คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 8 : Gift
Chapter 8 : Gift
ภายในห้องพักด้านหลังก่อนขึ้นโชว์ในงานประกาศรางวัลของช่วงค่ำค่อนข้างวุ่นวายเพราะทั้งสต๊าฟและศิลปินต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเวลาเปิดงาน ซองกยูที่ปกติไม่ค่อยติดหูฟังซักเท่าไหร่กลับขอยืมมันมาจากดงอู เขารู้สึกไม่ค่อยมีสมาธินักเลยต้องเรียกมันกลับคืนมาอย่างเร่งด่วนด้วยการหลุดเข้าไปอยู่ในโลกอื่นซักพัก
ซองกยูเลือกโซฟามุมห้องเป็นที่พำนัก เขาเอนหลังพิงแล้วหลับตาเพื่อตัดสิ่งรบกวน ส่วนสมองวนเวียนไปตามเพลงที่เล่นกรอกหูอยู่อย่างนั้น แต่แม้ซองกยูจะตัดภาพรบกวนด้วยการปิดการรับสัญญาณภาพ แต่ภาพบางภาพยังวนเวียนทั้งที่เขาไม่ได้ต้องการจนชักจะเริ่มหงุดหงิด
ชายหนุ่มยังคงแยกโสตประสาทได้เป็นอย่างดีแต่ก็ไม่ได้ส่งผลเท่าไหร่เลย หูของเขาจดจ่ออยู่ที่เพลงจากหูฟัง แต่ในสมองภาพลอยผุดไปมาไม่ขาดสาย ซองกยูพยายามคิดว่าเขาเคยได้รับรอยยิ้มแห่งความตื่นเต้นดีใจแบบนั้นจากลิซบ้างหรือเปล่า เพราะถ้าหากเคย... เขาเองก็คงจะลดความอิจฉาที่มีต่อรุ่นพี่ซึงโฮลงได้ หรืออาจจะทำให้เขาหายฟุ้งซ่านง่ายขึ้น
แต่แล้วเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อภาพที่เขาเคยให้สร้อยคอกับลิซเป็นของขวัญตอนถ่ายรายการฉายแวบเข้ามาในห้วงความคิด ตอนนั้นเธอดูจะเขินนิดหน่อยและท่าทางตื่นเต้นแบบนั้นก็ค่อยๆ ปรากฏชัดขึ้น ที่สำคัญคือสร้อยเส้นนั้นเขาตั้งใจจะให้กับเธอเอง
“ฝันกลางวัน~”
อูฮยอนดึงหูฟังข้างหนึ่งของซองกยูให้เปิดอ้าออกแล้วกระซิบก่อนจะใส่กลับไปที่เดิมจากนั้นก็ทิ้งตัวลงนั่งที่ว่างข้างๆ
ซองกยูลืมตาขึ้นมองอูฮยอนแล้วบ่น
“ตัวทำลายสมาธิจริงๆ เลยนะ”
“ทำลายสมาธิงั้นเหรอ? พี่อ่ะไม่มีสมาธินานละ... ผมทำลายฝันกลางวันของพี่ต่างหาก” อูฮยอนโต้
ซองกยูเอียงคอมองอูฮยอนพร้อมกับส่งสายตาค้อนเล็กๆ ให้ไปตามด้วยการพ่นลมออกจมูกเบาๆ กับความเป็นตัวแสบของเขา
“รู้มาก!”
ชายหนุ่มหันไปค่อนแคะเบาๆอย่างหมั่นไส้ ดูเหมือนช่วงนี้นัมอูฮยอนจะฉลาดในเรื่องของชาวบ้านและเรื่องไร้สาระเป็นพิเศษทีเดียว เขายิ้มกับตัวเองหลังจากที่ซองกยูลุกออกไปเมื่อบ่นเขาเสร็จ
“เหมือนจะแทงใจดำแฮะ…”
♥ ---------------- ♥ ---------------- ♥
ลิซเงยหน้ามองป้ายชื่อร้านที่เธอต้องมาทำงานแล้วแอบเซ็ง ผู้จัดการรู้ทั้งรู้วันนี้เธอขอลาหยุดเพราะเป็นวันเกิดก็ยังจะขอให้เธอมาช่วยงานซักสองสามชั่วโมงด้วยเหตุที่ว่าร้านมีปาร์ตี้และลูกค้าเยอะมาก นี่ถ้าไม่ติดว่าจำเป็นต้องทำงานที่นี่และรายได้ดีแล้วหละก็...เธอคงจะไม่มาถ่อสังขารมาให้หรอก! สุดท้ายก็หญิงสาวก้มมองดูเวลาและเดินเข้าร้านไปด้วยหน้าตาเบื่อโลกสุดซึ้งเลยทีเดียว
ท่ามกลางบรรยากาศเฮฮาเพราะปาร์ตี้พิเศษของร้านกำลังเริ่มขึ้น ลิซก็ได้แต่เช็ดแก้วไปมาบ้าง หยิบเครื่องดื่ม ผสมเครื่องดื่มบ้างเหมือนทุกๆ วัน แต่ผ่านไปไม่นานมันก็เริ่มชุลมุลวุ่นวายมากขึ้นกับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มจากวันปกติอยู่ไม่น้อย
“ทำ 3 ชั่วโมง เหนื่อยเหมือนทำทั้งคืน!” ลิซบ่นแล้วแอบดูนาฬิกา
“อีกไม่ถึงชั่วโมง... เอาวะ!”
“ลิซซี่~”
ลิซหันมายิ้มกับลูกค้าหน้าเคาน์เตอร์บาร์หลังจากได้ยินเสียงเรียก แต่กลับหันมาเจอผู้ชายที่สวมหมวกและใช้ฮู้ดของเสื้อคลุมศีรษะแถมผู้ชายคนนั้นยังนั่งท้าวคางกับเคาน์เตอร์มองเธออีกต่างหาก ทว่าด้วยแสงสลัวของร้านทำให้เธอมองแทบไม่เห็นหน้าของเขาและเธอก็ไม่ได้คิดจะสนใจเพียงแค่แปลกใจเท่านั้น
“เบียร์สองแก้วครับ”
“อ่อ..ค่ะ”
ลิซหันกลับไปเตรียมเครื่องดื่มให้ลูกค้าโดยที่ไม่ได้สนใจอะไรอีก ตอนนี้สมองของเธอสนใจเพียงแค่เสียงเพลงที่ดังอยู่รอบตัวเพื่อจะลืมเวลาไปเสียและทำให้มันผ่านไปเร็วๆ อย่างไม่น่าเบื่อ
“นี่ค่ะ” หญิงสาวหันมาส่งเครื่องดื่มให้ลูกค้าตรงหน้าที่ตอนนี้กลายเป็นสองคนแล้วที่นั่งปักหลักอยู่ด้านหน้าเธอ
ลูกค้าคนที่สั่งเครื่องดื่มส่งอีกแก้วให้กับคนที่นั่งด้านข้าง ลิซเห็นก็รับรู้ได้ว่าสองคนนี้มาด้วยกัน หญิงสาวเดินรับออเดอร์จากพนักงานเสิร์ฟและลูกค้ารวมทั้งลูกค้าแปลกๆ สองคนนั้นไปเรื่อยจนโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของเธอสั่นนั่นแหละหญิงสาวก็หลุดทำหน้าเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างปิดไม่มิด
“พี่ยุนเจคะ?” หญิงสาวสะกิดเรียกบาร์เทนเดอร์หนุ่มผมยาวใส่แว่นที่ทำงานอยู่ข้างๆ
“หืม..”
“หมดเวลาแล้วช่วยงานพี่ละ...ฉันไปก่อนนะคะ” ลิซยิ้มหวานให้
“อืม..สุขสันต์วันเกิดนะ” เขาตอบพร้อมกับยิ้ม
“ขอบคุณค่ะ.. สงสัยจะเป็นคำอวยพรสุดท้ายก่อนหมดวันเกิดแล้วหละ ไปก่อนนะคะ”
พูดจบหญิงสาวก็รีบเผ่นเข้าไปด้านในออฟฟิศของร้านเพื่อเตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับบ้านด้วยท่าทางเริงร่าสุดขีด
ลิซสะพายกระเป๋าเป้แล้วเดินออกจากร้านอย่างเอื่อยเฉื่อยทั้งที่อารมณ์ดีเพราะเธอกำลังกดส่งข้อความยุกยิกไปเรื่อยไม่เสร็จซะที จนมีมือๆหนึ่งมาแตะที่ไหล่จากด้านหลังทำให้เธอหยุดและก้าวถอยห่างไปสองสามก้าวโดยอัตโนมัติ
ผู้ชายสวมหมวกแล้วคลุมด้วยฮู้ดของเสื้อตัวใหญ่ทำให้เธอรู้สึกคุ้นตา เพียงแค่เสี้ยววินาทีลิซก็นึกออกว่าเป็นลูกค้าในร้านที่แปลกๆ คนนั้น และนั่นทำให้เธอถอยทิ้งระยะห่างจากเขาเพิ่มอีกหลายก้าวทั้งที่ยิ้มและกำลังเอ่ยถาม
“มีอะไรคะ?”
ชายคนนั้นไม่ก้าวเข้าหาเธอแต่... เขาเพียงแต่ยื่นหน้าเข้ามาเล็กน้อยและพูดเสียงเบาพอได้ยินกันแค่สองคน
“คิม..ซอง..กยู”
ลิซเอียงคอแล้วจ้องมองเขาอย่างพินิจอยู่ครู่เดียวก็เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยอย่างเก็บอาการก่อนจะคว้าข้อมือของเขาหลบไปจากหน้าร้าน
“นี่คุณบ้ารึเปล่า?”
ลิซถามอย่างไม่เข้าใจเมื่อลากซองกยูมาหยุดอยู่ที่ซอยเล็กๆ ที่เป็นทางลัดด้านข้างของร้าน
“เปล่านี่..” ซองกยูปฏิเสธอย่างไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับการตื่นตระหนกตกใจอะไรของเธอ
“ทำไมเขาปล่อยให้คุณมาข้างนอกในเวลาแบบนี้นะ!” ลิซบ่นกับตัวเอง
“เฮ้...~ นี่ผมเป็นนักร้องนะ ไม่ใช่นักโทษ! จะได้ไปไหนมาไหนไม่ได้น่ะ!” ซองกยูชักฉุน
“ฉันรู้น่ะ..ก็แค่เป็นห่วงเท่านั้นแหละ เพราะฉันก็รู้ การเป็นข่าวที่นี่แล้วมันจะลำบากขนาดไหน”
อาการเป็นห่วงของลิซทำเอาซองกยูเหล่มองแล้วยิ้ม
“ผมแค่มาแฮปปี้เบิร์ธเดย์คุณ จากนั้นก็...จะกลับ” เขายังไม่หยุดยิ้ม
“ก็เมื่อคืน...คุณกะ..”
“ก็ผมยังไม่ได้ให้ของขวัญวันเกิดคุณเลย แล้วทำไมไม่บอก?” ลิซพูดยังไม่จบประโยคก็โดนซองกยูขัดขึ้นเสียก่อน
“ใครจะไปรู้ล่ะ ฉันแค่ไปทำงานเองนี่”
“งั้น...ของขวัญจากคิมซองกยู ขอให้มีความสุขมากๆนะครับ”
ซองกยูพูดพลางหยิบกล่องของขวัญกล่องกะทัดรัดน่ารักออกจากกระเป๋าเสื้อฮู้ดสีเทาตัวที่ใส่อยู่ยื่นให้ ลิซมองกล่องของขวัญสลับกับหน้าของซองกยูอย่างไม่แน่ใจ จนเขาต้องดึงมือเธอมาแล้ววางของลงบนมือให้
“ผมเป็นคำอวยพรสุดท้ายของคืนนี้แล้วใช่มั้ย?”
“อะ..อืม...”
“เปิดดูเลยสิ...”
“อ๋อ..”
ลิซเปิดฝากล่องออกก็พบกับต่างหูรูปดาวสีเงินวาวอยู่ในกล่อง เธอยิ้มน้อยๆ แล้วเอานิ้วแตะไปที่ของขวัญอย่างถูกใจ ถึงแม้มันจะไม่ได้ดูเหมือนราคาแพงอะไรแต่เธอก็ชอบมันมากทีเดียว
“มานี่สิ”
ซองกยูจับไหล่เธอให้ขยับมาใกล้ๆ ก่อนจะหยิบต่างหูจากในกล่องออกมาใส่ให้อย่างเบามือ ความรู้สึกเก่าๆ ตอนที่อัดรายการเริ่มซึมเข้ามาอีกครั้ง สายตาของซองกยูอ่อนลงและดวงตาที่ร่าเริงจริงใจของเธอทำให้เขารู้สึกเหมือนหัวใจเต้นเร็วขึ้นมาทันที
ซายหนุ่มหยิบต่างหูอีกข้างที่เหลือออกมาแล้วใส่ไปที่หูตัวเองอย่างรวดเร็ว ลิซมองการกระทำนั้นแล้วอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง
“เฮ้.. ซองกยู... คุณ! นี่มันของขวัญวันเกิดของฉันไม่ใช่เหรอ? อย่ามาเล่นตลกนะ!” หญิงสาวโวย
“ก็วันเกิดคุณแต่ผมเป็นคนซื้อ มีสิทธิ์คนละครึ่ง ก็ถูกแล้วนี่” ซองกยูแถหน้าด้านๆ
“ตรรกะไหนของคุณ!”
“ตรรกะของคิมซองกยูไง ผมไปก่อนดีกว่า...อูฮยอนรอจนเมื่อยแล้วมั้ง?”
“แล้วผมจะโทรหานะ..”
ลิซมองตามซองกยูด้วยความอึ้งจนพูดไม่ออก ชายหนุ่มโบกมือบ๊ายบายให้เธอนิดหน่อยพร้อมด้วยรอยยิ้ม
♥ ---------------- ♥ ---------------- ♥
ภายในห้องที่ยังสว่างจ้าทำเอาเจ้าของห้องอย่างลิซหงุดหงิด เธอวางกล่องใส่ของขวัญเล็กๆ ที่ซองกยูให้ไว้ที่ชั้นวางทีวีก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมากดเบอร์โทรออกพลางขมุบขมิบบ่นไปด้วย แต่เสียงริงโทนที่ดังขึ้นไม่ห่างนักทำให้เธอเอะใจ หญิงสาวดึงโทรศัพท์ของตัวเองออกจากหูแล้วเริ่มตั้งใจฟังเพื่อหาต้นตอของเสียง
ลิซเดินไปเปิดประตูห้องนอนเมื่อรู้สึกว่าเสียงมาจากในห้องนอนที่มืดสนิท จะมีแสงก็แต่มุมๆ หนึ่งของห้องและนั่นก็ทำให้เธอได้รู้ว่ามันคือที่มาของเสียงเรียกเข้าที่ดังขึ้นนั่นเอง
และทันใดนั้น.. โคมไฟหัวเตียงก็สว่างขึ้นพร้อมๆ กับร่างของผู้ชายที่เธอคุ้นตางัวเงียขึ้นมามองเธอทั้งที่อยู่บนเตียง
“เฮ้ย~!!!... ซึงโฮ!!” หญิงสาวถอนหายใจเฮือก หลังจากสะดุ้งอยู่ดีๆ หน้าเขาก็โผล่มาพร้อมกับไฟที่เปิดขึ้น
“ยังไม่กลับอีกเหรอไง?” ลิซถามพลางเอานิ้วจิ้มๆ ไปที่แขนซึงโฮ ตอนแรกเธอคิดว่าเขาแค่ลืมโทรศัพท์ทิ้งไว้ไม่คิดว่าจะอยู่ทั้งของทั้งคนแบบนี้
“กลับมาแล้วเหรอ?” ซึงโฮถามทั้งที่ยังไม่ลืมตา
“ใช่น่ะสิ.. แต่นี่บ้านฉัน นายจะมาถามอะไรแบบนั้นล่ะ”
ลิซมองซึงโฮแล้วชักหงุดหงิด เขาไม่ใช่แค่มาแกล้งแต่กลับมาแย่งที่นอนเธออีกต่างหาก ลิซพยายามฉุดกระชากลากถูเขาแต่ดูท่ามันจะไม่สำเร็จง่ายๆ ด้วยน้ำหนักและหุ่นของเขา จนเธอตัดสินใจว่าต้องละมือไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยแล้วค่อยมารบกับเขาใหม่อีกรอบน่าจะดีกว่า
ไม่นานนักหญิงสาวก็กลับมายืนมองยังซึงโฮที่นอนไม่รับรู้ความรู้สึกของเจ้าของห้องจนเธอท้อใจ เธอเดินไปข้างเตียงแล้วเริ่มออกแรงดึงที่นอนสำรองออกมา ก่อนจะเขี่ยซึงโฮลงไปอย่างทุลักทุเลพร้อมกับตวัดผ้าห่มคลุมและยัดหมอนอีกใบให้เขา จากนั้นก็หันกลับมานั่งเหนื่อยหอบอยู่บนที่นอนที่เธอสามารถยึดคืนมาได้อย่างยากลำบาก แต่ทว่าถ้าเธอสังเกตหรือลงไปสำรวจอีกครั้งก็คงจะเห็นซึงโฮแอบยิ้มออกมาแน่ๆ
“หลับให้ตายไปเลยนะ... ฉันนอนแล้ว เหนื่อย”
ลิซพูดใส่อย่างยังเซ็งและเหนื่อยไม่หาย เธอเอื้อมมือไปปิดไฟหัวเตียงแล้วนอนอย่างไม่สนใจเขาอีก
คืนนั้นทั้งคืนคนที่นอนหลับไม่ค่อยสนิทนักกลับกลายเป็นซึงโฮเสียเอง ชายหนุ่มหลับๆ ตื่นๆ ทั้งที่รู้ว่าสภาพร่างกายตัวเองต้องพักฟื้นและต้องการพักผ่อนอย่างเต็มที่แต่ก็ยังไม่วายฝืนสังขาร แม้แต่ตอนใกล้เช้าที่ลิซลุกออกไปจากที่นอนเขาเองก็ได้แต่แอบดูนาฬิกา เพราะเพียงครู่เดียวเท่านั้นเธอก็กลับมานอนเหมือนเดิมราวกับเขาเป็นเพียงแค่ฝุ่นละอองในห้องที่ไร้ความสำคัญเท่านั้นจนซึงโฮชักจะน้อยใจขึ้นมาเสียเฉยๆ
ซึงโฮดันตัวเองออกจากที่นอนอย่างแผ่วเบาเพราะเกรงว่าคนที่อยู่บนเตียงจะตื่น ชายหนุ่มเดินออกมาด้านนอกห้องนอนแล้วหย่อนตัวลงที่โซฟาแต่สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นเล็กๆ วางอยู่บนพลาสติกใสที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขก
“To..Seungho งั้นเหรอ?”
ชายหนุ่มหยิบกระดาษแผ่นเล็กมาอ่านแล้วทำหน้าแปลกใจ ก่อนจะเหลือบตามองของที่วางอยู่ตรงหน้า เขาเปิดฝาพลาสติกใสออกจึงทำให้เห็นจานสีขาวที่มีแฮม ไส้กรอก ขนมปังและแซนด์วิชอยู่ในจานที่จัดอย่างน่ากินทำเอาซึงโฮยิ้มกริ่มเมื่อเริ่มคิดได้ว่าที่ลิซตื่นมาก่อนหน้านี้คือมาเตรียมอาหารจานนี้ไว้ให้แสดงว่าเธอก็ไม่ได้เห็นว่ายังซึงโฮเป็นแค่ฝุ่นละอองอย่างที่คิด
ซึงโฮอารมณ์ดีจนซัดของในจานไปซะหมดเกลี้ยง ชายหนุ่มเตรียมยกจานไปเก็บ ทว่าสายตาเขากลับเจอแผ่นกระดาษเล็กๆ อีกแผ่นที่อยู่ด้านล่าง แถมข้อความในนั้นก็ทำให้เขาต้องย่นจมูกใส่ประตูห้องนอนของลิซอย่างหมั่นไส้
" กินเสร็จก็กลับบ้านกลับช่องไปได้ละนะ...นายแพนด้าอ้วน!! "
♥ ---------------- ♥ ---------------- ♥
ความคิดเห็น