คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 5 : ปั่นป่วน
Chapter 5 : ปั่นป่วน
ห้องซ้อมที่ร้อนขึ้นด้วยอุณหภูมิภายในร่างกายของผู้ชายเจ็ดคนทำให้เหงื่อเม็ดเล็กๆ เริ่มผุดพราวบนใบหน้าและร่างกายของทุกคนจนเปียกชุ่ม ทว่าทั้งหมดยังคงเต้นและร้องต่อไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักง่ายๆ แม้ว่าจะมีอาการเหนื่อยออกมาให้เห็นบ้างแต่พวกเขาก็ยังเต็มที่กับมันตลอดเวลา
เสียงดนตรีที่เปิดอยู่ยังคงดังจนจบเพลง และเมื่อพวกเขาเห็นผู้จัดการเดินมาปิดเครื่องเสียงทำให้ทุกคนหันไปมองอย่างสงสัยในทันที
“มีอะไรเหรอฮะ?” จางดงอูหันไปถามหน้าตามึนๆ
“มีคิวสัมภาษณ์ด่วน ไปเตรียมตัวกันซะพวกนาย” ผู้จัดการบอกราวกับเป็นเรื่องปกติ ซึ่งสำหรับเขามันก็ปกตินั่นแหละที่จะมีงานเข้ามาแบบไม่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ทั้งเจ็ดคนต้องทำตามอย่างอัตโนมัติอยู่แล้ว
“พักนี้งานด่วนบ่อยไปมั้ยเนี่ย?” ซองยอลบ่น
“หรือชอบไม่มีงาน?” แอลหันมาหรี่ตาถาม
“ไม่ใช่อย่างง้านนน.... แค่บ่นไง บ่นเฉยๆ” ซองยอลปฏิเสธพัลวัลจนพวกที่เหลือขำเพราะท่าทางของเจ้าเด็กประถมมันโอเว่อร์จริงๆ
รถของเจ็ดหนุ่มเลี้ยวเข้าลานจอดและทั้งหมดเริ่มทยอยลงแล้วบิดตัวไล่ความเมื่อยขบ แต่พ่อหนุ่มสายตาดีอย่างอูฮยอนก็หันไปเห็นใครบางคน เขาแอบสะกิดดงอูให้หันไปมองอย่างเนียนๆ และดงอูก็หันไปสะกิดซองยอลอีกคน
เจ้าเด็กประถมตัวสูงชะเง้อคอมองตาม เมื่อแน่ใจแล้วว่าคือใครเขาก็เดินไปกอดคอแอลอย่างเริงร่าพลางกระซิบอะไรบางอย่างที่ทำให้แอลย่นคิ้วใส่แม้ยังคงใบหน้าเรียบเฉยก็ตาม แต่ซองยอลก็ไม่ได้สนใจเขายังคงอารมณ์ดีต่อไป
ระหว่างรอคิวสัมภาษณ์ทั้งหมดก็ต่างกำลังทำอะไรรอไปเรื่อยๆ รวมทั้งเช็คความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเอง ทว่ามีใครบางคนหายไปจากห้อง ซองกยูที่กำลังฟังเพลงอยู่เหลียวมองรอบห้องอย่างผิดสังเกต เขาดึงหูฟังออกแล้วเดินไปหาโฮย่าที่อยู่ใกล้ๆ แล้วถาม
“นายเห็นมยองซูกับซองยอลมั้ย?”
“ไม่นะฮะ คงไปห้องน้ำมั้ง?”
“งั้นเหรอ? ถ้าเห็นสองคนนั่นบอกฉันด้วยนะ”
“ฮะ” โฮย่ารับคำแล้วหันกลับไปส่องกระจกต่อ
ซองกยูเปิดประตูห้องเพื่อมองหาสองตัวป่วนที่หายไป เมื่อชะโงกหน้าออกไปกลับไปเจอกับห้าหนุ่มเอ็มแบล็คเข้าพอดิบพอดี ต่างฝ่ายต่างโค้งเพื่อทักทายกันทว่าสายตาของซึงโฮและซองกยูกลับประสานกันโดยบังเอิญทำให้ต่างคนต่างชะงักไปนิดๆ และยิ้มให้กันตามปกติ ชายหนุ่มดึงตัวเองกลับเข้าห้องอย่างรวดเร็วเมื่อห้าหนุ่มจากไปแล้ว เขากลับมานั่งที่เดิมโดยที่ไม่ได้ตามหาน้องชายทั้งสองคนต่อเพราะดูเหมือนว่าเขาไม่มีอารมณ์จะออกไปไหนแล้ว
ชายหนุ่มฟังเพลงอยู่ซักพักก็แหกปากร้องเพลงขึ้นมาเสียอย่างนั้นทำเอาเหล่าน้องชายสะดุ้งเฮือกเพราะพลังเสียงบวกกับท่อนโซโล่สูงของเขา
“เพ้อแน่ๆ” ซองจงกระซิบดงอู
“ไม่มั้ง... เขาอาจจะฟังเพลงอยู่แล้วอินก็ได้” ดงอูตอบทั้งที่ยังเหลือบมองลีดเดอร์ด้วยสายตาไม่ค่อยแน่ใจสวนทางกับคำพูดอย่างแรง
อูฮยอนหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเริ่มบันทึกวีดิโอ เขาหันกล้องมาทางตัวเองแล้วเริ่มแนะนำตัว
“สวัสดีครับ ผมอูฮยอนอินฟินิทครับ และนี่...ลีดเดอร์ของเราครับ”
อูฮยอนสะกิดเรียกซองกยูที่ยังไม่เลิกร้องเพลง เมื่อซองกยูเห็นว่ากำลังบันทึกเขาก็ยิ้มให้พร้อมกับชูสองนิ้วแอ๊บแบ๊วไปตามประสา จากนั้นก็ดันกล้องของอูฮยอนไปทางอื่นเพราะไม่มีอารมณ์จะเล่น แต่ภารกิจของอูฮยอนสำเร็จเมื่อสามารถทำให้ซองกยูหยุดแหกปากไปได้
“เจ๋งมาก” โฮย่าแอบยกนิ้วให้
อูฮยอนนั่งลงข้างๆ ซองกยู เขายังคงบันทึกภาพต่อไปทั้งที่พี่ชายไม่เล่นด้วยจนสุดท้ายก็ต้องหันมาบ้าบอกับน้องชายตัวแสบ ไม่นานนักซองยอลและแอลก็เข้ามาในห้องพร้อมผู้จัดการที่เข้ามาบอกให้เตรียมตัวทำให้การบันทึกต้องหยุดไปโดยปริยาย
“ได้อะไรกลับมาบ้าง?” อูฮยอนกระซิบถามซองยอล แต่เมื่อเห็นหน้าป่วยๆ ของเขาก็อยากจะตบปากตัวเองที่ถามออกไปเพราะเขาแสดงให้เห็นทางสีหน้าอยู่ทนโท่
“ไม่ได้อะไร... ได้แต่ความปวดหัว”
“เขาหลุดไปนอกโลกมาน่ะ” แอลตอบแทน
“อะไรของนายเนี่ย!” อูฮยอนไม่เข้าใจ
“ฉันน่าจะให้พี่ดงอูไปกับนายมากกว่านะ” ซองยอลหันมาบอกกับแอล
“ทำไมอ่ะ?” แอลหันมาถาม
“นายสองคนได้ออกนอกมิติ หรือเข้าไปในเอ็ม...แบล็ค...โฮลล์ อย่างสบายใจ”
อูฮยอนมองซองยอลที่เพ้ออย่างไม่เข้าใจ แต่แอลกลับขำพรืดออกมาทำให้พวกที่เหลือได้แต่มองตาปริบๆ ด้วยความสงสัย
♥ ---------------- ♥ ---------------- ♥
จีโอมองซึงโฮที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วยิ้ม ก่อนหน้านี้แอลและซองยอลเข้ามาคุยเล่นด้วยแต่ดูเหมือนจะอยากรู้อะไรบางอย่างมากกว่าทว่าทั้งเขาและซึงโฮรู้ทันทั้งคู่ทำให้สิ่งที่สองคนนั่นต้องการยังคงเป็นสิ่งน่าสงสัยต่อไป
ซึงโฮเดินมาหยิบกระเป๋าของตัวเองเพื่อไปงานต่อแต่สายตาของจีโอกลับทำให้เขาชะงัก
“มองอะไร?”
“เปล่า?” จีโอปฏิเสธทั้งที่ยังคงไม่ละสายตาจากซึงโฮ
“โกหกไม่พอ... ยังจะกวนอีกนะ” ซึงโฮส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วถาม
“มีอะไรก็ว่ามา...”
“นายนี่มันฉลาดจริงๆ” คำชมที่ใกล้เคียงกับประชดทำให้ซึงโฮเหลือบตามองและจีโอก็พูดต่ออย่างไม่ได้สนใจอะไรนัก
“ทำไมไม่บอกพวกนั้นไปล่ะว่าเธอเป็นเพื่อนเรา”
ซึงโฮส่ายหน้าให้แทนคำตอบ เขาโยนกระเป๋าขึ้นพาดบ่าแล้วเดินนำออกไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีก จีโอได้แต่มองตาม
ในเวลาประมาณเที่ยงคืนห้องของลิซก็มีเสียงเคาะประตูจากผู้มาเยือน เธอละจากหนังสือในมือก่อนจะเดินไปดูด้วยอารมณ์เซ็งแต่คนที่มากลับยืนยิ้มอย่างอารมณ์ดี
ลิซมองหน้าเขาอย่างหมั่นไส้เมื่อเขาชูของกินในมือให้ดู
“ทำไม? จะมาง้อหรือไง?”
“ฉันไม่ได้ทำผิด ทำไมต้องง้อ?” ซึงโฮเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ แล้วเดินไปที่โต๊ะอาหารอย่างคุ้นเคย
“นี่ๆ หน้าด้านไปรึเปล่า?” ลิซเดินตามมาถามอย่างคาดไม่ถึง
“ทำไมอ่ะ ก็ฉันหิว” ซึงโฮตอบง่ายๆ
“โห... ไอ้อ้วนเอ้ย~” เป็นอีกครั้งที่เธอแอบด่าเป็นภาษาไทย ซึงโฮถึงแม้จะไม่เข้าใจแต่ก็รับรู้ได้ว่าถูกเธอด่าเพราะทั้งสีหน้า ท่าทาง น้ำเสียงมันบ่งบอกได้อย่างชัดเจน ชายหนุ่มตีหน้าขรึมใส่เธอ เขายกแขนขึ้นกอดอกแล้วมองอย่างหาเรื่อง
“เธอนี่มัน...กวนประสาทฉันได้ทุกภาษาเลยนะ”
ซึงโฮไม่พูดเปล่าๆ เขาสาวเท้าเข้าหาเธอทีละก้าวซึ่งหญิงสาวก็เชิดหน้าท้าทายแต่ก็ถอยหลังหนีทุกก้าวที่ซึงโฮย่างเข้าหา ซึงโฮที่สูงกว่ากดหน้าลงมองเธอที่เชิดหน้าอย่างถือไพ่เหนือกว่า ลิซตัดสินใจก้าวเท้าไปเหยียบบนเท้าของซึงโฮเพื่อหยุดให้เขาก้าวไล่เธอ แต่คนที่เกลียดความพ่ายแพ้อย่างเขามีหรือจะยอม ชายหนุ่มคลายแขนที่กอดอกออกแล้วย้ายมาโอบประคองหลังของลิซไว้พร้อมกับก้าวเท้าที่หญิงสาวเหยียบไว้ขึ้นมาจนได้
ลิซมีสีหน้าตกใจ เธอไม่คิดว่าเขาจะเล่นไม้นี้ การทรงตัวของหญิงสาวเสียไป สองมือพยายามหาที่ยึดเพื่อกันล้ม และที่ที่สามารถทำให้เธอประคองตัวไว้ได้กลายเป็นไหล่และแขนของซึงโฮ ทั้งคู่ยืนชิดกันจนแทบไม่มีช่องว่างให้มดเดินด้วยเหตุที่ว่าลิซเหยียบอยู่บนเท้าของซึงโฮแถมยังใช้สองมือจับยึดเขาไว้จนแทบจะคล้องคออยู่แล้ว
“อ่ะ... เอ่อ...” ลิซเกิดอาการติดอ่างฉับพลันเพราะเริ่มรู้สึกว่าใบหน้าของเธอเริ่มร้อนด้วยความเก้อเขิน
“ไม่เล่นละ หนัก!”
ซึงโฮเอ่ยนิ่งๆ แต่ทำให้ลิซอยากจะด่าเขาอีกซักรอบ อาการเขินเมื่อครู่หายไปทันทีจนแทบจะแปรเปลี่ยนเป็นความอาฆาต เขาเลื่อนมือมาจับกระชับที่เอวของลิซแทนแล้วยกตัวเธอให้ลอยขึ้นแล้วปล่อยลงข้างๆ ตัว ก่อนจะเดินหนีไปนั่งกินหน้าตาเฉย
“ฮึ๊ย~!”
ชายหนุ่มได้ยินเสียงของความขัดใจของลิซก็แอบยิ้มขำที่แกล้งเธอได้ เขาใช้ตะเกียบคีบต๊อกโบกีเข้าปากแต่กลับไม่ถึงเพราะมีมือหนึ่งยึดไว้เสียก่อน
“ยังซึงโฮ~ นายนี่เสียมารยาทมากนะ” ลิซพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจสุดๆ ซึงโฮเหล่มองพร้อมเปล่งรังสีอำมหิตใส่จนใต้ตาบวม (เอิ่ม...อันนั้นบวมอยู่แล้ว ==”) ลิซจับตะเกียบให้หันมาทางตัวเธอก่อนจะอ้าปากงับต๊อกโบกีที่ซึงโฮคีบค้างไว้กินอย่างหน้าตาเฉย
“เจ้าของบ้านกินแล้ว คราวนี้ก็เชิญนายตามสบาย หึหึ...”
ลิซเดินไปนอนที่โซฟาแล้วหยิบโทรศัพท์มากดเล่นอย่างสบายใจภายใต้สายตาของซึงโฮที่มองเธออย่างฝากไว้ก่อน
“ลิซซี่... นี่เธอจะอยู่โซลอีกนานรึเปล่า?” ซึงโฮหันมาถามหลังจากยัดต๊อกโบกีไปเกือบครึ่ง
“ทำไม? นายเบื่อฉันหรือไง?” แทนที่จะตอบลิซกลับเงยหน้ามาถามเขาแทน
“เฮ้ย!เปล่าๆ ฉันแค่ถามเพราะเธอก็น่าจะชินกับที่นี่บ้างแล้วหละมั้ง มาเป็นเดือนแล้วนี่”
“แต่ฉันก็มีเพื่อนแค่สองคน อยู่มาตั้งเดือน” ลิซบ่น
“ไม่พอเหรอไงห๊ะ..”
ซึงโฮถือจานมานั่งกระแซะเบียดลิซที่โซฟาแถมยังทำหน้าหาเรื่องใส่อีกต่างหาก
“เปล๊า~~” ลิซขึ้นเสียงสูง
“หรืออยากมีเพื่อนอีกซักคนเอามั้ย?” ซึงโฮยังคงคุยไปเรื่อยๆ
“ใครอีกล่ะ?!”
“คิมซองกยูไง สนใจมั้ย?” ซึงโฮหันมายิ้มแก้มตุ่ยเพราะมีของกินอยู่ในปาก ทว่ามันทำให้หญิงสาวตาโตขึ้นในทันทีตามด้วยเสียงที่นำพามาด้วยคราวซวยของคนที่เริ่มกวนประสาท
“ซึงโฮ~! นายอย่าอยู่เล้ยยยยย.... ตายซะเถ้ออออออ~”
“อ๊ากกกก กกก ก~!!!!”
♥ ---------------- ♥ ---------------- ♥
กระดาษยับๆ สี่ห้าแผ่นถูกดึงออกมาจากหนังสือเล่มหนาที่แทบไม่ได้ถูกหยิบมาอ่านของซองกยู เขานึกถึงหน้าของยังซึงโฮที่บังเอิญสบตากันตอนทักทายเมื่อเจอกันที่สถานีแล้วไม่อยากจะคิดอะไรมากไปกว่าสิ่งที่เขาคิดอยู่มันเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว แต่เขากลับหยุดคิดเรื่องของลิซไม่ได้ กระดาษไม่กี่แผ่นยังเป็นเครื่องหมายเตือนให้เขาอย่าคิดเชื่อใจใครง่ายนัก
“ทำไรอ่ะพี่?”
อูฮยอนที่เพิ่งเดินเข้ามาถามขึ้นเมื่อเห็นลีดเดอร์ตาตี่นอนกอดหนังสือเล่มหนานิ่งไม่ไหวติงอยู่บนที่นอน
“ทำอะไร? ยังไม่ได้ทำเลย” ซองกยูตอบ
“เฮ้อ เรื่องของพี่เหอะ” อูฮยอนส่ายหน้ากับความไร้อารมณ์ของพี่ชาย แต่ความกระตือรือร้นของอูฮยอนก็กลับมาอีกครั้งเมื่อนึกได้ว่าพรุ่งนี้จะมีรายการ Dating Idol พาร์ทต่อไปของซองกยู
“นี่พี่... ถามจริงเหอะ ไม่รู้สึกอะไรกับเธอบ้างเหรอ?” อูฮยอนโผล่หน้ามาถามระยะประชิดทำเอาลีดกยูอึกอักไปนิดเมื่อถูกจู่โจมอย่างกะทันหันแต่ยังยืนกรานปฏิเสธ
“ก็... ไม่นี่... ไม่มีอะไร้~”
“ก็ดีนะ เพราะมันคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้าเกิดเธอคบกับพี่ซึงโฮ” อูฮยอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับพูดคนเดียว แต่มันดันเข้าหูซองกยูไปเต็มๆ นี่สิ
“นายพูดอะไรของนายห๊ะ...”
สุดท้ายซองกยูก็อยู่ไม่ติด ชายหนุ่มเอื้อมมือออกไปดึงอูฮยอนที่กำลังจะไปนอนกลับมาด้วยพลังแฝงของเขา ส่วนคนถูกดึงก็มีความรู้สึกเหมือนตัวเองลอยหวือมาจุมปุ๊กอยู่บนเตียงของซองกยูมากกว่าเดินถอยกลับมา
“รุนแรงกับน้องชายขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!” อูฮยอนแดกดัน
“ตะกี๊ว่าไงนะ!”
“ผมบอกว่า...ถ้า... ถ้าเกิดเธอคบกับพี่ซึงโฮอยู่ มันคงไม่ดีถ้าพี่จะชอบเธอ ชัดยัง?”
“นายไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน?” ซองกยูถามเสียงเครียด
“สมมุติเอา...” อูฮยอนตอบหน้าตาเฉย
“โธ่~! ไปสมมุติเรื่องอื่นเหอะไป๊”
อูฮยอนชักรำคาญเลยหยิบผ้าห่มมาคลุมซองกยูต่อด้วยผลักให้นอนลงโดยมีผู้ถูกกระทำดิ้นขลุกขลักอยู่ในผ้าห่ม อูฮยอนไม่รอช้าเขากระโดดขึ้นไปทับซองกยูอย่างหมั่นไส้แต่ไม่ทันไรก็ถูกสะบัดพร้อมกับถีบร่วงลงมาจุกแอ้กนอนตายอยู่ข้างล่าง
ซองกยูสะบัดผ้าห่มออกจากตัวได้ก็หันมาเห็นอูฮยอนนอนสำออยอยู่ที่พื้นก็ลุกมาดูด้วยความเป็นห่วง
“เฮ้~ เป็นไรมากป่ะ? นายแกล้งฉัน นายก็ซวยทุกทียังไม่เข็ด”
“แล้วใครใช้ให้ถีบมาล่ะ” อูฮยอนแถ
ซองกยูส่ายหน้าแล้วยืดตัวขึ้นยืนจากนั้นก็คว้าเสื้อคลุมเดินออกไปนอกห้อง อูฮยอนกระเด้งตัวลุกตามอาการเจ็บปวดหายไปเป็นปลิดทิ้ง
“พี่จะไปไหนอ่ะ?”
“ซ้อม... เดี๋ยวกลับมา”
ซองกยูเดินออกไปแล้วแต่อูฮยอนยังคงอยู่ที่เดิม ชายหนุ่มมีท่าทางลังเลอยู่ชั่วครู่ก็วิ่งไปหยิบเสื้อและตามพี่ชายออกไป แต่เมื่อออกมาด้านนอกเขากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของซองกยู
อูฮยอนพาตัวเองมาถึงห้องซ้อม เขาค่อยๆ แง้มประตูแอบดูเมื่อได้ยินเสียงเพลงแว่วออกมาจากด้านใน ทั้งที่เพิ่งมาถึงก่อนหน้าได้ไม่นานแต่ซองกยูกลับมีเหงื่อผุดพราวซึ่งบ่งบอกว่าเขาใช้พลังงานเกินกว่าปกติไปไม่น้อยทีเดียว อูฮยอนหย่อนตัวลงนั่งที่หน้าประตูอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี ใจหนึ่งก็ไม่อยากจะยุ่งมากนัก แต่อีกใจหนึ่งก็ถูกความอยากรู้ร้องเรียกจนอกแทบระเบิด
♥ ---------------- ♥ ---------------- ♥
ความคิดเห็น