คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 : จุดจบ
Chapter 3 : จุดจบ
ระหว่างสามวันที่ซองกยูมีตารางงานที่อัดแน่น ข้อความผ่านมือถือของลิซและซองกยูก็ยังคงดำเนินไป และถ้ามีเวลาที่ว่างทั้งคู่ก็คุยกันบ้างโดยที่ไม่ได้บอกใคร
เช้าวันที่หกของการเป็นแฟนชั่วคราว หลังจากซองกยูกลับมาอัดรายการอีกครั้งเขาเคาะห้องของลิซเบาๆ ด้วยท่าทีกระตือรือร้นซึ่งน้อยครั้งนักที่เขาจะกระวีกระวาดตื่นแต่ไก่โห่แบบนี้ แต่เมื่อประตูเปิดออกลิซที่ท่าทางไม่เหมือนคนเพิ่งตื่นก็ปรากฏตัวขึ้นซึ่งดูจากสภาพแล้วเหมือนเธอยังไม่ได้นอนเลยมากกว่า
“อ้าวกยู มาแต่เช้าเลยนะ”
“เมื่อคืนไปดื่มมาเหรอ? ไหนว่านอน...”
“เปล่า... ฉันไม่ใช่คนชอบเที่ยวนะคะคุณคิมซองกยู” หญิงสาวเสียงเข้ม “แค่นอนไม่หลับ”
“ไม่สบายหรือเปล่า?” เขายังคงเป็นห่วง
“เข้ามาก่อนสิ”
เธอเปิดประตูทิ้งไว้แล้วเดินกลับเข้าไปด้านใน ทำให้ซองกยูต้องมองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวังก่อนตามเธอเข้าไปอย่างเร็ว หญิงสาวไปล้มตัวลงที่โซฟายาวใกล้ๆ ระเบียง ที่โต๊ะมีทั้งโน้ตบุ๊คและสมุดหนังสือกองอยู่สองสามเล่ม ชายหนุ่มพาดเสื้อไว้ที่เก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้งแล้วหย่อนตัวลงนั่งที่โซฟา
“ทำอะไรอยู่?”
“หางานทำ” เธอตอบง่ายๆ แล้วอธิบายต่อเมื่อเห็นสีหน้าของซองกยูดูจะอยากรู้และมันก็ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไร
“พอดีมีปัญหานิดหน่อยก็เลยว่างงาน”
“คุณเรียนจบแล้วเหรอ?”
“จบสิ ก็จบมหาวิทยาลัยแล้วน่ะ”
“ดีจังนะ” ชายหนุ่มชม
“ถ้าถึงวันสุดท้าย คำตอบมันก็เป็นเหมือนทุกครั้งใช่มั้ย?” อยู่ดีๆ ลิซก็ถามแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอาซองกยูเตรียมคำตอบไม่ทันแถมยังทำตัวไม่ถูกอีกต่างหาก
“เอ่อ...คือ จริงๆ ผมเป็นคนธรรมดาและย่อมมีความรู้สึก บางทีเราทำตามความรู้สึกไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ?”
“ฉันเข้าใจอยู่แล้วหละ?” ลิซเอ่ยเบาๆ
“ขอยืมคอมพิวเตอร์คุณสักครู่ได้มั้ย?”
“อืม... เอาสิ ฉันขอเวลาสักแปบ”
ลิซขยับที่ให้ซองกยู เขาเองก็เลื่อนเข้ามาแทนที่แต่การขอเวลาของลิซเธอกลับย้ายตัวเองไปนอนที่เตียงโดยที่ไม่สนใจว่ามีผู้ชายคนหนึ่งยังอยู่ในห้อง ไม่รู้ว่าเธอคิดน้อยไปหรือเพราะอะไรแต่เธอก็สามารถหลับลงได้จริงๆ
ซองกยูตั้งหน้าตั้งตาแชทกับบรรดาน้องๆ ที่ดูจะตื่นเต้นกับการคุยออนไลน์กับลีดเดอร์ผู้เป็นพี่ชายของเขาอย่างสนใจ และยิ่งทวีความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นอีกเมื่อรู้ว่าเขาใช้คอมพิวเตอร์ของลิซภายในห้องของเธอ
(พี่สนิทกันขนาดนั้นเลยเหรอ?”) ซองจงถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันน่ะ” เขาตอบกลับไป
(อีกสองวันเองสินะ) ซองยอลถามเพื่อความแน่ใจ
“อืมใช่...ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง?”
(ไม่มีอะไรฮะ พี่เอาตัวเองให้รอดก็พอ) อูฮยอนเป็นห่วงแต่ก็ขอให้ได้กวนประสาทเถอะ
“ตอนนี้เธอหลับอยู่ ฉันคุยกับพวกนายแค่นี้แหละ”
ซองกยูทิ้งท้ายแต่ก่อนปิดโปรแกรมก็ได้รับเสียงโห่ฮาวิ้ดวิ่วมากราวใหญ่เพราะเหล่าแคระที่เหลือคิดจินตนาการไปไกลถึงไหนๆ กันแล้ว
สายตาของเขาเริ่มมองสำรวจไปรอบๆ ห้องอย่างไม่รู้จะทำอะไรต่อแต่ก็สะดุดเข้ากับเสื้อกันหนาวสีดำตัวใหญ่ที่เธอเคยใส่เมื่อตอนพบกันวันแรกแขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า เขาหันมองเธอที่กำลังหลับอีกครั้งก่อนจะก้าวยาวๆ ไปที่เสื้อตัวนั้นแล้วหยิบมันมาลองใส่ด้วยความเงียบสงบและเบาที่สุด พลางส่องกระจกเช็คความเรียบร้อยอย่างเริ่มนึกสนุกเมื่อเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ของเธอดูเหมือนจะค่อนข้างหลวมพอดีๆ กับตัวเขา
ซองกยูคิดเหมาเอาเองว่าเสื้อกันหนาวสไตล์ฮิปฮอปที่เธอสวมคงขนาดเท่ากันหมดและดูท่าจะติดมันมากขนาดนอนก็ยังต้องใส่ ชายหนุ่มค่อยๆ ถอดเสื้อออกเก็บ และย้ายตัวเองไปที่โต๊ะเครื่องแป้งเขาบรรจงเปิดลิ้นชักแล้วหยิบเอาโทรศัพท์ของเธอที่ติดไปวันก่อนออกจากกระเป๋ามาวางคืนไว้โดยแง้มลิ้นชักเอาไว้นิดหน่อยให้เธอสังเกตเห็นจะสามารถหามันเจอได้ง่ายๆ
ภารกิจของซองกยูเสร็จสิ้นเขาย้อนกลับมานั่งที่โซฟาอีกครั้งแต่ขณะที่ไม่รู้จะทำอะไรต่อเขาดันเหลือบไปเห็นหน้าเพจที่เปิดไว้จากจอคอมพิวเตอร์ปรากฏให้เห็นว่าเปิดเอ็มวีวงของเขาค้างไว้ ชายหนุ่มกดเข้าไปดูอย่างสนุกเพลิดเพลิน และอารมณ์ดีที่ได้นั่งมองตัวเอง จากนั้นก็เคลิ้มหลับคาโซฟาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
เวลาผ่านไปซองกยูเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้น เขารู้สึกเหมือนกับมีอะไรสักอย่างที่คล้ายผ้าคลุมตัวเขาอยู่ ชายหนุ่มเริ่มลืมตามอง ผ้าห่มผืนหนาที่คลุมอยู่ร่นลงเมื่อมีแรงขยับแต่ที่น่าตกใจจนต้องหายสะลึมสะลือแทบไม่ทันคือลิซที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วนั่งอยู่ข้างๆ เขาโดยที่เสียบหูฟังอยู่และสายตาเธอจับจ้องที่ไอดอลรุ่นพี่ของเขาที่กำลังโชว์อยู่
“ตื่นแล้วเหรอ?” เธอหันมาถามพร้อมกับเลื่อนหูฟังออกจากหูข้างหนึ่ง
“ขอโทษนะ” ชายหนุ่มยิ้มอย่างเก้อเขินที่อยู่ดีๆ ก็มาหลับห้องหญิงสาวซึ่งดูเป็นเรื่องน่าอาย
“ไม่เป็นไร ฉันสิต้องขอโทษ ฉันหลับก่อนอีก” เธอยิ้ม
แทนที่ซองกยูจะได้ชวนเธอออกไปข้างนอกก่อนอัดรายการกลายเป็นว่าทั้งคู่ต้องแยกกันไปเพราะใกล้ถึงเวลานัดแล้ว ผู้จัดการของเขาโทรมาเร่งให้เตรียมตัวก่อนที่จะขึ้นมาทำให้ชายหนุ่มต้องรีบออกไปจากห้องของลิซโดยที่หญิงสาวมองตามหลังเขาด้วยแววตาสดใส
♥ ---------------- ♥ ---------------- ♥
ใบหน้าของซองกยูฉายแววเครียดขึ้นมานิดๆ เมื่อเห็นลิซเดินมาแต่ไกล หญิงสาวสวมกางเกงขาสั้นสีขาวคู่กับรองเท้ากีฬาและเสื้อยืดแขนยาวทั้งที่ก่อนเขาออกมาเธอไม่ได้ใส่อะไรแบบนี้ แต่ยังดีที่ตาของเขาเล็กจนไม่มีใครทันสังเกตเห็นว่ามันเริ่มมีรังสีอำมหิตเปล่งประกายออกมา
“ทำไมมาชุดนี้?” เขาถามอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก เพราะไม่อยากให้เธอเปิดเผยมากเกินไป แถมยังเมื่อถึงเวลารายการออกอากาศเธออาจจะโดนวิพากษ์วิจารณ์จนเละไม่มีชิ้นดีเลยก็ได้
“ทำไมอ่ะ?” เธอถามอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่
“ผมไม่ค่อยชอบให้คุณแต่งตัวแบบนี้เลย”
“ไม่เป็นไรมั้ง? ก็ฉันมากับคุณนี่” เธอยิ้มประจบดวงตาเป็นประกาย ซึ่งนั่นก็ได้ผล
ซองกยูยิ้มออกมาได้ เขาถอดเสื้อคลุมตัวยาวสีฟ้าที่สวมอยู่ส่งให้เธอโดยที่เขาเหลือเพียงเสื้อยืดแขนสั้นสีขาวตัวเดียว หญิงสาวรับมางงๆ แต่แทนที่จะใส่กลับเอามาผูกเอวไว้แทน ชายหนุ่มมองหน้าเธอที่ทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วท้าวเอวอย่างปวดสมอง จากนั้นก็เอื้อมมือไปขยี้ผมหน้ามาเธอเล่นอย่างหมั่นไส้
“ให้มันได้อย่างนี้สิ!” แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะให้กันกับความไม่ลดราของฝ่ายตรงข้ามจนทีมงาน และผู้จัดการของเขาเกิดอาการงงกับท่าทางนั้น
รถกองถ่ายพาทั้งคู่ไปถึงน้ำตกที่ไม่ไกลทะเลมากนัก ลิซยิ้มทันทีที่ได้สามารถเอาชนะความคิดของชายหนุ่มได้เมื่อเธอย้อนกลับมาพูดถึงชุดที่เธอใส่
“เห็นมั้ย? ชุดนี้เหมาะกับที่นี่แล้ว”
ซองกยูพยักหน้ารับแกนๆ อย่างจำนนเพราะหากเธอใส่รองเท้าส้นสูงมาถ่ายทำวันนี้คงมีเรื่องวุ่นวายน่าดูแต่ก็ยังไม่วายเหน็บ
“กางเกงคุณมันสั้นไปหน่อย”
“ค่ะ ตาแก่” ลิซลอยหน้าตอบ
ประโยคของลิซทำเอาซองกยูเจ็บจี๊ดที่โดนตอกย้ำ อุตส่าห์หลบจากบรรดาเด็กๆ พวกนั้นมาได้ยังต้องมาถูกเธอประชดประชันด้วยคำเดิมๆ เข้าไปอีก คิดแล้วมันช้ำจริงๆ...
ทางเดินขึ้นไปที่น้ำตกค่อนข้างลื่นซองกยูจึงแบมือของเขาออกแล้วมองเธอ ลิซหันมองหน้าสลับกับมือของเขาอยู่สองสามครั้ง หญิงสาวยกมือของตัวเองตีไปบนมือของชายหนุ่มแล้วจับเอาไว้ เขายิ้มอย่างพอใจก่อนที่เริ่มเดินต่อเพื่อไปถึงจุดหมายเร็วๆ
ร้านอาหารเล็กๆ ด้านบนตกแต่งค่อนข้างดีดูเหมือนคาเฟ่แม้แต่ลิซที่เป็นคนไทยแท้ๆ ยังไม่เคยมาที่นี่มากก่อนหญิงสาวมองอย่างทึ่งในความสวยงามเมื่อก้าวเข้ามาในร้าน ไม่นานนักอาหารง่ายๆ ที่สั่งไปก็ออกมาเสิร์ฟ หญิงสาวใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกแล้วยื่นให้ซองกยู เขารีรออย่างชั่งใจว่าเธอจะแกล้งเขาหรือไม่แต่สุดท้ายเขาก็ยื่นหน้าเข้าใกล้ส้อมก่อนจะงับมันอย่างรวดเร็ว ลิซหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางตลกๆ ของเขา
ตลอดทางทั้งขาขึ้นและขาลงทั้งคู่จับมือกันไว้ตลอด แม้กระทั่งผู้จัดการของซองกยูยังแอบเหล่อยู่หลายครั้ง จนทั้งคู่กลับไปนั่งหาอะไรทานที่ร้านเบอเกอรี่ในช่วงหัวค่ำซองกยูก็เริ่มถามความรู้สึกของเธอในหลายวันมานี้
“ลิซ... คุณรู้สึกยังไงบ้าง? ผมเป็นแฟนที่ดีมั้ย?”
“อ่อ..” เธอนิ่งไปชั่วครู่
“คุณเหรอ? ก็เป็นแฟนที่ดีนะ” เพียงแค่ประโยคแรกซองกยูที่นั่งลุ้นก็ยิ้มออกพลางหยิบแก้วเครื่องดื่มมาดูดอึกใหญ่แก้เขิน “ฉันรู้สึกดีมากที่ได้อยู่กับคุณ ส่วนใหญ่มักไม่ค่อยมีใครเห็นว่าฉันน่าปกป้องดูแลเท่าไหร่ แล้วคุณล่ะ?”
“ผมเหรอ? ก็คุณเป็นผู้หญิงทำให้ยิ้มก็ได้ ทำให้หงุดหงิดก็ได้ในเวลาเดียวกัน”
“นี่ชมหรือด่า? ฮ่าฮ่าฮ่า..” เธอหลุดหัวเราะออกมากับคำวิจารณ์ของเขา
“ย๊า~ นี่จริงจังนะเนี่ย…”
“เหรอ? หึหึหึ...” เธอพยายามกลั้นเสียงหัวเราะเมื่อเห็นเขาทำท่าจะงอน
“แต่จริงๆ แล้วฉันโลกส่วนตัวสูง ถึงเข้ากับคนง่ายแต่ก็ไม่ค่อยชอบสังคมนะ” ลิซพูดถึงตัวเอง
“อืม...ผมพอเข้าใจ”
ซองกยูนึกถึงภาพที่ได้พบเธอทุกครั้งก็พอจะเข้าใจถึงบุคลิกของเธอที่คล้ายจะเป็นพวกลึกลับสี่มิติพอๆ กับแอลหนุ่มเจ้าเล่ห์สุดหล่อในวง
♥ ---------------- ♥ ---------------- ♥
ซองกยูหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาเปิดดูรูปที่ถ่ายกับลิซในช่วงหลายวัน ความสัมพันธ์ของพวกเขาดูจะไม่หวือหวานักแต่ก็ไปกันด้วยดีรวมทั้งเธอยังสวยและน่ารักจนบางครั้งตัวเขาเองคิดเกินเลยไปก็มี ผู้จัดการของเขาเข้ามาเตือนให้เตรียมตัวเพื่ออัดรายการวันสุดท้าย ชายหนุ่มรู้ดีว่าต้องทำอย่างไรแต่เขากลับรู้สึกไม่อยากให้มันจบ
ชายหนุ่มทำทุกอย่างด้วยความเชื่องช้าคืออย่างเดียวที่เขาทำได้ในเวลานี้ หากเขายังไม่ถึงสถานที่นัดหมายจุดจบก็จะยังไม่เริ่มต้นขึ้น อีกทั้งเมื่อถ่ายรายการเสร็จเขาต้องเตรียมตัวขึ้นเครื่องเพื่อกลับโซลทันทีราวกับว่าถ้าปล่อยเอาไว้เขาจะลุกขึ้นมาพาเธอหนีไปอย่างนั้นแหละ โธ่เอ๊ย!..เขาไม่ใช่คนประเภทนั้นเสียหน่อย...
เขาสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองที่หน้ากระจกอีกครั้งแล้วเป่าลมออกจากปากก่อนจะก้าวอย่างมั่นคงออกไปแต่ก็ไม่วายหันมองประตูห้องด้านซ้ายที่เธอพัก เขาไม่แน่ใจว่าถึงตอนนี้ผู้จัดการของเขาจะรู้รึเปล่าว่าเธอพักอยู่ห่างจากเขาแค่นี้เอง
“พี่ครับ ผมถามอะไรหน่อยสิ” สุดท้ายซองกยูก็เก็บความสงสัยเอาไว้ไม่อยู่
“มีอะไร?” ผู้จัดการตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“พี่ทราบมั้ยว่า... ลิซพักอยู่ที่ไหน?”
“อยากรู้ไปทำไม?” ผู้จัดการหันมาเหล่ด้วยแววตาจับผิด
“แหม...ผมก็แค่ถามดูอ่ะครับ” ซองกยูเฉไฉไปเรื่อย
“ไม่รู้สิ...เห็นเธอมาจากด้านนอกพร้อมคนดูแลทุกที”
“คนดูแล?”
ซองกยูทวนคำ ซึ่งผู้จัดการก็พยักหน้าเพื่อยืนยันคำพูดตัวเอง ทำให้ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกประหลาดๆ ขึ้นมา รถของหญิงสาวมาถึงก่อนเขาและทันทีที่รถของเขาเคลื่อนตัวเข้ามาในลานจอดเขาสังเกตเห็นลิซมีท่าทางกระตือรือร้นขึ้นมาทันที หญิงสาวเข้ามาขอคุยกับเขาเพียงชั่วครู่ซึ่งจริงๆ แล้วเธอเอาอะไรบางอย่างมาให้
“กยู... ขอบคุณสำหรับเวลาที่นี่นะ”
เธอพูดแค่นั้นก่อนจะยัดกล่องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่นักให้เขา ซองกยูมองของในมือและทำท่าจะแกะแต่กลับถูกเรียกเสียก่อนจึงต้องยัดมันไว้ในกระเป๋าเป้ที่อยู่ในรถแล้วเดินไป ลิซยังคงมองไปทางซองกยูแม้ว่าจะห่างกันคนละด้านของลานจอดรถแสงแดดที่กำลังส่องแสงไม่ทำให้ร่างของชายหนุ่มหายไป
“ลิซ”
ทันทีที่มีเสียงเรียกที่คุ้นหูดังขึ้นเธอก็เลิกสนใจในตัวซองกยูทันที หญิงสาวก้มหน้าลงพลางเตะฝุ่นบนพื้นเล่นอย่างไร้อารมณ์จนเจ้าของเสียเข้ามาใกล้นั่นแหละถึงหันมองเขา
“เริ่มแล้วใช่มั้ย?” ลิซหันมาถาม
“ใช่...แล้วเธอเข้าใจดีแล้วนะ” เขายังคงย้ำ
“ค่ะ”
“แน่ใจ? อย่าทำอะไรแผลงๆ ให้มันวุ่นวายล่ะ” เขายังไม่เลิกกังวล
“รู้แล้วน่าคุณเอริค! คนอย่างลิซทำอะไรมากกว่าคำสั่งได้ด้วยหรือไง?”
“น้ำเสียงราบเรียบ แววตาเมินเฉยแต่ประโยคคำพูดกลับประชดประชันเต็มที่ นี่แหละคือ...อลิซ”
ดูเหมือนว่าจะพอใจมากกว่าจะรู้สึกเจ็บใจกับคำพูดนั้นของเธอ ลิซส่ายศีรษะเบาๆ กับความประหลาดคนของเอริคแต่สิ่งที่เธอต้องกังวลตอนนี้คือบทสรุปของรายการวันนี้มากกว่า
รายการถูกดำเนินด้วยเรื่องราวของวันสุดท้ายทำให้ทั้งซองกยูและลิซต้องใกล้ชิดกันโดยปริยาย ทั้งจับมือเพื่อสอนเธอเต้น แถมยังประคองจนแทบจะกอดกันเมื่อหญิงสาวเซ ดูท่าทางเขาจะมีความสุขมากจริงๆ เสียด้วย ทำให้ทีมงานผู้หญิงส่งแรงอิจฉาตาร้อนกันเป็นแถวกับหนุ่มขี้บ่น จอมโวยวาย ตัวรั่ว ที่กลายเป็นสุภาพบุรุษได้อย่างไม่น่าเชื่อ
และเวลาของทั้งคู่ก็มาถึง.... ลิซและซองกยูจำเป็นจะต้องแยกกัน ทั้งคู่มองตากันก่อนจะยื่นมือออกมาจับกันไว้อีกครั้ง ซองกยูดึงเธอเข้ามากอดอย่างทำใจยากซึ่งลิซเองก็ดูจะอัดอั้นตันใจมากทีเดียว ช่วงเวลาไม่กี่วินาทีแต่ดูเหมือนช่างยาวนาน ทั้งคู่ไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้มากไปกว่านั้นทว่าสิ่งสุดท้ายก่อนจะจากกันลิซทำได้แค่เอ่ยคำบางคำอย่างแผ่วเบาหลังจากที่ซองกยูหันหลังเดินไป เขาและเธอเดินแยกออกไปคนละทางโดยที่ใบหน้าของทั้งคู่ค่อนข้างเครียด
บนรถของทั้งคู่...และนี่เป็นชอตสุดท้ายแล้วที่จะต้องถ่ายคือ...การตัดสินใจของซองกยู
สัญญาณโทรศัพท์ของลิซดังขึ้นและสำหรับเธอที่เตรียมใจมาแล้วรับมันในทันที
“ค่ะ”
(นานเลยนะ กว่าผมจะตัดสินใจโทรหาคุณ) ซองกยูเอ่ย
“ฉันรู้”
(ช่วงเวลาที่นี่มันดีมากๆ ผมจะจำมันไว้ตลอดไป) ซองกยูตัดสินใจบอกสิ่งที่เขาต้องทำโดยที่ไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่านี้
“ฉันก็เหมือนกัน”
(ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง) ชายหนุ่มตัดสินใจวาง
“ขอบคุณนะ ฉัน...ขอโทษ” เธอพูดภาษาไทยเบาๆ กับโทรศัพท์ที่ซองกยูวางสายไปแล้วด้วยสีหน้าเศร้า
ซองกยูกลับมาเก็บของที่โรงแรมเพื่อเตรียมออกเดินทางกลับ ชายหนุ่มยังคงเหลือบไปมองห้องด้านซ้ายอย่างอยากจะพูดอะไรสักอย่างที่เขาไม่ได้พูดตอนอัดรายการแต่เสียงเปิดประตูห้องของเธอดังขึ้นทำให้เขาต้องรีบเสียบการ์ดเปิดห้องของตัวเองด้วยความเร็วแสงเช่นเคยก่อนจะส่องตาแมวอย่างสังเกตการณ์
ลิซในชุดกางเกงวอร์มขายาวสีดำกับเสื้อกันหนาวมีฮู้ดรวมถึงหูฟังที่คล้องคออยู่บวกกับกระเป๋าเป้และกระเป๋าลากใบย่อมบงบอกให้รู้ว่าเธอกำลังจะไปแล้ว แต่คนที่เดินตามเธออยู่นั้นเขาเองก็เหมือนจะเคยเห็นที่ไหน ลิซปล่อยมือจากกระเป๋าเมื่อแขนของเธอถูกเขาจับเอาไว้เธอสะบัดเขาออกอย่างแรงจนของที่เธอยัดไว้ในเสื้อกระจาย หญิงสาวก้มลงเก็บด้วยท่าทางโมโหและคว้ากระเป๋าเข้าลิฟท์ไปทันทีโดยที่ผู้ชายคนนั้นไม่ตามเข้าไปแต่กลับลงไปทางบันไดแทน
ซองกยูเดินออกไปเมื่อเห็นกระดาษที่ถูกพับไว้ลวกๆ หลายใบตกอยู่ เขาหยิบมันขึ้นมาดูแล้วก็ต้องตกใจเมื่อกระดาษพวกนั้นเป็นภาษาเกาหลีล้วนๆ และเมื่ออ่านคราวๆ ก็รู้ได้ในทันทีว่ามันคือสคริปต์รายการ
ชายหนุ่มแทบทรุดกองอยู่ตรงนั้นราวกับถูกหักหลังเมื่อเห็นแผ่นสุดท้ายเป็นตัวเลขคล้ายจำนวนเงินคูณด้วยจำนวนวันที่เท่ากับวันอัดรายการคือเจ็ดวัน ซองกยูขยำกระดาษในมือจบยับ ความโกรธของเขาพุ่งขึ้นสูงจนยากจะระงับไหว เขากดเบอร์มือถือของผู้จัดการทันที
“พี่! พี่ไม่รู้จริงๆ เหรอว่าลิซมาจากไหน?!”
เขาพยายามข่มเสียงเต็มที่ แต่ก็ได้รับคำยืนยันมาจากผู้จัดการของเขา ชายหนุ่มกลับเกาหลีด้วยความโกรธอัดแน่นเต็มหัวใจ การหลอกลวงแบบนี้ทำให้เขาเจ็บปวด ความรู้สึกและภาพต่างๆ ที่ทั้งให้และรับมาจากเธอมันโกหกทั้งเพ สิ่งต่างๆถาโถมเข้ามาจนแทบจะทำให้ซองกยูระเบิด ตลอดการเดินทางเขาสวมผ้าปิดปาก แว่น และหมวกราวกับไม่อยากจะพบหน้าใคร อีกทั้งไม่สามารถระบายหรือพูดอะไรกับใครได้ เขาได้แต่เก็บเรื่องทั้งหมดไว้จนรู้สึกว่าตัวเองกำลังเริ่มมีไฟที่มองไม่เห็นปะทุอยู่รอบๆ ตัว
♥ ---------------- ♥ ---------------- ♥
ความคิดเห็น