจ้องมองความความว่างเปล่าของอากาศที่อยู่ตรงหน้า  ในขณะเดียวกันก็ปล่อยให้ความคิดของตัวเองล่องลอยไม่หยุดนิ่ง

     

     

     




    #Impassible_mn

     





                     “ไปด้วยกันมั้ยยองแจ?”      จินยองถามเพื่อนอย่างมีความหวังขณะที่นั่งรถเมล์กลับบ้านด้วยกัน หากความหวังก็ถูกอีกฝ่ายทำลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี เมื่อตอบกลับมาเสียงเย็นชา

     

                    “รอให้โลกถล่มก่อนเถอะ!

     

                    “แกก็พวกจมปลักกับอดีต”    เอ่ยว่าอย่างเซ็งๆ บางทีเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจในอารมณ์รุนแรงของเพื่อนคนนี้ หลายๆเรื่องยองแจก็ดูมีเหตุผล แต่กลับเรื่องนี้เหตุผลของอีกฝ่ายค่อนข้างติดลบหลายร้อยเลยแหละ

     

                    “ก็ลองให้แกมาเป็นฉันดูบ้างสิวะ ต้องมาทนเห็นเพื่อนตัวเองเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับคนเดิมๆเป็นแกๆจะรู้สึกยังไง”    พูดไม่พูดเปล่ายังจ้องหน้าอย่างคาดคั้นหาคำตอบ จินยองถอนใจยาวก่อนตอบกลับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเนือยๆ

     

                    “แกไม่คิดว่าทุกอย่างที่ฉันเป็นอยู่เพราะฉันทำตัวเองบ้างเหรอวะ...” 

     

                    “ยังไง?”     นอกจากคำพูดที่เป็นคำถามหน้าของยองแจตอนนี้ก็คล้ายมีเครื่องหมายคำถามติดอยู่

     

                    “ก็ฉันไปชอบ..ไม่สิ..ไปรักพี่เขาเอง......ไปทำนู้นทำนี้ให้พี่เขาเองทั้งๆที่พี่เขาไม่เคยขอ แถมยังไล่ฉันทางสายตาด้วยซ้ำ”

     


                    พูดถึงตรงนี้ภาพในวันวานเก่าๆก็ย้อนกลับคืนมา  ตั้งแต่วันแรกที่จินยองได้เจอกับเพื่อนของพี่รหัสที่โต๊ะหน้าตึกคณะ  ตอนนั้นมาร์คแทบจะไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ  ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่พอใจ....ถึงได้มีท่าทีเฉยเมยคล้ายกับไม่ต้อนรับคล้ายกับว่าไม่อยากรู้จักกัน


    แต่หลังจากนั้นโชคชะตาก็เหมือนเล่นตลกกับความรู้สึกของเขา คล้ายขีดเส้นกำหนดให้ต้องพบต้องเจอกับอีกฝ่ายบ่อยๆ ทั้งให้เขาเดินผ่านชั้นเรียนขณะที่อีกคนกำลังยกมือถามอาจารย์ด้วยความสงสัย หรือจะให้เขาเป็นเดือนสาขา เดือนคณะเพื่อให้รุ่นพี่อย่างมาร์คสอนเขาในเรื่องการเดิน บุคลิกภาพ การตอบคำถาม  จนทำให้เขารู้แน่ชัดถึงจังหวะการเต้นของอวัยวะบางอย่างที่เป็นเฉพาะกับอีกฝ่ายเพียงคนเดียว และหรือจะเป็นตอนที่เขายืนรอเพื่อให้กาแฟในทุกๆเช้า   จินยองก็ทำด้วยตัวของเขาเองไม่มีใครมาบังคับ  ไม่มีใครมาร้องขอ.........แล้วอย่างนี้จะไปว่าอีกคนได้อย่างไร.......ถ้าจะมีสิ่งใดที่เขาคนนั้นผิดก็คง....ผิดที่ใจแข็ง ผิดที่เย็นชามากเกินไป….

     

                    “ถ้าอย่างนั้นก็แกล่ะที่โง่เอง”    คนฟังสรุปเสียงขุ่น  เมื่อเห็นเพื่อนรักหน้าเจื่อนไป จึงเอ่ยต่ออย่างปลงตก     “แต่เอาเถอะฉันไม่ว่าแกหรอก ฉันเข้าใจความรักมันก็อย่างนี้แหละ” 

     


                    “พูดเหมือนแกมีความรัก  นั่นแน่!.... แกไปรักใครที่ไหน?”    ความสบายใจที่เพื่อนเข้าใจถูกเปลี่ยนเป็นความอารมณ์ดี

     


                    “ไอ้บ้าคนที่เข้าใจความรักก็ไม่จำเป็นจะต้องมีความรักเสมอไปนะเว้ย  ความรักอ่ะถ้าเราสนใจก็สามารถศึกษาได้ทุกที่แหละ ทั้งหนังสือ เพลง หรือแม้กระทั่งคนรอบๆตัว”

     


                    “หืมม ลึกซึ้งว่ะ”    จินยองล้อเลียน   “แล้วตกลงแกจะไม่ไปงานวันเกิดกับฉันจริงเหรอวะ?”

     

                    “ไม่ไปหรอก  ขอบใจที่ชวน    แต่ฉันไม่ได้สนิทสนมอะไรกับไอ้พวกพี่แก๊งนั้น แล้วอีกอย่างวันอาทิตย์ตอนเช้าฉันก็ต้องไปรับพี่ที่สนามบินด้วย ขืนไปกับแกมีหวังเพลียตาย”    ยองแจให้เหตุผล และเป็นเหตุผลที่จินยองต้องรับฟังแต่โดยดี  เพราะงานวันเกิด งานปาร์ตี้ที่ไหนที่นั่นก็เหมือนกันต้องมีการดื่มเหล้า มีกิจกรรมต่างๆจนเลิกกันดึกดื่น

     


                    “โอเค...เข้าใจละ ว่าแต่พรุ่งนี้เจอกันกี่โมงดี”    จินยองถามถึงเวลานัดหมายที่เขาแล้วยองแจจะไปห้างสรรพสินค้าเพื่อเลือกซื้อของขวัญ 

     


                    “เก้าโมงละกันเจอกันที่ป้ายรถเมล์ที่เดิม”    พูดจบอีกฝ่ายก็เดินลงจากรถเมล์ไป ทิ้งให้จินยองนั่งต่อไปอีกป้าย และทิ้งให้จินยองจมอยู่กับคำถามของตัวเองที่ว่า....เขาจะซื้อของขวัญอะไรให้เจ้าของวันเกิดดี

     

     





    #Impassible_mn

     






    8.00น.

               

     

    จินยองลืมตาขึ้นมาเจอกับเพดานห้องสีขาวสะอาด  กำแพงสีขาวสะอาด  และผ้าห่มสีขาวสะอาดยิ่งทำให้ความคิดที่ตีบตันของตัวเองยิ่งว่างเปล่า  พยายามกวาดสายตามองไปรอบๆเพื่อหาแรงบันดาลใจในการซื้อของขวัญ....แต่ก็ไม่มี   ถอนหายใจกับตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ และก็ไม่รู้ว่าจะต้องถอนหายใจอีกกี่ครั้งในชีวิตนี้

     

    ร่างโปร่งค่อนข้างบางลุกจากที่นอนอย่างเชื่องช้า  เข้าห้องน้ำและแต่งตัว ก่อนจะเดินลงบันไดที่ทอดยาวมายังชั้นล่าง

     

    “จินยองไปไหนลูก”    เสียงทักจากแม่ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นชั้นล่างทำให้เขาอมยิ้มน้อยๆ

     

    “ไปซื้อของขวัญกับยองแจครับ”    คำตอบนั้นทำให้ผู้เป็นมารดาขมวดคิ้วเรียวสวยเข้าหากัน เป็นคิ้วที่จินยองถอดแบบมาจากมารดาไม่ผิดเพี้ยน

     


    “วันเกิดใครล่ะลูก?”

     

    “พี่สาวยองแจจะกลับจากเมืองนอกน่ะครับ   ส่วนผมเองก็จะไปซื้อของขวัญวันเกิดให้พี่มาร์คเหมือนกัน 

     

    พูดจบพลางทรุดตัวลงนั่งข้างมารดาที่กำลังถักนิตติ้งและจิบชาอยู่

     

    จินยองกับแม่เป็นคู่แม่ลูกที่สนิทและไม่มีความลับต่อกัน ดังนั้นเรื่องที่ว่าจินยองกำลังชอบรุ่นพี่อยู่คุณแชยอลก็รับรู้และเป็นที่ปรึกษาให้คนเป็นลูกมาโดยตลอด

     

    “อ้อ...  คุณแชยอลพึมพำรับรู้...แล้วนี่จะซื้ออะไรให้พี่เขาล่ะ?”

     

    คำถามของผู้เป็นมารดาทำให้ลูกชายถอนหายใจอย่างเซ็งๆ   “ยังไม่รู้เลยครับแม่”

     

    “เดี๋ยวไปเดินดูเรื่อยๆก็รู้เองแหละลูกว่าจะซื้ออะไร อย่าคิดมาก”    ผู้เป็นแม่กล่าวยิ้มๆ ก่อนรามือจากการถักนิตติ้ง พลางเพ่งพินิจใบหน้าของลูกชายเพียงคนเดียว

     

    “พักนี้ดูหน้าตาสดใสขึ้นนะ มีความสุขเรื่องอะไรล่ะเรา บอกแม่ได้รึเปล่า”    

     



    ความสุขเล็กๆที่เขาได้รับไม่กี่วันที่ผ่านมาก็ได้มาจากคนๆเดียวกันกับที่ให้ความทุกข์แก่เขานั่นแหละ

     


    “ไม่ได้มีความสุขอะไรมากมายหรอกครับ ที่หน้าตาสดใสอาจเป็นเพราะยังไม่มีเรื่องทุกข์อะไรมากกว่า”    จินยองตัดสินใจตอบตามจริง  คุณแชยอลจึงใช้มือข้างหนึ่งลูบผมสีดำสนิทของลูกชายเบาๆ

     

    “ความรักมันคือความสุขนะลูก ถ้ามีความทุกข์มันไม่เรียกว่าความรัก” 

     


    นั่นสินะถ้ามีความทุกข์มันไม่ใช่ความรัก....

     

     

    ประโยคนั้นทำให้จินยองนิ่งไป  ก่อนตอบผู้เป็นมารดาอย่างแผ่วเบา    “รู้ครับแม่   นี่ผมก็กำลังพยายามให้มันทุกข์น้อยที่สุดอยู่” 

     

     มันคือความจริงที่ว่า... เขาพยายามทำตัวเองให้ทุกข์น้อยที่สุดด้วยการค่อยๆถอยห่างออกมาแล้ว......ทว่าไม่ได้ถอยห่างในความรู้สึก เพราะถึงอย่างไรเขาก็ยังคง “รัก” เขาคนนั้นอยู่   และถึงแม้จะพยายามตัดใจมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำในเมื่อยังต้องพบต้องเจอกันเกือบทุกวัน.....ดังนั้นที่ว่าถอยห่างก็คือพยายามไม่ไปให้เขาคนนั้นเห็น พยายามไม่ไปวุ่นวายกับชีวิตของเขาคนนั้นมากเกินไป  นอกจากกลัวว่าเขาจะรำคาญแล้ว  จินยองยังต้องการป้องกันความรู้สึกของตัวเอง......เขาแค่ไม่อยากได้ยินคำพูดที่ทำร้ายจิตใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า....และยิ่งไม่ต้องการพบเจอกับสายตาเย็นชาจากคนคนเดิม.... ทว่าโชคชะตาก็ราวกับจะกลั่นแกล้งกัน...ยิ่งเขาพยายามถอยหนีมากเท่าไหร่ก็กลับทำให้เขาเข้าใกล้กับคนๆนั้นมากขึ้น….และมันน่าหงุดหงิดตรงที่ว่าเขาเองก็ดูจะมีความสุขกับการเล่นตลกของโชคชะตาในครั้งนี้เช่นกัน...

     

     

    “ดีแล้วล่ะลูก ...แล้วนี่จะกินอะไรรองท้องก่อนรึเปล่า? หรือจะไปกินพร้อมเพื่อนทีเดียว”

     


    น้ำเสียงอ่อนโยนของคนที่นั่งอยู่ข้างกันปลุกจินยองให้ออกมาจากภวังค์ความคิดที่สับสนและเวียนวนไม่รู้จบของตนเอง

     

    เขาเหลือบมองนาฬิกา   8.45  จวนได้เวลานัดแล้ว  ทำให้ต้องปฏิเสธ

     


    “กินพร้อมยองแจแหละครับ  ผมไปแล้วนะแม่ แล้วจะรีบกลับมานะครับ”     พูดจบพร้อมหอมแก้มผู้เป็นแม่ไปฟอดใหญ่ จนได้กลิ่นแป้งฝุ่นหอมๆติดจมูก

     

     




    #Impassible_mn

     





    เมื่อจินยองไปถึงที่ป้ายรถเมล์ก็พบว่าอีกฝ่ายนั่งรอเขาอยู่แล้ว วันนี้ยองแจสวมเสื้อยืดสีขาวขลิบลายน้ำเงินเข้าชุดกันกับกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบสีน้ำเงินเรียบง่ายตามสไตล์ของเจ้าตัว รอเพียงไม่นานนักรถเมล์สายที่ต้องการก็มาถึง

     

    เพราะยังเป็นเวลาค่อนข้างเช้าและห้างสรรพสินค้าก็เพิ่งเปิดตอนสิบโมง ผู้คนที่เดินเลือกซื้อของกันอยู่จึงค่อนข้างบางตา ซึ่งก็เป็นตามความต้องการของยองแจที่ไม่ต้องการมาเบียดเสียดกับผู้คนจำนวนมากเมื่อต่างฝ่ายต่างยังไม่ได้กินอะไรมาทั้งคู่  จึงปรึกษากันว่าจะหาอะไรกินก่อนแล้วค่อยเลือกซื้อของขวัญ ไม่นานนักก็ตกลงกันได้ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบโมเดิร์นร้านหนึ่งที่ชั้นสอง  ซึ่งมีเมนูอาหารมากมายให้เลือกสั่งทั้ง ข้าวหน้ากุ้งทอด ปลาแซลมอนย่างซีอิ๊ว  ข้าวไข่ข้น หรือจะเป็นอาหารว่างอย่างทาโกะยากิ พิซซ่าญี่ปุ่น ซูชิหน้าต่างๆ  กินอิ่มกันแล้วยองแจก็นำทางไปที่แผนกเครื่องเขียนที่จำหน่ายเครื่องเขียนทุกรูปแบบให้นักเรียน นักศึกษาได้เลือกซื้อกัน  สอบถามกับพนักงานก็ได้ความว่าพวกสีต่างๆอันประกอบไปด้วยสีน้ำ สีน้ำมัน สีชอล์ก สีไม้ สีเทียน สีอะคริลิกนั้นตั้งวางอยู่ที่ชั้นเกือบกึ่งกลางแผนก

     

                    “แกจะซื้อสีให้พี่แกเหรอวะ?”    สงสัยจึงถามออกไป เพราะตอนแรกที่บอกว่าจะซื้อของขวัญให้พี่สาวเขาก็นึกคาดเดาว่าจะเป็นพวกของจุกจิกสำหรับผู้หญิง

     

                    “เอออ่ะดิ พี่ฉันเขาเรียนศิลปะนี่หว่า”

     

                    แต่จินยองก็ยังไม่หายฉงน     “ไม่ใช่ว่าพี่แกเขามีสีอยู่เยอะแล้วเหรอ ซื้อให้ก็ซ้ำกับของเดิมๆที่มีอยู่แล้วรึเปล่า”   

     

     คนฟังส่ายศรีษะช้าๆให้กับการสงสัยอะไรไม่เข้าเรื่องของคนถาม    “ฉันก็ต้องสืบมาก่อนสิวะ ว่าสีอะไรที่พี่เขามีแล้ว หรือสีอะไรที่มีแต่กำลังจะหมด”

     

                    “อ้อ..”    จินยองพยักหน้ารับรู้  นึกชมกับการเลือกของขวัญของเพื่อนที่สนิทที่ถึงแม้จะไม่ค่อยสร้างสรรค์แปลกใหม่สักเท่าไหร่  แต่ก็เป็นอะไรที่คนรับได้ใช้จริง  แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างเซ็งๆกับตัวเองที่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังนึกไม่ออกว่าจะซื้ออะไรดี

     

                    ใช้เวลาเพียงไม่นานยองแจก็เลือกได้สีน้ำกล่องใหญ่บรรจุกว่าสามสิบสี  ซึ่งสำหรับคนที่รักศิลปะรักการวาดรูปก็คงจะมีความสุขกับของขวัญชิ้นนี้มากทีเดียว

     

                    ขณะที่ยองแจกำลังจ่ายราคาค่าสีกล่องใหญ่อยู่นั้น   เสียงเพลงที่เปิดโดยทางห้างก็ดังขึ้น  มันเป็นเสียงบรรเลงด้วยเปียโนหวานๆ และเสียงดนตรีนั้นก็จุดประกายไอเดียบางอย่างให้แก่คนฟังอย่างจินยอง

     

     

                    เขารู้แล้วว่าจะซื้อของขวัญอะไรดี!

     


                    “ยองแจแกกลับไปก่อนได้เลยนะ”    เขาบอกเพื่อนด้วยความกระตือรือร้น

     

                    คำบอกกล่าวที่ฟังเผินๆคล้ายกับคำสั่งของคนตรงหน้าทำให้คนฟังเลิกคิ้วนิดๆเป็นเชิงถาม   

     


    “ทำไมวะ  แกจะไปไหน?”

     

                    “ฉันไปซื้อของขวัญน่ะ คงหลายชั่วโมง ไม่อยากให้แกมาเสียเวลารอ”   

     

                  “ของขวัญอะไร ทำไมซื้อนานขนาดนั้น?”     ยิ่งเห็นท่าทียินดีปรีดาของคนตรงหน้ายองแจก็ยิ่งไม่เข้าใจ



                    “เหอะน่า อย่าถามเลย ฉันไปก่อนนะ”     พูดยังไม่ทันขาดคำดี ร่างของคนเป็นเพื่อนก็วิ่งลับไปจากสายตา  ทิ้งให้คนที่ยืนรอพนักงานห่อของขวัญอยู่ได้แต่ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ

     

        เขาล่ะเบื่อไอ้ความทุ่มเทและความพยายามไม่เข้าเรื่องของไอ้เพื่อนไม่รักดีคนนี้จริงๆ!

     

     

     



    #Impassible_mn

                   





                    ร่างโปร่งเกือบบางหยุดหายใจอย่างเหนื่อยหอบบริเวณที่หน้าร้านขายอุปกรณ์ประเภทเครื่องดนตรี  เหนื่อยเพราะวิ่งมาตลอดทาง  เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดซึมที่ใบหน้าและลำตัวจนเสื้อเชิ้ตสีฟ้าแขนสั้นบางส่วนกลายเป็นสีฟ้าเข้ม เมื่อเริ่มหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมออย่างที่มันควรจะเป็น  จึงผลักประตูกระจกเข้าไปภายในร้านเพื่อแจ้งถึงความประสงค์กับพนักงาน

     

                    “ผมอยากซื้อของขวัญเป็นกล่องดนตรี  แต่อยากอัดเสียงเปียโนของตัวเองลงไปแทนจะได้มั้ยครับ?”

     

                    “จะว่าได้ก็ได้นะคะ แต่มันค่อนข้างจะมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก เพราะปกติเราจะขายกล่องดนตรีแบบสำเร็จรูปเลยอาจใช้เวลานานน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าต้องใช้สินค้าวันไหนคะ?”

     

                    จินยองกลั้นใจตอบ     “วันเสาร์หน้าครับ”     นึกภาวนาให้ระยะเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์นั้นเพียงพอกับของขวัญชิ้นนี้ และคำภาวนาของจินยองก็สัมฤทธิผล เมื่อเสียงหวานใสของพนักงานกล่าวขึ้นว่า

     

                    “ได้เลยค่ะ  เชิญคุณลูกค้าเลือกแบบกล่องดนตรีที่ด้านนี้เลยค่ะ ว่าต้องการแบบไหน”

     

                    ด้านนี้คือตู้กระจกที่โชว์รูปแบบของกล่องดนตรีที่ทำจากวัตถุดิบต่างๆทั้งจากไม้  กระเบื้อง  พลาสติก รวมถึงโลหะที่มีรูปทรงและรูปแบบที่หลากหลายสวยงาม  ใช้เวลาเพียงไม่นานนักจินยองก็เลือกรูปแบบที่ต้องการได้

     

                    “ผมเอาแบบนี้ครับ”    จินยองใช้นิ้วชี้กล่องดนตรีที่ทำจากแก้วใสรูปแกนเปียโนที่ใสจนเห็นถึงกลไกต่างๆสีทองภายใน พนักงานพยักหน้ารับรู้ก่อนจะจดรูปแบบลงในสมุดสั่งซื้อ และนำทางเขาเข้าสู่ห้องด้านหลังที่มีแกนเปียโนขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนยกพื้นกำมะหยี่สีแดงกลางห้อง


                    “เชิญคุณลูกค้าทดลองเล่นเปียโนเราก่อนเลยนะคะ แล้วอีกสักครู่เราจะมาบันทึกเสียงค่ะ”


                   ทิ้งท้ายเพียงแค่นั้นพนักงานเสียงใสก็ผละจากไป ทิ้งให้จินยองเผชิญหน้ากับเจ้าเปียโนเพียงลำพัง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่านิดๆ เพราะเป็นเวลาหลายปีแล้วที่เขาไม่ได้เล่นเปียโนแบบจริงจัง  ครั้งล่าสุดที่เล่นก็คือตอนสอบวิชาดนตรีสมัยอยู่ม.ปลายปีสาม   สูดลมหายใจลึกๆเข้าปอดก่อนทรุดตัวลงนั่ง ค้นหาโน้ตเพลงจากกองกระดาษที่วางอยู่ที่ชั้นด้านข้าง เมื่อเลือกเพลงที่ต้องการได้แล้ว มือขาวสะอาดค่อยๆกดลงบนแป้นเปียโนช้าๆเพื่อทำความคุ้นเคย  ก่อนจะค่อยๆเริ่มบรรเลงเป็นเพลงที่มีความหมายและเป็นเพลงที่เขาตั้งใจจะบันทึกลงไปกับเจ้าเปียโนดนตรีที่เขาตั้งใจให้อีกฝ่าย  เพื่อให้มันเป็นตัวแทนความรู้สึกของเขาในเวลาที่ต้องจากกัน....เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาจะคิดถึงเสมอ

     


    Missing You - Fly To The Sky

     

    อีเจน คึ แตกา อีลาโค เฮโด

    บอกกับตัวเองว่าตอนนี้ฉันไม่เหมือนเดิม

    อานีมยอน นัล กา มา เก อิชจอซ ซอ โด

    แม้เธออาจลืมฉันไปแล้ว

    นอน ทัน จี เนเก จีนัน ซารัมมีลาโด

    แม้ฉันจะเป็นเพียงแค่คนที่เธอผ่านเลยไป

    tonight is just one night

    ค่ำคืนนี้ จะเป็นอีกคืนหนึ่ง

    นอ ลึล อิล กี ชอน ชอ รอม

    เหมือนเช่นคืนก่อนๆ ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ชีวิตฉันไม่มีเธอ

    นอล ทา ชี กัช โค ชิพ พึน เน มาอึม มึน

    ใจของฉัน ยังคงต้องการแค่เพียงเธอ

    เว คึ ลอ เค มี ลยอน ซึ ลอ อุน กอนจี

    ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

    นีกา ออบ นึน นัล อิน ชอง ฮัลซูกา ออบนึน

    ชีวิตของฉันนั้นไม่อาจอยู่ได้หากไม่มีเธอ

    tonight is just one night

    ค่ำคืนนี้ จะเป็นอีกคืนหนึ่ง

    นอ ลึล อิล กี ชอน ชอรอม

    เหมือนเช่นคืนก่อนๆ ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ชีวิตฉันไม่มีเธอ

    ฮัน บอน มัน เน มัม มึล ทึล ลอ จวอ

    ขอเธอฟังเสียงหัวใจฉันหน่อย

    every day every night I am missing you

    ทุกวันฉันเอาแต่คิดถึงเธอ

    เน กยอท เท ออบ ซอ โด อีเจน บล ซู ออบ ซอ โด

    ถึงจะไม่มีเธออยู่ข้างกายฉัน ถึงฉันจะไม่พบเจอกับเธอในตอนนี้

    ออนเจนา เนมัม เมน ตก คัท ทึน นอ อิน กอล

    แต่หัวใจของฉันยังคงรักได้เพียงแค่เธอ





     

    #Impassible_mn





    MoonDream_


             เอามาฝากเผื่อใครสนใจค่ะ:)

    © themy butter                

    Missing You - Fly To The Sky
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×