ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dating Idol อยากจะรัก...เดี๋ยวจัดให้ [INFINITE&MBLAQ]

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 : เหวี่ยง

    • อัปเดตล่าสุด 18 มิ.ย. 55




    Chapter 2  :  เหวี่ยง

               

                ประตูห้องของลิซยังไม่ได้ปิด ซองกยูรีบกลับไปที่ห้องด้านซ้ายนั้นทันทีที่ได้ยินเสียง ชายหนุ่มผลักประตูให้เปิดกว้างออก ภาพที่เห็นคือลิซนั่งอยู่กับพื้นและงอเข่าขึ้นมาโดยมีมือข้างหนึ่งจับไว้ และอีกข้างพยายามเอื้อมไปถอดรองเท้าของตัวเองออกอย่างลำบาก

                ซองกยูจินตนาการภาพว่าเธอต้องสะดุดอะไรจนล้ม แต่เมื่อดูจากท่าทางของเธอเขาก็คิดว่าเธอคงสะดุดรองเท้าตัวเองนั่นแหละ ชายหนุ่มผู้เป็นแฟนชั่วคราวของลิซช่วยเธอถอดรองเท้าออกอย่างนึกสงสาร

                ลิซกระเถิบตัวเองขึ้นไปบนเตียงแล้วล้มตัวลงนอนแต่มือก็ยังกุมอยู่ที่เข่าข้างที่เจ็บ ส่วนมือที่ว่างก็ตะกายหาผ้าห่ม สุดท้ายชายหนุ่มก็ไม่สามารถทานทนได้เขาเอื้อมมือไปหยิบผ้ามาห่มให้เธอ หญิงสาวยิ้มแล้วโบกมือบ๊ายบายให้

                “อะไรของเธอเนี่ย!   ซองกยูบ่น

                ชายหนุ่มท้าวเอวมองเธออย่างไม่มีอะไรจะพูดได้ดีไปกว่านี้แล้ว ถ้าเธอเป็นเจ้าพวกเด็กๆ ในวงหละก็คงจะลากขึ้นมานั่งแล้วบ่นจนกว่าจะพอใจนั่นแหละ

                ซองกยูออกมาจากห้องลิซเมื่อเห็นว่าเธอหลับแล้วจริงๆ ชายหนุ่มเดินกลับไปที่ห้องฝั่งตรงข้ามถัดไปอีกสองห้องก่อนจะเสียบการ์ดเพื่อเปิดประตูเข้าห้องของตัวเอง แม้จะทั้งเมาทั้งดึกแต่เขาก็ข่มตาหลับไม่ลงได้ง่ายๆ ยามที่ไม่มีสมาชิกในวงไว้ปรึกษาก็ทำให้เขายากลำบากอยู่เหมือนกันยิ่งวันรุ่งขึ้นเขาต้องทำงานตั้งแต่เช้าและอาจจะได้อัดรายการในวันที่สองหรือไม่ก็ไม่รู้จึงรู้สึกกังวลขึ้นมาอีก

                เสียงโทรศัพท์สั่นอยู่ไม่ไกล ซองกยูผุดตัวลุกขึ้นตามสัญชาตญาณแต่เมื่อหาต้นตอของเสียงเจอเขาเองกลับต้องตกใจอีกครั้งเมื่อนั่นคือโทรศัพท์เครื่องจริงๆ ของลิซที่ไม่ใช่ที่เขาให้ไว้ แต่เบอร์ยาวๆ ที่โทรเข้ากลับเป็นเลขประเทศของเขาเอง ชายหนุ่มปล่อยให้มันสั่นจนดับไปเองและได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ

                บรรยากาศยามเช้าที่ปลอดโปร่งทำให้เกิดความรู้สึกแสนสบายในการนอน แต่ซองกยูก็ยังถูกปลุกแต่เช้าเพื่อให้มาทำงานที่ยุ่งวุ่นวายของเขา

                ลิซยืนมองการทำงานของซองกยูอยู่ที่ระเบียงห้องอย่างเริ่มสนใจในตัวเขาขึ้นมาบ้าง แต่เธอก็จับจ้องเขาเพียงแค่ไม่นานนัก หญิงสาวออกมาข้างนอกพร้อมอุปกรณ์เหมือนเดิม แต่อย่างน้อยเธอก็ยังคงส่งข้อความให้เขาได้ใช้งานมันในรายการได้บ้าง แต่กว่าซองกยูจะเห็นมันก็ล่วงเลยมากว่าสองชั่วโมงแล้ว

                “อะไรเนี่ย? ... ตั้งใจทำงานนะ ฉันเห็นคุณแล้วหละ อย่าลืมทานข้าวด้วย...ลิซ

    เขาอ่านข้อความอย่างตื่นเต้นระคนประหลาดใจ จากนั้นเขาก็กดโทรศัพท์หาเธอทันที สัญญาณเรียกดังอยู่นานกว่าจะได้ยินเสียงรับโทรศัพท์จากเธอ

    “คุณอยู่ไหนเหรอ? ผมทำงานเสร็จแล้วนะตอนนี้”  ซองกยูรีบบอก

    (คุณจะเริ่มถ่ายอีกแล้วหรือไง?)  น้ำเสียงของปลายสายค่อนข้างเซ็ง

    “ยังหรอกถ้าคุณยังไม่พร้อม”  ชายหนุ่มเสียงอ่อย

    (เดี๋ยวส่งข้อความไปให้ เท่านี้นะคะ)   

    ซองกยูมองโทรศัพท์ในมืออีกครั้งอย่างไม่มั่นใจ ดูเหมือนว่าตอนนี้คนที่มั่นใจอย่างเขาขาดความมั่นคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็หันมาเอ่ยลาทีมงานก่อนออกไปพร้อมผู้จัดการของเขา เพียงแค่อึดใจเขาก็พาตัวเองมาถึงคอฟฟี่คาเฟ่ที่พบกันครั้งแรก เสื้อกล้ามสีขาวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเพราะอากาศร้อนบวกกับความเหนื่อยที่พยายามวิ่งมาให้ถึงอย่างเร็วที่สุด ชายหนุ่มผลักประตูเข้าไปด้านในทั้งที่ไรผมยังมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ หยดเป็นทาง

    “ฉันทรมานคุณมากไปรึเปล่าเนี่ย?”  เสียงคุ้นหูดังขึ้นใกล้ๆ

    ลิซมองซองกยูที่ท่าทางเหนื่อยๆ อย่างเห็นใจก่อนจะยื่นแก้วเครื่องดื่มส่งให้อย่างเป็นมิตรมากขึ้น แล้วเดินนำเขาไปที่โต๊ะ

    “คุณจะรีบทำไมนักหนา ฉันรู้น่ะว่าคุณมาทำงานน่ะ” 

    ซองกยูยิ้ม ตาเล็กๆของเขาแทบจะกลางเป็นเส้นตรง ลิซเอื้อมมือข้ามโต๊ะพร้อมผ้าเช็ดหน้า เธอซับเหงื่อที่ผุดพราวให้ซองกยูอย่างเบามือซึ่งเจ้าตัวก็ได้แต่นิ่งเฉยอย่างคาดไม่ถึง วันนี้ลิซดูธรรมชาติกว่าเมื่อวาน ตาที่เคยกรีดอายไลเนอร์หนาก็บางลง ผมก็ถูกถักเป็นเปียหลวมๆ แล้วดึงมาไว้ด้านข้างทำให้แตกต่างแทบจะเป็นคนละคน

    “ตัวจริงหรือเปล่าเนี่ย?” เขาถามด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าเหมือนเคย

    “ไม่ดีเหรอ? ถ้างั้นเป็นแบบเดิมก็ได้นะ”  หญิงสาวที่กำลังนั่งท้าวคางมองเขา ตอบเรียบๆ

    “โอ๊ะ! ไม่เป็นไรๆ แบบนี้แหละดีแล้ว ดีแล้วจริงๆ”  ชายหนุมรีบยกมือห้ามหน้าตาตื่น

    “หึหึ.. คุณตลกดีนะ” 

    ซองกยูทำหน้าไม่ถูกเพราะไม่มั่นใจว่าเธอชมหรือด่าเขากันแน่อาจเป็นเพราะเขามักจะทำให้น้องๆ ประหม่าและไม่มั่นใจแต่พอมาเจอกับตัวเองแบบไม่ทันได้เตรียมใจก็เลยรู้สึกแปลกๆ

    ---------------- ----------------

                อูฮยอนกำลังนั่งถือรีโมตเปลี่ยนช่องไปมาอยู่ที่ห้องโถงแต่คิ้วของเขามุ่นเข้าจนแทบจะชนกันราวกับใช้ความคิดอย่างหนักอยู่ ซองยอลเดินถือแก้วกาแฟผ่านมาเห็นก็นั่งลงที่ว่างข้างๆ เขาแล้วหันมองอย่างสงสัยในท่าทางแปลกๆ

                “เป็นอะไรไปน่ะ?”  สุดท้ายก็อดไม่ได้ต้องเอ่ยถาม

                “ไม่รู้สิ ฉันว่าฉันรู้สึกกังวล”  เขาหันมองหน้าซองยอลนิดหนึ่งก่อนจะตอบ

                “กังวลอะไรพี่?”   หน้าตาของซองยอลส่อแววอยากรู้ขึ้นมาทันที

                “แฟนของพี่ซองกยูน่ะสิ” 

                อูฮยอนหยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมาเปิดรูปคู่ที่ซองกยูส่งมาให้ซองยอลดูอีกครั้ง ซึ่งเขาเองก็รู้สึกประหลาดๆ กับเธอเหมือนกันอย่างบอกไม่ถูก ทั้งคู่เป็นห่วงซองกยูที่ต้องไปอัดรายการไกลถึงต่างประเทศคนเดียวแถมรายการแบบนี้ก็เคยทำให้เขารู้สึกแย่มาหนหนึ่งแล้ว

                “เราโทรไป หรือส่งข้อความไปให้กำลังใจเขาหน่อยมั้ย?”  ซองยอลถามความเห็น

                “ก็ดีนะ”  

                สองหนุ่มจัดการพิมพ์ข้อความจากมือถือของตัวเองและกดส่งให้ซองกยูและหวังว่าการทำงานของพี่ชายจะราบรื่นและผ่านไปด้วยดี

                ซองกยูที่กลับมาที่โรงแรมอีกครั้งเพื่อประชุมงานการถ่ายทำรายการของวันที่สองเปิดอ่านข้อความนั้นหลังจากประชุมเสร็จ ชายหนุ่มหัวเราะออกมาได้ในทันทีกับข้อความอันบ้าบอของเจ้าตัวแสบทั้งสองคน เขามองดูนาฬิกาอีกครั้งก่อนจะส่งข้อความไปหาลิซเพื่อทำการอัดรายการ

                อีกหนึ่งชั่วโมงถัดมา....

                ซองกยูนั่งรอเธออยู่ที่ร้านอาหารบรรยากาศดี เขาหันมองที่หน้าประตูเป็นระยะๆ อย่างกระวนกระวายนิดๆ เมื่อใกล้ถึงเวลา แต่เพียงแค่อึดใจหญิงสาวในชุดเดรสสายเดี่ยวสีฟ้าคลุมด้วยเสื้อสูทสีดำ ผมยาวๆ ถูกเกล้าขึ้นครึ่งศีรษะแล้วดัดลอนหลวมๆ บวกกับรองเท้าส้นสูงทำให้สายตาของซองกยูเปลี่ยนไปทันที

                ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนอย่างอัตโนมัติพลางอุทานออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ตาตี่เล็กของเขาเบิกกว้างได้อย่างน่าประหลาด ลิซไม่ใช่ผู้หญิงผิวขาว น่ารักเหมือนในสเปค แต่รอยยิ้มที่ส่งให้เขาเมื่อเธอเดินมาถึงตรงหน้าทำให้ซองกยูยังคงอึ้งไม่หาย

                “ไม่เชิญนั่งหน่อยเหรอคะ?”  หญิงสาวแซวด้วยรอยยิ้มทำให้สติของเขาเริ่มเข้าที่เข้าทาง

                “อ่ะ..เอ่อ.. นั่งก่อนครับ”     ท่าทางของเขาดูเก้อเขิน

                “รอนานมั้ยคะ?”  ลิซชวนคุย

                “ไม่นานครับ วันนี้คุณสวยมากเลย”  เขายังคงยิ้มไม่หุบ

                “คุณเป็นคนชอบพูดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”   ลิซยิ้มขำส่วนซองกยูก็ยิ้มแก้เขินเช่นเดียวกัน

                “แล้วคุณจะให้ฉันเรียกคุณว่าอะไรดี?”  เธอถาม

                “คุณเกิดปีไหนเหรอ?” ซองกยูเริ่มถามจริงจัง

                “ไม่ตอบได้มั้ย? แค่บอกว่าให้เรียกว่าอะไรก็พอ”

                “เอ่อ.. กยู เรียกแค่นั้นก็ได้”   เขาหยุดคิดชั่วครู่แล้วเงยหน้าขึ้นตอบ

                ลิซพยักหน้าน้อยๆ ช่วงเวลาสี่ห้าชั่วโมงที่มีกล้องจับภาพการเดทและดินเนอร์ ลิซดูเหมือนจะเสียพลังงานไปไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนซองกยูก็ดูจะตื่นเต้นกับภาพลักษณ์ใหม่ของเธอโดยไม่ได้สังเกตอากัปกิริยาที่แปลกไปของเธอ

                ซองกยูกับลิซเดินไปเรื่อยๆ ที่ริมหาดของร้านอาหาร ลิซเผลอจับชายแขนเสื้อของเขา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกตัวจึงจับมือเธอขึ้นมาคล้องแขนเสียเอง

                “ลำบากหรือเปล่าลิซ”  ชายหนุ่มหันมาถาม

                “ไม่เป็นไร ฉันโอเค”  

                “เดี๋ยวไปส่งคุณขึ้นรถการถ่ายวันนี้ก็จบแล้ว”  ซองกยูป้องปากกระซิบข้างหูเธอเบาๆ เพื่อไม่ให้เสียเข้าไมค์ ลิซมองหน้าเขาอย่างเข้าใจซึ่งซองกยูก็ยิ้มให้แบบมองไม่เห็นตาเหมือนเคย

     ไม่นานนักก็ถึงเวลาส่งเธอขึ้นรถกลับ ซองกยูเอามือล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบกล่องอะไรบางอย่างออกมา

    “แค่อยากมีอะไรให้คุณบ้าง”

    เจอไม้นี้เข้าไปแฟนชั่วคราวอย่างลิซก็เขินเป็นเหมือนกัน เธอหันหน้าหนีหลบตาเพราะความหวานเลี่ยนแบบคาดไม่ถึงของเขา

    “ใส่เลยนะ” 

    เขาบอกพร้อมใบหน้าขี้เล่น แต่แทนที่จะอ้อมไปด้านหลังเขาดันอ้าแขนเข้าทางด้านหน้าและเอียงหน้าไปด้านข้างเพื่อมองหาตะขอแทน ใบหน้าของลิซร้อนผ่าวเมื่อลมหายใจของซองกยูผ่านต้นคอ เธอมีความรู้สึกเริ่มทำตัวไม่ถูกขึ้นมาเสียอย่างนั้น สิ่งเดียวที่สามารถทำได้คือขอบคุณเขาแก้เขิน

    Thank you”

                ชายหนุ่มถอดเสื้อแจ๊คเก๊ตพาดบ่าเมื่อออกมาจากลิฟท์หลังจากรถมาส่งเขาที่หน้าโรงแรมพร้อมผู้จัดการเรียบร้อยแล้ว เมื่อถึงหน้าประตูห้องพักก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองห้องด้านซ้ายที่เขามาส่งเธอเมื่อคืน แต่ดูเหมือนว่าอะไรบางอย่างผ่านเข้ามาในสายตาของเขา ซองกยูค่อยๆ เดินไปที่น่าสงสัยนั่นทันที

                สุดทางของอีกด้านเป็นห้องเล็กๆที่ไม่ใช่ห้องพักแต่กลับเป็นห้องเก็บอุปกรณ์ ประตูสีขาวบานหนาแง้มไว้เพียงเล็กน้อย ชายหนุ่มเบิกตากว้างขึ้นเมื่อเห็นลิซในชุดกางเกงวอร์มขายาวสีดำกับเสื้อกันหนาวสีเดียวกันตัวใหญ่เขาจำเธอได้ทันทีแม้เห็นแค่ด้านข้างเพราะสร้อยคอที่เธอสวมอยู่เขาเพิ่งให้เธอไปวันนี้เอง แต่อีกสามคนในห้องนั้นกลับเป็นล่ามและผู้กำกับรายการของเขา ส่วนผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ล่ามเป็นคนที่เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย

                ซองกยูพยายามเงี่ยหูฟังการสนทนาของทั้งหมดแต่พวกเขาคุยกันเบามาจริงๆ แม้สถานการณ์ที่เห็นรู้สึกได้ถึงความไม่ปกติ ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาตกใจกลับเป็นลิซที่อยู่ดีๆ ก็ยัดกระดาษสี่ห้าแผ่นในมือใส่ผู้ชายปริศนาแล้วทำหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดแถมยังทำท่าจะเดินออกมาเสียด้วยทำให้ซองกยูต้องวิ่งด้วยความเร็วแสงหาที่หลบทันที

    ---------------- ----------------

                ลิซเดินดุ่มๆ ไปที่ลิฟท์พลางหยิบหูฟังที่คล้องคอไว้ขึ้นสวมครอบศีรษะก่อนจะล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกันหนาวเพื่อเปิดเครื่องเล่นเพลงของเธอโดยที่อีกมือยังถือกระดาษสี่ห้าแผ่นที่ค่อนข้างยับเอาไว้แน่น หญิงสาวหายใจแรงฟึดฟัดอย่างไม่สนใจใคร แต่ดูเหมือนว่าความเร็วของลิฟท์จะไม่ทันใจเธอเสียแล้ว ลิซเดินลงบันไดข้างลิฟท์ไปด้วยอาการหงุดหงิด

                สระว่ายน้ำของโรงแรมที่ค่อนข้างเงียบเพราะปิดสระแล้วด้วยเวลาแต่บริเวณโดยรอบก็ยังคงสามารถนั่งพักผ่อนได้ตามปกติ ลิซเดินไปตามขอบระเบียงของสระว่ายน้ำแล้วอ่านกระดาษยับๆ ในมือด้วยความเคร่งเครียด เพลงที่เปิดอยู่เสียงดังจนทะลุออกมาด้านนอกแต่กลับไม่ได้เข้าหูของเธอเลยว่ามันคือเพลงอะไร หญิงสาวเดินไปนอนที่เก้าอี้แล้วหลับตาลง แต่ความรู้สึกบางอย่างทำให้เธอต้องลืมตาขึ้นมาอย่างระแวง

                Hi~”     ซองกยูทักทายด้วยรอยยิ้ม แต่ลิซเด้งตัวขึ้นด้วยความตกใจ

                หญิงสาวดึงหูฟังออกจากหูทันทีพลางม้วนกระดาษในมือเก็บ ซองกยูทำท่าป้องหูราวกับค้นพบสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอันดับที่ 11

                “ฟังเพลงเก่าจัง”   ชายหนุ่มยิ้มล้อ จนลิซต้องเงี่ยหูฟังเพลงที่ดังออกมาแล้วเธอก็หัวเราะขึ้นมา

                “ฮ่าฮ่าฮ่า~ นี่มันเพลงคุณนะ”

                ลิซพับกระดาษนั่นแล้วพยายามยัดมันเข้าไปในกางเกงของเธอก่อนจะล้วงมือหยิบเครื่องเล่นเพลงออกมาแล้วกดเลื่อนเพื่อเปิดดูเอ็มวีของเพลงที่ชายหนุ่มล้อว่าเก่า หญิงสาวกวักมือเรียกเขาให้มานั่งข้างๆ แล้วบิดหูฟังข้างหนึ่งให้เขาฟังได้ถนัดก่อนจะกดเล่นเพลง

                ซองกยูดูเอ็มวีพร้อมฟังเสียงอย่างตื่นเต้นเพราะเขาไม่ได้เปิดดูนานมากแล้วแถมลิซยังมองหน้าเขาแล้วหัวเราะออกมาอีก ทำให้เขาหันมาถามอย่างไม่เข้าใจด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

                “ทำไมอ่ะ? มีอะไรแปลกเหรอ?” 

                “ก็เมื่อก่อนคุณมีคิ้วสี่อันแน่ะกยู ฮ่าฮ่าฮ่า~”   เธอยังคงขำไม่หยุด

                “ผมโดนอีกแล้ว”   เขาทำหน้าเซ็ง

                “เอาน่า... คุณดูดีเสมอแหละ ฉันชอบคุณผมยาวแบบนี้มากกว่านะ”  ลิซบอกเขายิ้มๆ ทำเอาชายหนุ่มแอบเขินที่โดนชมตรงๆ

                “นี่... หลับอยู่เหรอกยู?”  เธอยังแซวไม่เลิก ทำให้เขาหันมาเบิกตากว้างขึ้นอย่างคาดไม่ถึงว่าเธอจะเล่นงานจุดอ่อนเขาอีกรอบ

                “โอเคๆ พอละไม่แกล้งก็ได้” 

                “อารมณ์ไม่ดีเหรอ?”  ซองกยูมีช่องถามเลยแย็บๆ ดู

                “ทำไมถึงคิดงั้นอ่ะ?”  ลิซมีทีท่าเปลี่ยนไปนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำถาม

                “เอ้อ.. เห็นเดินลงบันไดเร็วมาก เลยถามดู”   ชายหนุ่มตอบไม่เต็มเสียงนัก

                “เปล่าหรอก”  หญิงสาวยิ้มกลบเกลื่อน

                “ถ้ามีอะไรไม่สบายใจคุยกับผมได้นะ”

                “กยู...”  หญิงสาวเรียกด้วยสีหน้าดูลำบากใจนิดๆ ราวกับอัดอั้นอะไรซักอย่างไว้ แต่สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจที่จะพูดออกมา

                “ฉัน... ฉันอยากจะบอกว่าสิ่งที่ฉันทำตั้งแต่วันแรกและวันต่อๆ ไปมันมาจากความรู้สึกจริงๆ แล้วก็ดีใจที่ได้มีเวลาดีๆ กับคุณด้วย”

                “พูดซึ้งแบบนี้ คุณจะทำให้ผมสับสนนะ”

                “ดีใจที่ได้รู้จักกับคุณ คิมซองกยู”

                ลิซลุกออกไปนานแล้วแต่ซองกยูยังคงอยู่ที่เดิม หลังจากที่เธอบอกว่าดีใจที่ได้รู้จักกับเขา เธอก็ยื่นมือมาขอจับมือกับเขา ชายหนุ่มคิดว่าคราวนี้คงมีความรู้สึกเหมือนได้เพื่อนใหม่อย่างที่เหล่าน้องๆ ในวงตั้งความหวังไว้ว่าจะไม่ทำร้ายจิตใจใครรวมทั้งตัวเองอีก แต่คำพูดของเธอมันดูแปลกแถมที่เขาพบเธอสามครั้งระหว่างสองวันนี้เธอก็ต่างกันทุกครั้งทำให้ชายหนุ่มสับสนได้ทุกที

     

    วันรุ่งขึ้นลิซรู้จากทีมงานว่าซองกยูจะไม่อยู่สามวันเพราะมีตารางงานที่กรุงเทพฯ ทำให้เธอไม่สนใจที่จะออกมานอกห้องของเธอจนผ่านไปหนึ่งวันเต็มๆ

    ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...

    เสียงเคาะประตูในบ่ายวันรุ่งขึ้นทำให้ลิซหันไปสนใจกับเสียงรบกวนความสงบของเธอ หญิงสาวลุกขึ้นไปเปิดประตู แต่เมื่อมาเห็นผู้มาเยือนเธอก็ทำหน้าเซ็งแล้วเปิดประตูให้กว้างออกเพื่อให้เขาเข้ามา

    “ไง? นิ่งสนิทเลยนะ ไม่แผลงฤทธิ์หรือไง?”   ผู้ที่มาเยือนสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าพอดีตัวแบบสบายๆ กับกางเกงยีนส์สีซีด เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีทีเดียว

    “ค่ะ”  ลิซตอบรับด้วยน้ำเสียงสั้นห้วนและไม่สนใจที่จะคุยกับเขาเลย

    “ลิซ... เราคุยกันแล้วนี่”  เขายังคงใจเย็น

    “ลิซก็ตอบว่าค่ะไงคะ ต้องการอะไรกันอีกล่ะ”  

    หญิงสาวหยิบกระดาษที่ถูกพับไว้ในเสื้อกันหนาวตัวหนาออกมาส่งให้

    “เอ้าดูซะ ลิซรับทราบ รู้เรื่อง เข้าใจ พอใจรึยังคะพี่เอริค” 

    พูดจบเธอก็ดันตัวผู้มาเยือนที่เธอเรียกว่าพี่เอริคออกไปที่นอกห้อง แล้วทิ้งท้ายก่อนปิดประตูใส่เขาทันที

    “อีกแค่สองวันสุดท้ายทุกอย่างจบ โอเค้?”

     

    ---------------- ----------------





    18-06-55
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×